ลักษณะที่เกิดเวลาสวดมนต์และนั่งสมาธิ

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย ton2648, 29 พฤษภาคม 2008.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คุณ Siamese Wizard<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1363694", true); </SCRIPT>

    ช่วงนี้ คุณมีปัญหา เรื่อง เกี่ยวกับ ภายใน ครอบครัว

    เรื่อง อื่น ก็ เลยทำให้ คุณ เสียไปด้วย หลายๆ เรื่อง

    เพราะ ต้นเหตุ คือ ตัวคุณเอง คนอื่น ไม่ได้ ทำอะไร

    เเต่ อารมณ์ ของคุณ คือ ปัญหา ให้ ผู้คนรอบกาย เลี่ยงที่จะพูดคุย กับคุณ

    เพราะความเจ้าอารมณ์ เเละ เก็บความรู้สึกไม่ได้ เพราะ ความคิดของตนเอง

    คุณ ไม่รู้ว่า เจ้ากรรมนายเวร เขา ตาม จองล้างจองผลาญคุณ อย่างเเรงกล้า

    ไม่ได้ อาฆาตธรรมดา อาฆาตมาก เเต่ ไม่ต้องกลัว

    เดียว สันโดษ จัดการเรื่องเจ้ากรรมนายเวรเอง เพราะ เรื่อง จิต สันโดษ คุย ให้

    ส่วนตัวคุณ รู้เอาไว้ว่า คุณ ไปทำเขามาก่อน เท่านั้น เเล้ว ไม่ต้องหา ต้นสายปลายเหตุ

    ทุกครั้งที่ปฏิบัติ ให้ ระลึก ถึง เจ้ากรรมนายเวร ทุกชาติภพ เลยนะคะ

    เเล้ว ชวน พวกเขา ปฏิบัติใน ร่างของคุณ ให้ เขาใช้ร่าง รวม จิตเป็น 1

    พูดง่ายๆ คือ ใช้ ร่างกาย เป็น ตัวเชื่อม ของ จิตตนเอง และ จิตที่อยู่รอบตนเอง

    ชวนเขาสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำบุญ พูดในใจก็ ได้ ถ้าอาย

    พูดว่า เราขอโทษนะ ที่เราทำให้ พวกท่าน รู้สึกเเย่เท่านี้

    เเล้ว ก็ บอกวิญญาณ ที่อยู่ดูเเลคุณ และ คอย ตามอาฆาตคุณว่า คุณ จะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

    เพื่อพวกเขา ยกบุญให้ หมด เเละ ขอโทษ ด้วยใจจริง

    ตอนนี้ ทุกข์เท่าไร ก็ จง ยอมรับความทุกข์นั้นนะคะ

    เมื่อคุณ ทำบุญสร้างบารมี เเล้วยกบุญให้ จิตจะยกระดับ เป็น เทพเองคะ

    เเละ จะปกป้องเเทนทำร้าย เหมือนการ ดูเเลคนรัก

    ถ้าคุณรักใคร คุณก็ ให้ เเล้ว สิ่งทีได้ คือ ความสุข ภายในใจ

    อยู่ที่ว่า คุณ ทำบุญ ยกให้ คนอื่นได้หรือเปล่า

    เพราะว่า คนส่วนมากทำบุญย่อมอยากได้บุญ

    เเต่ สันโดษ สอนทำบุญเเล้วยกให้ เจ้ากรรมนายเวร

    บุญที่เเนะนำให้ ธรรมคือ ธรรมทาน และ อภัยทาน

    ไม่ต้อง ขวนขวายวิ่งหา เเค่ เตรียมจิต และ อธิษฐานว่า

    ตนเอง พร้อมที่จะ เป็น ส่วนนึงของการ ช่วยเหลือผู้คนโดยไม่หวังสิ่งใด

    เท่านี้ ปัญหาของคุณจะ หายหมด สันโดษ รับรองคะ
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  2. เมธญา

    เมธญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +1,584
    คุณสันโดษคะ ชอบข้อเขียนของคุณสันโดษมากๆ เลย ตัวดิฉันเองอยากสวดมนต์ เจริญภาวนาเหมือนคนอื่น ทำได้บ้างทำไม่ได้บ้าง และสงสัยเช่นกันว่าการปฏิบ้ติด้วยตนเองที่บ้านจะก้าวหน้าเหมือนคนที่เข้าคอร์สปฏิบัติธรรมหรือไม่คะ อยากมีครูคอยสอน แต่อยากปฏิบัติที่บ้าน อยากให้คุณสันโดษช่วยแนะนำค่ะ
     
