เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

วันนี้ออกต่างจังหวัดไม่ไกล กลับเข้าเว็ปช้า แต่ก็ยังได้อนุโมทนาบุญเช้า ไม่ข้ามวัน

 

หลวงปู่แดง กาฬสินธุ์
หลวงปู่เบ็ญ จ.ยโสธร
===============

เหรียญ รุ่น๑ "พระดี~ศรีอีสาน" จัดมาทีเดียว 2 จังหวัดประกบกันไม่รีรอ มอบร่วมบุญ แบบทู อิน วัน ให้สะสมบูชาด้วยกัน ไม่แยกเดี่ยว...

=======400=======
ขวา-หลวงปู่แดง ธัมมะทินโน "พระครูวิบูลธรรมาธร" อดีตเจ้าอาวาสวัดเหนือ(วัดศรีบุญเรือง) อดีตเจ้าคณะอำเภอยางตลาด อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เมืองฟ้าแดดสูงยาง
--ท่านมีความสามารถพิเศษ คือ จดจำบทสวดมนต์พระสูตรต่างๆได้มากและแม่นยำ ถูกต้องตามอักขระวิธีชัดเจน
--ปฏิภาณไหวพริบยอดเยี่ยม สามารถเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา(โจทย์-แก้) ทางธรรมคล่องแคล่ว โดยเฉพาะเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา
--สามารถเทศนา "พระเวสสันดรชาดก 13 กัณฑ์-1,000 คาถา" ครบถ้วนด้วยทำนองอีสานทุกรูปแบบ เช่น
***ทำนองเมืองขอนแก่น
***ทำนองเมืองอุบลฯ
***ทำนองเมืองกาฬสินธุ์

--ได้รับการคัดเลือก ประกาศเกียรติคุณยกย่องเชิดชูเกียรติ พระผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา
--รับพระราชทานเสมาธรรมจักรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราขกุมารี สาขาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในประเทศ
--และ ฯลฯ

หลวงปู่แดงมรณภาพ 19 กันยายน 2554 สิริอายุ 91 ปี 70 พรรษา

พิธีพระราชทานเพลิง 29 ธันวาคม 54 มีรัฐมนตรีช่วยก.ศึกษาธิการ นายบุญรื่น ศรีธเรศ , ผู้ว่าราชการจังหวัด และประชาชนทุกหมู่เหล่าของจังหวัดเข้าร่วมงานมากกว่า 5,000 คน

ซ้าย-หลวงปู่เบ็ญ กันตสีโล อดีตเจ้าอาวาส วัดบ้านสร้างแต้ (วัดศรีครฉาย) ต.โพนงาม อ.กุดชุม จ.ยโสธร วัดที่อยู่แดนกันดารเอาการ เมื่ออดีต สร้างวัตถุมงคลแต่ละทีไม่ใช่ง่าย พระสงฆ์ต้องเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมากถึงจะสร้างวัตถุมงคลออกมาได้

(((แถมให้ชาวยโส-อย่าลืมงานบุญบั้งไฟสุดฮิต ที่เรียกกันคุ้นปากคุ้นหูว่า "บั้งไฟแหยมยโสธร" ยิ่งใหญ่ระดับชาติ 16-18 กุมภาพันธ์ นี้)))

เหรียญรุ่น ๑ ของท่าน หยดน้ำใหญ่ผิวหิ้ง

ยันต์หลังต่างแบบ ต่างเกจิ ต่างจังหวัด แต่ไม่ต่างคุณงามความดีของพระสงฆ์ทรงคุณเป็นที่เคารพนับถือของท้องถิ่นทั้งคู่

ขนาดมาตรฐานทั้ง2 เหรียญ

 

"หลวงปู่ปาว รุ่นแรก"
วัดอูบมุงเหนือ-อุดรฯ
===============

พระครูปัญญารัตน์ "หลวงปู่ปาว ปัญญาวโร" วัดอูบมุงเหนือ ต.อูบมุง อ.หนองวัวซอ อุดรธานี เหรียญดี พระดังท้องถิ่น

รุ่นแรกฉลองอายุ 80 ปี เนื้ออัลปาก้า รูปไข่ใหญ่ เผื่อลูกศิษย์หรือคนพื้นที่มาเจอ อยากนิมนต์หลวงปู่กลับมาตุภูมิ จัดให้ชนิดไม่ต้องเสียดายเงินตอนควัก

=======300=======

อัลปาก้ายุคหลัง 2520 เล็กน้อย ไม่ผ่านการใช้ เนื้อและผิวเหรียญสวยฉ่ำ เกือบเป็นเนื้อเงินแปะตั้ง!

