ใครเคยฝึกจิตจนกระทั่ง จิตไวกว่าเวลาบ้าง ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย NCK2046, 14 มิถุนายน 2008.

  1. OrangeHP

    OrangeHP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2007
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +160
    สมัยเด็กๆ ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
    คือเวลามันนานกว่าปัจจุบันนะผมว่า นานซะจนผมเบื่อในวันๆหนึ่ง
    และบางวัน บางเวลา เหตุการณ์นี้มันเคยเิกิดมาแล้วครั้งหนึ่ง
    แ่ต่ก็นึกไม่ออกว่ามันเกิดตอนไหน และยังคิดว่าเดี๋ยวจะมีรถผ่านมา ทุกๆครั้งมันก็เป็นแบบที่คิดจริงๆ มันบ่อยซะจนผมชินกับมันซะแล้ว

    แต่พอเริ่มโต เหตุการณ์พวกนี้ก็เริ่มหายไป
    ตอนโต บางครั้งก็เห็นอะไรๆที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ทั้งๆที่อยู่กันตั้งหลายคน และพยาถามว่าเห็นแจกันสีขาววางบนโต๊ะไหม
    เขาบอกว่าโต๊ะที่วางไม่มีอะไรวางเลยเพราะเขาเอามาวางเองและเขาก็อยู่ตรงนั้นตลอด ผมเลยงงเลย พยายามขี้ตา แต่ก็ยังเห็นอีก

    ในรายการสุริวิภา เหมือนเขาจะอธิบายเหตุการที่สโลโมชั่นด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ว่ามันมีเหตุและผลมาจากตรงไหน ผมก็ไม่ได้ดูหรอก
    ลองนึิกง่ายๆ ว่าทำไม ดวงอาทิตย์มีช่วงห่างจากโลกกี่พันกี่แสน กี่ล้านไมล์ แต่ทำไมเวลาส่องแสงมายังโลกเร็วในเสี้ยววินาที

    มันน่าคิดไหมละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2008
  2. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    คุณ OrangHP ยังคิดถึง Dajavu อยู่อีกหรือครับ จำได้เลาๆว่า เป็นคนตั้งกระทู้
    เมื่อหลายเดือนก่อน

    อาการที่เกิดการ รวมตัวของผู้รู้ หรือ ใจ แยกออกมาจากกาย (ลืมกาย ลืมใจ) แล้ว
    ออกไปรับรู้สภาวะแวดล้อมรอบตัว ทำให้เกิดอาการเหมือนจำภาพ หรือ เหตุการณ์
    หรือ สถานที่ ที่เป็นอยู่ปัจจุบันได้ บางครั้งก็เป็นเรื่องของ จิต ที่เกิดการแยกตัวออกไป
    เอง จะเป็นง่ายสำหรับคนที่กำลังเบื่อร่างกายตัวเอง หรือ กำลังเบื่อชีวิตตัวเองที่มัน
    ซ้ำซาก ทำให้ จิต เกิดการรวมตัวแล้วออกไปรับรู้อยู่ข้างนอก -- แบบนี้ก็มี

    โดยระหว่างที่จิตออกไปนั้น ทุกอย่างจะเหมือนนิ่งสงบ อะไรที่ผ่านไปผ่านมาจะไม่มี
    การให้ค่าให้ชื่อ ไม่มีการไปติดข้องสงสัยกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่จะเกิดอาการ สักแต่ว่า
    รู้ และ เห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามแต่จะมีอะไรขยับ จนผ่านไประยะหนึ่ง จิต ก็จะกลับมา
    ที่กายที่ใจ ก็จะเริ่มเกิด อาการสงสัย และ แปลความ ภาพ หรือ เหตุการณ์ที่ผ่านไป
    ทำให้ มีสภาพเหมือน ตะกี้เหมือนจำได้ หรือเหมือนเคยเห็นมาก่อน แต่จริงๆ ตอน
    ที่เห็นนั้นมันสักแต่ว่าเห็น จึงไม่มีการคิด และการคิดเกิดหลังจากการเห็น เป็นการระลึก
    ย้อนไปในสภาวะตะกี้นั้นแหละ ไม่ได้สภาวะจากชาติไหนๆ

