เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ครับ
     
  2. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    เปลวเทียน.JPG PICT0696.JPG PICT0697.JPG

    พีธีเททองก็เริ่มคล้ายๆ ตอนเผาหุ่นน่ะครับ เมื่อประธานจุดธูปเทียนบูชาพระ ช่างก็บูชาครู แล้วพระท่านก็เริ่มสวดมนต์ หลวงพ่อก็ทำน้ำมนต์อีกหนึ่งบาตรใหญ่

    พระที่สวดตอนเททอง.JPG PICT0692.JPG PICT0695.JPG

    วันนี้หลวงพ่อนิมนต์พระมาแค่เจ็ดองค์ เป็นพระลูกวัด วัดมอญทั้งหมด อันนี้ไม่ทราบเคล็ดของท่าน
    รูปนี้เป็นพระที่หลวงพ่อนิมนต์มาในวันที่สอง มีเจ็ดรูป จากขวา องค์แรกคือ หลวงน้าสาคู( ตอนนี้สึกไปแล้ว อยู่แถววัด ) ต่อมาหลวงพี่วิโรจน์
    จากซ้าย องค์ที่สอง หลวงน้าสมชาย(ย้ายไปวัดอื่นใกล้ๆ) ต่อมาที่ใส่จีวรแปลกกว่าเขาคือพระสวัดดิ์ ( ย้ายกลับวัดที่ภูมิลำเนา )
    ทั้งสี่องค์นี้จะมีบทบาทเกี่ยวกับวัตถุมงคลหลวงพ่อในหลายด้าน จัดว่าเป็นกลุ่มที่เห็นวัตถุมงคลหลวงพ่อมาหลายรุ่นมาก มากกว่าผมซ่ะอีกน่ะครับ ผมเองยังเห็นแค่ไม่มาก แต่ผมมุ่งหลักที่ไปหาไปพูดคุยกับหลวงพ่อมากกว่า การช่วยหาวัสดุสร้างวัตถุมงคล เป็นเรื่องรองสำหรับผม และเป็นดำริห์ของหลวงพ่อเองหลายอย่าง ซึ่งผมก็ทำตามเพื่อสนองความต้องการของท่านที่จะทำของแจกฟรี หรือจำหน่ายให้วัด โดยส่วนตัวผมจะไปพูดคุยดูแลอาการหลวงพ่อมากกว่า เช่นการซื้ออาหารบำรุง ซื้ออาหารไปถวาย ซื้อยาบำรุงไปถวาย คอยซื้อยานัตถุ์ยี่ห้อเบญจขันไปถวาย
    นอกเรื่องนิดหนึ่ง ท่านอาจจะไม่ทราบว่าหลวงพ่อชอบนัตถ์ุยา เพราะผมไม่เคยเขียน ยี่ห้อยานัดถุ์หมอมีแรงไปสำหรับท่าน ต้องใช้ยี่ห้อนี้ที่ทำจากนครปฐมเท่านั้น ผมไปเสาะหาจนเจอแหล่งขายส่งที่หน้าวัดสามปลื้ม หน้าร้านเจ้ากรมเป๋อ ผมโทรไปถามคนทำที่นครปฐม ตามเบอร์ที่ขวด แกท่าทางเป็นลุงแก่ๆ เสียงมีอำนาจ แล้วดุมากๆ พูดแบบว่าเป็นของดี จะซื้อหรือไม่ซื้อ จนผมต้องยอมแก จนแกบอกว่ามีร้านขายส่งอยู่สองร้านที่ กทม ร้านแรกอยู่แถวโรงเรียนเตรียมทหารเก่า มีสต็อกไม่มาก ผมเหมามาหมด จนกระทั่งไปร้านที่สองหน้าร้านเจ้ากรมเป๋อ กิจกรรมนี้เลยเข้าที่ ผมซื้อไปถวายเป็นระยะ ถือเป็นหน้าที่ประจำ
    บางครั้งขึ้นไปบนวัด หลวงพ่อนั่งรอนัดยาอยู่เพราะที่วัดหมด และลืมเอามาจากบ้าน พอผมถวายท่าน ท่านยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รีบแกะกล่องออกฉลองศรัทธาทันที ยานัดถุ์นี่ผมซื้อมาหลายปี จนหลังๆ มีคนเอามาถวายบ้างเห็นเยอะมาก ผมเลยหยุด แต่คอยโทรถามท่านเสมอว่าหมดหรือยัง ท่านบอกว่ามีสต็อกอยู่เยอะ ผมเลยไม่ค่อยได้ซื้อในตอนหลังๆ และหลังๆของมีมาก พอท่านมีกิจนิมนต์ท่านจะพกไปหลายขวด ผมถามว่าหลวงพ่อเอาไปทำไมเยอะ ท่านบอกว่าจะเอาไปแจกพระองค์อื่นบ้าง
    กลับมาที่พระทั้งสี่รูป บางท่านจะถูกนำชื่อไปร่วมในการซื้อขายวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ หลายกลุ่ม ทั้งในเน็ตและหน้านิตยสาร
    ในอดีตมีพระลำปางด้วย ( สึกไปแล้ว ) แต่ผมไม่มีภาพท่าน
    พระทั้งเจ็ดรูปหลวงพ่อนิมนต์มาสวดตอนเททองพระชุดวิสาขาห์ ๔๙ เมื่อออกพรรษา หลังจากปลุกเสกพระตลอดไตรมาส มาฝากเหรียญ จอบไปถวายพระทุกองค์ที่ผมไม่เจอ นอกจากพระวิโรจน์และพระสวัดดิ์ ที่ผมแถมพระกริ่งไปให้ด้วยเพราะช่วยเหลือผมมาเยอะ และดูแล้วว่าท่านอยากได้มาก