วัดอูบมุงเหนือ คำว่า "อูบ" แปลว่า "โอบ"

รูปไข่ใหญ่สวย
บึกบึน-เก่าเก็บ

 

วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะโรง
ใส่บาตรพระเช้าวันนี้
อนุโมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

สวัสดีครับอาจารย์วันวิ พี่น้องทุกท่าน
อนุโมทนาบุญกับอาจารย์ พี่น้องทุกท่าน
ขอให้ทุกท่าน มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวย
เจริญก้าวหน้าในอาชีพ เฮงๆๆ ทุกท่าน สาธุ

 

เปิดงานเช้าวันจันทร์ ฝุ่นเมืองกรุงคลี่คลายบ้างแล้ว ส่วนทางใต้ก็ดูแจ่มใสดี ร่วมอนุโมทนาบุญให้สดชื่นแจ่มใสไปทั้งวัน

 

สุพรรณฯน่าจะปลอดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 แต่ก็ไม่เคยปลอดพรดีทุกวันจันทร์ น้องน้อตส่งมาเป็นกำลังใจแด่ทุกท่านให้เป็นวันเปิดทำงานต้นสัปดาห์อย่างมีความสุขและมีพลัง

 

เลขจัดส่งวันนี้

--ED 0554 3754 1 TH จตุจักร

 

หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
"ปรอทเสก"ชุด"ซุ้มประตู"!
===============

พระเนื้อตะกั่วรุ่นแรกของ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี สร้างในปี 2514 เรียกว่าพิมพ์ "ซุ้มประตู" โดยอาจารย์ธีรธรรม บัวเจริญ กับ อาจารย์กิจจา วาจาสัจ อาจารย์วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยากับสหวิทยาลัยรัตนโกสินทร์ ผู้มีความเคารพในองค์หลวงปู่ยิ่งยวด

พระสร้างได้จำนวน 2,000 องค์ มอบหลวงปู่แจกจ่ายลูกศิษย์หมดสิ้น เมื่อหลวงปู่เห็นว่ามีฝีมือในการสร้างเนื้อตะกั่วได้สวยงาม ก็จึงมอบชนวนมวลสารให้สร้างต่อเนื่องอีกชุด

คณะผู้สร้างได้ลงทุนลงแรงคราวนี้มโหฬาร เพื่อสร้างให้เป็นยอดวัตถุมงคลที่เก็บไว้ใช้บูชาในหมู่คณะ และมอบหลวงปู่ไว้จำนวนหนึ่ง

พระชุดนี้จึงไม่ค่อยได้พบเห็นกันนัก แต่ประวัติบันทึกไว้ กลับชัดเจนที่สุดยิ่งกว่าเนื้อตะกั่วชุดใดๆของหลวงปู่เสียอีก เนื่องจากไม่ได้สร้างเป็นพุทธพาณิชย์ แต่สร้างเพื่อบารมีหลวงปู่และไว้บูชากันจริงๆ

พระเนื้อตะกั่ว "ปรอทเสก" ครั้งแรกที่ "หลวงปู่โต๊ะ" เสกปรอทให้ลูกศิษย์นำไปผสมเป็นมวลสาร ทำให้เรารู้ว่า หลวงปู่เชี่ยวชาญวิชาการรอบด้านและสูงสุด จะใช้หรือไม่ใช้เท่านั้น!!!

เกจิอาจารย์ที่เสกปรอทสำเร็จได้ในประเทศไทยยุคนั้น เรียกได้ว่า กางนิ้วมือออกไปเพียง 5 นิ้วก็พอ หาเจอไม่ครบในฝ่ามือเดียว!!!