  3. chrsr

    chrsr Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +28
    ดิฉันเพิ่งเริ่มศึกษา อยากเรรียนรู้และปฏิบัติดู และได้เข้ามาอ่านศึกษาที่เวปนี้ แต่มักจะเกิดขนลุกอยู่ตลอดค่ะ ดิฉันผิดปกติหรือไม่ แล้วเปนเพราะอะไร ควรเริ่มปฏิบัติอย่างไรดี ขอท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยค่ะ
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คุณ เมธญา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1364103", true); </SCRIPT> เดิมที่ คุณ เป็น คนที่ ไม่เชื่อ เรื่อง อะไรง่ายๆ

    เพราะ คุณ เป็น คนที่ต้องหาเหตุผลมารับรอง

    เเต่ คุณ เกิด ศรัทธา ในสิ่งที่คุณอ่าน นั้นคือ ปัญหาของ นักวิชาการ

    เพราะคุณ เชื่อ ถึง ศรัทธา ไม่ใช่ เพราะ ศรัทธา โดย ไม่มี ผลรองรับคะ

    ก่อนอื่น สันโดษ ขอให้ คุณ ทำจิตให้ ว่าง

    ว่างในที่ๆนี้ สันโดษ เเนะนำ ให้ คุณ ฟังเพลง บรรเลง เปียนโน

    สันโดษ สอน เเต่ละคนตามจริต เพราะ การ ฟังเพลงบรรเลง

    เรา จะ รู้สึก โล่ง ผ่อนคลาย เเละ จิต จะ ค่อย ๆเบา

    คุณ ต้อง ปฏิบัติ เเบบ สบาย

    อย่านั่งสมาธิ เพราะ คุณคิดมาก จะ ฟุ้งซ่าน

    คุณ ควรเจริญ สติด้วย กิจกรรม จะวาดภาพ หรือ ออกกำลังกายก็ได้

    เอาที่ตัวเอง ชอบ เเล้ว ทำโดย ไม่ต้องคิด ทำให้ จิตว่าง

    คือ การ ทำให้ เรา หยุดความคิด ถ้าคุณ จิตนิ่งได้เมื่อไร

    สันโดษ จะ สอนคุณต่อคะ เเล้ว สันโดษ สัญญา ว่า ไม่ทิ้ง

    ลองเอา ไปฟัง ก่อนนะคะ แล้วอย่าลืม กลับมาเล่าให้ เพื่อนๆฟัง

    เป็น ธรรมทานต่อนะคะ

    http://audio.palungjit.org/showthread.php?t=418
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คุณ chrsr<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1364158", true); </SCRIPT> ไม่ได้ ผิดปกติ ลักษณะของการขนลุก เพราะ จิตคุณว่าง

    เเละ คุณ ไม่ได้ คิดอะไร ซึ่ง ดี อยู่เเล้ว

    เพราะ การปฏิบัติ เมื่อจิตสงบ สิ่งรอบกาย เรา จะรู้สึกได้ง่าย

    เเหมแต่ เข็มตก เรา ก็ ตกใจ เพราะ จิตเรามี สามาธิ อยุ่ที่ ความคิด หรือ ที่กาย

    ทีนี้ คนที่ จิตมีสามาธิจึงรู้ว่า ตนเองรู้สึกอย่างไร ถ้าคนที่ จิตไม่ว่าง ย่อมไม่รู้ว่า กายเรา เป็น อย่างไร

    ขอให้ คุณ ปฏิบัติต่อไป เเละศึกษาไปเรื่อยๆ ตามจริต จำเอาไว้นะคะว่า มนุษย์ ทุกคนมี จิตผู้รู้ อยู่ในตัว ทุกคน

    อยู่ที่ว่า ตัวเรา พร้อม ที่จะเรียนรู้ สิ่งมหัศจรรย์ ด้วยตนเอง หรือ ยัง

    อาจารย์ และ ครูบาอาจารย์ อยู่รอบตัวเรา

    อยู่ที่ตัวเราว่า เรา พร้อม หรือ ยัง ไม่ต้องกลัว

    เพราะ ตัวเรา คือ อาจารย์ที่น่านับถือที่สุดคะ
     
  6. คนดีเมืองหาดใหญ

    คนดีเมืองหาดใหญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +243
    คูณสันโดษคะ ไม่ทราบว่าเมล์คุณ miajoy_t@ ......ใช่รึเปล่าคะ
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ใช่คะ เเต่ สันโดษ อยาก ให้ คุยกันที่เว็บนี้ นะคะ

