ภาพงานบุญต่อเนื่องของชมรมคนรักหลวงปู่ทวด

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย jummaiford, 12 เมษายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. sudpob

    sudpob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +257
    หมอครับถึงอย่างไรก็ต้องเทพระกริ่ง ผมว่าน่าจะเทรูปหล่อลอยองค์หลวงปู่ทวดเนื้อโลหะอีกสักชุดและใต้ฐานบรรจุของมงคลเหมือนพระกริ่ง
     
  2. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ขอบพระคุณที่เเนะนำนะครับและติดตามนะครับ
     
  3. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ไม้เสาวิหารหลวงวัดเจดีย์หลวง .....นำมาอุดฐานพระกริ่งดีหลวง สองดีที่น่าติดตาม???

    เสาวิหารวัดเจดีย์หลวงอายุ700ปีสำคัญอย่างไร??

    ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งช่วงหนึ่ง ท่านเคยได้รับมอบหมายให้เป็น"เจ้าอาวาส" ณ. วัดเจดีย์หลวงแห่งนี้ ซึ่งเป็นวัดแรกและวัดเดียวเท่านั้นที่ท่านพระอาจารย์มั่นยอมรับ"ภาระพระศาสนา"อันหนักดังว่าอยู่ราวปีหนึ่งอีกต่างหากด้วย..!!!! <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25>mun015.jpg </TD></TR></TBODY></TABLE>
    รวมถึงพระอริยคณาจารย์องค์สำคัญๆเกือบทั้งหมดที่เป็นศิษยานุศิษย์ในท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ก็ล้วนเคยมาพักจำพรรษาหรือปฏิบัติธรรมที่วัดเจดีย์หลวงนี้ แทบไม่มียกเว้นเลย....<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25>p-206.gif </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แม้แต่"หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน" วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ก็ได้เรียนพระปริยัติธรรมจนจบเปรียญธรรม 3 ประโยค จนได้ชื่อนำหน้าว่า"มหา"นั้น ก็ที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่นี้อีกนั่นแล้ว..... <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25>p-531.gif </TD></TR></TBODY></TABLE>และไม่จำต้องกล่าวถึง"พระญาณสิทธาจารย์"หรือ"หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร" สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่ ซึ่งเคยมาปฏิบัติศาสนธุระที่วัดเจดีย์หลวงแห่งนี้จนไม่อาจจะนับครั้งให้ถูกถ้วนได้ <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>และ"อริยบุคคล"สาย"พุทฺโธ" องค์สำคัญอย่างพิเศษอีกท่านหนึ่งซึ่งเคยมาพักที่วัดเจดีย์หลวงด้วยเช่นกัน และยังได้แสดงปาฏิหาริย์"เดินเหนือผิวน้ำ"ให้ผู้ใกล้ชิดได้ประจักษ์เมื่อราวปีพ.ศ. 2480 เศษๆ ซึ่งหลายๆท่านอาจจะนึกไม่ถึง นั่นก็คือ"คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม" แห่งวัดอาวุธวิกสิตาราม กรุงเทพมหานครนั่นเอง.!!!! <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>การที่ได้อัญเชิญ"ไม้เสาวิหารหลวงอันดั้งเดิมที่สุดของวัดเจดีย์หลวง"มาอันเป็นพระอารามหลวงซึ่งเคยเป็นที่พำนักแห่ง"พระอัจฉริยบุคคล"สาย"พุทฺโธ" ชั้นยอดที่สุดแห่งยุคดังนี้ จึงเป็นการรวม"พลังจิต"และ"พลังบารมี"ตลอดจน"แรงอธิษฐาน"แผ่เมตตาของพระอริยเจ้าทั้งนั้น ซึ่งย่อมยังคงสถิตเสถียรอยู่ตลอดอนันตกาล ณ. สถานที่แห่งนี้ลงสู่พระกริ่งดีหลวงอย่างพร้อมพรั่ง ซึ่งผู้ที่ปฏิบัติทางจิตทั่วไป ย่อมทราบสัจจะความจริงดังว่านี้เป็นอย่างดี ไม่จำต้องพักสงสัยอันใดเลย....


    ผู้มอบไม้มหามงคลยิ่งนี้เสาวิหารประวัติศาสตร์คือ
    พระพุทธพจนวราภรณ์(จันทร์ กุสโล) เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ (อายุ 90 ปี) ซึ่งเป็นศิษย์ในท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตและเป็นสหธรรมิกของพระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) เป็นผู้อนุญาติและมอบไม้นี้ให้ด้วยความยินดียิ่งเมื่อปีก่อนหน้านี้<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    จากซ้ายไปขวา
    พระเดชพระคุณพระอุบาลี (จันทร์),ท่านพระอาจารย์มั่น,ครูบาศรีวิชัย


    ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านพระอาจารย์ใหญ่แห่งสายวิปัสนากัมมัฏฐาน ได้เคยพำนักอยู่วัดเจดีย์หลวงร่วมสมัยกับกับพระเดชพระคุณพระอุบาลี (จันทร์) ระหว่าง 2472-2474 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ครูบาศรีวิชัย พระนักบุญแห่งล้านนาไทยขึ้นมาพำนักอยู่ที่วัดสวนดอก เมืองเชียงใหม่เพื่อฟื้นฟู บูรณะวัดวาอารามพระธาตุเจดีย์ ปูชนียสถานต่างๆในเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพด้วย พระครูบาศรีวิชัยแม้องค์ท่านจะไม่มีฐานันดรสมนศักดิ์ แต่ท่านก็เป็นพระมหาเถระสมบูรณ์พร้อมด้วยคุณธรรม และวัตรปฏิบัติอันประเสริฐยิ่ง มีบารมีสูงสุด จนคนเหนือยกย่องให้เป็น "ตนบุญ" หรือ "นักบุญแห่งล้านนาไทย" พระครูบาศรีวิชัยได้เข้ามากราบนมัสการท่านเจ้าคุณอุบาลี วัดเจดีย์หลวงถึง 2 ครั้ง และพระเดชพระคุณก็มีโอกาสไปเยี่ยมพระครูบาศรีวิชัยเป็นการตอบแทน ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับกรุงเทพ

    ส่วนพระอาจารย์มั่นนั้น เคยพบและสนทนาธรรมกะบพระครูบาศรีวิชัย หลังจากที่พระครูบาศรีวิชัยถูกอธิกรณ์แล้ว ท่านอาจารย์มั่น เคยออกปากชวนพระครูบาศรีวิชัยออกมาปฏิบัติกัมมัฏฐานด้วยกัน แต่พระครูบาศรีวิชัยปฏิเสธโดยกล่าวว่า ท่านได้บำเพ็ญบารมีมาทางพระโพธิสัตว์ และได้รับการพยากรณ์แล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้

    ต่อมาพระเดชพระคุณพระคุณพระอุบาลี สนใจใคร่รู้ถึงภูมิธรรมและปฏิปทาตามวิถีทางที่พระครูบาศรีวิชัยดำเนินอยู่ จึงได้สอบถามพระอาจารย์มั่น ซึ่งท่านได้กราบเรียนพระเดชพระคุณให้ทราบว่า "พระศรีวิชัยองค์นี้เป็นพระโพธสัตว์ ปรารถนาพระโพธิญาณ ขณะนี้กำลังบำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมีอยู่ ซึ่งต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกนาน จนกว่าการสั่งสมบารมีธรรมจะบริบูรณ์"


    ท่านเป็น นิตยโพธิสัตว์ นี่เอง พยากรณ์แล้วด้วย สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กรกฎาคม 2008
  4. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    <TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25>sp-043.gif </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เมื่อครั้งไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่สุภา ศิษย์พระอาจารย์สีทัตและหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า นำพระหลวงพ่อทวดที่สร้างไปถวาย
    ท่านจับพระและบอกว่าพระหลวงพ่อทวดที่เธอสร้างไปทำพิธีที่ไหนมามีพลังงานของหลวงพ่อทวดเต็มที่เต็ม100เปอเซนต์และหลวงพ่อทวดท่านมาประสิทธิพระเองเลยทีเดียวนะ

    โดยพระที่นำถวายเป็นพระพิมพ์ยอดขุนพลหลวงพ่อทวดที่สร้างเเจกทหารโดยเพียงจุดธูปอธิษฐานจิตอัญเชิญบารมีหลวงพ่อทวดด้วยจิตปราถนาดีต่อเพื่อร่วมชาติเพียงเท่านั้นหาได้มีพระเกจิหลายๆองค์มาปลุกเสกหามิได้ นับว่าเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีว่าพระจะดีจะขลังหรือไม่อยู่ที่เจตนาเเละใจเป็นสำคัญ
     
  5. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร ที่ได้เคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่ง ความว่า
    "เจตนาการสร้างพระของผู้สร้างนั้น ย่อมมีผลต่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระด้วย!!!???"
    "พระเครื่องที่มีเจตนาการสร้างบริสุทธิ์ ได้บอกกล่าวขออนุญาตถูกต้อง เมื่อปลุกเสกแล้ว จะมีความขลังความศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มที่..!!!!"
    "แต่ถ้าพระเครื่องใด ผู้สร้างมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ (คิดโลภหาเงินเป็นอาณาประโยชน์ส่วนตน หรืออยากดัง อยากเด่น โดยไม่มีกุศลเจตนาเป็นพื้นฐาน) ต่อให้เอาเข้ามาในพิธีปลุกเสก พระเครื่องรุ่นนั้นๆ ย่อมมีความขลังความศักดิ์สิทธิ์น้อย หรือไม่ได้รับพลังจิตอธิษฐานใดๆเลย..!!!???!!!"
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    "เออ..ก็คนสร้างพระ มิใช่เป็นผู้เสกพระ แล้วจิตเจตนาคนสร้างจะมามีผลอะไรต่อความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของพระได้เล่า..???"

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโยพระอรหันตเจ้าผู้ยิ่งด้วยปัญญา แห่งวัดป่าสาลวัน นครราชสีมา

    กล่าวว่า"เจตนาของผู้สร้าง มีผลต่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระจริงๆน๊ะ..!!!???"
    เหตุผลที่ประมวลได้ก็คือ
    "เจตนาผู้สร้างเหมือนกับผู้หล่อแก้ว จิตผู้เสกก็เปรียบด้วยน้ำ ถ้าจิตผู้สร้างมีเจตนาที่ดี แก้วนั้น (เมื่อมองด้วยตาใน) ก็จะใสสะอาดบริสุทธิ์ ควรแก่การเอา"น้ำทิพย์"(พลังจิต) บรรจุได้เป็นอันดี....
    แต่...ถ้าเจตนาผู้สร้างสกปรก มีจิตทุจริตคิดมิชอบ ก็เหมือนกับเอาแก้วนั้นไปตกบ่อตกถังส้วมสกปรก ต่อให้เอาน้ำทิพย์ของผู้เสกบรรจุลงไป น้ำ(พลังจิต)ที่ออกมาก็จะพลอยมัวหมอง ถูกจิตเจตนาที่สกปรกตัดรอนให้เสื่อมอานุภาพตามไปด้วย หากยิ่งผู้เสกเป็นพระผู้บริสุทธิ์แท้จริงแล้ว ท่านอาจจะรังเกียจ ไม่ยอมประจุพลังจิตลงในวัตถุมงคลที่มีเจตนาการสร้างไม่สะอาดไม่บริสุทธิ์นั้นเลยก็ได้..!!!!!!!!"
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    [​IMG]

    ที่มาของคาถาพระมหาจักรพรรดิ์

    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->จากหนังสือพระผู้จุดประทีปในดวงใจครับ....

