ติดตามสถานะการณ์

สหรัฐฯสั่งเรียกคืนรถวอลโว่รุ่นเก่า 54,000 คัน หลังชิ้นส่วนโลหะของถุงลมนิรภัยทำให้คนตาย
.
.
.
.เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(7 พ.ย)ผู้กำกับสหรัฐฯสั่งเรียกรถวอลโว่รุ่น S60 และรุ่น S80 สูงสุด 54,000 คันโดยทางบริษัทวอลโว่ยืนยันจะรับผิดชอบเปลี่ยนะบบถุงลมให้ใหม่ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย หลังจากพบชิ้นส่วนโลหะจากถุงลมที่เกิดระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวานนี้(7 พ.ย)ว่า ทั้งนี้ในวันเสาร์(7)ผู้กำกับสหรัฐฯชี้ว่าการเรียกคืนรถวอลโว่รุ่นเก่าจะมีจำนวนสูงสุดถึง 54,000 คัน
.
เป็นรถวอลโว่รุ่นเก่าจำหน่ายระหว่างปี 2001 – ปี 2003 ของรุ่น S60 และรุ่น S80 ซึ่งจดทะเบียนอยู่ที่รัฐต่างๆรวมถึงดินแดนอาณานิคมสหรัฐฯได้แก่ รัฐแอละบามา รัฐอาร์คันซอ รัฐฟลอริดา รัฐจอร์เจีย รัฐฮาวาย รัฐมิสซิสซิปปี รัฐนอร์ท แคโรไลนา รัฐโอกลาโฮมา รัฐเซาท์ แคโรไลนา รัฐเทนเนสซี รัฐเทกซัส ดินแดนปัวโตริโก ดินแดนอเมริกัน ซามอย เกาะกวม หมู่เกาะมาเรียนาเหนือ(Northern Mariana Islands)และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐฯ
.
ซึ่งทางบริษัทวอลโว่ออกมาแสดงความรับผิดชอบที่จะเปลี่ยนระบบถุงลมนิรภัยให้แก่รถที่ถูกเรียกคืนเหล่านี้ฟรีให้กับเจ้าของรถ
.
ทั้งนี้พบว่าถุงลมในรถรุ่นที่เกิดเหตุมาจากบริษัทผู้ผลิต ZF/TRW แต่รัฐบาลสหรัฐฯชี้ ว่าการระเบิดของถุงลมไม่ต่างจากถุงลมทากาตะของญี่ปุ่นที่สร้างปัญหาไปทั่วโลก
.
ด้านคณะกรรมการความปลอดภัยทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ NHTSA(U.S. National Highway Traffic Safety Administration) กล่าวว่า ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับวอลโว่ถึงรถรุ่นอื่นที่มีการติดตั้งถุงลมรุ่นเกิดเหตุนี้และอยู่ในการประเมินถึงการตัดสินใจขั้นต่อไป
.
อย่างไรก็ตามบริษัท ZF/TRW ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองดีทรอยต์ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่ามีได้ขายถุงลมรุ่นที่เกิดปัญหาให้กับค่ายรถอื่นด้วยหรือไม่
.
ผู้กำกับสหรัฐฯ NHTSA ชี้ว่าถุงลมบริษัท ZF/TRW เกิดระเบิดและทำให้คนขับรถเสียชีวิตเนื่องมาจากชิ้นส่วนโลหะของถุงลม ซึ่งในวันเสาร์(7)ทางผู้กำกับสหรัฐฯชี้ว่า ระบบถุงลมของ ZF/TRW ไม่ได้ใช้แอมโมเนียมไนเตรท(ammonium nitrate)เพื่อให้ถุงลมเกิดการพองตัวเหมือนเช่นของทางบริษัททากาตะของญี่ปุ่น
.
ทั้งนี้บริษัทวอลโว่กล่าวในรายงานที่โพสต์โดย NHTSA ว่า จากข้อมูลจดทะเบียนพบว่า ยังมีรถจำนวน 13,800 คันจากจำนวนที่ถูกเรียกคืนทั้งหมดยังคงมีการใช้อยู่

 

ยังไม่จบ!ทีมหาเสียงทรัมป์ยื่นฟ้องสกัดผลเลือกตั้งในรัฐแอริโซนา

ทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกันในวันเสาร์(7พ.ย.) เปิดเผยว่าพวกเขาได้ยื่นฟ้องในแอริโซนา ตามข้อกล่าวที่มี เคาน์ตีที่มีพลเมืองมากที่สุดของรัฐทางตะวันตกเฉียงใต้แห่งนี้ ปฏิเสธอย่างไม่ถูกต้องต่อคะแนนโหวตของผู้ใช้สิทธิ์บางส่วนในวันเลือกตั้งศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี

 

ระทึก!ตำรวจรวบชายชาวสหรัฐฯ ขู่ลงมือสังหารหมู่หาก'ไบเดน'ได้เป็นประธานาธิบดี

ชายคนหนึ่งถูกตำรวจข้ารวบตัวและพาตัวไปคุมขังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(6พ.ย.) หลังขู่ก่อเหตุสังหารหมู่ หากว่า โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น

 