    ถ้า คุยกัน ที่นี้ ทุกเรื่องที่คุยกัน จะได้เป็นธรรมทานกับ เพื่อนๆ คะ
     
  8. คนดีเมืองหาดใหญ

    คนดีเมืองหาดใหญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +243
    ขอบคุณคุณสันโดษค่ะ ขอถามต่อจากคำตอบเดิมหน่อยค่ะ อยากทราบว่าที่บอกว่าคุณแม่รอเกิด ขณะนี่ท่านอยู่ที่ไหนคะและจะไปเกิดที่ไหน ดิฉันสามารถทำบุญอะไรอย่างไรได้บ้างที่จะช่วยให้ท่านไปเกิดในที่ดีๆ ที่มีแต่คนดีนับถือพุทธศาสนา (ขอโทษนะคะถ้าใครคิดว่าเป็นเรื่องงมงาย แต่ดิฉันเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดค่ะ)
     
  9. chrsr

    chrsr Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +28
    ขอบคุณมากค่ะ แต่มีอีกหลายสิ่งที่อยากทราบคำตอบ ซึ่งบางครั้งก็เหมือนกับจะรู้ แต่ก็ไม่รู้จริงๆ ในสภาวะและประสบการณ์ที่พบเจอ จึงสับสนไม่ทราบว่าจะเริ่มจากอะไรก่อนดี ครั้งหนึ่งเคยได้รับโอกาสที่จะได้ศึกษาหาความรู้จาก...ท่านผู้รู้...... แต่เนื่องจากอยู่ในประเภทบัวสี่เหล่า จึงมิกล้าที่จะเอ่ยถาม กลัวว่าจะถามผิดๆ ถูกๆ แล้วใช้คำพูดที่ไม่บังควร จึงทำให้ละเลยและท้อที่จะศึกษาและปฏิบัติ และไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาวะแบบไหน แต่สุดท้ายก้ต้องเข้ามาที่จุดนี้อยู่ดี (คือจุดที่เป็นศูนย์ค่ะ...ที่รู้เพราะมีคนเคยบอกไว้ค่ะ...เท็จจริงอย่างไรคะ?? )จึงอยากจะขอคำแนะนำด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2008
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ขอบคุณคุณสันโดษค่ะ ขอถามต่อจากคำตอบเดิมหน่อยค่ะ
    อยากทราบว่าที่บอกว่าคุณแม่รอเกิด ขณะนี่ท่านอยู่ที่ไหนคะและจะไปเกิดที่ไหน
    ดิฉันสามารถทำบุญอะไรอย่างไรได้บ้างที่จะช่วยให้ท่านไปเกิดในที่ดีๆ
    ที่มีแต่คนดีนับถือพุทธศาสนา
    (ขอโทษนะคะถ้าใครคิดว่าเป็นเรื่องงมงาย แต่ดิฉันเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดค่ะ)


    คุณ คนดีเมืองหาดใหญ

    ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะว่า เเม่คุณได้ไปในที่ๆคุณต้องการ

    ตัวคุณเอง คือ ผู้ที่ นำพาท่านไปนะคะ

    เเละ เเม่ของคุณเองก็ สร้างบุญมาดีมากพอ

    ขอเเค่ปฏิบัติ อย่างที่ ทำประจำ ท่าน ก็ มีความสุข สงบ แล้วคะ

    ที่จะได้ไปเกิดในดินเเดนแห่งพุทธศาสนาเเน่นอนคะ
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ปุจฉา วิสัชนา : ผู้อยู่ในสถานะใด ที่มีโอกาสเข้าสู่กระแสพระนิพพาน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 ตุลาคม 2546 18:08 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ปุจฉา
    ผู้อยู่ในสถานะใด ที่มีโอกาสเข้าสู่กระแสพระนิพพาน

    วิสัชนา
    พระพุทธเจ้าบอกว่า สัตว์นรกยากต่อการที่จะมาเดินทางพระนิพพาน สัตว์เดรัจฉานก็ยาก เพราะมีความทุกข์เป็นอารมณ์อยู่ จึงมีคำพูดเอาไว้ ๒ ประเด็นว่า เทวดา พรหม ยากต่อการที่จะเข้ามาเดินทาง เพราะหลงในสุข เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก ยากต่อการจะเข้ามาเดินในทางมัชฌิมาปฏิปทา เพราะติดอยู่ในทุกข์ มีบุคคลผู้เดียว ประเภทเดียวเท่านั้น ที่พระศาสดาทรงเรียกว่าเป็นทางแห่งมัชฌิมาปฏิปทา เป็นเอกวิถี และเป็นเอกหนทางทั้งหลาย เป็นเอกบุคคล เป็นเอกบุรุษ ที่จะเดินเข้าไปได้ในหนทางแห่งคนคนเดียวเดินไปได้

    คำว่าคนคนเดียวในที่นี้หมายความว่า ไม่มีลูก ไม่มีผัว ไม่มีเมีย ไม่มีทรัพย์สมบัติ ไม่มีทั้งข้าราชบริวารทั้งหญิงชาย ไม่มีอะไรๆ แม้แต่ตัวกูของกูก็ต้องไม่มี มันจึงจะเดินเข้าไปในทางนี้ได้ มันเป็นทางแคบๆ สำหรับสัตว์นรกและเทวดา แต่มันเป็นทางกว้างๆ สำหรับคนที่มีค่าและมีสติปัญญา นั่นคือ มัชฌิมาปฏิปทา

