ติดตามสถานะการณ์

เวียดนาม : จังหวัดหวุงเต่า ภาคใต้
#พายุ โคนี ขึ้นฝั่งวันนี้เวลา 04.00 น. ฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงทำให้น้ำท่วม
/แผนที่พายุในภาพ

 

อังกฤษประเมิน
Second Wave
ตายมากกว่ารอบแรก 2 เท่า
.
.
ช่วงเดือน มี.ค. - เม.ย. ที่ผ่านมานั้น สิ่งที่เกิดขึ้นทุกสัปดาห์ในอังกฤษก็คือ การออกมา “ปรบมือ” ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ภายใต้ระบบสุขภาพแห่งชาติอังกฤษ หรือ NHS (National Health Service) เพื่อให้ควบคุมการระบาดของโรคโควิด – 19 และรักษาผู้ป่วยได้ตลอดรอดฝั่ง ผ่านพ้นช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดไปให้ได้
.
แน่นอนว่า NHS นั้นเป็นระบบที่คนอังกฤษภาคภูมิใจ อังกฤษเริ่มต้นระบบนี้ตั้งแต่หลังจบสงครามโลกไม่นาน เพื่อให้คนอังกฤษมีสวัสดิการ “รักษาฟรี” ที่ครอบคลุมประชากรทุกคน และ NHS ก็เป็นระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ มีการจัดการรักษาตามลำดับขั้น อังกฤษเซ็ตระบบการจัดการพยาบาล ระบบแพทย์ประจำบ้าน ตลอดจนระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพได้ ก็ด้วยรากฐานที่เข้มแข็ง และ NHS ยังเป็นต้นแบบสำหรับ “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ของอีกหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย
.
อย่างไรก็ตาม เมื่อโควิด – 19 มาถึง กลับทำลาย NHS อย่างชัดเจน อังกฤษเองมีปัญหาในลักษณะใกล้เคียงกับประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นจำนวนพยาบาล - หมอ ที่ไม่เพียงพอ กับจำนวนคนไข้, อัตราของผู้สูงอายุในประเทศซึ่งสูงกว่าวัยอื่นอย่างเห็นได้ชัด, และเมื่อโรคระบาดเข้ามาถึงยังเกาะอังกฤษโดยที่ไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน ก็ทำให้ระบบนี้ คร่าชีวิตผู้คนทั่วเกาะอังกฤษรวมแล้วกว่า 4.6 หมื่นคน สูงที่สุดในยุโรป และแม้แต่ VIP อย่างบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี หรือ เจ้าฟ้าชายชารล์ส ก็ทรงประชวรด้วยเชื้อโควิด – 19 ไปด้วย
.
นอกจากอังกฤษจะเสียหายอย่างหนักแล้ว NHS ก็ “น่วม” ไปด้วย ข้อมูลจากเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา จากสำนักข่าว ITV ของอังกฤษ รายงานตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการว่ามีสตาฟฟ์ของ NHS เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 300 คน จากการขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันตัว และการทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อรับมือตัวเลขผู้ป่วยอย่างไม่หยุดหย่อน
.
คำถามก็คือ - แล้ววันนี้ วันที่อังกฤษกำลังจะเริ่ม “ล็อคดาวน์” อีกรอบ จากยอดผู้ป่วยที่สูงกว่ารอบที่แล้ว 3 เท่า วิ่งไปอยู่ที่วันละ 2 หมื่นคนต่อวัน ระบบ NHS จะรับมือไหวหรือไม่? แล้วมาตรการที่มีอยู่ จะ “คุ้มครอง” NHS อย่างไรไม่ให้ถูก “โจมตี” อีก
.
นายกฯ จอห์นสัน ยืนยันว่ามาตรการ “ล็อคดาวน์” รอบนี้ ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 5 พ.ย. และจะยาวนานถึง 4 สัปดาห์ เป็นสิ่งจำเป็น โดยจะมีการปิดทุกธุรกิจที่ไม่จำเป็นตั้งแต่ร้านค้า ร้านอาหาร ผับ บาร์ โดยประชาชนจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเพื่อไปโรงเรียน ไปทำงาน หรือออกกำลังกายเท่านั้น และม็อตโต้ “Stay at Home, protect the NHS and save lives” หรือ หยุดอยู่บ้าน ปกป้อง NHS และช่วยชีวิต จะกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง
.
แต่แน่นอน ปฏิกิริยาจากคนอังกฤษรอบนี้ย่อมแตกต่างออกไป ประชากรจำนวนมาก “เหนื่อยหน่าย” กับมาตรการล็อคดาวน์อย่างเข้มข้น จอห์นสันนั้น “เลี่ยง” ที่จะล็อคดาวน์มานานหลายสัปดาห์ แม้กราฟผู้ป่วยใหม่ในอังกฤษจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เกินกว่าอีกหลายประเทศในยุโรป เพราะรู้ดีว่าจะมีเสียงต้าน แต่ในที่สุด ก็ไม่เหลือทางเลือกอื่น ต้องกลับมาใช้มาตรการเข้มข้นอีกครั้ง
.
จนถึงตอนนี้ ค่า R0 ในอังกฤษ เกิน 1 ไปเรียบร้อยทุกพื้นที่ทั่วประเทศ นั่นหมายความว่า ผู้ป่วย 1 คน จะสามารถแพร่เชื้อต่อได้เกิน 1 คน ซึ่งดูไม่ดีนัก หากเป็นไปในลักษณะนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็หมายความว่าอัตราผู้ป่วย จะเพิ่มต่อแบบก้าวกระโดด ตัวเลขที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างก็คือแม้แต่เขตที่เคยมีผู้ติดเชื้อต่ำเตี้ยเรี่ยดินนั้น จนถึงวันนี้ ก็มีตัวเลขเพิ่มแบบก้าวกระโดดกันหมด หากยังเป็นไปในลักษณะนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่เตียงผู้ป่วยจะเต็มทั่วอังกฤษ จนไม่สามารถรับใครได้อีกในสัปดาห์แรกของเดือน ธ.ค.
.
กระนั้นเอง การตัดสินใจดังกล่าวของจอห์นสัน ก็ถูกวิจารณ์ว่า “ช้าไป” ส่วนหนึ่งมาจากจอห์นสันนั้นรับปากไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเลี่ยงการล็อคดาวน์ แม้จะมีคำแนะนำจากหมอหลายคน หรือรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลเพื่อป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่ 6 สัปดาห์ที่แล้ว
.
คริส วิตตี้ ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของ NHS บอกว่าสถานการณ์ขณะนี้ในอังกฤษกำลังแย่กว่าที่คิด โรงพยาบาล 10 แห่ง มีมีผู้ป่วยโควิด – 19 สูงกว่าช่วง “พีค” ของการระบาดรอบแรก และความหวังเล็กๆ ของรอบนี้ก็คือการกด “กราฟ” ผู้ป่วยใหม่ลงให้ได้ ก่อนจะเข้าสู่หน้าหนาวเต็มรูปแบบในช่วงกลางเดือนนี้ และช่วงต้นเดือน ธ.ค. ซึ่งตัวเลขในขณะนี้ อังกฤษมีผู้ป่วยรวมแล้วกว่า 1.1 หมื่นคน โดยมากกว่า 978 คน ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
.
ส่วนประมาณการณ์ล่าสุดจาก แพทริค วอร์เรซ ประธานที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาล เชื่อว่าตัวเลขยอดผู้เสียชีวิต ใน Second Wave อาจสูงกว่ารอบแรก ราว 2 เท่าตัว หรือมากกว่า 80,000 คน หรืออาจเกินกว่านั้น หากรัฐบาลไม่เด็ดขาดพอ
.
แน่นอนว่าอังกฤษ จะพบกับการประท้วง “ล็อคดาวน์” เฉกเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในอิตาลี และในฝรั่งเศส ที่ตัดสินใจล็อคดาวน์ไปก่อนล่วงหน้า
.
แต่ด้วยอัตราผู้ป่วยใหม่ที่พุ่งพรวดแบบนี้ ในมุมมองของรัฐบาลอังกฤษ ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะใช้วิถีทาง “เข้ม” แบบนี้..

