สติปัฏฐานสี่ตามแนววิชชาธรรมกาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 21 สิงหาคม 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    ?temp_hash=321686916b943a4706452374d37d304d.jpg
    ?temp_hash=321686916b943a4706452374d37d304d.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    "เรามาคนเดียวไปคนเดียวหมดทั้งสากลโลก คนทั้งหลายไปคนเดียวทั้งนั้น ไม่มีคู่สองเลย
    จะเห็นว่าลูกสักคนหนึ่งก็ไม่มี สามีสักคนหนึ่งก็ไม่มี ภรรยาสักคนหนึ่งก็ไม่มี ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างตาย ต่างคนต่างเกิด เป็นอย่างนี้..
    ปล่อยหมด ไม่ว่าอะไรไม่ยึดถือทีเดียว..
    เรือกสวนนาไร่ ตึกร้านบ้านช่อง ก่อนเราเกิดเขาก็มีอยู่อย่างนี้ หญิงชายเขาก็มีกันอยู่อย่างนี้ เราเกิดแล้วก็มีอยู่อย่างนี้ เราตายไปแล้วมันก็มีอยู่อย่างนี้.."
    หลวงปู่สด จนฺทสโร

    ?temp_hash=ab5a962845bceba8ca0455e5e2dd581e.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    ?temp_hash=b4617270dcca9d091a3532400be25349.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    #ดวงธรรมของพระอรหันต์
    ดวงจันทร์ก็ดี ดวงอาทิตย์ก็ดี ส่องสว่างในที่ที่ส่องได้ ที่ลึกลับลงไปใต้แผ่นดินส่องไม่ได้ ถ้ำคูหาส่องไม่ถึง
    ดวงธรรมของพระอรหันต์นั้น ใต้แผ่นดินก็สว่างหมด เหนือดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ก็สว่างหมด เห็นสว่างตลอดหมด
    ในถ้ำ ในเหว ในปล่อง ในไส้-พุง-ตับ-ไต เห็นตลอดหมด
    ปรากฏอย่างนี้ ท่านจึงได้เทียบด้วย "สูโรว โอภาสยมนฺตลิกฺขนฺติ" เหมือนดวงอาทิตย์อุทัย ขึ้นมาแล้วกำจัดความมืด ทำอากาศให้สว่าง
    ดวงธรรมก็ทำให้สว่างยิ่งกว่านั้น สว่างในไส้-พุง-ตับ-ไต สว่างหมด
    ในภูเขา..ดวงอาทิตย์ส่องได้แต่ในที่ที่ส่องได้ ในที่ลึกลับเข้าไปในภูเขา เข้าไปส่องไม่ได้ ส่วนดวงธรรมส่องเข้าไปได้ตลอดหมด
    ท่านจึงได้ยืนยันว่า "นตฺถิ ปญฺญา สมาอาภา" แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี
    ดวงธรรมนั่นแหละ ให้เกิดปัญญาสว่าง ไม่มีที่กำบังอันใดแต่นิดเดียว จะกำบังก็กำบังไม่ได้ ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดกำบังได้เลย ส่องสว่างได้ตลอด
    นี้..ท่านจึงได้ชี้ว่า เหมือนยังกับดวงอาทิตย์ผุดขึ้น เหมือนดวงอาทิตย์เกิดขึ้นแล้วกำจัดมืด ทำอากาศให้สว่าง ดวงธรรมก็เทียบด้วยอย่างนั้นเหมือนกัน.
    _____________
    _____________
    เทศนาธรรมจาก
    พระมงคลเทพมุนี
    หลวงปู่สด จนฺทสโร
    ______________
    ที่มา
    เทศนาธรรมเรื่อง
    "อุทานคาถา"
    ๒๑ มีนาคม ๒๔๙๗
    1kDZwtiHLJyqp&_nc_ohc=iUYQux-zGAMAX8S4u0L&tn=ntkX8_79axLjp9Cm&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-3.jpg
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    ขอกราบถวายอาลัย
    #เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
    (ช่วง วรปุญฺโญ ป.ธ.๙)
    อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
    อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ พระอารามหลวง
    อดีตประธานสมัชชามหาคณิสสร
    อดีตประธานอำนวยการโครงการสร้างความปรองดอง
    สมานฉันท์ โดยให้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
    หมู่บ้านรักษาศีล ๕
    ได้มรณภาพด้วยอาการอย่างสงบ
    วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๔ สิริอายุ ๙๖ ปี ๗๖ พรรษา

    WCI110NtYXMvg7zjG3v6WQg6D8AkqrES3Q&_nc_ohc=G_dKZ5NIRQIAX9obl1M&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-3.jpg
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    ความผูกพันของสองผู้เฒ่า

    ครั้งหนึ่งหลวงปู่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ท่านฝันเห็นพระรูปหนึ่ง มาหาท่าน แล้วอาการอาพาธของท่านก็ทุเลาขึ้น พระอุปฐากได้ชวนท่านคุยสอบถามว่าหลวงปู่สมเด็จฝันถึงใคร ท่านบอกลักษณะ คราเปิดรูปเกจิองค์ต่างๆให้ท่านพินิจ ท่านว่าเป็นรูปนี้ คือหลวงปู่ศิลา จากนั้นท่านได้ถวายไม้เท้าแก่นคูณที่ท่านถือประจำส่งต่อมาให้ อีกทั้งร่วมสร้างพระธาตุหมื่นหินฯ และถวายส่วนตัวหลายแสนบาท ครั้งหนึ่งท่านได้นิมนต์หลวงปู่ศิลาไปที่วัดปากน้ำ และผู้เฒ่าทั้งสองก็ได้ พบกันในโรงพยาบาล หลวงปู่ศิลา ได้ถวายตระกรุดหลายดอก ได้ถวายวัตถุมงคล เพื่อตั้งไว้ที่หัวที่นอนของหลวงปู่สมเด็จ ผู้เฒ่าทั้งสองได้ถวายของกันไปมา และได้ถามข่าวคราวกันเสมอเป็นนิจ หลวงปู่สมเด็จก็ได้ฟังเทศน์ หรือฟังสวดของหลวงปู่เสมอมา
    ท้ายสุด 8 ธันวาคมที่ผ่านมา หลวงปู่ศิลาทราบข่าวว่า หลวงปู่สมเด็จอาการไม่ดี ท่านได้นั่งอธิษฐานจิตตรงนั้นทันที ณ พระธาตุพนมฯ ท่านได้กล่าวคำหนึ่งว่า ท่านเห็นหลวงปู่สด อยู่กับหลวงปู่สมเด็จแล้ว
    9 ธันวาคม 2564 หลวงปู่สมเด็จได้สู่พระนิพพาน
    คณะศิษย์หลวงปู่ศิลา ขอน้อมส่งหลวงปู่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ด้วยความอาลัยยิ่ง และน้อมสำนึกในกรุณาธิคุณที่มีต่อหลวงปู่ศิลา สิริจันโทตลอดมา
    ขอน้อมส่งหลวงปู่สมเด็จสู่พระนิพพาน


    fttVhLXTALDqIBW2GRBpU5T7dr_ALOe8m5&_nc_ohc=YzhZzWC2ax4AX_jWuMD&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-6.jpg

    96rHQZX5wpK1-JMuTpVj2N_w38C37qGG9B&_nc_ohc=KrSeNZcaGzkAX-eVQOx&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-3.jpg

    IVHFdfD0pQN9CKgxbKtEzbKAURQV4AdnDQ&_nc_ohc=BChfiTZfkfcAX-O-TnP&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-3.jpg

    https://web.facebook.com/profile.php?id=100000916625094
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    VXvpAqnfdNzC2LzPCyZun-uWTAYmA7rK95&_nc_ohc=qbWnv2yPmhIAX_D13Oo&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-4.jpg