โจ ไบเดน ‘จะทำสิ่งนี้’ เป็นภารกิจแรก หลังรับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 มกราคม 2564
.
1/ หลังทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่าชนะการเลือกตั้ง โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ปราศรัยที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ กล่าวขอบคุณชาวอเมริกันที่มอบความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ
.
2/ ไบเดนกล่าวว่า ผ่านความล้มเหลวและความผิดหวังทางการเมืองมาแล้วหลายครั้ง จึงเข้าใจต่อความผิดหวังของผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
.
3/ แต่...ไม่ว่าจะเป็นผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน พรรคเดโมแครต ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขวาหรือฝ่ายซ้าย ทุกคนคือชาวอเมริกัน ทุกคนเห็นต่างกันได้ แต่ไม่ควรมองกันเป็นศัตรู
.
4/ โจ ไบเดนกล่าวให้คำมั่น จะปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ จะสร้างความร่วมมือระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน เพื่อการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นผู้สร้างความสามัคคี ปกป้องเกียรติและผลประโยชน์ให้กับชาวอเมริกันทุกคน ที่สำคัญ จะรักษาประชาธิปไตยของอเมริกาให้ทรงคุณค่าตลอดไป
.
5/ สำหรับภารกิจแรกของ โจ ไบเดน หลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2564 ไบเดนบอกว่า จะตั้งทีมงานด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์ขึ้นใหม่ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการจัดการกับวิกฤตโควิด-19 ที่สหรัฐฯกำลังเผชิญ และมีตัวเลขผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก วันละแสนคน
.
6/ ทั้งหมดทั้งมวลนั้น ไบเดนสรุปว่า เขาจะฟื้นฟูภาพลักษณ์ของสหรัฐอเมริกา ‘ให้กลับมาเป็นที่น่านับถือของชาวโลกอีกครั้ง’
.

 

ที่จีน คำค้นหา 拜登 ชื่อภาษาจีนที่คนจีนใช้เรียก โจ ไบเดน กลายเป็นคำค้นหาอันดับ 1
.
1/ ทั่วโลกทราบข่าวกันแล้วว่า โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯอย่างไม่เป็นทางการ เป็นว่าที่ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ คนที่ 46
.
2/ โจ ไบเดนกวาดชัยชนะจากรัฐเพนซิลเวเนีย ที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 20 คะแนน จากเดิมไบเดนมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งอยู่แล้ว 253 คะแนน เพิ่มเป็น 273 คะแนน เกิน 270 คะแนน คะแนนกึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 538 คะแนน ส่งผลให้โจ ไบเดน คว้าชัยชนะเหนือโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ที่ต้องการรักษาตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน แต่ไม่สำเร็จ
.
3/ โจ ไบเดน โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ระบุว่า “America, I’m honored that you have chosen me to lead our great country.” The work ahead of us will be hard, but I promise you this: I will be a President for all Americans — whether you voted for me or not. I will keep the faith that you have placed in me.
.
4/ แปลเป็นไทยว่า "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเรา แม้ว่างานที่รออยู่จะยากลำบาก แต่ผมขอสัญญา ผมจะเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน ไม่ว่าจะโหวตให้ผมหรือไม่ก็ตาม ผมจะรักษาความเชื่อใจที่มีให้ตัวผม"
.
5/ บรรยากาศในสหรัฐฯหลังทราบผลว่า โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง ชาวอเมริกันจำนวนมากออกมารวมตัวกันเฉลิมฉลองแสดงความยินดีที่ไทม์สแควร์และในอีกหลายเมืองของสหรัฐฯ หลังทราบว่าโจ ไบเดน คือประธานาธิบดีคนใหม่ของพวกเขา
.
6/ ผู้นำทั่วโลก โดยเฉพาะชาติพันธมิตรของสหรัฐฯในยุโรป แสดงความยินดีกับ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ เพราะชัยชนะของโจ ไบเดน คือโอกาสที่จะได้กลับมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งหลังจากที่อะไรๆก็ดูไม่เข้ารูปเข้ารอย วุ่นวายสับสน ในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
.
7/ ที่จีน คำค้นหา '拜登' ชื่อภาษาจีน ที่คนจีนใช้เรียก โจ ไบเดน กลายเป็นคำค้นหาอันดับ 1 บน Weibo แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน | อ้างอิงจากเพจอ้ายจง : www.facebook.com/aizhongchina/posts/2063122650485954
.
8/ ชาวจีนสนใจติดตามการเลือกตั้งอเมริกา รวมถึงประเด็นต่างๆของการเลือกตั้ง ทำให้คำค้นหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งอเมริกา อยู่ในอันดับคำค้นหายอดนิยมอยู่ตลอด
.
9/ ความคิดเห็นของชาวจีนในโลกโซเชียลส่วนใหญ่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาในอนาคต ส่วนความคิดเห็นที่มีมากพอๆกันคือ พูดถึงการพ่ายแพ้ของโดนัลด์ ทรัมป์ เช่น ทรัมป์คงจะเตรียมฟ้องศาลแล้ว! ทรัมป์ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งเป็นแน่!
.
10/ คำค้นหา ‘ทรัมป์ปฏิเสธ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง’ ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ส่วนคำค้นหา ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ อยู่อันดับ 12
.
ขอบคุณภาพจาก www.kwtx.com/2020/11/07/breaking-the-associated-press-calls-the-presidential-race-in-favor-of-joe-biden/ [AP Photo/Paul Sancya (Paul Sancya | AP)]
.

