เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

​

 

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ก่อนอื่นก็ขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องชาวตุรเคีย ที่เกิดแผ่นดินไหวจนกระทั่งบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ต้องบอกว่าเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงเกือบจะที่สุดในโลกครั้งหนึ่ง แล้วที่มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก เนื่องเพราะว่าเป็นแผ่นดินไหวในช่วงประมาณตี ๔ ของบ้านเขา ประชาชนยังอยู่ในบ้าน ส่วนใหญ่ก็ยังหลับอยู่ ทำให้หนีภัยไม่ทัน

ในเรื่องของแผ่นดินไหว แม้ว่าในธรรมชาติจะมีอยู่เป็นระยะ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า แผ่นดินตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม คำว่า ลม ในที่นี้ก็คือลมร้อนที่เกิดจากหินหนืด หรือภาษาอังกฤษเรียกว่าแมกม่า มีการเดือดอยู่ตลอดเวลา แล้วก็ทำให้เกิดไอร้อนสะสมมากเข้า ๆ เมื่อมากได้ระดับก็ไปดันแผ่นเปลือกโลกให้เคลื่อนที่ไปชนกัน เกิดเป็นแผ่นดินไหวขึ้นมา

คราวนี้ถ้าว่าตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ สาเหตุของแผ่นดินไหวมี ๘ ประการด้วยกัน

ประการที่ ๑ ก็คือ ลมกำเริบ ก็เป็นเรื่องที่ปกติ เพราะว่าถึงเวลาแรงดันสะสมมากเข้า ๆ ก็ดันจนแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่ไปชนกัน เกิดเป็นแผ่นดินไหวขึ้นมา

ประการที่ ๒ ผู้มีฤทธิ์บันดาล บรรดาท่านที่ได้อภิญญาสามารถที่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ นี่เป็นเรื่องง่าย ๆ เลย

พระอุปคุตเถระได้รับนิมนต์จากพระเจ้าอโศกมหาราช เพื่อมาช่วยป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นในการจัดฉลองพระเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ องค์ พระเจ้าอโศกมหาราชเห็นแล้วไม่เลื่อมใส เพราะว่าท่านผอมมาก ขนาดบาลีใช้คำว่า กีสนาคอุปคุต กีสะก็คือผอม จึงมีการสอบถามว่า "พระคุณเจ้ามีฤทธิ์เพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้พญามารมาทำลายงานฉลองพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุทั้ง ๘๔,๐๐๐ องค์ได้หรือ ?"

พระอุปคุตเถระกราบทูลว่า "มหาบพิตร ถ้าสงสัยเช่นนั้น อาตมภาพจะแสดงการทำแผ่นดินไหวให้ดู" พระเจ้าอโศกมหาราชยังไม่เชื่อ ตรัสว่า "แผ่นดินอาจจะไหวขึ้นมาในช่วงนั้นพอดีก็ได้ พระคุณเจ้ามีอะไรที่จะยืนยันได้ว่า การทำให้แผ่นดินไหวนั้นเป็นฤทธิ์อำนาจของพระคุณเจ้าเอง ?"

 

พระอุปคุตเถระทูลว่า "ถ้าอย่างนั้นขอมหาบพิตรสั่งให้คนตักน้ำมาให้ ๑ บาตร เอาบาตรไปใส่น้ำมา อาตมภาพจะบันดาลให้แผ่นดินไหวแล้วให้น้ำสะเทือนแค่ครึ่งบาตร" ไม่ใช่ครึ่งล่างครึ่งบนนะ..! แต่เป็นครึ่งซ้ายครึ่งขวา เมื่อพระอุปคุตเถระแสดงฤทธิ์ทำให้แผ่นดินไหว แล้วน้ำในบาตรสะเทือนแค่ครึ่งบาตรจริง ๆ พระเจ้าอโศกมหาราชถึงได้เชื่อ นี่เป็นสาเหตุของแผ่นดินไหวประการที่สอง

ประการที่ ๓ พระโพธิสัตว์จุติลงสู่ครรภ์พระมารดา

ประการที่ ๔ พระโพธิสัตว์ประสูติ

ประการที่ ๕ พระโพธิสัตว์ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ

ประการที่ ๖ พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา

ประการที่ ๗ พระพุทธเจ้าปลงอายุสังขาร

ประการที่ ๘ ประการสุดท้าย พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน

เรื่องนี้ที่พระอานนท์ทูลถามขึ้นก็เพราะว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปลงอายุสังขารจึงเกิดแผ่นดินไหว ทั้ง ๆ ที่พระองค์ท่านแสดงนิมิตถึง ๑๖ ครั้ง ถ้าพระอานนท์อาราธนาให้พระองค์ท่านอยู่ต่อ พระองค์ท่านก็จะอธิษฐานกายสังขารที่เป็นกายหยาบให้อยู่ได้ตลอด ๑ กัป แต่พระอานนท์ไม่เข้าใจ มีพระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า พระอานนท์โดนพญามารปิดบัง จนกระทั่งไม่สามารถที่จะเข้าใจนิมิตที่พระพุทธเจ้าแสดงให้ได้

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ถ้ามีเกวียนที่เก่าคร่ำคร่าแล้ว ไม่ว่าจะล้อเกวียน ดุมเกวียน หรือแม้กระทั่งตัวเกวียน แอกเกวียนต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ผุคลอนไปหมด ควรที่จะเปลี่ยนเกวียนนั้นใหม่ หรือว่าซ่อมเกวียนนั้นไว้ใช้ ?" พระอานนท์ทูลตอบว่า "ให้เปลี่ยนเกวียนใหม่ดีกว่าพระเจ้าข้า" พระพุทธเจ้าถึงได้ตัดสินพระทัยปลงอายุสังขาร..!