    และเมื่อเดินทางเข้าไป มันจะยิ่งกว้างใหญ่โตมโหฬาร จนทำให้ชีวิตเข้าไปถึงพระนิพพาน สติปัญญา สมาธิ พลังอำนาจ ก็กว้างใหญ่โตตามไปด้วย มีลักษณะเช่นนี้ แต่ทางเข้ามันช่างแคบ สังเกตดูได้ว่า การที่เรามาบวชนี้ เพียงเพื่อจะทำให้ชีวิตของตน มีสัมมาทิฐิ คือ ความเห็นที่ตรงและถูกต้อง

    พระพุทธเจ้าของเราบอกว่า ธรรมะของเราเป็นธรรมะที่ฝืนโลก คือ ธรรมะที่รักษาโรค บางคนเป็นแผลแล้วก็ไม่อยากใส่ยา เพราะมันแสบ ทั้งๆ ที่รู้ว่าใส่ยาแล้วก็จะหาย แต่ก็ไม่ยอมใส่ แล้วแผลนั้นก็เน่าเฟะ เพราะฉะนั้น การใส่ยาให้แก่ตัวเองก็ถือว่าการเดินเข้าไปสู่มัชฌิมาปฏิปทา เริ่มต้นด้วยความคับแคบต่างจากสัตว์นรก เทวดา พรหม อันมีหนทางที่กว้าง

    หนทางพระนิพพาน หนทางการทำความดีนั้น เป็นหนทางที่เดินเข้าไปยาก มันแคบเท่ารูเข็ม แต่ตอนที่จะออกมันง่ายเหลือเกิน ลองถามดูก็ได้ว่าการบวชนี้ลำบากไหม ถ้าลำบากก็แปลว่ายังไม่ชิน เพราะฉะนั้น พวกเราทั้งหลายที่มานั่งอยู่ที่นี่ ก็ต้องถือว่า เป็นบุคคลที่เข้ามาสู่หนทางของบุรุษผู้เอก สตรีผู้เอก คือไม่มีอะไรต้องแบกเอาไป ถ้าแบกเอาไปคงไปไม่ได้ไกล ก็คือความตายเข้ามาหา แล้วเราจะทำอย่างไร เราจะมีโอกาสได้กลับมาเกิดเป็นคนกับเขาอีกสักครั้งหนึ่งหรือเปล่า เพื่อที่จะเข้าสู่หนทางอันนี้อีก คงจะเป็นไปได้ยาก

    สัตว์นรกนั้นจะเกิดมาเป็นคนนั้นยาก คนจะเป็นสัตว์นรกนั้นง่าย พรหมและเทวดาจะจุติมาเป็นคนนั้นก็ยาก แต่พรหมและเทวดาจะจุติเป็นสัตว์นรกนั้นง่าย มนุษย์จะเกิดเป็นพรหมและเทวดาก็ยาก เพราะฉะนั้น การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์
    หรือเป็นคน ถือว่าเป็นบุญลาภอันวิเศษ ที่เราต้องเดินเข้าไปปลดระเบิดเวลาให้เร็วที่สุด

    อะไรคือชนวนระเบิดของเรา ความตายของเรายังไงล่ะ ความตายที่เขาวางมาให้ว่า ๒๐ ปีจะต้องตาย โดยที่ ๒๐ ปีนี้ จะเดินเข้าไปถึงจุดมุ่งหมายได้ไหม เข้าถึงนิพพานได้ไหม เข้าถึงนิพพานก่อนตาย เวลานี้อันนี้ก็ถือว่าชนวนมันฝ่อ
    ไม่ต้องกลับมา แต่ถ้าหากเราไม่สามารถจะเดินเข้าไปได้ และยังหลงระเริงประมาทละเมอ
    เพ้อพก หมกมุ่นอยู่กับอารมณ์ ทำอารมณ์ให้เป็นอะไร มีความฉิบหายในอารมณ์ต่อไปไม่จบสิ้น ก็ถือว่าคนเราเดินเซเหมือนคนเมา สุดท้ายก็ไปไหนไม่ได้ ต้องตาย แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะกลับมาเป็นคนอีก

    เพราะฉะนั้น จึงอยากจะบอกพวกเราลูกหลานทั้งหลายว่า รักตัวเองบ้าง อย่าให้คนอื่นเขามารักตัวเองนัก ไม่ต้องรอให้คนอื่นเขามารักตัวเอง และก็ไม่มีใครเขารักเราเท่ากับเรารักตัวเอง และเมื่อใดที่เรารักตัวเองได้ ก็ถือว่าเรารู้จักประโยชน์ตัวเองแท้ๆ ไม่ใช่การมีเมียมาก มีลูกมาก มีรถมาก มีเรือนใหญ่ มีสมบัติเยอะ มีเงินกองโต มีเกียรติยศอันมั่นคง