 

เยอรมนี : ประชาชนกว่า 16,000 คน ออกมารวมตัวกันประท้วง
ต่อต้านมาตรการ ปิดล็อคดาวน์ไวรัสโควิด ครั้งที่2
#การระบาดรอบ 2 -3 ในยุโรปกำลังรุนแรง เรื่มแบนการเดินทางระหว่างประเทศ
รวมทั้งกักโรค 14 วัน

https://fb.watch/1DEod3EIXs/

 

ซาอุดีอาระเบีย : เมืองอาราส แคว้นอัลเกาะศีม พายุทรายเข้าปกคลุมเมืองในวันที่ 7 พฤศจิกายน

https://fb.watch/1DECnwYkmU/

 

มาเลเซีย : 11.46 วันนี้ เฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กสองลำที่เชื่อว่าชนกันกลางอากาศก่อนที่จะตก 1ลำลงจอดสำเร็จ อีก 1ลำเสียการควบคุมเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 2 ราย/คลิปในช่องความเห็น

 

Nov 8, 2020 ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุกว่า 50.1 ล้านคน ยอดตายโควิด-19 ทั่วโลกกว่า 1.25 ล้านคน The Covid-19 infected globally toll surpassed 50.1 million

เวลา 7.25 น.รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 50,150,049 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 10,177,550 ราย อินเดีย 8,507,203 ราย บราซิล 5,653,561 ราย รัสเซีย 1,753,836 ราย ฝรั่งเศส 1,661,853 ราย สเปน 1,388,411 ราย อาเจนติน่า 1,236,851 ราย ยูเค 1,171,441 ราย โคลอมเบีย 1,136,447 ราย และ เม็กซิโก 955,128 ราย

สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 1,255,529 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 243,241 ราย บราซิล 162,286 ราย อินเดีย 126,162 ราย เม็กซิโก 94,323 ราย สหราชอาณาจักร 48,888 ราย อิตาลี 41,063 ราย ฝรั่งเศส 40,169 ราย สเปน 38,833 ราย เปรู 34,840 ราย และอิหร่าน 37,832 ราย

ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียน และเสียชีวิต(ตัวเลขในวงเล็บ) พบว่า อินโดนีเซีย 433,836 ราย(14,540) ฟิลิปปินส์ 393,961 ราย(7,485) เมียนมา 60,348 ราย(1,396) สิงคโปร์ 58,054 ราย(28) มาเลเซีย 39,357 ราย(279) ไทย 3,830 ราย(60) เวียดนาม 1,213 ราย(35) กัมพูชา 294 ราย บรูไน 148 ราย(3) และลาว 24 ราย

#ไวรัสโคโรนา #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #โควิด19 #covid19 #Misterban #btimes

 

Nov 7, 2020 ด่วน! โจ ไบเดน เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 แล้ว ทรัมป์ โต้ทันที ยังห่างไกลจากจุดสิ้นสุด

สำนักข่าวเอพี ซึ่งเป็นสำนักข่าวชื่อดังระดับโลกในสหรัฐอเมริกา รายงานว่า นายโจเซฟ อาร์ ไบเดน จูเนียร์ หรือนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 46 แล้ว สาเหตุจากสำนักข่าวเอพียืนยันว่า นายโจ ไบเดน ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียง มาอยู่ที่ 273 เสียง โดยชนะการเลือกตั้งในรัฐเพนซิลวาเนีย นายโจ ไบเดน กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติ และน้อมรับที่ประชาชนชาวอเมริกันเลือกให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ”

ด้านประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ทันทีว่า “ยังห่างไกลจากจุดสิ้นสุด”

ผลจากการได้รับคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งของนายโจ ไบเดน เกิน 270 เสียงแล้ว ทำให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งไม่ได้รับการเลือกตั้งในวาระที่ 2 นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ นายจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช ในปี 1992 หรือในรอบ 28 ปีผ่านมา

นายโจ ไบเดน ได้รับคะแนนมหาชน หรือ Popular Votes รวม 74,478, 345 เสียง หรือ 50.5% ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับ 70,329,979 เสียง หรือคิดเป็น 47.7% ส่งผลให้นายโจ ไบเดน สร้างสถิติกับคะแนนมหาชน หรือ Popular Votes เป็นประวัติศาสตร์ของพรรคเดโมแครต และของประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่นางกมลา แฮร์ริส กลายเป็นว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐหญิงผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา

#โจไบเดน #ไบเดน #เลือกตั้งสหรัฐฯ2020 #ทรัมป์ #biden #trump #btimes

 

รัฐบาลญี่ปุ่นหวังจะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างนายกรัฐมนตรีซูงะ โยชิฮิเดะแห่งญี่ปุ่นกับนายโจ ไบเดน ผู้ซึ่งสื่อต่าง ๆ มองการณ์ว่าจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป

เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นส่วนมากแสดงปฏิกิริยาอย่างสงบต่อรายงานของสื่อสหรัฐต่าง ๆ ที่ว่า เป็นที่แน่ชัดว่านายไบเดนได้ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้

รัฐบาลญี่ปุ่นเชื่อว่า เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างผู้นำญี่ปุ่นกับผู้นำสหรัฐขึ้น และให้นายซูงะไปเยือนสหรัฐเพื่อประชุมสุดยอดกับนายไบเดนในจังหวะเวลาที่เหมาะสมหลังมีการถ่ายโอนอำนาจในสหรัฐ