    รูปนี้มาแสดงให้เห็นว่ามีพิธีสองวัน โดยพระสองชุด หลวงพ่อเป็นองค์ยืน

    ตอนไหว้ครูช่าง หลวงพ่อให้คุณแม่ผม และผมไปไหว้ครูด้วย แม่ผมแก่แล้วเลยให้นั่งอธิฐานเอา ช่างก็ไหว้ครูของเขา มีเครื่องบวงสรวงหัวหมู บายศรี ขนมนมเนย ครบเครื่อง อันนี้หลวงพ่อท่านก็สั่งจัดเอง โดยให้หลานท่านทำมา ผมแค่ตามไปจ่ายตังค์ ผมก็ไหว้และเชิญสิ่งที่ผมนับถือมากของผมมีลำดับดังนี้

    พระรัตนตรัย คุณครูอุปัชาฌาย์อาจารย์สืบๆต่อกันมา หลวงปู่พระครูบุญศรี หลวงพ่อทรง หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านพ่อลี วัดอโศการาม หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ อันมีท่านท้าว ธตรฐ เป็นที่สุด ( เจ้าของแร่โคตรเศรษฐี ) ท่านพญามัจจุราช แม่พระธรณี เสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร และเทพยดาที่สิงสถิตย์อยู่ในวัด จงมาบันดาล หนุน ให้วัตถุมงคลชุดนี้ขลัง และ เป็นไปโดยราบรื่น ด้วยเทอญ

    ตามรูปจะเป็นเวลาตอนที่หัวหน้าช่าง บวงสรวง เทพยดา ครูบาอาจารย์ หัวหน้าช่างคนนี้เป็นพ่อใหญ่ของบ้าน เป็นคนหูตึง ผมลืมชื่อซ่ะแล้ว แต่ฝีมือในการปั้นดีมาก โรงงานของช่างนี้อยู่ใกล้ๆทางเดียวกับวัดไผ่แหลม

    เครื่องเซ่นสังเวยในพิธี หลวงพ่อก็ให้หลานท่านจัดให้ แบบครบเครื่อง และอย่างที่ว่าผมไม่ได้ยุ่งอะไรเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2020
  3. ....Buffalo....

    ....Buffalo.... Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +83
    พี่พีครับ ในกระทู้ที่ 1228 พี่พีเขียนชื่อภาพว่า "หลวงพ่อเพ่งดับเทียน" มีความหมายอะไรพิเศษหรือเปล่าครับ ... แบบว่าเพ่งแล้วเทียนดับไปเองหรือเปล่าครับ

    แล้วรูป

    [​IMG]

    ที่ผมได้ล้อมไว้คืออะไรครับ


    ผมคิดว่าสาเหตุที่พี่ไม่สามารถลงรูปได้ อาจจะเพราะไฟล์ภาพของพี่มีขนาดใหญ่มากครับ ตัวอย่างรูปในบาตรน้ำมนต์ของพี่มีขนาด 9 MB ถ้าพี่เอาเข้า photoshop แล้ว save ซ้ำ ขนาดจะลดลงจากประมาณ 9000 KB เหลือประมาณ 120 KB ครับ
    (พี่พีมีโปรแกรม photoshop หรือเปล่าครับ version เก่าๆ ก็ใช้ได้ ถ้าไม่มีเดี๋ยวผมจะส่งให้ครับ)
     
  4. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ขอบคุณในความรู้ครับ ผมเกรงว่าผมเกิดก่อน ๒๕๐๐ เข้าขั้นตกยุคครับ...แหะๆ

    การเพ่งเทียนนี้เป็น การเพ่งกสินไฟ เพื่อเจตนาทำอะไรอย่างหนึ่งครับ ผมไม่อยากโม้ในที่นี้ แต่ตอนหลวงปู่พระครูบุญศรียังอยุ่ มีเพื่อนสิงคโปร์มีเรื่องมา ไปบอกท่าน ท่านบอกผมว่าต้องเพ่งเทียน แล้วกลางคืนตอนว่างๆ ท่านจะทำให้ ปรากฎว่าเรื่องเงียบครับ

    หลวงพ่อทรงท่านคงใช้วิธีเดียวกันเพื่อเจตนาปลุกเสกพระเครื่องรุ่นนี้ตอนเททอง ให้มีสรรพคุณไปตามที่ท่านต้องการครับ ผมเข้าใจว่าด้านทำมาหากิน โภคทรัพย์ครับ

    ภาพที่วงเป็นแมงเม่าครับ คงมาตกในบาตรหลังจากพิธี ภาพนี้คงถ่ายทีหลัง หลังจากพิธีเสร็จไปแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2008
  5. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    PICT0698.JPG PICT0699.JPG PICT0700.JPG