    ถ้าเกิดแบบนี้อีก ให้โยนิโสนมสิการไปเลยครับว่า เกิดผู้รู้ ผู้ดู ที่เขาเป็น ผู้สังเกตุการณ์
    ขึ้น โดยมีสติตั้งมั่นอยู่ระยะหนึ่ง โดยสติที่ตั้งมั่น จะไม่มีการหมายรู้ หรือ สงสัย หรือ ถูก
    อวิชชาครอบงำ ทำให้เกิดภาวะรู้ตัวทั่วพร้อมแต่ไหลไปตามสิ่งที่เป็นภายนอก ก็ให้ดู
    ให้ระลึก อาการตั้งมั่นนั้นของจิต แล้วพอมันกลับมาที่กายที่ใจ ให้ดูตัวสงสัยให้ทัน ถ้า
    ดูทัน จิตจะแกว่งเป็นอาการสัดส่ายให้เห็นที่กลางใจ จะทำให้แจ่ม กลายเป็นดูจิต เป็น

    หรือ กลับมาดูจิตเป็น ทันทีก็ได้ คือ กลับมาต่อของเก่าที่เคยฝึกเอาไว้

    บางคนจะเห็นภาวะแบบนี้เมื่อเกิดภัย เช่น ไฟไหม้ ประทัดดัง กระถางตก ตกบันได
    ก็แล้วแต่ครับ จิตมันจะรวมตัวให้เห็นเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงการกลับมาตอบสนอง
    หรือ การกลับมาครอบงำของอวิชชา เช่น บางคนแทนที่จะแค่เห็นอาการของจิต ก็จะ
    อุทาน โอ้ยแม่ตกหกหก อะไรก็ว่าไป ซึ่งนั้นคือ อวิชชา เอาไปกินแล้ว อดดูของดี
    ที่อยู่ในแง่ สติปัฏฐาน 4 ไปเลย
     
  3. อัตตา

    อัตตา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +10
    มีคนบอกว่าพระพุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนา บ้างก็ว่าเป็นปรัชญา บ้างก็ว่าเป็นวิทยาศาสตร์
    เคยมีคนไปถามท่าน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ท่านบอกว่าพุทธก็คือพุทธ ไม่จำเป็นต้องไปโต้เถียงกับใคร จะเป็นปรัชญาหรือวิทยาศาสร์ ให้พวกเค้าไปเถียงกันเอง พุทธศาสนาไม่จำเป็นต้องไปซุกใต้ปีกของใคร ผมว่าความรู้ความเข้าใจในทางวิทยาศาสตร์
    เป็นการเพิ่มพูนตัวมานะอัตตาให้มากขึ้น ว่ากูเก่ง กูแน่ กูหนึ่ง ที่สามารถไขความลับของธรรมชาติได้ สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ ซึ่งตรงข้ามกับพุทธศาสนาที่พยายามให้ละความเป็นตัวตน การฝึกสมาธิแบบสมถะ พอฝึกมากเข้า นานเข้า บังคับจิตได้ ก็สำคัญผิด
    คิดว่ากูแน่กูเก่ง เพิ่มพูนความเห็นผิดให้มันมากขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีใครบังคับจิตได้
    ถ้าได้จิตก็เป็นอัตตาซิ ไม่ใช่เป็นอนัตตาอย่างที่พระพุทธองค์ทรงบอก ทางที่ชาวพุทธควรจะเดินคือละความเห็นผิด พาจิตไปดูความเป็นทุขสัจอยู่เนืองๆ จนจิตยอมรับและปล่อยวาง
    กายใจ รูปนาม อุปปาทานขันธ์ ๕ จนนิโรจแจ้งนั่นแหละคือเป้าหมายของเราชาวพุทธ
     