    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ แต่เช้ามาก็มีข่าวที่น่าเสียใจในวงการสงฆ์ ก็คือพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺญมหาเถร) ป.ธ.๙ วัดปากน้ำภาษีเจริญ อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มรณภาพด้วยอายุ ๙๖ ปี ซึ่งต้องบอกว่าท่านมรณภาพแบบผู้มีบุญ ก็คือหลับไปเฉย ๆ

    ปกติแล้วคนแก่อายุมาก ส่วนใหญ่ก็เข้าโรงพยาบาล เสียบสายโน่นสายนี่พะรุงพะรังไปหมด แต่ของหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่าน ต้องบอกว่าสมกับที่สร้างบุญมาอย่างมากมายมหาศาล หลับไปเฉย ๆ ไม่ต้องมีอะไรให้เป็นที่ลำบากกายลำบากใจ

    ผลงานของหลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ที่มีต่อคณะสงฆ์ไทย ต้องบอกว่า "ท่วมฟ้าท่วมดิน" ส่วนที่นักเรียนบาลีทุกคนจะต้องนึกถึงก็คือ หลวงพ่อท่านเป็นแม่กองบาลีสนามหลวงมาก่อน จนกระทั่งชราภาพ..ไม่ไหวแล้ว ถึงได้สละตำแหน่งให้พระเดชพระคุณพระพรหมโมลี (สุชาติ ธมฺมรตโน) ป.ธ.๙ รับหน้าที่ต่อไป

    งานหลัก ๆ ที่เห็นก็คือสร้างวิหาร พระเจดีย์และพระไตรปิฎกหินอ่อนที่พุทธมณฑล หอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ก็ที่พุทธมณฑล

    เรื่องของพระไตรปิฎกหินอ่อนต้องบอกว่าสำคัญมากนะครับ ในประเทศพม่านี่เป็นแหล่งเที่ยวสำคัญเลย ก็คือวัดซันดามุนีกับวัดมหาโลกมารชิน ซึ่งเป็นวัดที่อูคันตีมหาฤๅษีโพธิสัตว์สร้างพระไตรปิฎกหินอ่อนเอาไว้ กับเป็นที่พระเจ้ามินดงสร้างพระไตรปิฎกหินอ่อนเอาไว้

    แต่ก็อย่างว่า ของไทยเราทำได้งดงาม อลังการและยิ่งใหญ่กว่า ต้องบอกว่านอกจากหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านทุ่มเทลงบประมาณให้แบบไม่อั้นแล้ว การทำทีหลังมีโอกาสที่จะทำให้อลังการกว่าได้ด้วยประการทั้งปวง

    นอกจากนี้ก็ยังมีหอสมุดพระพุทธศาสนามหาสิรินาถ ที่สร้างถวายสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระเจดีย์ แล้วก็พระพุทธธรรมกายเทพมงคล ที่ต้องบอกว่าองค์พระกับเจดีย์ใหญ่เกือบจะเท่ากัน

    นอกจากนี้ท่านยังสร้างวัดไว้อีกหลายวัด ไม่ว่าจะเป็นวัดมงคลเทพมุนีที่ฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา วัดปากน้ำญี่ปุ่น วัดปากน้ำออสเตรเลีย ในเมืองไทยของเราก็วัดพุทธานุภาพที่จังหวัดน่าน วัดธรรมานุภาพที่จังหวัดแพร่ วัดสังฆานุภาพที่จังหวัดกำแพงเพชร โดยเฉพาะวัดสังฆานุภาพ หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก น่าจะถึง ๔๐ เมตร..! ไม่ใช่ ๔๐ ศอกนะครับ ๔๐ เมตร ต้อง ๘๐ ศอก แล้วแต่ละปีท่านยังสนับสนุนการศึกษาเป็นจำนวนเงินที่นับกันไม่ถ้วน นี่ไม่ได้กล่าวถึงในเรื่องของการปฏิบัตินะครับ แค่กล่าวถึงผลงานทางโลก ๆ เท่านั้น

    โดยเฉพาะในเรื่องความเมตตาของท่านที่มีต่อพระผู้น้อย ถ้าหากว่าไม่ใช่ป่วยจนกระทั่งต้องอยู่โรงพยาบาลจริง ๆ กระผม/อาตมภาพไปถึงเมื่อไร ท่านก็ออกรับ ไม่ว่าจะเป็นที่หอฉัน หรือว่าที่รับแขกของท่านที่หน้าหอเก็บสังขารหลวงปู่สด วัดปากน้ำ

    โดยเฉพาะในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือสมเด็จพระสังฆราชนั่นเอง หลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ได้รับการยอมรับทั้งพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตและมหานิกายเป็นปกติ แม้กระทั่งมหาเถรสมาคมได้มีมติเป็นเอกฉันท์ทั้งฝ่ายธรรมยุตและมหานิกาย ให้ท่านขึ้นดำรงตำแหน่งต่อจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ตอนหลังได้รับพระราชทานเลื่อนขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร

    แต่ปรากฏว่าไปโดนพลิกโผกลางอากาศจนมีเรื่องวุ่นวายขึ้นมา แต่หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านก็สมกับเป็นบัณฑิต ก็คือใครจะทำอะไร ท่านก็เฉย ๆ ในเมื่อวุ่นวายมากนัก ท่านก็เก็บตัว แม้กระทั่งตำแหน่งแม่กองบาลีสนามหลวงก็ลาออก มอบหมายให้ผู้อื่นดำรงตำแหน่งแทน

    เรื่องลักษณะอย่างนี้ ท่านทั้งหลายที่เป็นพระภิกษุสามเณรต้องศึกษาและพยายามทำตามแบบอย่างนี้ให้ได้ ก็คือ "การนิ่ง" การนิ่งในที่นี้มี ๒ อย่างครับ อย่างแรกเลยก็คือเข้าถึงความเป็นธรรมดาของโลกธรรม ๘ เห็นชัดเจนว่าการมีลาภ เสื่อมลาภ การมียศ เสื่อมยศ ได้รับการสรรเสริญ โดนนินทา การได้รับความสุข มีความทุกข์เป็นเรื่องปกติธรรมดา ถ้าหากว่าเข้าถึงความเป็นธรรมดาของโลกธรรม ๘ ก็จะไม่หวั่นไหวอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดีหรือว่าฝ่ายร้าย ก็สักแต่ว่ารับรู้ ไม่ได้ยินดียินร้ายไปด้วย

    อีกประการหนึ่งก็คือ การนิ่งแบบบัณฑิต นี้ก็คืออยู่ในลักษณะที่ว่า "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" ก็คือถ้าพูด อย่างเก่งก็ได้แค่สองไพหรือหนึ่งเบี้ย ซึ่งเป็นอัตราเงินที่เล็กมากครับ รุ่นของพวกท่านทั้งหลาย ไม่รู้ว่าได้ท่องมาตราเงินโบราณหรือเปล่า ?