    หลังจากพระสวดจบพิธี หลวงพ่อเพ่งน้ำมนต์เสร็จ ท่านก็เดินบริกรรม พรมน้ำมนต์รอบปริมณฑลอีกครั้ง

    PICT0701.JPG PICT0702.JPG PICT0705.JPG

    หลังจากนั้นก็เดิน โปรยข้าวตอกดอกไม้อีกครั้ง รอบปริมณฑล พร้อมทั้งโปรยใส่ให้ญาติโยมชาวบ้านที่มาร่วมพิธี

    ภาพสุดท้าย หลวงพ่อกำลังหย่อนทองคำ ใส่ในจอกกระบวยเพื่อเอาใส่ใน เบ้าหลอมทองที่ละลายดีแล้ว เพื่อเริ่มพิธี ทองคำรวมทั้งหมดหนักประมาณ ๒.๕ บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2008
  6. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    PICT0715.JPG PICT0716.JPG หลวงพ่อเททอง.JPG

    เมื่อทองคำละลายดี หลวงพ่อก็ขึ้นธรรมมาส ถือสายสูตร เริ่มเททอง ท่านบริกรรมเททอง โดยเริ่มที่พระชัยก่อน จากนั้นก็เริ่มเทพระอย่างอื่นต่อไป จำไม่ได้ว่าอะไรก่อนหลัง น่าจะเป็นพระกริ่ง และอย่างอย่างอื่นต่อไป การเททองใช้เวลาทั้งวัน เพราะความไม่พร้อมของช่างแต่ทั้งหมดก็ลุล่วงไปด้วยดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2020
  7. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    PICT0711.JPG PICT0712.JPG PICT0713.JPG



    PICT0719.JPG PICT0720.JPG PICT0721.JPG



    PICT0722.JPG PICT0723.JPG PICT0724.JPG

    จากรูปจะเป็นการดำเนินเททอง ทั้งพระเครื่อง พระบูชา ขันน้ำมนต์ และฐานพระบูชา และ เรือนแก้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2020
  8. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    PICT0731.JPG PICT0732.JPG พระนาคปรกที่เท.JPG

    พระบูชาพระนอนที่เห็นชำรุดน่ะครับ ต้องเทใหม่หรือซ่อมใหม่ทั้งหมด ส่วนพระนาคปรกออกมาดีสวยงามครับ เทดินไทยน่ะจะยากแบบนี้ เพราะพระจะเสียมาก เพราะทองเดินยาก จึงไม่นิยม จะนิยมเบ้าปูนมากกว่าเพราะทองไหลลื่นกว่า

    พระชัย.JPG พระชัยช่อแรก.JPG เหรียญจอบที่ทุบดู.JPG

    พระชัยที่ทุบดู สภาพพอใช้ได้ทั้งหมด เพราะมีน้อย แค่หลักสิบองค์ พระชัยนี้ถือว่าเป็นพระชัยนำฤถษ์ เมื่อทองคำตอนแรกที่ใส่เบ้าละลาย ทองคำจะแผ่ส่านไป ( อ. อนันติ์บอกผมน่ะครับ ท่านเป็นผู้ชำนาญเพราะทำมาหลายสิบปี หลายร้อยพิธี ) ช่างเขาอาจจะตักไปปนกับทองเบ้าอื่นบ้างให้กระจายไป แต่ถ้าไม่ตักไปปน เพราะเบ้าอาจจะมีน้อย เช่นเทพระน้อย พอเขาตักจอกแรก จอกนี้จะมีทีเด็ดน่ะครับ เพราะมี % ทองคำสูง พอเทเสร็จ ช่อแรกๆนี้คนจะแย่งกัน คนที่นิยมพระนำฤถษ์เพราะสาเหตุนี้

    จากรูปจะเห็นว่าเป็นเหรียญจอบที่ทุบดู หล่อแบบดินไทย มีสายชนวนแท่งใหญ่เปลืองโลหะมาก การทำเบ้าดินไทยทำยาก ต้องปราณีต เข้าหุ่นเทียน พอกด้วยดิน เอาลวดรัด ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำกันเพราะยุ่งยาก และไม่สวยงามเท่าเบ้าปูน แต่จะดูคลาสสิกมากกว่ากันเยอะ เบ้าปูนพระดูสวยแต่ดูแข็งๆครับ

    สายทองชนวนนี้ผมทิ้งไว้ที่วัดทั้งหมด โดยซื้อลังสังกะสีใส่กุญแจไว้ เอาพระเครื่องใส่ไว้ทั้งหมด ฝากไว้ที่หอสวดมนต์เพื่อให้หลวงพ่อปลุกเสก ตกลงทองชนวนก็ได้รับการเสกด้วยตลอดไตรมาสปี ๒๕๔๙ ปริมาณน่าจะหลายสิบกิโล รวมทั้ง พระเครื่องที่ชำรุดด้วย เจตนาจะเอาไว้ทำเชื้อ เมื่อจะเทพระชุดใหม่ให้หลวงพ่อใหม่ แต่หลวงพ่อมาล่ะสังขารซ่ะ โครงการณ์ก็เป็นอันพับไป ไปวัดครั้งสุดท้ายผมก็ยังเห็นลังสังกะสีใส่กุญแจอยู่ ก็เอาไว้เป็นสมบัติวัดก็แล้วกันครับ ในอนาคตเปิดเอามาหล่อพระได้เพราะหลวงพ่อเสกไว้ให้ดีแล้วครับ


    PICT0704.JPG PICT0691.JPG

    อิริยาบท สบายๆของหลวงพ่อขณะนั่งรอ พิธีการเททอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2020
  9. ....Buffalo....