ญี่ปุ่นนั้นต้องการยืนยันอีกครั้งถึงความร่วมมือที่ใกล้ชิดของตนกับสหรัฐในการรับมือกับภาวะระบาดทั่วของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในการแก้ประเด็นปัญหาต่าง ๆ ระดับโลก เช่น ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก และประเด็นด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นจำนวนมากคาดว่า คณะบริหารประเทศชุดต่อไปของสหรัฐนั้นโดยพื้นฐานแล้วจะยังคงรักษานโยบายต่อจีนในปัจจุบันเอาไว้ ในเมื่อทั้งสองประเทศยังคงเห็นต่างกันอยู่

รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนจะตัดสินใจว่า ตนจะปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนอย่างไร ขณะที่ก็จับตามองปฏิกิริยาของรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ไปด้วย

ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

 

เจ้าชายอากิชิโนะ มกุฎราชกุมารญี่ปุ่น ทรงได้รับการประกาศต่อสาธารณะให้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ญี่ปุ่นแล้ว พิธีในครั้งนี้เป็นพิธีสุดท้ายจากพิธีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดราชบัลลังก์ญี่ปุ่น

เจ้าชาย ซึ่งมีพระนามว่าฟูมิฮิโตะ ทรงได้กลายเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ลำดับที่ 1 เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ พระเชษฐา ได้ขึ้นครองราชย์หลังจากพระราชบิดาของทั้งสองพระองค์สละราชสมบัติ

เดิมทีพิธีประกาศเจ้าชายอากิชิโนะเป็นมกุฎราชกุมารอย่างเป็นทางการมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนเมษายนปีนี้ แต่ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

พระบรมวงศานุวงศ์ที่บรรลุนิติภาวะแล้วและผู้นำทั้งฝ่ายบริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติเข้าร่วมพิธีประกาศมกุฎราชกุมารอย่างเป็นทางการที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายนนี้

สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะมีพระราชดำรัสว่า “นับบัดนี้ ข้าพเจ้าขอจัดพิธีประกาศมกุฎราชกุมารอย่างเป็นทางการและตามที่กฎมณเฑียรบาลกำหนดไว้ ข้าพเจ้าขอประกาศทั่วถึงแก่ประชาชนในญี่ปุ่นและโลกนี้ว่าเจ้าชายฟูมิฮิโตะเป็นมกุฎราชกุมาร”

หลังจากนั้น มกุฎราชกุมารทรงได้แสดงความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตน

มกุฎราชกุมารอากิชิโนะมีพระดำรัสว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีการจัดพิธีประกาศมกุฎราชกุมารอย่างเป็นทางการนี้ให้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตระหนักอย่างลึกซึ้งถึงความรับผิดชอบในฐานะมกุฎราชกุมาร ในขณะที่ข้าพเจ้าทำหน้าที่ของตนต่อไป”

นายซูงะ โยชิฮิเดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้กล่าวสุนทรพจน์แสดงความยินดีในนามของผู้ร่วมพิธี

นายซูงะระบุว่า “มกุฎราชกุมารอากิชิโนะร่วมกับพระวรชายาทรงได้ช่วยเหลือสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีและสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงและสมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวงมาอย่างยาวนาน และทรงได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจของพระราชวงศ์อย่างตั้งใจจริง เช่น การเยือนพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ และการส่งเสริมไมตรีจิตกับต่างชาติ ผ่านพระราชกรณียกิจเหล่านี้ ประชาชนญี่ปุ่นเคารพและนับถือมกุฎราชกุมารและพระวรชายาและวิธีการที่ทรงมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประชาชน จึงเป็นความปิติยินดีของประชาชนญี่ปุ่นอย่างยิ่งที่มีการจัดพิธีประกาศมกุฎราชกุมารอย่างเป็นทางการนี้”

ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

 

#อัปเดตยอดผู้ติดเชื้อโควิด19
ไทยติดเชื้อเพิ่ม 7 ราย
เสียชีวิต 0 ราย
เสียชีวิตสะสม 59 ราย
.
8 พฤศจิกายน 2563
.
ประวัติเสี่ยง..ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า state quarantine
จาก สหรัฐอเมริกา 2 ราย ออสเตรีย 1 ราย แคนาดา 2 ราย รัสเซีย 1 รายและ เมียนมา 1 ราย
.

#infographic #อัปเดตยอดผู้ติดเชื้อโควิด19

 

07.11.20

⚠Roger Valhammer สมาชิกสภาเมือง Bergen และ Beate Husa ที่ปรึกษาสภาเมืองด้านการบริการสุขภาพ และ Trond Egil Hansen ผู้อำนวยการด้านการแพทย์เมือง Bergen จัดงานแถลงข่าวเมื่อเวลา 14.00 น.

