ติดตามสถานะการณ์

Nov 1, 2020 ปิดแคมเปญหาเสียง ปู่ไบเด้นมีคะแนนนำลุงทรัมป์ 10 จุด ก่อนถึงวันเลือกตั้ง 3 พ.ย. กว่า 92 ล้านคนเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นประวัติศาสตร์

สำนักข่าวเอ็นบีซี และวอลล์ สตรีท เจอร์นัล ซึ่งเป็นสำนักข่าวชั้นนำในสหรัฐ เปิดเผยผลสำรวจคะแนนนิยมของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ระดับประเทศ ซึ่งเป็นผลสำรวจล่าสุดหลังปิดกิจกรรม หรือแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ พบว่า นายโจ ไบเด้น อายุ 77 ปี อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ ได้คะแนนนิยม 52% ซึ่งมีคะแนนนำ 10 จุด มากกว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ อายุ 74 ปี ที่ได้คะแนนนิยม 42% สำหรับผลสำรวจในครั้งนี้ นายโจ ไบเด้น มีคะแนนนำลดลง 1 จุด เมื่อเทียบกับ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ผลสำรวจครั้งนี้ เปิดเผยต่อไปว่า 6 ใน 10 หรือ 60% ของผู้มีสิทธิไปลงคะแนนเลือกตั้งมองว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเดินไปในเส้นทางที่ผิดภายใต้ความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีสหรัฐ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ของผลสำรวจไม่เห็นชอบกับการจัดการวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดย 51% ของผลสำรวจกล่าวว่า ไม่ให้โอกาสที่จะสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ 40% กล่าวว่า ไม่ให้โอกาสที่จะสนับสนุนนายโจ ไบเด้น

สำหรับด้านเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกานั้น ผลสำรวจเอ็นบีซี/ดับเบิลยูเอสเจ กลับพบว่า ส่วนใหญ่ หรือ 55% เห็นด้วยกับการบริหารจัดการเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งมีมากกว่านายโจ ไบเด้น อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ถึง 52% ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของประธานาธิบดีสหรัฐ

ในด้านฐานของผู้สนับสนุนในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งคราวนี้ พบว่า ฐานสำคัญและให้การสนับสนุนนายโจ ไบเด้น ต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แก่ คนผิวสี(87% : 5%) กลุ่มวัยรุ่นถึงวัยทำงานกลางคน ระหว่าง 18-34 ปี (60% : 32%) คนอาวุโส (58% : 35%) เพศหญิง (57% : 37%) คนผิวขายที่จบระดับอุดมศึกษา (56% : 41%) และ กลุ่มอิสระ (51% : 36%)

ส่วนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ พบว่า ฐานสำคัญและให้การสนับสนุนประธานาธิบดีสหรัฐ ได้แก่ คนผิวขาว (51% : 45%) คนผิวขาวที่ไม่ได้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี (58% : 37%) และเพศชาย (48% : 47%)

การเลือกตั้งล่วงหน้าประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ 46 นี้ ล่าสุด มีจำนวนชาวอเมริกันที่มีสิทธิลงคะแนนได้ไปลงคะแนนล่วงหน้าทั้งที่คูหา และผ่านการลงคะแนนทางไปรษณีย์ รวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 92 ล้านคน คิดเป็น 66.8% ของจำนวนผู้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 เมื่อปี 2016 หรือเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำสถิติจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ามากที่สุดครั้งประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ สำนักข่าวเอ็นบีซี และวอลล์ สตรีท เจอร์นัล ซึ่งเป็นผู้จัดทำผลสำรวจเอ็นบีซี/ดับเบิลยูเอสเจ ในครั้งนี้ ได้ทำการสำรวจกับผู้มีสิทธิไปเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จำนวน 1,000 คน ในจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งทำการสอบถามผ่านโทรศัพท์ โพลล์ดังกล่าวจัดทำในช่วงวันที่ 29-30 ตุลาคม มีแนวโน้มการผิดพลาดของสถิติที่ -3.1%

#เลือกตั้ง #เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ #ไบเด้น #ทรัมป์ #สหรัฐ #misterban

 

Nov 1, 2020 รับต้นเดือนใหม่เลย ประกาศปิดร้านสาขาทุกแห่งทั่วไทย แบรนด์เครื่องสำอางนิกซ์ (NYX) ชื่อดังระดับโลก

เฟซบุ๊กเครื่องสำอาง นิกซ์ NYX ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดัง และเป็นที่รู้จักกันดีในวงการเครื่องสำอางมืออาชีพ หรือ Professional Makeup ระดับโลก ประกาศว่า NYX Professional Makeup Thailand จะปิดร้านสาขาทุกแห่งทั่วประเทศไทย รวมถึงร้านทางออนไลน์อย่างถาวร ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 นี้ โดยไม่ได้ระบุสาเหตุในการประกาศปิดร้านสาขาทุกแห่งในประเทศไทย

นิกซ์ เครื่องสำอางสำหรับลูกค้าสายเฟี้ยส ซึ่งหมายถึงกลุ่มที่ชอบสีสันจัดจ้าน หรือลูกค้าทั่วไป และช่างแต่งหน้ามืออาชีพที่ชื่นชอบเฉดสีที่รุนแรง ได้ประกาศเปิดธุรกิจในประเทศไทยเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม 2559 ด้วยการเปิดร้านสาขาประเภท Flagship Store ที่ตึกสยาม สแควร์ วัน ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลในการแต่งหน้าภาวในร้านสาขาแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่เดียวในเอเชียที่นำเทคโนโลยีแบบนี้มาใช้ด้วย

เครื่องสำอางนิกซ์ เริ่มต้นธุรกิจเมื่อปี 1999 หรือเมื่อ 21 ปีผ่านมาในเมือง ลอส แองเจลิส หรือแอลเอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นที่รู้จักกันในวงเล็กๆ ต่อมาเริ่มเป็นที่ยอมรับและรู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆตามงานจัดแสดงธุรกิจการแต่งหน้า จนกระทั่งกลุ่มช่างแต่งหน้ามืออาชีพของแต่ละวงการ หรือ Makeup Artists รู้จักมากขึ้นไปด้วย

ทั้งนี้ เครื่องสำอางแบรนด์ นิกซ์ ขายกิจการทั้งหมดให้กับลอรีอัล ยักษ์เครื่องสำอางชื่อดังระดับโลกในปี 2014 ด้วยมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 16,000 ล้านบาท ปัจจุบัน ทำตลาดในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

#ปิดกิจการ #ตกงาน #ปิดสาขา #นิกซ์ #misterban

 