    สี่ไพเป็นหนึ่งเฟื้อง
    สองเฟื้องเป็นหนึ่งสลึง
    สี่สลึงเป็นหนึ่งบาท
    สี่บาทเป็นหนึ่งตำลึง
    ยี่สิบตำลึงเป็นหนึ่งชั่ง
    ห้าสิบชั่งเป็นหนึ่งหาบ

    เคยได้ยินแต่ท้าย ๆ ใช่ไหม ? ตอนต้นไม่รู้เรื่องเลย พูดไปสองไพเบี้ยก็คือพูดไปแล้วได้ประโยชน์นิดเดียว นิ่งเสียตำลึงทอง ก็คือถ้านิ่งเป็น มีคุณค่าเท่ากับทองคำเป็นตำลึง ยังดีนะที่เป็นตำลึงไทย แค่ ๔ บาท ถ้าเป็นตำลึงจีนนี่ครึ่งกิโลกรัม..! ครึ่งกิโลกรัมก็เป็นทองคำ ๓๐ กว่าบาท

    ในเมื่อหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านนิ่ง ก็มี ๒ อย่าง ถ้าไม่ใช่เห็นความธรรมดาของโลกธรรม ก็คือนิ่งแบบบัณฑิต แต่ว่าเวลาแขกไปใครมา ท่านเองก็ยังคงออกรับ ปกติก็ยิ้มก่อน ทักทายก่อนเสมอ คือลักษณะแบบนี้ ต้องบอกว่าเราต้องดูปฏิปทาและเลียนแบบให้ได้ เพราะว่ามีความเมตตาและเป็นกันเองกับทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งหมด ดังนั้น...การที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์มรณภาพ ก็ถือว่าเป็นการสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ของวงการสงฆ์ไทย

    ขณะเดียวกัน เราต้องสังเกตว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ก็เพิ่งจะเสียชีวิตลง ซึ่งทางด้านเสถียรธรรมสถานใช้คำว่า "คืนสู่ธรรมชาติ" ก็แปลว่าทั้งพระทั้งแม่ชี ที่ได้รับการยอมรับจากทางคณะสงฆ์และสังคมไทย เสียชีวิตหรือมรณภาพไปติด ๆ กัน

    ลักษณะอย่างนี้แล้ว ส่วนใหญ่ก็คือ ถ้าหากมีเหตุไม่ดีเกิดขึ้นในประเทศชาติบ้านเมือง แต่มีความสูญเสียใหญ่แบบนี้ปรากฏขึ้นมาแทน ก็จะเป็นการผ่อนหนักให้เป็นเบาไปได้ เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายก็ต้องหัดสังเกตกันเอาเอง

    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๔
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    พึงสังเกตว่า ความรู้แจ้งเห็นจริงในสามัญญลักษณะของสังขารธรรมโดยมีอวิชชาเป็นรากเหง้า ที่จัดเป็นสังขตธาตุ สังขตธรรม ว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาก็ดี และความรู้แจ้งในอสังขตธาตุ อสังขตธรรมตามที่เป็นจริง ว่าเป็นนิจจัง สุขัง อัตตา ก็ดี
    ล้วนแต่เป็นความรู้แจ้งจากการที่ได้ทั้งรู้และทั้งเห็นด้วยตาหรือญาณของพระธรรมกาย ซึ่งเรียกว่า "ความตรัสรู้" ทั้งสิ้น
    หาใช่เป็นการรู้เห็นด้วยวิญญาณของกายโลกีย์ (เช่นของมนุษย์ ทิพย์ พรหม หรืออรูปพรหม)ไม่
    เพราะการรู้เห็นด้วยวิญญาณของกายโลกีย์ดังกล่าวนั้น มีขีดความสามารถจำกัดอยู่เพียง การรู้เห็นได้แต่เพียงธรรมชาติในภพสามนี้เท่านั้น
    ทั้งนี้ เพราะดวงวิญญาณยังถูกห่อหุ้มอยู่ด้วยอวิชชา จึงมีสภาพเหมือนลูกไก่อยู่ในกระเปาะไข่ ยังไม่เคยเห็นโลกภายนอก ต่อเมื่อผู้ปฏิบัติธรรมได้เข้าถึงธรรมกายอันเป็นกายนอกภพ ซึ่งดวงวิญญาณของสัตว์นั้นพ้นจากการห่อหุ้มด้วยอวิชชาแล้ว จึงขยายโตเต็มธาตุเต็มธรรม กลายเป็นญาณะ ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับหน้าตักและความสูงของธรรมกายแล้ว
    และเมื่อผู้ปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาต่อไปถึงธรรมกายพระอรหัต แล้วเจริญสมาบัติ ๘ ปล่อยความยินดีในฌาน และปล่อยอุปาทานในขันธ์ ๕ หมดทุกกายแล้ว
    ธรรมกายพระอรหัตหยาบก็จะตกศูนย์ ณ ตรงกลางกำเนิดธาตุธรรมเดิม คือตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
    ธรรมกายที่สุดละเอียดก็จะปรากฏขึ้นในอายตนนิพพาน จึงสามารถรู้เห็นด้วยญาณพระธรรมกายว่า
    พระนิพพาน (คือธรรมกายที่บรรลุพระอรหัตผลแล้ว) นี้เองที่เป็นกาย นิจจัง สุขัง อัตตา พ้นจากอาณัติแห่งพระไตรลักษณ์
    ส่วนสังขารธรรมทั้งหลายในภพสามที่จัดเป็นสังขตธาตุ สังขตธรรมนั้น ล้วนแต่ต้องอยู่ในอาณัติแห่งพระไตรลักษณ์ คือความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาทั้งสิ้น
    ความรู้แจ้งจากการที่ได้ทั้งเห็นและทั้งรู้ด้วยญาณหรือตาพระธรรมกายที่เรียกว่า "ความตรัสรู้" จึงมีสภาวะดั่งลูกไก่ได้กระเทาะเปลือกไข่ออกมาเห็นโลกภายนอกตามที่เป็นจริงแล้ว
    ความสำเร็จแห่งความรู้แจ้งในลักษณะของธาตุธรรมสองฝ่ายนี้เอง จัดเป็นความรู้แจ้งในขั้นปรมัตถธรรมที่ควรรู้ เป็นความรู้แจ้งโดยการตรัสรู้ขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ปรารถนาการบรรลุมรรค ผล นิพพานในทุกระดับภูมิธรรม



    ?temp_hash=c61e48a52c3d14d951a94288cb1570da.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    oym2hJIEclN6KL&_nc_ohc=4IpcMDbwUjoAX96Xy4-&tn=6cH58Tvc5DnXEYO9&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-8.jpg

    2600.png “หยุด นั่นแหละ เป็นตัวสำเร็จ” 2600.png
    1f30d.png เมื่อใจถือเอาปฏิภาคนิมิตได้และหยุดนิ่งตรงศูนย์กลางเหนือระดับสะดือ 2 นิ้วมือ อันเป็นที่ตั้งกำเนิดธาตุธรรมเดิมและเป็นที่ตั้งกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม เป็น ณ ภายใน ละเอียดเข้าไปๆ จนสุดละเอียดนั้นแล้ว
    1f30d.png จิตดวงเดิมจะละปฏิภาคนิมิตและตกศูนย์ไปยังศูนย์กลางกายฐานที่ 6 ถ่ายทอดกรรมเดิมที่เป็นสมาธิ เป็นจิตดวงใหม่ คือ เห็น-จำ-คิด-รู้ อันตั้งอยู่ท่ามกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ที่ผ่องใสบริสุทธิ์จากกิเลสนิวรณ์ ลอยเด่นขึ้นมาพร้อมกับดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ใสสว่างยิ่งนัก เป็นทางให้เข้าถึงกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรมที่ละเอียดและบริสุทธิ์ผ่องใสยิ่งขึ้นไปทุกที จนถึงธรรมกายอันเป็นกายที่พ้นโลก และเป็นธรรมที่บริสุทธิ์ผ่องใส รัศมีสว่าง
    1f30d.png นั่นก็คือ ใจยิ่งหยุดยิ่งนิ่งยิ่งไม่สังขาร คือ ไม่ปรุงแต่ง อีกนัยหนึ่ง คือ “หยุดมโนสังขาร” จิตใจก็ยิ่งถึงและเป็นธรรมที่บริสุทธิ์ผ่องใส นั่นเอง นี่เรียกว่า “ใจหยุดในหยุดกลางของหยุด ดับหยาบไปหาละเอียด จนสุดละเอียด”
    เมื่อถามว่า “มีอะไรเป็นเครื่องวัด 2753.png
    ก็ตอบว่า มีการเข้าถึงรู้-เห็นและเป็น กายในกาย (รวมเวทนาในเวทนา จิตในจิต) และธรรมในธรรม เริ่มตั้งแต่ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายที่ใสแจ่มอยู่ ณ ภายใน ละเอียดเข้าไป ๆ จนสุดละเอียด ถึงธรรมกายและเป็นธรรมกาย ที่บริสุทธิ์ผ่องใสยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนสุดละเอียดนั่นเอง เป็นทางให้ถึงมรรค ผล นิพพาน
    1f30d.png เพราะเหตุนั้น หลวงพ่อท่านจึงกล่าวว่า “หยุด นั่นแหละ เป็นตัวสำเร็จ” คือ เป็นทางให้ถึงมรรค ผล นิพพาน ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ทั้งปวง และที่เป็นบรมสุข
    270d.png ตอบปัญหาธรรม 270d.png
    โดย #พระเทพญาณมงคล วิ. (หลวงป๋า)
    (เสริมชัย ชยมงฺคโล)
    อดีตปฐมเจ้าอาวาส #วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    #โอวาทพระมงคลเทพมุนีเนื่องในวันขึ้นปีใหม่
    °°°°°°°

