เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

เป็นของดีจริงๆครับ พระสิวลียุคต้นของหลวงพ่อกวย เก่า-แห้งและแก่มวลสาร ปัจจุบันหายากมาก ได้มาจากศิษย์ตัวจริงเพื่อแบ่งปันกันครับ ราคาถูกกว่าพระที่สร้างใหม่บางวัดเสียอีก

j999 จองบูชาแล้ว

 

ขอจองครับ

 

ขอจองครับ

 

ยืนยันการรับจองพระสิวลียุคต้นของหลวงพ่อกวยไว้แล้วครับ หลวงพ่อทำขึ้นก่อนพระสิวลีไม่มีย่ามแน่นอน ขอบคุณครับ

 

ยืนยันการรับจองรูปเหมือนสมเด็จโตหล่อโบราณ ปี2512 วัดพลา จ.ระยองไว้แล้วครับ ขอบคุณครับ

 

พระขุนแผนขี่โหงพราย ของหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค จ.ชัยนาท พระดีเด่นและโด่งดังมานานกว่า60ปีแล้ว เป็นต้นแบบของพระขุนแผนที่นำมาถอดพิมพ์สร้างขึ้นอีกเป็นแสนองค์นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นวัตถุมงคลที่มีความพิสดาร-มหัศจรรย์ของพุทธานุภาพที่เป็นเอกอุในความเข้มขลังจากอาคมและอำนาจจิตที่ลึกล้ำสุดประมาณของท่าน เกินจะเชื่อว่าพระองค์เล็กๆของท่านจะสร้างความอัศจรรย์ได้อย่างนั้น องค์ที่ลงไว้นี้เป็นเนื้อผงอิทธิเจผสมแร่วิเศษและผงกระดูก ใช้พิจารณาเป็นแบบอย่างและแนวทางเสาะหาได้เลย สำหรับพระขุนแผนแบบที่ท่านสร้างขึ้นเองในยุคต้น พิจารณาดูรายละเอียดของแม่พิมพ์ให้ละเอียดรอบคอบทั้งสองพิมพ์ที่ได้จากลูกศิษย์เก่าและนำมาแนะนำไว้ แล้วจะได้ของดีจริงๆมาใช้ครับ (พระโชว์เท่านั้น)

พระขุนแผนของหลวงพ่อกวย ถือเป็นต้นแบบพระขุนแผนที่มีการถอดพิมพ์จากโรงงานและทำส่งขายตามวัดต่างๆตั้งแต่ยุคปี2500 เป็นต้นมาจนถึงทุกวันนี้ โดยมีสารพัดเนื้อและหลายรูปแบบให้เลือกหาตามใจชอบ สำหรับพระขุนแผนที่หลวงพ่อกวยสร้างขึ้นเองนั้น จะมีทั้งเนื้อผงน้ำมัน เนื้อดินและเนื้อผงอิทธิเจ มีทั้งแบบที่ท่านทำเอง(มีน้อย) และสั่งโรงงานมาปลุกเสก(มีหลายแบบ) ที่ท่านสร้างเองเป็นเนื้อดิน 7 ปาช้าก็มีแต่ก็หายากมาก ปกติจะเจอแต่เนื้อดินผสมแร่และทรายเสกเท่านั้น ดินที่ใช้ก็เป็นดินเฉพาะที่ตามเคล็ดการสร้างพระให้เข้มขลัง ส่วนเนื้อผงอิทธิเจจะสร้างไว้น้อยและเป็นยุคแรกที่ท่านทำขึ้นมาแจกลูกศิษย์ใกล้ชิดในยุคนั้น ยิ่งเป็นพิมพ์ขี่โหงพรายแบบนี้ยิ่งหาของแท้ได้ยากยิ่ง หลายคนเกิดมาก็เห็นพระพิมพ์นี้วางขายกันแล้วนับตั้งแต่ปี2504 เป็นต้นมา คนรุ่นเก่าๆหลายคนยังถักลวดพระขุนแผนพิมพ์นี้แต่เป็นพระโรงงานและใช้ติดตัวมานานหลายสิบปี เพราะกิตติคุณที่เกรียงไกรของพระขุนแผนพิมพ์นี้ ที่ลือกระฉ่อนทั่วคุ้งน้ำภาคกลางมาตั้งแต่เมื่อ 60ปีก่อนจนอยากมีบูชาบ้างนั่นเอง