 

เมื่อเกิดแผ่นดินไหวแล้วพระอานนท์ทูลถาม พระพุทธเจ้าตรัสถึงสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหว ๘ ประการ พระอานนท์ได้ยินก็เฉลียวใจทันที รีบอาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อยู่ต่อเพื่อโปรดสัตว์โลก พระพุทธเจ้าตัดว่า "อานันทะ..ดูก่อนอานนท์ ไม่ทันแล้ว เพราะว่าตถาคตปลงอายุสังขารไปแล้วว่า อีก ๓ เดือนถัดจากนี้ไป ตถาคตจะปรินิพพานที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา" ดังนั้น..สาเหตุที่แผ่นดินไหวที่ตุรเคียในครั้งนี้ ก็เป็นสาเหตุปกติที่บรรดานักธรณีวิทยาเขายอมรับกัน ก็คือเกิดจากลมกำเริบ

แต่คราวนี้พวกเราต้องเข้าใจว่าปัจจุบันนี้มีการซ้ำเติมจากภายนอก อย่างเช่นว่าการทิ้งระเบิด การใช้ขีปนาวุธต่าง ๆ แรงสะเทือนที่สะสมมากเข้า ๆ พอถึงระดับหนึ่ง ก็ทำให้เปลือกโลกเคลื่อนที่ได้เช่นกัน แล้วถ้าหากว่าเคลื่อนตามปกติ อาจจะไม่แรงขนาดนั้น แต่เมื่อมีแรงสะเทือนจากภายนอกเข้าไปซ้ำเติม จึงทำให้แผ่นดินไหวรุนแรงเป็นพิเศษ

ตอนนี้ก็ได้แต่เอาใจช่วยหน่วยกู้ภัยว่า ให้สามารถกู้ชีวิตชาวตุรเคียมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะว่าถ้านับแล้ว ระยะเวลาก็ผ่านไปนาน ยิ่งนานมากเท่าไร โอกาสที่คนจะรอดชีวิตก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น

โดยเฉพาะมีสาวไทย ๒ คนก็คือ ชัชชุอร โมกศรี (น้องบุ๋มบิ๋ม) กับอัจฉราพร คงยศ (น้องเพียว) ไปเล่นวอลเล่ย์บอลอยู่ในลีกตุรเคีย ข่าวบอกว่าทั้งสองคนปลอดภัยดี แต่มีนักกีฬาในทีมน่าจะเสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ พวกเราจะสอนเขาให้พกพระดีไหม ?

ตอนนี้สาวไทยไปอยู่ทีมไหนก็เป็น "ผู้นำเทรนด์" ให้เขา อย่างกัปตันชมพู่ (พรพรรณ เกิดปราชญ์) ไปเล่นในลีกโรมาเนีย ก็พาฝรั่งติดกิ๊บไปตาม ๆ กัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แม้ว่าคนของเราจะปลอดภัย แต่ถ้าไปแนะนำก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฝรั่งจะเชื่อถือหรือศรัทธาในเรื่องของคุณพระหรือไม่ ? เพียงแต่ว่าตอนที่กัปตันชมพู่เซ็ตลูกให้ฝ่ายตนเองทำคะแนนได้ มีภาพ ๆ หนึ่งที่ทุกคนไม่เข้าใจ ก็คือเพื่อนร่วมทีมรุมดูอะไรที่กัปตันชมพู่ยื่นให้ดูก็ไม่รู้ ? คาดว่าน่าจะเป็นวัตถุมงคลอะไรบางอย่าง เช่น พระเครื่อง เป็นต้น..!

 

แต่ว่าในเรื่องของวัตถุมงคลซึ่งใช้ในเรื่องของการกีฬา กระผม/อาตมภาพเห็นมีตอนแข่งเอเชี่ยนเกมส์ แล้วนักฟุตบอลไปกราบขอพรจากหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง หลวงพ่อท่านให้ธงมหาพิชัยสงครามไป ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นผู้รักษาประตูน่าจะเป็นชัยยง ขำเปี่ยม เอาธงมหาพิชัยสงครามไปแปะกับประตูฝั่งตนเอง คู่แข่งยิงเท่าไรก็ไม่เข้า แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ตอนเปลี่ยนข้างลืมแกะไปด้วย สมควรตาย..!

เรื่องพวกนี้อยู่ที่ความเชื่อถือศรัทธา ถ้าหากว่าศรัทธาไม่พอ ความเชื่อมั่นไม่มี ก็รับอานุภาพได้น้อย เพราะว่าวัตถุมงคลเหมือนอย่างกับเครื่องส่ง ที่ส่งพลังงานอยู่ตลอดเวลา จึงไปสำคัญที่เครื่องรับ คือกำลังใจของพวกเราเอง ว่าจะเปิดรับได้แค่ไหน ? ศรัทธามาก เปิดรับได้มากก็มีผลมาก ศรัทธาน้อย เปิดรับได้น้อยก็มีผลน้อย

จนกระทั่งบางทีบางคนก็บอกว่า ถ้าหากว่าได้ผลน้อย แล้วถ้าไปใช้วัตถุมงคลอื่นที่ตนเองศรัทธา จะมีผลมากกว่าไหม ? ก็ต้องบอกว่าบางทีเรื่องเล็กน้อยของช้าง ก็เล่นเอามดถึงตายเหมือนกัน..! จึงไปสำคัญที่ว่าใครเป็นคนปลุกเสกหรืออธิษฐานจิตวัตถุมงคลชิ้นนั้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)