    " #วันขึ้นปีใหม่ เป็นวันแรก และเป็นวันมงคลของพระพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

    วันนี้แหละถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ #เราจะทำอย่างไรจึงจะเป็นคนดี

    เรื่องนี้เรื่องที่เป็นมงคลดี-ไม่ดีนั้น พระองค์ทรงรับสั่ง ยืนยันตัดสิน ตั้งแต่ปีใหม่นี้เราต้องตั้งใจเด็ดขาดลงไป สมกับที่พระองค์จอมปราชญ์แสดงมงคลว่า...

    อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา
    ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงคลมุตฺตมํ

    เราต้องตัดสินใจเด็ดขาดลงไปว่า...

    อเสวนา จ พาลานํ ไม่เสพสมาคมคบหาคนพาลเด็ดขาด ทีเดียว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่ได้อรุณวันนี้ ไม่เสพคบหาสมาคมกับคนพาลเป็นเด็ดขาด

    ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา
    จะเสพสมาคมคบหาแต่บัณฑิตเท่านั้น

    ปูชา จ ปูชนียานํ
    จะบูชาสิ่งที่ ควรบูชา

    เอตํ ติพฺพิธํ 3 ข้อนี้แหละเป็นมงคลอันสูงสุด คือ
    #จะไม่คบคนพาล #คบแต่บัณฑิต บูชาแต่สิ่งที่ควรบูชา

    ตั้งใจให้เด็ดขาดลงไปอย่างนี้ อย่าลอกแลก ไม่เสพสมาคมกับคนพาลน่ะ ในตัวของตัวเองมีหรือซีกทางโลกเป็นซีกของ โลภ โกรธ หลง เป็นเหตุของคนพาล เป็นเหตุให้เกิดพาล ตึกทางธรรมเป็นซีกของ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เป็นเหตุของบัณฑิต

