เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

หนุ่ม-สาวไม่ละเลยบุญในวันหยุด พลังแห่งพระพุทธศาสนาส่วนหนึ่งต้องพึ่งพาและฝากไว้กับคนรุ่นหนุ่ม รุ่นสาว ช่วยกันหนุนเนื่องมั่นคงเข้าไว้ อย่าเสื่อมถอย...

ร่วมอนุโมทนาบุญเช้าหลังเพล ด้วยใจยินดี มีความสุขยิ่ง

 

ต้องทำบุญ-สะสมบังเกิด
เป็น"ดวงบุญ"กับตัวเอง
"หลวงปู่"สอนลึกซึ้ง...

เพาะบ่มบุญ..หนุนเนื่องเนา
ยิ่งยามเยาว์..เฉลาสม
ระดมหมุน....ทุนทับถม
ทรัพย์สั่งสม..กลมกล่อมการ
--ยามทุกข์ยาก....ฝึกฝากไว้
--พลิกโศกคลาย..กลายกลับด้าน
--ร้ายผ่านพ้น.......ฉงนงาน
--บุญบันดาล.......ประสานสั่ง
***ผลบุญเกิด...ประเสริฐสรรพ
***อริยทรัพย์...รับเต็มถัง
***หวังสิ่งใด...ไป่พลาดพลั้ง
***จุใจจัง.......พลัง"ดวงบุญ"!

หมายเหตุ...เฉลา = สวยงาม

 

หลวงปู่ทอง วัดสามปลื้ม
"มนต์บัวบาน"เหรียญ18
===============

อริยสงฆ์กลางกรุงที่มีอายุ "ข้ามศตวรรษ" วัยเกินร้อย มีไม่มากรูป ป่าคอนกรีตมีมลภาวะมาก พระกลางกรุงส่วนใหญ่สัก 80-90 ละสังขารก็ถือว่าอายุยืนมากแล้ว

หลวงปู่ทอง วัดจักรวรรดิฯ(วัดสามปลื้ม) จึงจัดเป็นยอดเกจิฯที่อยู่เหนือกาลเวลา เพราะท่านมรณภาพในปี 2548 ด้วยอายุกาล 103 ปี พรรษา 83 และเป็นภิกษุอาวุโสที่ได้รับความเคารพนับถือ เลื่อมใสจากผู้คนทั่วหน้า แม้กระทั่งพระวัยเดียวกัน เช่น หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ยังชมเชยท่านให้เหล่าศิษย์ฟังว่า...

"หลวงปู่ทอง เก่งมาก"!!!

คำพูดสั้นๆ แต่กินความหมายกว้างไกลลึกซึ้ง นับว่า เหมาะสมกับ "หลวงปู่ทอง" ผู้ผ่านการขัดเกลารับสรรพวิชามาจากท่านสมเด็จพระสังฆราชแพ มื่อวัยหนุ่มและหลายคณาจารย์ชั้นยอดที่ท่านร่ำเรียน แต่ท่านดำรงตนเรียบง่ายตามสไตล์ "เสือซ่อนเล็บ" ไม่โอ่อวด โฆษณา คนที่ไม่เคยสัมผัสจึงยากจะรู้ว่า

นี่แหละ เพชรแท้กลางกรุง อีกหนึ่งเม็ด!

แม้ "หลวงปู่ทอง" อายุกาลยืนนาน แต่ท่านสร้างวัตถุมงคลไว้ไม่มากนัก เวลาส่วนใหญ่ท่านหมดไปกับการสงเคราะห์ผู้คนกับ เข้าร่วมการเสกวัตถุมงคลทุกสถานที่ซึ่งได้รับนิมนต์ ใกล้ไกลไม่เคยเกี่ยงงอนท่านช่วยหมด กิจของท่านที่มากเป็นเพราะ...

น้ำมนต์"ดอกบัวบาน" ขลังและชะงัดนัก...อยู่ฝั่งธนฯ ต้องไปหา "หลวงปู่เส่ง" ใครมาจากฝั่งพระนคร "หลวงปู่เส่ง" ไล่ไปหา "หลวงปู่ทอง" หรือคนฝั่งธนฯข้ามฟากมาทางนี้ ก็จะโดนหลวงปู่ดุ ให้ไปหา" หลวงปู่เส่ง" เช่นกัน

เหรียญปี 2518 หลวงปู่ทอง ถือเป็นรุ่น 2 (รุ่นแรกสร้างปี 2517) หลวงปู่ปลุกเสกตลอดไตรมาส ตั้งชื่อรุ่นว่า "เหรียญไตรมาส" ตามการปฏิบัติเข้มข้น ของดีกลางกรุงที่ไม่ถึงกับซ่อนเร้น ยังพอหามาสะสมบูชากันได้ ถ้ารู้จักและเข้าใจคำว่า ...พระพุทธคุณ!!!