กรรมวิธีในการสร้างพระชุด "ซุ้มประตู" หรือ "ซุ้มเรือนแก้ว" บัวสองชั้น โดยดัดแปลงจาก "ซุ้มประตูบัวชั้นเดียว" เล็กน้อย แต่ทรวดทรงและใบหน้าเหมือนกัน มีความอัศจรรย์ดังบันทึกไว้เป็นเอกสารทำทะเบียนไว้ชัดเจนดังนี้;

☆☆☆ รวบรวมโลหะโบราณจากกรุพระที่สำคัญๆ เช่นชินตะกั่วจากกรุวัดราชบูรณะ อยุธยา ชินตะกั่วจากวัดเขาพนมเพลิง(เจดีย์แปดเหลี่ยม) สุโขทัย

☆☆☆ รวบรวมโลหะในการสร้างพระจากวัดที่สำคัญๆ ได้แก่ชนวนในการสร้างพระของ หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา,ชนวนเก่าของท่านเจ้าคุณผล วัดหนัง,และชนวนเก่าของ หลวงพ่อกล้าย วัดหงษ์

☆☆☆ ตะกรุดโบราณเนื้อตะกั่วจำนวนมาก

☆☆☆ หลอมโลหะทั้งหมดที่รวบรวมได้ นำไปผสมกับ "ปรอทเสก" ของ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี" เติมด้วยแร่ พลวง/เงิน/ตะกั่ว จากนั้นเทลงแผ่นพิมพ์สี่เหลี่ยม ได้แผ่นโลหะทั้งสิ้น 30 แผ่น

นำโลหะตะกั่วที่เป็นแผ่น เดินทางขอความเมตตาจากพระคณาจารย์ที่เป็นที่เคารพนับถือของเหล่าพุทธศาสนิกชนเวลานั้น ให้ท่านจารอักขระยันต์ อธิษฐานจิต บอกความประสงค์ตามตรงว่าจะนำไปสร้างพระพิมพ์

รายนามเหล่าคณาจารย์ที่เมตตาจารอักขระยันต์ให้ทุกท่าน มีดังนี้...(ขออนุญาตไม่ลงราชทินนาม เพื่อความเข้าใจง่ายของท่านผู้อ่าน)

--หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
--หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
--หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
--หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์
--หลวงปู่เทียม วัดกษัตราฯ
--หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
--หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
--หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ
--หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก
--ลพ.ทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง
--หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง
--หลวงปู่เส่ง วัดกัลยาณมิตร
--หลวงพ่อพิณ วัดอุบล ราชบุรี
--หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
--พระปลัดมิ วัดสิงห์
--พระครูสมุห์อำพล วัดประสาทฯ
--หลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง
--พระครูธรรมสาคร วัดโกรกกราก
--หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม
--หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร
--ลพ.เส็ง วัดน้อยนางหงส์
--พระครูสัมฤทธิ์ วัดอู่ทอง สุพรรณฯ
--ลพ.ทอง วัดถ้ำทองฯ ลพบุรี
--หลวงพ่อหมั่น วัดดงสัก กาญจน์ฯ
--ลพ.เกลี้ยง วัดเขาใหญ่ฯ กาญจน์ฯ

และมหาเมตตาจากสายพระป่ากัมมัฏฐาน

**หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
**หลวงปู่อ่อน ญาณศิริ อุดรฯ

นำโลหะที่จารอักขระมหาเวทย์และผ่านการเสกเป่าประจุพลังปราณของคณาจารย์ทั้งมวล หลอมเทลงในแม่พิมพ์"หินชนวน"ทีละองค์จนหมดทั้ง 30 แผ่น

จากนั้นนำวัตถุมงคลที่ไม่ต้องเสกก็สุดขลัง แต่คณะผู้สร้างก็ยังเดินทางทรหด ถวายพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง อธิษฐานจิต(ปลุกเสก) เพียงคราวละ หนึ่งท่าน เมื่ออธิษฐานเสร็จ ก็ถวายวัตถุมงคลไว้จำนวนหนึ่ง ทำให้เมื่อเสร็จสิ้นการ "เสกเดี่ยว" แทบไม่เหลือวัตถุมงคลให้ร่วมบุญและเล็ดรอดออกมาสู่สาธารณชนทั่วไปเลย

คณาจารย์ที่มอบให้ปลุกเสก อธิษฐานจิตเดี่ยวมีดังนี้...

--หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี อธิษฐานจิตให้ 21 เม.ย. 15 กับ 4 ตุลาคม 15 รวม 2 ครั้ง ครั้งละ 50 นาที

(((สำหรับผู้ได้รับวัตถุมงคลชุดนี้จากหลวงปู่ จะได้รับพร้อมกับ "พิมพ์ซุ้มประตู วัดประดู่ฯ"ไปด้วย ทำให้ 1 ชุดได้รับ 3 องค์)))

--หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ อธิษฐานจิตตลอดไตรมาส

--หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก อธิษฐานจิต 22 ธันวาคม 15 เป็นเวลา 2 ชั่วโมง

ต่อด้วยการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ตามวัดต่างๆอีก สิบกว่าครั้ง ขออนุญาตข้ามรายละเอียดตรงนี้เพราะเยอะมาก

ไปชมพระ"ซุ้มประตู" หรือซุ้มเรือนแก้ว ที่ไม่อยู่ในทำเนียบ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี แต่ความจริงแล้ว ก็คือพระที่หลวงปู่อนุญาตให้สร้าง และ "เสกปรอท" ให้เป็น "หนแรก" ในการทำพระ

มีการเทไว้ 2 พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่ขนาดเท่ากับพิมพ์ซุ้มประตู วัดประดู่ฯ ปี 14 กับพิมพ์จิ๋ว

พิมพ์ซุ้มประตู วัดประดู่ฯ หลวงปู่โต๊ะ เมตตาลงเหล็กจาร "นะโภคทรัพย์" ไว้ด้านหลัง

พิมพ์ซุ้มประตูพิเศษนี้ "หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง" เมตตาลงเหล็กจาร "พุฒซ้อน" ให้ทั้ง...ใหญ่+จิ๋ว

ใกล้วันมาฆะบูชา รำลึกถึงครูบาอาจารย์ด้วย วัตถุมงคลที่คุยได้เต็มปากว่า "หายาก" จริง สำหรับคนที่ไม่ต้องคิดถึงเรื่องพุทธพาณิชย์ และขี้เกียจเล่าประวัติ ไม่มีใครงัดออกมาขายรวมทั้งที่นี่ แต่อยากให้ดูๆหรือแลๆกันไว้ เผื่อมีโอกาสไปเจอะเจอ "พระลึกลับ" เยี่ยงนี้ สามารถ "กินตับ" ได้นิ่มนวลดีนัก...!

ตะกั่วปรอทเสก ซุ้มเรือนแก้ว ฐานบัวสองชั้น ต้องร้อง..
โอ้ววว กับความงามของผิวที่ปรอทเสกอยู่ตามซอก เป็น"เอกลักษณ์" หรือ "ซิกเนเจอร์" ได้เลยทีเดียว!!!

นั่งสมาธิ ใบหน้า รูปร่างขนาด เป็นความเหมือนในความต่างกับพิมพ์ซุ้มประตู วัดประดู่ฉิมพลี ยกเว้น "ซุ้ม-ฐานบัว" เท่านั้น มีรูปเทียบให้ชมเพลินๆ

พิมพ์ซุ้มประตู ฐานบัวชั้นเดียว หลังลายผ้าหลวงปู่โต๊ะจาร แต่พิมพ์ซุ้มประตูฐาน "บัวสองชั้น-หลังเรียบ"...

หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ลงเหล็กจารให้ ชมกันต่อด้านล่าง

นี่ครับ การลงเหล็กอย่างอลังการงานสร้างโดย หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ผู้ไม่เป็นสองรองใครในปฐพี ท่านเมตตาลงให้เต็มที่กับ ยันต์พุฒซ้อน และกำกับไว้บน-ล่างเหลือร้าย ครบถ้วนแม่ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม อธิษฐานด้านไหนก็ไม่ผิดหวัง!

ขนาดเท่าซุ้มประตูบัวชั้นเดียว
แต่ไม่มีรูปเทียบ เพราะได้มอบ
ให้น้องที่เคารพนับถือกันไปแล้ว

ต่อไปก็ "ซุ้มประตูจิ๋ว" เนื้อปรอทเสก ซึ่งผู้สร้างตั้งใจให้เป็นของท่านสุภาพสตรีหรือเด็ก

เชิญชม "เล็กพริกขี้หนู" ซึ่ง "หลวงพ่อแพ" เมตตาลงเหล็กจารอย่างเด็ดขาด ให้ทราบว่า ท่านก็หนึ่งในตองอู!