Nov 2 , 2020 พาณิชย์ชี้สหรัฐตัดสิทธิ GSP ไทย กระทบแค่ 600 ล้านบาท
.
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่สหรัฐฯ ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ของไทย โดยมีสาเหตุจากการเปิดตลาดสินค้าและบริการประเด็นการเปิดตลาดสินค้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์ เนื่องจากสหรัฐฯ เห็นว่าการเปิดตลาดสินค้าของไทยนั้น ไม่อยู่ในระดับที่เท่าเทียมและสมเหตุสมผล แม้ไทยชี้แจงอย่างต่อเนื่องถึงผลกระทบด้านสุขภาพและสุขอนามัยของประชาชน โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 30 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป
.
ทั้งนี้ การตัดสิทธิฯ GSP ดังกล่าวมีสินค้าจำนวน 231 รายการ เป็นสินค้าที่มีการใช้สิทธิฯ จริงในปี 2562 จำนวน 147 รายการ คิดเป็นภาษีที่ต้องกลับไปเสียในอัตราปกติมูลค่าประมาณ 19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 600 ล้านบาท มิใช่ 25,000 ล้านบาท มีสินค้าที่ได้รับผลกระทบ อาทิ อุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์และส่วนประกอบ พวงมาลัยรถยนต์ กรอบโครงสร้างแว่นตาทำด้วยพลาสติก เคมีภัณฑ์ เกลือฟลูออรีน ที่นอนและฟูกทำด้วยยางหรือพลาสติก หีบกล่องทำจากไม้ ตะปูควงสำหรับใช้กับไม้ อะลูมิเนียมเจือแผ่นบาง เป็นต้น
.
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การให้สิทธิฯ GSP นั้นเป็นการให้ฝ่ายเดียวโดยสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมาสหรัฐฯ มีการทบทวนคุณสมบัติของประเทศที่ได้รับสิทธิฯ อย่างต่อเนื่อง และในปี 2562 ได้ประกาศระงับสิทธิฯ GSP ทั้งประเทศ กับอินเดีย และตุรกี ด้วยเหตุผลด้านการเปิดตลาดสินค้าและบริการ และด้านเกณฑ์ระดับการพัฒนาประเทศตามลำดับ และได้ระงับสิทธิฯ บางรายการสินค้ากับยูเครน ด้วยเหตุผลด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
.
นอกจากนี้ ยังมีหลายประเทศที่สหรัฐฯ อยู่ในระหว่างการพิจารณาระงับสิทธิฯ GSP เพิ่มเติมด้วยเหตุผลการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ได้แก่ อินโดนีเซีย และแอฟริกาใต้ และในประเด็นการคุ้มครองสิทธิแรงงาน เช่น เอริเทรีย ซิมบับเว คาซัคสถาน และอาเซอร์ไบจาน เป็นต้น
.
สำหรับการพิจารณาต่ออายุโครงการ GSP ที่สหรัฐอเมริกาให้สิทธิฯ แก่ทุกประเทศ (119 ประเทศกำลังพัฒนา และพัฒนาน้อยที่สุด) จะสิ้นสุดอายุโครงการในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ขณะนี้ สหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อต่ออายุโครงการ GSP โดยจะต้องออกเป็นกฎหมาย ทั้งนี้ อาจมีความล่าช้าและต่ออายุไม่ทันระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ
.
โดยปกติแล้ว ขั้นตอนการพิจารณาเพื่อต่ออายุโครงการอาจใช้เวลาหลายเดือน และต่ออายุให้หลังจากหมดอายุแทบทุกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมา หากสหรัฐฯ ต่ออายุโครงการไม่ทันกำหนดเวลาสิ้นสุดโครงการ สหรัฐฯ จะให้สิทธิฯ ย้อนหลัง เพื่อให้การให้สิทธิ GSP เป็นไปอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีการต่ออายุครั้งล่าสุดเมื่อปี 2561 สหรัฐฯ ได้ประกาศต่ออายุในเดือนมีนาคม 2561 โดยให้มีผลใช้บังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ซึ่งผู้ส่งออกมีความเข้าใจเรื่องดังกล่าวอย่างดีอยู่แล้ว
.
สำหรับแนวทางการส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศ และรองรับผลกระทบจากการตัดสิทธิฯ ดังกล่าว หลังจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะเร่งดำเนินการในการประสานกับฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่งสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative: USTR) ยินดีหากไทยจะหาทางออกร่วมกัน เนื่องจากสิทธิฯ GSP จะช่วยทำให้ผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าสหรัฐฯ สามารถลดภาระภาษี ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ
.
#GSP #สหรัฐ #ตัดสิทธิ #Misterban

 

Nov 2 , 2020 กระทรวงพลังงานหนุนซื้อไฟฟ้าจากขยะถึง 400 เมกะวัตต์ ตามแผนพีดีพี 2018
.
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ภูเก็ต เยี่ยมชมกระบวนการผลิตไฟฟ้าของศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย จ.ภูเก็ต เทศบาลนครภูเก็ต ว่า กระทรวงพลังงานพร้อมสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะ โดยกำหนดให้มีการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะถึง 400 เมกะวัตต์ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(พีดีพี2018 ) ซึ่งเตรียมออกมาตรการรับซื้อไฟฟ้า Feed-in Tariff ภายในปี 2564 เพื่อให้สามารถรับซื้อได้ภายในปี 2565 ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเห็นว่าโรงไฟฟ้าขยะนอกจากจะเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานแล้ว ยังช่วยในเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีปัญหาเรื่องการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม
.
สำหรับการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของภูเก็ตในปีงบประมาณ 2563 มีขยะมูลฝอยเข้าสู่ศูนย์กำจัดขยะฯ เฉลี่ย 833 ตัน/วัน ลดลง 13.5% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้านี้ โดยจะเป็นขยะที่คัดแยกเบื้องต้นจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 3 อำเภอในจ.ภูเก็ต ได้แก่ อ.เมือง อ.กะทู้ และอ.ถลาง และนำมากำจัดโดยการเผาในเตาซึ่งจะได้พลังงานความร้อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ส่วนขยะทั่วไปจะนำไปฝังกลบตามหลักสุขาภิบาล
.
ทั้งนี้ มีโรงเตาเผาขยะมูลฝอย 2 โรง โดยโรงเตาเผาขยะมูลฝอยชุมชน 1 เป็นเตาเผาที่กรมโยธาธิการและผังเมืองถ่ายโอนให้เทศบาลนครภูเก็ตดูแล งบประมาณ 788 ล้านบาท กำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุด 2.5 เมกะวัตต์ ผลิตไฟฟ้า 144 หน่วย/ตันขยะ ปัจจุบันหยุดการดำเนินการ อยู่ระหว่างเสนอขออนุมัติให้เอกชนร่วมดำเนินการ ส่วนอีกโรงเป็นเตาเผาที่บริษัท พีเจทีเทคโนโลยี เป็นผู้รับสัญญาดำเนินการตั้งแต่ปี 2555 งบประมาณ 994 ล้านบาท กำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุด 12 เมกะวัตต์ ผลิตไฟฟ้า 350 หน่วย/ตันขยะ
.
#พลังงาน #ซื้อไฟฟ้า #ขยะ #Misterban

 

Nov 2 , 2020 บอร์ดกองทุนอนุรักษ์พลังงานอนุมัติงบปี 64 วงเงิน 6,500 ล้านบาท เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เพื่อสนับสนุนการสร้างงานและสร้างรายได้
.
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีมติเห็นชอบการปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2564 วงเงิน 6,500 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ ในการนำไปใช้ส่งเสริม สนับสนุน ช่วยเหลือ อุดหนุนโครงการต่างๆ ที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้เงินกองทุนฯ ตามความในมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
.
สำหรับปีนี้ให้ความสำคัญลำดับต้นกับการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อสนับสนุนการสร้างงานและสร้างรายได้ รวมถึง ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนในภาคส่วนต่างๆ อาทิ กลุ่มโรงงาน อุตสาหกรรม อาคาร บ้านอยู่อาศัย เป็นต้น ตลอดจนการสร้างงานวิจัย สร้างนวัตกรรมใหม่ และการสร้างบุคลากร
.
การจัดสรรเงินกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2564 ประกอบด้วย 2 แผน คือ แผนอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน มีกรอบวงเงินสนับสนุน จำนวน 6,305 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่มงานย่อย ดังนี้
.
1. กลุ่มงานตามกฎหมาย วงเงินสนับสนุน 200 ล้านบาท
2. กลุ่มงานสนับสนุนนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน วงเงินสนับสนุน 500 ล้านบาท
3. กลุ่มงานศึกษา ค้นคว้าวิจัย นวัตกรรม และสาธิตต้นแบบ วงเงินสนับสนุน 355 ล้านบาท
4.กลุ่มงานสื่อสาร และข้อมูล ข่าวสาร วงเงินสนับสนุน 200 ล้านบาท
5. กลุ่มงานพัฒนาบุคลากร วงเงินสนับสนุน 450 ล้านบาท
6. กลุ่มงานส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในกลุ่มโรงงาน อุตสาหกรรม อาคาร บ้านอยู่อาศัย ภาคขนส่ง ธุรกิจฟาร์มเกษตรสมัยใหม่ และพื้นที่พิเศษ วงเงินสนับสนุน 2,200 ล้านบาท และ
7. กลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก วงเงินสนับสนุน 2,400 ล้านบาท ส่วนอีกหนึ่งแผน คือ แผนบริหารจัดการ ส.กทอ. วงเงินสนับสนุน 195 ล้านบาท
.
ส่วนกลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก คณะกรรมการกองทุนฯ เห็นชอบแนวทางบริหารจัดการในหลักการ โดยให้คณะกรรมการบริหารจังหวัดแบบบูรณาการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการระดับจังหวัดและจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมายในระดับพื้นที่ โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานหารือกับกระทรวงมหาดไทยในราย
.
#บอร์ดอนุรักษ์พลังงาน #งบประมาณ #ปี2564 #Misterban