    ประโยชน์ของตัวเองที่แท้จริง คือการเรียนรู้ชีวิต และศิลปะภายในการดำรงชีวิตของตนว่า ทำยังไงเราถึงสามารถเข้าไปอยู่ในหนทางแห่ง
    มัชฌิมาปฏิปทา หรือ มรรคปฏิบัติได้ หนทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง บริสุทธิ์ ยุติธรรม และตรงแนว ทำความเห็นข้อแรกให้ถูกต้อง มีสติพิจารณา มีการกล่าววาจาอย่างมีสติ มีความตั้งมั่นในสิ่งที่ถูกต้องตรงแนวบริสุทธิ์และยุติธรรมต่อไป เราต้องสามารถทำความเห็นให้เป็นปกติ โดยเฉพาะการเห็นภัยของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย

    ส่วนใหญ่แล้วพวกวัยดอกไม้บานจะมีข้อเสีย เพราะชีวิตเป็นดอกไม้ที่รื่นเริงบันเทิงอยู่ในหมู่ภมรมนตรีและแมลงภู่ผึ้งทั้งหลาย โดยไม่ใส่ใจว่าตัวเองต้องเหี่ยวอับเฉาในที่สุด การที่เรารีบเบ่งบานขึ้นมารับแสงเดือนแสงตะวันนั้น มีประโยชน์แล้วก็ยังมีโทษมหันต์ เหตุผลก็เพราะว่าเราไม่รู้จักวิธีการที่จะรับแสงเดือนแสงตะวัน บางทีเราก็ต้องเหี่ยวเฉาไปในเร็ววัน นั่นคือความตายเข้ามาหา

    การเกิดมามีชีวิตแล้ว ทุกคนย่อมต้องทำหน้าที่ของตัวเอง บุคคลที่เกิดมาก็เหมือนกับเกิดมาเล่นละคร มาเล่นเป็นพ่อแม่ เป็นลูก เป็นตา เป็นยาย ฯลฯ ขึ้นอยู่กับคนคนนั้นจะเล่นบทบาทของตนได้ดีแค่ไหน พอตายแล้วก็แปลว่า เขาเลิกจ้าง

    ชีวิต คือ โรงละคร พอตายแล้วไม่สามารถจะเอาอะไรติดตัวไปได้

    เพราะฉะนั้น จึงอยากจะบอกกับลูกหลานทั้งหลายว่า กระแสพระนิพพานเกิดได้ใน
    สัตว์ทุกประเภท มันขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นสัตว์ประเภทไหน คนประเภทไหน หมายถึงมีสติ
    ปัญญาระดับไหน ขนาดไหน ที่สามารถจะรู้ว่าชีวิตของตนนั้นมีสาระแก่นสารอะไรบ้าง และการดำเนินชีวิตของตน เกิดมาเพื่ออะไร ที่หลวงปู่เคยเขียนไว้ว่า ท่านมาทำไม... มาเพื่ออะไร... มาแล้วได้อะไร และถ้าไป... ไปอยู่ที่ไหน แล้วเกิดประโยชน์อะไรกับการมา สุดท้ายต้องบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า... เราต้องตาย

    ถ้ารู้จักถามตัวเองอย่างนั้นบ่อยๆ ก็คงจะทำอะไรอย่างมีสติ และให้เป็นไปตามบทบาท คนเป็นพ่อแม่ก็เหมือนกัน เลี้ยงลูกมาจนแก่ใกล้จะตายอยู่แล้ว ก็ยังเลี้ยงกันต่อไป จริงๆ แล้ว ไม่ได้เลี้ยงลูกหรอก เลี้ยงกิเลสของลูกมากกว่า

    หลวงปู่จึงบอกกับลูกหลานตอนมาบวชเณร แล้วเณรร้องไห้อยากกลับบ้าน แม่ก็โอ๋ พ่อก็โอ๋ จะเอาลูกกลับ แล้วคนที่ร้องไห้แต่พ่อแม่ไม่ให้กลับ วันสึกเณรไม่อยากกลับบ้านอีก แสดงว่าตอนที่ร้องนั้นมีกิเลส แต่ตอนที่ไม่ร้องนั้นไม่มีกิเลส พ่อแม่ไม่เข้าใจจึงพยายามที่จะเอาใจลูก สนับสนุนลูกให้ทำความชั่วตามกิเลสที่คำนึงนึกถึงไป