    ไม่เคยโกหกใคร

    หลังจากที่ผู้เขียนสอบสัมภาษณ์ปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว ได้กลับมานมัสการหลวงพ่อพร้อมกับรายงานผลเนื่องจากก่อนจะสอบ ผู้เขียนได้ขอบารมีหลวงพ่อให้ช่วยเหลือ ท่านพยักหน้ารับ ซึ่งในวันนั้นหลวงพ่อมีอารมรณ์แจ่มใสมาก ท่านพูดว่า " ข้าอธิษฐานบารมีพระ แผ่บุญกุศสไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาแกนั่นแหละ เอาบุญให้เขา เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา สามคนข้ารู้ชื่อแต่อีกคนไม่รู้ เลยขอให้สามคนถาม อีกคนคอยนั่งฟัง " ซึ่งก็เป็นจริงดังที่หลวงพ่อพูดไว้

    ผู้เขียนได้สนทนากับท่านจนถึงเรื่องคาถามหาจักพรรดิ์

    ผู้เขียน "หลวงพ่อเป็นผู้แต่งคาถาบูชาพระ คาถามหาจักรพรรดิ์ ใช่มั้ยครับ"

    หลวงพ่อ "สำเภาเขาสร้างพระพุทธรูป อยากได้คาถาบูชาพระก็เลยมานึกเอา เอง มันจะผิดอยู่หน่อยหนึ่งตรงคำบูชาที่มีนะโมพุทธายะ แล้วก็ ยะธาพุทโมนะ หรือแกว่าไง"

    ผู้เขียน "ปกติการตั้งองค์พระ การอธิษฐานให้เป็นพระ โบราณเขาใช้กันว่า นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ ดังการที่หลวงพ่อกล่าวเช่นนี้ต้องการให้บูชาคาถาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรรดิ์ใช่ไหมครับ"

    หลวงพ่อพยักหน้ารับพร้อมทั้งกล่าวว่า


    "คาถาบทนี้เป็นของดี หมั่นท่องไว้ทุกวัน ปกติเขาไม่ให้กันหรอกเพราะเขากลัวลูกศิษย์จะดีกว่าอาจารย์ แต่ข้าไม่เคยกลัวและไม่ปิดบัง ท่องให้ดีนะอีกหน่อยจะรวย เพราะมีการกล่าวถึงพระสิวลีผู้เป็นเลิศทางลาภไว้ด้วย อาบไปเสกไปก็ได้ กินข้าวก็ได้ ดีทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามาบอกพวกแก ข้าทดลองมาแล้วทั้งนั้น เมื่อดีแล้วจึงมาบอก ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาและหมั่นฝึกฝนปฏิบัติ คนเราอยู่ดีๆจะให้รวยได้อย่างไร ต้องปฏิบัติเสียก่อน ดูอย่างข้าเมื่อก่อนต้องไปยืมเงินเขามาซื้อธูปเทียนใบชามาเลี้ยงแขก เดี๋ยวนี้ของกินของใช้มีใช้เกลื่อนกลาดไป เรามาพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น แกว่าจริงไหมของดีของอร่อยกินก็ไม่ได้ ฟันไม่มี"

    หลวงพ่อหัวเราะ แล้วเสริมอีกว่า

    "คนเราต้องทำให้ดีเมื่อดีแล้วจึงรวย แล้วจะได้ไม่ซวย พระจะดีต้องหมดอยาก ถ้ายังอยากอยู่ก็ไม่ใช่พระดี"



    มหาจักพรรดิ์

    หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังถึงการปลุกเสก หรือ อธิษฐานวัตถุมงคลของท่านว่า
    "นอกจากการมีพลังจิตแล้ว ที่ท่านใช้อยู่เสมอคือ บทสวดมนต์เจ็ดตำนาน" ท่านบอกว่าดีกว่าคาถาอาคมมากมายนักเพราะเป็นเรื่องราวของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งนั้น ไม่จัดเป็นเดรัจฉานวิชา บทที่ท่านทำทุกครั้งคือ บทพระพุทธเจ้าทรมานพญาชมพูบดี หรือที่เรียกว่า "ชมพูปติสูตร" ซึ่งแสดงถึงอำนาจหรือบารมีของพระพุทธเจ้าผู้เป็นครูของมนุษย์และเทวดาทั้งปวง แสดงถึง ธรรมที่ชนะอธรรมท่านเรียกบทนี้ว่า "มหาจักพรรดิ์" พญาชมพูบดีเป็น
    จักพรรดิ์มีอิทธิฤทธิ์มากแต่พ่าแพ้ต่อบุญฤทธิ์ ในที่สุดอุปสมบทได้สำเร็จอรหันตผล หลวงพ่อท่านกล่าวว่า "ข้าป็นคนโลภมากทำอะไรก็อยากทำให้มากที่สุด ดีที่สุด เดี๋ยวนี้ใช้แค่บมนี้ทั้งนั้น ใครมานั่งคุมเลาข้าเสกเขาก็รู้เองแหละว่าทำจริงหรือไม่จริง"

    ท่านเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นพระ ต่อมาท่านไม่มาหาหลวงพ่ออีกเนื่องจากหลวงพ่อพูดว่า "ยังไม่ไปนิพพานเพราะต้องโปรดคน" แต่พระองค์นี้ไปตีความไปว่าหลวงพ่อยังติดอยู่กับ ลาภยศ ชื่อเสียง ซึ่งความจริงแล้วหลวงพ่อมีเมตตาและบอกความปราถนาของท่านให้ทราบว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์

    ผู้เขียนคัดลอกเกี่ยวกับบท ชมพูปติสูตร หรือบทมหาจักพรรดิ์มาลงไว้เนื่องจากปัจจุบันขาดผู้สนใจ เห้นเป็นเรื่องเหลวไหล แม้แต่พระบางองค์ท่านยังกล่าวว่าเกินความจริง โดยท่านลืมนึกถึงคำว่า "อจินไตย" คือสิ่งไม่ควรคิดเพราะไม่สามารถนำเหตุผลทางโลกหรือทางทฤษฎีมาทำให้เกิดความกระจ่างได้ เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้เอง ถ้าคิดมากอาจเป็นบ้า สิ่งเหล่านี้ได้แก่