    เป็นเหตุให้เกิดบัณฑิต #บูชาสิ่งที่ควรบูชา มั่นลงไปอย่างนี้นะ นี่วันนี้ปีใหม่เราต้องตั้งใจให้ เด็ดขาดลงไปอย่างนี้ เมื่อเด็ดขาดลงไปดังนี้ละก็ ตัดสินใจว่าเราดีแน่ เมื่อเด็ดขาดลงไปดังนี้ ไม่มีทุจริต ไม่มีชั่วเข้าไปเจือปนเลย เป็นซีกบัณฑิตแท้ๆ"
    °°
    #พระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
    #ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
    #วันที่ 1 มกราคม พุทธศักราช 2498
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    พระสงฆ์น่ะเป็นประมุขของบุญอย่างไร 2753.png
    2705.png "... บัดนี้เรามาพบหมู่พระสงฆ์แล้ว คือภิกษุสามเณรทรงไว้ซึ่งผ้ากาสาวพัสตร์ เป็นธงชัยของพระอรหันต์ เราได้บำเพ็ญบุญปรากฏอยู่ในบัดนี้ นี้เป็นประธานของบุญทีเดียว เป็นหัวหน้าของบุญทีเดียว เป็นประมุขของบุญทีเดียว รู้จักหลักอันแน่นอนแล้ว ให้อุตส่าห์ตั้งอกตั้งใจว่า เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระสงฆ์เข้าแล้ว ตัวบุญล่ะ ต้องการอื่นไม่สมความมุ่งหมายที่มาพบละ
    หรือไม่ฉะนั้น เป็นบุรุษของเราก็จะบวชเป็นพระสงฆ์บ้าง เราจะบำเพ็ญกิจของพระสงฆ์ให้เต็มที่ ถ้าเป็นอุบาสกอุบาสิกาที่ครองเรือนเล่า เราจะต้องบริจาคทานให้เป็นที่เป็นฐานทีเดียว มาพบบุญอันล้ำเลิศอันประเสริฐแล้ว เป็นประมุขของบุญทั้งหมดแล้ว
    2705.png พระสงฆ์น่ะเป็นประมุขของบุญอย่างไร พระพุทธเจ้าไม่เป็นประมุขของบุญหรือ ไม่ยิ่งกว่าพระสงฆ์หรือ พระสงฆ์เป็นประมุขของบุญยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่เกิดขึ้น พระสงฆ์จะมีได้อย่างไร มีไม่ได้ พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นก็มีพระสงฆ์ขึ้น พระสงฆ์นั่นแหละเป็นประมุขสำคัญ
    2705.png เมื่อพระผู้มีพระภาคมีพระชนม์อยู่นั้น พระเจ้าแม่น้ามหาปชาบดีโคตมีทอผ้าคู่หนึ่งไปถวายพระบรมศาสดา เพื่อจะให้พระองค์ทรงใช้ด้วยพระองค์เดียว ๒ ผืน พระองค์ เพื่อจะสงเคราะห์พระเจ้าแม่น้ามหาปชาบดีโคตมี เมื่อพระเจ้าแม่น้ามหาปชาบดีโคตมีทอผ้า เอาคู่ผ้ามาถวายแล้ว เมื่อประสูติจากพระมารดาได้ ๗ วัน พระมารดาก็ทิวงคตไป พระเจ้าแม่น้ามหาปชาบดีโคตมีได้พิทักษ์รักษาเลี้ยงดูจนกระทั่งเติบโตมา เราจะสงเคราะห์พระเจ้าแม่น้าให้เป็นผู้มีบุญใหญ่กุศลใหญ่ รับคู่ผ้าของพระเจ้าแม่น้ามหาปชาบดีโคตมีรับผืนเดียว รับสั่งให้ถวายพระสงฆ์เสียผืนหนึ่ง
    2705.png พระเจ้าแม่น้ามหาปชาบดีโคตมีไม่ปรารถนาจะถวายพระสงฆ์ ปรารถนาจะถวายแก่พระองค์เท่านั้น ทำอย่างประณีตด้วยพระหัตถ์ของพระนางเอง พระองค์ก็ไม่ทรงรับ แค่นสักเท่าไรก็ไม่ทรงรับ แค่นพระอานนท์ให้ช่วยแค่นพระบรมศาสดาให้ทรงรับทั้ง ๒ ผืนเถิด พระองค์ไม่ทรงรับอีก จำเป็นต้องถวายเป็นของสงฆ์ไป
    2705.png เมื่อถวายเป็นของสงฆ์ ท่านก็รับเป็นลำดับ เฉพาะผ้าผืนนั้นไปถูกเอาอชิตภิกขุผู้บวชใหม่ พระเจ้าแม่น้าเสียพระทัย ถ้าว่าเราได้ทำโดยประณีตด้วยตนเอง ไปถูกกับภิกษุบวชใหม่ หาสมควรไม่ พระองค์ทรงทราบพระอัธยาศัย ทรงเรียกพระอานนท์ให้นำเอาบาตรมา พระอานนท์ส่งบาตรให้ พระจอมไตรเขวี้ยงบาตรไปในอากาศ ให้ภิกษุสามเณรในที่นั้นไปนำเอาบาตรมาให้ พระตถาคตขว้างลับเข้ากลีบเมฆหายไปแล้ว ไม่รู้ไปทางไหน พระอรหันต์ท่านก็รู้ว่าปัญหานี้ผูกเพื่ออชิตภิกษุบวชใหม่โน้น ปุถุชนก็ไม่รู้ว่าผูกเพื่อกระทำเพื่ออะไร จะเอาก็ไม่ได้ เหาะไปก็ไม่ได้
    2705.png อชิตภิกษุบวชใหม่ยกมือขึ้นนมัสการ ด้วยบุญญาภินิหารที่ข้าพเจ้าสั่งสมอบรมมาแต่ชาติก่อน ถ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระศาสดาเอกในโลกเหมือนพระบรมศาสดานี้แล้ว ขอให้บาตรนั้นมาสู่หัตถ์ของข้าพเจ้าในบัดนี้ พอขาดคำอธิษฐานเท่านั้น บาตรก็กลับลอยลิ่วมาสู่หัตถ์ของอชิตภิกษุบวชใหม่
    2705.png พอบาตรสู่หัตถ์ของอชิตภิกษุบวชใหม่ พระจอมไตรตรัสว่า ภิกษุทั้งหลายรู้จักไหมนั่นน่ะ ภิกษุบวชใหม่นั้นคือใคร ภิกษุตอบว่าไม่รู้จัก พระองค์ทรงรับสั่งว่า นั้นแหละนะ ภิกษุทั้งหลาย น้องชายเราตถาคต ไปในภายภาคข้างหน้าจะได้เป็นศาสดาเหมือนกับเราดังนี้แหละ
    พระเจ้าแม่น้าก็ดีอกดีใจ ปลื้มอกปลื้มใจว่า ได้ทำด้วยความตรากตรำ ลำบาก จำเดิมแต่จ้างให้ช่างทองตีทองทำเป็นอ่างกรุฝ้าย รดน้ำด้วยน้ำอันประณีต ด้วยน้ำหอม บ้าง ทำมาด้วยความตรากตรำลำบากสิ้นกาลช้านาน กว่าจะได้ผ้าสองผืน ตั้งใจเอามาถวายพระบรมศาสดา ๒ ผืน พระศาสดาได้เป็นศาสดาในโลกนี้ ในปัจจุบันทันตาเห็น เราได้ถวายซึ่งผ้านี้แก่พระศาสดาผืนหนึ่ง และผ้าของเราอีกผืนหนึ่งเล่า ถวายแก่อชิตภิกษุบวชใหม่ จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคหน้า ที่ว่าเราถวายผ้ากับพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ก็ปานกัน ก็เลื่อมใสยินดีปรีดายิ่งนัก
    1f3af.png นี่พระศาสดาวางตำราไว้เป็นตัวอย่าง ถวายแก่พระองค์น่ะไม่อัศจรรย์ดอก ถวายพระสงฆ์นั่นแน่ ให้ถวายในหมู่พระสงฆ์ พระสงฆ์ที่มาสวดมนต์ในวัดปากน้ำ ที่เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคข้างหน้าจะกี่องค์เราก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีมีบารมีแก่ ๆ สร้างมาหลายอสงไขย เราก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าใครสร้างบารมีมาเท่าไร พระสงฆ์นั้นแหละเป็นประมุขของบุญสำคัญ เป็นหัวหน้าของบุญสำคัญ เป็นต้นของบุญสำคัญ 1f4cc.png ถ้าต้องการบุญก็ถวายในพระสงฆ์ ไม่เจาะจงภิกษุองค์หนึ่งองค์ใด มั่นหมายไปในหมู่พระสงฆ์ทีเดียว จะมีข้าวถ้วยปลาตัวก็ช่าง มีสิ่งอันใดก็ช่าง ก็ถวายพระสงฆ์ ให้ใจตรงเป็นกลาง ให้ทำดังนี้จะถูกบุญใหญ่ในพระพุทธศาสนา 1f4cc.png ..."
    270d.png คัดลอกบางส่วนจาก 270d.png
    พระธรรมเทศนา เรื่อง เกณิยานุโมทนาคาถา
    เทศน์เมื่อ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๗
    โดยพระเดชพระคุณ #พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
    #หลวงพ่อวัดปากน้ำ
    =AZUqAwNnDmBYt32ogGwNrIrBv35jwEPYGbNy1UIHF3JWBhbxDMo0J4lPiVXHxVU9oYVIUomEG18kZIDdmnXXRy-QSQzsPYy4DNgk-FFzWNpGk_ErYQa19G-hk1pPJCh_R_xYWMEa2UmTM8kjBf2JbC5_rHpCh5sHFAs5AhKeBRWraQ&__tn__=EH-R'] 5oJSMHVoH4_tk5E9DfcQWMSGK6Xy0Zwzt&_nc_ohc=NgXayMwke2kAX_6HzFN&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk29-2.jpg
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    “... ธรรมกายเข้าทางไหน ตรงนี้ลำบาก
    ถ้าว่าไม่เห็นปรากฎละก็เข้าไม่ถูก ฟังก็ไม่รู้ เป็นของแปลกประหลาด
    เข้าตรงระหว่างตรงกลาง เข้าตรงไหนล่ะ เข้าด้วยวิธีหยุด ...
    ... พวกนักปฏิบัติเข้ากลางไม่ถูกเป็นลูกพระตถาคตไม่ได้
    ถ้าเข้ากลางถูกจึงเป็นลูกพระตถาคตได้
    เหตุฉะนั้น วิธีเข้ากลางจึงสำคัญนัก
    เมื่อเข้ากลางถูกก็เป็นลูกพระตถาคตทีเดียว ...” 1f3af.png
    1f64f.png โอวาทธรรม 1f64f.png
    #พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
    #หลวงพ่อวัดปากน้ำ


    xlWmiXuwe046Q&_nc_ohc=OtSnlS9E1WkAX9q7kMY&tn=6cH58Tvc5DnXEYO9&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-7.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    Oq0B47cMrfIwbDT3_c0JDzH&_nc_ohc=YDtcMpZDXPoAX_n7o-J&tn=6cH58Tvc5DnXEYO9&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    - บริวารรอบข้างไม่ดี เหตุเพราะไม่ค่อยชักนำใครเขามาทำความดี.