    ....Buffalo.... Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +83
    [​IMG]

    เห็นภาพหลวงพ่อทรงท่านนั่งพักผ่อนแล้ว ผมเชื่อว่าทุกท่านที่เห็นก็คงรู้สึกผ่อนคลายไปกับหลวงพ่อทรงน่ะครับ
     
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    Picture 024.jpg Picture 025.jpg Picture 026.jpg

    Picture 027.jpg Picture 028.jpg Picture 029.jpg

    Picture 030.jpg Picture 031.jpg Picture 032.jpg

    ต้องขอพูดถึงการเททองอีกชุด เนื่องจากการเททองในวันที่ ๑๑ พ.ค. ๒๕๔๙ นั้น พระรูปหล่อ ๙ นิ้วหลวงพ่อไม่สวยเหมือนหุ่นที่ปั้น หน้าตาติดไม่ชัด เพราะฉนั้นต้องเทใหม่ คราวนี้ไปเทกันที่บ้านช่างแถว วัดไผ่แหลม ในวันที่ ๒๙ พ.ค. ๒๕๔๙ การเทนี้แค่ห้าองค์ โดยผมเจตนาด้วยกิเลสส่วนตัวจะให้เป็นรุ่นแรก แต่เรามีหุ่นเทียน ผมจะทยอยเทถวายหลวงพ่อ คราวล่ะ ๑๐ องค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2020
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    Picture 033.jpg Picture 034.jpg Picture 035.jpg

    Picture 036.jpg Picture 037.jpg Picture 038.jpg

    Picture 039.jpg Picture 040.jpg

    จากนั้นหลวงพ่อก็เริ่มจับสายสตร เททอง พอเทเสร็จ ก็ทุบออกดู ผลงาน ก็เป็นที่น่าพอใจ หลวงพ่อท่านก็รดน้ำมนต์ซ้ำอีกทีเป็นอันเสร็จพิธีแบบง่ายๆกันเอง แต่ผมก็พอใจมาก เมื่อพิธีก็ผ่านไปด้วยเรียบร้อย การมีช่างหล่อใกล้วัดนี่ก็สดวกเหมือนกันแต่ต้องหาช่างเก่งๆน่ะครับ


    วันนั้นผมจำได้ว่าไม่ได้พาหลวงพ่อกลับวัด แต่ชวนท่านไปนั่งรถเที่ยว พอจำได้ว่าไปดูเบี้ยแก้ หลวงพ่อ พัก ที่ร้านแถวเซียนในวิเศษฯ หลวงพ่อสนใจเบี้ย หลวงพ่อพัก สุดยอดปรมาจารย์ของวิเศษฯ มากครับ พอท่านจับดูนี่ตาเป็นประกายดูออกทีเดียว

    หลวงพ่อต้องมีความเกี่ยวข้องทางอ้อม ทางใดทางหนึ่ง กับหลวงพ่อพักแน่นอนครับ อันนี้อาจจะรวมถึงวิชาเสกเบี้ยด้วย

    พอกลับไปวัดเย็นมากแล้ว คนมารออยู่เต็มวัดเลย หลวงพ่อบางทีท่านเหนื่อยมากๆน่ะครับ ท่านอาจจะเบื่อสังขาร เบื่อหน่ายความวุ่นวายก็ได้ บางทีท่านก็อยากไป พิธีพุทธาภิเศกไกลๆ ถึงนั่งรถไกลๆแต่ก็เหมือนได้พักการเจอะคนเยอะๆไปเหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2008
  12. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    หลวงพ่อดูพระชัยช่อแรก.JPG PICT2735.JPG PICT2737.JPG

    ในบอร์ดนี้ผมจะเขียนถึงวัตถุมงคลทั้งชุด ของวันวิสาขาห์ ๔๙ แต่จะเน้นถึงแค่วัตถุมงคลสองรุ่น คือเหรียญจอบ เศรษฐีใหม่ และพระนอนวันอังคาร เพราะถวายหลวงพ่อไปแจก ส่วนรุ่นอื่นๆเป็นของส่วนตัวน่ะครับ จะเอาไว้แจกคนที่ผมอยากแจก คนใกล้ เพื่อนฝูงที่ช่วยกันมาเป็นส่วนใหญ่ แต่มาคิดดูแล้ว เขียนเอาแบบหมดเปลือกไปเลย

    พระชุดแรกที่ต้องกล่าวถึงแน่นอนคือ พระชัยวัฒน์ ขนาดเล็ก เพราะเป็นพระนำฤถษ์ ช่างหล่อเผื่อเสียด้วย องค์เสียๆ ผมไปตามเก็บมาหมดจากโรงช่าง ไม่ให้เหลือหลอ เอาใส่ลังไว้ว่าจะหลอมใหม่