    1. พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า เช่น ทำไมท่านถึงตรัสรู้ได้ ท่านมีอิทธิปาฏิหาริย์จริงหรือ

    2.วิสัยของกรรม เช่น ทำไมคนนั้นคนนี้รวย จน สมบูรณ์ กำพร้า

    3.วิสัยของพระอรหันต์ เช่น ท่านหมดโลภ โกรธ หลงหรือ

    4.วิสัยของโลก เช่น โลกเกิดมาได้อย่างไร

    5.วิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม เช่น ลักษณะที่สงบเป็นอย่างไร สงบจริงหรือไม่

    ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ลองคิดดู พระเจ้าแผ่นดินที่เกิดมาภายใต้เศวตฉัตร ถ้าพระองค์ไม่มีบุญญาธิการแล้ว ท่านจะเป็นได้อย่างไรเพราะคนไทยมีเป็นตั้งหลายสิบล้านคน นั่นแสดงถึงวาสนาบารมีของแต่ละบุคคลไม่เท่าเทียมกัน
    มีเหตุปัจจัยจากสิ่งที่ท่านได้สร้างสมอบรมมาแตกต่างกัน โดนเฉพาะอย่างยิ่งบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมีมากขนาดไหนจึงสามารถโปรดคนได้มากมายทั้งสามแดนโลกธาตุ
    บทสวดพระมหาจักรพรรดิ
    นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ <O:p
    มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา <O:p</O:p
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ <O:p</O:p
    พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา <O:p</O:p
    อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง <O:p</O:p
    อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย <O:p</O:p
    อะหังวันทามิ สัพพะโส <O:p</O:p
    พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ความย่อที่มาคาถาว่า <O:p</O:p
    พระพุทธเจ้าทรงเนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ<O:p</O:p
    เพื่อทรงแก้ทิฏฐิมานะ ของพญามหาชมพูบดี <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ในสมัยพุทธกาล มีพระมหากษัตริย์ผู้เรืองอำนาจพระองค์หนึ่ง ซึ่งปกครองเมืองปัญจาลราษฐ พระนามว่า "พญาชมพูบดี" <O:p></O:p>
    กล่าวกันว่า พร้อม ๆ กับการประสูติของพญาชมพูบดี ขุมทองในที่ต่างๆ ก็ผุดขึ้นมากมายอันแสดงถึงบุญญาธิการของพระองค์ ประชาชนในเมืองนี้จึงมีฐานะความเป็นอยู่ที่มั่งคั่งสมบูรณ์ พญาชมพูบดี ทรงมีอาวุธวิเศษ 2 อย่าง คือ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ฉลองพระบาทแก้ว ซึ่งเมื่อสวมเข้าไปแล้วก็จะพาพระองค์เหาะไปในที่ต่างๆ ได้ ทั้งยังใช้อธิษฐานแปลงเป็นนาคราชเข้าประหัต <O:p></O:p>
    ประหารศัตรูได้อีกด้วย อาวุธวิเศษอย่างที่สอง คือ วิษศร ซึ่งเป็นศรวิเศษใช้ต่างราชทูต หากกษัตริย์เมืองใดไม่มา <O:p></O:p>
    อ่อนน้อมขึ้นต่อพระองค์ วิษศรนี้ก็จะไปร้อยพระกรรณพาตัวเข้าเฝ้าพระองค์จนได้ ทำให้กษัตริย์ทั้งหลายพากันยำเกรงในพระเดชานุภาพ <O:p></O:p>
    แห่งพญาชมพูบดี <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ด้วยอาวุธคู่พระวรกาย พญาชมพูบดีได้ขยายพระราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง กระทั้งถึงกรุงราชคฤห์ของพระเจ้าพิมพิสาร <O:p></O:p>
    ผู้เป็นอุบาสกแห่งสมเด็จพระสัมมาสมพุทธเจ้า พญาชมพูบดีส่งอาวุธวิเศษของพระองค์ ไปทำอันตรายต่อพระเจ้าพิมพิสาร แต่ไม่อาจ <O:p></O:p>
    ทำอันตรายแก่พระเจ้าพิมพิสารได้ ด้วยอาศัยพระพุทธานุภาพ ทำให้พญาชมพูบดีแค้นพระทัยมาก แม้ส่งอาวุธวิเศษอย่างใดไป <O:p></O:p>
    ก็พ่ายแพ้แก่พระพุทธานุภาพแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นว่า พญาชมพูบดีประสบความพ่ายแพ้ และมีทิฏฐิมานะเบาบางลง ประกอบด้วยกับทรงเล็งเห็นวาสนาปัญญาของพญาชมพูบดีว่าสามารถสำเร็จมรรคผลได้ จึงมีพุทธฎีกาตรัสใช้ให้พระอินทร์แปลงเป็นราชทูตพาพญาชมพูบดีมาเข้าเฝ้า
    ส่วนพระองค์ทรงเนรมิตองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ทรงมงกุฎ พร้อมเครื่องราชาภรณ์ แต่ล้วนงดงาม ส่วนพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานเถระเจ้า พร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์สาวก ก็เนรมิตกายเป็นเสนาอำมาตย์ใหญ่น้อย ล้วนแล้วแต่น่าเกรงขาม ทั้งเนรมิตเวฬุวัน (ป่าไผ่) <O:p></O:p>