 

กรมอุตุฯ ประกาศเตือนอีก พายุโซนร้อนระดับ 3 มีผลกระทบ 5–7 พ.ย.

กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ “พายุโซนร้อน (พายุระดับ 3) “โคนี” มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 5 – 7 พ.ย. 2563 ส่งผลให้ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางกับมีลมแรง

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 พ.ย.63 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ “พายุโซนร้อน (พายุระดับ 3) “โคนี” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง(มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 5 – 7 พ.ย. 2563)” ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 02 พ.ย.2563

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด

โดยระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (2 พ.ย.2563) พายุโซนร้อน “โคนี” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางที่ละติจูด 15.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 118.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว ประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 5 พ.ย.2563 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ส่งผลให้ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางกับมีลมแรง

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ประกาศ ณ วันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.00 น.

กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไป ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 05.00 น.

The post กรมอุตุฯ ประกาศเตือนอีก พายุโซนร้อนระดับ 3 มีผลกระทบ 5–7 พ.ย. appeared first on ข่าวสด.

Source : #Khaosod #KhaosodOnline #ข่าวสด

 

สภาพล่าสุด โรงเรียนบ้านทับลาน หลังน้ำป่าหลากท่วม อุปกรณ์การเรียนเสียหายเพียบ
เปิดสภาพล่าสุด โรงเรียนบ้านทับลาน จ.ปราจีนบุรี หลังถูกน้ำป่าหลากท่วม พบอุปกรณ์การเรียนการสอน เสียหายเพียบ รวมถึงข้าวสารอาหารแห้ง เร่งทำความสะอาด
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

รัฐบาลอินเดียได้ยื่นหนังสือประท้วงไปยังซาอุดีอาระเบีย กรณีธนบัตรรุ่นใหม่ของซาอุฯ มีการตีพิมพ์แผนที่โลกซึ่งระบุว่าดินแดนแคชเมียร์เป็นประเทศอิสระ
.
กระทรวงการต่างประเทศอินเดียได้ “แสดงความกังวลอย่างยิ่งยวด” ไปยังรัฐบาลริยาด ซึ่งมีการออกธนบัตรรุ่นใหม่ราคา 20 ริยาลเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่ซาอุฯ จะดำรงตำแหน่งประธานกลุ่ม G20
.
เป็นที่ทราบกันดีว่าแคชเมียร์นั้นป็นดินแดนพิพาทระหว่างอินเดีย, ปากีสถาน และจีนมาอย่างยาวนาน ทว่าแผนที่โลกซึ่งอยู่ด้านหลังธนบัตรของซาอุฯ กลับระบุว่าแคชเมียร์เป็นประเทศอิสระ รวมถึงดินแดนส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอินเดียด้วย
.
กระทรวงการต่างประเทศอินเดียระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (29 ต.ค.) ที่แล้วว่าได้ขอให้ทางการซาอุฯ “ดำเนินการแก้ไข” ปัญหาดังกล่าวเสีย ทว่ายังคงไม่ได้คำตอบจากริยาด
.
ทั้งนี้ คาดว่านายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี จะหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นมาพูดบนเวทีประชุม G20 ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นในเดือนนี้ด้วย
.
รัฐบาลอินเดียเริ่มแสดงท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นในการเป็นผู้ควบคุมอดีตรัฐมหาราชาแห่งนี้ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นฝั่งอินเดียและปากีสถานหลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947
.
เหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นในดินแดนแคชเมียร์ฝั่งอินเดียตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมาได้คร่าชีวิตประชากรไปแล้วหลายหมื่นคน
.
สัปดาห์นี้ รัฐบาลอินเดียยังได้แจ้งเตือนไปยังทวิตเตอร์ กรณีฐานข้อมูลทางภูมิศาสตร์ที่ระบุว่าภูมิภาคลาดักห์ (Ladakh) เป็นของจีน
.
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว รัฐบาลอินเดียได้ออกกฎหมายใหม่ซึ่งกำหนดโทษโทษจำคุกสูงสุด 3 ปีสำหรับใครก็ตามซึ่งผลิตแผนที่อินเดียไม่ตรงตามความเป็นจริง และในปี 2015 สถานีโทรทัศน์อัลญาซีเราะห์ก็เคยถูกแบนในอินเดียนานเกือบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากใช้ภาพแผนที่อินเดียที่ไม่มีดินแดนแคชเมียร์
.
ปัญหาข้อพิพาทแคชเมียร์ยังส่อแววร้อนระอุขึ้นอีก เมื่อนายกรัฐมนตรี อิมราน ข่าน แห่งปากีสถานประกาศวานนี้ (1 พ.ย.) ว่าเตรียมจะยกสถานะดินแดนส่วนที่เรียกว่า กิลกิต-บัลติสถาน (Gilgit-Baltistan) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของแคชเมียร์และมีพรมแดนติดกับจีน ขึ้นเป็น “จังหวัดชั่วคราว”
.
ศรี อนุราค ศรีวัสตาวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ยืนยันว่า รัฐบาลเดลี “ขอคัดค้านความพยายามของปากีสถานที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะของดินแดนอินเดีย ซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับควบคุมอย่างผิดกฎหมายของพวกเขา”
.
ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์
.
https://mgronline.com/around/detail/9630000113344

 

สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) คิดค้นปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถคัดกรอง 'เสียงไอ' ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้แม่นยำเกือบ 100% รวมถึงผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ (asymptomatic) ซึ่งมักไม่เข้ารับการตรวจ และอาจแพร่เชื้อสู่บุคคลอื่นได้โดยไม่รู้ตัว
.
นักวิจัย MIT พบว่า เสียงไอจากผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 จะมีความแตกต่างบางประการกับบุคคลที่มีสุขภาพดี ซึ่งความแตกต่างนี้เล็กน้อยเสียจนประสาทหูของมนุษย์ไม่สามารถรับรู้ แต่สามารถถูกตรวจจับได้ด้วยเครื่องมือเอไอ
.
จากบทความทางวิชาการที่เผยแพร่ลงวารสาร IEEE Journal of Engineering in Medicine and Biology เมื่อไม่นานมานี้ ทีมนักวิจัย MIT ได้รายงานผลการประดิษฐ์เครื่องมือเอไอที่สามารถจำแนกเสียงของผู้ป่วยโควิดไม่แสดงอาการกับบุคคลปกติโดยใช้เพียงเสียงไอที่อาสาสมัครหลายหมื่นคนส่งเข้ามาผ่านเว็บเบราเซอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เช่น โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์แลปท็อป
.
ผลการทดลองพบว่า เอไอที่สร้างขึ้นไม่เพียงสามารถระบุเสียงไอจากผู้ป่วยโควิด-19 ได้ถูกต้อง 98.5% เท่านั้น แต่ยังจับเสียงไอของผู้ที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวกแต่ไม่แสดงอาการได้ถึง 100%
.
นักวิจัย MIT เตรียมพัฒนาโมเดลตัวนี้ให้กลายเป็นแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย ซึ่งหากผ่านการรับรองโดยสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) และมีการดาวน์โหลดใช้งานในวงกว้าง ก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยคัดกรองบุคคลกลุ่มเสี่ยงได้ในเบื้องต้นแบบสะดวกสบายและไม่เสียค่าใช้จ่าย
.
“เครื่องมือวิเคราะห์เสียงไอนี้จะช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากทุกคนใช้มันก่อนจะเข้าห้องเรียน, ไปทำงานในโรงงาน หรือเข้าร้านอาหาร” ไบรอัน ซูบีรานา นักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการ Auto-ID ของ MIT ระบุ
.
ก่อนหน้านี้ นักวิจัยได้ทำการเก็บตัวอย่างเสียงไอเพื่อวิเคราะห์อาการป่วยอื่นๆ มาแล้ว เช่น โรคปอดบวม, โรคหอบหืด และโรคอัลไซเมอร์
.
เมื่อเดือน เม.ย. นักวิจัยกลุ่มนี้ได้เริ่มเก็บตัวอย่างเสียงไอจากคนจำนวนมาก โดยเปิดเว็บไซต์ให้ประชาชนเข้าไปบันทึกเสียงไอผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ และให้ผู้เข้าร่วมโครงการกรอกข้อมูลว่าพวกเขาติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่, เคยเข้ารับการตรวจจากแพทย์หรือไม่ และมีอาการอย่างไร เป็นต้น
.
จนถึงขณะนี้นักวิจัยได้เก็บตัวอย่างเสียงไอมากกว่า 70,000 เสียง ซึ่งแต่ละเสียงก็จะมีการไอหลายครั้ง โดยเป็นเสียงไอจากผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งแบบแสดงอาการและไม่แสดงอาการจำนวน 2,500 เสียง
.
“เสียงจากการพูดและการไอล้วนเกิดมาจากเส้นเสียงและอวัยวะที่อยู่โดยรอบ นั่นหมายความว่าเมื่อคุณพูด เสียงพูดของคุณก็จะมีส่วนคล้ายกับการไอ และในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน... ปัญญาประดิษฐ์สามารถตรวจจับอะไรได้หลายอย่างจากการไอ เช่น เพศ, ภาษาแม่ หรือแม้กระทั่งอารมณ์ความรู้สึก” ซูบีรานา กล่าว
.
อย่างไรก็ตาม ซูบีรานา ย้ำว่าจุดแข็งของเครื่องมือเอตัวนี้อยู่ที่การจำแนกระหว่างเสียงไอของผู้ป่วยโควิดที่ไม่แสดงอาการกับบุคคลปกติ ทว่าไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อแยกแยะผู้ป่วยโควิดกับอาการป่วยอื่นๆ อย่าง ไข้หวัดใหญ่หรือหอบหืด
.
ที่มา: MIT News

 

โซลประกาศขยายกฎบังคับสวมหน้ากากหลังเคสโควิด-19พุ่ง
.
.
.
.รอยเตอร์ – รัฐบาลเกาหลีใต้แถลงวันนี้(1 พ.ย)ว่า จะออกคำสั่งขยายการบังคับใช้หน้ากากอนามัยไปยังสปา สถานที่จัดงานแต่งงาน และสถานที่อื่นๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมใหม่ที่มีเป้าหมายไปที่วิกฤตการระบาดโรคโควิด-19 หลังมีเคสใหม่เพิ่มหลักร้อยทุกวัน
.
รอยเตอร์รายงานวันนี้(1 พ.ย)ว่า เกาหลีใต้ประสบปัญหามีเคสผู้ป่วยใหม่เพิ่มเกิน 100 คนเมื่อไม่กี่วันมานี้
.
ศูนย์การควบคุมโรคและการป้องกันเกาหลีใต้ KCDC (Korea Center for Disease Control and Prevention) รายงานข้อมูลที่มาถึงช่วงเที่ยงวันเสาร์(31 พ.ย)ว่า มีเคสโควิด-19 ใหม่จำนวน 124 ราย กลายเป็น 5 วันติดต่อกันที่เกาหลีใต้เห็นผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแต่ละวันในหลักร้อย เป็นผลมาจากการระบาดแบบกระจุกตัวตามร้านสปา โรงเรียน และโบสถ์
.
และในเวลานี้กฎการบังคับสวมหน้ากากอนามัยของรัฐบาลโซลนั้นจะให้สวมในสถานที่ใน 12 ระดับชั้นความเสี่ยงสูงเช่น คลับ คาราโอเกะ บาร์ และร้านอินเตอร์เนต
.
แต่ทว่านับตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย การบังคับสวมหน้ากากอนามัยจะถูกขยายครอบคลุมไปยัง 23 ประเภท รวมถึงห้างสรรพสินค้า สวมสนุก และร้านเสริมสวย
.
ส่วนค่าปรับสำหรับบุคคลที่ไม่สวมหน้ากากตามกฎจะสูงสุดถึง 100,000 วอน หรือราว 87.99 ดอลลาร์ โดยจะเริ่มต้นบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย ส่วนเจ้าของกิจการเหล่านี้อาจถูกปรับสูงสุดถึง 3 ล้านวอน
.
และวันอาทิตย์(1)รัฐบาลโซลยังประกาศมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม 5 ระดับที่จะถูกนำมาแทนที่ของเดิม 3 ระดับ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจขนาดเล็ก และต่อประชาชน
.
ตัวอย่างเช่นในระบบเดิมแบบ 3 ระดับ ไนท์คลับนั้นถูกสั่งให้ปิดภายใต้มาตรการระดับ 2 ขณะที่มาตราการะดับ 1.5 ของใหม่จะอนุญาตให้ไนท์คลับยังคงเปิดได้แต่ไม่อนุญาตให้มีการเต้นรำเพื่อลดการสัมผัส
.
“วิกฤตโควิด-19ที่ยาวนานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จนกว่าจะมีการพบวิธีการรักษารวมไปถึงวัคซีน” รัฐมนตรีสาธารณสุขเกาหลีใต้ พัก เนือง-ฮู (Park Neung-hoo) กล่าวในรายงานสั้น

 