    พระชัยวัฒน์นี้ผมถอดแบบมาจากพระชัยวัฒน์แพโบถส์น้ำ ชนวนก็ชุดเดียวกัน แต่มาเพิ่มเนื้อในยุคหลวงพ่อทรงเข้าไปอีก เนื้อจะออกไปทางสีนาค แกมเหลือง เพราะเป็นชุดนำฤถษ์ จะแก่ทองคำหน่อย

    พระทั้งชุด ถูกนำใส่ลังไปไว้ในหอสวดมนต์ ผมนั่งนับดู ร่วม ๕ เดือน ปลุกเสกหลายครั้ง ผมจึงไปขอพระเครื่องกลับมา จากรูปพอเทช่อแรกเสร็จก็ทุบออกมาให้หลวงพ่อดู
    ส่วนพระบูชาทั้งหมด ผมทิ้งไว้ในหอสวดมนต์ จนหลวงพ่อป่วย ผมถึงไปขอท่านนำเอากลับมา เป็นการเสกพระชุดนี้ตลอดไตรมาสปี ๒๕๔๙ แน่นอนของหลวงพ่อเพราะมีพยานรู้เห็นเยอะ ท่านเข้าไปปลุกเสกของในหอสวดมนต์หลายครั้ง มากกว่าเวลาไตรมาสซ่ะอีก ใครที่รู้ก็อยากได้ มาเมียงๆ ถามผมอยู่เรื่อย ผมก็บอกว่ารอ ออกพรรษาก่อน จะถวายหลวงพ่อ รอไว้เอากับหลวงพ่อก็แล้วกัน


    พระชัยวัฒน์ชุดนี้แจกออกไปบ้างเหมือนกันแถววัด และแจกคนที่เคยช่วยเหลือผม ผมถวายหลวงพ่อแน่นอนไปหนึ่งชุดใหญ่ ไม่ได้ตอกโค้ด เพราะไม่ได้มีเจตนาทำขายใคร
    ต่อมาพระชุดนี้ที่ถวายหลวงพ่อคงหายไป ใครได้ไปก็เฮงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2020
  13. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    คุณเข้าใจแต่งรูปน่ะครับ ผมจะเอารูปนี้ไปอัดสักหน่อย
     
  14. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ
     
  15. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    เหรียญจอบที่ทุบดู.JPG เหรียญจอบ เศรษฐีใหม่.JPG PICT2731.JPG

    เหรียญจอบ (ไว้หากิน ) พรเศรษฐีใหม่


    จากรูปจะเห็นว่าเป็นเหรียญจอบที่ทุบดู หล่อแบบดินไทย มีสายชนวนแท่งใหญ่เปลืองโลหะมาก การทำเบ้าดินไทยทำยาก ต้องปราณีต เข้าหุ่นเทียน พอกด้วยดิน เอาลวดรัด ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำกันเพราะยุ่งยาก และไม่สวยงามเท่าเบ้าปูน แต่จะดูคลาสิกมาก

    สายชนวนแท่งใหญ่เพื่อให้ทองเดินสดวก เบ้าดินไทยทองจะเดินยากกว่า และเป็นการเทแบบโบราณ คือหงายแล้วเทไล่ลมลงไป
    แต่การหล่อสมัยนี้ใช้ เทแล้วเข้าเบ้าปูนแล้วเข้าเครื่องเหวี่ยง เมื่อเทแล้วเอาเข้าเครื่องหมุนเหวี่ยง จะติดชัด ทองจะเดินเต็มกว่าครับ แต่ผมเคยเทแบบนั้นแล้วไม่ชอบครับ ชอบแบบดินไทยจ้ะ โบราณดี แต่ช่างทั่วไปไม่ค่อยอยากทำครับ จะยุ่งยากกับเขา ราคาแพงกว่าเยอะ ในราคาเทียบต่อองค์ ตามรูปจะเห็นว่า ไม่สวยงาม เหรียญจะมีรอยโลหะที่ปูดออกมาเยอะ ต้องมาแต่งอีกทีเมื่อ หล่อเสร็จ ทำให้ยุ่งยากแก่ช่างมากกว่าหล่อเบ้าปูน



    PICT2727.JPG PICT2587.JPG PICT2581.JPG

    ตามรูปเป็นเหรียญจอบ เศรษฐีใหม่ ผมเคยขอให้หลวงพ่อเขียน ภาษาขอมว่า อุอากะสะ หัวใจเศรษฐี นะชาลีติ หัวใจพระสิวลี ลงบนกระเป๋าสตางค์ผม เลยเอามาเป็นแบบถ่ายบนกระดาษซีร็อค และขอให้ท่านเขียนคำว่า เศรษฐีใหม่เป็นเคล็ดให้พร แก่ผู้ครอบครองเหรียญนี้