#COVID19 #โควิด19 #อังกฤษ #SecondWave #NHS

อ้างอิงจาก

https://www.bbc.com/news/uk-54763956

https://edition.cnn.com/2020/10/31/europe/uk-lockdown-coronavirus-europe-intl/index.html

https://www.scmp.com/news/world/eur...us-cases-boris-johnson-announces-new-national

 

เวียดนาม : ทางการไทยบริจาคช่วยเหลือน้ำท่วมภาคกลางเวียดนาม 30,000 $ พร้อมเจรจาเปิดเส้นทางการค้า
*หลายชาติ อาทิ สหรัฐ เกาหลี ญี่ปุ่น ร่วมบริจาค เงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือ ภาคกลางเวียดนาม
#โพสนี้ขอสรุปความเสียหาย ขณะนี้กำลังฟื้นฟู มอบเงินช่วยเหลือตามชนบท ล่าสุด 153 คนเสียชีวิตและสูญหาย 222 คน บ้านเรือน 111,900 หลังพังถล่มถูกน้ำท่วมและเสียหาย วัว 3,000 ตัวสัตว์ปีก 600,500 ตัวตาย นาข้าว 3 แสนไร่ พืชสวน 1.5 แสนไร่
#สถานะวันนี้ ยุติการค้นหาคนสูญหายบางส่วน พายุโคนีเข้าน้ำท่วมจุดเดิม และวันที่ 9 พายุเข้าอีกลูก

 

สหรัฐ : กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ สวดภาวนาขอให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะ
#เบาๆแม่

https://fb.watch/1B6G-QuXxc/

 

Nov 6,2020 การบินไทยชี้แจงประกาศขายเครื่องบิน 34 ลำ เพื่อสำรวจตลาดหาผู้สนใจซื้อ เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ
.
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยผ่านเอกสารเผยแพร่ว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับการประกาศขายเครื่องบินมือสองของบริษัทฯ จำนวน 34 ลำ บนเว็บไซต์ http://thaiaircrafttrading.com นั้น
.
บริษัท ฯ ขอชี้แจงว่าการประกาศขายเครื่องบินดังกล่าวเป็นขั้นตอนการสำรวจตลาดเพื่อหาผู้สนใจซื้อเครื่องบินมือสอง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับดำเนินการขายทรัพย์ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งขั้นตอนการขายนั้นจะเกิดขึ้นในอนาคตและจะเป็นไปตามกระบวนการฟื้นฟูกิจการ
.
โดยอยู่ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องและได้รับอนุญาตจากศาลล้มละลายกลาง
.
ส่วนเครื่องบินที่ได้ประกาศขายสอดคล้องกับแผนธุรกิจและแนวทางการฟื้นฟูกิจการของการบินไทยฯ ซึ่งจะต้องมีการปรับลดฝูงบินให้เหมาะสมกับแผนการบิน และการบริหารต้นทุนอย่างเหมาะสม ซึ่งการบินไทยฯ จะชี้แจงให้ทุกท่านทราบเมื่อมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไป
.
#การบินไทย #ขายเครื่องบิน #แผนฟื้นฟู #Misterban

 

Nov 6, 2020 แพคเกจกระตุ้นสหรัฐยังต้องมีกว่าหลายสิบล้านล้านบาท ตรึงดอกเบี้ย 0% ต่อ ยังห่างไกลจุดฟื้นตัวชัดเจน
.
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนรู้สึกสบายกับตัวเลขภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านไป แม้จะผ่านมาได้ 6 เดือน แต่ภาวะโรคระบาดโควิด-19 ยังไม่หมดไป รวมถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่มีความชัดเจนเด็ดขาด นอกจากนี้ การขยายตัวทางกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และภาวะการจ้างงานในสหรัฐในปัจจุบันยังไม่สามารถกลับมาได้เหมือนก่อนช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19
.
ประธานเฟด แถลงว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% ซึ่งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไป หลังจากการประชุมเป็นเวลา 2 วัน เสร็จสิ้นในคืนที่ผ่านมา สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐจากธนาคารกลางสหรัฐนั้น ประธานแบงค์ชาติสหรัฐ ยืนยันว่ายังคงใช้มาตรการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลในระบบการเงิน หรือที่เรียกว่ามาตรการคิวอีต่อไป ที่เดือนละ 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่าเดือนละ 3.84 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม เฟดได้เริ่มพิจารณาเกี่ยวกับการต่ออายุมาตรการสินเชื่อฉุกเฉิน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 นี้
.
ด้านนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลปี 2008 ชื่อดังระดับโลก และเป็นอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา นายพอล ครุกแมน เปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความจำเป็นที่ต้องได้รับมาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นอีกไม่น้อยกว่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือไม่ต่ำกว่าเดือนละ 50,000 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 สร้างความเสียหายให้กับภาคธุรกิจและแรงงานชาวอเมริกันที่กำลังจะออกจากงานเพิ่มมากขึ้น ทุกวันนี้ มีแรงงานอเมริกันตกงานรวมกว่า 11 ล้านคนจากช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19
.
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐเคยประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังต้องการเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างน้อย 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 32 ล้านล้านบาท ในช่วงตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาเป็นต้นมา แพ็คเกจฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐทั้งจากรัฐบาลและเฟดมีรวมกันกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 96 ล้านล้านบาท
.
#แบงค์ชาติสหรัฐ #เฟด #โควิด19 #misterban