1.ในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อบ่ายวันเสาร์ Valhammer สมาชิกสภาเมืองฯ ได้บอกต่อข่าวร้าย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามี ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 89 ราย มี ผู้ติดเชื้อสูงมาก ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 จำนวน ผู้ติดเชื้อ ในเมืองฯ ช่วง 14 วันที่ผ่านมา ทำลายสถิติทั้งหมด ขณะนี้ เมือง Bergen มีอัตราการติดเชื้ออยู่ที่ 290 : 100,000 คน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์

2.จำนวนผู้ติดเชื้อที่ลงทะเบียนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาสูงเป็น 4 เท่าของ เดือนมีนาคม และ เดือนกันยายน ถึง 2 เท่า มี ผู้ติดเชื้อ จำนวนมากที่ตรวจพบตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ - สิงหาคม

3.Valhammer กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สภาเมืองฯ จะไม่มีการประกาศ เคอร์ฟิว หรือ ปิดเมือง แต่ถ้าเราไม่เหียบเบรคแรงๆ เพื่อยุติการแพร่ระบาดครั้งนี้ จะนำเราไปสู่ สถานการณ์ ที่เมืองกำลังจะปิดตัวอย่างเต็มที่ เขาเข้าใจดีว่า มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับมาตรการที่ สภาเมืองนำมาใช้ก่อนหน้านี้เรื่อง การจำกัด แขกเพียง 5 คน ในบ้านส่วนตัว มาตรการเหล่านี้ได้ถูก พิจรณาอย่างรอบคอบก่อนนำออกมาใช้

4.Valhammer หวังว่า มาตรการ จะให้ผลลัพธ์ที่ดี อย่างรวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องใช้ มาตรการแทรกแซงใดๆ เพิ่มเติมอีกในช่วงเวลาหลังจากนี้ เราไม่ควรจะได้เห็น เมือง Bergen มีสถานการณ์คล้าย ๆ กับ หลายประเทศในสหภาพยุโรป ที่ บริการด้านสาธารณสุขล่มสลาย และ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

.
อ่านรวมข่าว และ มาตรการโคโรน่าต่างๆของ ประเทศนอร์เวย์
http://norgetiltak.blogspot.com/

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
Sjur Mikal Dolve : Journalist
Mette Anthun : Journalist

ข่าวต้นฉบับ NRK :
https://www.nrk.no/vestland/_-talet-pa-smitta-i-bergen-sprenger-alle-rekordar-1.15234431

 

อัพเดทยอดผู้ติดเชื้อโควิด 8 พฤศจิกายน 2020 [เวลา 00:00 น.]

 

#Covidแสนแตกที่สหรัฐ

นับเป็นสัปดาห์แห่งความพีค ที่สหรัฐ ที่สุดคึกคัก และวุ่นวาย จากงานเลือกตั้งระดับชาติ ที่ดึงความสนใจจากชาวอเมริกันทั้งประเทศ หรือแม้แต่ทั่วโลกว่าผลจะออกมาเช่นไร

ในขณะที่ข่าวงานเลือกตั้งเจ้าเมืองมะกัน จะร้อนแรง จนกลบทุกกระแส แต่การระบาดของ Covid-19 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มาแรงท็อปฟอร์มเช่นเดียวกัน ยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งกระฉุด จนในที่สุดก็ทำสถิติแสนแตกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุดวันนี้มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ทุบสถิติที่ กว่า 132,000 ราย ไปไกลยิ่งกว่าที่ CDC และ ศบค. Covid แห่งสหรัฐอเมริกาเคยคาดการณ์ไว้ ในตัวเลขที่เลวร้ายที่สุด

มันคือความพีคในพีค Worst of the worst case scenario

สำนักข่าวสหรัฐได้รายงานว่า ในช่วงสัปดาห์แห่งการเลือกตั้งสหรัฐ มีรายงานผู้ติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มขึ้นใน 41 รัฐทั่วประเทศ และมีเพียงรัฐเทนเนสซี่ รัฐเดียวเท่านั้นที่ยังสามารถควบคุมการระบาดได้ผลดี ก็หมายความว่า ยอดผู้ติดเชื้อยังคงเป็นปัญหาหนักในสหรัฐอเมริกา

ดังนั้น จึงไม่อาจโทษใครได้ว่า รัฐที่เชียร์ทรัมพ์ หรือรัฐที่สนับสนุนไบเดน รัฐไหนจะระบาดมากกว่ากัน ตราบใดที่ยังมีกิจกรรม ที่มีการเคลื่อนไหวของชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากทั่วประเทศ ไม่ว่าจะมาเพื่อประท้วง หรือมาเพื่อฉลอง

ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อระดับแสนแตก ที่ต่อเนื่องมา 3 วันแล้ว ก็สามารถคาดเดาได้ถึงปริมาณผู้ติดเชื้อในรอบสัปดาห์หน้า ก็คงยังสูงเฉียดแสนต่อเนื่องเช่นนี้อีกหลายวัน

หลายฝ่ายจึงฝากความหวังไว้กับผู้นำประเทศที่จะเข้ามาใหม่ ว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร

ซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่อย่าง โจ ไบเดน เคยบอกว่า เขาจะเพิ่มทีมงานใน ศบค. สหรัฐอเมริกาอีก 12 คน มาช่วย ด็อกเตอร์ แอนโธนี ฟาวซี ในการรับมือกับคลื่น Covid-19 ระลอกใหญ่นี้

และมาตรการบังคับให้สวมหน้ากากอนามัย ไปจนถึงล็อคดาวน์ในบางเมืองที่เอาไม่อยู่จริงๆ อาจมีการนำมาใช้ ตามที่ไบเดนเคยพูดไว้

