อะไรคือธาตุมูลฐาน (Fundamental) ของสรรพสิ่ง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 18 สิงหาคม 2008.

  1. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    นึกว่าความเห็นข้างบนเป็นใคร ถึงว่าคุ้นๆ ที่แท้คุณใบไม้นี่เอง เลยตามไปดูกระทู้ร้อนๆที่คุยเรื่องการเมือง ผมว่าในนี้อย่าคุยเรื่องนั้นเลยครับ เพราะต่างคนต่างจิตต่างใจ คุยเรื่องธรรมะที่มันเย็นๆใจดีกว่า
     
  2. ติดปีก

    ติดปีก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +14
    Chayutt<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1437948", true); </SCRIPT>

    คุณไม่ต้องสนใจใครเขาจะว่าอย่างไร สิ่งที่คุณนำเสนอเป็นประโยชน์สาธารณชน
    ที่เขาต้องการทราบข้อเท็จจริง เพียงแต่คุณนำเสนอในมุมมองโลกทรรศน์เชิง
    วิทยาศาสตร์ที่อาศัยหลักการและเหตุผล ตลอดจนการพิสูจน์ข้อสมมติฐาน
    ก็ยังดีกว่าไปเชื่อมโยงกับศาสนาจนระคนกันไปหมด แบบว่าจะเอาศาสนาผสมกับ
    วิทยาศาสตร์ โดยที่เหตุผลมันแย้งกันเอง แล้วก็อ้างกันเป็นตุเป็นตะ

    ศาสนาเป็นความเชื่อและความศรัทธาที่เขามีไว้เพื่อจรรโลจิตใจมนุษย์ให้ใฝ่
    คุณธรรม ไม่ได้มีไว้เพื่อพิสูจน์ข้อสมมติฐาน

    เชิญนำเสนอต่อครับ รออ่านด้วยใจจดจ่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2008
  3. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ศาสนาอื่นเราไม่รู้ได้ แต่ศ่าสนาพุทธไม่ใช่ความเชื่อ แต่เป็นการสอนเรื่องให้รู้ถึงแก่นแท้หรือความเป็นจริงของรูปและนามหรืออีกนัยหนึ่งถ้าพูดแบบกว้างออกไป ธรรมะก็คือเรื่องธรรมชาติหรือความเป็นของกายและจิต ไม่ใช่ความเชื่อหรือสมมุติขึ้นมา สมมุติมันเป็นของมันอยู่แล้วแต่พุทธศาสนาเขาสอนให้รู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง เมื่อเป็นความจริงดังนั้นต้องสามารถพิสูจน์ได้

    ใช่ว่าวิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐานแล้วพิสูจน์ว่าใช่หรือไม่ใช่ พอใช่แบบนั้นแล้วบอกว่าใช่ ที่จริงแล้วก็ยังเป็นสมมติอยู่ดี
     
  4. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    ธรรมธาตุ นี่แหล่ะคือมูลฐานแห่งธรรมชาติ
    และธรรมชาติ นี่แหล่ะที่ทำให้เกิดธรรมธาตุ

    ไม่มีอะไรในกอไผ่ นอกเสียจากหน่อไม้ ...

    ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ... ฮู่ๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ.. .เอิ๊กกกๆ!!

    แจ่ม
     
  5. ติดปีก

    ติดปีก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +14
    คุณหาธรรม
    ผมว่าคุณกับไปอยู่ในโลกทรรศน์แบบสมมติๆๆๆๆ ฟังดูแล้วฟุ่มเฟือยจริงๆ
     
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    โลกสร้างมาจากอะไร? ควาร์กและเลปตอน (Quarks & Leptons)<o></o>



    <hr><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->
    [​IMG]

    อย่างที่คุณได้เคยรู้มาแล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่กาแล็กซี่ จนถึงภูเขา จนถึงระดับโมเลกุล
    ล้วนถูกสร้างมาจาก ควาร์ก และ เลปตอนทั้งสิ้น แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด เพราะควาร์กและเลปตอนเอง
    ก็มีความแตกต่างกันอยู่ และเพราะว่าอนุภาคของสสารแต่ละชนิดเอง
    ก็ยังมี อนุภาคปฏิภาค(antimatter particle)ของใครของมันอยู่อีกด้วย

    [​IMG]<!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- End page content --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    โลกสร้างมาจากอะไร? สสาร และ สสารปฏิภาค (matter and antimatter)<o></o>


    <hr><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->[​IMG]


    อนุภาคของสสารทุกๆชนิดที่เราค้นพบแล้ว มันจะมีอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าตรงกันข้ามกับมันเสมอ
    เราเรียกมันว่า "ปฏิยานุภาค" (antiparticle)<o></o>

    ปฏิยานุภาคเหล่านี้มีลักษณะและมีพฤติกรรมเหมือนกับอนุภาคปกติที่เป็นคู่ของมันทุกประการ
    ยกเว้นแต่ประจุไฟฟ้าที่จะเป็นประจุตรงกันข้าม เช่น โปรตอน มีประจุไฟฟ้าเป็นบวก
    ส่วนแอนตี้โปรตอน ก็จะมีประจุไฟฟ้าเป็นลบ เป็นต้น แรงโน้มถ่วงจะส่งผลกระทบต่อสสารและสสารปฏิภาคเหมือนกัน
    เพราะแรงโน้มถ่วงไม่ใช่ประจุ ดังนั้นมวลของอนุภาคของสสารและสสารปฏิภาคจึงมีมวลเท่ากัน<o></o>

    เมื่ออนุภาคของสสารและสสารปฏิภาคมาพบกัน มันจะทำลายล้างซึ่งกันและกันกลายไปเป็นพลังงานบริสุทธิ์!


