เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 19 มิถุนายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพต้องออกจากที่พักแต่เช้ามืด ตรงไปยังวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ทันเวลาที่พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ให้โอวาทแก่บรรดาผู้เข้ารับการฝึกซ้อมอบรมพระอุปัชฌาย์ประจำปี ๒๕๖๓ ซึ่งเลื่อนมาจนถึงปีนี้ การฝึกซ้อมรอบนี้เป็นรอบสุดท้าย ถ้าผ่านแล้วก็จะไปต่อรอบทั่วประเทศที่วัดสามพระยาวรวิหารต่อไป

    สำหรับการฝึกซ้อมอบรมพระอุปัชฌาย์งานนี้นั้น กระผม/อาตมภาพได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการในการฝึกซ้อมอบรมภาคปฏิบัติ ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงบ่าย แต่ว่าก็ไปร่วมงานตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งการทำปัญหานั้น ว่าที่พระอุปัชฌาย์บางรูปก็ยังตีความคำถามผิดพลาด อย่างเช่นเขาถามว่า "พระอุปัชฌาย์ต้องตระหนักถึงความสำคัญของอะไรบ้าง ?" ปรากฏว่าเกือบทั้งหมดไปตีความว่า "พระอุปัชฌาย์มีหน้าที่อย่างไรบ้าง ?"

    อีกประการหนึ่งก็คือข้อสอบนั้นจะออกมา ๑๐ ข้อ บังคับให้ทำ ๒ ข้อ ก็คือการคิดอายุของผู้ที่มาขออุปสมบท ๑ ข้อ การสวดกรรมวาจาอุปสมบท หรือว่าการบอกอนุศาสน์ ๑ ข้อ ส่วนที่เหลือให้เลือกทำเอง ๕ ข้อ สรุปว่าเราต้องทำทั้งหมด ๗ ข้อ แต่ก็มีว่าที่พระอุปัชฌาย์บางท่านทำมาเพียง ๕ ข้อ ซึ่งถ้าเป็นรอบทั่วประเทศที่วัดสามพระยาวรวิหาร แปลว่าสอบตกแน่นอน จึงเป็นเรื่องที่พึงต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง

    แม้กระทั่งรุ่นของกระผม/อาตมภาพก็มีปัญหาในเรื่องของคำถาม แต่ไม่ใช่ปัญหาในลักษณะแบบนี้ เป็นปัญหาที่ผู้ออกปัญหาถามว่า "เมื่อ ๗ วันที่ผ่านมา ในพิธีเปิดการอบรมพระอุปัชฌาย์นี้ องค์ประธานได้ให้โอวาท มีเนื้อหาสำคัญว่าอย่างไรบ้าง ?" ทำเอาบรรดาผู้เข้าสอบถึงขนาด "ตากลับ" ไปตาม ๆ กัน ยกเว้นกระผม/อาตมภาพที่จดจำได้ จึงเป็นคนเดียวที่ทำข้อสอบโดยการเรียง ๑-๒-๓-๔-๕-๖-๗ ไปเลย ไม่มีการกระโดดข้าม เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าสามารถตอบได้ทุกข้อ เรียกง่าย ๆ ว่าทำคะแนนเต็ม ๗๐ คะแนนได้โดยไม่ยาก แต่ส่วนใหญ่แล้ว ร้อยละ ๙๙ ก็จะกระโดดข้ามข้อนี้ไปทำข้ออื่น เพราะว่ายังมีข้อที่ให้เลือกหาได้อีก

    ส่วนวันนี้เมื่อทำการฝึกซ้อมอบรมเสร็จเรียบร้อยในภาคเช้า ก็มีการฉันเพล หลังเพลแล้วท่านสหัส บรรจงเมือง ผู้อำนวยการกองเผยแผ่พระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้นำเอาอนุโมทนาบัตรของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมาถวายให้กระผม/อาตมภาพ

