ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐจอร์เจียซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐแบทเทิลกราวนด์สเตตส์ของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีนี้ ประกาศว่า คงจะต้องมีการ ‘นับคะแนนใหม่’ หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต ยังคงทำคะแนนสูสีกันอย่างมาก
    .
    จากผลการนับคะแนนล่าสุดในเช้าวันนี้ (7) ตามเวลาในประเทศไทย พบว่า ไบเดน มีคะแนนในรัฐจอร์เจีย 49.4% ขณะที่ ทรัมป์ ได้ไป 49.3% ซึ่งถือเป็นส่วนต่างแค่ไม่กี่พันคะแนน
    .
    “ด้วยส่วนต่างที่น้อยมาก จึงจำเป็นต้องมีการนับคะแนนใหม่” แบรด ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ เลขาธิการแห่งรัฐจอร์เจีย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนวานนี้ (6)
    .
    เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่า ยังมีบัตรเลือกตั้งของทหารและพลเมืองในต่างประเทศอีกราวๆ 9,000 ใบ ที่จะถูกนำมานับคะแนนได้ หากเดินทางมาถึงภายในวันศุกร์ (6) และถูกประทับตราไปรษณีย์ในวันที่ 3 พ.ย. หรือก่อนหน้านั้น
    .
    อย่างไรก็ตาม การเริ่มนับคะแนนใหม่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการรับรองผลการนับคะแนนในรอบแรกแล้ว ซึ่งคาดว่า จะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 20 พ.ย.นี้
    .
    สาเหตุหลัก 3 ประการที่จะนำไปสู่การนับคะแนนใหม่ในรัฐจอร์เจีย ได้แก่ 1) ผู้สมัครประธานาธิบดีที่แพ้ด้วยคะแนนส่วนต่างไม่ถึง 0.5% ยื่นคำร้องไปยังเลขาธิการแห่งรัฐ 2) ผู้สมัครคนใดคนหนึ่งร้องเรียนว่ามีความขัดแย้งหรือข้อผิดพลาดในระบบการนับคะแนน ซึ่งในกรณีนี้เลขาธิการแห่งรัฐจะมีอำนาจพิจารณาว่าสมควรนับคะแนนใหม่หรือไม่ และ 3) เจ้าหน้าที่การเลือกตั้งในท้องถิ่นเชื่อว่าผลการนับคะแนนอาจผิดพลาด และขอให้มีการนับคะแนนใหม่ในเทศมณฑลนั้นๆ
    .
    สำนักข่าวเอพีให้ ไบเดน ได้เสียงคณะผู้เลือกตั้ง (electoral votes) แล้ว 264 เสียง ส่วนทรัมป์ได้ 214 เสียง ในขณะที่สื่อใหญ่อื่นๆ หลายแห่งให้ ไบเดน ได้แค่ 253 เสียง ซึ่งความแตกต่างกันนี้อยู่ที่ ‘รัฐแอริโซนา’ ซึ่งเอพี (รวมทั้งฟ็อกซ์นิวส์) มั่นใจว่าสามารถฟันธงให้เป็นของ ไบเดน ได้แล้ว แต่สื่ออื่นๆ ยังไม่เชื่อมั่นขนาดนั้น
    .
    รัฐที่คะแนนของ ไบเดน และ ทรัมป์ ยังคู่คี่กันมาก ได้แก่ แอริโซนา (คณะผู้เลือกตั้ง 11 เสียง), เนวาดา (6), นอร์ทแคโรไลนา (15), จอร์เจีย (16) และเพนซิลเวเนีย (20)
    .
    จากข้อมูลอัปเดตของ CNN เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. วันนี้ (7) ตามเวลาในไทย ไบเดน มีคะแนนอย่างน้อย 2,456,845 คะแนนในรัฐจอร์เจีย ส่วน ทรัมป์ มีอยู่ 2,452,825 คะแนน คิดเป็นส่วนต่างแค่ราวๆ 4,000 กว่าคะแนนเท่านั้น ซึ่งหาก ไบเดน สามารถเก็บชัยชนะที่รัฐแห่งนี้ก็จะได้ผู้แทนออกเสียง (electoral votes) เพิ่มมาอีก 16 เสียง และจะกลายเป็นผู้ชนะในทันที
    .
    ที่มา: รอยเตอร์, CNN

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รู้หรือไม่.นายกรัฐมนตรีคนแรกของไทยหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง
    ประสบชะตากรรมต้องลี้ภัยจากคณะราษฎรจนต้องสิ้นชีวิตที่ปีนัง

    มหาอำมาตย์โท พระยามโนปกรณนิติธาดา ชื่อเดิมว่า ก้อน หุตะสิงห์ เป็นขุนนางชาวสยาม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสยามคนแรก หลังจากการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 โดยได้รับเลือกจากสมาชิกคณะราษฎร เพื่อเป็น โซ่ข้อกลางระหว่าง คณะราษฎร และ สถาบันกษัตริย์ของไทย

    แต่ในระหว่างที่ พระยามโนปกรณฯ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นก็เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองขึ้นเมื่อ นายปรีดี พนมยงค์ ได้ร่างเค้าโครงเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่า สมุดปกเหลืองอันมีแนวคิดของระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ อีกทั้งมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะประกาศใช้ ถึงขั้นเอาปืนพกเข้ามาในสภาเพื่อข่มขู่ แม้ว่า ในหลวงรัชกาลที่๗ และสมาชิกผู้แทนราษฎรในรัฐบาลพระยามโนฯจะมีเสียงข้างมากที่จะไม่เห็นด้วยก็ตาม ส่งผลให้พระยามโนฯต้องสยบความวุ่นวายด้วยการปิดสภาครั้งนั้น ปรีดีได้ลี้ภัยไปฝรั่งเศส ชั่วคราว

    แต่การปิดสภาครั้งนั้น ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เพียงไม่ถึงเดือน พระยาพหลฯหนึ่งในสมาชิกคณะราษฎร ได้ก่อรัฐประหารขึ้นอีกครั้งเพื่อโค่นอำนาจของพระยามโนฯ และทำได้สำเร็จ ส่งผลให้ นายปรีดีสามารถกลับประเทศไทยได้ ส่วน พระยามโนฯต้องลี้ภัยทางการเมืองไปยังปีนังขณะที่ยังเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก และสิ้นชีวิตที่นั่น

    ช่วงที่มีชีวิตอยู่ที่ปีนังนั้น ก็มีความเป็นอยู่ดี เพราะ เป็นช่วงคาบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง ความเป็นอยู่ของคนปีนังในเวลานั้นจึงไม่ได้ดีมากนัก แต่โชคดีที่ทางพระยามโนฯได้ซื้อที่ทำสวนเงาะและมันสำปะหลัง จนผลผลิตงอกงาม เอาตัวรอดได้ในช่วงที่ข้าวยากหมากแพง

    วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ในบ้าน พระยามโนฯ มีอาการมีนศีรษะ หน้ามืดเซจะล้มลง ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดในขณะนั้นได้ช่วยกัน พยุงไว้และอุ้มมานอน ก็มีอาการหอบและไม่ได้สติ แพทย์ตรวจอาการลงความเห็นว่าเส้นโลหิตในสมองแตก การล้มเจ็บลงอย่างหนักโดยปัจจุบันทันด่วนเช่น นี้ พระยามโนฯ ต้องนอนป่วยอยู่โดยไม่ได้สติเป็น เวลาถึง 3 วัน อาการจึงค่อยดีขึ้นเป็นลำดับ ความทรงจำกลับคืนมาทีละน้อย เริ่มพูดได้บ้างบางคำ แต่ ร่างกายแถบซ้ายทั้งแถบหมดความรู้สึกเคลื่อนไหว แม้ว่าแพทย์จะให้การดูแลรักษาอย่างดี

    แต่สุดท้าย พระยามโนฯ ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อ 1 ต.ค.2491 ศพถูกนำมาทำพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดปิ่นบังอร วัดจีนบน ถนน Masijd Negen โดยมีเจ้านายไทย เช่น สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จมาเป็นประธานในพิธีครบวาระแล้วศพพระยามโนฯ ซึ่งมีเทือกเถาเหล่ากอจีนฮกเกี้ยน บรรจุไว้ในที่เก็บศพรูปร่างเหมือนฮวงซุ้ยในสุสานวัดปิ่นบังอร

    เมื่อผ่านพ้น ช่วงสงคราม อัฐิของพระยามโนฯได้ถูกนำกลับมาที่ประเทศไทย และถูกนำมาไว้ที่อนุสาวรีย์พระพรหมสี่หน้า ณ วัดปทุมวนาราม ซึ่ง รัชกาลที่๗ ทรงพระราชทานให้เอาไว้ก่อนหน้านั้น

    พระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรี คน แรกของสยามประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีคนดี ยิ่ง แต่เป็นผู้ที่อาภัพจึงไม่ค่อยได้ ยินชื่อเสียงบ่อย นัก เหมือนกับนายกรัฐมนตรีคนต่อ ๆ มา และยัง ถูก กล่าวหาว่าเป็นผู้ละเมิดรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐ 4 ธรรมนูญฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เสื่อม ต่ ความศักดิ์สิทธิ์ ลง ทั้ง ๆ ที่รัฐธรรมนูญฉบับดัง กล่าวในกาลต่อมาได้ถูกแก้ไขยกเลิก เปลี่ยนแปลง ไปมาเป็นอันมากหลายครั้งหลายหน จนถูกยกเลิก ไปในที่สุด

    ยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์มากมายที่เรายังไม่ได้ เล่า

    .
    #ปฏิวัติ2475 #คณะราษฎร #ประชาธิปไตย #อภิวัฒน์สยาม
    -------------------------------
    ติดตามชม 2475 Untold History : ประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้เล่า ทุกตอนก่อนหน้านี้ได้ที่นี่



    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอกสารราชการปักกิ่งเข้าสู่ยุคใหม่ ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ในสัญญาจ้างแรงงานมีผลตามกฎหมาย
    .
    เพื่อเป็นการส่งเสริมความสะดวกและประโยชน์ของประชาชนและบริษัท สำนักงานทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมปักกิ่ง (Beijing Human Resources and Social Security Bureau) ประกาศเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่ามีการส่งเสริมงานที่เกี่ยวข้องกับสัญญาจ้างแรงงานอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหมายความว่าสัญญาจ้างแรงงานที่เป็นกระดาษจะค่อยๆ เข้าสู่ยุคใหม่แบบอิเล็กทรอนิกส์ นับว่ามีนัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงด้านการสร้างระบบสัญญาจ้างแรงงาน โดยอาศัยนวัตกรรมทางระบบที่สำคัญ และจะมีบทบาทนำร่องให้กับทั่วประเทศจีน
    .
    อนึ่ง สัญญาจ้างแรงงานอิเล็กทรอนิกส์โดยพื้นฐานแล้วก็คือสัญญาจ้างแรงงานที่เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อเทียบกับสัญญาจ้างแรงงานฉบับกระดาษ มีเพียงวิธีการเซ็นชื่อที่ใช้รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีการเซ็นชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยยืนยันข้อมูลอัตลักษณ์ที่แท้จริงของผู้ลงนามและเนื้อหาที่ลงนามไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตาม “กฎหมายลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์” ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้มีผลตามกฎหมายเช่นเดียวกับลายเซ็นที่เขียนด้วยมือหรือตราประทับ
    .
    ภาพจาก https://www.fadada.com/notice/detail-1707.html
    .
    #เอกสารราชการ #สัญญาจ้างอิเล็กทรอนิกส์ #ChinaStory #เรื่องจีนจีน

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนกลายเป็นประเทศที่มีเครือข่ายชาร์จไฟรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเร่งสร้างต่อไป
    .
    เมื่อวันที่ 3 พ.ย. สำนักงานสารสนเทศของสภารัฐกิจจีน (The State Council Information Office) จัดงานบรรยายนโยบายของสภารัฐกิจจีนที่กรุงปักกิ่ง เกี่ยวกับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ (ปี 2021-2035) โดย ซิน กั๋วปิน (Xin Guobin) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) กล่าวว่า นับถึงเดือนก.ย. ปีนี้ จีนสร้างสถานีชาร์จไฟสะสมถึง 42,000 แห่ง สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ 525 แห่ง แท่นชาร์จไฟนานาชนิดถึง 1.42 ล้านตัว สัดส่วนของรถกับแท่นชาร์จอยู่ที่ 3.1:1 ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่มีเครือข่ายชาร์จไฟขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม จำนวนดังกล่าวถือว่ายังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค จำเป็นต้องเร่งสร้างอย่างมาก เพื่อปรับรูปแบบให้เหมาะสม
    .
    ภาพจาก https://www.sohu.com/a/291900579_320146
    .
    #รถยนต์ไฟฟ้า #รถยนต์พลังงานใหม่ #ChinaStory #เรื่องจีนจีน

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักข่าว The Moscow Times รายงานว่าทางรัฐสภารัสเซียกำลังพิจารณาร่างกฎหมายฉบับใหม่ เพื่อขยายเอกสิทธิ์การคุ้มครอง “อดีตประธานาธิบดีของรัสเซีย” ทุกคนให้ครอบคลุมไปถึง “คดีที่ทำผิด” หลังพ้นจากตำแหน่งไปแล้วจนกว่าเขาจะหมดลมหายใจ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวนี้จะเปิดทางให้วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย “มีเอกสิทธิคุ้มครองทางกฎหมายไปได้ตลอดชีวิต” แม้ว่าเขาจะลงจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม
    .
    ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ประธานาธิบดีของรัสเซีย “ไม่ต้องรับผิดทางอาญาหรือทางปกครอง” สำหรับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่
    .
    คณะทำงานของรัฐสภาได้ประเมินการปฏิรูปรัฐธรรมนูญของปูติน ที่ถูกเสนอเมื่อต้นปีนี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อขยายความคุ้มครองประธานาธิบดีนอกเหนือจากวาระการดำรงตำแหน่ง
    .
    “ร่างกฎหมายนี้จะรับประกันความคุ้มครองสำหรับอดีตประธานาธิบดีหลังจากลงจากตำแหน่งของพวกเขา” Andrei Klishas (ประธานคณะกรรมการสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ) กล่าวกับผู้สื่อข่าว
    .
    กฎหมายฉบับล่าสุดนี้มีขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ “ปูติน" ได้ยื่นร่างกฎหมายอีกฉบับภายใต้การปฏิรูปรัฐธรรมนูญของเขา “โดยให้อดีตประธานาธิบดีสามารถนั่งอยู่ในวุฒิสภาได้ตลอดชีวิต" ด้วยเช่นกัน
    .
    กฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการ “ปฏิรูปรัฐธรรมนูญ” ซึ่งผ่านการทำประชามติจากการลงคะแนนเสียงของประชาชนทั้งประเทศเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ยังปูทางให้ “ปูติน” สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปจนถึงปี 2036 (อีก 16 ปีต่อจากนี้) เลยทีเดียว
    .
    เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
    .
    Source : https://www.themoscowtimes.com/2020...nts-lifetime-immunity-from-prosecution-a71959
    .
    #ThailandState #ThailandStateUpdate

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตำรวจกรุงลอนดอนได้จับกุมผู้ประท้วงอย่างน้อย 190 คน ที่ออกมาเคลื่อนไหวประท้วงบนท้องถนนใจกลางกรุงลอนดอน เพื่อต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ (lockdown)
    .
    ทั้งนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักร ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี บอรีส จอห์นสัน (Boris Johnson) ได้ใช้อำนาจสั่งการให้ล็อกดาวน์ทั่วสหราชอาณาจักร หลังเกิดการระบาดของโรคโควิดอย่างรุนแรงเป็นระลอกที่ 2 ซึ่งสหราชอาณาจักรมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วไม่ต่ำกว่า 1.1 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมไม่ต่ำกว่า 48,000 ราย

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    - https://www.bbc.com/news/uk-england-london-54842605

    - https://uk.reuters.com/article/uk-health-coronavirus-britain-demonstrat-idUKKBN27L321

    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สงสัยไหมครับว่าทำไมศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ ระหว่าง Donald Trump จาก Republican และ Joe Biden จาก Democrat ถึงไม่สามารถชี้ขาดได้แบบจริงๆจังๆ แบบการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ ทั้งๆที่คะแนนก็นับกันจนจะหมดเกือบทุกรัฐแล้ว

    เหลืออีกเพียง 2-3 รัฐ แค่จอร์เจีย เพนซิลเวเนีย นอร์ธแคโรไลน่า เนวาด้า อะไรพวกนี้เท่านั้นเอง ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติก็น่าจะชี้ขาดได้แล้วว่าใครจะเป็นผู้ชนะเลือกตั้งได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีไปครอง แต่ขณะนี้กลับกลายเป็นว่าโอกาสในการพลิกล็อคของผลเลือกตั้งมีอยู่ตลอดเวลา

    เพราะคะแนนของทั้ง Joe Biden และ Donald Trump ในเหล่ารัฐที่กำลังนับคะแนนกันอยู่นั้นค่อนข้างสูสี อย่างล่าสุดจอร์เจียที่ตอนแรก Trump คะแนนนำอยู่ดีๆ เมื่อเย็นนี้ Biden ก็ดันพลิกกลับมานำได้ในหลักร้อยซะอย่างนั้น ส่วนรัฐอื่นๆอย่างเนวาด้าก็ทิ้งห่างกันหลักพัน แถมเพิ่งนับไปได้ไม่ถึง 80%