 

Nov 6, 2020 ฝรั่งเศสสยอง ยอดติดเชื้อทะลุครั้งใหม่กว่า 58,000 ยอมรับระบาดรอบ 2 เลวร้ายกว่ารอบแรก งัดมาตรการห้ามสั่งและส่งอาหารในช่วงเคอร์ฟิว
.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฝรั่งเศส แถลงว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 รอบที่ 2 ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาของฝรั่งเศส มีความรุนแรงและเลวร้ายมากกว่าการระบาดในครั้งแรกมาก ถ้าหากยังมีอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่พุ่งสูงอย่างในปัจจุบัน คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียูจะทะยานแตะ 6,000 รายท่ามกลางมาตรการปิดล็อคประเทศที่บังคับใช้ในขณะนี้ และอาจทะยานขึ้นเป็น 7,000 ราย ถ้าหากประชาชนไม่ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเด็ดขาด
.
สำหรับจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในห้องไอซียูเมื่อวันพุธที่ 4 ที่ผ่านมานั้น มีจำนวนมากกว่า 4,000 ราย โดยเฉพาะในกรุงปารีส ซึ่งเป็นเมืองหลวงของฝรั่งเศส พบว่า 92% ของการให้บริการรักษาห้องไอซียู ได้ถูกใช้ไปแล้ว ซึ่งมีทั้งผู้ป่วยโรคระบาดโควิด-19 เกือบ 1,050 ราย และผู้ป่วยด้วยโรคอื่นๆมากกว่า 600 ราย
.
กระทรวงสาธารณสุข ฝรั่งเศส เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงวันนี้ 6 พฤศจิกายน พบว่ามีจำนวน 58,046 ราย ไม่เพียงทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคระบาดโควิด-19 มากที่สุดตั้งแต่เกิดระบาดในฝรั่งเศสเป็นต้นมา แต่ยังสร้างสถิติติดรายวันมากกว่า 50,000 ราย เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 12 วันผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม มีสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันที่ 52,010 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 สะสมทะลุ 1,601,367 ราย อยู่อันดับที่ 5 ของโลก ขณะที่ผู้เสียชีวิตในรอบ 1 วันผ่านมา เพิ่มขึ้น 363 ราย ส่งผลให้จำนวนเสียชีวิตสะสมเป็น 39,037 ราย
.
ทั้งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศส ประกาศมาตรการล่าสุด ห้ามร้านอาหาร คาเฟ่ ให้บริการรับสั่งและส่งอาหาร รวมถึงห้ามเปิดขายและห้ามดื่มเครื่องดื่มอัลกอฮอล์ในที่สาธารณะในช่วงเวลา 22.00 น. ถึง 6.00 น. มีผลตั้งแต่วันศุกร์นี้ 6 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
.
#ฝรั่งเศส #โควิด19 #โควิดรอบสอง #ยุโรป #btimes

 

Nov 6, 2020 โลกซอมบี้ ติดโควิด-19 ทะลุ 49 ล้านคน สหรัฐติดสถิติใหม่วันที่ 2 กว่า 113,000 คน
.
สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลก เป็นไปอย่างรุนแรงต่อเนื่อง วันนี้ 6 พฤศจิกายน เมื่อเวลา 9.00 น.ที่ผ่านมา มีจำนวนติดสะสมทั่วโลกทะลุ 49 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 600,000 รายในรอบ 24 ชั่วโมง ส่งผลสร้างสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์ หรือนับตั้งแต่เกิดการระบาดบนโลกเป็นต้นมา
.
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรอบ 1 วัน เมื่อถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน (ตามเวลาในสหรัฐ) พุ่งทะยานทำสถิติใหม่ที่ 118,204 ราย ทำสถิติพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐ และของโลกเป็นต้นมา และยังทำสถิติมากกว่าวันละ 100,000 รายเป็นครั้งที่ 2 และเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยสถิติเดิมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ทะยานถึง 108,389 ราย ดังนั้น ส่งผลให้จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 สะสมพุ่งเป็น 9,919,522 ราย เป็นอันดับ 1 ของโลก ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตในรอบ 1 วันพุ่งขึ้น 1,125 ราย ทำสถิติจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าวันละ 1,000 คน เป็นวันที่ 3 ติดกัน ทำให้จำนวนสะสมเพิ่มเป็น 240,953 ราย
.
ศูนย์ CDC รายงานต่อไปว่า จำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของสหรัฐอเมริกาในวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน (ตามเวลาสหรัฐ) ทะยานขึ้นกว่า 52,000 ราย ทำสถิติทะยานขึ้นเป็นวันที่ 11 ติดต่อกัน สร้างความน่ากังวลอย่างมาก เนื่องจากจำนวนตัวเลขดังกล่าวกำลังเข้าใกล้สถิติเดิมที่ 58,370 ราย ที่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม หรือช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
.
ภาวะการระบาดในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบว่ามี 19 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐทั่วประเทศที่มีสถิติติดเชื้อในรอบ 1 วันมากตั้งแต่เกิดการระบาดเป็นต้นมา ซึ่งทำลายสถิติเดิมที่เคยมี 16 รัฐเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านไป โดยพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดในสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ที่พื้นที่ตะวันตกตอนกลางของประเทศ ได้แก่ อินเดียนา ไอโอวา มิชิแกน มินนิโซตา มิซซูรี นอร์ท ดาโกตา โอไฮโอ วิสคอนซิน อาแคนซัส โคโลราโด เมน เคนตั๊กกี้ นิวแฮมป์เชียร์ โอกลาโฮมา โรดไอร์แลนด์ ยูทาห์ และเวสท์ เวอร์จิเนีย
.
สำหรับมาตรการที่ประกาศใช้เพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดในแต่ละรัฐล้วนแตกต่างกัน เช่น การสั่งห้ามรวมตัวกันในที่สาธารณะเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ การประกาศเคอร์ฟิว อย่างไรก็ตาม พบว่า มี 17 จาก 50 รัฐ ที่ไม่บังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยกับประชาชนชาวอเมริกัน
.
ดร.โรเบิร์ต เมอร์ฟี่ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันสุขภาพโลก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสท์เทิร์น สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ถ้าหากรัฐบาล หรือองค์กรที่เกี่ยวกับด้านสาธารณสุขไม่รีบปรับเปลี่ยนมาตรการในการป้องกันและควบคุมสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 มีความเป็นไปได้สูงที่ชาวอเมริกันจะเสียชีวิตทะยานขึ้นกว่า 100,000 คนภายในวันที่ 20 มกราคม 2564 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์
.
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาเคยทำสถิติเดิมของจำนวนผู้ติดโรคระบาดโควิด-19 ในรอบ 7 วันผ่านมา เริ่มจากวันที่ 30 ตุลาคม มีจำนวน 100,233 ราย วันที่ 4 พฤศจิกายน จำนวน 108,309 ราย และในคืนที่ผ่านมา วันที่ 5 พฤศจิกายน นับเป็นสถิติใหม่ล่าสุดอีก 118,204 ราย
.
#โควิด19 #โรคระบาด #สหรัฐ #misterban

