วิธีการฝึกจับกระแสพลังพุทธคุณ

การฝึกจับกระแส ถ้าจะให้ได้ผลเร็วต้องใช้ตัวคาถาเป็นองค์ภาวนาแทนคำบริกรรมเดิม เช่นใช้คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า เป็นต้น โดยจับรวมกับอานาปานสติเท่านั้น ผมขอยืนยันว่าใช้ได้ผลดีจริงๆครับ และเกิดผลเร็วด้วย กำลังสมาธิจะเกิดขึ้นได้ดีกว่าปกติ และสามารถสัมผัสกับพลังต่างๆในโลกนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ สามารถรู้ถึงเทวดาหรือวิญญานที่เข้ามาใกล้ตัวได้ กล่าวคือมีสัมผัสวิญญาณ ถ้าฝึกไปเรื่อยๆจนพัฒนาไปถึงอีกระดับหนึ่งก็จะสามารถสื่อสารพูดคุยกับวิญญาณได้ แรกๆอาจจะเป็นกระแสตอบกลับมาเท่านั้น แต่พอจิตละเอียดมากขึ้นก็จะสามารถสื่อสารเป็นประโยคคำพูดได้ การสัมผัสเป็นกระแสก็เป็นลักษณะการจับพลังพุทธคุณในพระเครื่องรางของขลังต่างๆ แรกๆอาจจะสัมผัสได้แค่มีพลังอยู่ในวัตถุหรือไม่ พลังนั้นแรงหรือเบา พอพลังจิตเพิ่มขึ้นก็จะสามารถรู้ได้ว่าเป็นกระแสอะไรบ้าง อย่างไหนแรงหรือเบาต่างกันมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น กระแสคงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด มหาอำนาจ หนุนดวง เมตตา เมตตาชั้นสูง เสน่ห์ โชคลาภ เพราะกระแสทุกอย่าง มีความแตกต่างกัน เช่น กระแสคงกระพัน จะมีลักษณะหนักแน่น มหาอุดจะอึดอัดแน่น แคล้วคลาดจะผลักออก เมตตาจะเย็น เมตตาชั้นสูงจะเย็นลึกจนกระแสพลิกเป็นเสน่ห์เองและมีความสุดยอดกว่าพลังเสน่ห์ธรรมดาเสียอีก โชคลาภกระแสจะวิ่งแบบยิบๆยับๆเข้ามาในตัว กระแสนี้จับยากที่สุด ต้องใช้จิตที่ละเอียดและเป็นสมาธืดีจริงๆจึงจะสัมผัสได้ การสัมผัสกระแสก็เพียงแค่ว่าคาถาที่เป็นองค์ภาวนาแล้วเดินลมนิ่งเอาจิตไปสัมผัสกับวัตถุที่จะตรวจสอบ แล้วจะมีพลังตอบกลับมาเอง ถ้าไม่มีก็หมายความว่าเราฝึกไม่ถึงขั้นหรือวัตถุไม่มีพลังนั่นเอง พอทำจนชำนาญแล้วต่อไปแค่ทำจิตให้นิ่งสัมผัสกับวัตถุเท่านั้นก็จะสามารถสัมผัสกระแสพลังได้

 

แปลกดีครับ
จะเป็นความรู้สึกอย่างไรหนอ
ต้องลองดู

อนุโมทนาสา่ธุครับ

 

สนใจมากค่ะ ปรกติก็หัดนั่งสมาธิเอาเองแบบไปเรื่อยๆสบายใจค่ะก็เลยทำมาเรื่อยๆ ก็อยากรู้อยากเห็นอะไรบ้างค่ะแต่ไม่มีคนสอนค่ะ มีอยู่ครั่งหนึ่งเห็นน้องเขยเค้าห้อยพระซึ่งตัวเองก็ไม่เคยเห็นหรอกค่ะก็ถามเค้าว่าเป็นพระอะไรเค้าบอกว่าเป็นของเก่าแก่ของสมเด็จวัดระฆังเค้าเลยถอดสร้อยออกมาให้ดูพอมือได้สัมผัสพระเท่านั่นแหละค่ะเหมื่อนกับไฟฟ้าดูดแรงมากค่ะ เหตุการณ์ครั้งนั่นยังไม่ลืมค่ะ พอมาเจอบทความข้างบนก็ยิ่งสนใจมากค่ะช่วยแนะนำชี้แนะด้วยนะคะจักเป็นพระคุณอย่างมากเลยค่ะ

ขอบคุณมากๆค่ะ

 

ตอบคุณlissent

การที่คุณสัมผัสกับพระแล้วรู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้าดูดนั้น เนื่องจากจิตคุณตอนนั้นเป็นสมาธิ และคุณวางจิตไว้ที่พระโดยไม่ตั้งใจพอดี จึงสามารถสัมผัสกระแสพลังที่บรรจุอยู่ในองค์พระได้ เหตุที่ไม่สามารถทำได้อีก เพราะไม่รู้จักวิธีวางจิตนั่นอง ใช้แค่ ขณิกะสมาธิก็พอแล้ว สามารถสัมผัสพลังได้แน่ๆ ลองทำตามวิธีที่เขียนไว้ข้างบนดูครับ รับรองว่าทำได้แน่นอน และทำได้ทุกคนด้วย ขอให้ตั้งใจจริง เอาจริงกับมันแล้วจะเกิดผลอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เหมือนอย่างที่หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม ท่านว่าไว้ว่า "โบราณน่ะเค้าจริงนะมึง แต่มึงน่ะไม่จริงกับเค้า" เพราะคุณพระมีพลังมากมายมหาศาล คุณพระพุทธเจ้ามีพลังครอบโลกธาตุ ครอบจักรวาล อีกทั้งคุณบิดา มารดา คุณครูบาอาจารย์ มีส่วนสำคัญอย่างมาก ที่จะช่วยให้มีความก้าวหน้าเร็วขึ้น อย่างมากมาย ดังนั้น ใช้คาถาของใครก็ควรจะขอบารมีของอาจารย์นั้นๆก่อนทุกครั้ง และไม่ต้องกลัวว่าจะติดหนี้บารมีใคร ต้องไปใช้หนี้เค้า เพราะว่าในขณะเข้าสมาธิภาวนาคาถานั้น ก็เป็นการสร้างบารมีไปในตัวอยู่แล้ว และครูบาอาจารย์ที่เราขอบารมีนั้น ก็จะได้รับบุญกุศลที่เกิดจากการภาวนาของเรานั้นด้วย เหมือนกับเราได้สร้างบารมีร่วมกับท่านและความสำเร็จก็จะเกิดขึ้นตามมา แต่จะมากจะน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิและบุญบารมีของเราด้วย

 

เมื่อสมาธิเกิดขึ้นจิตก็จะมีพลังงาน [Energy] บางอย่างเกิดขึ้น เมื่อพลังงานทั้งสอง
เข้าใกล้กันหรือสัมผัสกันก็จะเกิดการถ่ายเทระหว่างกันขึ้น เราจึงรู้สึกได้แต่ต้องอยู่ใน
สมาธิ ผมทดลองทำมานานแล้ววิธีก็คล้ายๆกัน เป็นเรื่องจริงครับ

 

เราจะทราบได้อย่างไรว่ากระแสแบบใดเป็นสิ่งใด ดิฉันจะจับกระแสเวลาหลับตาได้ หลายสถานที่หลายแบบเช่น กระแสสงบเย็นเป็นสีรุ้ง กระแสสงบเย็นเป็นสีทอง กระแสสงบเย็นเป็นสีขาว
บางทีก็ขนลุก อึดอัดหายใจไม่ค่อยออก และกระแสสีม่วงตาจะกระพริบยิบๆ

 

ตอบคุณ โอมศิวะ

ลักษณะของกระแสถ้าจะว่าเป็นลักษณะของแสงนั้น แสงสีขาวส่วนมากจะเป็นลักษณะของกระแสเมตตา มหานิยม เป็นกระแสคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ เป็นลักษณะของผู้มีบุญบารมี สีทองหรือสีเขียวนั้นจะเป็นลักษณะของกระแสโชคลาภ ส่วนอาการขนลุกนั้นจะเป็นลักษณะของกระแสคงกระพัน ชาตรี แต่ถ้าขนลุกซู่แบบเย็นๆแสดงว่ามีวิญญาณเข้าใกล้ กรณีที่วิญญาณหรือเทวดาเข้าใกล้นั้นมีได้หลายอาการหลายแบบแล้วแต่คน แต่ละคนจะไม่เหมือนกันเท่าไหร่ ต้องอาศัยการสังเกตุสอบถามผู้รู้หรือไม่ก็ต้องใช้กำลังสมาธิอธิษฐานดูว่ามีเทวดาหรือวิญญาณเข้าใกล้เราจริงหรือไม่ ให้ทำในเวลานั้นๆเลย แต่ต้องวางจิตให้นิ่งทำใจให้ตรงไม่ลำเอียงหรือคิดว่ามีว่าเป็นหรือมีอคติใดๆทั้งสิ้น คำตอบที่ได้จึงจะชัดเจนเที่ยงตรงและแม่นยำ ไม่เกิดการหลอกตัวเอง ทั้งต้องมีการฝึกฝนอยู่เสมอให้เกิดความชำนิชำนาญ อย่าปล่อยวางไม่อย่างนั้นสมาธิจะเสื่อมถอย ต้องมาลำบากฝึกกันใหม่ ส่วนการอึดอัดแน่นหายใจไม่ค่อยออกจะเป็นลักษณะของกระแสมหาอุด เพราะพลังมหาอุดจะต้องแน่นเพื่อให้สามารถห้ามปืน ห้ามวัตถุระเบิดได้ เอาพอสังขปเท่านี้ก่อนแล้วกันครับ ลองฝึกอธิษฐานดูว่าสีไหนเป็นกระแสอะไร ความรู้สึกแบบไหนเป็นกระแสอะไร จะดีกว่าครับ เพราะสมาธิเมื่อฝึกได้ถึงระดับหนึ่งตัวจิตผู้รู้จะเป็นผู้บอกข้อข้องใจให้เราทราบได้เองครับ มีข้อแม้ข้อเดียวคืออย่าหลงกับของเล่นพวกนี้ เท่านั้นแหละครับ

 

เราจับพลังไม่เป็นอ่ะ

 

.............ตั้งใจจริงเอาจิตเราไปจับที่องค์พระแล้วน้อมเข้ามาในตัวเราเปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนเราดมดอกไม้ต้องการรู้กลิ่น และรับความรู้สึก ฉันใดก็ฉันนั้น ทำสัมผัสแบบนี้บ่อยๆ ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็รู้เอง..ทำจนชำนาญ พอจับปุ๊บคราวนี้ ไม่ทันตั้งตัวเลย พลังงานไหลเข้าสัมผัสเราทันที เพราะความชำนาญนั่นเอง
และขึ้นอยู่กับพลังที่ถูกบรรจุเข้าไป ว่ามีพลังงานทางไหน เราก็อธิฐานจิต สอบถามเป็นขั้นตอนไป.ครับ นั่นแหละเรียกการวางจิตแบบ ขณิกะสมาธิ.แค่นั้นก็สัมผัสได้แล้ว.คุณอรมณีจันทร์ รู้แล้วแกล้งถาม ..ก็เลยแกล้งตอบเลย.ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เอาไปใช้เถิดแล้วจะเกิดผล. เดี๋ยวจะกลายเป็นนักปลุกพระโดยปริยายนะ.คราวนี้พระไม่ต้อง จำวัดเลย..อิอิ..ถูกปลุกตลอด..นะจะบอกให้

 

เนี่ยแหละครับวิธีเดียวกัน คุณHS6GFT(ศักดิ์) พูดถูกต้องแล้วครับดึงพลังในวัตถุมงคลแล้วน้อมเข้ามาในตัว เพื่อสัมผัสพลังของพระเครื่อง...ถูกต้องแล้วครับ

 

ถ้ารู้สึกเป็นสีแดงเข้มๆนี่เป็นกระแสอะไรคะ
แล้วอาการจับต้องวัตถุมงคลบางอย่างแล้วรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียรนี่เป็นเพราะอะไรคะ ช่วยวิเคราะห์ที

อนุโมทนา

 

อยากสัมผัสได้บ้างครับ

ต้องเริ่มฝึกอย่างไรบ้างครับ

รบกวนท่าน I'mTiM แนะนำด้วยนะครับ

 

ตอบคุณ luckthananun

การที่คุณสัมผัสพลังเป็นสีแดงคือพลังกระแสคงกระพัน ส่วนการสัมผัสกับวัตถุมงคลบางอย่างแล้วมีความรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียรเนี่ย เป็นลักษณะที่พลังอัดแน่นในวัตถุพอคุณไปสัมผัสมันเลยมีอาการพลุ่งปะทุออกมา แสดงว่าเสกเอาไว้หลายอย่าง ส่วนใหญ่จะออกแนวคุ้มครอง เช่น คงกระพัน พลังกันอาถรรพ์น่ะครับ และตัวคุณยังไม่มีพลังมากพอที่จะรองรับพลังที่มากกว่าได้ จึงเกิดอาการประเภทนี้และครับ ผมเองตอนฝึกแรกๆพอเจอของที่เสกมาแน่นๆเต็มๆ ก็จะสำลักออกมาน่ะครับ แต่พอฝึกสมาธิจนดีขึ้นเรื่อยๆพอมาจับวัตถุมงคลนั้นๆอีกก็ไม่มีอาการสำลักแบบที่เคยเป็นอีกเลย คือตัวเรามีกำลังมากพอแล้ว ภาชนะที่ใช้รองรับมีขนาดใหญ่ขึ้น ย่อมสามารถรองรับพลังที่มีความแรงและแน่นได้อย่างสบาย

 

ตอบคุณ jubsa13

ผมเขียนวิธีฝึกไว้ที่ด้านบนของกระทู้แล้วนี่ครับ แต่ถ้าต้องการวิธีที่ละเอียดขึ้นก็เปิดดูกระทู้ จิตกับตัวคาถาอันไหนสำคัญกว่ากัน(เคล็ดลับวิชาไสยศาสตร์) นี่เลยครับ เป็นหนึ่งในข้อเขียนของผมที่เขียนจากประสบการณ์ การฝึกฝนจริงๆขอให้ตั้งใจและสนุกกับการฝึกนะครับ มีอะไรก็ถามมาได้ยินดีให้คำตอบครับครับ

 

ขอบคุณครับ

 

ขออนุโมทนากุศลทั้งหมดทั้งมวลตั้งแต่อดีตปัจจุบันอนาคตครับ เป็นประโยชน์มากครับ กำลังอยากรู้พอดีเลย

 

สงสัยมานานแล้วได้รู้ซะที
denceedenceedencee

 

ผมเคยกำพระในมือแล้วรูสึกถึงพลังเหมือนมีไฟฟ้าสถิตย์

สามารถบอกถึงพลังและกระแสได้ครับว่าแบบไหน หลังจากนั้นผมก็เริ่มนั่งสมาธิครับรู้สึกสัมผัสได้ไวกว่าเดิม แต่ผมไม่เคยใช้คาถาแต่อย่างใดครับ แต่ถ้าสัมผัสบ่อย ๆหลายองค์ก็มือนั้นจะชาเป็นชั่งโมงเลยครับ ก็เป็นการแชร์ประสพการณ์ครับ