    โอกาสที่ Trump พอจะโชคดีรักษาเนวาด้า และจอร์เจีย ร่วมกับเพนซิลเวเนีย และนอร์ธแคโรไลน่าเอาไว้ได้ แล้วเข้าเส้นชัยด้วยคะแนน Delegates 274 คะแนนก็ยังพอจะมีความเป็นไปได้อยู่ ทำให้พอย้อนกลับมาดูในภาพรวม ทั้งสองฝ่ายก็ยังเหลือแนวโน้มในการได้รับ 270 คะแนนทั้งคู่ เผลอๆตอน Trump แพ้ อาจจะแพ้ในลักษณะที่ทิ้งห่างกับ Biden แค่ไม่เกิน 30-40 คะแนน

    ซึ่งผิดกับเทศกาลเลือกตั้งอเมริกาปีก่อนๆ อย่างปี 2016 ไปมาก ส่วนหนึ่งต้องยอมรับเลยว่าเป็นผลกระทบโดยตรงมาจากการที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์ (mail-in voters) เป็นจำนวนมหาศาล (จากฐานข้อมูลของ USEP เห็นว่ามีการลงทะเบียนเพื่อเลือกตั้งทางไปรษณีย์มากกว่า 60,000,000 คน)

    แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีเหตุปัจจัยอื่นๆประกอบร่วมอยู่ด้วย ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าอย่างแรกเลยนอกเหนือจากเรื่องการเลือกตั้งทางไปรษณีย์นั้น คือ คนอเมริกาตื่นตัวเรื่องเลือกตั้งประธานาธิบดีกันมากขึ้น ถ้าดูสถิติการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในปี 2020 นี้

    จะเห็นว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 143,000,000 คน ถือว่าเพิ่มขึ้นมาเยอะมากเมื่อเทียบกับปี 2016 ซึ่งออกมาเพียงไม่ถึง 130,000,000 คน ขนาดช่วงปีที่ถือว่ามียอดผู้มาใช้สิทธิจำนวนมากอย่างปีแรกที่ Barack Obama ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี (เกือบแตะ 130,000,000 คน) ก็ยังไม่มากเท่าในปี 2020 นี้

    เรียกได้ว่ามวลชนออกมากันเยอะมากๆ มากที่สุดในรอบ 20 ปีนี้เลยก็ว่าได้ ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจ และมันไม่ได้น่าสนใจเพราะ Biden คือคนที่ทำลายสถิติแล้วได้รับคะแนนการโหวตสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกานะครับ อันนั้นมันแค่มุมหนึ่งที่สื่อฉายออกมา

    แต่อีกมุมหนึ่งที่บางท่านอาจจะไม่ได้สังเกตก็คือ ในปี 2020 นี้ Donald Trump ก็ทำลายสถิติเดิมของพรรค Republican เหมือนกัน ด้วยคะแนนโหวตประมาณ 69,600,000 กว่าคะแนน ทำสถิติใหม่ตาม Joe Biden ไปติดๆเลย

    ในจุดนี้ผมจึงไม่ค่อยเห็นด้วยนักกับการเคลมว่า Biden ได้ยกระดับการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เพราะถ้าดูตามสถิติ และปริมาณของคะแนนโหวตแล้ว แคนดิเดตทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะ Democrat หรือ Republican ต่างก็สามารถยกระดับเพดานคะแนนของตนเอง และการเลือกตั้งให้ขึ้นไปไกลกว่าเก่าค่อนข้างมาก

    จะบอกว่าเป็นผลมาจาก Performance การหาเสียง การทำแคมเปญของ Joe Biden ก็คงจะไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียว เพราะหาก Biden ทำได้ดีจริง ป่านนี้มันต้องทิ้งห่างจนเห็นผลแบบสมัย Obama ที่ได้คะแนน Delegates ประมาณ 360 กว่าคะแนนไปแล้ว ปีนี้แค่จะทำให้ถึง 300 คะแนน Biden ยังลำบากจะแย่เลยครับ ขนาดคะแนน Popular Vote ตั้ง 70,000,000 กว่าคน

    อีกอย่างถ้าติดตามตั้งแต่ช่วง Primary ของพรรค Democrat เป็นต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว Joe Biden เองก็ไม่ได้ถือว่ามีความโดดเด่นมากเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับนักการเมืองคนอื่นๆภายในพรรค

    จุดเด่นของ Biden มีเพียงอย่างเดียว คือ มีเงาของ Obama อยู่ข้างหลังเพียงเท่านั้น จะสังเกตว่า Biden พยายามที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นตัวแทนประธานาธิบดีของพรรค Democrat มาหลายครั้งแล้ว เพิ่งจะมาได้เป็นจริงๆจังๆ มาไกลที่สุดก็รอบนี้

    ตอนดีเบตสไตล์ของ Biden ก็ไม่ได้เป็นที่น่าจดจำสักเท่าไร เป็นคนเนิบๆ เทียบกับ Bernie Sanders แล้ว Sanders ยังดูมีเอกลักษณ์มากกว่า และที่มาได้ขนาดนี้ก็เพราะจุดเด่นอีกข้อหนึ่งของ Biden คือ ความเป็นนักการเมืองสาย Moderate (สายกลาง) สายเดียวกับ Obama

    ทำให้เขามีโอกาสในการจะดึงเสียงสนับสนุนจากขั้วอำนาจ มุ้ง และกลุ่มการเมืองอื่นๆภายในพรรคให้หันมาสนับสนุนเขาได้ง่าย แบบ Obama (เรียกว่าการสร้าง Coalition) ซึ่ง Sanders ไม่มีทักษะตรงนี้ จึงแพ้ไปในรอบ Primary เมื่อกลางปี

    พูดถึงตอนดีเบทอีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่า Biden ยังทำ Performance ได้ดีไม่พอ เพราะ Biden และพรรค Democrat นั้นมีแต้มต่อ และเครื่องไม้เครื่องมือในการล้ม Trump อยู่มากมาย แต่ก็ไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์มากนัก ในตอนดีเบท และทำแคมเปญหาเสียงนั้น

    ฝั่ง Democrat สามารถที่จะขุดเรื่องไวรัส COVID-19 และความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในตลอดปี 2020 นี้ ไม่ว่าจะเรื่องเศรษฐกิจ และการว่างงาน หรือแม้แต่เรื่องโศกนาฎกรรมของคนดำอย่าง George Floyd เป็นต้น Biden และ Kamala Harris (ผู้สมัครรองประธานาธิบดีของ Biden) มีโอกาสหลายช็อตมากที่จะขุดโคลนเหล่านี้มาโจมตี หรือสร้างกระแส

    แต่พอถึงคราวจริงๆ ประเด็นพวกนี้กลับไม่ได้ถูกนำมาเป็นอาวุธอย่างเต็มที่เท่าที่ควร อย่างการดีเบทของ Kamala Harris กับ Mike Pence เมื่อเดือนก่อนๆ ทางฝั่ง Harris ก็ไม่ได้สร้างภาพที่น่าจดจำ หรือพยายามขุดโคลนมาโจมตีฝั่ง Republican ในช่วงที่มีโอกาส

    ผมคิดว่าตรงนี้เป็นจุดบอด และอุปสรรคข้อสำคัญที่ส่งผลกระทบยาวมาจนถึงการแข่งขันครั้งนี้ เพราะประเด็นดังกล่าวนี้ล้วนแต่สามารถนำมาเป็นอาวุธในการเพิ่มคะแนนนิยม และลดทอนความชอบธรรมของรัฐบาล Donald Trump ได้ทั้งหมด

    แต่ Biden ก็ไม่ได้ทำ แล้วปล่อยให้ Trump ใช้กลยุทธ์ดังกล่าวเล่นงานตนเอง กล่าวหาลูกชาย (Hunter Biden) และขุดเรื่องเก่าๆมาล้อเลียนตนเองอยู่ฝ่ายเดียว เพราะถ้าหาก Biden ใช้เรื่อง George Floyd หรือแม้แต่ COVID-19 เพิ่มอีกนิด ผมคิดว่าคะแนน Biden น่าจะทิ้งห่าง Trump ได้มากกว่านี้อีก ไม่ใช่เคลื่อนห่างกันนิดๆหน่อยๆ 2,000,000-3,000,000 แบบนี้