 

Nov 6 , 2020 ผู้ส่งออกข้าวไทยโอดข้าวไทยจ่อหลุดท็อปทรีในอีก 5 ปีข้างหน้า หลังรัฐไม่ค่อยลงทุนพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่
.
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าว เปิดเผยว่า สมาคมคาดการณ์การส่งออกข้าวปี 2564 มีแนวโน้มส่งออกข้าวสูงกว่าปี 2563 คาดว่าการส่งออกจะอยู่ที่ 6 ล้านตัน ต่ำกว่าเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 6.5 ล้านตัน แม้จะปรับเป้าหมายลดลงจากเดิมแล้วก่อนหน้านี้จาก 7 ล้านตัน โดยมีปัจจัยที่จะสนับสนุนให้การส่งออกปี 2564 ขยายตัวมาจากแนวโน้มราคาข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว ข้าวเหนียวลดลงจากคู่แข่ง ซึ่งคาดว่าผู้นำเข้าข้าวจะหันมาซื้อข้าวไทยมากขึ้น
.
แนวโน้มข้าวหอมมะลิไทยจะลดลงมาอยู่ที่กว่า 800 เหรียญสหรัฐจากเดิมกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐ ข้าวขาวจากกว่า 500 เหรียญสหรัฐ ลงมาอยู่ 495 เหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างเวียดนามราคาห่างอยู่ที่ 10 เหรียญสหรัฐนั้นเชื่อว่าโอกาสในการส่งออกข้าวน่าจะมีสูง พร้อมกับประเมินว่าผลผลิตข้าว 2563/64 จะมีปริมาณเพิ่มขึ้น 10% เทียบจากปีที่ผ่านมา แต่ยังประเมินตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้ พร้อมกันนี้ ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสต็อกข้าวที่อยู่ในมือผู้ประกอบการค้าข้าวเพื่อจะได้ประเมินทิศทางการส่งออกข้าว เนื่องจากพบว่ามีการสต็อกข้าวเพื่อทำตลาดในช่วงโควิด-19 แต่พบว่าตลาดเปลี่ยนแปลงเร็วทำให้ระบายข้าวออกมาทำให้กระทบต่อราคาข้าวในตลาด
.
แต่อย่างไรก็ดี ทางผู้ส่งออกยังคงกังวลอุตสาหกรรมข้าวไทยในอนาคตจะแข่งขันในตลาดข้าวลำบากมากขึ้น หากยังประเทศไทยยังไม่มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อใช้ในการแข่งขันตลาดข้าวในตลาด ซึ่งมีเพียง 3 ชนิดข้าวที่ทำตลาดเท่านั้น คือ ข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว
.
ขณะที่เวียดนามมีพันธุ์ข้าวออกมามากขึ้นโดยภาครัฐจัดสรรงบประมาณกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3,000 ล้านบาท เพื่อการวิจัยและพัฒนาโดยนำพันธุ์ข้าวที่ดีในตลาดมาพัฒนาเป็นพันธุ์ข้าวใหม่เพื่อทำตลาด เช่น ข้าวพันธุ์ ST24 ของเวียดนามที่ คว้ารางวัล World's Best Rice เป็นต้น ขณะที่ประเทศไทยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กับการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ข้าวเพียง 100 ล้านบาท/ปี และหากประเทศไทยยังทำตลาดแบบนี้ไม่มีการพัฒนาเชื่อว่าเชื่อว่าประเทศไทยจะกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับที่ 5 ของโลกภายใน 5 ปี
.
ทั้งนี้ สำหรับลำดับการส่งออกข้าวปัจจุบันอันดับ 1.คือ อินเดีย อันดับ2.เวียดนาม และอันดับ3. ไทย แต่ใน อนาคตไทยอาจตกเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 5 ของโลกโดยแพ้ให้กับเมียนมาและจีน ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้มากจากพันธุ์ของไทยที่แข่งขันในตลาดมีน้อย คุณภาพลดลงขณะที่คุณภาพของข้าวคู่แข่งดีขึ้น ปริมาณผลผลิตต่อไร่ยังน้อยต้นทุนการเพาะปลูกยังสูง
.
#ข้าว #ส่งออก #อันดับ5 #พันธุ์ข้าว #Misterban

 

Nov 6 , 2020 นักท่องเที่ยวจีนล็อตแรก 39 คน พ้นการกักตัว 14 วันพร้อมเที่ยวไทยแล้ว
.
นักท่องเที่ยวจีนล็อตแรกจำนวน 39 คน ที่ได้เดินทางจากเซี่ยงไฮ้ด้วยวีซ่าประเภทพิเศษ SpecialTourist Visa หรือ STV ได้เข้ากักตัวที่ ASQ โรงแรมรอแยลเบญจา ย่านสุขุมวิท ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ครบกำหนดกักตัวครบ 14 วัน เเละได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ครั้งพบว่าทั้งหมดไม่มีผู้ติดเชื้อ ทำให้สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ โดยตำรวจท่องเที่ยวได้ให้คำแนะนำการปฎิบัติตัวอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 โดยสำหรับระยะเวลาที่พักในไทยจะสามารถอยู่ได้ 90 วัน เเละต่อได้อีก 2 ครั้งรวมไม่เกิน 270 วัน ทำให้เหมาะสำหรับการกักตัวและผู้ที่ต้องการพำนักในระยะยาว
.
ทางด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย ระบุว่ามีนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางมาไทยต่อเนื่อง เเต่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะยังคงรับเดือนละ 1,200 คน ไปจนถึงสิ้นปี ไม่เพิ่มจำนวนรับเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก สำหรับการลดราคาค่าตั๋วเครื่องบินอยู่ระหว่างวางเเนวทาง เพื่อจูงใจให้มีผู้ใช้สิทธิ์มากขึ้น โดยจะนำเข้าที่ประชุม ศบศ.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง 18 พ.ย.นี้
.
#ล็อตแรกจีน #ท่องเที่ยว #กักตัว #14วัน #Misterban

 