ลองพิจารณาภาพพระขุนแผนพิมพ์นี้ที่ลงในหนังสือเล่มใหญ่มาตรฐานดู ก็จะพบว่าเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระยอดนิยมในยุคก่อนที่สาบสูญหายไปจากตลาดพระนานแล้วครับ พระพิมพ์นี้เนื้อนี้หาแท้ๆยากมากในปัจจุบัน ที่พบเจอกันทุกวันนี้ก็เป็นพระถอดพิมพ์ยุคหลัง หรือพระจากโรงงานเท่านั้น คาถาอาราธนาพระขุนแผนโหงพราย-ขุนแผนกุมารทอง “ เอหิมะมะ นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ สุนะโมโล นะโมโลสุ โมโลสุนะ โลสุนะโม สุรินทะราชัยยะ เมตตาจิตตัง อะคัตชะติ นะโมพุทธายะ ”

 

โชว์..พระขุนแผนกุมารทองของหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค เนื้อดินเจ็ดป่าช้าที่หายากที่สุดและแรงที่สุด ไม่ใช่พระเนื้อดินเผาที่พบเจอบ่อยๆ "ดินเจ็ดป่าช้า" เป็นดินที่อยู่ใต้กองฟอนที่เผาศพ ถือว่าเป็นดินที่มีอาถรรพ์ในตัว โดยไม่ต้องทำพิธีกรรมใดๆยิ่งได้ผ่านการทำพิธีกรรมที่ถูกต้อง ก็จะได้ของอาถรรพ์ที่แรงมากกว่าเดิมยิ่งขึ้น จึงมีการนิยมทำเป็นมวลสารตั้งต้นทางไสยศาสตร์ เพื่อเพิ่มความแรง ความเข้มขลังและการเข้าถึงพุทธานุภาพให้เร็วยิ่งขึ้น มีอิทธิคุณทางด้านคุ้มครองป้องกันภัย เตือนภัย ทำของด้านเสน่ห์ เพื่อดลจิต-ดลใจผู้คนให้ใจอ่อนคล้อยตามได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนใหญ่มักจะนำมาทำเป็นพวกกุมารทอง หรือเครื่องรางที่มีภูติพรายสิงอยู่ และหลวงพ่อกวยได้ทำขึ้นเป็นพระขุนแผนกุมารทองยุคแรกๆที่ทรงพลังในอิทธิฤทธิ์และมีความเข้มขลังจากพระเวทย์อาคม แต่ก็มีน้อยจนแทบไม่เห็นกันเลยในทุกวันนี้ ดินเก่าที่สุกแห้งอยู่แล้ว เมื่อนำมากดเป็นองค์พระ จะมีความเก่าแห้งกว่าเนื้อดินเหนียวที่ผ่านการเผาไฟ

 

ศึกษาลายมือกับรอยจารยุคต้นๆของหลวงพ่อกวย ทั้งน้ำหนักเส้น มุมหัก มุมโค้ง สัดส่วนและโครงสร้าง มุมเอียงลายเส้น ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคล สามารถเข้าใจอะไรอีกมาก เช่นยุคสมัยหรือช่วงเวลาการสร้างพระ เนื้อหาที่สร้างแต่ละยุค

 

โลกธรรม กับ โลกจริง

ถูกด่า…เป็นเรื่องปกติ
ถูกตำหนิ…เป็นเรื่องธรรมดา
ถูกนินทา…เป็นเรื่องโลกธรรม

คำด่า…ทำให้เราเก่ง
คำตำหนิ…เปิดโอกาสให้เราแก้ไข
คำนินทา…ทำให้เรามีค่าในสายต่าคนอื่น