    ในทางตรงกันข้าม ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ผมคิดว่า Trump และการกระทำบ้าระห่ำไม่สนกฎเกณฑ์ของ Trump น่าจะเป็นตัวแปรที่เข้ามามีบทบาทค่อนข้างสูงนะ ถ้าดูกันดีๆ สิ่งที่ Trump ทำมาตลอด 4-5 ปีนี้ ก็คือ การใช้วาจา ใช้วาทศิลป์ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษของเขาในการสร้างความแตกแยกในสังคม

    ทั้งผ่านการแถลงข่าว ผ่านการทวีตข้อความสั้นๆที่พยายามจะแบ่งมวลชนออกเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน ทุกๆคำ และประโยคที่ Trump สื่อออกมายังสาธารณะล้วนแต่มีกลิ่นอายของความเสียดสี ความขวาจัด ความรุนแรงที่แฝงอยู่ภายใน ทั้งการเหยียดคนจีน เหยียดคน Hispanic การล้อเลียนเด็ก การล้อเลียนผู้นำประเทศอื่นๆอย่างสหภาพยุโรป หรือแม้กระทั่งการทวีตข้อความด่าคนอื่นแบบตรงไปตรงมา

    ในขณะที่ Biden ขยับเพดานของคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีขึ้นมา ทางฝั่ง Trump ก็ได้ขยับเพดานของการเมืองแบบอนุรักษ์นิยมให้มันขยายตัวในสหรัฐอเมริกาและในโลกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนสังคมอเมริกาในตอนนี้นั้นแตกแยกมากขึ้นกว่าเดิมอีก

    Trump ทำอย่างไรรู้ไหมครับ วิธีของ Trump ง่ายมาก เขาวาดภาพให้ Biden กลายเป็นปีศาจ เป็นผีคอมมิวนิสต์ เป็นผีของฝ่ายซ้ายที่จะกัดกินคนอเมริกา แม้ว่า Biden อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่สารของ Trump มันไปตกกระทบและสะท้อนกับนโยบายของ Biden พอดี

    เพราะในปี 2020 นี้ ร่างแผนนโยบายของ Biden เองก็มีส่วนหนึ่งที่พยายามจะแตะนโยบายแบบสังคมนิยมอยู่จริงๆ ตามที่ Trump กล่าวหา (เนื่องจาก Biden ต้องการเอาใจฐานเสียงของ Elizabeth Warren และ Bernie Sanders เพื่อจะขยายฐานเสียงของตนเอง)

    คนอเมริกาตอนแรกก็อาจจะไม่เชื่อในคำพูด Trump เท่าไร แต่พอมาดู Policy platform ของ Biden และติดตามการหาเสียงของ Biden ตั้งแต่ช่วง Primary มาจนถึงตอนนี้ ก็เลยทำให้คำพูดของ Trump บังเอิญดูมีน้ำหนักมากขึ้น ยิ่งมาประจวบเหมาะกับคำโจมตีที่ Trump บอกว่า Biden จะเปิดให้จีนเข้ามาปล้นชาติอเมริกา ในช่วงที่คนอเมริกาจำนวนมากยังตกอยู่ในภวังค์ของกระแส Sinophobia (กระแสเกลียดคนจีน) จากไวรัส COVID-19 กันอยู่

    ก็ยิ่งทำให้ความกลัว Biden มีมากขึ้นเป็นทวีคูณ กลายเป็นว่าปีนี้ การหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นปีแห่งการใช้ความกลัว ฝั่ง Trump ก็หาเสียงด้วยการขู่ให้มวลชนตนเองกลัว Biden ส่วนฐานเสียงฝั่ง Biden และ Democrat เองก็กลัว Trump จะได้รับเลือกกลับมาอีกสมัยหนึ่ง

    ต่างฝ่ายต่างกลัวกันเอง จึงยิ่งทำให้ Voter turnout มันพุ่งขึ้นมาจำนวนกว่า 10,000,000 คน จุดที่น่าสนใจมันคือตรงที่ Trump สามารถดึงคนดำ คนอเมริกาใต้ คนละตินอะไรพวกนี้ที่เขาเคยเหยียด และล้อเลียนมาก่อนให้หันมาเลือกเขาได้นี่แหละครับ

    วิธีของ Trump ก็นั่นแหละครับ คือการวาดภาพให้ Biden เป็นผีสังคมนิยม ผีคอมมิวนิสต์นั่นแหละ พวกคนละตินเขากลัวสังคมนิยมไงครับ เขาหนีมาจากคิวบา หนีเวเนซูเอลามาจากทางใต้อะไรพวกนี้ เพราะเขาไม่อยากเจอประเทศสังคมนิยม แล้วพอ Trump ยิ่งทำแบบนี้ คนตาสีตาสาไม่รู้อะไรเขาก็กลัว Biden ก็หันไปเลือก Trump ไม่ยากเลย (เป็นวิธีการขยาย Coalition อีกแบบหนึ่ง)

    ผลที่ออกมาก็เลยอย่างที่เห็นครับ ลากเลือดสำหรับฝั่ง Biden มาก ขนาดทำได้ Popular Vote ตั้ง 70,000,000 กว่าคน คะแนน Delegates จะทำให้ถึงระดับเพดานเดิมที่ Obama เคยทำไว้ในปี 2008 ก็ยังแทบจะไปไม่ไหวเลยครับ (มากสุดอาจจะได้แตะๆเพดาน 300 เท่านั้น)

    โดยสรุปเลยก็คือ การเลือกตั้งครั้งนี้จริงๆไม่อยากให้มองแค่ Biden Factor เพียงอย่างเดียวเท่าไร อยากให้มองโดยรวมๆ คือนำปัจจัยทางด้าน Trump Factor บวกเข้ามาประกอบกับการพิจารณาไปด้วย เพื่อให้เห็นภาพที่มันชัดมากขึ้นเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ครับ

    Blockdit: https://www.blockdit.com/articles/5fa55c6d716a3e7ff5f57ed7

    https://www.blockdit.com/articles/5fa60623c036650cb15683bf

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    06.11.20

    เมืองออสโล นำเสนอมาตรการควบคุมการติดเชื้อฉบับใหม่ เมื่อเวลา 13.00 น. โดยแนะนำการปิดสังคม ของ เมืองออสโล โดยเริ่มใช้มาตรการตั้งแต่ เวลา 00.00น. วันที่ 09.11.20 - 30.11.20 โรงภาพยนตร์ และ โรงยิม จะเริ่มต้นปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 10.11.20 เป็นต้นไป

    อนึ่ง ยังไม่มีการประกาศ ปิดเมือง นะคะ ยังสมารถเดินทางเข้าเมืองออสโล ได้ตามปรกติ แต่ต้องปฏิบัติตามกฏควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัดค่ะ

    มาตรการใหม่ของเมืองออสโล มีผลตั้งแต่ 00.00 น วันที่ 09.11.20 - 30.11.20

    1.Forbudt - ห้ามมิให้มีการสังสรรค์ ที่จัดภายในร่ม และมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ยกเว้น การประกอบพิธีศพ และ ฝังศพ
    2.Forbudt - ไม่อนุญาตให้จัดงาน หรือ เข้าร่วมการชุมนุมส่วนตัวที่มีคนมาร่วมงานมากกว่า 10 คน
    3.Innfører - แนะนำ ให้หยุดเล่นกีฬาสำหรับผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังใช้กับกิจกรรมสันทนาการในร่มสำหรับผู้ใหญ่ เช่น คณะละคร และ คณะนักร้องประสานเสียง กีฬาชนิดอื่นๆ (Eliteidrett) สามารถดำเนินการได้โดยไม่มี ผู้ชม ทั้งในและนอกสถานที่
    4.กิจกรรมทั้งหมดที่มีการดำเนิน กิจกรรมทางวัฒนธรรม และ สันทนาการจะปิดให้บริการ ยกเว้น ห้องสมุด
    5.forbud - ห้ามไม่ให้ บาร์/ร้านอาหาร ในเขตเมืองออสโล เสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้านอาหาร สามารถเปิดได้โดยไม่ต้องเสิร์ฟ แอลกอฮอล์
    6.เตรียมความพร้อมสำหรับ มาตรการระดับสีแดง จะถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับ นักเรียนเพื่อจัดเป็น กลุ่มเล็กๆ สำหรับ โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เตรียมพร้อมที่จะต้องมี โฮมสกูล
    7.กีฬาสำหรับเด็ก และ เยาวชน สามารถจัดการฝึกอบรมต่อไปได้ แต่จะไม่มีการ เข้าร่วมการแข่งขันชิงถ้วย และ ทัวร์นาเมนต์ ในทุกกรณี
    8.Påbud - ต้อง สวมหน้ากากอนามัย ขณะที่ใช้บริการ รถแท็ก เช่นเดียวกับ ระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ
    9.ร้านค้า / ศูนย์การค้า และ อื่นๆ จะต้องมั่นใจว่า ลูกค้า สามารถอยู่ห่างจากกันออกไป อย่างน้อย 2 เมตร และ ดูแลความปลอดภัยที่จำเป็น