มอบความงาม ความขลัง สวยเข้มสะใจ อริยเจ้าวัยเกินร้อยให้ร่วมบุญ ในราคาหลักร้อย...

=======600=======

เหรียญทองแดงรมน้ำตาล ผ่านกาลนาน "ครึ่งศตวรรษ" ผิวกำลังหมดไฟ ข้างกนกงดงามประทับใจเพราะไม่เคยผ่านการใช้หรือต้องมือใคร ความสมบูรณ์ครบถ้วน ดูรู้จากภาพตาเปล่าไม่ต้องลงกล้อง

นี่แหละครับ ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ที่หลวงปู่ใช้ทำ "น้ำมนต์-ดอกบัวบาน" ลักษณะคล้ายคลึงของ "หลวงปู่เส่ง-วัดกัลยาณ์ฯ" มากถึงมากที่สุด

ทั้งสองท่านอาจร่ำเรียน มนต์วิเศษบทนี้มาจากครูเดียวกัน แต่อย่าถามผมว่าจากไหน?...เพราะไม่ทราบจริงๆ รู้แต่ว่าวิชาสุดเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ติดขัดอันใดก็ใช้เหรียญนี้ รำลึกถึงท่านแล้วทำน้ำมนต์ใช้ได้เหมือนกัน

ขอบข้างสุดงาม
ประสาของสวย
ที่ไม่ผ่านการใช้

เหรียญไข่ขนาดงามเหมาะเจาะ งามเหลือใจ สุดบรรยาย

เหรียญสร้างห่างกันปีเดียว...เปรียบเทียบ ยันต์ "ดอกบัวบาน" ซ้าย "หลวงปู่เส่ง" ขวา "หลวงปู่ทอง" ความต่างในความเหมือน...ความขลังที่ไม่แตกต่างกัน คนพึ่งบารมีเห็นผลนับไม่ถ้วน!!!

 

พระ 25 พุทธศตวรรษ!
=============

นับวันของแท้หาดูไม่ง่าย แม้จะสร้างเป็น "ล้านองค์" แต่ประสบการณ์อภินิหารเหนือโลกเกินจะบันทึกหวาดไหว และความเก่าแก่เนิ่นนานขององค์ท่าน ที่ข้ามครึ่งศตวรรษมุ่งไปหาศตวรรษใหม่ในอีกไม่นาน ก็บังเกิดการเสาะหา สะสมในหมู่คนรักพุทธคุณรุ่นใหม่นับไม่ถ้วน

เปิดกรุ มอบให้ร่วมบุญไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ ขืนบรรยายมาก "พระหลักล้านลวงโลก" หลายยี่ห้ออาจอับอายขายขี้หน้า

=======1,700=======

ชินตะกั่ว ผิวหิ้งรัศมี วิ้ง! วิ้ง! กระจายแพรวพราวทั่วองค์ บางส่วนติด "คราบปลวก" แต่เอาพู่กันปัดออกบ้าง

เป็นพระชุดที่เปิดให้บูชาที่พุทธมณฑลเมื่อประมาณปี 2535-37 มีเฉพาะคนวงใน+เซียนพระเท่านั้นที่รู้และแห่ไปคัดไปเหมา ผมก็ติดร่างแห แห่ไปกับพรรคพวกด้วย ได้มาในองค์ละ100-150-200 ชุดนี้จึงเป็นชุด "แท้เกินล้าน" ส่วนระยะหลังๆหลายสิบปีต่อมา ที่ยังมีให้บูชาอยู่เรื่อยๆ ก็แล้วแต่ตาใครตามัน หรือว่าตรงๆ ตัวใคร-ตัวมัน!

ความงามไม่ผ่านการใช้และมือใครด้านหลัง จุดตาย ตำหนิอยู่ครบทุกส่วน แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่เทียมเท่า "เนื้อหา-คราบเก่า" ที่ติดมากับองค์พระ ยากจะปลอมแปลง

เอาไปเป็นครู แล้วศึกษาเอาเอง ส่องไม่กี่รอบก็เป็น!

ขอบข้างบาง
เครื่องจักรยุค
กึ่งพุทธศตวรรษ
67 ปีวันนี้ไม่มีซาก
เหลือให้เห็น!

ชมเพลินๆทุกมิติ ชมฟรีไม่เสียเงิน ได้แต่ความรอบรู้ในกระทู้นี้ ไม่ต้องมีมาตรฐานสาก้น...เอ้ย สากล ไปตรงไหนก็เล่นอย่างนี้แหละ คุยว่า "สาก้น" มันน่ารำคาญ!!!

 

ร่วมบุญครับ

 

โอนเงินเรียบร้อยครับ

 

นิมนต์หลวงปู่ทอง วัดสามปลื้มครับพี่วัน

 

น้องเก่งร่วมบุญ+ทานกับกระทู้ไม่เคยขาดตลอดระยะเวลาหลายปี มีแต่ทำบุญอย่างเดียวไม่เคยรับพระ หนนี้เห็น 25 พุทธศตวรรษ องค์งามจัด ก็เข้ามาจัดเป็นครั้งแรก เป็นยอดพระเครื่องที่สมควรมีติดบ้าน ติดตัว หรืออยู่บนคอจริงๆครับ

ไม่เคยมีนักเล่นพระคนไหนปฏิเสธพระพุทธ 25 ศตวรรษ มีแต่บอกให้คนที่ชอบถามว่า...ควรเล่นพระอะไรดี สำหรับคนเพิ่งหัดเล่น หัดสะสมพระ ก่อนก้าวไปหาอย่างอื่น

คำตอบ ร้อยทั้งร้อย จะต้องมี "25 พุทธศตวรรษ" ยืนหนึ่งอยู่เสมอ!!!

โมทนาน้องเก่ง พรุ่งนี้จัดส่งท่านเดินทางเป็นศิริมงคลครับ

 

จัดรวดเร็วว่องไว ทางหลังไมค์ก็ "เติมบุญ-เติมทุน" ประจำเดือนเข้ามาเพิ่ม ก็ต้องขอบคุณและโมทนาน้องเก่ง

ขอบุญบารมีที่ร่วมกระทำกับผมและกระทู้กับสมาชิกทุกท่านเสมอมา จงปรับเปลี่ยนเป็น "พลังบุญ" ก่อเกิด "ดวงบุญ" ดังที่ "หลวงปู่โต๊ะ"ท่านสอนไว้ และสามารถนำไปหนุนเนื่องใช้ได้ดีในยามคับขัน เรียกว่า ฝากฝี ฝากไข้กับ "ดวงบุญ" ได้เลย

 

หลวงปู่ทอง โสณุตตโร อริยสงฆ์รัตตัญญูผู้รู้กาล เป็น "นามมงคล" เป็นหนึ่งในศิษย์สมเด็จพระสังฆราชแพ เป็นสหายธรรมกับ "หลวงปู่หมุน"

หลวงปู่จึงเป็น พระธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เป็นสุดยอด "คมในฝัก" นักปฏิบัติเข้มข้น ท่านเป็นคนจาก "เมืองเกินร้อย"(ร้อยเอ็ด) แถม "อายุเกินร้อย" คุณความดีอันประเสริฐของท่านมั่นคง เปรียบประดุจดั่ง "ทองแท้ไม่แพ้ไฟ"!

มอบ "ทองคำแท้" แห่งยุทธจักรดงขมิ้น เดินทางพรุ่งนี้พร้อมกับ "สาริกาคู่" โมทนาน้องเต้ยครับ

 

เขี้ยวเสือ "หลวงพ่อสาย"
ศิษย์เอก"หลวงพ่อปาน"
ราชันย์แห่งพยัคฆ์ราช!
===============

ไม่มี "เขี้ยวพยัคฆ์" สำนักใดเทียมเท่า "หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย" คลองด่าน สมุทรปราการ!!!

เขี้ยวพยัคฆหนึ่งเดียวของประเทศไทยที่ได้รับการบันทึกถึงโดย พระพุทธเจ้าหลวง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕

การจะหา เขี้ยวเสือหลวงพ่อปานมาบูชาทุกวันนี้จึงเสมือนไขว่คว้าหาลม วิ่งไล่คว้าเงา เป็น"เขี้ยวในฝัน" อันอุดมด้วยความผิดหวัง ไม่ต่างจากการหา "พระสมเด็จวัดระฆัง" แท้ๆสักองค์!

ทว่า...ยอดพยัคฆ์ มักจะมี "ลูกศิษย์" และผลิตตัวตายตัวแทนชั้นดีไว้ในยุทธจักร

หลวงพ่อนก วัดสังกะสี กับ หลวงพ่อสาย หรือ หลวงตาสายแห่งวัดบางเหี้ย...นั่นปะไร!

ผู้สืบสานต่อปณิธานยอดเขี้ยวเสือจากครูอาจารย์!!!

เขี้ยว "หลวงพ่อสาย" หรือ "หลวงตาสาย" ใช้ทดแทนของอาจารย์ได้ดี มีประสบการณ์น่าเชื่อถือ และตำราการสร้างก็สืบทอดครูทุกอย่างแต่ท่านไม่ "วัดรอยเท้าครู" มีการสร้างให้ผิดแผกจากดั้งเดิมบ้าง ศิลปการแกะ ดูรู้ว่า "ตามรอยครู-แต่ไม่ย่ำรอยเท้า"!

มีผู้เขียนถึง "หลวงพ่อปาน-หลวงพ่อสาย" เกี่ยวกับเสือและวิชานี้ไว้น่าสนใจ ทั้งผู้เขียนอนุญาตให้คัดลอกเผยแพร่เป็นวิทยาทาน ผมก็ถือโอกาสนำเรื่องราวเหล่านั้นมาเผยแพร่ต่อ แต่ขอดัดแปลงเล็กน้อย ไม่ให้เยิ่นเย้อมาก

***((( ขอบพระคุณ เรื่องจาก "วัต ท่าพระจันทร์")))***

---ก่อนอื่น มารู้จักประวัติของคณาจารย์ยุคต้นของสาย วัดบางเหี้ย หรือวัดมงคลโคธาวาส...

...1 หลวงพ่อถัน เป็นเจ้าอาวาสก่อนหลวงพ่อปาน
...1.1 หลวงพ่อปานกับหลวงพ่ออิ่มดูแลการสอนกัมมัฏฐาน
...1.2 หลวงพ่อเรือนดูแลอุบาสก อุบาสิกา และแม่ชี

...2 ต่อมาหลวงพ่อปานเป็นพระอุปัชฌาย์ โดยมีพระรุ่นน้องร่วมยุคคือ พระครูสุทธิรัตน์(หลวงพ่อทอง) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อเรือน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีรูปถ่ายอ้างอิงอยู่ที่วัด

ประวัติลำดับเจ้าอาวาสของวัดมีจำนวน 7 รูปคือ...
--รูปที่๑ หลวงพ่อถัน
--รูปที่๒ พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ(หลวงพ่อปาน)
--รูปที่๓ หลวงพ่อเรือน
--รูปที่๔ หลวงพ่อทอง พ.ศ.2454-2472
--รูปที่๕ พระปลัดแวว พ.ศ. 2473-2477
--รูปที่๖ พระครูมงคลสาธุวัฒน์ (ชื่น ธมฺมโชติ)2477-2520
--รูปที่๗ พระอธิการบรรจง เสตวณโณ ตั้งแต่ปี 2520

ครั้น "หลวงพ่อปาน" ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส มี "หลวงพ่อเรือน" เป็นรองเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นทั้งเพื่อน ทั้งลูกศิษย์หลวงพ่อปาน ก็ยังมีหลวงพ่ออีกท่านหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์คือ...

"หลวงพ่อสาย ที่คนพื้นที่มักเรียกว่า "หลวงตาสาย ศิษย์ หลวงตาปาน"!!!

หลวงตาสาย พุทธเสฏโฐ วัดบางเหี้ย ศิษย์หลวงพ่อปาน ท่านก็สร้างเสือ ปลุกเสกเขี้ยวเสือตามแต่ผู้คนจะนำมาถวาย ชาวคลองด่านจะหาเขี้ยวเสือแล้วนำไปให้ช่างแสวง(ตาแหวง) คลองนางหงษ์ หรือช่างไสว(ตาไหว)ประตูน้ำชลหารพิจิตร แกะเป็นรูปเสือแล้วนำมาถวายให้ จะสร้างมากหน่อยในสมัยหลวงพ่อชื่นเป็นเจ้าอาวาสลำดับ ๖ ปี 2477-2520

หลวงพ่อสายปลุกเสกลงเหล็กจารเอง เพราะท่านเป็นหนึ่งในศิษย์เอกหลวงพ่อปาน คนพื้นที่จะเรียกกันว่า "เสือหลวงตาสาย" คนพื้นที่ก็เคารพท่านมาก แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจเสือของท่าน เพราะแต่ละบ้านมีเสือหลวงพ่อปานกันแล้ว...

จะเล่นหากันมากก็แต่เฉพาะคนย่านบางปู เพราะคนย่านนั้นแขวนเสือที่หลวงพ่อสายปลุกเสก เกิดประสบการณ์โดนยิงหลังเสื้อทะลุ แต่ไม่ระคายผิวมีรอยช้ำจากแรงกระสุนปะทะ จนเสือหลวงพ่อสายโด่งดังข้ามฟากไปถึงบางปู

จากประวัติที่ผู้เขียน ได้เคยพูดคุยสอบถามคนเก่าแก่ในพื้นที่ได้ความว่า หลวงพ่อสายน่าจะมีอายุอยู่ถึงราวๆปีพ.ศ. 2510 โดยประมาณ
-----------------------

ต่อจากนั้น ข้อเขียนนี้ก็มีประวัติการเดินทางศึกษาวิชาเสือของหลวงพ่อปาน-หลวงพ่อเรือน อีกช่วง แต่เห็นว่า ไม่เกี่ยวข้องกับ "เสือหลวงตาสาย" ที่จะนำมาให้ชม ก็ขอยุติการ "ลอกเรื่อง" ไว้แต่เพียงนี้เพราะใจความที่ผู้เขียน (วัต ท่าพระ-จันทร์) เล่ามาก็ค่อนข้างละเอียดดี

แลพยัคฆา "หลวงตาสาย" ดับร้อนผ่อนคลายอารมณ์คนรักพยัคฆ์ราช ยอดเครื่องรางกันดีกว่า...


หนึ่งยอดเขี้ยวแห่งตำนาน สลักเสลา เกลากลึง แกะถากอย่างปราณีต ใส่ลวดลายลำตัวต่างจากเขี้ยวเปลือยที่เคยเห็นทั่วไป

เขี้ยวเสือแต่ละตนของ "หลวงพ่อปาน" กับ "หลวงตาสาย" จะมี ความเหมือนในความต่าง เพราะแกะ-ถาก-ขุดด้วยเครื่องมือโบราณอย่างแฮนด์เมด จากช่างหลายคน หลายจินตนาการ...

หากบังเกิด "ความเหมือนเป๊ะ" เหมือนแกะด้วยเครื่องจักรราว ก็อปกันออกมา...เดินหนีและถอยห่างไปเลย!
อีกด้านของความเก่า ข้นเข้มราวนมสด นอกขาวขุ่น-เนื้อในออกเหลือง คราบไคลแห่งกาลเวลาเกาะกุมตามซอกไม่ผ่านการปรุงแต่ง แค่ใช้พู่กันปัดไล่ฝุ่นออกเล็กน้อย มีรอยจารยันต์แม่ทั้งสองด้าน แต่จารไม่มาก
ภาพมุมบน เขี้ยวหม่นเหลืองสวยซึ้งติดตาตรึงใจ
ชมหน้าท้อง ของดีที่ไม่ปิดบังซ่อนเร้นอำพราง เชิญแลกันให้กระจ่างตาทุกมิติ

ชมรอยจารคมลึกชัด 2 ด้าน
แต่ก็จางไปตามเวลาผันผ่าน
ขนาดเขี้ยวกะทัดรัดสวยสุด

จบภาพเล่าเรื่อง
ประเทืองเขี้ยวมันส์
กับมุมซ้าย-ขวาอีกที
ดูแล้วนอนหลับฝันดี
พยัคฆาที่สุดซึ้งตรึงใจ

 