เกิดเป็นคน…ไม่พ้นคนนินทา
ทำงานกับคน…ไม่พ้นการถูกตำหนิ

ผู้หวังดีตำหนิ…เขาชี้ทางให้เราเจริญ
ผู้ไม่หวังดีตำหนิ…เตือนให้เราระวัง

มีโอกาสทำงาน…คือโอกาสเรียนรู้
มีโอกาสทำงาน…คือโอกาสพัฒนาตนเอง

ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่กำเนิด เราต่างถูกฝึกมาให้เติบโตและแตกต่าง เรียนรู้…ฝึกฝน…มาก่อนเก่ง ระหว่างเรียนรู้ฝึกฝน มีครูผู้สอนคอยแนะนำทำให้ดูในเรื่องดีๆ กว่าชีวิตจะเติบใหญ่ ย่อมผ่านการขัดเกลาให้กล้าแกร่ง อย่าดูถูกตนเอง…อย่าซ้ำเติมตนเอง คนให้โอกาสตัวเองในเรื่องดีๆ ก็จะมีโอกาสได้พบเจอเรื่องราวดีๆในชีวิต

ในโลกนี้มีมุมมองดีๆให้เรามองเห็นเสมอ
อยู่ที่เราจะเลือกมอง…ไตร่ตรองขบคิด
เพราะรู้จักคิด….ชีวิตจึงมีโอกาส

เครดิต..ญาณวโร ภิกขุ

 

ขออนุญาตคุณหนุ่มอีกครั้งนะครับ

แบ่งปันพระเครื่องรายการที่สะสมจากกระทู้นะครับ ของหลวงพ่อกวย 5 รายการ "ราคาพิเศษ" สุดในช่วงเทศกาลตรุษจีนครับ ชอบสอบถามเข้ามาใหม่ได้เลยครับ

1. กุมารีกระดูกแกะ องค์ดาราลงหนังสือ
2. มีดยุคต้นหลวงพ่อกวย ด้ามกระดูกม้า อุดเกศาและผงที่ด้าม 12ปีก่อนเดิมเป็นของคุณน้ำมนต์ สิงห์บุรี สายตรงหลวงพ่อกวย
3. กุมารทอง มหาดไทย องค์ดาราในหนังสือ
4. ขุนแผนไม้แกะจารมือหลวงพ่อกวย
5. พระบูชาพระแม่ธรณี หลวงพ่อกวยจารย์ด้วยยันต์ของท่าน

ขอบพระคุณครับ _/|\_

 

หนุมานเชิญธง ของหลวงพ่อกวย
อยากบอกให้รู้ไว้ ก่อนจะสายเกิน....หนุมานของหลวงพ่อกวยถือว่าหนึ่งไม่เป็นสองรองใครในแผ่นดิน ท่านทำได้เข้มขลัง เต็มไปด้วยอานุภาพและมีอิทธิฤทธิ์ล้นเหลือ ปัจจุบันเหรียญรุ่นสามหลังหนุมานของท่านมีราคากว่าสองแสนบาทแล้ว ด้วยประสบการณ์ที่เกิดขึ้นหลากหลายกับคนที่ใช้บูชาจนใครๆก็อยากได้ คนที่เริ่มนับถือศรัทธาหลวงพ่อกวยก็จะมองหาเหรียญหนุมานเป็นอันดับแรก พอได้ฟังราคาก็ต้องหยุดชะงักหูอื้อ แต่ยังมีหนุมานเนื้อผงที่หลวงพ่อกวยสร้างขึ้นเองในช่วงปี2515-16 ใส่เกศาของท่านทุกองค์ และปลุกเสกตลอดปีให้เป็นทางเลือกของคนที่อยากได้ของดีราคาเบา คนที่สนใจลองศึกษาข้อมูลต่อไปนี้ให้ละเอียดแล้วจะรู้ว่า ยังมีของเก่าที่ดีเยี่ยมจากหลวงพ่อกวยหลงเหลือให้เลือกบูชาในยุคนี้และหาของแท้ได้ยากแล้ว และใช้แทนเหรียญหลังหนุมานได้อย่างดีเหมือนกัน ของปลอมยังแยกได้ง่าย (ภาพลงโชว์)