    Sats ปิดโรงยิม 43 แห่งใน เมืองออสโล ตั้งแต่ วันที่ 10.11.20 - 01.12.20

    Evo Fitness ปิดโรงยิม 9 แห่งใน เมืองออสโล (ไม่มีรายละเอียดบอกว่าปิดตั้งแต่วันไหนค่ะ)

    มาตรการนี้มีผลตั้งแต่เวลา 00.00 น. วันที่ 09.11.20 โดยระยะเวลา สิ้นสุดมาตรการขึ้นอยู่กับ การพัฒนาของ อัตราการติดเชื้อ มาตรการต่างๆ ที่นำมาใช้ก่อนหน้านี้จะยังคงใช้ต่อไป

    .
    อ่านรวมข่าว และ มาตรการโคโรน่าต่างๆของ ประเทศนอร์เวย์
    http://norgetiltak.blogspot.com/

    อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
    https://www.blockdit.com/norwaystyle

    #นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
    .
    แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
    https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

    ข่าวต้นฉบับ Oslo Kommune :
    https://www.oslo.kommune.no/politik...r-byradet-innforer-sosial-nedstenging-av-oslo

    https://www.nrk.no/osloogviken/sosial-nedstenging-av-oslo-1.15232582

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "คุยกับบัญชา" ราล์ฟ ลอเรน ยักษ์เสื้อโปโลชื่อดัง ปลดพนักงาน 3,700 คนทั่วโลก เซฟต้นทุน เบนเข็มขายผ่านออนไลน์แทน
    .
    #ราล์ฟลอเรน #Polo #ปลดพนักงาน #ลดต้นทุน #รายได้ #ตกงาน #BTimes #คุยกับบัญชา

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1 > กลุ่มพันธมิตรวิชาชีพด้านสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรคือกลุ่ม UKHACC เรียกร้องให้มีการเรียกเก็บภาษีโลกร้อนกับอาหารที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหนักภายในปี 2568 ยกเว้นว่าอุตสาหกรรมอาหารเหล่านี้จะดำเนินการแก้ไขผลกระทบต่อปัญหาโลกร้อนจากผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเองโดยสมัครใจ

    2 > กลุ่ม UKHACC ที่ประกอบไปด้วยราชวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 10 แห่งและวารสาร Lancet บอกว่า ว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศไม่สามารถแก้ไขได้หากไม่มีการดำเนินการเพื่อลดการบริโภคอาหารที่ทำให้เกิดการปล่อยมลพิษสูง เช่น เนื้อแดงและผลิตภัณฑ์จากนม นอกจากนี้มนุษย์ยังควรรับประทานอาหารที่มีความยั่งยืนมากขึ้นเพื่อสุขภาพของตนเองด้วย

    3 > ทางกลุ่มยกข้อมูลมาชี้ให้เห็นว่าอาหารมีส่วนรับผิดชอบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดทั่วโลก 25% แต่คนส่วนใหญ่กลับไปโฟกัสที่การใช้พลังงานและการขนส่ง ดังนั้นเพื่อจำกัดผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นอันตราย รัฐบาล องค์กร และบุคคลต่างๆ จะต้องดำเนินการให้มากขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่อโลกจากอาหารที่เรากิน และยังจะสามารถดูแลสุขภาพของประชาชนไปพร้อมๆ กันด้วย

    4 > รายงานล่าสุดของ UKHACC มีข้อเสนอหลายอย่างรวมถึงให้ภาคธุรกิจยกเลิกแคมเปญการซื้อหนึ่งแถมหนึ่งฟรีที่ใช้ในการกระตุ้นยอดขายอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนอาหารที่เน่าเสียง่ายซึ่งมักจะถูกทิ้งขว้างกันมาก

    5 > นอกจากนี้ทางกลุ่มยังเรียกร้องให้มีการรณรงค์ข้อมูลสาธารณะเกี่ยวกับอาหารโดยรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศบนฉลากอาหารเพื่อเปิดเผยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเสนอให้มีการเพิ่มงบประมาณในการจัดอาหารในโรงเรียน โรงพยาบาล บ้านพักคนชรา และเรือนจำเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมขั้นต่ำ

    ข้อมูลจาก
    "The UK Health Alliance on Climate Change" จาก www.ukhealthalliance.org
    "UK health professions call for climate tax on meat" จาก https://www.theguardian.com/

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เพจ ThaiWhales รายงานว่า เมื่อบ่ายวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา พบโครงกระดูกวาฬที่ ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และหลังจากแจ้งทีมสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก (ศวบต.) ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบโครงกระดูกวาฬฝังลึกจากผิวดินกว่า 6 เมตร
    .
    โครงกระดูกวาฬที่พบมีขนาดใหญ่มีส่วนกระดูกสันหลัง (Vertebrate) 5 ชิ้น ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งดูจะใหญ่กว่าซากวาฬบรูด้าที่เคยพบมา แต่ยังไม่ทราบสายพันธุ์
    .
    จากการสังเกตพื้นที่ใกล้กับแม่น้ำท่าจีนที่พบมีลักษณะเป็นกระซ้า มีซากเปลือกหอยเล็กๆ ทับถม ทำให้อาจสันนิษฐานได้ว่าพื้นที่นี้เคยเป็นทะเลมาก่อน นักวิจัย ทช. กำลังหาวิธีในการเก็บกู้โครงกระดูกที่เหมาะสมที่สุด รวมทั้งหาอายุของพื้นที่และตรวจหาค่าอายุกระดูกด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ต่อไป
    .
    โครงกระดูกวาฬที่เก่าแก่ที่สุดในไทยที่เคยพบคือโครงกระดูกวาฬฟิน (Fin whale) ที่หมู่บ้านวิจิตราธานี ถนนบางนา-ตราด ที่ค้นพบเมื่อสร้างหมู่บ้าน โครงกระดูกนั้นบางชิ้นเป็น Fossil (กลายเป็นหิน) แล้ว

    ที่มาและภาพ : ThaiWhales

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1 > งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances โค่นความเชื่อที่บอกต่อๆ กันมาว่าจีนเป็นผู้ทิ้งขยะลงทะเลมากที่สุดในโลก โดยอ้างอิงจากรายงานเมื่อปี 2558 เพราะงานวิจัยชิ้นนี้พบว่าสหรัฐอเมริกามีส่วนทำให้เกิดขยะในทะเลทั้งทางตรงและทางอ้อมสูงกว่าการศึกษาก่อนหน้านี้ถึง 5 เท่า

    2 > ย้อนกลับไปในปี 2558 ทีมนักวิจัยชาวอเมริกันได้จำลองปริมาณขยะพลาสติกในมหาสมุทรและประเมินว่ามาจากประเทศใดบ้างที่นำมาใช้ในการคำนวณของพวกเขาซึ่งพบว่าจีนมีส่วนรับผิดชอบ 27% ของพลาสติก 8.75 ล้านตันที่ปล่อยทิ้งลงทะเลในปี 2553

    3 > ข้อสรุปดังกล่าวได้รับการอ้างอิงถึงอย่างกว้างขวาง และในปี 2561 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาก็ยังเอ่ยชื่อประเทศจีนว่าเป็นตัวอย่างของประเทศที่ “ทำให้มหาสมุทรของเรากลายเป็นหลุมฝังกลบขยะ”

    4 > ไม่ใช่แค่จีน ประเทศเอเชียยังถูกระบุว่าเป็นตัวการหลักของขยะทะเล ในการศึกษาในปี 2558 นักวิทยาศาสตร์ยังได้ตีพิมพ์แผนภูมิที่แสดงรายชื่อประเทศที่มีขยะพลาสติกมากที่สุด 20 อันดับแรกซึ่งได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง โดยผู้ก่อมลพิษจากพลาสติก 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย สหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 20 ซึ่งเป็นประเทศที่ร่ำรวยเพียงชาติเดียวในอันดับ

    5 > ต่อมาหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา (EPA) ออกแผนเมื่อต้นเดือนนี้เพื่อจัดการขยะในทะเลโดยได้ระบุชื่อประเทศในเอเชีย 5 ประเทศ ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนามว่ามีส่วนรับผิดชอบขยะพลาสติกมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ไหลลงสู่มหาสมุทรทุกปี