    .........................................<!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- End page content --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    โลกสร้างมาจากอะไร? สสารปฏิภาค (antimatter) คืออะไร?


    <hr>
    <!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->เดี๋ยวก่อนนะ! “สสารปฏิภาค” และ “พลังงานบริสุทธิ์” คืออะไร,
    เอามาจากเรื่อง Star Trek หรือเปล่า?


    แนวความคิดเรื่องสสารปฏิภาคค่อนข้างจะแปลกอยู่ซักหน่อย และมันก็ทำให้เกิดเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น
    เพราะว่าจักรวาลดูเหมือนจะประกอบไปด้วยสสารจำนวนนับไม่ถ้วน
    ดังนั้น เรื่องสสารปฏิภาคนี้ จึงดูเหมือนว่ามันจะขัดแย้งกับทุกๆสิ่งที่เรารู้จักเกี่ยวกับจักรวาล

    <o></o>
    [​IMG]

    แต่ว่าคุณสามารถพบหลักฐานเกี่ยวกับสสารปฏิภาคนี้ได้ในภาพถ่ายที่ถ่ายในห้องทดลองฟอง (bubble chamber) นี้ได้

    สนามแม่เหล็กไฟฟ้าในห้องทดลองนี้ ทำให้อนุภาคที่มีประจุลบเคลื่อนที่โค้งไปทางซ้ายมือ
    ส่วนอนุภาคที่มีประจุบวกก็จะเคลื่อนที่โค้งไปทางด้านขวามือ คู่ของอิเล็กตรอน และโพสิตรอน (electron-positron pairs)
    จำนวมมากมาย ปรากฏขึ้นเฉยๆ เหมือนกับว่าพวกมันไม่มีที่มายังงั้นแหละ
    แต่จริงๆแล้วพวกมันมาจากโฟตอน (photon) ซึ่งโฟตอนเองจะไม่ทิ้งร่องรอยการเคลื่อนที่แบบนี้ไว้ให้เห็น
    โพสิตรอน ซึ่งเป็นปฏิยานุภาคของอิเล็กตรอน (anti-electron ; อิเล็กตรอนที่มีประจุบวก)
    แสดงพฤติกรรมเหมือนกับอิเล็กตรอน แต่มีการเคลื่อนที่โค้งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับอิเล็กตรอนปกติ
    เพราะว่าพวกมันมีประจุเป็นบวก<o></o>

    และถ้าสสารและสสารปฏิภาคคือสิ่งที่เหมือนกัน แต่มีประจุตรงข้ามกันแล้ว
    ทำไมจึงมีสสารอยู่จำนวนมากกว่าสสารปฏิภาคได้หละ?

    คำตอบคือ พวกเราก็ไม่รู้ มันจึงเป็นคำถามที่ทำให้นักฟิสิกซ์ทั้งหลายนอนไม่หลับอยู่นี่ไง!

    สัญลักษณ์ปกติที่ใช้แทนปฏิยานุภาค (antiparticle) ก็คือเพิ่ม”บา” (ขีดในแนวนอน)
    เข้าไปบนสัญญลักษณ์ที่ใช้แทนอนุภาคปกติของมัน เช่น ควาร์กขึ้น (up quark) ใช้สัญลักษณ์เป็นตัว u
    ส่วนปฏิยานุภาคของควาร์กขึ้น (up antiquark) จะใช้สัญลักษณ์แทนด้วย ū อ่านว่า “ยูบา”
    ปฏิยานุภาคของควาร์ก เราเรียกว่า แอนตี้ควาร์ก (antiquark) ปฏิยานุภาคของโปรตอน เราเรียกว่า
    แอนตี้โปรตอน (antiproton) อะไรทำนองนี้ แต่ปฏิยานุภาคของอิเล็กตรอน (electron, สัญลักษณ์ e-)
    เราจะเรียกว่า โพสิตรอน (positron) ซึ่งแทนด้วยสัญลักษณ์ e+


    ...........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    โลกสร้างมาจากอะไร? ควาร์ก (Quarks)



    <hr><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->[​IMG]


    [​IMG]

    ควาร์ก (quarks) คืออนุภาคของสสารชนิดหนึ่ง สสารทั้งหลายที่เราเห็นอยู่รอบๆตัวเรานี้
    ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยโปรตอน (proton) และนิวตรอน (neutron) ซึ่งทั้งสองอย่างนี้
    ก็จะประกอบไปด้วยควาร์กจำนวนหนึ่ง

    ควาร์ก ยังแบ่งออกเป็น 6 ชนิดด้วยกัน แต่นักฟิสิกซ์มักจะเรียกพวกมันเป็นคู่ๆ คือ 3 คู่ ได้แก่
    คู่ขึ้น/ลง (up/down), คู่มีเสน่ห์/ประหลาด (charm/strange), คู่บั้นหัว/บั้นท้าย (top/bottom)
    และสำหรับแอนตี้ควาร์กทั้งหลาย เราก็เรียกเป็นคู่ในทำนองเดียวกัน

    แต่ว่าดีใจเถอะที่ชื่อของควาร์กเหล่านี้เป็นชื่อแบบโง่ๆ เพราะมันทำให้เราจำชื่อมันได้ง่ายขึ้น

    [​IMG]