  4. อัตตา

    อัตตา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +10
    มีนักวิทยาศาสตร์บางคนพยายามเชื่อมโยงทฤษฎีสัมพันธภาพกับพุทธศาสนา พยายามสร้างอัตตาตัวตน พยายามจะสร้างพระนิพพาน พยายามจะเอาชนะวิบากกรรมด้วยวิทยาศาสตร์ โดยการฝึกจิตหรือสติให้มีความเร็วเท่ากับหรือมากกว่าแสง เพื่อที่จะทำเวลาให้หยุดนิ่ง เมื่อไม่มีเวลาและระยะทาง วิบากกรรมก็ทำอะไรไม่ได้ เป็นสภาพที่หลุดพ้นจากทุกข์หรือนิพพาน ถ้าทำได้จริงตามทฤษฎี ทำเวลาให้หยุดนิ่งได้ แต่จะไม่มีวันเข้าถึงพระนิพพานได้เลย พระนิพพานไม่ได้เกิดจากการที่เราพยายามเอาชนะธรรมชาติ ความรู้ความเข้าใจใน
    วิทยาศาสตร์เป็นไปเพื่อสนองมานะอัตตาตัวตนให้เพิ่มมากขึ้น ว่ากูแน่ กูเก่ง สามารถบังคับ
    จิตได้ ถ้าทำได้จริง จิตก็เป็นอัตตา ซึ่งขัดกับหลักอนัตตาที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้
    พระพุทธองค์ทรงกล่าวพระพุทธพจน์ไว้ว่า เมื่อพระธรรมเข้ามาสู่จิตใจของปุถุชนแล้วพระธรรมนั้นย่อมผิดเพี้ยนไป คำกล่าวนี้เป็นจริงตั้งแต่วันที่พระพุทธองค์ทรงปรินิพพานเป็นต้นมา เคยมีคนไปถามท่าน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)ว่า มีคนบอกว่าพุทธศาสนา
    ไม่ใช่ศาสนา ท่านบอกว่าพุทธก็คือพุทธ เราไม่เถียงกับใคร จะเป็นปรัชญาหรือวิทยาศาสตร์
    ให้พวกเค้าไปเถียงกันเอาเอง พุทธศาสนาไม่ต้องไปซุกใต้ปีกใคร องค์ธรรมของพระนิพพานมีอะไรบ้างลองศึกษาดู เช่น โพชฌงค์ ๗ วิทยาศาสตร์สร้างขึ้นได้ไหมเกิดขึ้นในขณะจิตเดียว พระนิพพานมีสภาพ สุข สงบ สันติ ว่างจากรูปนาม อุปาทานขันธ์ ๕ และกิเลส เช่น ทิฐิมานะ เพราะจิตยอมรับความเป็นจริงและปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน สภาพนิพพานจึงเกิดขึ้น ทางสายเดียวที่พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ไว้ ว่าใครเดินทางสายนี้เขาพึงหวังได้ในนิพพานคือ สติปัฏฐาน ๔ ที่เจริญให้มากแล้วทำให้มากแล้ว จะละคลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนลงได้ ถ้าทำแล้วอัตตายิ่งเพิ่มขึ้น นั่นเดินผิดทางแล้ว
    ผู้ที่เจริญสมถะภวนามานานจนสามารถบังคับจิตได้ก็เกิดอัตตาขึ้นว่ากูเก่งบังคับจิตได้
    ให้สงบให้สุขได้ดังใจนี่ก็เป็นความเห็นผิดอย่างหนึง พระพุทธศาสนาไม่ได้มีเอาไว้ให้คุย
    กันเล่นสนุกๆนะ
     