ไม่ต้องเสียเวลาเปลืองภาพเยอะ เทียบขนาดกับ "เหรียญสลึง" ให้ชมกระจ่างตา เหรียญว่าเล็กมากชนิดหล่นไม่ต้องควานหา

ทว่า... องค์พระปรอทเสก กลับเล็กยิ่งกว่า และเป็นพิมพ์มารวิชัย ต่างจากพิมพ์ใหญ่

เล็กแค่ไหน ก็ไม่มีปัญหาสำหรับ "ยอดฝีมือ-ยอดเกจิอาจารย์" ในการลงเหล็ก ชมความน่าทึ่งของการจารเต็มที่ อักขระยันต์เต็มตัว ไม่ใช่เขี่ยอย่างขอไปที

ผู้ลงได้ขนาดนี้ ต้องมีสมาธิจิต พลังจิต "กร้าวแกร่ง" เกินบรรยาย!

เทียบพิมพ์ใหญ่ กับ "จิ๋ว" เป็นการส่งท้าย มอบภาพศิริมงคลค่ำคืนวันจันทร์ให้สมาชิกทุกท่านนอนหลับฝันดี หลับได้นิมิตหมายจากเทพเทวา ตื่นขึ้นมากระทำการใดราบรื่น

พระ"ซุ้มประตู"หรือ "ซุ้มเรือนแก้ว" เปรียบเสมือนพลังจากอริยสงฆ์ทั้งมวลส่งพลังอัจฉริยภาพแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ที่ผ่านการปฏิบัติฝึกฝน เคี่ยวกรำ จนตกผลึก สามารถแผ่พลังคุ้มครองได้แม้เพียงแค่ร่วมโมทนาและรำลึกถึงเท่านั้น

เพราะนั่นหมายถึง จิตของเราผนึกแนบแน่นกับพลังงานเหนือโลกเรียบร้อย ในชั่ว "ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น" ซึ่งเพียงพอแล้ว!!!

 

วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะโรง
ใส่บาตรพระเช้าวันนี้
อนุโมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

ก่อน 15 ค่ำ"มาฆบูชา" วันพระใหญ่ของชาวไทย ชาวพุทธ ร่วมอนุโมทนาบุญเช้าวันนี้เสียก่อน แล้วเตรียมทำบุญตามแต่ใครจะสะดวกหรือถนัดในวันพรุ่งนี้

"มาฆฤกษ์" คือวันเพ็ญเต็มห้วง เดือน 3 ที่ พระอรหันต์เจ้า 1,250 รูปมารวมกันโดยมิได้นัดหมาย เพื่อเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระบรมมหาศาสดาในฐานะ ครู" ผู้ยิ่งใหญ่ของทั้งมนุษย์แลเทวดา

พระสงฆ์ทุกรูปล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" ได้รับการอุปสมบทโดยพระพุทธองค์...!

พระพุทธองค์ทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์" ซึ่งความสำคัญครบ 4 ประการนี้ เรียกขานอีกชื่อว่า...วัน"จาตุรงคสันนิบาต" ชาวพุทธส่วนใหญ่ทราบกันดี ไม่ต้องให้ไอ้เถน "พุทธเทียม" ตัวไหนมาสอน มาตีกินเรื่องพุทธะกับคนพุทธแท้!

"จงทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"!!!

 

ชิน "ซุ้มประตู-ปรอทเสก"
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
===============

☆"ซุ้มประตู".....คู่'เรือนแก้ว'
คุมคลาดแคล้ว..แถวบัวสอง
ส่องประกาย......คล้ายเนื้อทอง
'ปรอทเสก'ก้อง...ผ่องผองพันธุ์!

ต้อนรับวัน "มาฆบูชา" หาวัตถุมงคลศักดิ์ศรีสูงค่ามอบแด่สมาชิก หันไปเหลียวมา น่าจะเป็นองค์เนื้อชินตะกั่ว "ปรอทเสก-ซุ้มประตู" โดย หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ปี 2514-15 นี่แหละเข้าท่าที่สุด!!!

รายละเอียดสดๆร้อนๆด้านบน ตรงนี้มอบร่วมบุญบูชา ใครไวก็เชิญ...

=======4,500=======
ฉายภาพซ้ำ + ขนาด หน้า-หลัง-จาร-ผิวปรอทเสก...!