ขวัญผวา! เกิดเหตุฆ่าปาดคออีก คราวนี้ตาย 2 ศพ เจ็บอีก 5 ในคืนฮาโลวีนที่เมืองควิเบก ตำรวจแคนาดาระบุคนร้ายแต่งกายแบบยุคกลาง และใช้ดาบเป็นอาวุธ
ชายใช้ดาบเป็นอาวุธซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าในสมัยกลางผู้หนึ่ง ได้สังหารคนไป 2 คนด้วยการปาดคอ และยังทำร้ายคนอื่นๆ บาดเจ็บไปอีก 5 คน ในคืนฮาโลวีนสุดหลอนที่เมืองควิเบก โดยที่ตำรวจแคนาดาแถลงข่าวนี้ตอนก่อนรุ่งสางวันอาทิตย์ (1 พ.ย.) ภายหลังจับกุมผู้ต้องสงสัยเอาไว้ได้
ตามปากคำของตำรวจ เหตุโจมตีเกิดขึ้นในตอนดึกของวันฮาโลวีนเมื่อวันเสาร์ (31 ต.ค.) ในสถานที่ต่างๆ กันหลายแห่งภายในเขตเมืองเก่าควิเบก ใกล้ๆ กับโรงแรมชาโต ฟรองเทนาค ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยม และอาคารสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งเป็นรัฐสภาของรัฐควิเบก
ผู้ต้องสงสัยซึ่งถูกจับตัวไว้ “เป็นชายในวัย 20 ปีกลางๆ” ใช้ดาบเล่มหนึ่งเป็นอาวุธ และแต่งกายใน “เสื้อผ้าแบบยุคกลาง” เอเตียน โด-ยน โฆษกสำนักงานตำรวจนครคิวเบก กล่าวในการแถลงข่าว
“ตามข้อมูลข่าวสารเบื้องต้นที่เรามีอยู่ ไม่มีอะไรบ่งชี้ให้เราเห็นว่าผู้ต้องสงสัยกระทำเรื่องนี้ด้วยวัตถุประสงค์อะไรอย่างอื่น นอกเหนือจากแรงจูงใจส่วนตัวเท่านั้น” ตำรวจระบุเช่นนี้ในข้อความหนึ่งซึ่งโพสต์ทางทวิตเตอร์
ขณะที่หนังสือพิมพ์ เลอ โซเลอิล ของควิเบก รายงานโดยอ้างคำพูดของพยานรวม 3 คนว่า คนร้ายได้ “ปาดคอ” เหยื่อคนแรกของเขาที่บริเวณใกล้ๆ โรงแรมชาโต ฟรองเทนาค จุดเกิดเหตุมี “เลือดจำนวนมาก”
จากนั้นชายผู้นี้ได้ต่อไปยังถนน รู เดส์ รอมปาร์ ซึ่งเป็นจุดที่บุคคลที่ 2 ถูกสังหาร แล้วจึงบ่ายหน้าไปยังย่านโอลด์ พอร์ต และเข้าทำร้ายเหยื่อคนอื่นๆ เลอ โซเลอิล รายงาน
การิน ลาโคสต์ ซึ่งเป็นชาวเมืองควิเบกเล่าว่า เธอกำลังจะไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อหาซื้อของบางอย่างเมื่อเวลาราว 5 ทุ่ม และได้พบตำรวจติดอาวุธจำนวนมากซึ่งสวมเสื้อกันกระสุนด้วย
“คนหนึ่งในนั้นบอกฉันว่า ‘รีบวิ่งกลับบ้านเลย มีคนร้ายคนหนึ่งกำลังเดินเตร่อยู่แถวๆ นี้ เขาเป็นฆาตกร เขาเพิ่งฆ่าคนตาย’” เธอเล่าให้ทีวีช่องข่าว แอลซีเอ็น ฟัง “ฉันกลัวมากจริงๆ”
<b>ทุ่มกำลังตามล่า </b>
โด-ยน โฆษกตำรวจควิเบกแถลงว่า ชายต้องสงสัยผู้นี้ถูกจับเมื่อช่วงก่อนรุ่งสางวันอาทิตย์ หลังจากกำลังตำรวจออกตามล่าไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเมืองเก่าควิเบก
เขาระบุว่า ตำรวจได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุโจมตีเมื่อเวลาประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง จากนั้นก็ส่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากไปยังจุดเกิดเหตุ รวมทั้งหน่วยสุนัขตำรวจ
ผู้ต้องสงสัยถูกจับเมื่อเวลาก่อนตี 1 เล็กน้อย บริเวณใกล้ๆ ย่านโอลด์ พอร์ต โฆษกผู้นี้กล่าวต่อ จากนั้นเขาก็ “ถูกตรวจเช็ก” และ “ถูกนำตัวไปโรงพยาบาลเพื่อประเมินผล”
ตำรวจสามารถระบุชื่อผู้ต้องสงสัยผู้นี้ได้อย่างเป็นทางการแล้ว ทว่ายังไม่เปิดเผยรายละเอียดให้สาธารณชนทราบ รวมทั้งไม่ตอบเมื่อถูกถามว่าตำรวจรู้จักมีประวัติของชายผู้นี้มาก่อนหรือไม่
สำหรับเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บ 5 คน โด-ยน บอกว่า มีอาการหนักเบาต่างๆ กันไป โดยที่เวลานี้ตำรวจยังไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับอัตลักษณ์หรืออายุของผู้บาดเจ็บล้มตาย
ขณะที่หนังสือพิมพ์ เลอ โซเลอิล รายงานว่า ผู้ต้องสงสัยกำลังนอนอยู่ที่พื้น เท้าอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า และมีอาการอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ เมื่อตอนที่เขาถูกจับกุม
ตอนนั้นเขาสวมหน้ากากสีดำ และยอมจำนนต่อตำรวจโดยดี หนังสือพิมพ์ฉบับกล่าวโดยบอกด้วยว่า ชายผู้นี้ได้วางแผนการเกี่ยวกับการก่อเหตุโจมตีของเขาอยู่ราว 1 ปีครึ่ง
ตำรวจได้ขอให้ชาวเมืองควิเบกอยู่แต่ภายในอาคารโดยปิดล็อกประตูให้สนิท ขณะที่การสืบสวนสอบสวนกำลังดำเนินอยู่ ทั้งนี้มีย่านละแวกหลายย่านถูกปิดล้อม สามารถมองเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก
สืบเนื่องจากโรคระบาดไวรัสโคโรนา ถนนหนทางต่างๆ ของเขตเมืองเก่าควิเบกอยู่ในสภาพเงียบเชียบในเวลาที่เกิดเหตุโจมตีคราวนี้ นักหนังสือพิมพ์อิสระ จอร์ดอง พรูสต์ บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพี
“พวกเด็กๆ ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมเฉลิมฉลองวันฮาโลวีนกันนั้น ทำกันเสร็จไปแล้วตั้งแต่ตอนบ่าย” เขากล่าว

 