  5. อัตตา

    อัตตา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +10
    มีนักวิทยาศาสตร์บางคนพยายามเชื่อมโยงทฤษฎีสัมพันธภาพกับพุทธศาสนา
    พยายามสร้างอัตตาตัวตน พยายามจะสร้างพระนิพพาน พยายามจะเอาชนะวิบากกรรม
    ด้วยวิทยาศาสตร์ โดยการฝึกจิตหรือสติให้มีความเร็วเท่ากับหรือมากกว่าแสง
    เพื่อที่จะทำเวลาให้หยุดนิ่ง เมื่อไม่มีเวลาและระยะทาง วิบากกรรมก็ทำอะไรไม่ได้
    เป็นสภาพที่หลุดพ้นจากทุกข์หรือนิพพาน ถ้าทำได้จริงตามทฤษฎี ทำเวลาให้หยุดนิ่งได้
    แต่จะไม่มีวันเข้าถึงพระนิพพานได้เลย พระนิพพานไม่ได้เกิดจากการที่เราพยายามเอาชนะธรรมชาติ ความรู้ความเข้าใจในวิทยาศาสตร์เป็นไปเพื่อสนองมานะอัตตาตัวตนให้เพิ่มมากขึ้น ว่ากูแน่ กูเก่ง สามารถบังคับจิตได้ ถ้าทำได้จริง จิตก็เป็นอัตตา ซึ่งขัดกับหลักอนัตตาที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้พระพุทธองค์ทรงกล่าวพระพุทธพจน์ไว้ว่า เมื่อพระธรรมเข้ามาสู่จิตใจของปุถุชนแล้วพระธรรมนั้นย่อมผิดเพี้ยนไป คำกล่าวนี้เป็นจริงตั้งแต่วันที่พระพุทธองค์ทรงปรินิพพานเป็นต้นมา เคยมีคนไปถามท่าน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)ว่า มีคนบอกว่าพุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนา ท่านบอกว่าพุทธก็คือพุทธ เราไม่เถียงกับใคร จะเป็นปรัชญาหรือวิทยาศาสตร์ให้พวกเค้าไปเถียงกันเอาเอง พุทธศาสนาไม่ต้องไปซุกใต้ปีกใครองค์ธรรมของพระนิพพานมีอะไรบ้างลองศึกษาดู เช่น โพชฌงค์ ๗ วิทยาศาสตร์สร้างขึ้นได้ไหมเกิดขึ้นในขณะจิตเดียว พระนิพพานมีสภาพ สุข สงบ สันติ ว่างจากรูปนาม อุปาทานขันธ์ ๕ และกิเลส เช่น ทิฐิมานะ เพราะจิตยอมรับความเป็นจริง
    และปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน สภาพนิพพานจึงเกิดขึ้น ทางสายเดียวที่พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ไว้ ว่าใครเดินทางสายนี้เขาพึงหวังได้ในนิพพานคือ สติปัฏฐาน ๔ ที่เจริญให้มากแล้วทำให้มากแล้ว จะละคลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนลงได้ ถ้าทำแล้วอัตตายิ่งเพิ่มขึ้น นั่นเดินผิดทางแล้ว ผู้ที่เจริญสมถะภวนามานานจนสามารถบังคับจิตได้ก็เกิดอัตตาขึ้นว่ากูเก่งบังคับจิตได้ให้สงบให้สุขได้ดังใจนี่ก็เป็นความเห็นผิดอย่างหนึง พระพุทธศาสนาไม่ได้มีเอาไว้ให้คุยกันเล่นสนุกๆนะ
     
  6. ฮุ้ง-หงส์

    ฮุ้ง-หงส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +532
    เชื่อค่ะ ว่าเป็นไปได้

    เหมือนกับที่เราคิดเรื่องวรยุทธในหนังจีนที่คิดแล้วไม่ว่าการเดินพลังหรือการขับเคลื่อนที่รู้ไหวนั้นน่าจะมาส่วนหนึ่งของเรื่องเหล่านี้เป็นต้น