แต่ไบเดน อาจจะยังไม่ได้มีอำนาจสั่งการอะไรเต็มที่ในช่วงนี้ แม้จะมีการประกาศผลยืนยันว่าเขาชนะเลือกตั้งแล้วก็ตาม คงต้องรอให้ท่านเสี่ยทรัมพ์เคลียร์โต๊ะ เก็บของออกจากทำเนียบ และไบเดนเข้าพิธีสาบานตนให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งคงจะเกิดขึ้นหลังปีใหม่

หรืออาจจะนานกว่านั้น หากท่านเสี่ยแกจะต่อสู้ในชั้นศาลขอให้มีการนับคะแนนใหม่ในบางรัฐที่มีท่านเสี่ยแกยังกังขา และปัญหาเรื่อง Covid-19 ก็จะถูกผลัดผ่อนปล่อยทิ้งไปเรื่อยๆโดยไม่รู้กำหนด

ช่างเป็นปีแห่งความพีคของสหรัฐอเมริกาจริงๆ ที่มีแต่เรื่องราวไม่ได้หยุด ไม่ได้หย่อน รัวถี่ยิบไม่ต่างจาก Twitter ของท่านเสี่ยทรัมพ์จริงๆนะค้า

แหล่งข้อมูล

https://www.straitstimes.com/world/...-third-day-president-elect-joe-biden-plans-12

https://edition.cnn.com/2020/11/07/health/us-coronavirus-saturday/index.html

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-54820353

 

การเมืองพม่าส่อแวววุ่นหนัก.. หลังความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลที่นำโดย “พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย” (NLD) กับ “กองทัพเมียนมา” กำลังอยู่ในความตึงเครียด โดยมีคำเตือนจากทางทหารว่าอาจฟ้องร้องถอดถอนประธานาธิบดีอูวิน มินต์ หากเขาล้มเหลวในการรักษาความรับผิดชอบตามรัฐธรรมนูญ
.
ทางกองทัพได้ออกมาทำสงครามประสาทครั้งแรกเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์คณะกรรมการการเลือกตั้งของประเทศ นั่นคือ “คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งสหภาพ” (UEC) โดยกล่าวว่าคณะดังกล่าวทำงานผิดพลาดอย่างร้ายแรงในการเตรียมการเลือกตั้งซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันนี้ (ส่วนนี้กองทัพเมียนมาอ้างว่ากำลังเกิดความผิดปกติหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งนี้)
.
และยังกล่าวอีกว่าฝ่ายบริหารของพรรค NLD จะต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของ UEC เนื่องจากรัฐบาลได้จัดตั้งคณะดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งทางนายพลอาวุโส มินอองหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่า กล่าวกับสื่อท้องถิ่นว่า “การจัดการเลือกตั้งของ UEC ไม่ถูกต้อง เราจะต้องระมัดระวังอย่างมากเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งในครั้งนี้”
.
ทางสำนักงานประธานาธิบดีเมียนมา จึงได้ออกมาตอบโต้โดยกล่าวว่า “ความเห็นของกองทัพเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เป็นการกระตุ้นให้เกิดความไม่สงบและก่อให้เกิดความกังวลต่อสาธารณชน” นอกจากนี้ยังชี้แจงว่า UEC เป็นหน่วยงานอิสระและไม่มีกฎหมายใดที่กำหนดให้หน่วยงานต้องตอบสนองรัฐบาล
.
ต่อมาทางกองทัพก็ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อความเห็นของสำนักงานประธานาธิบดีดังกล่าว โดยในแถลงการณ์กองทัพกล่าวว่า “รัฐบาลเพิกเฉยต่อความรับผิดชอบ ต่อการกระทำของ UEC ซึ่งในกรณีนี้ประธานาธิบดีอาจถูกฟ้องร้องและถอดถอนได้”
.
“ดังนั้นการบอกว่ารัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความล้มเหลวของ UEC จึงเป็นการเพิกเฉยต่อความรับผิดชอบของตน” ทหารกล่าวในแถลงการณ์
.
กองทัพยังพยายามที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุผลของการแทรกแซงการเมืองในประเทศ โดยกล่าวว่า “การมีส่วนร่วมของกองทัพในการเมืองระดับชาตินั้น เป็นไปตามรัฐธรรมนูญซึ่งระบุไว้ว่าทหารเป็นผู้ปกครอง”
.
จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ทางนักวิชาการหลายฝ่ายของพม่าก็ได้แสดงความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและรัฐบาลพลเรือนกำลังแตกร้าวอย่างหนัก” ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของพม่าอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ก็เป็นได้
.
เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
.
Source :https://www.irrawaddy.com/elections...mar-military-warns-president-impeachment.html
.
#ThailandState #ThailandStateUpdate

 