‘หญิงผิวขาวชานเมือง’ ชอบ ‘ทรัมป์’ ไม่ลงเสียแล้ว สัญญาณอันตรายของความพ่ายแพ้?
ผู้ออกเสียงที่เป็นหญิงอเมริกันผิวขาวซึ่งพำนักอาศัยตามย่านชานเมือง เป็นกลุ่มประชากรที่สำคัญมากกลุ่มหนึ่ง ที่ทำให้ โดนัลด์ ทรัมป์ เอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน ในรัฐสมรภูมิสำคัญๆ หลายแห่ง และทำให้เขาชนะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ด้วยการที่ทรัมป์มีชัยในเรื่องเสียงคณะผู้เลือกตั้ง (electoral colleges) ซึ่งคิดตามคะแนนโหวตในแต่ละรัฐเป็นสำคัญ ถึงแม้เขาพ่ายแพ้ในเรื่องจำนวนผู้ออกเสียงที่ลงคะแนนให้ (popular votes) เกือบๆ 3 ล้านเสียง
เวลานี้ขณะเหลือเวลาอีกแค่ 3-4 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง 3 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีทรัมป์ก็กำลังร้องวอนให้หญิงอเมริกาย่านชานเมืองช่วยโหวตให้เขา โดยที่โพลของสำนักต่างๆ ชี้ว่า คำอุทธรณ์ของเขาไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด
“ผมขอร้องพวกคุณช่วยผมหน่อยได้ไหม คุณผู้หญิงย่านชานเมืองทั้งหลาย? คุณจะกรุณาชอบผมหน่อยได้ไหม?” ทรัมป์พูดเช่นนี้ระหว่างการปราศัยหาเสียงครั้งหนึ่งในเดือนตุลาคมนี้ที่รัฐเพนซิลเวเนีย “ได้โปรดเถอะ ได้โปรดเถอะ ผมเป็นคนช่วยไอ้ย่านชุมชนของคุณให้ปลอดภัยนะ โอเคนะ?”
ประธานาธิบดีพรรครีพับลิกันผู้นี้อาจจะพูดยืนยันอยู่เรื่อยๆ ว่า “พวกผู้หญิงนะเค้าชอบทรัมป์จริงๆ นะ” แต่ผลการสำรวจความคิดเห็นกลับให้ภาพที่แตกต่างออกไป โดยที่ โจ ไบเดน ผู้สมัครของพรรคเดโมแครต มักเป็นผู้นำแบบทิ้งห่างมากกว่า 20% ในกลุ่มสตรีย่านชานเมือง
เมื่อปี 2016 ฮิลลารี คลินตัน ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีโอกาสใกล้มากจริงๆ ที่จะได้ครองทำเนียบขาว ชนะได้โหวตกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ออกเสียงที่เป็นสตรี –ยกเว้นพวกผู้หญิงผิวขาว
กว่าครึ่งหนึ่งของพวกเธอยังคงให้การสนับสนุนทรัมป์ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าวันเลือกตั้งครั้งนั้นไม่นาน มีการเผยแพร่คลิปเสียงที่อัดกันไว้เมื่อปี 2005 ซึ่งในคลิปดังกล่าว เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์และพิธีกรเรียลลิตี้โชว์ผู้นี้ คุยอวดว่า เขาสามารถ “คว้าหมับ” เข้าที่ของสงวนของผู้หญิงคนไหนก็ได้ที่เขาต้องการ
แต่เมื่อถึงการเลือกตั้งกลางสมัยในปี 2018 การที่สตรีผิวขาวย่านชานเมืองมีแนวโน้มสนับสนุนพรรครีพับลิกันลดลงอย่างชัดเจน เป็นเหตุทำให้พรรคของทรัมป์สูญเสียเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ในปี 2016 ทรัมป์ชนะเสียงโหวตโดยรวมในย่านชานเมืองเหนือคลินตัน ในระดับ 47% ต่อ 45%
อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 นี้ ไบเดนคือผู้นำ โดยทิ้งห่างถึง 10% ในกลุ่มผู้ออกเสียงแถบชานเมืองซึ่งมีความสำคัญมากนี้ และตามเว็บไซต์เสนอผลโพล FiveThirtyEight เป็นเพราะเสียงโหวตของผู้หญิงนั่นเองซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบยูเทิร์นเช่นนี้
พฤติกรรมของทรัมป์ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นพวกเหยียดเพศ, พวกชังหญิง, และพวกตกยุค นั่นแหละ เป็นที่เชื่อกันว่าคือสาเหตุข้อสำคัญที่สุด และเขาก็ได้ให้ตัวอย่างชัดๆ อีกอันหนึ่งในเรื่องนี้ที่รัฐแอริโซนาเมื่อวันพุธ (28 ต.ค.) ที่แล้ว
ระหว่างการปราศรัยหาเสียง เขาพูดเร่งให้ วุฒิสมาชิกหญิงจากรัฐแอริโซนา มาร์ธา แมคแซลลี ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกันและกำลังตกอยู่ในอันตรายจะสูญเสียที่นั่งของเธอที่ตัดสินกันในการเลือกตั้งวันที่ 3 พ.ย. ด้วย ให้ขึ้นมาบนเวที
“มาร์ธา รีบขึ้นมาเร็วๆ เร็วเลย เร็วเลย มาซิ รีบเลย” เขาบอกเธอแบบฉับพลันทันด่วน “คุณมีเวลาแค่นาทีเดียวนะ! นาทีเดียว มาร์ธา! พวกเขาไม่ต้องการฟังหรอกนะ มาร์ธา มาเลย เอ้า เริ่มเลย”
<b> “ความคิดเห็นที่ปวดแสบปวดร้อน” </b>
เบตซี ฟิชเชอร์ มาร์ติน ผู้อำนวยการบริหารของสถาบันสตรีและการเมือง แห่งมหาวิทยาลัยอเมริกัน (American University) บอกว่า จากการวิจัยเกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางสมัยเมื่อปี 2018 ได้พบว่า “ความคิดเห็นที่ปวดแสบปวดร้อน” ของทรัมป์นั่นเอง คือ “แหล่งที่มาของความกลุ้มใจอย่างรุนแรง” สำหรับพวกผู้หญิง
“ในหมู่ผู้หญิงที่ระบุว่าตนเองเป็นรีพับลิกันนั้น เกือบครึ่งหนึ่งทีเดียวกล่าวว่าวาจาคำพูดของเขานั้นสร้างความเจ็บปวดให้พวกเธอในแบบเป็นการส่วนตัว” ฟิชเชอร์ มาร์ติน บอก “และในหมู่สตรีผิวขาวย่านชานเมือง 51% กล่าวว่า พวกเธอพบว่าภาษาและน้ำเสียงของเขา ‘ทำให้เกิดความกลุ่มใจมากๆ’”
พวกที่ยังคงสนับสนุนเขาถึงแม้มีความรู้สึกไม่พอใจ ได้ยอมมองข้ามความรู้สึกเช่นนี้ไป เพราะ “เห็นแก่การกระทำและนโยบายของเขา ซึ่งกำลังเป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับพวกเธอมากกว่า” เธออธิบาย
แต่เมื่อมาถึงปี 2020 “โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการรับมือกับไวรัสของเขา –พวกเธอก็ไม่ยินยอมปล่อยให้เขาผ่านไปอีกแล้ว” เธอกล่าวต่อ
ทรัมป์ใช้ความพยายามอย่างมากในการรณรงค์หาเสียงของเขาขณะนี้ เพื่อทำให้สตรีย่านชานเมืองมั่นใจที่จะโหวตให้เขา
เขาถูกกล่าวหาว่ากำลังเติมเชื้อเพลิงให้แก่ความตึงเครียดระหว่างคนต่างผิวต่างเชื้อชาติ จากการที่เขาอ้างว่า ไบเดนต้องการที่จะ “ทำลาย” ชุมชนชานเมืองทั้งหลาย ตลอดจน “ความฝันแบบอเมริกัน” และนำเอาการประท้วง, อาชญากรรม, และความวุ่นวายมาสู่ย่านชุมชนของพวกเธอ
ทรัมป์มักอ้างอยู่เป็นประจำว่า พวกเดโมแครตจะโยกย้ายเอาพวกโครงการที่พักอาศัยราคาถูกมาสร้างกันในแถบชานเมืองเหล่านี้ ซึ่งจะเป็นอันตรายแก่ชุมชนชานเมืองสะอาดสะอ้านที่ประกอบด้วยบ้านเดี่ยวอยู่กันแบบครอบครัวเดียว ที่เขาเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ชาวอเมริกันผิวขาวชื่นชมทะนุถนอม
ประธานาธิบดีวัย 74 ปีผู้นี้ยังทำให้เกิดความกังขาไม่เห็นด้วยขึ้นมาในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเขาพูดถึงผู้หญิงระหว่างการหาเสียงในรัฐมิชิแกน ซึ่งให้ภาพของครอบครัวในยุคทศวรรษ 1950 มากกว่ายุคทศวรรษ 2020
หลังจากพูดอวดเรื่องเขากำลังนำเอาเด็กๆ กลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน ทรัมป์ก็บอกว่า “แล้วพวกคุณรู้อะไรไหม? ... เรากำลังนำเอาสามีของพวกคุณๆ กลับไปทำงานด้วยนะ!”
“เขาคิดว่าเขาอยู่ในยุคทศวรรษไหนกันนะ?” เป็นเสียงตอบโต้จาก แนนซี เปโลซี ส.ส.เดโมแครตที่ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเวลานี้ “เขาคิดว่าเขาอยู่ในศตวรรษไหมกันนะ?”
เปโลซีพูดเย้ยต่อไปว่า ข้อความนี้ของทรัมป์ “ไม่ใช่ความเป็นจริงด้วยซ้ำไป” จากการที่ผู้คนเป็นล้านๆ ไม่มีงานทำ และโรงเรียนจำนวนมากก็ยังปิดอยู่เนื่องจากโรคระบาดไวรัสโคโรนา
“ช่างถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์แบบเลยจากความเป็นจริงต่างๆ ของชีวิต” เธอกล่าว
สำหรับผู้หญิงนั้น ก็เฉกเช่นเดียวกับชุมชนย่านชานเมืองต่างๆ ของสหรัฐฯ ต่างมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงตลอดช่วงหลายๆ ทศวรรษที่ผ่านมา
ในปี 2016 คุณแม่ที่อยู่กับบ้านมีจำนวนเท่ากับแค่เพียง 27% ของผู้หญิงชาวอเมริกันทั้งหมด เปรียบเทียบกับ 49% เมื่อช่วง 50 ปีก่อนหน้านั้น ทั้งนี้ตามผลการศึกษาของ พิว รีเสิร์ช เซนเตอร์
และในปี 2020 ผู้หญิงทำงานจำนวนมากก็อยู่ในกลุ่มเหยื่อของวิกฤตการณ์โควิด-19 โดยกำลังสูญเสียงานการของพวกเธอ หรือถูกบังคับให้ต้องหยุดทำงานเพื่อมาดูแลลูกๆ
“ทุกวันนี้ ผู้หญิงตามย่านชานเมืองมีความกังวลเกี่ยวกับโควิด และสุขภาพของครอบครัวของพวกเธอ มากกว่าที่พวกเธอจะใส่ใจกับความคิดที่ดูห่างไกลออกไปในเรื่องเกี่ยวกับพวกผู้ประท้วงในย่านชุมชนของพวกเธอ” ฟิชเชอร์ มาร์ติน กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี

 

ช่างกล้า!ทรัมป์วิจารณ์เดือดบางชาติยุโรปล็อกดาวน์เข้มงวดสกัดโควิด-19
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์(1พ.ย.) วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อกรณีที่บางชาติในยุโรปใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด สกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อ้างข้อจำกัดต่างๆเหล่านั้นไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเคสผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นทั้งในยุโรปและอเมริกา
https://mgronline.com/around/detail/9630000113278

 

สังคมเปิดกว้าง! ‘นิวซีแลนด์’ เปิดตัวรองนายกฯ เกย์คนแรก-รมว.ต่างประเทศเป็นชาวเมารีสักหน้า
.
นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์เปิดตัวคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่เน้นความหลากหลายทางสังคม โดยมีรองนายกรัฐมนตรีที่เป็นเกย์อย่างเปิดเผยคนแรก ขณะที่นักการเมืองหญิงชาวเมารีซึ่งมีรอยสักบนใบหน้าได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
.
อาร์เดิร์น ซึ่งเป็นผู้นำสายกลางซ้ายได้เปลี่ยนตัวคณะรัฐมนตรีใหม่หลังจากที่ชนะศึกเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่ารัฐบาลเทอมสองของเธอจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการต่อสู้โรคระบาดโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจ
.
แกรนต์ โรเบิร์ตสัน ซึ่งเป็นเกย์อย่างเปิดเผยได้รับเลือกให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขณะที่ผู้หญิงและชุมชนชาวเมารีก็ได้มีผู้แทนในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ด้วย หนึ่งในนั้นคือ นาไนอา มาฮูตา (Nanaia Mahuta) รัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งเป็นหญิงชาวเมารีที่มีรอยสัก moko kauae อยู่ที่คาง
.
อาร์เดิร์น วัย 40 ปี ออกมาแสดงความภาคภูมิใจในความหลากหลายของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ แต่ก็ยืนยันว่าได้เลือกสรรบุคคลโดยพิจารณาเรื่องคุณสมบัติเป็นหลัก
.
“นี่คือคณะรัฐมนตรีที่มีครบทั้งคุณสมบัติและพรสวรรค์ และมีความหลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ” อาร์เดิร์น ระบุ
.
โรเบิร์ตสัน วัย 49 ปี ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ในทีมหาเสียงของ อาร์เดิร์น ยังคงควบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานด้วย
.
เมื่อถูกถามว่าการที่รองนายกฯ เป็นเกย์นั้นมีนัยสำคัญหรือไม่อย่างไร อาร์เดิร์น ก็ตอบว่า เธอเลือก โรเบิร์ตสัน เพราะคุณสมบัติการเป็นผู้นำของเขา ไม่ใช่รสนิยมทางเพศ
.
อาร์เดิร์น ชนะศึกเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 17 ต.ค. และกลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัยด้วยอานิสงส์จากความสำเร็จในการรับมือโควิด-19 และในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้เธอยังได้แต่งตั้ง ‘รัฐมนตรีฝ่ายตอบสนองโควิด-19’ ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ โดยให้อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข คริส ฮิปกินส์ เข้ามารับหน้าที่
.
นายกฯ หญิงชี้ว่า การเพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีโควิดจะช่วยให้ ฮิปกินส์ สามารถดูแลเรื่องการควบคุมพรมแดนและการกักกันโรคได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องพะวงกับระบบสาธารณสุขโดยรวม
.
แม้พรรคของ อาร์เดิร์น จะกุมเสียงข้างมากในสภาและสามารถเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้อย่างสบายๆ แต่เธอยังคงเลือก ส.ส.จากพรรคกรีน 2 คนเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี ได้แก่ เจมส์ ชอว์ ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และ มารามา เดวิดสัน ซึ่งจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศ
.
ที่มา: เอเอฟพี

 

ยังกับดินแดนเถื่อน!คลิประทึก 2แก๊งคู่อริดวลปืนสนั่นเมืองฝรั่งเศสกลางวันแสกๆ(ชมวิดีโอ)
สื่อต่างประเทศเผยแพร่คลิประทึก เหตุการณ์ดวลปืนกันสนั่นบนท้องถนนของเมืองมงต์เปลลิเยร์ ทางตะวันตกของฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์(1พ.ย.) หลัง 2 แก๊งคู่อริใช้ปืนสั้นและปืนไรเฟิลปะทะกับอีกฝ่าย ขณะที่ตำรวจเผยมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 1 คน
https://mgronline.com/around/detail/9630000113313

 

สื่อเผยเจ้าชายวิลเลียมเคยติดเชื้อโควิด-19อาการหนักแต่ปิดข่าว ผอ.WHOต้องกักโรคตนเอง
เจ้าชายวิลเลียมแห่งราชวงศ์อังกฤษทรงติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเดือนเมษายน ในช่วงเวลาเดียวที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระบิดาของพระองค์ทรงประชวรจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตามรายงานของสื่อมวลชนอังกฤษในช่วงเย็นวันอาทิตย์(1พ.ย.) ขณะที่ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ก็เสี่ยงตกเป็นเหยื่อของโควิด-19 เช่นกัน หลังสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายหนึ่ง จนต้องตัดสินใจกักกันโรคตนเอง
https://mgronline.com/around/detail/9630000113295

 

ชายชราวัย70ปีรอดหลังติดใต้ซาก33ชั่วโมง ยอดเหยื่อแผ่นดินไหวตุรกีพุ่ง62ศพ
ชายวัย 70 ปีได้รับความช่วยเหลือ ถูกดึงออกจากเศษซากหักพังของอาคารแหงหนึ่งในเมืองอิซมีร์ ของตุรกีเมื่อวันอาทิตย์(31ต.ค.) หลังจากถูกฝังอยู่เบื้องล่างนานกว่า 33 ชั่วโมง หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงสั่นสะเทือนชายฝั่งทะเลอีเจียนของตุรกีและเกาะของกรีซ
https://mgronline.com/around/detail/9630000113292

 

ที่ปรึกษาทรัมป์โร่ขอโทษ เผลอให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน'สายลับ'รัสเซีย
สกอตต์ แอตลาส ที่ปรึกษาด้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของทำเนียบขาว กล่าวขอโทษในวันอาทิตย์(1พ.ย.) ต่อกรณีให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์อาร์ที ที่ได้รับการสนับสนุนจากเครมลิน ยอมรับไม่ทราบว่าสื่อมวลชนแห่งนี้ถูุกขึ้นบัญชีในฐานะตัวแทนต่างชาติในสหรัฐฯ
https://mgronline.com/around/detail/9630000113286