    ควาร์กมีลักษณะเฉพาะที่ไม่ปกติเกี่ยวกับประจุไฟฟ้าของมัน คือมันจะมีจำนวนประจุไฟฟ้าเป็นเลขเศษส่วน
    (fractional electric charge) ต่างจากโปรตรอนและอิเล็กตรอนที่มีจำนวนประจุเป็นเลขจำนวนเต็ม
    คือ +1 และ -1 ตามลำดับ นอกจากนี้ ควาร์กยังขนส่งประจุไฟฟ้าชนิดอื่น ที่เรียกว่า
    ประจุไฟฟ้าสี (color charge) ด้วย ซึ่งเราจะกล่าวถึงในภายหลัง<o></o>

    ควาร์กชนิดที่พบได้ยากที่สุดคือควาร์กบั้นหัว (top quark) มันถูกค้นพบเมื่อปี 1995
    หลังจากที่ได้มีการพยากรณ์ถึงความมีอยู่ของมันมานานกว่า 20 ปี

    .....................................<o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    โลกสร้างมาจากอะไร? การตั้งชื่อควาร์ก

    <o></o><hr>การตั้งชื่อควาร์ก<o></o>

    เริ่มตั้งแต่ปี 1964 Maurray Gell-Mann และ George Zweig แนะนำว่า
    อนุภาคที่เราค้นพบได้กว่าร้อยชนิดในตอนนั้น สามารถอธิบายได้ว่า
    มันเกิดจากการประกอบกันขึ้นของอนุภาคมูลฐานทั้ง 3 กลุ่มนี้เท่านั้นเอง
    ซึ่ง Gell-Mann ได้เลือกที่เรียกอนุภาคมูลฐานเหล่านี้ว่า ควาร์ก (quark)
    ซึ่งจริงๆแล้ว ชื่อนี้ก็ไม่ได้มีความหมายพิเศษมาจากไหน แค่ตั้งขึ้นมาใช้เรียกเฉยๆ
    <o></o>

    การรวมพลของควาร์กทั้ง 3 กลุ่ม<o></o>

    แต่ก่อนควาร์กเคยเป็นแค่ตัวเลขเศษส่วนที่ใช้แทนค่าประจุของอนุภาคในสูตรคำนวณ
    เพื่อให้การคำนวณหาค่าออกมาได้ เช่น 2/3 และ -1/3 เป็นต้น
    ซึ่งตอนนั้น ตัวจริงของค่าประจุเหล่านี้ ยังไม่มีใครเคยพบมาก่อนเลย
    เรียกได้ว่าไม่เคยมีใครเคยพบประจุควาร์กนี้มาก่อนเลย มันจึงเป็นแค่ตัวเลขเศษส่วนทางคณิตศาสตร์เฉยๆ

    แต่หลังจากนั้น ได้มีการทดลองหลายครั้งที่ทำให้นักฟิสิกซ์มั่นใจว่า
    “ควาร์ก” ไม่เพียงแต่จะมีอยู่จริงเท่านั้น แต่มันยังมีอยู่ถึง 6 ชนิดด้วยกัน ไม่ใช่แค่ 3

    แล้วควาร์กพวกนี้ มันไปได้ชื่องี่เง่าๆนี้มาจากไหน?

    <o>ควาร์กมีอยู่ด้วยกัน 6 ชนิด ชนิดที่เบาที่สุดคือ “ควาร์กขึ้น”(up [​IMG] และ “ควาร์กลง” (down[​IMG])
    ควาร์กตัวที่ 3 เรียกว่า “ควาร์กประหลาด”(strange quark [​IMG]).

    ซึ่งตั้งชื่อมาจากการค้นพบ “อนุภาค K” (K particle) ซึ่งอนุภาค K นี้
    เป็นอนุภาคทุติยภูมิตัวแรกที่ถูกค้นพบว่ามีอายุยาวนานผิดปกติกว่าอนุภาคทุติยภูมิชนิดอื่นๆ
    (จึงเรียกว่าแปลกประหลาด) และอนุภาค “ควาร์กประหลาด” นี้ ก็เป็นส่วนประกอบของมัน
    ควาร์กตัวที่ 4 คือ “ควาร์กมีเสน่ห์”(charm quark [​IMG] ) ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาลอยๆ
    ตามอำเภอใจไปยังงั้นเอง มันถูกค้นพบเมื่อปี 1974 โดย Stanford Linear Accelerator Center (SLAC)
    และ Brookhaven National Laboratory ในเวลาเกือบจะพร้อมๆกันเลย

    ควาร์กตัวที่ 5 และ 6 แต่ก่อนบางครั้งก็เรียกว่า “ความจริง” และ “ความสวยงาม” (truth and beauty)
    แต่ว่านักฟิสิกซ์ไม่ค่อยชอบชื่อนี้นัก เพราะมันหวานแหววไปหน่อย
    จึงเปลี่ยนมาเรียกว่า “ควาร์กบั้นท้าย”(bottom quark [​IMG])
    และ “ควาร์กบั้นหัว”(top quark [​IMG]) แทน

    ควาร์กบั้นท้าย ถูกค้นพบที่แล็ป Fermi Nation Lab (Fermilab)
    ในปี 1977 พบอยู่ในอนุภาคที่ชื่อ อับซิลอน (Upsilon, <v:shape id="_x0000_i1031" style="width: 9pt; height: 7.5pt;" type="#_x0000_t75" alt=""><v:imagedata src="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_image007.gif" o:href="http://pdg.web.cern.ch/pdg/particleadventure/frameless/images/upsilon.gif"></v:imagedata></v:shape>)