Nov 6 , 2020 กกต.ประกาศห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กดไลค์ - กดแชร์ ช่วยผู้สมัคร อบจ. หาเสียง เหตุมีความผิดทางกฎหมาย
.
นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการรับสมัครนายกและสมาชิกอบจ. ซึ่ง กกต. อยากกำชับผู้ที่มีตำแหน่งทางการเมือง ส.ส. และส.ว. ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภา ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ รวมถึงผู้ช่วย ส.ส. ว่าไม่สามารถช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งในการหาเสียงครั้งนี้ได้ไม่ว่า กรณีใดๆทั้งสิ้น เพื่อเป็นความสมานฉันท์เเละไม่ให้เกิดการกลั่นแกล้งกัน
.
สำหรับการหาเสียงผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ บุคคลข้างต้น จะไม่สามารถกดไลค์กดแชร์ได้ หากกระทำถือว่า เป็นความผิดตามกฎหมายทันที สำหรับการประกาศรายชื่อผู้สมัคร กกต.สามารถประกาศรายชื่อภายใน 7 วัน หากผู้สมัครพบว่าไม่มีรายชื่อให้ประสานต่อ กกต.ได้ภายใน 3 วัน ส่วนการประกาศแบ่งเขตอบต.เทศบาล นั้น กกต.ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว โดยคณะรัฐมนตรี จะกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งทางกกต.พร้อมจัดการเลือกตั้ง หลังจากผ่านการเลือกตั้งวันที่ 20 ธ.ค.นี้
.
อย่างไรก็ตาม กกต.มีความกังวลในข้อร้องเรียนที่มีการกลั่นแกล้งกัน สำหรับข้อร้องเรียนเรื่องการกระทำผิดกฎหมาย กกต. ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ซึ่งสามารถปฏิบัติงานได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ถ้าหากมีผู้ร้องเรียนกกต.ก็จะดำเนินการตามกฎหมายและไม่ละเว้นรายหนึ่งรายใด และไม่ละเว้นการปฏิบัติซึ่งต้องตรวจสอบเป็นกรณีไป
.
#เลือกตั้ง #อบจ #ห้ามกดไลค์ #ห้ามกดแชร์ #Misterban

 

Nov 6 , 2020 AAV รับเริ่มศึกษาหาพันธมิตรร่วมทุน - เพิ่มทุน หลังรัฐบาลยังไม่อนุมัติซอฟต์โลนให้
.
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน จากรัฐบาล เพื่อช่วยธุรกิจสายการบิน จากได้ยื่นข้อเสนอมาตั้งแต่ เม.ย.2563 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้บริษัทต้องศึกษาแนวทางอื่นๆเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน หรือ การเพิ่มทุนเพื่อให้บริษัทสามารถประคองธุรกิจให้ยังคงอยู่ไปได้ โดยบริษัทยังเป็นสายการบินที่ยังคงรักษาบุคลากร และ ฝูงบินให้อยู่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19
.
ตอนนี้เรายังไม่ได้รับเงิน soft loan แต่ได้ยินข่าวมาว่าในสัปดาห์หน้าทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเรียกผู้ประกอบการสายการบินเข้าไปพูดคุย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ เราได้แต่หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือในครั้งนี้้ ซึ่งอาจจะไม่ใช่วงเงินที่ขอไปก็ได้ แต่ขอให้ช่วยเข้ามาก็ยังดี โดยวงเงินที่บริษัทขอไปที่ 5 พันล้านบาท
.
ยอมรับว่า ในปีนี้ธุรกิจการบินยังไม่ฟื้นตัว เพราะประชาชนไม่มีรายได้ ไม่มีการจับจ่ายใช้สอย ถึงแม้ว่าภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวออกมา แต่ไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการเดินทางได้มากเพียงพอ ประเมินว่าธุรกิจการบินจะกลับมาฟื้นตัวได้ต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี
.
#AAV #แอร์เอเชีย #Misterban #พันธมิตร #ร่วมทุน #เพิ่มทุน

 

Nov 6 , 2020 คมนาคมเล็งยุบแผนรถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ต วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท เป็นรถเมล์ไฟฟ้า BRT หวังลดงบก่อสร้างกว่าหมื่นล้านบาท พร้อมยืนแผนเปิดบริการปี 69 ตามเดิม
.
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) จังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติ-ห้าแยกฉลอง ระยะทาง 41.7 กิโลเมตร (กม.) วงเงินประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.)สัญจร ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานรับทราบ โดยขณะนี้ได้มอบให้ รฟม. ไปพิจารณาปรับรูปแบบระบบการเดินรถ เพื่อลดต้นทุนค่าก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันเมืองใหญ่ๆ ในต่างประเทศ ก็ปรับมาใช้เป็นรถเมล์ไฟฟ้า (EV) ล้อยางกันแล้ว ช่วยประหยัดค่าก่อสร้างได้หมื่นกว่าล้านบาท เพราะไม่ต้องทำระบบราง และระบบอาณัติสัญญาณ อีกทั้งยังเกิดประโยชน์กับประชาชน เพราะค่าโดยสารจะถูกลงด้วย
.
ขณะนี้อยู่ในช่วงที่ รฟม. กำลังออกแบบรายละเอียดโครงการยังสามารถปรับปรุงได้ และในร่างเงื่อนไขเอกสารการประกวดราคา ก็ไม่ได้ปิดกั้นว่าจะต้องเป็นแทรมเท่านั้น ดังนั้นเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป ก็ควรเปลี่ยนการเดินรถในรูปแบบเดิมๆ ที่มีราคาแพง และความคุ้มค่าน้อย เพราะจากการดูผลการศึกษาล่าสุด ก็พบว่ามีผู้ใช้บริการเพียงแค่ประมาณ 3.9 หมื่นคนต่อวัน อย่างไรก็ตามการปรับรูปแบบระบบการเดินรถดังกล่าว น่าจะใช้เวลาในการพิจารณาไม่นานว่าจะเลือกใช้รูปแบบใดแทนแทรม เบื้องต้นน่าจะเป็นรูปแบบรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (BRT) แต่เป็นแบบไฟฟ้า วิ่งตามแนวเกาะกลางถนน โดยคาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาเห็นชอบได้ภายในปี 2563 และมีแผนจะเปิดให้บริการในปี 2569
.
ทั้งนี้เรื่องเส้นทางเดินรถ และจำนวนสถานีนั้น ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีระยะทางประมาณ 42 กม. และมี 21 สถานี อย่างไรก็ตามในอนาคตยังมีแผนจะให้โครงการนี้เชื่อมกับรถไฟที่จะไปพังงาที่บริเวณท่าอากาศยานภูเก็ตด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไป จังหวัดพังงา มีระยะทางประมาณ 4 กม.
.
#รถไฟฟ้ารางเบา #แทรม #ภูเก็ต #Misterban