    อนุโมทนา สาธุค่ะ
     
  7. ป.น้อยทิงนองนอย

    ป.น้อยทิงนองนอย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +29
    โอ้โหอยากทำได้มั่งจัง
     
  8. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    หนังเมทริค คนแต่งคงเป็นการจำลองมิติต่าง ๆ ที่ซ้อนทับกัน โดยให้ตัวแสดงเป็นผู้ติดต่อระหว่างมิตินั้น แต่ว่ายังห่างไกลกับมิติของศาสนาพุทธอยู่ เนื่องจาก คนตะวันตกน่าจะจำลองเหตุการณ์ผ่านทางโลกวิทยาศาสตร์ได้ใกล้เคียงโลกนามธรรมได้มากที่สุดก็คงเท่านี้ หรือว่า ปัจจุบันยังทำได้เท่านี้ แต่อนาคตก็ไม่แน่ อาจมีภาพยนต์ดีดีแบบนี้ให้ใกล้เคียงมากขึ้น ๆ เมื่อเทคนิคถ่ายทำล้ำหน้าไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งเราอาจได้เห็นอะไรที่ไม่คิดว่าโลกนามธรรมจะเป็นอย่างนี้ก็ได้ แต่ก็คงต้องรอให้ผู้ปฏิบัติถึง มาเป็นผู้กำกับภาพยนต์เพื่อถ่ายทอดโลกที่เป็นอยู่จริง ซึ่งไม่ใช่โลกที่เราอยู่
     
  9. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    มีเรื่อง"เดจาวู" มาฝาก นานแล้วที่ได้เห็นมิติหนึ่งที่ตัวเองอยู่ในสถานที่นั้น พบว่าเป็นถนนในกรุงเทพของเราตลอดทางถนนเส้นนั้น แยกออก(คล้ายถูกใต้ดินดันขึ้นจนฉีกเป็นทางยาวสุดสายตา) แต่แปลกว่าไม่มีความเสียหายกับตึกรามรอบเส้นทางถนนที่เห็นแม้แต่น้อย จะมีก็เสียหายบ้างบางจุด ไร้ผู้คน เราได้แต่เดินไปตามแผ่นดินที่เสียหายเพื่อหาทางกลับบ้าน แต่ตอนนี้เสียหายไปแล้ว หากทางกลับไม่ถูก ปากซอยยังอยู่ครบ แต่ก็ยังหาบ้านไม่เจอ อยากรู้จังว่าเป็นเหตุการณ์อะไร เมื่อไหร่
    อีกเหตุการหนึ่งต่างกาลเวลา แต่เห็นซ้ำไม่ต่ำกว่าสามหน คือ เพชรบูรณ์เรามีทะเล เราเห็นว่าตัวเราเดินอยู่ในสวนเกษตรที่เต็มไปด้วยแท็งค์สเตนเลส บรรจุภัณฑ์ สูงได้สัก 20 เมตร เรียงแถวเป็นทิว แทนทิวไม้ สะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นเงาสวยงาม แต่ใช้บรรจุอะไรกัน ก็มีคนตอบกลับมาว่า บรรจุน้ำจืด เนื่องจากขาดน้ำและเป็นศูนย์กลางในการส่งน้ำไปยังภาคเหนือตอนบนทั้งหมด สงสัยว่าเอาน้ำมาผลิตจากไหนใต้ดินเหรอ เปล่า น้ำทะเลเลย แล้วไกลตั้งเกือบหกร้อยกิโลจากกรุงเทพ เอามาได้ไง ก็เปล่า เอาจากที่เพชรบูรณ์ แว๊บเดียวมาที่ริมผาหลังพท.แท็งค์สเตนเลส เปนแนวชายฝั่ง (ไม่ใช่ชายหาด) คลื่นซัดแรงมาก มีทั้งกังหันผลิตไฟฟ้าเต็มไปตามแนว ทำงานอยู่ขมักเขม้น มีสายส่งน้ำหย่อนลงไปยังทะเล และก็มีโรงกลั่นอยู่ไกลริบ ๆ ถามว่ากรุงเทพเราไปไหนถ้าเพชรบูรณ์มีทะเล แต่ปีอะไรไม่รู้ได้ เพราะไม่มีใครตอบกลับมา แล้วเราก็ตื่นจากภวังค์มายังโลกปัจจุบัน เรื่องนี้เกิดมาแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน ฟังไว้เอาไปคิดต่อ ใครตอบได้ช่วยที
     