    เนื่องจาก
    กระผม/อาตมภาพได้บริจาคเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้ไปจัดงานวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา แล้วทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ใช้ได้ประหยัดมาก เพราะว่ายังเหลืออยู่ประมาณ ๖๐,๐๐๐ บาท กระผม/อาตมภาพจึงให้ทางกองเผยแผ่พระพุทธศาสนาเก็บเงินจำนวนนี้เอาไว้ เพื่อใช้ในการจัดงานครั้งต่อไป ถ้าหากว่าไม่เพียงพอแล้วให้มาบอก ถ้าไม่เกินความสามารถ กระผม/อาตมภาพก็จะมอบเงินเพิ่มเติมให้ เพื่อที่จะได้จัดงานต่าง ๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    อีกประการหนึ่ง วันนี้กระผม/อาตมภาพได้มอบเช็คเงินสดจำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ให้กับพระครูสังฆกิจจารักษ์ (ณัฐวุฒิ วาทินวุฒิปรีชาชาญ) หรือว่าฉายาทางพระก็คือ ฐานวุฑฺโฒ ซึ่งเรียนปริญญาเอกอยู่ที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี

    พระครูสังฆกิจจารักษ์ท่านสังกัดอยู่ที่วัดสิงห์ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นเพื่อนร่วมเรียนของกระผม/อาตมภาพมาตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรีสาขาพระพุทธศาสนา ปริญญาโทสาขาการจัดการเชิงพุทธ แล้วกระผม/อาตมภาพชวนให้ท่านเรียนปริญญาเอกด้วยกัน โดยจะมอบทุนการศึกษาให้

    แต่ว่าท่านพระครูสังฆกิจจารักษ์ หรือที่กระผม/อาตมภาพเรียกด้วยความคุ้นเคยว่า "พี่กวง" ท่านเกรงใจอย่างหนึ่ง แล้วขณะเดียวกัน ก็ไม่มั่นใจในภาษาอังกฤษของตนอย่างหนึ่ง ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองนั้น มั่นใจในภาษาอังกฤษของท่านมากกว่าตัวเองเสียอีก เนื่องเพราะว่าพี่กวงนั้นจบชั้น ม.๘ ของรุ่นเก่า ซึ่งเทียบเท่า มศ.๕ ในรุ่นของกระผม/อาตมภาพ โดยที่อาตมภาพเองเรียนแค่ชั้น มศ.๓ เท่านั้น แล้วภายหลังก็มีการปรับชั้น มศ.๕ ลงมาเป็นชั้น ม.๖ ในปัจจุบัน

    ดังนั้น..ในรุ่นเก่า ๆ นั้น มักจะได้รับการเคี่ยวเข็ญมากเป็นพิเศษ อย่างรุ่นของกระผม/อาตมภาพนั้น ต้องเรียนตำราภาษาอังกฤษหลายเล่ม ก็คือเริ่มจาก Grammar เป็นไวยากรณ์ภาษาอังกฤษทั่ว ๆ ไป Standard นั้นเป็นการเรียนการออกเสียงภาษาอังกฤษให้เป็นสากล Living เป็นการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ส่วน Oxford นั้นเป็นตำราภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดของทางด้านประเทศอังกฤษโน่น

    ในเมื่อพวกเราต้องเรียนหนักกว่าเด็กปัจจุบันนี้หลายต่อหลายเท่า โดยเฉพาะในส่วนของ Grammar ซึ่งจะต้องเรียนก่อนเพื่อน Grammar นั้นคือเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ส่วน Standard เป็นการเรียนในการออกเสียงภาษาอังกฤษให้เป็นสากล จะมีสัญลักษณ์บอกว่าเราจะต้องออกเสียงคำนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งสัญลักษณ์นี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ว่าถ้าหากว่ามีสัญลักษณ์นี้กำกับอยู่ ภาษาอังกฤษคำนี้ต้องออกเสียงว่าอย่างไร แล้วถึงมาเป็น Living ก็คือเรียนการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน แล้วก็ Oxford ซึ่งเป็นหลักสูตรของมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    ในเมื่อรุ่นของกระผม/อาตมภาพยังเรียนหนักขนาดนี้ รุ่นของพี่กวง หรือว่าหลวงตากวงของเด็กรุ่นหลัง ๆ เนื่องเพราะว่าท่านอายุมากกว่ากระผม/อาตมภาพหลายปี ท่านต้องเรียนหนักกว่า โดยเฉพาะตอนสมัยที่เรียนปริญญาโทการจัดการเชิงพุทธอยู่ เมื่อมีนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ ของมหาวิทยาลัยเว้ ประเทศเวียดนาม มาขอดูงานการจัดการเรียนการสอนของหน่วยวิทยบริการคณะสังคมศาสตร์ วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในขณะนั้น ก็คือยังไม่ได้รับการยกขึ้นเป็นวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี

    บุคคลที่ไปต้อนรับนิสิตจากมหาวิทยาลัยเว้ทั้ง ๒๒ คนนั้น ประกอบด้วยกระผม/อาตมภาพ พระครูวิลาศกาญจนธรรม พระสมุห์กำพร สุชาโต หรือทิดกวาง อดีตประธานสงฆ์สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี เพราะว่าท่านสึกหาลาเพศไปแล้วตั้งแต่เรียนปริญญาโทจบ แล้วก็พระใบฎีกาณัฐวุฒิ ฐานวุฑฺโฒ ก็คือพี่กวง ซึ่งยังไม่ได้รับเลื่อนขึ้นเป็นพระครูสังฆกิจจารักษ์ ก็แปลว่าทั้ง ๓ รูปนั้น เป็นเกียรติเป็นศรีของรุ่นในเรื่องของภาษาอังกฤษ

    กระผม/อาตมภาพจึงตั้งใจที่จะอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้พี่กวง ซึ่งอยู่ในฐานะพระลูกวัด ไม่ได้มีเงินทองอะไร จะได้เรียนปริญญาเอกด้วยกัน แต่ท่านก็มัวแต่เกรงใจอยู่ ผ่านไปจนกระทั่งกระผม/อาตมภาพจบมาได้ ๘ ปีแล้ว ท่านถึงจะอยากจะเรียนขึ้นมา กระผม/อาตมภาพซึ่งรับปากเอาไว้ว่า "ถ้าพี่กวงจะเรียนเมื่อไรให้บอก กระผมจะช่วยในเรื่องค่าเทอมเอง" จึงได้ถวายค่าเทอมให้ท่านปีละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท ตลอด ๓ ปีของหลักสูตร

    อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกล่าวแก่พวกเราทั้งหลายก็คือว่า วันก่อนที่ได้มอบทองคำ ๒๖๐ บาท ให้แก่ผู้ประสานงานเพื่อนำไปทำเป็นตะกรุดโลกธาตุนั้น กระผม/อาตมภาพตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกถึง ๓ รอบด้วยกัน ว่าเป็นทองคำแท่งจำนวน ๒๖๐ บาทอย่างแน่นอน แต่เมื่อผู้ประสานงานนำไปตรวจสอบใหม่ ปรากฏว่าเป็นทองคำแท่งจำนวน ๓๐๐ บาท..!

    ซึ่งเรื่องนี้ตอนที่หล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำ หน้าตัก ๑๙ นิ้ว ของทางวัดท่าขนุน ก็เป็นเช่นนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว เพราะว่าทองคำที่เตรียมเอาไว้นั้นงอกเกินขึ้นมา ๒๐๐ บาท..! จึงถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะว่าเราได้มีวัสดุในการสร้างตะกรุดโลกธาตุเนื้อทองคำนี้เพิ่มขึ้นมาอีก
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เพียงแต่ให้ท่านทั้งหลายทำใจไว้ก่อนเลยว่า ตะกรุดโลกธาตุเนื้อทองคำนี้เล็กมาก ก่อนหน้านี้เมื่อกระผม/อาตมภาพได้รับตะกรุดโลกธาตุของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวมา กระผม/อาตมภาพยังต้องสอบถามท่านอาจารย์วิสุทธิ์ วรรณวงษ์ศิริว่าเป็นตะกรุดสาลิกาหรือไม่ ? ท่านอาจารย์วิสุทธิ์บอกว่า "ไม่ใช่ครับพระอาจารย์ นั่นต้องเป็นตะกรุดเนื้อทองคำ เนื่องเพราะว่าทองคำเนื้ออ่อนมาก เมื่อเวลาม้วนแล้วจะเหลือเล็กนิดเดียวครับ"