    1f48e.png พระพุทธเจ้าท่านตรัสนะ บุคคลใดทำบุญด้วยตนเอง แต่ไม่ชักนำผู้อื่นให้ทำบุญ บุคคลผู้เช่นนั้น เกิดชาติใดหนใด เจริญด้วยโภคยทรัพย์ แต่ขาดบริวาร
    เราจะสังเกตุเห็นบุคคลเย้อะเลย มีคนใช้ มีลูกน้องไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ หรือบางทีก็ไม่มี เพราะเหตุว่า บุญไม่ได้ทำ ไม่ได้ไปชักนำใครให้เขามาทำความดี บางคนก็แหมผู้ดีจัด จะบอกเขาก็ไม่กล้าบอก อะไรประมาณนั้นก็มี
    หรือบางคนก็ทำบุญเฉพาะคนเดียว ไม่อยากบอกใคร ต้องการดีคนเดียว ดีคนเดียวมันก็ได้คนเดียว แล้วคุณจะดีแค่ไหนคนเดียว อยู่ในสังคมมันสบายไหมล่ะ
    พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า บุคคลใดตนเองไม่ทำ ดีแต่ชักนำผู้อื่น พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า บุคคลเช่นนั้น เกิดชาติใดหนใด อยู่ที่ไหน เจริญด้วยบริวารแต่ขาดทุนทรัพย์
    บุคคลใดทำเองก็ไม่ทำ ชักนำผู้อื่นก็ไม่ทำ เกิดชาติใดหนใด ก็จะเป็นคนอนาถาขาดที่พึ่ง และถ้าไปตัดบุญคนอื่นเขา ไปวิพากษ์วิจารย์ให้เขาเสียศูนย์ เสียหลักในการทำบุญ ถึงเป็นขอทานนะท่านนะ ถึงขนาดนั้นนะ บางทีสิ่งที่ควรได้ก็ไม่ได้ ดังนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้น เรื่องบุญนี่เรื่องใหญ่
    _____________
    เทศนาธรรมจาก
    พระเทพญาณมงคล
    หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก
    จ.ราชบุรี
    _____________
    ที่มา
    บุญใหญ่-กุศลใหญ่
    _____________
    เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า.