 

#จีน ประกาศใหม่ควบคุมการเดินทางเข้าประเทศสุดเข้มงวด หลัง #โควิด ส่อระบาดระลอกใหม่ #ไทย ติดกลุ่มเดียวกับสหรัฐ เยอรมนี ฝรั่งเศส ต้องตรวจกรดนิวคลิอิกและแอนตี้บอดี 2 ชั้นจากสถานพยาบาลที่สถานทูตรับรองเท่านั้น ส่วนหลายประเทศยุโรปถูกให้ใบแดงห้ามเข้าประเทศจีน

กระทรวงการประเทศจีนประกาศมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศจีนฉบับใหม่ ที่เพิ่มความเข้มงวดมากที่สุดหลังจากจีนผ่านพ้นการระบาดใหญ่ที่เมืองอู่ฮั่น ห้ามผู้ที่เดินทางจากประเทศอังกฤษ เบลเยี่ยม บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ รัสเซีย และอิตาลี เข้าประเทศจีน มาตรการนี้ใช้บังคับกับพลเมืองทุกประเทศที่เดินทางมาจากสนามบินทุกแห่งในประเทศข้างต้น ยกเว้นเฉพาะพลเมืองจีนเท่านั้น แม้ว่าผู้ที่มีวีซ่าอยู่แล้วก็ไม่สามารถเข้าจีนได้
.
ผู้ที่เดินทางจากประเทศไทย สหรัฐ ฝรั่งเศส และเยอรมนี หากจะเดินทางเข้าจีนจะต้องมีผลการตรวจ 2 ประเภท คือ กรดนิวคลิอิก nucleic acid และแอนตี้บอดี IgM anti-body ว่าปลอดเชื้อโควิดภายใน 48 ชั่วโมงก่อนโดยสารเครื่องบิน และจะต้องรับการตรวจจากสถานพยาบาลที่กำหนดไว้เท่านั้น พร้อมส่งเอกสารให้สถานทูตจีนรับรองจึงจะเดินทางได้

ทั้งนี้ สถานพยาบาลที่สามารถตรวจกรดนิวคลิอิกและแอนตีบอดีได้ในที่เดียว และสถานทูตจีนรองในกรุงเทพฯ มีเพียง14 แห่ง

รายละเอียดติดตามที่เว็บไซต์สถานทูตจีนประจำประเทศไทย http://www.chinaembassy.or.th/eng/sgxw/t1827900.htm

มาตรการเช่นนี้เกือบจะ “ปิดทาง” การเดินทางไปประเทศจีน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนและไทยได้หารือที่จะเปิด travel bubble ระหว่างกัน และเมื่อเดือนก่อน นายหวังอี้ รมต.ต่างประเทศจีน ในช่วงที่เดินทางเยือนไทยได้ตกลงที่จะเปิดทางให้นักศึกษาไทยหลายพันคนกลับไปประเทศจีนได้
.
ก่อนหน้านี้ จีนได้ผ่อนคลายให้นักเดินทางจากหลายประเทศเข้าประเทศจีนได้ หลังจากควบคุมการระบาดของโควิดในประเทศได้เป็นอย่างดี แต่จากสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ในหลายประเทศทำให้รัฐบาลจีนต้องคุมเข้มอีกครั้ง โดยอังกฤษเพิ่งประเทศล็อกดาวน์อีกครั้งเป็นเวลา 1 เดือน เบลเยี่ยมมีจำนวนผู้ติดเชื้อต่อประชากรสูงที่สุดในยุโรป ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย
.
ขณะที่ ประเทศไทย สหรัฐ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ถือเป็นศูนย์กลางเดินทางที่สำคัญในภูมิภาค จึงต้องคุมเข้มการเดินทางเข้าประเทศจีน มาตรการนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง.

 

#ต่างประเทศ ฮีโร่ฮอนดูรัส ขอให้พวกเขาปลอดภัย !!

 

06.11.20

☣จากการประกาศมาตรการระดับชาติฉบับใหม่ เร็วๆนี้ ทุกคน ที่ไม่มีที่อยู่ในประเทศนอร์เวย์ จะต้อง ถูกกักกันตัว ที่โรงแรม เมื่อเดินทางเข้ามาในประเทศ แต่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการทำงานของโครงการนี้ จากกรณีศึกษาของ ประเทศออสเตรเลีย ที่ การดำเนินการ กักกันตัวภายในโรงแรม ประสบความล้มเหลว

1.มีข่าวลือว่า Quality Airport Gardermoen จะถูกใช้เป็นหนึ่งใน โรงแรมสำหรับการกักกันตน แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าจริงหรือไม่ แม้ว่า รัฐบาล จะ กำหนดให้มี โรงแรมเพื่อสำหรับกักกัน โดยเร็วที่สุด แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถตอบได้ว่า จะต้องอยู่ในโรงแรมนานเท่าไร / ใครจะจ่าย ค่าห้องพัก / ต้องการใช้ห้องพักกี่ห้อง หรือ จะต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลกี่คน ฯลฯ

2.ผช.ผอ FHI Espen Nakstad กล่าวกับ NRK ว่า ตอนนี้เรากำลังดำเนินการ ว่าจะทำได้อย่างไรบ้างในทางปฏิบัติ สิ่งสำคัญคือผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ และ ต้องกักกันตนเอง จะต้องสามารถจัดทำเอกสาร เพื่อแสดงว่าพวกเขาจะไปพักอยู่ที่ไหน และ ถ้าหากพวกเขาไม่มีที่อยู่ พวกเขาจะ ต้องพักอยู่ใน โรงแรม

3.นรม.Erna Solberg ยกตัวอย่าง การกักตัวของ "คุณยาย" เมื่อมีการนำเสนอมาตรการนี้ และ การกักกัน จะใช้กับทุกคนที่เดินทางเข้ามาใน ประเทศนอร์เวย์ และ ไม่มีบ้าน-ที่อยู่เป็นของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อ หรือ ความเสี่ยงในการติดเชื้อ จากสมาชิกในบ้านของตัวเอง นรม.Solberg ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า ใครควรเป็นคนจ่ายเงิน?

