ความสุขที่แท้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 17 มิถุนายน 2008.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    [SIZE=-1]คนเรามีวิธีแสวงหาความสุขแตกต่างกันไป บางคนมีความสุขเมื่อได้กินของอร่อย บางคนมีความสุขเมื่อได้ฟังเพลงเพราะ ๆ บางคนสุขใจเมื่อได้เดินห้าง ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะแตกต่างกันเพียงใด ความสุขที่กล่าวมามีลักษณะหนึ่งที่เหมือนกันคือ เป็นความสุขที่เกิดจากสิ่งเร้า

    ความสุขที่คนส่วนใหญ่รู้จักและเสาะแสวง มักหนีไม่พ้นความสุขที่เกิดจากสิ่งเร้า หากไม่เร้าที่ตา ก็ที่หู ที่ลิ้น ที่จมูก หรือที่ร่างกาย โดยให้ส่งผลกระทบถึงใจ อาหารถ้าจืดชืดก็ไม่ถือว่าอร่อย ต่อเมื่อเติมพริก น้ำปลา น้ำส้ม เพื่อกระตุ้นลิ้น จึงถือว่าอร่อย และให้ความสุขแก่ผู้เสพ เพลงถ้ามีทำนองเรียบ ๆ ก็ไม่ถือว่าเพราะ ต้องมีทำนองเร้าใจ ฟังแล้วถึงจะมีความสุข หนังถ้าไม่มีฉากบู๊หรือหักมุมให้ตื่นเต้น ก็ไม่ถือว่าสนุก ดูแล้วก็น่าเบื่อ

    ความสุขทางเพศเป็นที่ปรารถนาของผู้คนก็เพราะมันเร้าจิตกระตุ้นผัสสะ หลายคนติดใจการเที่ยวห้างก็เพราะได้ไปพบเห็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย แต่สำหรับอีกหลายคนการไปเที่ยวห้างนั้นยังเร้าใจไม่พอ ต้องออกไปผจญภัยในที่ทุรกันดาร หรือร่วมแก๊งรถซิ่ง นั่นเป็นความสุขของเขาเพราะมันเร้าจิตกระตุ้นใจเต็มพิกัด

    ปัญหาของความสุขแบบนี้ก็คือเมื่อร่างกายและจิตใจถูกกระตุ้นบ่อย ๆ ก็จะเริ่มชินชา ทำให้ต้องเพิ่มแรงกระตุ้นให้มากขึ้นหรือเสพมากขึ้น จนขาดไม่ได้ ใหม่ ๆ กินกาแฟแค่ครึ่งช้อนก็มีความสุข แต่ต่อไปก็ต้องเพิ่มปริมาณมากขึ้น ดูหนังฟังเพลงบ่อย ๆ ไม่นานก็จะติด ขาดมันได้ยากขึ้น และต้องเพิ่มความตื่นเต้นหรือทำนองกระแทกกระทั้นให้มากขึ้น เช่นเดียวกับความสุขทางเพศ ยิ่งเสพก็ยิ่งต้องการความแปลกใหม่และเพิ่มความถี่ จนกลายเป็นความวิปริตพิสดารไปในที่สุด

    ความสุขจากสิ่งเร้าจิตกระตุ้นผัสสะ (พุทธศาสนาเรียกว่ากามสุข) จึงทำให้ชีวิตต้องดิ้นรนแสวงหาไม่มีหยุด ครั้นได้มาแล้วก็พอใจเพียงชั่วคราว ไม่นานก็อยากได้อีกและอยากได้มาก กว่าเดิม จึงต้องดิ้นรนแสวงหามาอีก เศรษฐีพันล้านจึงไม่เคยพอใจกับเงินที่มี ทั้ง ๆ ที่ใช้ทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด

    ยังมีความสุขอีกประเภทหนึ่งที่ผู้คนไม่ค่อยรู้จัก ได้แก่ความสุขที่เกิดจากความสงบใจ

    ในขณะที่ความสุขประเภทแรกต้องการความตื่นเต้นเร้าใจ ความสุขประเภทที่สองกลับตรงกันข้าม ยิ่งมีสิ่งเร้าน้อยเท่าไร ใจก็ยิ่งสงบ และสัมผัสกับความสุขที่ลึกซึ้ง ในยามท่องป่าเที่ยวทะเล แทนที่จะสนุกกับเสียงดนตรี เกมรอบกองไฟ หรือการสนทนาฮาเฮ ลองปลีกตัวไปอยู่ที่เงียบ ๆ วางความคิดนึกต่าง ๆ ชั่วคราว แล้วเปิดใจสัมผัสธรรมชาติอันเงียบสงัด หรือแหงนมองดูดวงดาวระยิบระยับในคืนเดือนมืด ไม่ช้าไม่นานความสุขชนิดนี้ก็จะบังเกิดขึ้นที่ใจ สุขเพราะใจเริ่มสงบ