    6 > แต่รายงานล่าสุดมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาว่าสหรัฐอเมริกามีส่วนรับผิดชอบต่อขยะในทะเลมากน้อยแค่ไหน เบื้องต้นทีมวิจัยพบว่า ในปี 2559 สหรัฐอเมริกาก่อขยะพลาสติกจำนวนมากที่สุดในโลก (42 ล้านตัน) ในจำนวนนี้ระหว่าง 0.14 ถึง 0.41 ล้านตันของขยะถูกทิ้งอย่างผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกา

    7 > รายงานนี้จัดอันกับประเทศที่สร้างขยะพลาสติกในปี 2559 พบว่า สหรัฐอันดับที่ 1 จำนวน 42.0 ล้านตัน อินเดีย 26.3 ล้านตัน จีน 21.6 ล้านตัน บราซิล 10.7 ล้านตัน และอินโดนีเซีย 9.1 ล้านตัน

    8 > ขณะที่การก่อขยะพลาสติกต่อหัวปี 2559 สหรัฐอเมริกายืนหนึ่งมากที่สุดคือ 130.1 กก. ตามด้วย อังกฤษ เกาหลีใต้ เยอรมนี และไทย 69.5 กก.ต่อคนต่อปี

    ข้อมูลจาก
    • Laura Parker. (October 30, 2020). "U.S. generates more plastic trash than any other nation, report finds". National Geographic.
    • Kara Lavender Law1,*, View ORCID ProfileNatalie Starr2, View ORCID ProfileTheodore R. Siegler2, View ORCID ProfileJenna R. Jambeck3,4, View ORCID ProfileNicholas J. Mallos5 and View ORCID ProfileGeorge H. Leonard5. "The United States’ contribution of plastic waste to land and ocean". Science Advances 30 Oct 2020:
    Vol. 6, no. 44, eabd0288DOI: 10.1126/sciadv.abd0288

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิชาการเสนอว่าการจัดการเชื้อเพลิงในป่าด้วยการชิงเผาคือทางออกและทางรอดเดียวที่มีในยามนี้ในการแก้ปัญหาไฟป่า เพราะทั่วโลกเขาก็ทำเช่นนี้ ดังนั้นการลดฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นมลพิษประจำฤดูกาลไปเรียบร้อยแล้วจำเป็นต้องตัดตอนไฟ ไม่ใช่การห้ามจุดไฟ เพราะขัดแย้งกับสภาพความเป็นอยู่จริงในพื้นที่
    .
    โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน จะต้องใช้วิธีชิงเผาเพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิงลงบางส่วน หรือเปลี่ยนแปลงสภาพของเชื้อเพลิง หรือตัดตอนความต่อเนื่องของเชื้อเพลิงออกจากกัน เพื่อให้สามารถควบคุมไฟได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    .
    การจัดการเชื้อเพลิงมีหลายวิธีและในทางปฏิบัติจะต้องผสมผสาน เช่น การลดปริมาณเชื้อเพลิง เพื่อรักษาระดับเชื้อเพลิงให้อยู่ในปริมาณที่ยอมรับได้ตลอดเวลาโดยการเผาตามกำหนด ไม่ว่าการตัดแต่งกิ่งไม้พื้นล่าง หรือการนำเชื้อเพลิงไปใช้ประโยชน์ เช่น นำไปทำปุ๋ย ทำเชื้อเพลิงอัดแท่ง การกำจัดเชื้อเพลิง เป็นต้น
    .
    แม้แต่การเปลี่ยนแปลงประเภทของเชื้อเพลิง เช่น ทำให้ติดไฟยากขึ้น การเปลี่ยนพรรณไม้ป่าให้เป็นพรรณไม้บ้าน การแยกเชื้อเพลิงด้วยแนวกันไฟไม่ให้ไฟลุกลามออกจากพื้นที่ ซึ่งแนวกันไฟก็สร้างได้หลายวิธี อาทิ ใช้แรงงานคน ปลูกพืชสีเขียวเป็นแนว การให้น้ำ รวมถึงการชิงเผาเพื่อกำจัดวัชพืชและกระตุ้นการงอกของพืชใหม่และหญ้าสดซึ่งไม่ติดไฟ
    .
    อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่: http://www.igreenstory.co/early-burning/
    #เคาท์ดาวน์PM2_5เชียงใหม่ #ฝุ่นควันเชียงใหม่ #สสส

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดัชนีคุณภาพอากาศของเชียงใหม่ในปี 2562 มีความรุนแรงของมลพิษติดอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งหนึ่งในสาเหตุหลักมาจากการเผาวัสดุทางการเกษตรจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวโดยเฉพาะข้าวโพด รวมถึงยังมีการเผาป่าเพื่อหาของป่า และเกิดลุกลามไหม้เข้าไปยังพื้นที่ป่าจนไม่สามารถควบคุมไม่ได้
    .
    แม่แจ่มเป็นอำเภอมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดมากที่สุดในเชียงใหม่ จึงต้องหาทางสลัดข้อกล่าวหาผู้สร้างมลพิษทางอากาศให้กับเมือง แนวทางก็คือต้องลดพื้นที่การปลูกข้าวโพดเพื่อลดการเผา ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน เช่นไผ่ ไม้ผลชนิดต่างๆ ไม่มีค่า และพืชผักระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็นแตงกวา ฟักทอง ฯลฯ
    .
    ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน เป็นอีกโมเดลที่สามารถจัดการไฟป่าของเชียงใหม่ได้ในระดับเป็นที่น่าพอใจ โดยผู้นำชุมชนได้ดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นเขียนแผนแก้ปัญหา ช่วยให้รับรู้ความต้องการชุมชุมชนที่แท้จริง ซึ่งได้รับความร่วมมือในลดการเผาและฝุ่นควันที่เป็นมลพิษตามมาได้เป็นลำดับ
    .
    นี่จึงเป็นคำตอบว่าความมั่นคงด้านรายได้จะช่วยเป็นแนวกันไฟที่ดีสำหรับการลดต้นเหตุฝุ่นควันในอนาคต
    #เคาท์ดาวน์PM2_5เชียงใหม่ #EP_2 #ฝุ่นควันเชียงใหม่ #สสส

    https://fb.watch/1Ck-Nxasw2/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนุ่มอังกฤษคิดกรีน แปลงยีนส์เก่าเหลือใช้ เป็นกรอบแว่นใหม่สุดเจ๋ง! เปลี่ยนขยะสร้างมูลค่า พยายามกว่า 10 ปี ทำเองทุกขั้นตอน

    หนุ่มอังกฤษ Jack Spencer ผลิตแว่นตากันแดดจากกางเกงยีนส์เก่า โดยใช้เวลาลองผิดลองถูกเกือบ 10 ปี กว่าจะได้มาซึ่งผลงานที่เปลี่ยนของที่ไม่ใช้แล้วมาเป็นสินค้ามูลค่าสูง

    แบรนด์แว่นตาของ Jack มีชื่อว่า Mosevic มีมูลค่า 180 ปอนด์หรือประมาณ 7,300 บาท ถึงราคาจะดูแอบแรง แต่ถ้าพูดถึงกรรมวิธีการผลิตที่เขาใช้เวลากว่า 2 อาทิตย์ในการแปลงกางเกงยีนส์เก่า เสริมด้วยเรซินชีวภาพจนกลายมาเป็นแว่นตากันแดดอันใหม่สุดเก๋นี้แล้ว ราคานี้ก็จะดูเหมาะสมขึ้นมาทันที

    Jack สำเร็จการศึกษาด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ Cornwall ประเทศอังกฤษ และได้เริ่มคลุกคลีกับคาร์บอนไฟเบอร์ เขาเล่าว่าเขาคิดไอเดียนี้ได้เมื่อปี 2011 ขณะที่กำลังเสริมเส้นใยคาร์บอนด้วยเรซิน เขาก็เกิดความคิดที่จะลองนำผ้ายีนส์มาเสริมเรซินบ้าง

    เขาลองทำตัวต้นแบบกว่าพันกว่าชิ้นจนสุดท้ายก็ได้แบบที่เขาต้องการ เขาไปหาอุปกรณ์ และอะไหล่ต่างๆ จากร้านเสื้อผ้ามือสอง เขาลงมือทำเองตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การพัฒนา และการผลิต รวมถึงบันทึกวิดีโอที่เผยถึงกรรมวิธีการในการผลิตเองด้วยในห้องเวิร์คช็อปของเขาที่ Cornwall

    ในยุคที่มีการผลิตเสื้อผ้าออกมามากมายจนจำนวนเสื้อผ้าเก่าเหลือใช้มีเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน Mosevic จึงถือเป็นอีกแบรนด์ที่ตั้งใจนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อนำของที่ไม่ใช้แล้วมาเพิ่มมูลค่า และสร้างเป็นวัสดุชิ้นใหม่