    ขอให้หลวงพ่อให้พรเป็นศิริมงคลให้เป็นเศรษฐีใหม่ ทุกคนถ้ายังไม่ได้เป็นเศรษฐี เงินทอง โชคลาภจงมาเรื่อยๆแก่ทุกคนที่ได้ครอบครองเหรียญนี้ ขอให้มีโอกาศ ( อันนี้ผมขอท่านเอง ) ให้ได้ทำงานได้เงินก้อนใหญ่ ถ้าผู้นั้นขยันขวนขวาย ( บางคนเก่ง ขยันแต่ไม่มี โอกาศครับ บางคนก็ขี้เกียจไปเลย ไม่หาโอกาศ นอนฝันรอแต่โชคลาภ อย่างนี้ก็รอไปอีกสิบชาติ ก็ยังจนเพราะนอนมาก คงต้องรอเหมือนเดิม) พอขอท่านๆ ชอบใจ เพราะท่านบอกหลายครั้งว่าอยากให้ลูกศิษย์รวยทุกคน แล้วรับปากบอกว่าจะอธิฐานให้ตามนั้น ( หลวงพ่อท่านใช้การ อธิฐานจิตน่ะครับ เพราะจิตถึง ) แต่ท่านก็บอกย้ำอีกทีว่าต้อง ขยันหา ด้วยน่ะ

    ช่างก็ไปอักขระแกะเป็นยันต์จมมา เพราะง่าย ที่จริงผมจะเอายันต์นูนเพราะยากกว่า แต่เลยตามเลย ลายมือก็ไม่เหมือนลายมือทีเดียว หลวงพ่อ แต่จัดว่าตัวเล็กๆคล้ายๆ ได้อารมณ์ได้ ลีลาเหมือนกัน โดยเฉพาะคำว่า เศรษฐีใหม่ที่ผมชอบมาก ขอหลวงพ่อเป็นเคล็ดในการดำเนินชีวิต....แหะๆ

    การลงทองชนวน และการปลุกเสก ผมของหลวงพ่อเป็นการเฉพาะ ให้อธิฐานเน้นในทางด้าน โชคลาภและ โภคทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างเดียว อย่างอื่นไม่ขอครับ เพราะพระด้านอื่นพวกเรามีเยอะแล้ว ขอแต่โภคทรัพย์โดยเฉพาะ ไม่ขออย่างอื่นเลย แต่ถ้าหลวงพ่อจะแถมมาให้ก็ขอด้าน กำลังเศรษฐีนำหน้าแบบมาเดี่ยวๆโดดๆแรงๆ

    เหรียญที่เอามาโชว์แบบไม่มีห่วง เลี่ยมทองแบบผ่าหวายเป็นเหรียญของผมที่หลวงพ่อลงจารซ้ำให้ และผมใช้ติดตัวอยู่

    เหรียญจอบนี้ตั้งใจหล่อ ๘๒๔ เหรียญ ตามเหตุผลกำลังทรัพย์ที่ผมมี แต่ช่างทำงอกไปเกือบพันเหรียญ แต่เสียแบบครึ่งๆ และเมื่อรวมทุกอย่างทุกพิมพ์ทุกชนิด ตอนหลังทุนงอกออกไปประมาณสองแสนกว่าบาท เพราะช่างชอบเทเกิน ผมเลยต้องเก็บมาหมด ปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ เป็นค่าช่างประมาณแสนกว่า และค่าโลหะ ทองแดง จากเยาวราช ประมาณ ห้าหมื่นบาท ค่าโลหะเงินบริสุทธิ์ประมาณ สองหมื่นบาท ซื้อมาจากร้านเฮงกี่ และทองคำใส่ไปน้ำหนักประมาณ ๒.๕ บาท เป็นทองรูปพรรณ และกรอบพระเก่า ที่ชำรุด ผมถวายหลวงพ่อ ใส่ในเบ้า

    ส่วนทองเหลืองตอนแรกไม่ต้องการเลยบอกช่างแล้วว่าไม่เอา ไม่อยากได้ แต่การหลอมทองแดง เพราะช่างมือไม่ถึง หลอมยาก ช่างจึงขอเอาทองเหลืองใส่เข้าไป เพื่อให้ทองละลาย ทำให้พระออกเหลือง

    พระเหรียญจอบเสียเยอะ เสียที่ห่วงก็ตัดออกเลยโดยช่าง ที่ดีมีประมาณ ๕๐๐ กว่าองค์นิดๆ เป็นเหรียญมีห่วงประมาณ ๓๕๐ เหรียญ และไม่มีห่วงประมาณ ๑๕๐ เหรียญ เมื่อช่างแต่งทุกพิมพ์เสร็จ ผมซื้อลังสังกะสีมาจากหน้าวัดสามปลื้ม เอาพระทุกพิมพ์และชนวนและพระที่เสียๆ ประมาณ ๒๐ กิโลใส่ลังใส่ไว้ในหอสวดมนต์แล้วใส่กุญแจ ผมขอหลวงพ่ออธิฐานจิตให้ ตั้งแต่ มิถุนายน๒๕๔๙ จนตลอดไตรมาส ไปจนออกพรรษาปี ๔๙

    พระลูกวัดท่านก็ทำวัตรทุกวันในหอสวดมนต์ตลอดพรรษาช่วยสวดให้เป็นศิริมงคล หลวงพ่อเข้ามาวงสายสิญญ์ให้เอง แล้วมาเสกให้เป็นครั้งคราว