    ให้เป็นพระนครใหญ่ประกอบด้วยกำแพงถึง 7 ชั้น และมีพุทธฎีกาตรัสสั่งให้เทวดา พรหม ทั้งหลาย ร่วมเนรมิตเป็นตลาดน้ำ ตลาดบก <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เมื่อพระอินทร์ซึ่งเนรมิตกายเป็นราชทูต ไปถึงเมืองปัญจาลราษฐ เห็นพญาชมพูบดีและเหล่าเสนาอำมาตย์ยังถือดี จึงแสดงฤทธานุภาพ <O:p></O:p>
    เป็นที่ประจักษ์ พญาชมพูบดีไม่อาจแข็งขืนจำยอม ต้องยกพลเดินทัพเพื่อเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสมพุทธเจ้า <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เมื่อพญาชมพูบดี เดินทางเข้าเขตพระนครก็ตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการแห่งพระนครที่พระพุทธองค์ทรงเนรมิต แม้แต่เหล่าแม่ค้าริมทาง <O:p></O:p>
    ก็ยังงดงามกว่าพระอัครมเหสีของพญาชมพู จนชวนให้รู้สึกขวยเขินก้าวเดินไม่ตรงทาง และเมื่อผ่านทางยังกำแพงพระนครแต่ละชั้น <O:p></O:p>
    ทอดพระเนตรเห็นเหล่าเสนาอำมาตย์ที่รักษาพระนคร พระทัยก็ประหวั่นพรั่นกลัวพระเสโทไหลโทรมทั่วพระสกลกายถึงกำแพงชั้นในซึ่งเป็นแก้ว ก็ทำท่าจูงกระเบนเหน็บรั้งด้วยเข้าพระทัยผิดคิดว่ามีเสียงนางในร้องเย้ยเยาะว่ากษัตริย์บ้านนอก กระทำเชยๆ พญาชมพูบดีก็รู้สึก <O:p></O:p>
    ได้รับความอัปยศอย่างยิ่ง <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เมื่อพญาชมพูบดีมาถึงต่อหน้าพระพักตร์แห่งพระบรมศาสดา ซึ่งเนรมิตกายเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ยังไม่หมดทิฏฐิมานะ พระพุทธองค์ทรงเชื้อเชิญให้แสดงฤทธิ์เดชอำนาจและของวิเศษทุกสิ่งทุกอย่างออกมา เมื่อพญาชมพูบดีทรงแสดงแล้ว ก็ต้องได้รับความอัปยศ <O:p></O:p>
    ยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยไม่อาจทำอันตรายพระพุทธองค์ได้เลยแม้แต่น้อย <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าพญาชมพูบดีคลายทิฏฐิมานะลงมากแล้ว จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพญาชมพูบดี <O:p></O:p>
    และเหล่าเสนาอำมาตย์ที่ติดตามมาด้วยจำนวนมากมายให้เห็นสิ่งที่เป็นสาระและมิใช่สาระ ให้เห็นโทษแห่งการเวียนเกิด เวียนตาย ในวัฏสงสาร ทั้งให้เห็นคุณแห่งพระนิพพาน พญาชมพูบดีและเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างรู้สึกปีติ โสมนัส จึงปลดมงกุฎและ <O:p></O:p>
    เครื่องประดับของตนวางแทบพระบาทแห่งองค์พระสัมพัญญูบรมศาสนา เพื่อสักการะด้วยความรู้สึกเทิดทูน <O:p></O:p>
    จากนั้นจึงทูลขออุปสมบทต่อพระพุทธองค์ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสมพุทธเจ้าบรมครู พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์สาวก เทวดา พรหม ก็คล้ายฤทธานุภาพกลับสู่สภาพเดิม <O:p></O:p>
    (เป็นป่าไผ่และสภาพทั้งหลายตามความเป็นจริง) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานอุปสมบถแก่พญาชมพูบดี <O:p></O:p>
    พร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ และทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้คลายความลุ่มหลงในเบญจขันธ์มีรูป เป็นต้นว่า อุปมาดั่งพยับแดด <O:p></O:p>
    หาสาระตัวตนที่เที่ยงแท้อันใดมิได้ และแสดงเทศนาต่างๆ เป็นอเนกปริยาย พญาชมพูบดีและเหล่าเสนาอำมาตย์ <O:p></O:p>
    ก็ดื่มดำในพระอมตธรรมสลัดเสียซึ่ง ตัณหา อุปาทาน จิตของท่านก็เข้าอรหันตผล สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลใ <O:p></O:p>
    นพระบวรพุทธศาสนา <O:p></O:p><O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มิถุนายน 2008
  7. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    วันนี้ได้ไปประชุมกับเจ้าอาวาสวัดดีหลวงและกรรมการวัดเรียบร้อยเเล้วทางวัดได้ออกหนังสืออนุญาติจากทางวัดเป็นทางการเเล้ววันนี้ลงความเห็นและอนุโมทนาสาธการกันทุกๆคน