หนุมานเนื้อผงที่เห็นในภาพนี้ ทำขึ้นในช่วงปี2515-2516 โดยหลวงพ่อกวยกดสร้างขึ้นเองที่วัดบ้านแค มีอาจารย์ทรง รอดเล็ก(ในขณะนั้นเป็นพระภิกษุแล้ว) เป็นผู้ช่วยทำตั้งแต่ต้นจนแล้วเสร็จ แม่พิมพ์หินแกะหน้าเดียวตัดขอบในตัวจึงมีรูปทรงและขนาดเท่ากันทุกองค์ ด้านหลังเรียบไม่มีอักขระ มีขนาดกว้าง 3.5 cm สูง 5.5 cm (ของเลียนแบบถอดพิมพ์มาสร้าง จึงมีขนาดเล็กกว่า) มีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 300 องค์เป็นเนื้อผงขาวเพียงอย่างเดียว สร้างจากผงมวลสารของท่านเองผสมแร่เขี้ยวหนุมานตามเคล็ดวิชา และที่สำคัญทุกองค์จะมีเกศาของหลวงพ่อกวยฝังไว้ด้วยด้วย ปลุกเสกอย่างเต็มที่ด้วยสรรพวิชาที่ท่านสำเร็จและเจนจบแล้ว ด้วยตั้งใจจะให้เป็นของที่ทรงฤทธิ์อย่างเข้มขลังด้วยอานุภาพ เพื่อไม่ให้เสียชื่อท่านและวิชาในตำราที่ลือลั่นมาตั้งแต่ท่านยังอยู่ในวัยหนุ่ม อาจารย์ทรงเล่าให้ฟังว่า หนุมานเนื้อผงพิมพ์นี้ท่านเรียกว่า "หนุมานเชิญธง” เป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ ความสวัสดีมีชัย เป็นความสำเร็จในหน้าที่การงาน แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกะพัน มหาอำนาจ บารมี ไม่ได้เรียกหนุมานหักคันศรอย่างที่เรียกกันมา ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมจึงเห็นมีเนื้อดินและเนื้อตะกั่วที่พิมพ์คล้ายๆกันด้วย อ.ทรงตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้ แต่ที่ฉันช่วยหลวงพ่อทำมีแต่เนื้อผงขาวๆแบบเดียวเท่านั้น” หากดูให้ละเอียดจะพบว่าเป็นลายสักมาแต่โบราณ ชื่อลายสักหนุมานเชิญธง (ตามภาพประกอบ)

 

จากข้อมูลของอาจารย์ทรงที่เล่าว่า หลวงพ่อกวยตั้งใจทำอย่างมาก “หลวงพ่อบอกว่า ลงไว้จนครบแล้วทุกอย่าง หนุมานรุ่นนี้มันร้อนแรงนัก จะแจกใครต้องดูให้ดีก่อน” โดยท่านทุ่มเทพลังใจและกระแสจิตปลุกและเสกจนเห็นเป็นตัวจากตาเนื้อเลย ไม่ได้เห็นแค่ในนิมิต ด้วยการลงหัวใจธาตุ ตั้งธาตุ หนุนธาตุ เดินธาตุ 4 ด้วยเตโช ปฐวี วาโย อาโป (ธาตุไฟ-ดิน-น้ำ-ลม) เรียกอาการ 32 เรียกนาม(หะ-นุ-มา-นะ) จนเกิดเป็นจิตวิญญาณอุบัติขึ้นมา แล้วจึงประจุอาคมจากคัมภีร์พระเวทย์ ทำให้ประดุจดังสิ่งมีชีวิตจริง มีการรับรู้ด้วยกระแสจิตและอธิฐานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บูชาได้จริง เฉพาะแค่ผงที่ท่านใช้ทำหนุมานก็ทำยากมากและเป็นสิ่งมงคลยิ่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้านเมตตา ค้าขายหรือแคล้วคลาดก็ตามที เกศาที่ท่านใส่ไว้เสมือนเป็นกายเนื้อที่ให้คงเป็นอมตะ ยิ่งได้รับการเสกกำกับเป็นหนุมานที่สำเร็จเป็นตัวมีจิตวิญญาณแบบนี้ ยิ่งเข้มขลังเป็นทวีคูณ อานุภาพไม่ต่างอะไรกับเหรียญหลังหนุมานที่ราคาแตะสามแสนบาทแล้ว ยังใช้บูชาแทนการสักยันต์หนุมานได้เช่นเดียวกัน หาแท้ๆมาใช้ดูแล้วคงจะรู้ว่าดีเกินคาด