    หรือเมื่อมีคนนำพระมาให้ท่านเสกเยอะๆ ท่านก็ให้เอาไปที่หอสวดมนต์ แล้วเสกรวมไปทั้งหอสวดมนต์ไปเลย และเมื่อออกพรรษา ผมก็ขอเอาพระเครื่องคืนไป แต่ก็เลยขอท่านเสกแบบเต็มๆ อีกหนึ่งครั้ง จัดว่าพระรุ่นนี้ ตั้งแต่เป็นชนวนมา จนเป็นองค์จะมีการเสกเดี่ยวจากหลวงพ่อหลายครั้ง ผมลองนับๆดู กะว่าเป็นสิบครั้งขึ้นไป ระยะจะยาวเป็นปี จากปลายปี ๔๘จนถึงปลายปี ๔๙ ร่วมๆ หนึ่งปี และมีการปลุกเสกเดี่ยวจากหลวงพ่อ ตั้งแต่เป็นชนวน การเททอง การเสกในหอสวดมนต์ มีหลายสิบครั้งแน่นอนครับ ยืนยัน อันนี้เป็นสไตล์การสร้างพระของผมอยู่แล้ว เรื่องเสกเป็นปี เพื่อให้ท่านที่ได้รับแจกไป ได้รับของดี มีสรรพคุณแน่นอนได้จริง ไม่มั่ว ไม่โม้ ถ้าท่านเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยอย่างแน่นแฟ้น ของเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยท่านได้

    ในห้าร้อยองค์เมื่อรับพระกลับ ผมแจกออกไปก่อนบ้างแก่คนที่วัด เช่นพระลูกวัด ( ถวายหลวงน้าสมชายไว้ ) ลุงๆที่มาช่วยผม คนรู้จักกัน แล้วจึงมาตอกโค้ด เพราะฉนั้น แบบที่ใครไปได้มาจากคนแถววัด แล้วไม่มีโค้ด ไม่มีห่วง ก็แท้แน่นอนครับ ชุดเดียวกัน หรือได้มาแบบมีโค้ด มีห่วงก็แท้อีกเหมือนกัน เพราะแจกออกไปอีกบ้าง จำไม่ได้ครับว่าใครบ้าง ฉนั้นท่านใดได้มา อย่าไปกังวล ว่ามีโค้ด หรือ ไม่มีโค้ด เพราะยังไม่เห็นมีเก็ครับ....แหะๆ คงไม่มีใครทำ

    โค้ดที่ตอกก็เป็นโค้ด ท หยดน้ำ ที่ผมทำถวายเป็นส่วนตัวของหลวงพ่อ หลวงพ่อเก็บไว้ เมื่อจะใช้ ผมก็ไปขอมาตอก หลังตอกโค้ด ผมนับและใส่ถุงแบ่งถวายหลวงพ่อ ๓๕๐ เหรียญ เพื่อให้หลวงพ่อ แจกหรือ จำหน่ายตามอัธฌาศัยของท่าน พร้อมกับพระนอนเล็ก ใน คห หน้า แต่ไม่เห็นท่านแจกใครหรือเอามาจำหน่ายเลย

    ถามใครก็ไม่มีใครได้ไป ๓๕๐ เหรียญนี้เขียนให้ปรากฏความจริง ต้องมีคนได้ไป และถ้าโผล่ขึ้นมาผมรับประกันครับว่าเล่นได้ ขอให้ท่านใช้วิจารณญานเอาเองน่ะครับ ที่สังฆาฏิ ตอกโค้ด ท หยดน้ำทุกองค์ ยกเว้นชุดที่พอออกพรรษาเสกเสร็จ ผมก็แจกออกไปก่อนที่วัด ชุดนี้ไม่มีโค้ด แม้ของผมเองที่หลวงพ่อจารให้ไว้ติดตัว ก็ไม่มีโค้ดครับ ส่วนชนวน ประมาณ ๒๐ กิโลก็ยังอยู่ในลังสังกะสีที่วัดนั่นแหละครับ


    PICT2583.JPG PICT2584.JPG ท หยดน้ำ สำริด.JPG
    โค้ด ท หยดน้ำที่สังฆาฏิ
    จากภาพ ภาพนี้ผมจำได้ว่าแสดง ให้เห็นโค้ดชัดๆ จะมีโค้ดเดียว จะตอกทุกเหรียญ ที่ถวายหลวงพ่อ แต่โค้ดนี้บอกตามตรงๆ เลยว่าอยู่ในห้องหลวงพ่อหลังท่านเสีย แล้วสูญหายไปน่ะครับ เหรียญนี้เมื่อโดนเหงื่อ จะค่อยกลับดำครับ ตามรูป ดำสวยงาม แต่ช้าๆหน่อย จัดว่าเป็นเนื้อทองผสมหรือ สำริดออกเหลืองก็ได้ เมื่อใช้ไปจะกลับดำเอง ท่านที่ชอบเนื้อแบบนี้ คงชอบใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2020
  16. ....Buffalo....