    และวันนี้ถือว่าโชคดีที่ได้ไปกราบพระเจดีย์สี่สมเด็จสมัยอยุธยาของสมเด็จเจ้าเกาะยอสหธรรมมิกของสมเด็จเจ้าพะโค๊ะที่เขากุฏิซึ่งทางท่านเจ้าอาวาสทราบถึงดำริของชมรมคนรักหลวงปู่ทวดว่าจะสร้างพระกริ่งดีหลวงท่านได้อนุโมทนาและมอบมวลสารล้ำค่าคือ เหล็กเเกนพระเจดีย์สมัยอยุธยาของสมเด็จเจ้าเกาะยอ อิฐโบราณพระเจดีย์ของสมเด็จพระเจ้าเกาะยอ และแร่ทองจากลาว และเเร่โรยหลวงพ่อทวดปี2497 ว่านพันกว่าชนิด และมวลสารอื่นๆอีก นับว่าเป็นความโชคดีของพระกริ่งดีหลวงที่เต็มและครบในตำนานสี่สมเด็จด้วยไว้จะเล่ารายละเอียดให้ฟัง


    เขากุฏิเป็นที่ตั้งของเจดีย์สมเด็จเจ้าเกาะยอ พระอริยสงฆ์ผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งตามตำนานเล่าขานว่าเป็นหนึ่งในเพื่อนเกลอของสมเด็จเจ้าพะโคะ หรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ร่วมกับสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ เจดีย์สมเด็จเจ้าเกาะยอ สันนิษฐานว่าสร้างหลังรัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ มีลักษณะเป็นแบบทรงกลมหรือทรงระฆังคว่ำ มีจตุรมุข และซุ้มจรนำประดิษฐานพระพุทธรูป ทั้ง ๔ ด้าน ซึ่งพระพุทธรูปนี้เป็นเสมือนรูปเคารพของสมเด็จเจ้าเกาะยอ สมเด็จเจ้าเกาะยอเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเกาะยอและชาวบ้านใกล้เคียง ประเพณีแห่ผ้าขึ้นเขากุฏิของชาวเกาะยอ มีความโดดเด่นในด้านการใช้ผ้าทอเกาะยอสีเหลืองสดเป็นผ้าห่มเจดีย์ ซึ่งการทอผ้าดังกล่าวเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของชาวเกาะยอที่ช่วยทอผ้าพื้นเมืองขึ้นมา โดยชาวเกาะยอจะช่วยกันแห่แหนไปรอบเกาะก่อนวันพิธีห่มผ้า ๑ วัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มิถุนายน 2008
  8. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
  9. คชบุตร

    คชบุตร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,637
    ค่าพลัง:
    +4,388
    พี่หมอครับหลวงปู่ทวดท่านเป็น สมเด็จ ใช่ไหมครับ
     
  10. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ประกาศจากทางวัดดีหลวงเรื่องงานบุญถวายวัดชำระหนี้สงฆ์และประกาศเรื่องการสร้างพระกริ่งดีหลวง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
  12. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ขอแจ้งเลขที่บัญชีให้ผู้ร่วมบุญพระกริ่งดีหลวง รับทราบ
    ชื่อบัญชี สร้างอนุสรณ์สถาน หลวงปู่ทวด วัดดีหลวงสงขลา
    เลขที่บัญชี 554-2-61438-1 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสงขลา


    คุณป๋อง โทร 0816901081

    ขออนุโมทนาแด่ทุก ๆ ท่าน สาธุ
    <!-- / message -->
    <!-- / message -->
     
  13. ทิพยจักร

    ทิพยจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +10,078
    ตั้งแต่การสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเมื่อปี ๒๔๗๙ เป็นต้นมา ชื่อเสียงกิติคุณแห่งพระโพธิสัตว์เหยียบน้ำทะเลจืดก็เลื่องลือจนเป็นที่รู้จักกันอย่างมากมาย พระเครื่องหลวงปู่ทวดได้แสดงปาฏิหาริย์ ทำหน้าที่เป็นสื่อแห่งหลวงปู่ทวดแก่บุคคลทั้งหลายที่ได้รับไป และแม้บางคนจะไม่ได่แต่มีจิตศรัทธากระนั้นก็ยังได้รับปาฏิหาริย์จากหลวงปู่ทวดด้วยเช่นกัน
    ปาฏิหาริย์มากมายที่เกิดขึ้นจากความศรัทธาหลวงปู่ทวดที่มาจากพระเครื่องรุ่นต่างๆนั้นเป็นเรื่องที่เล่าสู่กันไม่มีวันจบและทั้งปาฏิหาริย์นั้นก็ยังบังเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ เสมือนว่าหลวงปู่ทวดท่านทำหน้าที่โปรดสรรพสัตว์ตลอดกาลที่ผ่านมา และพระเครื่องต่างๆก็เป็นเสมือนตัวแทนแห่งท่านที่ทำหน้าที่โปรดผู้ศรัทธาเป็นเนืองนิตย์
    ผู้ที่ศรัทธาหลวงปู่ทวด พบปาฏิหาริย์อย่างมากมายทั้งคุ้มครองปกป้องจากอุบัติเหตุ ทั้งอำนวยโชคลาภ รักษาโรคภัยไข้เจ็บก็มากเช่นกัน บางคนหมดหวังกับชีวิตด้วยโรครุมเร้าแต่เมื่อศรัทธาเอาหลวงปู่ทวดเป็นที่พึ่งอาราธณาพระเครื่องทำน้ำมนต์บ้าง นั่งระลึกถึงท่านบ้างก็ดีกลับหายจากโรคที่รุมเร้าอย่างน่าอัศจรรย์
    พระเครื่องหลวงปู่ทวดที่คุณหมอสร้างขึ้นในทุกๆรุ่นก็เช่นกัน เป็นตัวแทนที่ดีเยี่ยมของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดที่จำแสดงปาฏิหาริย์แก่ผู้ศรัทธาสืบไป วัตถุมงคลอันเป็นตัวแทนแห่งหลวงปู่ทวด ที่เกิดจากความศรัทธาแท้ เจตนาดีแท้ ทั้งหารสร้างก็มาจากสิ่งอันประเสริฐทั้งหลายทั้งปวง ดั่งว่าประมวลสิ่งดี สิ่งอันเป็นสื่อเนื่องในบุญกุศลทั้งปวงมาสร้างเป็นรูปแห่งพระมหาโพธิสัตว์หลวงปู่ทวดนั้น ย่อมบังเกิดรูปแห่งมหามงคล วัตถุมหามงคลในนามหลวงปู่ทวดที่สมบูรณ์ทั้งที่มาที่ไป ทั้งผู้สร้างและผู้รับดังนั้นคงไม่ต้องสงสัยเลยว่าปาฏิหาริย์ก็ดี สิริมงคลก็ดีจากวัตถุมงคลรุ่นดีหลวงรวมทั้งรุ่นต่างๆที่คุณหมอสร้างนั้นจะดีเยี่ยมเพียงไร เป็นกำลังใจในการช่วยเผยแพร่เจตนาอันเป็นกุศล และการทำกุศลเพื่อสืบพระศาสนาและเเผยแพร่กิติคุณของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดด้วยครับ ขออนุโมทนา
     