  10. ธรรมะชาติ

    ธรรมะชาติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +64
    ผมเคยนั่ง หน้า หิ้งพระ กับคนอื่น อีก 2 คน สมาธิผมนิ่งเป็นหนึ่งเดียว แล้วผมก็เลยทดสอบ ว่ามนุษย์นั้นพลังจิตมีอานุภาพ แค่ใหน ก็เลยออกคำสั่ง ให้ทุกอย่างหยุด ควัญธูปก็หยุด สั่งถอย ควัญธูปก็ถอยกลับ สั่งเดินหน้า ควัญธูปก็เดินหน้า ผมทำหลายครั้ง จนแน่ใจ ว่า เรามองเห็นและทุกอย่างเป็นเช่นนั้นจริง แต่ ตัวปัญญามันเกิด ก็เลยคิดว่า พลังที่เราได้มา ไม่ใช่จะมาควบคุมธรรมชาติ ควรอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ต่อมา ผมก็เลย ยอมแพ้ต่อ ท่านผู้หนึ่ง และยอมมอบกายถวายชีวิตให้ท่าน ท่านคือ องค์ใหญ่ และท่านเองก็มีเมตตา ให้ผมเป็นหนึ่งเดียวกับท่าน ทุกวันนี้ ผมมีชีวิตอยู่ ในมือท่าน ผมจะตายวันใหน แล้วแต่ท่าน แต่ท่านก็ให้ผมตัดสินใจ และพิจารณาเองทุกอย่าง เพราะหนึ่งเดียวกัน คิด พูดทำ อะไร ก็ท่านรู้หมด ท่านปล่อยให้ผม อยู่กับธรรมชาติ ฝากชีวิตกับท่าน ท่านคือเรา เราคือ ท่าน ท่านทำให้เราตื่น ทำให้เรา รู้ตัว มอง โลกแตกต่าง จากคนอื่นมอง พวกท่าน ทั้งหลายล้วนเป็นคนดี ขอให้พวกท่านพบพระนิพพานทุกคน ตามปรารถนาในเร็ววันนี้ ธรรมะที่ผมได้จากองค์ท่าน สั้นมาก เป็นแก่นธรรม ว่างจะเล่าให้ฟังอีกนะ
     
  11. พล1207

    พล1207 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +9
    ทุกสรรพสิ่งเกิดและดับไป สิ่งที่อยากรู้รีบเร่งปฏิบัติ เราได้รับฟังหรือจะสู้เราปฏิบัติได้เห็นได้รู้ได้ ด้วยเรา
     
  12. ฉ่ำเชียว

    ฉ่ำเชียว สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +0
    ดีจ้า
     
  13. siritach

    siritach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2005
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +555
    -*-