4.ขณะนี้มีการดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่ง คุณ และ คุณยาย อาจต้องมีรายชื่ออยู่ใน ใบเรียกเก็บเงิน ถ้าไม่ต้องจ่ายทั้งหมด ก็ต้องจ่ายส่วนใดส่วนหนึ่ง

รัฐบาล ชี้ให้เห็นว่า นายจ้าง มีหน้าที่จัดให้มีการกักกัน ลูกจ้างจากต่างประเทศ ที่ เดินทางมาทำงานใน ประเทศนอร์เวย์ นายจ้าง ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย แต่จนถึงขณะนี้ รัฐบาล ยังไม่ได้ตัดสินใจในกรณีนี้

5.ผช.ผอ Nakstad กล่าวว่า ในประเทศจีน นักเดินทางจะต้องพบกับ เจ้าหน้าที่ที่ใช้ อุปกรณ์ป้องกันการ ติดเชื้อเต็ม รูปแบบ รอรับที่ สนามบิน และ ถูกส่งไปยังโรงแรมด้วย รถบัส ที่เตรียมาเฉพาะ หลังจากนั้น คุณจะถูกห้ามไม่ให้ออกจากห้องตลอด 14 วัน มีอาหาร-น้ำดื่ม วางไว้ที่โต๊ะหน้าห้อง แต่ การจัดการ โรงแรมกักกันตนเอง ของประเทศนอร์เวย์คือ การถูกกักกันตนเอง ไม่ใช่การติดคุก มันจะดีกว่า เราไม่เข้มงวดขนาดนั้น มีความเป็นไปได้ที่ คุณจะออกมาจากห้องและอยู่กลางแจ้ง เมื่อคุณยังอยู่ใน บริเวณของเขตกักกันตน เพียงแต่ คุณไม่ควรติดต่อกับ คนอื่น และ ห้ามใช้บริการ ระบบขนส่งสาธารณะ หรือ แอบไปทำงาน โดยเด็ดขาด
*⚡มีโทษปรับ 20,000 Kr สำหรับ ผู้ที่หนีการกักกันตนเอง ค่ะ *

6.ผช.ผอ Nakstad กล่าวว่า มี การติดเชื้อจำนวนมาก ที่ถูกนำเข้ามาจากนอก ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเราไม่ต้องการการสิ่งนี้เพิ่มแล้วในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญมาก คือ วิธีที่ผู้คนปฏิบัติตาม กฎการกักกันตนเอง เมื่อพวกเขาเดินทางมาจากต่างประเทศ
.
อ่านรวมข่าว และ มาตรการโคโรน่าต่างๆของ ประเทศนอร์เวย์
http://norgetiltak.blogspot.com/

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
Peter Svaar : Journalist

ข่าวต้นฉบับ NRK :
https://www.nrk.no/norge/_bestemor_-ma-i-karantenehotell-_-uklart-hvem-som-tar-regningen-1.15231444

 

ผู้ช่วยชีวิตคิม อิลซุงจากระเบิด

คน ๆ นั้นเป็นทหารโซเวียตชื่อยาคอฟ โนวิเชนโก ( 1914 - 1994 )

เขาเกิดในครอบครัวชาวอูเครน เมื่อเติบโตมา ก็ทำงานด้านการเกษตรและก่อสร้างทางรถไฟตามถนัด ปี 1938 ถูกเกณฑ์มาเป็นทหารในกองทัพแดง ถูกส่งไปประจำการแถว ๆ ตะวันออกไกล เคยเข้าร่วมในสงครามกับญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จากนั้นก็ถูกส่งไปที่เกาหลี เพื่อไปสู้รบกับทหารญี่ปุ่น เพื่อปลดปล่อยที่นั่น

1 มีนาคม 1946 ในงานชุมนุมรำลึกวันครบรอบเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองของเกาหลี ที่กองทหารโซเวียตได้เข้าไปช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย เขาได้ช่วยชีวิตคิม อิลซุง จากระเบิดมือที่ถูกปาจากฝูงชน มายังคิม อิลซุง ที่กำลังกล่าวสุนทรพจน์อยู่ โดยโนวิเชนโกเอามือคว้าระเบิด และใช้ตัวเองกดทับระเบิดเพื่อไม่ให้สะเก็ดระเบิดกระจายออกไปโดนใคร

โนวิเชนโกที่น่าจะต้องตายแน่แท้ แต่เขาโชคดีรอดตาย เพราะว่าภายใต้เสื้อโค้ทชิเนล เขาได้ซุกหนังสือเล่มหนาที่อ่านค้างเอาไว้ หนังสือสามารถต้านทานสะเก็ดระเบิดได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น มือขวาของเขาก็ขาด

ระหว่างที่อยู่ที่โรงพยาบาลนานหลายเดือน คิม ส่งของมาเยี่ยมเขาเป็นประจำ เมื่อเขาออกจากโรงพยาบาล คิมก็ส่งของขวัญมาให้

หลังปลดประจำการ เขาก็เดินทางกลับมายังหมู่บ้าน มาทำงานหาเลี้ยงชีพตามที่ถนัด ส่วนทางการโซเวียตก็มีการส่งเรื่องเสนอตำแหน่งวีรชนแห่งสหภาพโซเวียตสำหรับวีรกรรมของเขาที่เกาหลีเหนือ แต่ไป ๆ มา ๆ เขาก็ไม่ได้รับ

แต่ 40 ปีให้หลัง ในปี 1984 เมื่อนายคิมเดินทางมาโซเวียต เขาก็ถามหาโนวิเชนโก ทั้งสองได้พบปะกัน และนับตั้งแต่นั้น โนวิเชนโกและทั้งครอบครัว ก็ได้เดินทางไปพักผ่อนที่เกาหลีเหนือทุกปี

และในปีนั้นเอง เกาหลีเหนือได้มอบตำแหน่งวีรชนแรงงานเกาหลีเหลือให้กับเขา เรื่องนี้ทำให้เจ้าหน้าที่โซเวียตหันมาให้ความสนใจเขา และมอบอพาร์ตเม้นต์ในเมืองให้กับเขา

ยาคอฟ โนวิเชนโก เสียชีวิตในปี 1994 ปีเดียวกับคนที่เขาช่วยชีวิต ศพของเขาถูกฝังอยู่ที่หมู่บ้านที่เขาอยู่

เมื่อคิม จองอิล ลูกชายของคิม อิลซุง เดินทางเยือนรัสเซียในปี 2001 เขาก็ส่งตัวแทนมามอบของขวัญให้กับครอบครัวที่เหลืออยู่ของโนวิเชนโก ปี 2008 ลูกสาว และหลานของเขาก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน 60 ปี เกาหลี เหนือ

 

Nov 7, 2020 ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุกว่า 49.6 ล้านคน ยอดตายโควิด-19 ทั่วโลกกว่า 1.24 ล้านคน The Covid-19 infected globally toll surpassed 49.6 million

เวลา 7.15 น.รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 48,634,141 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 10,049,968 ราย อินเดีย 8,460,773 ราย บราซิล 5,632,505 ราย รัสเซีย 1,733,440 ราย ฝรั่งเศส 1,661,853 ราย สเปน 1,388,411 ราย อาเจนติน่า 1,228,814 ราย โคลอมเบีย 1,127,733 ราย ยูเค 1,146,484 และ เม็กซิโก 949,197 ราย

สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 1,247,931 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 242,163 ราย บราซิล 162,035 ราย อินเดีย 125,605 ราย เม็กซิโก 93,722 ราย สหราชอาณาจักร 48,475 ราย อิตาลี 40,638 ราย ฝรั่งเศส 39,865 ราย สเปน 38,833 ราย เปรู 34,783 ราย และอิหร่าน 37,409 ราย

ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียน และเสียชีวิต(ตัวเลขในวงเล็บ) พบว่า อินโดนีเซีย 429,574 ราย(14,442) ฟิลิปปินส์ 391,809 ราย(7,461) เมียนมา 59,277 ราย(1,376) สิงคโปร์ 58,047 ราย(28) มาเลเซีย 38,189 ราย(279) ไทย 3,818 ราย(60) เวียดนาม 1,212 ราย(35) กัมพูชา 292 ราย บรูไน 148 ราย(3) และลาว 24 ราย

#ไวรัสโคโรนา #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #โควิด19 #covid19 #Misterban #btimes

 

รัฐจอร์เจียซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐแบทเทิลกราวนด์สเตตส์ของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีนี้ประกาศว่าคงจะต้องมีการ ‘นับคะแนนใหม่’ หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต ยังคงทำคะแนนสูสีกันอย่างมาก

อ่านต่อ >>https://sondhitalk.com/2020/11/07/10913
.............................................
ติดตามคลิป VDO เพิ่มเติมได้ที่
YoutubeSondhitalk: https://www.youtube.com/c/Sondhitalk
Website: https://www.sondhitalk.com
Podcast Sondhitalk: https://sondhitalk.podbean.com/

 

Nov 7, 2020 สุดสัปดาห์สยอง สหรัฐติดสถิติใหม่เป็นวันที่ 3 กว่า 130,000 คน มากสุดครั้งประวัติการณ์

สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลก เป็นไปอย่างรุนแรงต่อเนื่อง วันนี้ 7 พฤศจิกายน เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา มีจำนวนติดรายวันทั่วโลกทะยานขึ้นถึง 629,470 รายในรอบ 24 ชั่วโมง ส่งผลสร้างสถิติติดเชื้อรอบ 24 ชั่วโมงครั้งใหม่เป็นประวัติการณ์ หรือนับตั้งแต่เกิดการระบาดบนโลกเป็นต้นมา

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรอบ 1 วัน เมื่อถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน (ตามเวลาในสหรัฐ) พุ่งทะยานทำสถิติใหม่ที่ 132,540 ราย ทำสถิติพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐ และของโลกเป็นต้นมา และยังทำสถิติมากกว่าวันละ 100,000 รายเป็นครั้งที่ 3 และเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยสถิติเดิมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ทะยานถึง 118,204 ราย ดังนั้น ส่งผลให้จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 สะสมพุ่งเป็น 10,058,586 ราย เป็นอันดับ 1 ของโลก ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตในรอบ 1 วันพุ่งขึ้น 1,148 ราย ทำสถิติจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าวันละ 1,000 คน เป็นวันที่ 4 ติดกัน ทำให้จำนวนสะสมเพิ่มเป็น 242,230 ราย

สำนักข่าวรอยเตอร์ส เปิดเผยผลการติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 24 ชั่วโมงของรอยเตอร์ส พบว่าพุ่งทะยานทำสถิติใหม่ที่ 121,337 ราย ทำสถิติพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐ และของโลกเป็นต้นมา และยังทำสถิติมากกว่าวันละ 100,000 รายเป็นครั้งที่ 3 และเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน

ภาวะการระบาดในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบว่าเข้าสู่วันที่ 2 ติดต่อกันที่ยังคงมี 19 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐทั่วประเทศที่มีสถิติติดเชื้อในรอบ 1 วันมากตั้งแต่เกิดการระบาดเป็นต้นมา ซึ่งทำลายสถิติเดิมที่เคยมี 16 รัฐเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านไป โดยพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดในสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ที่พื้นที่ตะวันตกตอนกลางของประเทศ ได้แก่ อินเดียนา ไอโอวา มิชิแกน มินนิโซตา มิซซูรี นอร์ท ดาโกตา โอไฮโอ วิสคอนซิน อาแคนซัส โคโลราโด เมน เคนตั๊กกี้ นิวแฮมป์เชียร์ โอกลาโฮมา โรดไอร์แลนด์ ยูทาห์ และเวสท์ เวอร์จิเนีย

ศูนย์ CDC รายงานต่อไปว่า จำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของสหรัฐอเมริกาในวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน (ตามเวลาสหรัฐ) ทะยานขึ้นกว่า 52,000 ราย ทำสถิติทะยานขึ้นเป็นวันที่ 11 ติดต่อกัน สร้างความน่ากังวลอย่างมาก เนื่องจากจำนวนตัวเลขดังกล่าวกำลังเข้าใกล้สถิติเดิมที่ 58,370 ราย ที่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม หรือช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

สำหรับมาตรการที่ประกาศใช้เพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดในแต่ละรัฐล้วนแตกต่างกัน เช่น การสั่งห้ามรวมตัวกันในที่สาธารณะเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ การประกาศเคอร์ฟิว อย่างไรก็ตาม พบว่า มี 17 จาก 50 รัฐ ที่ไม่บังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยกับประชาชนชาวอเมริกัน

ด้านดร.โรเบิร์ต เมอร์ฟี่ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันสุขภาพโลก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสท์เทิร์น สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ถ้าหากรัฐบาล หรือองค์กรที่เกี่ยวกับด้านสาธารณสุขไม่รีบปรับเปลี่ยนมาตรการในการป้องกันและควบคุมสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 มีความเป็นไปได้สูงที่ชาวอเมริกันจะเสียชีวิตทะยานขึ้นกว่า 100,000 คนภายในวันที่ 20 มกราคม 2564 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาเคยทำสถิติเดิมของจำนวนผู้ติดโรคระบาดโควิด-19 ในรอบ 7 วันผ่านมา เริ่มจากวันที่ 30 ตุลาคม มีจำนวน 100,233 ราย วันที่ 4 พฤศจิกายน จำนวน 108,309 ราย วันที่ 5 พฤศจิกายน ติดเพิ่ม 118,204 ราย และในคืนที่ผ่านมา วันที่ 6 พฤศจิกายน นับเป็นสถิติใหม่ล่าสุดอีก 132,540 ราย

#โควิด19 #โรคระบาด #สหรัฐ #btimes