หนุมานเนื้อผงชุดนี้ท่านไม่ค่อยแจกใคร ด้วยเป็นของแรงด้านอิทธิฤทธิ์ ไม่ใช่สำเร็จด้วยการอธิษฐานบารมีพระพุทธคุณเช่นพระเครื่องทั่วไป แต่สำเร็จด้วยอำนาจจิตและพระเวทย์อาคมที่แรงกล้าของพระเกจิที่มีอำนาจจิตแกร่งกล้า ในปี2518ที่ท่านส่งอาจารย์ทรงไปครองตำแหน่งวัดแหลมคาง อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เพื่อบูรณะวัดที่ชำรุดทรุดโทรม ขาดการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ โดยหลวงพ่อกวยได้มอบพระเครื่องของท่านจำนวนหนึ่งและหนุมานเนื้อผงแบบนี้อีกจำนวน 150 องค์ เพื่อนำไปออกให้คนบูชาหาเงินซ่อมแซมศาลา-กุฏิของวัดแหลมคาง แต่อาจารย์ทรงตั้งราคาหนุมานไว้สูงกว่าพระเนื้อดินพิมพ์อื่นของหลวงพ่อและเลือกแบ่งให้บูชาเป็นบางคนเท่านั้น

 

เมื่อพระเนื้อดินมีคนบูชาหมดและได้เงินพอจะบูรณะวัดแหลมคางให้ดีขึ้นมากแล้ว แต่หนุมานเนื้อผงยังมีเหลืออยู่อีกหลายองค์ก็เลยเก็บไว้ บางคราวจิตสงบก็ลองเอาหนุมานเนื้อผงนี้มาภาวนาปลุกดูบ้างก็ยังคงความขลังและมีจิตวิญญาณเช่นเดิม จนเมื่อลาสิกขาก็เอากลับมาเก็บรักษาไว้อย่างดี และไม่เคยนำออกมาให้คนอื่นเห็นเลยตลอดกว่า30ปีที่ผ่านมานี้ จนเหลือเป็นของดียุคเก่าที่ตกค้างให้ได้เห็นกันในวันนี้ พระแท้ๆพิมพ์นี้ที่อาจารย์ทรงร่วมกดกับหลวงพ่อกวย จะมีเนื้อผงขาวหม่นหรืออมเหลือง ในเนื้อหามีมวลสารเป็นเม็ดเล็กฝังอยู่ทั่วไป พลิกดูกับแสงแดดจะสะท้อนแร่เขี้ยวหนุมาน(แร่ Quartz ชนิดหนึ่ง) ที่บดละเอียดเป็นประกายระยิบระยับ เมื่อพิจารณาดูให้ละเอียดจะพบเกศาฝังอยู่จุดใดจุดหนึ่งแทบทุกองค์ จุดสำคัญคือ 1.รูปทรงต้องเป็นไปตามแม่พิมพ์ 2.ขนาดของพระที่ต้องเท่ากันทุกองค์เพราะมีขอบบังคับในตัว ไม่ได้มาตัดขอบภายหลัง เพียงแต่ความหนาบางจะไม่เท่ากันตามแต่เนื้อที่ใช้กดลงในแม่พิมพ์ 3. รายละเอียดของหนุมานต้องเหมือนกันทุกอย่างและนูนคมชัด