    เมือปลายเดือนกุมภา ที่ผ่านมา ผมป่วยหนัก เป็นโรค ไอกรน คือว่าตอนเด็กได้รับวัคซีนไม่ครบ ไม่มีไข้ ร่างกายแข็งแรง แต่เวลาไอ มันจะไอ แบบไม่หยุด หายใจไม่ออกเหมือน กำลังจมน้ำ แล้ว วูบไป รู้สึกตัวอีกที นอน อยู่บนพื้น
    แต่ช่วงหลัง ๆ ตอนเป้นอาการหนัก แปลกแต่จริง ตอนที่ผมไอจนหมดสตินั้น ผมฝันเป็นเรื่องราวต่างๆ มากมายเหมือนคนที่ นอนมาทั้งคืน แต่เปล่าเลย ตอนที่ผมไอจนวูบหมดสตินั้น เพื่อน ผมที่ นั่งอยู่ข้างๆ มันพยายามปลุกผม มันบอกว่าผมวูบหมดสติ ไป เกือบ 1 นาที ประมาณเวลา พอวูบ แล้วเพื่อนก็ ปลุกให้พื้นเลย ช่วงเวลาที่หมดสติ ไม่ถึง1 นาที แต่ฝันว่าไปเทียว ยังที่ต่างๆ หลายที และฝันแบบยาวนานมาก และตอนที่ป่วยนั้นผมเป็นแบบนี้ บ่อยมาก หมอที่รักษาให้ผม บอกว่า เวลา ที่กำลังจะให้ ให้รีบนั่ง ลงบนพื้นหรือ นอน เพราะ ถ้า ไอ ในท่ายืน แล้วหมดสติ หัวจะฟาดพื้น ป่วยอยู่เกือบ 2 เดือน
    ตอนนี้ ก็หายเกือบดี100% แล้ว
     
  14. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    จิตนั้นโดยธรรมชาติแล้วมีความไวเหนือกว่าเวลาอยู่แล้ว เพียงแต่ความรับรู้ของเราต่อจิตนั้นไม่ไวพอ ไม่ละเอียดพอ อิอิ พิมพ์ไปแย้วจิตไปไหนแย้วเนี่ย
     
  15. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ที่คุณกล่าวมาเนี่ย เป็นเรื่องในคัมภีร์ทางศาสนาคริสต์หมดเลยนะครับ

    ไซออน เนี่ย ถ้าไปอ่านในคัมภีร์คริสต์ศาสนา เขาจะบอกว่า เป็นนครโสมม เป็นแหล่งคนชั่วอาศัยอยู่

    ถ้าจำไม่ผิด เมืองนี้จะโดนลงโทษโดยพระเจ้า ส่งอุกาบาตมาถล่มตายทั้งเมือง
    มีเพียง ครอบครัวหนึ่งละมั้ง ที่เชื่อในพระเจ้า แล้ว ออกจากเมืองมาก่อน

    เห็นในหนังสือทางคริสต์เขาบอกว่า พระเจ้าบอกว่า ถ้าออกจากเมืองมาแล้ว มีปรากฏการณ์อะไรแปลก ๆ ก็อย่าหันหลังกลับไปดู แล้วจะรอด

    บังเอิญ มีคน คน ๆ หนึ่งที่จะรอดอยู่แล้วดันหันหลังกลับไปดู ก็เลยเสร็จครับ ตายทันที

    ในหนังเมทริกซ์ เขาก็สร้างเรื่องให้อยู่ต่ำสุดเลย ก็สมเหตุสมผลกันดี ตอนที่ เครื่องจักรจะบุกถล่ม พวกกันยัง กินเหล้าเคล้านารี กันอยู่เลย แบบนี้มันเมืองแห่งความเลว ตามหนังสือที่คนคริสต์เขาเชื่อกันก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ

    ถ้าคิดว่า ไซออน คือเมืองสวรรค์หนะคิดผิดแล้วครับ

    มีหนังอยู่บางเรื่อง ก็สร้างเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน เมืองไซออนเนี่ย
     
  16. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    อ้อ จำได้แล้วครับ เมืองไซออนเนี่ย อยู่ในเรื่องของ โนอาห์ ที่สร้างเรือยักษ์ นั่นหละครับ

    จำไม่ได้แน่นักว่า ก่อนหรือหลัง จากที่น้ำท่วมโลกแล้ว หนะ โนอา และ ครอบครัว ไปอยู่ที่เมืองนี้ แล้ว รอดมาได้ เพราะทำตัวเป็นคนดี พระเจ้าเลยมาบอกให้ออกจากเมืองก่อนที่จะส่ง อุกาบาต มาถล่มเมืองครับ