    หลวงปู่ก็ถามว่า จะเลี้ยงลูกเอาตัวลูกหรือเอากิเลสของลูก แต่ถ้าเลี้ยงเพื่อจะเอาตัวลูก พ่อแม่ก็ต้องปล่อยให้โดนเคาะ ขัดเกลาถ้าคิดจะเอาทั้งลูกตัวเองและเอาทั้งกิเลสด้วย ก็หอบลูกออกไปจากวัดได้เลย

    สำหรับพระเณรทั้งหลาย เขาฉันอาหารเพื่อให้กิเลสตาย แต่ชาวประชาหน้าใสและชาวบ้านทั้งหลาย กินเพื่อให้กิเลสโต หลวงปู่ขอบอกความจริงกับลูกหลานทั้งหลายว่า กระแสนิพพานนั้น มันมีด้วยกันทุกคน เว้นแต่ใครจะเดินไปหรือไม่เท่านั้นเอง และทุกคนก็มีสิทธิจะเดินหรือหยุดเดิน สิทธิอันนี้พระเจ้าองค์ใดก็ไม่ได้ดลบันดาล เราเป็นผู้ดลบันดาลชีวิตเรา ให้ยอมเดินหรือไม่ยอมเดินเท่านั้นเอง แล้วมีกี่คนที่จะรู้ขนาดนั้น มีกี่คนที่จะวาง ละเว้นสิ่งที่เป็นเครื่องล่อ ต้องบอกว่า มันเป็นเครื่องล่อให้หยุดการเดินทาง เช่น กิน กาม เกียรติ โกรธ อะไรก็แล้วแต่ โลดโผนโจนทะยานออกไปแล้ว กระโดดออกไปนอกทาง จะเข้ามาอีกก็ไม่ได้แล้ว

    พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า มัชฌิมาปฏิปทา หนทางสายเอกเป็นของบุคคลผู้เอก คือ บุคคลเดียวที่เดินได้เท่านั้น ขึ้นต้นด้วยความคับแคบ แต่เต็มไปด้วยความกว้างขวางในอนาคต
    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2008
  12. คนดีเมืองหาดใหญ

    คนดีเมืองหาดใหญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +243
    ขอบคุณ คุณสันโดษ มากค่ะ
     
  13. supatach

    supatach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,638
    ค่าพลัง:
    +6,666
    ขอเรียนสอบถามคุณสันโดษนะครับ
    ลักษณะอาการที่เกิดขึ้นกับผมเวลาสวดมนต์และแผ่เมตตาคือจะมีอาการขนลุก
    ผมไม่ค่อยแน่ใจว่า อาการขนลุกของคนๆนึง เป็นเพราะสาเหตุใด
    ผมตั้งข้อสังเกตุว่า ผมอุปทาน หรือ คิดกลัว หรือ คิดอะไรก็แล้วแต่ที่เรารู้สึกกลัวโดยไม่รู้ตัว
    ขนจึงลุกขึ้น ข้อสังเกตุต่อไปคือ จิตสัมผัสกับสิ่งลี้ลับ
    ผมพยายามจะฝึกนั่งสมาธิแต่รู้สึกว่าไม่มีความก้าวหน้าเอาซะเลย
    แค่อุปจารสมาธิก็ยังไม่ได้เลย อยากจะขอคำแนะนำหน่อยครับ
    เคยปรึกษาพระ ท่านว่าผมอ่านตำราเยอะไป หลายครูบาอาจารย์ จึงจับมามั่วไปหมด
    ถึงจะรู้แบบนี้แต่ก็แก้ไขไม่ได้เลย
    อีกคำถาม เราจำเป็นต้องรู้อะไรๆในอดีตของเราหรือเปล่าครับว่าเราเคยฝึกเคยได้อะไรมาในอดีตเพื่อที่จะมาต่อยอดในชาติปัจจุบัน
    ขอบคุณครับผ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2008
  14. supatach

    supatach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,638
    ค่าพลัง:
    +6,666
    ถึงคุณสันโดษ
    วันนี้ผมได้นั่งอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายแล้ว ค้นพบตัวเองว่า
    เป็นคนไม่เอาไหนเลย ระบบทางความคิดยิ่งไปกันใหญ่ ก็อาศัยคำตอบของคุณสันโดษช่วยชี้แนะ สิ่งนึงที่ผมสรุปได้ คืออย่าทำบุญเพื่อหวังเอาบุญ คิดอย่างนี้ถูกไหมครับ
    เช่นเราให้ทาน เพราะ ต้องการช่วยเหลือ ฝึกการเสียสละ
    เราสวดมนต์ภาวนา เพื่อระลึกถึง พระพุทธเจ้า นึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า
    เรานั่งสมาธิ เพื่อต้องการค้นหาความสงบ เพื่อก่อให้เกิดปัญญา
    หลังจากอ่านกระทู้นี้จบ ผมเกิดแรงบันดาลใจที่จะหันมาสวดมนต์ทำสมาธิอีกครั้งหลังจากเลิกไปนาน ขอบคุณ คุณสันโดษมากๆเลยนะครับ
    หากมีสิ่งใดที่พอจะกรุณาแนะนำ ขอเชิญชี้แนะด้วยนะครับ
    ขอบคุณครับ
     