องค์จริง สวยคม ชัดเจนทุกตัวอักขระยิ่งกว่าภาพมาก

"ปรอทเสก" ไม่เพียงมีคุณสมบัติทำให้เนื้อหาคงทนต่อกาลเวลา สวยงามไม่บกพร่องถ้ารักษาดี ยังมีคุณวิเศษ รักษาโรคภัยไข้เจ็บเบื้องต้น ไม่ต้องถึงมือหมอ ฯ

ส่วนด้านไสยเวทย์ สามารถปัดเป่าลมเพลมพัดง่ายๆ เสนียดจัญไรรบกวน และอีกสารพันตามการอธิษฐานบูชา

 

ขอจองครับคุณอา

 

ลุกไปทำธุระกลับมาน้องคัมภีร์จับจองท่านเรียบร้อย ก็คงไม่ต้องฝอยเพิ่มเพราะเรื่องราวที่เขียนไว้สมบูรณ์ดีแล้ว

ขอส่งท่านเดินทางวันพฤหัสฯสมกับเป็นวันครู ซึ่งองค์พระบรมมหาศาสดา เป็น "ครู" ที่แท้จริงของเทวดาและมนุษย์!

โมทนากับน้องคัมภีร์ ยินดีกับความไวครับ

 

"ซุ้มประตู-จิ๋ว"-ปรอทเสก!
"หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี"
"ลพ.แพ วัดพิกุลทอง"-จาร!
===============

มอบพิมพ์ใหญ่เป็นศิริมงคลต้อนรับ "มาฆบูชา" ล่วงหน้าไปแล้ว "พิมพ์จิ๋ว" ก็สมควรมอบแด่ผู้ที่เคารพศรัทธาในวัตถุมงคลที่เป็น "มงคล" จริงๆ คุ้มตน คุ้มเหย้า คุ้มครอบคร้วได้จริง ไม่อิงพุทธพาณิชย์!!!

"พิมพ์จิ๋ว ซุ้มประตู ปรอทเสก" โดย "หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี" ลงเหล็กจารระดับปรมาจารย์ของแท้โดยพลังปราณ "หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง" ผ่านพิธีการมวลสารซึ่งยุคปัจจุบันไม่มีวันหาครูอาจารย์ขั้น "อ๋อง" ที่บันทึกรายนามไว้ทำได้อีก

ความเล็กอันเต็มไปด้วย "สมรรถภาพ+อานุภาพ" ยิ่งกว่าเล็กพริกขี้หนูใดๆ...ความจิ๋วสุดเจ๋ง เหนือกว่า "จิ๋วแจ๋วเจาะโลก" เชิญร่วมบุญ ท่านใดนิ้วไวก็รับไป...

=======3,000=======

ความงามคลาสสิคมอบภาพบรรยาย ส่วนรายละเอียดงานสร้าง-เสก ก็ชายตามอง 2กระทู้ด้านบนที่ผ่านมา

เห็นการลงเหล็กบนพื้นที่น้อยนิดเท่าเล็บมือก็ขนลุก ไม่ต้องพูดมากให้เมื่อยปาก

ภาพที่ดูได้ไม่เบื่อ เป็นมงคล
ไม่ว่าจะได้ครอบครองหรือไม่
"ซุ้มประตู-ซุ้มเรือนแก้ว" คือ
ความหมาย"คุ้มครอง"ทุกทิศ!

 

รับครับ
ได้โอนเงินร่วมบุญและแจ้งคุณน้ำฝนแล้ว ครับ
ขอบคุณครับ

 

.
เวลาเกิดทุกข์ ไม่เคยพิจารณาว่า ทุกข์นั้นเพราะเหตุใด
อะไร หรือใคร ทำให้เกิดทุกข์ ทุกข์ครั้งใดก็ โทษ
แต่ผู้อื่น โทษแต่สิ่งอื่น ไม่เคยโทษตัวเอง
ว่า ที่ทุกข์นั้น เกิดเพราะ กิเลส ตัณหาของตัวเอง
ที่ ทำให้เกิดทุกข์ อย่างนี้เรียกว่า จิตใจมันมืดบอด
มืดสนิท บอดสนิท ไม่รู้ว่าทุกข์นั้น เกิดเพราะตัวเอง
เกิดเพราะ กิเลสของตัวเอง เพราะมันไม่รู้จักพอ
มันอยากได้ อยากมี อยากพอกพูน จนไม่เห็นถูก
เห็นผิด อย่างนี้ ก็ทุกข์อยู่ร่ำไป

พระสังวรวิมลเถร

(หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี)