เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 10 มกราคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันพระใหญ่ แรม ๑๔ ค่ำ เดือนอ้าย จะว่าไปแล้วก็มีหลายเรื่อง ทั้งที่เกิดขึ้นกับวงการสงฆ์และตนเอง แต่ก็ว่ากันไปตามเวลาที่พอมีอยู่

    เรื่องแรกก็คือ ท่านที่ออกบิณฑบาตกับกระผม/อาตมภาพเมื่อเช้านี้ ก็น่าจะเห็นโยมผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ตะโกนเรียกว่า "พระเล็กกกก..!" แล้วก็วิ่งเข้ามาใส่บาตร หลายท่านคิดว่ายายคนนี้ไม่เต็มเต็ง คำว่า "ไม่เต็มเต็ง" นี่เป็นภาษาโบราณไปหน่อย สมัยก่อนเขาเรียกตาชั่งว่า "ตาเต็ง"

    การชั่งน้ำหนักแบบโบราณก็คือ ชั่ง ตำลึง บาท สลึง เฟื้อง ไพ ซึ่งมาตอนหลังของเราปรับภาษิตนี้เป็นว่า "ไม่เต็มบาท" แต่กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า "ยายแกเกินบาท" เพราะว่าตั้งแต่ที่มาอยู่ที่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ยายก็แวะเข้าไปหากระผม/อาตมภาพที่นั่น บอกว่า "หลวงพ่อฤๅษีฯ ให้มาดูคนประเภทเดียวกัน..!"

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็แปลว่า ยายไม่ใช่ไม่เต็มบาท..แต่เกินบาท..! เนื่องเพราะว่า
    พอแกมีความสามารถพิเศษขึ้นมา แกก็กลายเป็นคนไม่สนโลก ก็คือจะเดินทวนกระแสอย่างไรก็ได้ ไปของแกเรื่อยเปื่อย ไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองอย่างไร จะมีคนเข้าใจหรือไม่เข้าใจ แกไม่สนใจทั้งนั้น..!

    แม้กระทั่งกระผม/อาตมภาพมาอยู่ที่นี่ บางทียายก็เดินเข้ามากลางศาลา แล้วก็พูดในสิ่งที่ท่านทั้งหลายฟังแล้วสะอึก อย่างเช่นว่า "พระเล็ก..ดังแล้วอย่าลืมตัวนะ..!" พวกคุณได้ยินก็คงคิดว่า "ยายนี่ลามปาม..!" แต่ว่าไม่ใช่ นี่คือการเตือนกันแบบสหธรรมิกที่หวังดีต่อกันจริง ๆ กัลยาณมิตรที่ยอมเป็นกระจกส่องให้กับเรา โดยที่ไม่กลัวว่าเราจะโกรธนั้นหายากมาก เพราะว่าคนส่วนใหญ่แล้วมักจะรักตัวเอง กลัวว่าพูดไปแล้วคนอื่นจะโกรธ พูดไปแล้วเขาจะไม่คบกับเราอีก ในเมื่อรักตัวเองมากกว่า ก็เลยไม่กล้าทำตัวเป็นกระจกสะท้อนเงาให้กับใคร

    แต่ไม่ใช่ "ยายเล็กมอญ" คนนี้ ยายเล็กนี่..ถ้าหากว่ารู้ว่าใครเป็นคนประเภทเดียวกันนี่ แกใส่ตรง ๆ ทุกหมัด..! แล้วอย่าลืมว่ากระผม/อาตมภาพมาอยู่ทองผาภูมิ ๓๐ กว่าปีแล้ว ก็เห็นแกหน้าตาอยู่แค่นั้น ไม่เคยแก่ขึ้นเลย..! เดี๋ยวพวกคุณลองสังเกตดูต่อไปก็แล้วกัน ว่านานไปกว่านี้แล้ว
    "ยายเล็กมอญ" แกจะมีท่าทีแก่ไปกว่านี้ไหม..?!

    เรื่องที่สองก็เรื่องที่หลวงพ่อเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นตบเณรไปในโบสถ์..! เป็นที่ฮือฮากันมาก ความจริงเป็นเรื่อง "ขี้หมูราขี้หมาแห้ง" แต่ด้วยความที่หลวงพ่อท่านเป็นเจ้าคุณชั้นเทพ เป็นเจ้าคณะจังหวัด ก็ย่อมมีคนที่อยากจะเป็นแทน ไม่อย่างนั้นแล้วภาพจากกล้องวงจรปิดภายในวัด ไม่มีทางที่จะหลุดออกมาทางสื่อโซเชียลได้ ถ้าเรามองแค่ว่าเรื่องนี้ใครได้ประโยชน์ ก็แทบจะเห็นตัวแล้วว่าฝีมือใคร ?

    อย่าลืมว่าเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย มีหน้าที่ปกครอง สอดส่อง ดูแล ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ในวัด มีอำนาจในการลงโทษได้ สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ หลวงพ่ออินทร์ วัดสระพัง อยู่ไม่ห่างบ้านนัก ลูกหลานใครไปบวช "มีบาตรไม่โปรด มีโบสถ์ไม่ลง มีอาบัติไม่ปลง" ก็เตรียมตัวไว้เลย หลวงพ่ออินทร์ท่านฟาดด้วยหางกระเบนจริง ๆ เด็กรุ่นหลังไม่รู้ฤทธิ์หางกระเบนว่ารสชาติเป็นอย่างไร หางปลากระเบนจะหยาบ ๆ เหมือนกับมีทรายติดอยู่โดยรอบ ตีทีหนึ่งก็เลือดซิบเลย..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    ลูกเถ้าแก่โรงสีไปบวชกับหลวงพ่ออินทร์ นอกจากจะไม่ทำวัตรสวดมนต์แล้ว ยังเอาแผ่นเสียงไปฟังด้วย แผ่นเสียงสมัยก่อนเป็นแผ่นครั่ง ที่จะต้องมีเครื่อง ถึงเวลาก็เปิดเพลงลูกทุ่งฟัง..สบายใจ ได้ยินเสียงเคาะประตูก๊อก ๆ ก็คิดว่าเพื่อนพระมา เปิดประตูออกไปจะชวนเพื่อนฟังด้วย ปรากฏว่าเป็นหลวงพ่ออินทร์ถือหางกระเบนอยู่ ตีไม่เลี้ยงเลยครับ..! ตีจนต้องโดดหน้าต่างหนี เพราะว่าหลวงพ่อท่านยืนขวางประตูกุฏิอยู่ ไม่เห็นสมัยนั้นโซเชียลจะตำหนิอะไร เพราะว่าครูบาอาจารย์มีหน้าที่จะต้องอบรมสั่งสอนลูกศิษย์อยู่แล้ว

    โดยภาระหน้าที่เจ้าอาวาส พวกมึงก็หวังว่าลูกไปบวชแล้วจะได้ดี แต่พอลูกโดนหน้ามือเข้าหน่อย ก็ด่าทั้งโซเชียลเลย แค่เอาหัวแม่ตีนตรองดูก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ สังคมผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง เพราะว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของเจ้าอาวาสท่าน เพียงแต่ว่ามีคนอยากจะเลื่อยขาเก้าอี้เจ้าคณะจังหวัด ก็เลยเอาภาพที่เป็นกล้องวงจรปิดนั้นออกไปสู่โซเชียลให้คนอื่นเห็น จะว่าไปแล้วในวงการนักบวชของเรานี่แสบมาก..!

    ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าสามเณรวัยรุ่นแต่ละคน ความล้นนั้นขนาดไหน ถามหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. เจ้าคณะภาค ๑๔ ดูเถอะ ว่าสมัยเป็นสามเณรท่านฤทธิ์เดชมากแค่ไหน? กระจกห้องพักแต่ละห้อง แทบจะไม่เหลือดีสักบาน..! เพราะว่าเตะฟุตบอลอัดกันอยู่ทุกวัน จะออกไปเตะข้างนอกก็กลัวว่าหลวงพ่ออุบาลีฯ ท่านจะตีเอา เลยเตะกันในห้องนั่นแหละ พอกระจกแตกกระจาย ไม่มีอะไรจะมากันลมกันแดด ก็เอากระดาษหนังสือพิมพ์ ทาข้าวสุกแปะเข้าไป อยู่ได้ไม่กี่วัน..ขาดอีกแล้ว..!

    คราวนี้ถ้าเราไม่รู้สาเหตุว่าสามเณรทำอะไรถึงโดนหลวงพ่อท่านหน้ามือเข้าไปขนาดนั้น ก็อย่าเพิ่งไปรีบวิพากษ์วิจารณ์ ระดับเจ้าคณะจังหวัด และเป็นเจ้าคุณชั้นเทพด้วย ถ้าไม่ใช่เหลืออดเหลือทนจริง ๆ ใครจะไปทำอย่างนั้น โดยเฉพาะส่งลูกไป ก็หวังจะให้พระท่านอบรมลูกตัวเองให้ได้ดี แต่พอผู้บังคับบัญชาลงโทษเข้าหน่อย ดีไม่ดีก็อาจจะถึง "โหนกระแส" หรือว่า "อีจัน" ไปโน่นเลย..!