    ส่วนควาร์กบั้นหัว เป็นตัวที่ถูกค้นพบล่าสุดโดยแล็ป Fermillab เช่นเดียวกันในปี 1995
    มันเป็นควาร์กที่มีมวลมากที่สุด และมันก็ถูกพยากรณ์ถึงการมีอยู่ของมัน
    ล่วงหน้าไว้นานแล้วกว่าที่จะมีการค้นพบมันจริงๆ


    .........................................</o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  11. ติดปีก

    ติดปีก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +14
    เป็นคนที่ตั้งใจจริงๆ นับถือๆๆ
     
  12. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    โลกสร้างมาจากอะไร?
    เฮดรอน, แบริออน และ เมซอน (Hadrons, Baryons, and Mesons)


    <hr>
    <!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->ควาร์กก็เหมือนกับช้าง ที่ชอบอยู่กันเป็นฝูง ดังนั้นเราจึงไม่เคยพบควาร์กที่อยู่เป็นอนุภาคเดี่ยวๆเลย
    อนุภาคที่ประกอบขึ้นมาจากควาร์กเราเรียกมันว่า เฮดรอน (Hadron)


    [​IMG]


    <center></center><center></center>แม้ว่าอนุภาคเดี่ยวๆของควาร์ก จะมีประจุไฟฟ้าเป็นเลขเศษส่วน แต่เมื่อพวกมันมาอยู่รวมกันแล้ว
    ผลรวมของประจุไฟฟ้าของพวกมันก็จะกลายเป็นเลขจำนวนเต็ม หมายถึงอนุภาคเฮดรอน
    จะมีจำนวนประจุเป็นเลขจำนวนเต็มนั่นเอง ส่วนคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของเฮดรอนก็คือ
    พวกมันไม่มีประจุสีรวม (net color change) แม้ว่าอนุภาคควาร์กแต่ละอนุภาคจะเป็นตัวขนส่งประจุสีก็ตาม
    เดี๋ยวเราค่อยมาพูดถึงมันในภายหลัง<o></o>


    เฮดรอน มีอยู่ 2 จำพวก คือ แบริออน (Baryons) และ เมซอน (Mesons)<o></o>

    [​IMG]

    1). แบริออน คือเฮดรอนที่ประกอบขึ้นจากควาร์ก 3 อนุภาค (qqq)<o></o>

    [​IMG]

    โปรตอน เป็นแบริออนที่ประกอบด้วยควาร์กขึ้น 2 อนุภาค และ ควาร์กลง 1 อนุภาค (uud)
    ส่วนนิวตรอน เป็นแบริออนที่ประกอบด้วยควาร์กขึ้น 1 อนุภาค และควาร์กลง 2 อนุภาค (udd)

    [​IMG]

    2). เมซอน ประกอบขึ้นจากควาร์ก 1 อนุภาค (q) และแอนตี้ควาร์กอีก 1 อนุภาค ([​IMG]).

    [​IMG]

    ตัวอย่างของเมซอนคือ อนุภาค ไพออน (pion ; [​IMG]<sup class="small">+</sup>) ซึ่งประกอบด้วยควาร์กขึ้น 1 อนุภาค

    และแอนตี้ควาร์กลง 1 อนุภาค ส่วนปฏิยานุภาค (antiparticle) ของเมซอนใดๆ
    ก็จะประกอบด้วยอนุภาคชนิดเดียวกัน แต่สลับกันเท่านั้นเอง
    เช่น อนุภาคแอนตี้ไพออน (antipion ; [​IMG]<sup class="small">-</sup>) ก็จะประกอบด้วย
    ควาร์กลง 1 อนุภาค และแอนตี้ควาร์กขึ้น 1 อนุภาค เป็นต้น

    เพราะว่าเมซอนประกอบไปด้วยทั้งอนุภาคและแอนตี้อนุภาค
    มันจึงไม่มีความเสถียรอย่างมาก เว้นแต่อนุภาคเมซอนที่ชื่อ
    เคออน (kaon ; K<sup>-</sup>) จะเป็นตัวที่มีอายุยืนยาวกว่าเมซอนตัวอื่นๆ
    นั่นแหละที่เป็นสาเหตุให้เราเรียกมันว่าอนุภาคประหลาด
    และทำให้เรียกควาร์กที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งของมันว่า
    ควาร์กประหลาด ไปด้วย


    มีเรื่องน่าประหลาดใจอยู่อย่างหนึ่งเกี่ยวกับเฮดรอน นั่นก็คือ
    มวลของมัน มีเพียงส่วนน้อยนิดมากๆๆๆๆเท่านั้น ที่มาจากมวลของควาร์ก
    ที่เป็นส่วนประกอบของมัน

    ตัวอย่างเช่น โปรตอน (udd) จะมีมวลมากกว่าผลรวมของมวลของควาร์ก
    ที่เป็นส่วนประกอบของมันทั้งหมดรวมกัน

    [​IMG]<o></o>
    <o></o>
    มวลส่วนใหญ่ของเฮดรอน จะมาจากพลังงานจนล์และพลังงานศักย์ของมัน
    พลังงานเหล่านี้สามารถเปลี่ยนไปเป็นมวลของเฮดรอนได้ ตามสมการของไอสไตน์ที่ว่า E = mc<sup class="small">2</sup>.<o></o>


    ..........................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  14. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    น่าสงสารอ่านข้อความที่ผมเขียนไม่รู้เรื่อง ปัญญาไม่ถึง ไปศึกษาเพิ่มเติมให้มากกว่านี้ ตาจะได้เบิกโพรงเห็นสรรพสิ่งทั่วครอบจักวาล
     