    ความสงบของธรรมชาติช่วยน้อมใจให้สงบตามได้ง่าย แม้ใหม่ ๆ จะอึดอัดเพราะใจยังโหยหาสิ่งเร้า แต่เมื่อใจเริ่มปรับตัวได้ ก็จะสัมผัสได้ถึงความสุขอันประณีต ไม่ต่างจากคนที่ติดเหล้าหรือบุหรี่ ย่อมเป็นทุกข์เมื่อขาดมัน แต่ไม่นานก็จะพบกับความสุขที่ประเสริฐกว่าตอนได้เสพสิ่งเหล่านั้น
    ความสุขประเภทนี้แม้ว่าจะสัมผัสได้ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงัด แต่ก็ไม่จำเป็นว่าเราต้องหลีกลี้หนีหน้าจากผู้คนจึงจะพบกับความสุขดังกล่าวได้ ความสงบที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ใจ หาได้อยู่ที่สิ่งแวดล้อมไม่ อยู่ที่บ้านเราก็สามารถสัมผัสกับความสงบใจได้ หากรู้จักทำสมาธิภาวนา ด้วยการปล่อยวางความนึกคิดต่าง ๆ ไว้ชั่วคราว แล้วน้อมใจมาอยู่กับลมหายใจ หรืออิริยาบถต่าง ๆ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน ไม่ว่ากายอยู่ไหน ก็ให้ใจอยู่นั่น เมื่อรู้ว่าจิตเผลอไปคิด ก็ให้รู้ตัว จิตก็จะกลับมาอยู่ที่ลมหายใจหรืออิริยาบถที่ทำอยู่ในขณะนั้น หากทำได้คล่องแคล่ว มีสติตื่นรู้ได้รวดเร็ว ก็สามารถรักษาใจให้สงบได้แม้อยู่ท่ามกลางเสียงอึกทึก ถึงจะมีอะไรมากระทบ เช่น คำตำหนิติเตียน ก็สามารถปล่อยวางได้เร็ว ไม่เก็บมาครุ่นคิดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ หรือเอามาทำร้ายตนเองจนกลัดกลุ้ม

    ใจที่สงบยังเกิดขึ้นได้จากกระทำที่ถูกต้องดีงาม เริ่มจากการไม่ไปเบียดเบียนหรือเอาเปรียบใคร ทำให้ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ จากนั้นก็ก้าวไปสู่การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจต่อผู้อื่น ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก การหยิบยื่นความสุขแก่ผู้อื่น ย่อมทำให้เรามีความสุขตามไปด้วย ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความเห็นแก่ตัว ทำให้ความโลภน้อยลง จึงพอใจกับชีวิตที่เรียบง่าย
    ใช่หรือไม่ว่ายิ่งความอยากลดลงมากเท่าไร ความสุขสงบในใจก็ยิ่งเพิ่มพูนมากเท่านั้น

    ถึงที่สุดแล้วความสุขของเราก็อยู่ที่ใจเป็นสำคัญ ถ้าใจกังวลกลัดกลุ้ม กินอะไรก็ไม่อร่อย เพลงจะเพราะแค่ไหนก็ติดอยู่ที่หู เข้าไม่ถึงใจ ชีวิตที่มีความสุขจึงไม่ได้อยู่ที่มีเงินล้นเหลือ มีสิ่งเสพสิ่งบริโภคมากมาย เพราะถึงจะมีเงินแสนล้าน ก็ยังต้องประสบกับความพลัดพรากสูญเสีย ความไม่สมหวัง ความแก่ ความเจ็บ และความตายอยู่นั่นเอง ผู้คนทั้งหลายกลัดกลุ้มใจก็เพราะสิ่งเหล่านี้ แต่ความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องทุกข์เพราะสิ่งเหล่านี้ก็ได้ หากเราตระหนักในสัจธรรมว่า ชีวิตนั้นไม่เที่ยง ความแปรปรวนเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ที่เข้าใจความจริงย่อมรู้ดีว่าไม่มีอะไรที่น่ายึดถือ ถ้ายึดมั่นถือมั่นให้มันเที่ยง หรืออยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามใจตนเมื่อใด ก็มีแต่จะทุกข์สถานเดียว
    ใจที่รู้จักปล่อยวาง ไม่ว่าจะประสบกับความพลัดพรากสูญเสีย ความเจ็บป่วย ความล้มเหลว หรือคำกล่าวร้าย ก็ยังมีความสงบอยู่ได้ ทั้งนี้เพราะเข้าใจแจ่มแจ้งถึงสัจธรรมของชีวิตและโลก ปัญญาที่เข้าถึงสัจธรรมดังกล่าวย่อมทำให้จิตเกิดความสงบสุขอย่างแท้จริง