    GfpUX0QeTsKx-xlFSsf9MjcrPuAxWrPEA&_nc_ohc=j2E3v4EPaIMAX-VV0bT&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    - ไม่ว่าใครจะอยู่ในศาสนาใด ถ้าไม่สนใจศึกษาสัมมาปฏิบัติ ไม่รู้บาปบุญคุณโทษตามที่เป็นจริง ไม่ว่าท่านจะใหญ่โตแค่ไหน ร่ำรวยแค่ไหน ตายไปแล้ว 100% ไปเกิดในทุคติภูมิ.
    1f48e.png ตราบใดที่สัตว์โลก แม้อยู่ในสุคติภพ แต่ถ้าไม่มีปัญญาด้วยวิปัสสนาญาณ เห็นสภาวะของสังขารทั้งปวงเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา พอสมควร ที่ว่าเมื่อตายไปแล้วเกิดใหม่ ปัญญานั้นยังกระตุ้นเตือนให้เข้ามาศึกษาสัมมาปฏิบัติต่อ ก็กระทำคุณความดีต่อไปทั้งระดับเดิมและบริสุทธิ์สูงไปกว่าเดิม นี่ญาณรัตนะหรือว่าวิปัสสนาญาณ ปัญญาอันเกิดแก่การพิจารณาเห็นแจ้งในสภาวะธรรม ว่าเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ช่วยกระตุ้นเตือนให้สัตว์นั้นที่มาเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี เทพยดาก็ดี พรหม-อรูปพรหมก็ดี ให้ศึกษาสัมมาปฏิบัติต่อ คุณธรรมก็สูงขึ้นไม่ต่ำลง อย่างน้อยเสมอตัว อย่างมนุษย์เราเนี่ยอย่างน้อยเสมอตัว ตายแล้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกได้ อย่างพวกท่านทั้งหลายที่มา
    แต่ถ้าไม่มีวิปัสสนาญาณคอยกระตุ้นเตือนให้เกิดความสำนึกในคุณของพระรัตนตรัย ให้เกิดความสำนึกในเรื่องบาปบุญคุณโทษ แล้วไม่ได้มาปฏิบัติธรรม ไม่สนใจ ไม่ขวนขวาย แต่ไปหลงระเริงอยู่ด้วยกามสุข ความกำหนัดยินดี พอใจ ยึดติด คนึงหา อยู่แต่รูป-เสียง-กลิ่น-รส-สัมผัสทางกาย นี่อย่างชาวโลกของเราเนี่ย เป็นกันอยู่เนี่ย นี่ก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรมล่ะ อวิชชา ความไม่มีวิชชาให้เห็นแจ้งรู้แจ้งสภาวะของสัตว์โลกทั้งหลาย หรือสภาวะธรรมของสัตว์โลกที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่งที่มีชีวิตมีวิญญาณครองว่า เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา และว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมนะ เมื่อไม่มีจิตสำนึกตรงนี้ ไม่คิดจะปฏิบัติธรรมต่อไป เสวยสุขอยู่ เหมือนคนในปัจจุบันนี่แหละ เจริญด้วยลาภ-ยศ-สักการะ-สรรเสริญ-สุข ไม่ใส่ใจในการศึกษาสัมมาปฏิบัติให้เห็นแจ้งรู้แจ้งด้วยปัญญาอันเห็นชอบ รู้บาปบุญคุณโทษตามที่เป็นจริง รู้ผิดชอบชั่วดี และไม่เห็นแจ้งรู้แจ้งทางเจริญทางเสื่อมแห่งชีวิตตามที่เป็นจริง ก็หลงประพฤติผิดไปด้วยอำนาจของกิเลส ตัณหา อุปทาน มากต่อมากหนักเข้า แม้แต่จะแสดงตนเป็นพุทธก็ไม่พ้นอบายภูมิ แตกกายทำลายขันธ์คือตาย ผลของกรรมไม่ดีนั้นนำให้ไปเกิดในทุคติภูมิแน่นอน นี่เป็นคำแนะนำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ผู้ทรงเห็นแจ้งทรงรู้แจ้งโลก ดังกล่าวแล้ว และก็ทรงเป็นพระอรหันต์ผู้ไกลจากกิเลส บริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง ตรัสรู้ ตรัสเห็น ตรัสยิน ได้รู้ ได้เห็น ได้ยิน ให้เจริญปัญญาเห็นแจ้งในสภาวะของสัตว์โลกทั้งหลายดังนี้ ได้แสดงไว้ดีแล้ว เพราะฉะนั้นตรงนี้เรื่องสำคัญนะ
    เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใครจะอยู่ในศาสนาใด แม้แต่อยู่ในศาสนาพุทธ อ้างว่าเป็นพุทธ แต่ถ้าไม่สนใจศึกษาสัมมาปฏิบัติ ไม่รู้บาปบุญคุณโทษตามที่เป็นจริง ไม่ว่าท่านจะใหญ่โตแค่ไหน ร่ำรวยแค่ไหน ทุกอย่างเหล่านั้นเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ถ้าไปหลงยึดติดอยู่ในกามสุขดังกล่าว อยู่ในทรัพย์สมบัติ ลาภ ยศ สักการะ สรรเสริญ สุข ไม่รู้บาปบุญคุณโทษตามที่เป็นจริง ตายไปแล้ว 100% ไปเกิดในทุคติภูมิ นี่พระพุทธเจ้าทรงเห็นแจ้งมาแล้ว ไปเกิดเป็นเปรต สัตว์นรก อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มากต่อมาก
    สุนัข หมู หมา กา ไก่ ช้าง ม้า วัว ควาย ปู ปลา หอย จนกระทั่งไส้เดือน กิ้งกือ เนี่ยสัตว์เดรัจฉานเหล่านี้ก็ไปจากมนุษย์นั่นแหละ แม้แต่แมลงหวี่ แมลงวันและแม้แต่ยุง มด ปลวก ท่านอย่าสงสัยเลย
    ถ้าท่านปฏิบัติไปตามธรรมของพระพุทธเจ้า ให้เกิดทิพพจักษุ ทิพพโสต เช่นพระองค์ เจริญด้วยวิชชาที่ 1 ที่ 2 เหมือนที่พระองค์ทรงเห็นแจ้งรู้แจ้งดั่งนี้ ท่านจะสะดุ้ง ท่านจะสะดุ้ง กลัว เกรงกลัวต่อบาปอกุศล จะไม่กล้าทำบาป ไม่กล้าทำผิด ผิดศีลผิดธรรม ไม่กล้าทำกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เนี่ย เผลอผิดไปก็มีสติสัมปชัญญะว่า เอ้ะ! นี่เราผิดไปแล้ว กลับตัวกลับใจใหม่ ตั้งต้นใหม่
    มนุษย์ เทพยดา พรหม อรูปพรหม ที่ผ่านการศึกษาสัมมาปฏิบัติมาตั้งแต่อดีตชาติ ให้เจริญปัญญาเห็นแจ้งในสภาวะธรรมอย่างนี้ มากน้อยตามสมควร มาเกิดในภพชาตินี้อยู่ ณ ที่ใดก็ตาม ถ้าได้เจริญวิปัสสนาญาณให้เห็นแจ้งรู้แจ้งสภาวะธรรมว่าเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ทำอย่างนี้เป็นบาป ทำอย่างนี้เป็นบุญ รู้แล้วก็จะกระตุ้นเตือนให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยิ่งขึ้นไป เป็นทางนำไปสู่ความพ้นทุกข์ด้วยคุณธรรมที่เจริญและสูงขึ้น ถ้าไม่ใช่อย่างนี้ แม้แต่อยู่ในมนุษย์โลก จะใหญ่โตแค่ไหน ร่ำรวยแค่ไหน ไม่พ้นอบายภูมิแน่นอน นี่ พระพุทธเจ้าทรงเห็นแจ้งทรงรู้แจ้งดังนี้ นี่ในฝ่ายทุคคติ
    ในฝ่ายสุคติ ก็เป็นบุคคลหรือสัตว์ที่เมื่อรู้บาปบุญคุณโทษตามที่เป็นจริง ก็เลิกละความชั่วหรือบาปอกุศล อย่างน้อยที่สุดก็ด้วยการรักษาศีล ประคับประคองความประพฤติปฏิบัติทางกาย ทางวาจา ให้สงบให้เรียบร้อยดีไม่มีโทษแก่ใคร ไม่มีโทษแม้แก่ตนเอง ถ้าจะสงสัยว่า ตนเองทำโทษแก่ตนเองได้หรือ? มีหรือ? มี! ทำไมล่ะ พวกเสพและติดสิ่งเสพติดมึนเมาให้โทษเป็นที่ตั้งแห่งความประมาททุกชนิด ที่ระบาดกันเกร่อไปทั่วทั้งประเทศ หรือจะเรียกว่าทั่วทั้งโลกก็ได้ นี่คือการทำลายตัวเอง มันไม่ใช่โง่ระดับธรรมดานะ มันโง่ไม่รู้จะโง่ไปถึงไหนน่ะ พวกเราไม่เสพก็รู้ว่านั่นเป็นความคิดที่โง่ที่สุด การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายทำลายสุขภาพกายสุขภาพจิตของตน ด้วยกรรมที่ไม่ดี ผิดศีลข้อสุราเมฯ ก็คือเสพและติดสิ่งเสพติดมึนเมาให้โทษเป็นที่ตั้งแห่งความประมาททุกชนิด ไม่ใช่เฉพาะแต่สุรา ดังนี้เป็นต้น ก็งดเสีย
    สำหรับผู้รู้บาปบุญคุณโทษตามที่เป็นจริง ตั้งใจศึกษาสัมมาปฏิบัติยิ่งขึ้นไป ก็ยกภูมิจิตให้สูงขึ้น จากที่เคยเป็นมนุษยธรรมก็ดำรงไว้ในความเป็นมนุษยธรรม คือเลิกละกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต มาปฏิบัติอยู่ในกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต มีการบริจาคทาน มีการรักษาศีล มีการเจริญภาวนา ภูมิจิตก็สูงขึ้น ชีวิตในปัจจุบันก็มีความเจริญสันติสุขในชีวิต จะยากดีมีจนก็ความทุกข์เดือดร้อนมากๆรุนแรงก็ไม่มี หรือที่เคยมีมากก็น้อยลง ที่น้อยอยู่แล้วก็หายไป มีความเจริญสันติสุขพอสมควรแก่อัตภาพและฐานะ ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจมาก ซึ่งแตกต่างจากผู้ที่ประพฤติผิดศีลผิดธรรม จะร่ำรวยมหาศาล จะเจริญด้วยลาภ ยศ สักการะ สรรเสริญ สุข เพียงไร แต่เมื่อทำความชั่วบาปอกุศลผิดศีลผิดธรรมมากๆเข้า ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้รับผลกรรมทันทีทันตาเห็น แต่ก็เดือดเนื้อร้อนใจ พระท่านเรียกวิปฏิสาร เรียกว่าอยู่ร้อนนอนทุกข์ นอนก็เป็นทุกข์ อยู่ก็เป็นทุกข์ เวลาเดินไปไหนก็แต่งตัวผัดหน้าทาแป้งขาว สวยงาม แต่งตัวดี หรือไม่ก็มียศฐาบรรดาศักดิ์ก็แต่งตัวให้มันกร่างเข้าไว้ ดูท่าทางมีเกียรติ แต่ในใจสิ พอนึกได้หรือเกิดความรู้สึกว่าเรานี่กำลังจะได้รับผลกรรม เกิดวิปฏิสารนั่น เดือดเนื้อร้อนใจ เขาเรียกว่า อยู่ร้อนนอนทุกข์อยู่บนกองเงินกองทองกองเกียรติยศนั่น อยู่ร้อนนอนทุกข์ นี่ มันเป็นอย่างนี้