กรณีศึกษา.. หรือ “ความเกลียดกลัว” อาจกลายเป็นเหตุผลหลักในการเลือกตั้งครั้งนั้นๆ มากกว่านโยบายหรือความสามารถของพวกเขา
.
ในเช้าวันนี้ทุกท่านคงจะทราบผลการเลือกตั้ง (อย่างไม่เป็นทางการ) แล้วว่า Joe Biden กำลังจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาเพราะล่าสุด Biden ได้คว้าชัยชนะในรัฐ เพนซิลเวเนีย และ เนวาดา ทำให้สามารถครองเสียง Electoral Vote ได้ทั้งหมดกว่า 290 เสียง (เกิน 270 เสียงแล้ว) ทำให้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ไป ส่วนตอนนี้ทาง Donald Trump ยังครองเสียง Electoral Vote ได้เพียง 214 เสียงเท่านั้น
.
และในการเลือกตั้งของสหรัฐฯครั้งนี้ มีหลายสิ่งที่น่าสนใจครับ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “จำนวนของผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง” เรียกได้ว่าน่าจะถล่มทลายกลายเป็นหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ตามข่าวที่ว่า Biden ไม่เพียงแต่จะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่ยังทำคะแนน popular vote สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา คือ 75,193,022 เสียง ซึ่งทำลายสถิติของ Obama ที่เคยได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดอยู่ที่ 69,498,516 เสียง ในการเลือกตั้งของสหรัฐฯเมื่อปี 2008
.
แต่ !! ไม่ใช่เพียงแค่ Biden เท่านั้นที่สามารถทำลายสถิติดังกล่าวลงได้ เพราะทาง Trump เองก็สามารถทำลายสถิติดังกล่าวลงได้เช่นกัน ด้วยคะแนนเสียงล่าสุดอยู่ที่ 70,804,968 เสียง ไม่น่าเชื่อครับว่า Donald Trump ทำคะแนนเสียงได้มากมายขนาดนี้ ถึงขนาดล้มสถิติเก่าอย่าง Barack Obama ได้ และที่สำคัญหากย้อนกลับไปในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 เขาได้คะแนนเสียงเพียง 62,984,828 เสียง เท่ากับว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ “เขาได้คะแนนเสียงของตัวเองเพิ่มมาเกือบ 8 ล้านคะแนน” แต่นั่นก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขาชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้อยู่ดี แล้วอะไรล่ะคือ “หนึ่งในปัจจัยหลัก” ที่ทำให้ Trump แพ้ Biden ได้ราบคาบขนาดนี้ ทั้งในแง่ของ Electoral vote และ Popular vote
.
วันนี้ผลสำรวจจาก Pew Research จะทำให้ทุกท่านเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่าอะไรคือ “หนึ่งในเหตุผลหลัก” ที่ทำให้การเลือกตั้งของสหรัฐฯมีผลออกมาเช่นนี้..
.
ทางศูนย์วิจัย Pew Research Center ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนก่อนศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯที่เพิ่งผ่านพ้นไป ซึ่งในการสำรวจครั้งนี้ ได้มีการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มชาวอเมริกัน 2 กลุ่มหลักๆ ก็คือ “กลุ่มผู้สนับสนุน Trump” และ “กลุ่มผู้สนับสนุน Biden”
.
โดยในการสำรวจกลุ่มแฟนคลับของทั้งสองฝั่ง ก็จะสำรวจว่าเหตุผลใดที่ทำให้คุณตัดสินใจเลือก Biden หรือ Trump ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสามารถ นโยบายต่างๆ เรื่องของพรรคที่พวกเขาสังกัด รวมไปถึงเหตุผลง่ายๆที่ว่า “เพราะเขาไม่ใช่ Trump หรือ Biden”
.
ผลปรากฎว่าเมื่อสำรวจกลุ่มผู้สนับสนุน Trump ก็ได้มีหลากหลายเหตุผลที่คละกันไป ไม่ว่าจะเป็น เลือกเขาด้วยเรื่องของภาวะผู้นำ 23% เลือกเขาด้วยเรื่องของนโยบาย 21% หรือเลือกเขาเพราะไม่ใช่ Biden เพียง 19% ซึ่งเหตุผลต่างๆที่ตัดสินใจเลือก Trump ก็จะมีเปอร์เซ็นคะแนนที่ไล่เลี่ยกัน
.
แต่เมื่อมาสำรวจกลุ่มผู้สนับสนุน Biden ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่กว่า 56% (มากกว่าครึ่งของทั้งหมด) ที่สนับสนุน Biden ตัดสินใจเลือกเขาเพียงเพราะ “เขาไม่ใช่ Trump” ทิ้งห่างเหตุผลอื่นๆขาดลอย ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่ตัดสินใจเลือก Biden เพราะภาวะผู้นำและประสิทธิภาพของเขามีเพียง 19% เท่านั้น
.
และยังมีอีกผลสำรวจหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เมื่อผลสำรวจเผยถึงกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งของพรรค Republican ว่า กว่า 59% พึงพอใจในตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคตัวเอง แต่ในทางกลับกันในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งของพรรค Democrat ผลสำรวจกลับพบว่ามีเพียง 42% เท่านั้นที่พึงพอใจในตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคตัวเอง เท่ากับว่าจริงๆแล้วแม้แต่แฟนคลับของ Democrat ก็ใช่ว่าจะพึงพอใจในตัว Biden มากขนาดนั้น
.
จากผลสำรวจดังกล่าวทั้งหมดจึงชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจเลือก Biden ไม่ใช่เพราะถูกใจในตัวของเขา ไม่ใช่เพราะถูกใจในนโยบายพรรคของเขา แต่เป็นเพราะ “แค่ไม่ต้องการให้ Trump ได้ดำรงตำแหน่งต่ออีกสมัย” นั่นเอง
.
เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
.
Source : https://www.pewresearch.org/politics/2020/08/13/perceptions-of-trump-and-biden/
.
https://www.cbsnews.com/news/joe-bi...-obama-us-presidential-election-donald-trump/
.
ข้อมูลการเลือกตั้งสหรัฐฯล่าสุด ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน เวลา 10.30 น.
.
#ThailandState #ThailandStateCaseStudy