  15. ติดปีก

    ติดปีก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +14
    นำกลับไปพิจารณาตัวเองแล้วกัน หัดรู้จักแยกแยะรูปนามให้มันชัดแจ้งกว่านี้
    และให้เกียรติกับผู้นำเสนอหน่อย
     
  16. นิรันตรพินทุ

    นิรันตรพินทุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +10
    เป็น อจินไตย แท้ๆเลยนะนี่
    เพราะว่าข้อมูลที่ทางตะวันตกค้นคว้านี้ เป็นในแบบ เจาะจงนะตำแหน่งสังเกตการณ์
    ซึ่งขึ้นอยู่กับ ผู้สังเกตและสิ่งที่สังเกตเสมอ แล้วค่อยอนุมานภาพรวมออกมา
    ว่านี่คือทั้งหมด และต้องอธิบายด้วยคณิตศาสตร์ อันมีข้อบกพร่องเรื่องมาตราเสมอ

    มองอย่างความเห็นของผม
    สิ่งต้นแรกเดิมแท้ ของ สรรพสิ่ง คงหนีไม่พ้น ธรรม
    ไม่ว่า กรรม รูป อรูป สมมุติ วิมุตติ ฯลฯ
    ล้วนแผ่ออกมาจาก ธรรม ทั้งสิ้น
    อีกทั้ง โบราณ มาก็ปราถานา แสวงหาสัจธรรม หรือ ธรรม นี่เอง

    ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า บัดนี้ วิทยาศาสตร์ก็ค้นคว้าหา ธรรม
    อันเป็น สิ่งเดิมแท้แรก ของสรรพสิ่ง เหมือนครั้ง พุทธกาล

    ไม่แน่ว่า อีกหน่อย เราอาจจะได้เคารพ พระพุทธศาสนา ในอีกชื่อเรียกนึงก็เป็นได้
    ตามแต่สมมุติเรียกกัน แต่เนื้อหาและการค้นคว้า อาจจะมีประวัติต่างกัน ก็เป็นได้
     
  17. WiiTHWiin

    WiiTHWiin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +2
    โดยส่วนตัว ชอบบทความของ คุณ Chayutt มากครับ

    และทราบถึงเจตนารมณ์ของการพิสูจน์และชี้แจง
    อยากให้เข้าใจว่าเจตนาของกระทู้คืออะไร
    แต่ด้วยความหลากหลายของคน คำสอนและวิถีทางจึงมีมากมาย ตามแต่จริตผู้ศึกษา เป็นกำลังใจให้ครับ บางจริตง่ายๆก็เข้าใจ บางจริตต้องยากเข้าไว้ บางจริตเข้าใจคำสอน แต่ไม่เข้าใจเจตนา
    ซึ่งด้วยสติปัญญาอันต้อยต่ำของผม พอจะเข้าใจได้ครับ และเป็นกำลังใจให้ครับ
     
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    <TABLE class=tborder id=post1448293 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">23-08-2008, 04:13 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#41 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>นิรันตรพินทุ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1448293", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 03:17 PM
    วันที่สมัคร: Aug 2008
    ข้อความ: 22
    ได้ให้อนุโมทนา: 5
    ได้รับอนุโมทนา 60 ครั้ง ใน 17 โพส
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1448293 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เป็น อจินไตย แท้ๆเลยนะนี่
    เพราะว่าข้อมูลที่ทางตะวันตกค้นคว้านี้ เป็นในแบบ เจาะจงนะตำแหน่งสังเกตการณ์
    ซึ่งขึ้นอยู่กับ ผู้สังเกตและสิ่งที่สังเกตเสมอ แล้วค่อยอนุมานภาพรวมออกมา
    ว่านี่คือทั้งหมด และต้องอธิบายด้วยคณิตศาสตร์ อันมีข้อบกพร่องเรื่องมาตราเสมอ

    มองอย่างความเห็นของผม
    สิ่งต้นแรกเดิมแท้ ของ สรรพสิ่ง คงหนีไม่พ้น ธรรม
    ไม่ว่า กรรม รูป อรูป สมมุติ วิมุตติ ฯลฯ
    ล้วนแผ่ออกมาจาก ธรรม ทั้งสิ้น
    อีกทั้ง โบราณ มาก็ปราถานา แสวงหาสัจธรรม หรือ ธรรม นี่เอง

    ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า บัดนี้ วิทยาศาสตร์ก็ค้นคว้าหา ธรรม
    อันเป็น สิ่งเดิมแท้แรก ของสรรพสิ่ง เหมือนครั้ง พุทธกาล

    ไม่แน่ว่า อีกหน่อย เราอาจจะได้เคารพ พระพุทธศาสนา ในอีกชื่อเรียกนึงก็เป็นได้
    ตามแต่สมมุติเรียกกัน แต่เนื้อหาและการค้นคว้า อาจจะมีประวัติต่างกัน ก็เป็นได้
    <!-- / message -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=tborder id=post1452338 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 02:47 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#42 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>คนดีโลกลืม<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1452338", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 04:36 PM
    วันที่สมัคร: Jun 2008
    ข้อความ: 155
    ได้ให้อนุโมทนา: 10
    ได้รับอนุโมทนา 268 ครั้ง ใน 84 โพส
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 18 [​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1452338 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->คุณ Chayutt ครับ



    ขออนุญาตชี้แนะนำครับ คุณจะเรียกควาร์กหรือสิ่งทีต่อต้านควาร์กว่าอะไรก็ตาม แต่สุดท้านนักวิทยาศาสตร์ควอนตัม พบแล้วว่า มันเป็นความไม่มีอะไรเลย