หนุมานเนื้อผงพิมพ์นี้มีลงอยู่ในหนังสือรวมภาพวัตถุมงคลของหลวงพ่อกวยมานานแล้ว แต่ลงรวมไว้กับเนื้อดินและเนื้อตะกั่วซึ่งมีพิมพ์ต่างกัน กดจากแม่พิมพ์ต่างกันแน่นอน เคยมีเซียนพระรุ่นเก่าลงภาพแนะนำในเวปวัดโฆสิตารามเมื่อสิบกว่าปีก่อน ส่วนหนุมานเนื้อดิน เนื้อตะกั่วที่มีขายกันเป็นของอาจารย์ตี๋ วัดเขาเขียวนั้น หากพิจารณาเปรียบเทียบกันให้ละเอียดจะพบว่าเป็นคนละแม่พิมพ์กัน มีความแตกต่างกันมาก และเคยมีผู้สอบถามอาจารย์ตี๋ว่า หนุมานพิมพ์นี้ใครเป็นคนสร้าง ท่านก็ตอบว่าเป็นของอาจารย์ท่านสร้างไว้คือหลวงพ่อกวยนั่นเอง และคนยืนยันที่ดีและเชื่อถือได้ดีกว่าใครที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ก็คืออาจารย์ทรง คนที่ช่วยกดหนุมานพิมพ์นี้กับหลวงพ่อกวยด้วยตัวเอง เป็นศิษย์ที่หลวงพ่อกวยครอบครูให้ด้วยตัวท่านเอง และพระผงหนุมานพิมพ์นี้ก็ยังพบที่เสี่ยตี๋อีกด้วยเช่นกัน จึงเป็นข้อพิสูจน์อย่างดีที่สุดสำหรับคนที่อยากศึกษาข้อมูลที่ถูกต้อง

หลวงพ่อกวยสืบทอดวิชา-คาถาและยันต์หนุมานจากตำราเก่าหลายเล่มของหลวงพ่อเฒ่า วัดคังคาว โดยเฉพาะตำรายันต์และคาถาเกี่ยวกับหนุมานนั้นได้รับมอบจากเจ้าอาวาสองค์ต่อมา หลวงพ่อกวยนำมาผสานกับยันต์และคาถาตามตำราของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ จ.อยุธยา โดยใช้คาถาหินเบามาปลุกเสกด้วยตามที่เรียกว่าคาถา 9 เฮ เมื่อเสกเพิ่มด้วยคาถาหินเบาจากพลังจิตที่กล้าแกร่งของหลวงพ่อกวย ที่เสกกำกับและประจุธาตุทั้งสี่ลงไปจนปลุกเป็นตัวหนุมานขึ้นมาได้ ทำให้ทั้งยันต์และรูปหนุมานของหลวงพ่อจึงมีอานุภาพเข้มขลัง ป้องกันอาวุธและอันตรายได้ดี ที่สำคัญคือท่านสำเร็จวิชาหัวใจหนุมาน จึงปลุกให้เป็นตัวได้จนมีมีอิทธิฤทธิ์มากมายมาตั้งแต่ยุคสมัยที่ท่านยังลงเข็มสักด้วยตนเอง

 

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย

 

ขอทราบราคาครับ

 

ยังไม่ได้ถ่ายภาพไว้เลยครับ วันหน้าจะนำมาลงให้พิจารณา ใช้แทนเหรียญหลังหนุมานได้อย่างดี ขอบคุณครับ

 

ครับและรอ

 

ลายมือหลวงพ่อกวยต่างยุค....การศึกษาลายมือหรือรอยจารให้จริงจังอย่างมีแบบแผน มีสมมุติฐานที่ถูกต้อง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ใช้แยกของแท้ออกจากของเทียมได้อย่างดี ตัวอย่างเพียง2ภาพนี้ สามารถชี้บอกเป็นหลักฐานแบบวิทยาศาสตร์ได้ตามหลักวิชาการ จากการทำ case study ร่วมกับผู้ที่มีหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมานานกว่า3ปี โดยใช้ข้อมูลจากหลักฐานที่มาจากหนังสือ ตำรา ผ้ายันต์ บันทึกต่างๆของหลวงพ่อมาวิเคราะห์เทียบเคียง ทำให้ได้ความรู้มากมาย ใช้ต่อยอดเป็นแนวทางวิเคราะห์ได้อย่างมีหลักการพิจารณา เสียดายที่คนไทยส่วนมากไม่ชอบอ่านหนังสือกันนัก จึงขาดความรู้เป็นสากลที่ใช้เป็นแนวทางของตนเองได้อย่างดี แต่หลายคนชอบถามมากกว่าจะเรียนรู้ บางคนเจอแขกขายโรตีก็ยังเอาพระยื่นถามเขาเลยว่าแท้ไหม