    ....Buffalo.... Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +83
    ผมก็ต้องอนุญาตพี่พีที่ไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าด้วยน่ะครับ ... ผมก็แต่งเพื่ออัดไว้ที่หัวที่นอน ยังมีอีกหลายรูปที่โหลดมาแล้วยังแต่งไม่เสร็จครับ... ไว้แต่งเสร็จจะนำมาลงในกระทู้น่ะครับ ..
     
  17. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    เชิญ เลยครับ เป็นรูปที่เคารพ เพื่อนฝูงจะได้ ก็อบไปบูชาได้
     
  18. ....Buffalo....

    ....Buffalo.... Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +83

    ตอนที่ผมอ่านกระทู้พี่พีที่บอกว่าพี่พีได้ทำพระปางไสยาสน์ถวายหลวงพ่อทรง ซึ่งเป็นพระประจำวันอังคาร ผมคิดในใจว่าหลวงพ่อท่านเกิดวันเดียวกับผม เมื่อหลวงพ่อทรงท่านอยู่ ถ้าได้ไปกราบหลวงพ่อ ผมคงจะขอพระนอนจากหลวงพ่อแน่ๆ พออ่านไปอ่านมา สะดุดกับวันที่ 11 ก.ค.2466 ผมก็คิดไปๆ มาๆ แล้วก็หาอ่านประวัติของหลวงพ่อไปเจออีกทีหนึ่งบอกว่าหลวงพ่อทรงเกิดวันพุธ ผมก็เลยหาว่าข้อมูลไหนถูกต้องที่สุด

    http://th.wikipedia.org/wiki/พ.ศ._2466

    ปรากฏว่า วันที่ 11 เป็นวันพุธครับ ..ถ้าหลวงพ่อทรงท่านเกิดวันที่ 11 ก.ค.2466 จริงๆ แล้วท่านก็ต้องเกิดวันพุธครับ
     
  19. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ดีจัง
    เจอแฟนพันธ์แท้หลวงพ่อทรงตัวจริงแล้วครับ เป็นคนแรกที่ทักท้วงประวัติหลวงพ่อที่เขาเขียนกัน บันทึกมาหลายสิบปี โดยไม่ตรวจสอบที่มากัน ...แหะๆ

    อย่างที่บอกผมเรียนโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนมาบ้างจากท่าน อาจารย์ พลตรี ประยูร พลอารีย์ มีโปรแกรมผูกดวงอยู่ และ ยังมีปฏิทิน ร้อยปี ไว้เทียบ เคยถามหลวงพ่อเรื่องนี้เหมือนกันครับ คำตอบคือ ท่านจำได้ว่าท่านเกิดวันอังคาร และเกิดระหว่างวันที่ ๑๑ ถึง ๒๐ ก.ค. ๒๔๖๖ ครับ ผมเคยผูกดวงท่านไปให้ท่านดู ท่านดูแผ่นดวงท่านด้วยความสนใจมาก และดูอยู่นาน แต่ท่านย้ำผมว่า ท่านไม่รู้วันเกิดแน่นอน แต่จำได้ว่าวันอังคาร และ ยืนยันอีกเรื่องคือ หลวงพ่อทรง ท่านไม่ชำนาญโหราศาสตร์ครับ ที่เขาเขียนกันเรื่องท่านไปเรียนมาจากหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย ที่ชำนาญด้านโหราศาสตร์ ก็ไม่น่าจะใช่

    คนโบราณไม่จดวันเกิดเวลาเกิดครับ การจดทะเบียนทำใบสุทธิพระ เหมือนบัตรประชาชนของพระ มาทำทีหลังตอนบวชครับ ซึ่งโตมากแล้ว แบบเดียวกับหลวงปู่อาจารย์ผม ท่านก็บอกว่าใบสุทธิของท่านลงผิด เพราะฉนั้นคำตอบมีสองคำตอบครับ

    ๑) ท่านชาตะ ในคืนวันที่ ๑๐ หลังเที่ยงคืน แต่ก่อนหกโมงเช้า การนับของคนโบราณ นับแบบเดียวกับโหราศาสตร์ไทยแบบโบราณ จะนับ หกโมงเช้าเป็นวันใหม่ แต่บันทึกกันเป็น วันที่ ๑๑ ตามหลักสมัยใหม่ แต่นับแบบโบราณคือคืนวันอังคารครับ พอเริ่มหกโมงเช้าจึงจะเป็นวันพุธ
    ๒) ท่านชาตะในวันที่ ๑๗ ก.ค. ๒๔๖๖ ซึ่งเป็นวันอังคาร อันนี้ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะท่านบอกเอง ว่าอยู่ระหว่างนี้

    แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ใช้หลักสดวกมานาน เลยตามเลย ก็ใช้ ๑๑ ก.ค.มาตลอดครับ ผมเองชอบเลข ๑ สองตัว เลยตอนทำบล็อคเหล็ก พิมพ์รูปเหมือน ผมก็กราบเรียนว่าจะใช้ ๑๑ ก.ค. หลวงพ่อท่านก็ไม่ว่าอะไรครับ

    มีท่านผู้รู้อื่นเรื่องโหราศาสตร์ก็ขอความรู้ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2008
  20. ....Buffalo....

    ....Buffalo.... Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +83
    ขอบพระคุณพี่พีที่ให้ความกระจ่างครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...