    พูดง่ายๆ โลกสร้างมาจากอะไร? ควาร์กและเลปตอน (Quarks & Leptons)<O:p</O:p = สร้างมาจากความไม่มีอะไรเลย อนุภาคเป็นสิ่งที่ไม่มี แต่เราไปคิดว่ามันมี ทั้งๆที่มันเป็ความว่างที่จับตัวแข็ง เรียกว่า freezing enery



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอขอบคุณมากนะครับที่สนใจกระทู้เล็กๆ และไม่ค่อยน่าสนใจอย่างกระทู้นี้

    ท่านทั้งหลาย อย่าได้เป็นห่วงอะไรความรู้สึกของผมเลยนะครับ
    ผมหมายถึง ทุกๆท่านมีสิทธิ์ที่จะให้ข้อเสนอแนะ และข้อคิดเห็นอะไรก็ได้ทั้งสิ้น
    อันจะเป็นประโยชนืต่อตัวท่านเอง และท่านอื่นๆที่ยังไม่รู้

    ผมพูดจากใจจริงๆของผมนะ ไม่ได้ประชดท่านนะครับ ท่านอ่านด้วยใจ ท่านจะสัมผัสได้ด้วยใจ

    ข้อความของทั้งสองท่านที่ผมยกมาอ้างไว้ข้างบนนั้น นั่นแหละ สิ่งที่ผมจะสรุปเอาไว้ตอนท้ายของกระทู้นี้
    แต่เพราะว่า อันดับแรก อย่างที่ผมพูดไว้ตั้งแต่ข้อความแรก ว่าผมต้องการอธิบายให้คนที่อยู่แต่ในโลกของวัตถุธาตุ
    ให้หันมาสนใจ มาสงสัย และมาศึกษาโลกทางพลังงาน หรือทางมิติของจิตวิญญาณ หรือทางธรรม แล้วแต่จะเรียก บ้าง

    คือที่ผมยกวิชาฟิสิกซ์ทั้งดุ้นนี้มาอธิบาย มาแปลให้ท่านๆได้อ่านกัน ด้วยความยากลำบาก แปลผิดแปลถูกไปตามประสาคนไม่เก่งฟิสิกซ์นี่
    ก็เพราะอยากจะให้คนที่อยู่แต่ในโลกแห่งวัตถุธาตุดังว่านั้น ได้เห็นว่า ยิ่งศึกษาลึกลงไปเท่าใด
    สุดท้ายก็จะพบว่า มันไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างจบลงที่ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" และรวมถึง อะไรคือความว่างเปล่า
    อะไรคือสุญญตา ฯลฯ มันมีอะไรน่าฉงน สนเท่ห์อีกเยอะแยะนัก ในโลกใบนี้ แม้แต่นักฟิสิกซ์ทั้งหลายเอง
    ก็ยังพูดกันเลยว่า ยิ่งศึกษาลึกลงไปมากเท่าใด ยิ่งมีความไม่น่าเชื่อถือมากขึ้นเท่านั้น เพราะมันเหมือนมันจะยิ่งแหกกฎเกณฑ์ต่างๆ
    ที่เราเคยเชื่อ เคยรู้จัก เคยยึดถือ จนหมดสิ้นไปเลยทีเดียว แล้วเราจะเชื่อมั่นกับอะไรได้อีก เรายังจะยึดเอาอะไรเป็นจุดอ้างอิงได้อีก

    ในทางกลับกัน มันมีอยู่แล้วมากมายเกินกว่า 50% ของจำนวนกระทู้ในเวปพลังจิตแห่งนี้ ที่เริ่มต้นด้วย
    สอนให้คนละชั่ว ทำดี และทำจิตใจให้ขาวรอบ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมด มันอยู่เกลือนกลาดไปหมดเลย
    แต่ถ้าคนที่ไม่ได้อยู่ใน Channel ที่จะรับเรื่องพวกนี้ได้ สิ่งที่นำเสนอไปก็ไร้ประโยชน์เปล่า คนที่จะได้ประโยชน์
    ก็คือคนกลุ่มที่มีสัมมาทิฐิแล้ว มองเห็นคุณค่าของธรรมะแล้วเท่านั้น สรุปว่าก็คือคนกลุ่มเดิมๆนั่นแหละ
    ที่จิตใจพัฒนาแล้ว พัฒนาอีก (สาธุด้วยครับ) แต่สำหรับคนที่มีความเชื่อและระดับจิตใจในระดับกลางๆหรือเล็กๆน้อยๆ
    ก็จะยังไม่มองเห้นความน่าจะเป็น และความน่าจะเชื่อของธรรมะแต่อย่างใด



    ดังนั้น สำหรับกระทู้นี้ ผมจึงตั้งใจว่า เรามาเริ่มสาวเชือกจากอีกปลายด้านหนึ่ง ไปยังปลายอีกด้านหนึ่งกันบ้างดีกว่า
    เพื่อให้คนที่อยู่ยังปลายด้านนี้ ได้มีโอกาสคลำเชือกของเรานี้ มาสู่จุดที่เราอยากบอกเขาได้บ้าง ดีไหมครับ

    หวังว่าคงเข้าใจบ้างนะครับ ชื่อกระทู้ของผมที่ตั้งขึ้นนี้ ผมไม่ได้ตั้งขึ้นเพื่อถามท่าน แล้วให้ท่านมาตอบผม
    แต่ผมถามไว้ ให้ทุกๆคนคิด แล้วเอาคำตอบมาแชร์กันนั่นแหละครับ