    การกระทำที่ถูกต้องดีงาม (ศีล) การฝึกจิตให้มีความสงบและตื่นรู้ (สมาธิ) และความตระหนักชัดในสัจธรรม (ปัญญา) คือวิถีสู่ความสุขที่แท้ นับเป็นความสุขที่ประเสริฐสุด เพราะ “ไม่มีสุขใดเสมอด้วยความสงบ” พุทธภาษิตดังกล่าวเป็นสัจธรรมอันสากลที่เหนือยุคสมัย หากไร้ซึ่งความสงบใจเสียแล้วเราย่อมไม่อาจมีความสุขที่แท้ได้เลย แม้จะมีเงินมหาศาลหรืออำนาจล้นฟ้าก็ตาม


    โดย... พระไพศาล วิสาโล
    [/SIZE]
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สุขใดไหนจะเท่า จิตสงบ

    ไม่วุ่น ไม่วายกับใครที่เคารพ แค่สงบ รู้ได้ ในใจฉัน

    ไม่หมายไป ส่งจิต ออกพ้นนอกตัว

    ไม่เมามัวคิดชั่วกะใครเขา ทำได้แต่ตามดูที่ใจเรา

    แม้ห้ามใจยากแท้ให้ฝืนกิเลส และยากที่จะชนะใจตน

    แต่หากชนะใจตนได้ก็พ้นทุกข์ ใจก็สงบเย็น

    คงต้องอาศัย บุญกุศลให้ดลช่วย

    อาศัยเหตุจึงควรสร้างบุญกุศล ลดกิเลสที่หมองมัว

    หากคิดชั่วว่าจะสร้างบุญกุศลได้ด้วยกิเลสตน

    ย่อมไม่พ้นติดบ่วงกิเลสในตนเอย
     
  3. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ดั่งพุทธพจน์ที่ว่า "นัตถิ สันติ ปรมัง สุขขัง"
     
  4. ตะวันออก

    ตะวันออก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +64
    ความสุขมันอยู่รอบตัวเรานี่แหละ แต่บางคนยังมีความหลงอยู่มาก ก็เลยมองไม่เห็น ความสุขที่เกิดจากจิตสงบนี่แหละ คือความสุขที่แท้จริง และยั่งยืน
     
  5. ธรรมะชาติ

    ธรรมะชาติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +64
    สงบ...ก็ให้รู้ว่าสงบ...อย่าไปยึดถือมั่นหมายว่าความสงบนั่นเป็นตัวเป็นตน.........ศีล..สมาธิ..ปัญญา.....แค่รู้
     
  6. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    อันความบางเบา เครื่องอยู่แห่งพระอริยะเจ้าทั้งหลายนั้น

    ท่านได้ถือเอา ความเบา ระงับ แห่งกิเลศตัญหา เป็นเครื่องอยู่

    แม้นความวุ่นวาย ยังมีอยู่ในโลก แต่โลกมิได้นำความวุ่นวายเข้าสู่ใจแห่งท่านเลย

    ท่านทั้งหลาย อันกิเลศตัญหานั้น จะพาไปแต่สิ่งที่ให้ต้องอยู่ในโลก อยู่กับโลก ไม่ให้ออกไปได้จากโลก พึงหลงโลก มัวเมาในโลก ไม่ได้ออกจากกองทุกข์เลย

    หากแม้นยังมองไม่เห็นว่ากิเลศนั้น คือรากเหง้าเค้ามูลแห่งความทุกข์ทั้งสิ้นแล้วนั้น

    ก็ยังจักต้องเวียนว่ายไป ในวัฏฏะสงสาร ให้ต้องสิ้นด้วยชาติอีกร้อยพันเป็นอันมาก

    หากท่านที่เห็นแล้ว เข้าใจแล้ว พึงขวนขวายให้ได้มาซึ่งการระงับ ดับสิ้นเสีย จากกิเลศทั้งหลาย

    นั้นได้ชื่อว่า ได้ทำความสบาย ความบางเบาให้เกิดขึ้นแก่ท่านแล้ว

    [​IMG]
     
  7. พลัjจิต

    พลัjจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +18
    ความสุขของอริยะเจ้าทั้งหลาย คือความสุขที่ศึกษาธรรมะและมีธรรมะคอยหล่อเลี้ยง
     
  8. ฉ่ำเชียว

    ฉ่ำเชียว สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +0
    นั่นซิคะอะไรคือ ความสุขที่แท้จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...