สวัสดีค่ะ คุณลุงและแฟนคลับกระทู้

มุกลับมาป่วน หลังจากป่วย ไปช่วยชีวิตคนกลางทาง เจอแต่ละเรื่อง แทบใช้แต้มบุญเกือบหมด จนมีคนถามว่าห้อยพระอะไร มุได้แต่ยิ้ม ๆ เป็นผู้หญิง ทั้งห้อย ทั้งพก เทออกมา รับรองเพื่อนตกใจแน่นอน วันนี้แวะมาป่วนกระทู้คั่นโฆษณา เชื่อว่าคงมีหลายคนง่วงนอน วันนี้มุแวะไปที่บ้านสายลมมาค่ะ ได้ถวายสังฆทาน และถวายปัจจัย ฝากคุณลุงไปนะคะ เนื่องจากมุทำเกรด วันนี้เบื่อ ๆ ไม่ได้เกาะกระทู้คุณลุงเสียนาน ก็ต้องมีการคั่นโฆษณา ทดสอบนะคะ ว่าหาแมวเจอไหม เนื่องจากมุพบว่าคนที่นี่ส่องพระเก่งแล้วยังส่องแมวเก่ง ไว้ว่าง ๆ ก่อนค่ะ ถ้าหาเจอมุจะได้ปล่อยนก ในโพสต์ถัดไป

มุยังไม่ว่างค่ะ เหนื่อยจนร่างกายทรุดไปเยอะ แต่ไม่ได้บอกใครมาก เห็นตารางสอนมา ใครจัดเนี่ย ภาคค่ำ นั่งหัวเราะพร้อมน้ำตา ฮาไม่ออก ยังคิดถึงเพื่อนสมาชิกค่ะ หากเห็นมุหายตัว ก็ยังสบายดีค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆ นะคะ มุยังคงคิดถึงการภาวนา และหากว่างก็หนีไปบวชค่ะ แต่ต้องขอให้สุขภาพพร้อมและงานเสร็จก่อนนะคะ

 

วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ตรงกับวันจันทร์ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ปีเถาะ
ใส่บาตรในวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

สวัสดีครับอาจารย์วันวิ พี่น้องทุกท่าน
อนุโมทนาบุญกับอาจารย์วันวิ พี่น้องทุกท่านครับ
ขอให้อาจารย์ พี่น้องพร้อมครอบครัว พบเจอแต่สิ่งดีๆ มีความสุข แข็งแรง ร่ำรวยเงินทองทรัพย์ศฤงคาร เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน ธุรกิจเฟื่องฟู เฮงๆรวยๆ ทุกท่าน สาธุ

 

ด็อกเตอร์หายไปนานครัน กลับมามีทั้งเรื่องเล่าเล็กๆ ชวนทำบุญกับหลวงตา และ "หาแมว-ได้นก" ที่ห่างหาย ก็ไม่คุยมาก เช้าวันจันทร์เปิดทำงาน เขียนต้อนรับสั้นๆ ก่อนต้องรีบจรลีในอีกไม่เกิน 9.30 น

 

ขยายภาพ เห็นน้องเหมียวซ่อนแอบอยู่ข้างลังซ้ายมือ ถ้าถูกไม่รู้จะให้รางวัลใครดี-ฮ่า

 

ร่วมอนุโมทนาบุญใส่บาตรเช้าวันนี้ ได้เวลาก่อนฉันเพล

 

ความสม่ำเสมอเป็นหัวใจของทุกเรื่อง ยิ่งการ "ทำดี" ต้องทำให้สม่ำเสมอ เช่นเดียว "พรดี-ปรารถนาดี" จากน้องน้อตที่มอบมาอย่างมั่นคงทุกวันจันทร์ ความมงคลเช่นนี้ มีพลังบังเกิดดังคำพรในไม่ช้า ขอบคุณมากครับ

 

จุ๊ ๆ นกรุ่นใหม่ของมุ มีตอกโค้ดด้วยค่ะ แต่มุจะไม่บูชารุ่นที่ออกใหม่ตลอด มุชอบรุ่นที่มีเอกลักษณ์ เช่นสีทองพ่นทรายบ้าง ครุฑลายฉลุบ้าง คือเน้นเรื่องความชอบล้วน ๆ

ก่อนหน้านี้หลวงพี่ท่านถามว่า หนู สรุปหนูมีนกกี่องค์กันแน่เนี่ย ถ้านับจริง ๆ ก็คงเกินห้าสิบกระมังคะ หลวงพี่ มุก็ถวายแบ่งให้ท่านไปสองสามองค์

วันนี้หากหลวงตาท่านไม่รับโทรศัพท์เพราะท่านไปสอบปธ.นะคะ คุณลุง มุยังปั่นข้อสอบปลายภาคอยู่และรอหาวันไปปฏิบัติธรรมที่เดิม ยังไม่ได้บวชกับกำหนดวัน เพราะหัวหน้าโทรมาเอย นักวิจัยโทรมาเอย ประชุมต่างประเทศเอย สมองมุเบลอค่ะ ฮา