  15. supatach

    supatach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,638
    ค่าพลัง:
    +6,666
    ขอให้คุณสันโดษหายเจ็บนิ้วในเร็ววันนะครับ
    รักษาสุขภาพกายและสุขภาพนิ้วด้วยนะครับ
    ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ ดีใจที่ได้พบกัลยาณมิตรเช่นคุณสันโดษครับ
    ผมขออุทิศบุญกุศลของผมให้คุณสันโดษ ขอคุณสันโดษกรุณาอนุโมทนา
    ไม่รู้ว่ากล่าวแบบนี้ ถูกต้องหรือเปล่าครับ :)
    และหวังว่า
    มันจะช่วยให้คุณสันโดษ มีกำลังกายและกำลังใจที่เข้มแข็งนะครับ
    ขอบคุณครับ
     
  16. cartoony

    cartoony Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +34
    ขอบคุณคุณสันโดษมากนะคะ ที่ให้ธรรมทาน ทำให้เข้าใจอะไรขึ้นมาก
    ต่อไปนี้จะตั้งใจอธิษฐานให้จิตสงบ ไม่ลังเล ไม่สงสัย ไม่หวาดกลัว และเคารพรักตัวเอง
    ที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ นะคะ

    ขอบคุณมากๆ ค่ะ ขอส่วนบุญทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้วทั้งในอดีตและปัจจุบันจงสำเร็จแก่ทุกผู้ทุกคนทุกนามด้วยเทอญ หายเร็วๆนะคะคุณสันโดษ แล้วมาให้ธรรมทานที่นี่อีกค่ะ จะติดตามนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ
     
  17. Bon chance

    Bon chance Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +25
    สวัสดีค่ะ คุณสันโดษ ดิฉันได้ติดตามอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่ต้นจนหน้าล่าสุด ดิฉันชอบที่คุณให้คำปรึกษาดีจังให้คำตอบพร้อมข้อคิดดีๆหลายอย่าง

    ดิฉันอยากปรึกษาคุณเรื่องการปฏิบัติพระกรรมฐานหน่อยค่ะ คือ ดิฉันได้ปฏิบัติเองที่บ้านโดยไม่ได้มีครูบาอาจารย์สอน เพียงอ่านจากเวปนี้แล้วนำไปปฏิบัติเอง บ่อยครั่งที่อ่านหรือฟังเสียงสวดมนต์,พระคาถาต่างๆจะร้องไห้ออกมาเอง บางทีแค่น้ำตาไหล บางทีร้องแบบฟูมฟายเลยค่ะ แต่พอเสียงสวดมนต์จบก็จะหยุดไปเองเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้นซะงั้น เป็นเพราะอะไรหรอค่ะดิฉันเพิ่งเริ่มปฏิบัติได้ไม่นานแค่ 3-4 เดือนเท่านั้นเอง แต่มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นกับดิฉันมากมายขณะทำพระกรรมฐาน ล่าสุดที่เกิดคือ ทุกครั้งที่นั่งพอนั่งได้สักพักจะต้องล้มตัวนอนแต่ขากะมือยังคงอยู่ท่าขัดสมาธิค่ะ บางครั้งเคยฝืนไม่ยอมล้มตัวนอนก็จะปวดหูปวดหัว ทำให้ไม่มีสมาธิในการนั่งเลย แต่ถ้าไม่ฝืนยอมนอนลงไปดีๆจะทำสมาธิได้นานมาก บางครั้งก็เหมือนจะหลับแต่ไม่ได้หลับเพราะรู้ตัวตลอดเวลารู้ว่าเกิดอะไรรอบๆตัวเรา เคยมีคนแนะนำว่าให้เรียกครู พระอาจารย์หรือเทวดา มาพาเราไปชมสถานที่ต่างๆได้ ดิฉันเคยลองแต่ก็ไม่เห็นใครเลยค่ะ ไม่ทราบเป็นเพราะว่าดิฉันไม่ได้มีครูบาอาจารย์สอนด้วยหรือเปล่าค่ะ ฉะนั้นการปฏิบัติของดิฉันก็จะหยุดอยู่แค่นี้เองค่ะ

    อยากถามคุณสันโดษว่าที่ดิฉันปฏิบัติอยู่ถูกต้องไหมค่ะ (ดิฉันปฏิบัติดังนี้ค่ะ สวดมนต์ อาราธนาพระกรรมฐาน นั่งสมาธิ แผ่เมตตา) ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    Bon chance<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1369002", true); </SCRIPT>


    สันโดษดีใจ ที่คุณ ไม่มีอาจารย์ เป็น สรณะ เเละ ปล่อย จิตว่าง จริง

    การที่คุณ ปล่อยจิตให้ ว่าง เเละ ไม่กำหนด ได้ ทำเพียงเเค่ ดูพฤติกรรม

    ของตนเอง ร้องไห้ พูด สวดมนต์ เเละ เคลื่อนไหว นั้นคือ สิ่งที่ถูกต้องคะ

    เพราะ จิต มี อิสระ เป็น รูปแบบพลังงาน ดังนั้น เมื่อคุณ ไม่ข่มจิต

    ความเป็น อิสระของ จิต จึงทำให้ คุณ เคลื่อนไหว อย่าง ไม่กลัวสิ่งใด

    พลังงาน ไม่มีรูปร่างนะคะ เเต่ จะ อาศัย ร่าง ซึ่ง เป็น ที่ อยู่ ของ จิต บอกกล่าว

    พูดง่ายๆ คือ ร่างทรง ที่นี้ คุณ ถือศีล บริสุทธิ์ สิ่งที่เข้ามา คือ ครูบาอาจารย์

    ความตั้งใจ และ อธิษฐานจิต จึง เกิด จิตผู้รู้ ในร่าง

    คุณ จะไม่ได้ เห็น เป็น รูปร่าง เเต่ คุณ จะเห็น เป็น จิต ด้วยน้ำเสียง

    ลักษณะ ท่าทาง การขยับตัว การโยกตัว เเละ การเคลื่อนไหวมือ

    เมื่อคุณ ปล่อยจิตว่าง คุณ จะเห็น ตัวคุณ ขยับเอง

    ไม่ต้องกลัว ให้ ดูไป เพียงเเค่ ดู สิ่งที่คุณ เห็น ไม่มี

    เเต่ เป็น สิ่งที่คุณ รู้สึก วูบวาบ รอบตัว ณ ขณะนี้

    ขอให้ คุณ รอดูเเละฟัง เสียง ที่ตนเองไม่ได้ คิดว่า จะพูด

    ความหัศจรรย์ ของ จิตว่าง จงเชื่อตนเองคะ โชคดีนะคะ
     
  19. Bon chance

    Bon chance Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +25
    ขอบคุณมากค่ะคุณสันโดษ สำหรับคำแนะนำ จริงอย่างที่คุณว่าเลยค่ะขณะนั่งสมาธิเกิดเหตุการณ์อย่างที่คุณว่าเลยค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยโยกไปมาแล้ว เพียงแต่จะนอนอย่างเดียวค่ะนานๆจะส่ายไปมาบ้าง พอจะบอกได้ไหมค่ะว่า ครูบาอาจารย์ที่ท่านกรุณามาโปรดสอนให้ คือท่านใดหรือค่ะ

    ขอถามอีกเรื่องนะคะ กิจการร้านค้าอาหารที่จะเปิดเร็วๆนี้ จะไปได้ตลอดรอดฝั่งไหมค่ะ คือ ก่อนหน้านี้ร้านนี้เปลี่ยนเจ้าของหลายรายมากอยู่ได้ไม่ถึงปี กลัวจะเหมือนพวกเขาด้วยน่ะค่ะ ล่าสุดก่อนหน้าเราเขาเปิดได้แค่ 3 เดือนเองค่ะ เราขอแค่ 5-6 ปีได้กำไรดีๆก็พอแล้วค่ะ จะกลับมาอยู่ไทยถาวรเลยค่ะ พอจะเป็นไปได้ไหมค่ะ คุณสันโดษพอจะมีเคล็ดลับหรือวิธีแก้เคล็ดอย่างไรบ้างไหมค่ะ นอกจากบริการดี อาหารอร่อยแล้วน่ะค่ะ อยากรู้ว่าเจ้าที่ร้านเขาต้องการอะไรเป็นพิเศษไหมค่ะ คือที่นี่เมืองฝรั่งด้วยน่ะค่ะ กลัวว่าท่านต้องการอย่างอื่นนอกจากแบบไทยไทยเราปฏิบัติกันหรือไม่น่ะค่ะ ขอรบกวนหน่อยนะคะ ขอให้คุณโชคดีในทุกๆเรื่องเช่นกันนะคะ
     
  20. vitsarut

    vitsarut สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +15
    ขอปรึกษาคุณสันโดษเรื่องการปฏิบัติกรรมฐานหน่อยครับว่า จำเป็นไหมที่ต้องไปขึ้นครูกรรมฐานก่อนแล้วจะทำให้สมาธิดีขึ้นน่ะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...