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของสังคมเดิม ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าสังคมปัจจุบันของเรา อะไรที่ "ดราม่า" ได้เป็นเรื่องทุกราย พอ "ดราม่า" ไปแล้วใครผิดใครถูก ก็ไม่มีการที่จะกลับมาขอโทษขอโพยกันด้วย แล้วโดยเฉพาะบรรดาไอ้พวกที่ "คอมเม้นท์" เข้าไป ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังสร้างกรรมหนัก ตอนพิมพ์ก็เป็นกายกรรม ตอนพูดก็เป็นวจีกรรม ตอนคิดก็เป็นมโนกรรม ครบทั้งสามประตูเลย..! ถ้าเป็นภาษิตจีน เขาบอกว่า "สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูกลับตะกายมา..!" ลืมที่โบราณเขาว่า "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์" เอาตัวเองปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่า..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    ถ้าหากว่าเป็นสมัยกระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ รับประกันได้ว่า สามเณรโดนผู้ปกครองตัวเองฟาดซ้ำแน่นอน..! เพราะสมัยนั้นถ้าหากว่าลูกโดนหลวงพ่อลงโทษ ก็แปลว่าเหลือเข็นแล้ว ถ้ากลับไปฟ้องพ่อฟ้องแม่ก็โดนซ้ำอยู่ตรงนั้นแหละ..!

    แต่ก็อย่างว่า..สภาพสังคมเปลี่ยนไป แล้วในขณะเดียวกันหลวงพ่อเองท่านก็คงจะลืมว่า สังคมในปัจจุบันนี้ไม่เหมือนกับสมัยที่ท่านยังหนุ่ม ๆ อยู่ ก็คิดว่าทำเหมือนเดิมได้ ลืมไปว่าเก้าอี้ระดับเจ้าคณะจังหวัดคนต้องการเยอะมาก เลื่อยขาเก้าอี้ท่านหกคะเมนไปแล้ว ดีไม่ดีตัวเองก็ไม่ได้อะไรเลย แต่กูขอเลื่อยเอาไว้ก่อน..!

    กระผม/อาตมภาพก็อนาถใจในวงการของพวกเรา เพราะว่าเดี๋ยวนี้สมมติสงฆ์ที่บวชตามประเพณีมีมาก บวชเข้ามาแล้วก็แบก รัก โลภ โกรธ หลง ไว้เต็มที่ ลืม "สมณสัญญา" คือความรู้สึกมีสติว่าเราเป็นนักบวช ลืม "สมณสารูป" ว่าเป็นนักบวชแล้วควรที่จะคิดอย่างไร พูดอย่างไร ทำอย่างไร ก็เลยไปแก่งแย่งชิงดีกัน อะไรที่เป็น ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็แย่งกันเข้าไป ลืมที่นักปราชญ์ท่านบอกเอาไว้ว่า "ถ้าแย่งกันเป็นใหญ่จะไม่ได้เป็นสักคน ถ้าแบ่งกันเป็นใหญ่ จะได้เป็นทุกคน"

    แม้แต่คณะสงฆ์ทองผาภูมิของเรา เวลาไปไหนเจ้าคณะอำเภอ ๑ รูป รองเจ้าคณะอำเภอ ๒ รูป ไปกันเป็นทีม อำเภออื่นเขายังบอกว่า "ทำไมอำเภอทองผาภูมิมันรักกันแท้วะ..?!" กระผม/อาตมภาพตอบง่าย ๆ ว่า "ถ้าเราไม่แย่งตำแหน่งกัน ก็รักกันได้ทุกคน" ฟังแล้วจะรู้จักคิดบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?!

    เพียงแต่ว่าเรื่องพวกนี้ก็คงจะ "ดราม่า" ไปอีกหลายวัน ก็ต้องดูว่าหลวงพ่อท่านจะออกมาบอกมากล่าวอะไรบ้าง หรือทำเฉย ๆ ไปเลย เพราะว่าเป็นเรื่องในขอบเขตหน้าที่ปกติอยู่แล้ว ใครไม่รู้ก็ปล่อยให้ไม่รู้ต่อไป สร้างเวรสร้างกรรมให้กับตัวเองต่อไป

    บางอย่างเรื่องที่ไม่ควรจะเป็นเรื่อง ก็เป็นขึ้นมาได้ ท่านทั้งหลายจึงต้องระวังให้มากเอาไว้ โดยเฉพาะพวกที่นิยมถ่ายรูปถ่ายคลิปกันนักหนา บางทีเราไม่รู้สึกหรอกว่า เรื่องนั้นมีอะไรที่น่าเกลียดน่าชัง หรือว่าผิดพลาด แต่พอไปกระทบสายตาชาวบ้านเมื่อไร ก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น..!

    ดังนั้น..เราจะต้องสังวรไว้เสมอว่า ตัวเราอยู่ในสายตาชาวบ้านเขา จะทำอะไรก็ตาม อาจจะก่อความเสียหายให้กับตนเอง ครูบาอาจารย์ วัดวาอาราม ตลอดจนพระพุทธศาสนา จึงต้องระลึกอยู่เสมอ ในลักษณะที่ว่า อยู่คนเดียว ต้องคิดว่าเราอยู่หลายคน ทำอะไร ต่อให้เพื่อน ๆ ไม่รู้ ผีสางเทวดาก็รู้ อยู่หลายคนทำตัวเหมือนอยู่คนเดียว คือรักษากำลังใจของตนเอง ไม่ให้หวั่นไหวไปกับ รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ ก็พอที่จะเอาตัวรอดได้

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...