    เพราะฉะนั้น..
    ท่านทั้งหลายมาปฏิบัติธรรมเนี่ย มาศึกษามาทำความเข้าใจอย่างนี้ แม้แต่เทพยดา พรหม อรูปพรหม ถ้าไม่ตั้งใจปฏิบัติดีให้ยิ่งขึ้นไป หลงติดสุขอยู่ในทิพยสมบัติ อยู่ในรูปฌาน อยู่ในอรูปฌาน ตายไปแล้วมีคติคือทุคติภูมิ
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ก็ดี เทพยดาก็ดี เทพยดานี่กินความไปถึงพรหมนะ ตายจากความเป็นมนุษย์หรือตายจากความเป็นเทพยดาแล้ว จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์หรือเทพยดาอีกนั่นน้อยนัก แต่ที่ไปเกิดในทุคติภูมิ คือไปเกิดเป็นเปรต สัตว์นรก อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มากต่อมากนัก นี่แหละเป็นอย่างนี้ นี่ พระพุทธดำรัสนี่ตรัสเพราะทรงบรรลุจุตูปปาตญาณในยามกลางแห่งราตรี ว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมอย่างไรๆ ทรงเห็นแจ้งแทงตลอดหมด จึงนำข้อมูลทั้งหลายไปวิเคราะห์วิจัยในยามปลายแห่งราตรี เมื่อพระองค์ทรงเจริญฌานสมาบัติให้พระทัยสงัดจากกิเลสนิวรณ์ สงบและก็ผ่องใส วิเคราะห์เห็นแจ้งรู้แจ้งในพระอริยสัจ 4 ว่า สัตว์โลกมีความทุกข์อย่างนี้นี่เอง แล้วมีอะไรเป็นเหตุแห่งทุกข์ ก็คือกิเลส ตัณหา อุปทาน ที่ดลจิตดลใจให้ปฏิบัติตามอำนาจของมัน เป็นความประพฤติผิดศีลผิดธรรม มีกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เป็นต้น มีผลให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อน เสมอกันหมด ยุติธรรมที่สุดเลย กฎแห่งกรรมนี่
    แต่ถ้าใครทำดีทางกาย ทางวาจา และใจ ก็ได้รับผลดี ถ้าดียิ่งขึ้นถึงเจริญอริยมรรคมีองค์ 8 นี่เป็นคุณธรรมนำให้พ้นโลก สามารถที่จะเจริญปัญญาเห็นแจ้งในสภาวะธรรมและอริยสัจธรรมตามที่เป็นจริง รู้บาปบุญคุณโทษตามที่เป็นจริง ก็เลิกละเหตุปัจจัยแห่งความทุกข์เดือดร้อน เข้าถึงรู้เห็นและเป็นสภาวะธรรมชาติที่บริสุทธิ์ผ่องใส และเป็นสภาวะที่เป็นความสันติสุขไม่ก่อให้เกิดความทุกข์เดือดร้อนได้อีก นี่กล่าวภาษาชาวบ้านธรรมดา ถ้าภาษาพระก็ต้องเรียกว่าเห็นแจ้งแทงตลอดในพระอริยสัจ 4 ด้วยญาณ 3 คือ สัจจญาณ กิจจญาณ และกตญาณ มีอาการ 12 แล้วก็เห็นแจ้งแทงตลอดในเรื่องของกิเลสที่หมักดองอยู่ในจิตสันดานเรียกว่าอาสวะ ที่ตกตะกอนนอนเนื่องในจิตสันดานเรียกว่าอนุสัย ที่คอยฟุ้งขึ้นมาดลจิตดลใจให้ปฏิบัติตามอำนาจของมันนั้น ทรงเห็นแจ้งแทงตลอดหมดว่า อาสวะกิเลสมีอย่างนี้ เหตุเกิดอาสวะมีอย่างนี้ หนทางปฏิบัติเพื่อกำจัดอาสวะมีอย่างนี้ กำจัดได้แล้วมีอย่างนี้ ก็คือสภาวะของการบรรลุมรรคผลนิพพาน ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ และเป็นบรมสุขอย่างถาวรตลอดไป นี้ด้วยอาสวักขยญาณ เป็นวิชาที่ 3 ในยามปลายแห่งราตรี เป็นพระอรหันต์ขีณาสพหรือขีณาสโว ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว และทรงบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ญาณเครื่องช่วยให้ตรัสรู้สภาวะของสัตว์โลกทั้งหลาย สภาวะธรรมทั้งหลาย ตลอดทั่วแสนโกฏิจักรวาล อนันต์จักรวาลไม่มีประมาณ ในยามรุ่งอรุณแห่งคืนวันเพ็ญเดือนวิสาขะนั้นนั่นแหละ แล้วก็เอามาสอนเรา.
    ______________
    เทศนาธรรมจาก
    พระเทพญาณมงคล
    หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก
    จ.ราชบุรี
    ______________
    จากเทศนาธรรมเรื่อง
    กฎแห่งกรรม
    https://youtu.be/eX5esZOeyK4
    ______________
    เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า.
    yDQmC_2bpU_k5wLu4kn5hMSoWYozr4i-Bv&_nc_ohc=-GFjld_UfBMAX_esCLF&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-7.jpg
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    . ✅"... การเจริญสมาธิภาวนามุ่งเน้นแต่การพิจารณาสภาวธรรมเพื่อให้เกิดปัญญานั้น เสี่ยงต่อการเกิดวิปัสสนูปกิเลสอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่ผู้ปฏิบัติภาวนามีสติปรากฏยิ่งจนเกินไป กล่าวคือมีสติพิจารณาสภาวธรรมแก่กล้าเกินไป
    แต่ปัญญาอันเห็นแจ้งที่แท้จริงยังเกิดขึ้นไม่ทัน คงมีอยู่แต่ปัญญาจากการจำได้หมายรู้จากตำราเสียโดยมาก และไม่รู้อุบายวิธีออกจากสังขารนิมิตที่ถูกต้องนั้น จิตจะปล่อยวางอารมณ์วิปัสสนาที่เคยยกขึ้นพิจารณาอยู่เสมอนั้นไม่ได้ แม้แต่จะได้รับคำแนะนำให้ปล่อยหรือให้ปฏิเสธนิมิตนั้น ก็ปฏิเสธไม่ออก เป็นเหตุให้เกิดนิมิตลวงขึ้นในใจโดยที่เจ้าตัวมิได้ตั้งใจจะรู้จะเห็น เรียกว่าเกิดวิปัสสนูปกิเลสข้ออุปัฏฐาน อันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตได้
    ✅การเจริญภาวนาตามแนววิชชาธรรมกาย เป็นกัมมัฏฐานที่มีทั้งสมถะและวิปัสสนาคู่กัน และมีมหาสติปัฏฐานสี่ อยู่ครบถ้วนในตัวเสร็จ คือมีการพิจารณาเห็นเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และเห็นธรรมในธรรม อยู่ในทุกขั้นตอน มีอุบายวิธีที่ทำให้สมาธิเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว และให้สามารถเจริญปัญญารู้แจ้งในสัจธรรมจากการที่ได้ทั้งรู้ทั้งเห็น
    ✅เมื่อยกสังขารนิมิตใดขึ้นพิจารณาสภาวธรรมให้เกิดปัญญาแล้ว ก็มีอุบายวิธีออกจากสังขารนิมิต โดยให้พิสดารกายไปสู่สุดละเอียด ให้ใจของทุกกายรวมหยุดอยู่ ณ ศูนย์กลางธรรมกายที่สุดละเอียดอยู่เสมอ จิตใจก็ละวางนิมิตที่ยกขึ้นพิจารณานั้นไปได้เองโดยอัตโนมัติ วิปัสสนูปกิเลสดังกล่าวจึงไม่เกิดขึ้นสำหรับผู้เจริญภาวนาตามแนวนี้แต่ประการใด
    ✅และยิ่งสำหรับผู้เจริญภาวนาได้ถึงธรรมกายแล้ว ยิ่งเกิดอภิญญาและวิชชา ให้สามารถเห็นอรรถเห็นธรรม ทั้งที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง ที่เรียกว่า สังขตธาตุ สังขตธรรม กับทั้งที่ไม่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง ที่เรียกว่า อสังขตธาตุ อสังขตธรรม ได้โดยชัดแจ้งปราศจากความเคลือบแคลงสงสัย ..."
    ✍️ตอบปัญหาธรรม✍️
    โดย #พระเทพญาณมงคล วิ. (หลวงป๋า)
    (เสริมชัย ชยมงฺคโล)
    อดีตปฐมเจ้าอาวาส #วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม



    ?temp_hash=d43942bd7991011ae4330bf0c0f67884.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    วันนี้16 กุมภาพันธ์2565 วันมาฆบูชา และเป็นวันคล้ายวันเกิดลพ.ภาวนา(พระราชพรหมเถร)ครบรอบ103ปีค่ะ มีสวดพระอภิธรรมถวายท่านที่วัดปากน้ำและวัดลพ.สด เวลาเดียวกัน18:30 นะคะ
    วัดปากน้ำมีพี่ประวัติเป็นเจ้าภาพใหญ่ค่ะ นิมนต์พระเณรแม่ชีรวม77 รูป ท่านผู้ใดสะดวกขอเรียนเชิญ กรุณาใส่มาสก์ตลอดเวลามิดชิดด้วยค่ะ กราบ
    pbAfTxoekkTlgsqinV3ew8-ROMECMnxG2&_nc_ohc=pwxefmOaQNsAX-sUek4&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    KayLoTPWUhrCxv3nWCyDgsvLvfhNUgh1z&_nc_ohc=FSCZeDlfQHUAX_50s26&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-8.jpg
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
    ?temp_hash=3f57b3528d288382e9be9a473a875a4a.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,142
    ค่าพลัง:
    +70,540
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...