  14. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    อนุโมทนานะครับ ทุกสิ่งที่ตั้งใจสร้างเพื่องานพระศานา งานเพื่อสังคมส่วนรวมทั้งสิ้น ทุกอย่างเกิดจากกำลังใจของทุกๆคนทุกๆฝ่ายที่มอบให้เสมอมา ต้องอนุโมทนากับพ่อเเม่ของผมเองที่สนับสนุน ครูบาอาจารย์ทุกๆองค์และญาติธรรมทุกๆท่าน ที่ทำให้งานต่างๆผ่านไปด้วยดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มิถุนายน 2008
  15. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ลูกปืนโบราณสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่ขุดพบภายในวังหน้าและอิฐโบราณที่ขุดพบในวังหน้าที่จะนำมาผสมในพระกริ่งดีหลวงชุดนี้

    มักมีคนกล่าวถึงวังหน้าด้วยความชื่นชมในความขลังและอาถรรพ์ในวังหน้าตามที่ปรากฏในประชุมพงศาวดารภาคที่14กล่าวถึงนิพพานวังหน้า ความอาถรรพ์ของ วังหน้าองค์ที่หนึ่งสืบมาถึงกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญหรือพระองคเจ้ายอดยิ่งยศวังหน้าองค์สุดท้าย

    มีบุคคลหลายคนที่มักจะกล่าวอ้างถึงพระเครื่องวังหน้าเสมอๆและหลายคนต้องผิดหวังเมื่อเงินแท้เเต่พระปลอม

    ครั้งนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากว่าแท้หรือไม่ สิ่งที่เห็นชัดเจนในตัวเองขอให้ท่านที่เคารพในวังหน้ายินดีล่วงหน้าได้เลยเพราะสิ่งที่นำมาผสมนี้ได้มาจากวังหน้าในอดีตตามให้ไปเอาของสิ่งนี้....เป็นการจำเพาะจริงๆ<!-- / message --><!-- attachments -->
    [​IMG]


    [​IMG]

    เมื่อวังหน้ากลับชาติมาเกิดครูบาชัยวงศาพัฒนา???
    ภาพของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ(พระวังหน้า)....
    เปรียบเทียบกับ ภาพวาด ที่หลวงปู่วงศ์ฯ ท่านวาดขึ้นมา....

    <!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มิถุนายน 2008
  16. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    พระชุดพิเศษพระของขวัญปี2549ที่สร้างจากมวลสารดั้งเดิมสายตรงหลวงพ่อทวดที่สร้างโดยวัดเองจากดำริของท่านเจ้าอาวาสเเละคณะกรรมการกดพิมพ์พระทั้งหมดในโบสถ์ดั้งเดิมของหลวงพ่อทวดโดยมีพระเจริญพระพุทธมนต์เเละปลุกเสกโดยเกจิอาจารย์สายตรงหลวงพ่อทวด มวลสารหลักมาจากอิฐโบราณของวัดอาทิ อิฐพระเจดีย์สมัยอยุธยาที่เชื่อกันว่าหลวงลุงจวงได้สร้างไว้เเละมวลสารพระเเตกหัก2505ของวัดดีหลวงที่ท่านอาจารย์ทิม เสกเอง ที่ท่านเจ้าอาวาสเล่าให้ฟังว่าเยอะขนาดเท่า1โอ่งมังกร

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    พระเครื่องชุดที่วัดดีหลวงสร้างเองนั้นนอกจากพิมพ์ตามฤกษ์หรือเรียกว่าในฤกษ์ทุกองค์แล้วการกดพิมพ์กดในโบสถ์เดียวกันกับที่หลวงพ่อทวดบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว มวลสารที่นำมาจัดสร้างได้พิถีพิถันตามตำนานการสร้างหลวงพ่อทวดทุกๆอย่าง อาทิ อิฐสมัยหลวงพ่อทวดของวัดดีหลวงเอง ดินและของโบราณแต่ละวัดของสายตรงหลวงพ่อทวด ว่านยา
    กว่า300ชนิดที่วัดจัดหาเอง ขณะกดพิมพ์มีการเจริญพระพุทธมนต์และผู้กดคือแรงงานจากพระและเณรภายในวัดรวมทั้งชาวบ้านเเห่งบ้านดีหลวง

    นับว่าพระชุดนี้เป็นพระเเห่งบ้านเกิดหลวงปู่ทวดอย่างแท้จริง
    <!-- / message -->


    นำมาให้ชมเป็นวิทยาทาน<!-- / message -->
     
  17. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ท่านเป็นถึงสมเด็จพระราชมุณีสามีรามคุณูปมาจารย์ ตำแหน่งท่านภายหลังเป็นสมเด็จพระสังฆราช
     
  18. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป??

    พุทธะบูชา มหาเตโช

    ธัมมะบูชา มหาปัญโญ

    สังฆบูชา มหาโภคาวะโต



    อานิสงส์ของการสร้างพระพุทธรูปนั้น จะสร้างด้วยวัตถุใด ๆ ก็แล้วแต่ ย่อมมีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ จะเกิดในภพใดภูมิใดไม่ว่ามนุษย์และเทวดา อินทร์พรหมทุกหมู่เหล่าจะได้เป็นประมุข ประธาน มียศ วาสนา อำนาจ และบริษัทบริวารมาก เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ จะได้เกิดเป็นบรมกษัตริย์ สมบูรณ์ด้วยสมบัติบริวาร และจะได้เกิดเป็นพระบรมจักรพรรดิติดต่อกันถึง 10 ชาติ บริบูรณ์ด้วยลาภยศสรรเสริญทุกประการ
    จะไปในทิศหนตำบลใดย่อมมีเทวดาและมนุษย์บูชาในที่ทั้งปวง ถ้าปราถนาเป็นสาวกบารมีญาณ สาวิกาบารมีญาณ ปัจเจกภูมิและพระพุทธภูมิสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมสัมฤทธิ์สำเร็จตามความปราถนาทุกประการ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณอันงดงาม เหมือนทองคำชมพูนุท เป็นผู้มีเสียงไพเราะ เป็นผู้มีทรวดทรงดี เป็นผู้มีรูปสวยงาม เป็นใหญ่ในที่ทั้งปวง
    ไม่ว่าจะเกิดเป็นเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้มีบริวารมากและบริวารเคารพในที่ทุกสถานในกาลทุกแห่ง เป็นพระราชามหากษัตริย์ เป็นพระเจ้าบรมจักรพรรดิ เป็นพระราชาแห่งเทพยดาในเทพนิกายทั้งหลาย เป็นท้าวสักกะเทวราชและท้าวมหาพรหม สมบัติอันพึงรื่นรมย์ในเทวโลกและมนุษย์โลก
    ความที่อาศัยคุณเครื่องถึงพร้อมด้วยมิตรแล้ว เป็นผู้มีปัญญาตั้งมั่นในสัมมาทิฎฐิ เป็นผู้ชำนาญในวิชาและวิมุติ มีปฏิสัมภิทาญาณทั้ง ๔ และวิโมกข์ ๓ และสาวกบารมีญานสาวิกาบารมีญาณ ปัจเจกโพธิญาณ พุทธภูมิ อิฐผลทั้งปวงนั้น เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมได้ด้วยบุญนิธินั้น คุณเครื่องถึงพร้อมคือบุญนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ใหญ่อย่างนี้
    เพราะเหตุนั้นบัณฑิตผู้มีปัญญา จึงสรรเสริญข้อที่บุคคลทำไว้แล้ว ด้วยเหตุนั้นแลเมื่อเข้าสู่สังคมใด สมาคมใด ย่อมเป็นผู้มีความองอาจกล้าหาญ เพราะพระพุทธรูปซึ่งเป็น "อุทเทสิกเจดีย์" ซึ่งเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมเป็นศูนย์รวมดวงใจของเทวดาและมนุษย์ อินทร์พรหมทุกหมู่เหล่า
    ขณะที่ยังไม่ได้บรรลุพระนิพพาน ย่อมปิดอบายภูมิทั้ง ๔ ได้ถึง ๙๑ กัป ดังนั้น พุทธศาสนิกชนจึงนิยมการสร้างพระพุทธรูป เพื่อให้เกิดพุทธานุสติเป็นอุบายที่จะให้เกิดความสงบใจ และเป็นอุบายที่จะให้เกิด ปัญญาสัมมาทิฎฐิ
    พุทธะบูชา มหาเตโช ผู้บูชาพระพุทธเจ้า ย่อมเป็นผู้มีอานุภาพ มีเดช มีตบะ มีกำลัง มีพลังจิตอันมั่นคง
    ธัมมะบูชา มหาปัญโญ ผู้บูชาพระธรรม ย่อมมีปัญญารุ่งโรจน์โชตนาการ เป็นผู้ขจัดความมืดคืออวิชชาทั้งหลายได้
    สังฆะบูชา มหาโภคาวะโห ผู้บูชาพระสงฆ์สาวก ด้วยอามิสบูาและปฏิบัติบูชา ย่อมเป็นผู้ชนะตลอด ปลอดภัยตลอด ร่ำรวยตลอด ไม่จนตลอด โชคดีตลอด เป็นเศรษฐีตลอด ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บตลอด มีพลานามัยที่สมบูรณ์
    ในที่สุดจะเป็นผู้มีปัญญา ได้ดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งเห็นจริงในอริยสัจ ๔ ประการ มีปฏิสัมภิทาญาณทั้ง ๔ บังเกิดขึ้นในดวงจิต ตลอดกาลนาน
    พระโบราณจารย์ท่านพรรณนาถึงอานิสงส์แห่งการสร้างพระพุทธรูปไว้ดังนี้
    ผู้สร้างพระพุทธรูปด้วยดีบุก จะได้เกิดเป็นเทวดาผู้มีศักดามาก
    ผู้สร้างพระพุทธรูปด้วยเงิน จะได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ประกอบด้วยรัตนะ ๗ ประการ
    ผู้สร้างพระพุทธรูปดวยทองเหลืองและทองสัมฤทธิ์ จะได้เกิดเป็นบรมกษัตริย์มีสมบัติมาก
    ผู้สร้างพระพุทธรูปด้วยศิลา จะได้เกิดเป็นท้าวอมรินทราธิราช
    ผู้สร้างพระพุทธรูปด้วยไม้โพธิ์และแก่นจันทร์ จะได้เกิดเป็นใหญ่ในประเทศราชบริบูรณ์ด้วยจตุรงคเสนา
    ผู้สร้างพระพุทธฉาย พระบาท จะได้เกิดเป็นท้าวมหาพรหม
    การสร ้างพระพุทธรูปแม้จะด้วยวัตถุธาตุใดก็ตาม จัดว่าได้สะสมบุญไว้ในใจ อันจะเป็นอุปนิสัยปัจจัยแห่งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติในกาลต่อไป


    นอกจากทุกคนจะได้สร้างพระกริ่งดีหลวงและทุกท่านยังได้สร้างหลวงพ่อทวดไว้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งองค์หลวงพ่อทวดท่านด้วย
     
  19. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    <TABLE id=table29 width=122><T><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>
    หลวงพ่อสมบูรณ์ วัดดอนธาตุท่านเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่เณรคำ
    </TD></TR></T></TBODY></TABLE>

    ท่านกล่าวว่าหลวงพ่อทวดที่เจอนั้นนับว่าเป็นวาสนาบารมี ท่านมาสงเคราะห์จริงๆเพราะเกี่ยวพันและทำบุญมากับท่านหลวงพ่อทวดท่านเป็นพระบารมีมากป็นพระหมอรักษาโรคเธอเข้าใจมั้ยละ
     
  20. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    <TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]



    </TD></TR><TR><TD class=tcat align=middle>หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
    พระอริยเจ้าผู้มากยิ่งด้วยอริยปัญญา
    กล่าวว่า
    ขอให้เธอจงจำเอาไว้ไม่ว่าเธอทำอะไรหลวงพ่อเป็นกำลังใจให้เธอเสมอไม่ว่าหลวงพ่อจะอยู่หรือจะไปนึกถึงหลวงพ่อหลวงพ่อจะช่วยเธอไปตลอด


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...