    ตะกรุดโลกธาตุที่เห็นขนาดมาตรฐานนั้น ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่เนื้อเงินก็เป็นเนื้อทองแดง ถ้าเป็นเนื้อทองคำ ม้วนแล้วก็จะเหลือเล็กนิดเดียวอย่างที่เห็น เมื่อหลวงปู่ยิ้มท่านพันด้ายสาวพรหมจารีย์เข้าไป ทำให้มองไม่เห็นเนื้อ กระผม/อาตมภาพจึงเดาเอาว่าน่าจะเป็นตะกรุดสาลิกา แต่ผู้เชี่ยวชาญท่านยืนยันมาแล้วว่า เป็นตะกรุดเนื้อทองคำขนาดมาตรฐาน

    เนื่องเพราะว่าตะกรุดโลกธาตุนั้น มาตรฐานความกว้างคือ ๑ เซนติเมตร ความยาว ๗ เซนติเมตร หรือถ้าใช้มาตราโบราณก็คือ กว้าง ๑ ใบมะขาม ยาว ๗ ใบมะขามต่อกัน ถึงเวลาแล้วก็มีการจารยันต์ และลงอักขระต่าง ๆ ซึ่งเป็นพระคาถาหัวใจโลกธาตุ ประกอบไปด้วยยันต์ที่เรียกว่า "ยันต์พระรัตนตรัย" แต่คนทั่ว ๆ ไปมักจะเรียกว่า "ยันต์ใบพัด" แล้วก็มีการลงอักขระพระคาถา "อิจฉันโต จิตโต อิจฉันโต โลกธาตุมหิ" เอาไว้ทางด้านใน โดยมียันต์ใบพัดปิดหัวท้าย

    ส่วนทางด้านนอกก็ม้วนแล้วเสกด้วยคาถา "อัตตะภาเวนัง นาทุยิ วาระวีสะติ สิทธังละอะ" ซึ่งถ้าหากว่าถึงเวลาฉุกเฉิน เราสามารถที่จะภาวนาแค่หัวใจโลกธาตุ คือ "อิทธิ นาทุยิ" เท่านั้นก็ได้ หรือถ้าหากว่าจะภาวนาหมดทั้งบทเลย ไม่ว่าจะเป็นคาถาลงภายนอก คาถาลงภายในก็ได้

    ท่านทั้งหลายโปรด "ทำใจร่ม ๆ" รอไปสักระยะหนึ่ง ซึ่งคำว่าระยะหนึ่งก็น่าจะหลายเดือน เนื่องเพราะว่าทางด้านโรงงานต้องนำเอาทองคำแท่งไปทำการรีดให้ได้ขนาดที่ต้องการ แล้วถึงจะมีการยิงเลเซอร์พระคาถา ม้วน แล้วร้อยด้วยด้ายไหมเจ็ดสี ซึ่งดังที่
    กระผม/อาตมภาพได้เคยกล่าวไปแล้วว่าทั้ง ๗ สีนั้นมีอานุภาพอย่างไรบ้าง เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย ทำการปลุกเสกอีกวาระหนึ่ง ถึงจะมีมาให้ญาติโยมทั้งหลายได้เช่าบูชา

    แต่ก็ปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ว่า ถ้าคนอยากได้กันมากนัก เราอาจจะปล่อยให้เขาจองล่วงหน้า เมื่อทำวัตถุมงคลและปลุกเสกเสร็จแล้วค่อยจ่ายให้เขาก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องปรึกษากับทางทีมงานเสียก่อนว่าจะเอาอย่างไร ถึงจะออกมาในลักษณะที่ดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...