    โนอาห์ นี่ไม่ใช่พุทธ แน่ ๆ ครับ

    ลองค้นหาใน กูเกิ้ลก็ได้ครับ SION รับรองเจอแน่นอน และมันไม่ใช่ สวรรค์ แน่ ๆ ครับ
     
  17. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ผู้ที่ปรารถนาพระโพธิญาณ(พระโพธิสัตว์)เนี่ย ไม่ใช่หน้าที่จัดหาของสวรรค์นะครับ เป็นความปรารถนาส่วนตัวของบุคคลผู้นั้นเองครับ

    ลองย้อนไปอ่านดูพระพุทธประวัติ ผมยังไม่เคยเห็นตรงบทไหนเลยจะบอกว่า สวรรค์ เป็นผู้เลือกบุคคลผู้ที่อนาคตจะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า เลยสักนิด

    มีแต่เจอว่า บุคคลเหล่านั้น (พระโพธิสัตว์) มีความปรารถนาตั้งใจเอง ที่อยากจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เช่น กรณีของ พระศรีอาริย์เมตไตรย์ ที่ทรงปรารถนาพระโพธิญาณ ถ้าไปอ่านดู จะพบว่า

    ทรงพบ สามเณร ท่านหนึ่ง เดินทางมาประกาศว่า พระพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นในโลกแล้ว แค่นี้ ก็ทำให้ พระเจ้าจักรพรรดิในตอนนั้น หรือต่อมาก็คือ พระศรีอาริย์เมตไตรย์ในอนาคตกาล ทรงถึงกับสิ้นพระสติ (เป็นลม) ในทันที

    ต่อจากนั้นมาก็ทรงปรารถนาอยากจะเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ เพื่อรับฟังพระสัทธรรมอันวิเศษ (ขอข้ามตอนที่ทรงเดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์)

    ผมยังไม่เห็นมีตรงไหนเลยสักนิดที่บอกว่า จะมีใครไม่ว่าจะสวรรค์ หรือจะใครท่านใดก็ตามที มีหน้าที่มาคัดเลือกบุคคล ผู้ที่ต้องการจะเป็นพระโพธิสัตว์

    เอาง่าย ๆ แค่คุณผมเองครับ นึกในใจ หลังจากที่อ่าน บทความนี้ แล้วต้องการจะปรารถนาพระโพธิญาณ คุณผมเองครับ ก็จะได้สิทธิในเดี๋ยวนี้เลยครับ ไม่ต้องรอใครมาคัดเลือกอีก มีแต่ตัวคุณเองนั่นหละครับ ที่จะต้องฝ่าบททดสอบอันหฤโหดให้ได้ ถ้าผ่านได้คุณก็จะได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลพระองค์หนึ่งแน่ ๆ

    แต่ถ้าไม่ผ่าน หรือ ขี้เกียจรอ ก็เป็นสาวกภูมิไปแทน ครับ
     
  18. SCJ

    SCJ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +122
    อ่านกระทู้นี้ ทำให้นึกถึงความหลังทันที

    ตอนเด็ก มีอาการหลายครั้ง ที่มองเห็นสิ่งแวดล้อมช้าลง

    ตกใจมาก ไม่กล้าเล่าใครฟัง

    คิดว่า ตัวเอง ไกล้บ้า

    พยายามลืม และเล่นมาก ให้มันหายไป แต่เก็บความสงสัยไว้

    มอ่านกระทู้วันนี้ อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง

    แต่ภาพช้าๆ แบบนั้น เดี๋ยวนี้ ไม่มีแล้ว
     
  19. จิตวิปริต

    จิตวิปริต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +13
    ให้ตายเถอะโรบิ้น
     
  20. smutux

    smutux เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +242
    รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ
    กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
    ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
    ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำลึกเหลือ
     

แชร์หน้านี้

Loading...