    แว่นตา Mosevic มีให้เลือกสองแบบคือแบบยีนส์สีดำ และแบบสียีนส์ทั่วไป และสามารถกันน้ำได้ด้วย! สำหรับใครที่สนใจ เข้าไปดูแบบได้เลยที่ www.mosevic.com ซึ่งในเว็บมีวิดีโอที่ Jack ได้ถ่ายให้เห็นถึงขั้นตอนการผลิตตั้งแต่การเอายีนส์เก่ามาจนถึงขั้นตอนการประกอบแว่นเลยด้วย

    ที่มา
    https://www.treehugger.com/old-jeans-turned-into-eyewear-5084957

    https://www.boredpanda.com/how-i-ma...ign-engineering-and-craftsmanship-by-mosevic/

    ณิชากร บัวทรัพย์
    Environman

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สุดแสบ! เกรต้ารีไซเคิลคำแขวะของทรัมป์ "คุณควรควบคุมอารมณ์ และไปพัก" ขณะทรัมป์ขอให้หยุดนับบัตรเลือกตั้งจากไปรษณีย์

    ทุกท่านคงจำได้ว่าทั้ง Donald Trump และ Greta Thunberg นักเคลื่อนไหวสิ่งแวดล้อม ไม่ค่อยลงรอยกันนัก เพราะต่างคนต่างมองไปคนละด้านกัน และมีการจิกกัดกันมาโดยตลอด

    ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังเกรต้า ธันเบิร์ก สาวน้อยนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดนได้รับยกย่องจากนิตยสาร TIME ให้เป็นบุคคลแห่งปี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ออกมาทวิตแสดงความคิดเห็นเชิงลบเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านทวิตเตอร์คู่ใจของเขา

    "ไร้สาระ-น่าขันมาก เกรต้าควรจะไปจัดการอารมณ์โกรธซะก่อน เสร็จแล้วก็ไปดูหนังเก่า ๆ ดี ๆ กับเพื่อนสักเรื่อง ชิลหน่อย เกรต้า ชิล” So ridiculous. Greta must work on her Anger Management problem, then go to a good old fashioned movie with a friend! Chill Greta, Chill!

    ล่าสุดถึงเวลาเอาคืน Greta Thunberg ได้รีไซเคิลคำพูดนี้ ขณะทรัมป์กำลังรณรงค์ให้หยุดนับคะแนนเสียงจากไปรษณีย์ เนื่องจากชี้ว่าไม่ยุติธรรม โดยเธอเขียนว่า

    "ไร้สาระ-น่าขันมาก โดนัลด์ควรจะไปจัดการอารมณ์โกรธซะก่อน เสร็จแล้วก็ไปดูหนังเก่า ๆ ดี ๆ กับเพื่อนสักเรื่อง ชิลหน่อย โดนัลด์ ชิล” So ridiculous. Donald must work on her Anger Management problem, then go to a good old fashioned movie with a friend! Chill Donald, Chill!


    ที่มา

    Trump



    Greta



    ข่าวเพิ่มเติม

    https://www.theguardian.com/environment/2020/nov/05/greta-thunberg-donald-trump-twitter-chill



    ร่มธรรม ขำนุรักษ์

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สายพันธุ์ต่างถิ่นบุก วิจัยชี้ เอเลี่ยนสปีชี่ส์จ่อเพิ่มขึ้น 36% ทั่วโลกในปี 2050! อันตรายทำลายพืช-สัตว์ท้องถิ่น เหตุมนุษย์ค้าขายสัตว์ป่า

    ผลการศึกษาที่เผยแพร่ใน Global Change Biology คาดการณ์ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นทั้งพืชและสัตว์เพิ่มมากขึ้นถึง 2,500 สายพันธุ์ในยุโรปภายในปี 2050

    สิ่งมีชีวิตต่างถิ่นเหล่านี้เคลื่อนย้ายมาพร้อมกับมนุษย์ ซึ่งสิ่งมีชีวิตมากกว่า 35,000 สายพันธุ์ต่างถิ่นถูกบันทึกไว้ในปี 2005 และสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ระบบนิเวศและเศรษฐกิจได้ ซึ่งสัตว์ต่างถิ่นเหล่านี้เป็นตัวการที่ทำให้สัตว์และพืชท้องถิ่นสูญพันธุ์

    ผู้เชี่ยวชาญจาก University College London เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่สายพันธุ์ท้องถิ่นในทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นถึง 36% ในปี 2050 เมื่อเทียบกับปี 2005

    ยุโรปถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นบริเวณที่ถูกบุกรุกมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นจากพืชหรือสัตว์ (ยกเว้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งอาจจะมีแต่น้อยมาก) ทีมวิจัยระบุว่า แรคคูนมีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะเข้ามาบุกรุกในสหราชอาณาจักรและถ้ามันมาถึงเมื่อไหร่มันจะกลายมาเป็นผู้ล่าสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ ของอังกฤษทันที

    ทีมวิจัยกล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของสัตว์ต่างถิ่นจะเกิดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแมลง อาร์โทรโพดาและนก

    อย่างไรก็ตามนักวิจัยเชื่อว่าการกำหนดกฏระเบียบด้านความปลอดภัยทางชีวภาพและจำกัดการค้าระหว่างประเทศสามารถช่วยลดจำนวนสายพันธุ์ต่างถิ่นที่เข้ามารุกรานได้

    https://www.dailymail.co.uk/science...ies-predicted-arrive-Europe-2050-experts.html

    https://www.sciencedaily.com/releases/2020/10/201001090143.htm

    https://phys.org/news/2020-10-alien-species-worldwide.html

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กินดีกู้โลก ผชช.อังกฤษวอน เก็บภาษีโลกร้อนเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นมวัว และอาหาร ที่กระทบสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก วอนกินอย่างยั่งยืน เพื่อสุขภาพ-โลก

    ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอังกฤษรวมตัวเสนอเก็บภาษีคาร์บอนสำหรับอาหารที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายใน 2025 ถ้าผู้ผลิตไม่ออกมาจัดการสิ่งที่ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาก่อต่อสิ่งแวดล้อม

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวมีนามว่า UK Health Alliance on Climate Change (UKHACC) ประกอบไปด้วย 10 มหาวิทยาลัยด้านการแพทย์ และการพยาบาล รวมทั้งสมาคมของแพทย์ พยาบาล และอื่นๆ ที่มองเห็นถึงความสำคัญ และจำเป็นในการที่ประชาชนจะมีสุขภาพทีดี

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ปัญหาโลกร้อนไม่สามารถแก้ได้หากปราศจากการลดบริโภคอาหารที่สร้างคาร์บอนฟุตปริ้นท์สูงในการผลิต

    อาหารอย่างว่าที่ปล่อยคาร์บอนเยอะจะเป็นอาหารจำพวกเนื้อแดง และผลิตภัณฑ์นม ซึ่งที่จริงแล้วอาหารที่มีการผลิตที่ยั่งยืนไม่ได้ส่งผลดีต่อโลกอย่างเดียว มันยังจะส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย

    งานวิจัยของพวกเขาที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมาจึงเผยถึงข้อเสนอแนะที่อาจช่วยวงการอาหารและสิ่งแวดล้อมได้ อย่างเช่น การยกเลิกโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 เพราะนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมแล้ว มันยังเพิ่มเปอร์เซนต์ที่คนจะกินเหลือจนอาหารเหล่านี้กลายเป็นขยะอาหารได้

    พวกเขายังขอให้มีการทำแคมเปญให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของอาหารและสิ่งแวดล้อม ขอให้ติดฉลากผลกระทบบนหีบห่ออาหาร และขอให้มีการลงทุน 2 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 8 หมิ่นกว่าบาทในการจัดทำเมนูอาหารกลางวันที่ผ่านมาตรฐานสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน โรงพยาบาล บ้านพักคนชรา และในเรือนจำทุกๆ ปี

    ซึ่งในผลสำรวจ YouGov poll ที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้ทำขึ้นก็แสดงถึงสัญญาณที่ดี เพราะ 2 ใน 3 ของผู้ทำแบบสำรวจเห็นด้วยว่าอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถช่วยให้สุขภาพของมนุษย์ดีขึ้นได้จริง

    ในขณะที่ 40% ได้ปรับเปลี่ยนการบริโภค เนื่องจากกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจตามมาแล้ว

    หลายคนอาจจะสงสัยว่าอาหารส่งผลกระทบได้มากขนาดนั้นเชียวหรอ ที่จริงแล้ว การผลิตอาหารมีส่วนรับผิดชอบต่อปริมาณก๊าซเรือนกระจกของโลกถึง 1 ใน 4

    จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายชุดพบว่าเนื้อแดง และผลิตภัณฑ์จากนมสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าอาหารจากพืช ซึ่งผู้คนในประเทศที่ร่ำรวยส่วนใหญ่เลือกกินเนื้อสัตว์มากกว่าที่อาหารที่ดีต่อสุขภาพ

    ในสหราชอาณาจักรมีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่รับประทานผักและผลไม้ตามปริมาณเหมาะสมต่อวัน

    Kristin Bash ผู้ร่วมเขียนงานวิจัยของ UKHACC กล่าวว่า “พวกเราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายถ้าไม่ยอมรับถึงปัญหาที่อาหารก่อ วิกฤตภูมิอากาศไม่ได้อยู่ในอนาคตที่ห่างไกลอีกต่อไปแล้ว มันถึงเวลาที่พวกเขาต้องแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง”

    ซึ่ง Bash เองกล่าวว่า เขาไม่ได้หมายความทุกคนต้องบริโภคมังสวิรัติกันหมด “เพียงแค่คุณเพิ่มการบริโภคโปรตีนจากพืชก็ได้แล้ว มันเป็นข้อความง่ายๆที่องค์กรด้านสุขภาพทั่วโลกสนับสนุนอย่างกว้างขวาง”

    Nick Philpott ผู้อำนวยการ UKHACC กล่าวว่าภาษีถุงพลาสติก และน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลแสดงให้เห็นแล้วว่าการสนับสนุนจากภาคนโยบายสามารถลดกิจกรรมที่เป็นอันตรายได้จริง

    ด้วยเหตุนี้ ทาง UKHACC จึงย้ำในงานวิจัยว่า รัฐบาลควรระบุความตั้งใจที่จะเรียกเก็บภาษีคาร์บอนอาหารกับผู้ผลิตทุกราย หากไม่ยอมที่จะดำเนินการแก้ไขเพื่อลดผลกระทบที่อาหารมีกับสภาพภูมิอากาศทั้งหมดภายในปี 2025

    ซึ่งในเดือนเมษายนที่ผ่านมา หน่วยงานบางส่วนของรัฐก็เริ่มที่จะหันมาสนใจเรื่องนี้แล้ว บางหน่วยงานออกมาให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดการเสิร์ฟเนื้อลง 20% หรือประมาณ 9 ล้านกิโลกรัมต่อปี

    Prof Andrew Goddard จาก Royal College of Physicians กล่าวว่า “ผมยอมรับว่าผมรักการกินสเต็กมาก แต่มันชัดเจนแล้วว่าถ้าเราต้องการเลี่ยงวิกฤตโลกร้อน เราควรหันกลับมาคิดเรื่องการบริโภคใหม่ เราทุกคนมีส่วนรับผิดชอบ และก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้”

    ที่มา
    https://www.theguardian.com/environ...alth-professions-call-for-climate-tax-on-meat

    http://www.ukhealthalliance.org/all-consuming

    ณิชากร บัวทรัพย์
    Environman

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝันในการได้ขับเบ็นซ์เป็นจริงง่ายขึ้นแล้ว! Mercedes Benz ผุดสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสุดเบา พับได้ พกพาง่าย แต่ทรงพลังเต็มเปี่ยม

    Mercedes Benz มีชื่อเสียงยาวนานในด้านนวัตกรรม ล่าสุดได้เปิดตัว eScooter ไฟฟ้าที่มีน้ำหนักเบา พับได้ พกพาง่าย เพื่อลดการใช้รถ เดินทางไปที่ใกล้ๆอย่างการไปขึ้นรถสาธารณะ รถไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องสร้างมลพิษ

    มอเตอร์กำลังไฟฟ้าของมันอยู่ที่ 500W มันทรงพลัง และยังเก็บในรถได้ง่ายอีกด้วย สามารถทำความเร็วได้ 20km/h ซึ่งเป็นลิมิตสูงสุดที่เยอรมนีอนุญาต ขณะที่แบตเตอรี่นั้นอยู่ที่ 7.8h สามารถขับไปได้ไกล 25 กิโลเมตรโดยไม่ต้องชาร์จ

    ส่วนล่างของเจ้าสกูตเตอร์ออกแบบมาให้สมดุล ปลอดภัย สะดวกสบาย ส่วนหัวก็ปรับเปลี่ยนความสูงได้ง่าย ด้านขวาเป็นคันเร่ง ด้านซ้ายเป็นเบรค

    พร้อมมีจอมอนิเตอร์ไว้สำหรับดูความเร็ว แบตเตอรี่คงเหลือ ซึ่งถือว่าเป็นอุปกรณ์การเดินทางที่สะดวกสำหรับเดินทางใกล้ๆจริงๆ

    ที่มา

    https://inhabitat.com/mercedes-benz-releases-lightweight-yet-powerful-escooter/

    https://www.designboom.com/technology/mercedes-benz-escooter-electric-scooter-10-05-20/

    https://www.micro-mobility.com/en/

    ร่มธรรม ขำนุรักษ์

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,326
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Recycle Time
    ช่วยลูกบ้านแยกขยะด้วยเทคโนโลยี
    .
    มาถึงตอนนี้ทุกคนคงจะเริ่มหรืออาจจะเคยชินแล้วกับการใช้ชีวิตในช่วงโควิด-19 ทุกคนดำเนินชีวิตได้ตามปกติภายใต้กฏระเบียบจากทางภาครัฐ หากเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้ว ก็นับว่าเราไม่ได้มีช่วงเวลาที่ถูกกักตัวนานมากสักเท่าไร แต่ก็อาจจะมากพอที่จะทำให้การบริโภคสินค้าและอาหารแบบเดลิเวอรี่นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล จากที่ก่อนหน้าช่วงโควิด-19 เราก็ซื้อของออนไลน์กันบ่อยเป็นประจำกันอยู่แล้ว
    .
    แน่นอนว่าเมื่อมีการบริโภคเป็นจำนวนมากก็ต้องมีขยะจากการสั่งซื้อของออนไลน์เป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นกล่องพัสดุ พลาสติกห่อของ หรือแม้กระทั้งขยะอาหารที่มาจากการสั่งของกิน เมื่อมีขยะที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากก็ย่อมเป็นปัญหาในการทิ้งหากไม่มีการจัดการที่ดีขยะเหล่านี้ก็จะไม่ได้ถูกรีไซเคิลหมุนเวียนกลับมาใช้งานใหม่ และอาจมีจุดจบที่ไปลงหลุมฝังกลบในที่สุดส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อคน สัตว์ และธรรมชาติ
    .
    เราจะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาหลายๆ องค์กรได้มีการรณรงค์ส่งเสริมให้ทุกคนใส่ใจในการแยกขยะ เริ่มแยกขยะจากที่อยู่อาศัยของตนเอง เพื่อให้เกิดการจัดการที่เป็นระบบและง่ายขึ้น การคัดแยกขยะจากบ้าน คอนโด สำนักงาน หรือจะออฟฟิศก็ตามนั้นช่วยได้เยอะเพราะสถานที่เหล่านี้เป็นเสมือนต้นทาง เป็นด่านแรกที่จะสามารถคัดแยกขยะได้
    .
    จนถึงตอนนี้บางคนอาจจะเริ่มเคยชินกับการแยกขยะไปแล้ว บางคนอาจจะยังไม่ได้เริ่มแยกเพราะยังติดอยู่กับ Pain Point ที่ว่า อยากแยกแต่ไม่รู้ว่าต้องส่งไปที่ไหน ต้องแยกให้ใคร ต้องส่งยังไง แล้วยิ่งขยะเยอะก็ยิ่งต้องแพคส่งเยอะ แล้วต้องเอาไปให้ด้วยตัวเองบางทีก็ไม่สะดวกทั้งเรื่องการจัดส่งและเวลา Pain Point เหล่านี้คงจะลดลงไปบ้างหากมีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำให้การแยกขยะนั้นสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น
    .
    เราได้มีโอกาสไปรู้จักกับแอพพลิเคชั่นหนึ่งที่ชื่อว่า Recycle Time เมื่อตอนที่ได้เดินทางไปดูโครงการบ้าน COMO Bianca Bangna ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่ทาง Areeya Property ได้พัฒนานำมาใช้งานกับลูกบ้านของพวกเขา เพื่อเอื้ออำนวยความสะดวกในการคัดแยกขยะ
    .
    Recycle Time เป็นเทคโนโลยีตัวช่วยที่น่าสนใจ ซึ่งการใช้งานไม่ได้มีความซับซ้อน ใช้งานง่ายและทำให้การแยกขยะนั้นคุ้มค่าอีกด้วย วันนี้จึงจะขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ Recycle Time ได้อ่านแนวคิดและที่มาของแอพพลิเคชั่นตัวนี้ วิธีการใช้งาน การต่อยอดในอนาคต และการนำมาประยุกต์ใช้ในสถานที่อื่นๆ

     

แชร์หน้านี้

Loading...