จากลายมือ 2ยุคที่นำมาเทียบเคียงไว้นั้น จะเห็นว่าเป็นลายมือเขียนจากคนเดียวกันที่มีวิวัฒนาการเพิ่มขึ้น เป็นรอยต่อของห้วงเวลาสั้นๆไม่เกิน5ปี ที่เห็นด้วยตาชัดๆอันดับแรกคือ ในยุคต้น..หางตัวอักษรจะตวัดขึ้น (ที่วงกลมเปรียบเทียบไว้) ยังสะกดตัวไม่ถูกต้อง พอถัดมาอีกไม่นานนัก ก็ปรับปรุงลายมือและวิธีการเขียน หางอักษรจะเริ่มเป็นแบบมาตรฐาน แต่ที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัวและถ่ายทอดไปยังการเขียนของยุคถัดไปที่ยังเห็นได้ คือ น้ำหนักเส้น - การเชื่อมต่อเส้น -โครงตัวอักษร ยังมีภาพลายมือ-รอยจารเปรียบเทียบที่ทำไว้กว่า50ภาพเพื่อศึกษามานานหลายปีแล้ว และก็ตรงกับลายจารบนพระยุคเก่าๆที่เห็นจากอาจารย์ทรง และของคุณกมลทุกประการ ซึ่งก็ตรงและถูกต้องตามยุคเมื่อเทียบกับลายมือ ซึ่งลายมือของคนๆเดียวกันจะมีลักษณะที่เรียกว่า Identifying Significant Characteristic และจะพัฒนาขึ้นมาตามวัยจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามช่วงระยะเวลาของบุคคลนั้น

ลายมือหลวงพ่อกวย แบ่งเป็น 4 ช่วงใหญ่ๆ
1.ลายมือยุคต้น
1.1 ตั้งแต่บวชปี 2467 - 2480 เป็นลายมือที่หาดูยากที่สุด
1.2.ช่วงสงครามโลก2 - 2490 มักจารบนพระ เครื่องราง มีดหมอที่ทำในวัด
1.3 ช่วงก่อนปี 2500 มักจารบนพระ หรือเครื่องรางแทบทุกชนิดที่สร้างเอง
2.ลายมือยุคแรก ก่อนปี 2505 ลายเส้นเริ่มเป็นเหลี่ยมมุม มีความสวยงาม
3.ลายมือยุคกลาง 2506 - 2819 (ยังสามารถแบ่งออกเป็น 3ช่วง)
4 ลายมือยุคปลาย 2520 -2522 ไม่หนักแน่น ลายเส้นสั่น ไม่พริ้ว

 

ดูเป็นความรู้ได้อย่างดี สำหรับของแท้และของเลียนแบบ

เปิดดูไฟล์ 5876337

 

หนุมานเชิญธง ของหลวงพ่อกวยแบบเห็นเกศาชัดเจน พิมพ์นี้ไม่ค่อยเห็นของแท้ตามร้านพระ ส่วนมากที่ขายกันเป็นของปลอม ใครรู้คุณค่าลองพิจารณาดูครับ ดีและมั่นใจได้มากกว่าเหรียญหลังหนุมาน ที่ราคาแตะสามแสนบาท แต่ลองอ่านหนังสือที่ลงแนบไว้ดูแล้วจะหนาว...เพราะหากมีเงินสามแสน ไม่รู้จะกล้าหามาแขวนหรือเปล่า

tsurasit99 จองบูชาแล้ว