 

พี่น้องชาวไทยในเกาหลีเตรียมรับมือพรุ่งนี้อากาศจะติดลบเกือบทั้วประเทศแม้แต่โซลก็โดน! ห่มผ้าหนาๆ เตรียมทำร่างกายให้อบอุ่น

#thaikuk #thaikuknews #อากาศติดลบ #คลื่นความเย็นกระทันหัน #เกาหลีใต้

https://thaikuk.com/korea-news/life/tomorrows-sub-zero-weather-nationwide-20201108/

 

"โจ ไบเดน" ว่าที่ประธานาธิบดี คนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา!อนาคตสิ่งแวดล้อมโลก และการแก้ไขโลกร้อน!

การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญที่จะสามารถกำหนดชะตาของประเทศ และโลกในการขับเคลื่อนประเด็นต่างๆ ซึ่งอีกไม่นานเราก็จะได้รู้ผลอย่างเป็นทางการของการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา จะเป็น Donald Trump หรือ Joe Biden

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากที่สุดกับผลการเลือกตั้งคือการกำหนดชะตาสิ่งแวดล้อมของประเทศและโลก ในประเด็นที่เป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายอย่าง "สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง" ที่ทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นและอนาคตที่จะถึงขั้นวิกฤตอย่างยิ่ง และในการเลือกตั้งครั้งนี้ผู้คน และศึกดีเบตก็ได้ให้ความสำคัญในหัวข้อ Climate Change และสิ่งแวดล้อมอย่างมากเช่นกัน

ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Donald Trump เลือกที่ผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจ และเดินทางตรงข้ามกับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในหลายมิติ และไม่เชื่อในวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมากนัก อาทิ การถอนกฎหมายและแผนกว่า 160 เรื่องที่เกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อม สนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล และที่สำคัญคือการถอนสหรัฐฯออกจากความตกลงปารีส Paris Agreement ที่ทั่วโลกมีข้อตกลงในการร่วมกันลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกิน 1.5-2 องศาเซลเซียส

ขณะที่นาย Joe Biden ผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีนี้ ได้ตั้งเป้าหมายผลักดันด้านสิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหา Climate Change อย่างสำคัญ โดยเขาได้ประกาศนโยบายโครงการสีเขียว 2 ล้านล้านดอลล่าสหรัฐ ที่จะลงทุนพลังงานสะอาดหมุนเวียน โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว เปลี่ยนแปลงการคมนาคม พร้อมตั้งเป้าหมายให้ภาคพลังงานไร้คาร์บอนในปี 2035 และเป็นประเทศคาร์บอนศูนย์ (neutral) ในปี 2050 ซึ่ง Biden เผยว่ามาตรการนี่จะช่วยสร้างงานให้ชาวอเมริกันมากมายอีกด้วย

และที่สำคัญ ว่าที่ประธานาธิบดีคนนี้สัญญาว่าทันทีที่เขาเข้ารับตำแหน่ง เขาจะกลับเข้าร่วมความตกลงปารีส Paris Agreement ทันที โดยระหว่างการดีเบตเขาได้กล่าวถึงการรับฟังและทำตามวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน โดยได้พูดถึงตัวอย่างปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สหรัฐฯ และโลกต้องเผชิญตลอดช่วงที่ผ่านมา

แม้นโยบายเรื่องโลกร้อนจะต่างกันลิบลับแต่ทั้งสองพรรคมีจุดยืนเรื่องปัญหาพลาสติกที่ต้องเร่งแก้ปัญหา โดยในปี ค.ศ. 2019 ทีมงานของทรัมป์ ออกแคมเปญท้าทายด้านนวัตกรรมพลาสติก (Plastics Innovation Challenge) ที่ลดขยะพลาสติกด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อต้านการแบนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ถึงขนาดที่เคยขายหลอดพลาสติกในเว็บไซต์ของเขามาแล้ว

สำหรับไบเดน สนับสนุนให้ยุติการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และวางแผนที่จะจัดตั้งแผนกสิ่งแวดล้อมขึ้นในกระทรวงยุติธรรม ซึ่งจะสนับสนุนด้านการดำเนินคดี และบังคับใช้กฎหมายกับผู้สร้างมลพิษ

ประธานาธิบดีคนต่อไปจะมีความสำคัญอย่างมากในการกำหนดอนาคตของโลก โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อม และสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงที่กำลังเป็นภัยคุกคามยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ และเวลานี้เป็นเวลาเดียวที่เราจะแก้ไขมัน เพื่ออนาคตของสัตว์ พืช สิ่งแวดล้อม มนุษย์ และลูกหลานของเราทุกคน

ที่มา





https://www.bbc.com/news/science-environment-54395534

https://www.theguardian.com/comment...-four-years-its-about-the-next-four-millennia

https://www.nbcnews.com/science/env...e-world-warms-climate-pact-exit-looms-rcna169

https://edition.cnn.com/2020/11/01/world/us-election-climate-crisis-intl-dst-hnk/index.html

Debate 1 Climate Change

Debate 2 Climate Change

ร่มธรรม ขำนุรักษ์