    ดังนั้น สิ่งที่ผมคาดหวังจะเจอในกระทู้นี้ มันก็น่าจะเป็นทำนองว่า คนที่ชอบให้อธิบายอะไรแบบกระจ่างๆ
    หรือชอบเหตุผลที่สามารถสัมผัสได้ และเชื่อมโยงกับฐานความรู้เดิมที่เขามีอยู่ ก็จะเข้ามาอ่านกันมาก
    แล้วคำถามหรือข้อคิดเห็นของพวกเขา ก็จะออกแนววิทยฯๆ หรืออกแนวโลกๆ ซึ่งอาจมีการขัดแย้งกันบ้าง
    ตามประสาปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆนี้แหละ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจแต่ประการใด

    แต่ผมจะแปลกใจซะยิ่งกว่า ถ้าท่านกระโดดเข้ามาแบบผู้ทรงธรรม แล้วมาบอกว่า

    "หยุดคิดซะ นั่นคือเรื่องอจินไตย คิดไปเดี๋ยวเป็นบ้า
    เอาเวลามาศึกษาธรรมะ หรือมุ่งมั่นปฏิบัติให้ได้มรรคผลนิพพานดีกว่า"

    พุทโธ่เอ๋ย...ท่านมหาจำเริญ !!
    ท่านช่างไม่ยอมที่จะเข้าใจอะไรง่ายๆเอาซะเลย

    เฮ้อ...!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2008
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    สำหรับท่านที่ชอบกระทู้นี้ และรอคอยที่จะอ่านอยู่
    ผมก็ต้องขออภัยท่านด้วยนะครับ ที่โพสต์ช้า และไม่ต่อเนื่อง

    ก็..อย่างว่าแหละครับ ผมเองไม่ใช่คนในวงการฟิสิกซ์เลย
    แปลๆไปบางครั้งก็ติดขัด ก็เบื่อบ้างก็มี แต่ทำไงได้ ได้ตั้งใจเอาไว้แล้วนี่
    ก็เป็นธรรมดาแบบนี้แหละ ทำเพื่อคนอื่นๆ ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวผมเอง
    ถึงแม้ว่าประโยชน์ตนก็จะได้ด้วยก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เป้าหมายหลัก

    ใจเย็นๆหน่อยนะครับ รอให้ผมพร้อมเมื่อไหร่ ผมจะทะยอยลงมาให้อ่านเรื่อยๆครับ

    และในระหว่างนี้ สำหรับท่านที่ชอบให้อธิบายธรรมะ แบบเชื่อมโยงกับเรื่องทางโลกได้
    เข้าใจได้ง่ายๆ ไม่บังคับให้เชื่ออย่างเดียว ให้ทำตามอย่างเดียวนี่ ก็ลองมาอ่านกระทู้นี้นะครับ
    ลิงค์นี้จะลิงค์ไปที่หน้า 22 ของกระทู้ที่ผมกล่าวถึง แล้วท่านจะพบคำตอบหลายๆอย่าง
    ที่ท่านเฝ้าสงสัยและอยากได้คำอธิบายมานานแสนนานแล้ว

    http://palungjit.org/threads/การเตร...และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/page-22

    ในโพสต์ที่ # 428 เป็นต้นไป นะครับ


    หรือจะ Download e-book ของเนื้อหาดังกล่าวนี้ไปอ่านเลยก็ได้นะครับ
    ตามลิงค์นี้ครับ

    ....................................
    อันนี้ คือไฟล์ ตัวใหม่ที่เพื่มข้อมูลมาอีก 2 ตอนซึ่งได้จากคุณ VeggieGuy
    จากเดิมที่ก็อปบี้จากกระทู้คุณ chayutt มี 25 ตอน รวมเป็น 27 ตอน
    ไฟล์ใหญ่ขึ้น เพราะมีปกเพิ่มมาอีก<!-- google_ad_section_end -->

    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET> <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>Ass1.pdf (744.4 KB, 63 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ

    ............................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2009
  20. นิรันตรพินทุ

    นิรันตรพินทุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +10
    เอาล่ะเข้าใจแล้ว งั้นคงพูดประสาชาวบ้านบ้าง แวบแรกก็คิดอย่างที่โพสไปอย่างนั้นจริงๆ

    อจินไตยที่ผมหมายความ ตามความเข้าใจของผมคือ
    การครุ่นคิดที่ไม่มีวันจบ ด้วยเพราะตั้งโจทย์ผิด
    แต่ก็เข้าใจอย่างนั้นไปเองตามประสา ลืมมองไปว่าคำแปลมาตราฐานเขาแปลว่าอย่างไร
    ต้องขอโทษด้วยครับ ท่านChayutt ด้วยครับ
    ทิ้งท้ายในข้อความเดิมว่า นั่นน่าจะเป็นจุดบันจบกันได้ระหว่างแนวทางทั้ง2


    ว่าถึงทฤษฏีเส้นสตริง หรือ String Theory ตามที่ผมคิดๆเอาเองบ้างสิ
    อย่างน้อยผมก็เคยเรียนมัธยมมา (แต่คืนครูไปหมดแล้ว)

    ผมคิดว่า คงไม่ใช่ ทั้งควาก และ เลปตอน แน่ๆ ที่เป็น สิ่งมูลฐาน
    น่าจะมีอะไรลงลึกได้อีก และเมื่อเจอก็ลงไปได้อีก เหมือนสมัยค้นพบอะตอม
    ในควากน่าจะมีอะไรให้อีกนอกจากการเคลื่อนไหวยุ่งหยิง
    มันน่าจะมีอะไรที่ทำให้ การยุ่งหยิงนั้น ยุ่งหยิง อะไรล่ะ
    เอ หรือว่าเดิมที มันยุ่งหยิงอย่างนั้นเองไม่มีอะไรทำ หมายถึงก่อนบิ๊กแบง
    นี่มันก็เป็นอย่างนั้นเหรอ? ผมคิดตามนะ งั้นมีก่อนหน้านั้นอีกไหม? ต้องมีเหตุสิ
    หรือว่าไม่มีเหตุ เป็นเหตุ???

    ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่มีบิีกแบงให้เห็นในชีวิตประจำวันล่ะ? ในเมื่อ ควากกับเลปตอน
    มีอยู่ในทุกสิ่ง เอ รึว่าเราโยงผิด เรื่องบิ๊กแบงค์ กับ ควาก+เลปตอน

    ...
    มันน่ามีจุดเชื่อมโยงสิ เพราะนี่คือ ธาตุมูลฐานของทุกสรรพสิ่ง
    สตริง คือคำตอบเหรอ ว่าด้วยมันสั่นสะเทือน เป็นโน๊ตต่างๆ
    งั้นอะไรทำให้มันสั่นล่ะ รึว่ามันสั่นเอง หรือมี "ผู้สั่น"
    ถ้ามี "ผู้สั่น" มีผู้สั่นเพียงหนึ่งเดียวหรือไม่
    ถ้าเป็น ธาตุมูลฐานของสรรพสิ่งนี่ก่อนหน้าบิ๊กแบงค์ ต้องมีอยู่สินะ
    เอ๊ะ นี่ผมกำลังมาหนังหาค่าของ ศูนย์ ว่ามีเท่าไหร่หรือเปล่า????
    เอ๊ะ รึว่า ศูนย์ มันไม่ศูนย์!!!??? มันมีก่อนจะเป็น ศูนย์
    ตายล่ะ แล้วอย่างงี้ก็เท่ากับว่า มี เนกาตีฟ นิรันตรพินทุ<script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1448293", true); </script> ด้วยสิ

    ตายล่ะ หลุดประเด็น (พิมพ์ไปคิดไป)
    อะไรคือ ธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง (วะ)
    เปลี่ยนธาตุ เป็น สิ่งใดๆ ที่เป็นต้นเดิมของสรรพสิ่ง น่าจะชัดกว่า...
    เออ ต้องมีจริงๆเหรอ...? เจ้าที่ว่านั้นน่ะ คือ ต้องมีในแง่ วัดค่า ได้ จริงๆเหรอ
    หากวัดค่าได้ ชั่งตวงได้ ตั้งทฤษฏีได้ มันก็ยังไม่มูลฐานสิ
    เพราะว่ามันต้องลงลึกเข้าไปอีก ย่อยลงได้อีก

    นี่ทำให้ผมอยากค้นหาคำตอบว่า
    1. ศูนย์ ค่าของมันตามจริงในอวกาศทุกมิติไม่แค่คณิตศาสตร์ คือเท่าไหร่
    ผกผันได้ไหม หรือคงที่เป็นศูนย์ในทุกมิติื ไม่ใช่เชิง เครื่องหมาย 0 นะ
    เอาที่เป็น "วัตถุมีค่าเท่ากับศูนย์" มันต้องมีสิ ไม่ใช่ไม่มี
    "วัตถุลบ" ยังเจอแล้วเลย นึกถึงก้อนหินที่มีค่าเป็นศูนย์สิ ศูนย์ในลักษณะที่มี น่ะ
    หรือว่า หลุมดำ?

    2.นี่ถ้าค้นหาลึกลงไปเรื่อยๆคงออกไปอีกด้านนึงของกฏจักรวาลได้สินะ
    เพราะเมื่อได้สิ่งลบ สิ่งบวก แล้ว ขั้นต่อไปคือทำให้เป็นศูนย์
    พอเป็นศูนย์ ก็พ้นข้อจำกัดของทุกอย่าง เหมือนศูนย์ที่แทนไม่ได้ด้วย 0
    แน่นอนอยู่นอกกระดานดำ งั้นถ้าสิ่งมูลฐานของสรรพสิ่ง คือ ค่าอนันต์
    ไม่ใช่สิ ค่าอนันต์ คือจำนวนไม่รู้จบ ค่าศูนย์ คือจบจำนวน...
    เอ รึว่าปลายของ2อันนี้มันชนกัน ...โอเค เหมือนว่าไม่ได้ผลเลย

    งั้น สิ่งมูลฐานของสรรพสิ่ง น่าจะเป็นก่อนที่อะไรจะมีการสั่น ศูนย์สัมบรูณ์?
    อุณหภูมิศูนย์สมบรูณ์ จะได้นิ่งสนิท แล้วหาได้ว่าอะไรที่ปรากฎขึ้นมา
    เอ ถ้ามันนิ่งจบแล้ว ไม่ตูม บิ๊กแบงอีกเหรอ? หลุมดำ? แล้วจะหายังไง วุ้ยยยยยยย

    ร่วมสนุก คิดค้นหาตามประสาชาวบ้านต่างประสบการณ์
    และไม่ได้ใส่ใจจริงจังได้เหมือน นัก
    ฟิสิกซ์ เขาได้เลย
    ปวดหมอง.... ยอมรับว่าโง่.....แต่อยากเล่นด้วยน่ะ...

    รอนักวิทยาศาสตร์ตัวจริงเค้าค้นคว้าดีกว่า ฮ่าฮ่าฮ่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...