 

โลกแห่งขยะ งานวิจัยใหม่เผย สหรัฐฯ-อังกฤษแชมป์! สร้างขยะพลาสติกมากสุด US ส่งออกให้ประเทศอื่นจัดการ คาดส่งผลก่อขยะทะเลทั่วโลก ไทยติดอันดับ 5 ขยะคนละ 70 กก./ปี
•
งานวิจัยล่าสุดปี 2020 เผยสหรัฐอเมริกาครองแชมป์ เป็นประเทศที่ประชาชนสร้างขยะพลาสติกต่อคนมากที่สุดในโลก และติดโผอันดับที่ 3 ของโลกเรื่องการปล่อยขยะลงสู่ทะเล ส่วนสหราชอาณาจักรตามมาติดๆ สร้างขยะพลาสติกมากที่สุดในโลกรองลงมา
•
ซึ่งข้อมูลนี้ต่างจากงานวิจัยของเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่เผยว่าประเทศเอเชียเป็นประเทศต้นๆ ในการปล่อยขยะพลาสติกลงสู่ทะเล ส่วนสหรัฐอเมริกาอยู่ที่อันดับ 20
•
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเมื่อ 5 ปีที่แล้วยังไม่รวมจำนวนขยะที่สหรัฐส่งออก และนำไปกำจัดอย่างผิดกฎหมาย โดยถ้ารวมแล้ว การที่สหรัฐจะขึ้นมาเป็นประเทศอันดับต้นๆ ด้านการผลิตขยะพลาสติกสู่ทะเลก็เป็นไปได้ เนื่องจากสหรัฐส่งออกขยะรอการรีไซเคิลไปให้ประเทศอื่นจัดการมากกว่าครึ่ง
•
ซึ่งขยะพวกนี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแน่นอนเพราะประเทศที่ได้รับขยะไปส่วนมากมีการจัดการขยะพลาสติกที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ
•
ทั้งนี้ งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ใน Journal Science Advances ระบุว่า คนอเมริกันนั่นแหละที่เป็นผู้ทิ้งขยะพลาสติกมากที่สุดในโลก ในแต่ละปีคนอเมริกัน 1 คนจะผลิตขยะพลาสติกถึง 105 กิโลกรัม โดยมีสหราชอาณาจักรรองลงมา เป็น 99 กิโลกรัมต่อคนต่อปี และไทยติดอันดับ 5 ขยะ 70 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
•
Nick Mallos จาก Ocean Conservancy และหนึ่งในผู้เขียนงานวิจัยฉบับนี้กล่าวว่า “สหรัฐมีประชากรคิดเป็น 4% ของทั้งโลก แต่ทิ้งขยะพลาสติกคิดเป็น 17% ของทั้งหมด... สหรัฐต้องมีบทบาทที่สำคัญกว่านี้ในการรับมือกับวิกฤตขยะพลาสติกที่เกิดขึ้น”
•
Dr. Kara Lavender Law นักวิจัยจาก Sea Education Association กล่าวถึงปัญหาการส่งออกของขยะว่า “เป็นเวลาหลายปี ที่ขยะพลาสติกถูกส่งออกไปรีไซเคิลในประเทศอื่นที่ยังมีปัญหาในการจัดการขยะ และขยะก็ไม่ได้มากจากแค่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น”
•
“ลองคิดดูว่าจะมีขยะพลาสติกเยอะแค่ไหนที่ไม่ได้ถูกนำไปรีไซเคิลจริงๆ เพราะค่าพลาสติกต่ำ เปื้อน หรือแม้กระทั้งไม่คุ้มต่อการรีไซเคิล ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่การส่งออกขยะพวกนี้จะเป็นปัญหาทำให้ขยะหลุดออกไปสร้างมลพิษให้ธรรมชาติ” Law เสริม
•
Natalie Starr จากศูนย์ DSM Environmental Services และผู้ร่วมเขียนงานวิจัยเผยว่า “มันเป็นเวลาที่นานพอสมควรที่สรัฐอเมริกาได้ส่งขยะรีไซเคิลไปต่างประเทศแทนที่จะจัดการมันภายในประเทศตัวเอง ซึ่งจากตรงนี้ก็ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมได้รับผลกระทบอย่างมาก”
•
“เราต้องเปลี่ยน โดยเริ่มลงทุนเรื่องนวัตกรรมรีไซเคิลขยะ และส่งเสริมการเก็บขยะ รวมถึงเร่งให้เกิดงานวิจัยและแผนพัฒนาที่จะทำให้การทำงนในด้านนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และราคาของพลาสติกและแพคเกจจิ้งทางเลือกที่มีความยั่งยืนมีราคาถูกลงเพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดต่างๆ” Starr เสริม
•
Mallos เพิ่มว่า “การแก้ปัญหาคือการเริ่มที่บ้าน เราต้องผลิตขยะพลาสติกให้น้อยลงโดยการงดใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง และพัฒนาวิธีแพคเกจจิ้งและการส่งของแบบใหม่ และในที่ๆ พลาสติกยังมีความจำเป็นอยู่ เราก็ควรจะทำให้อัตราการรีไซเคิลของขยะมีมากขึ้น”
•
ในปี 2016 ขยะพลาสติกในอเมริกาถูกรีไซเคิลไปแค่ 6% ดังนั้นเมื่อเทียบกับจำนวนขยะที่ประชากรแต่ละคนผลิตขึ้น 6% นี้จึงถือว่าน้อยมาก
•
เราจึงเห็นด้วยกับ Mallos ที่กล่าวไว้ว่า “การแก้ปัญหาคือการเริ่มที่บ้าน” ต่อไปนี้มนุษย์ควรจะรับผิดชอบต่อการบริโภคของตนมากขึ้น และรับผิดชอบพลาสติกที่ตนเองผลิตด้วย ไม่งั้นจำนวนขยะพลาสติกที่ลงไปสู่ทะเลจะเพิ่มขึ้นอย่างกู่ไม่กลับแน่นอน
•
https://www.theguardian.com/environ...worlds-biggest-sources-of-plastic-waste-study

https://phys.org/news/2020-10-reveals-states-source-plastic-pollution.html
•
ณิชากร บัวทรัพย์
Environman

 

อ.ธรณ์เผยภาพ #ขยะไมโครพลาสติกอ่วมทะเลประเทศไทย! โชว์ตัวอย่างจากน้ำเจ้าพระยา และเกาะห่างไกลสุด 700 กม. ขยะจิ๋วเยอะขั้นอันตราย!

วันที่ 31 ตุลาคม ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผยข้อมูลถึงปัญหาขยะไมโครพลาสติกดังนี้

วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริงวันลอยกระทง แต่ก่อนสนุกกันจริง ผมอยากให้เราทั้งหลายชายหญิง ลองดูภาพนี้

ภาพเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เพื่อนธรณ์เห็น คือไมโครพลาสติกที่เราเก็บมาในเดือนกันยายน-ตุลาคม ปีนี้ ภาพนี้บอกอะไรเราได้บ้าง ?

ภาพบนบอกได้ว่า ในแม่น้ำเจ้าพระยามีไมโครพลาสติกชิ้นใหญ่ จำนวนมาก
ทั้งหมดนี้ กรองมาจากน้ำ 10 ลบ.เมตร ปริมาณน้ำไหลผ่านเจ้าพระยาตอนนี้ 2,840 ลบ.เมตร/วินาที หมายความว่า ทุกวินาที เรามีไมโครพลาสติก มากกว่านี้ 284 เท่า กำลังไหลลงทะเล เน้นย้ำคำว่า ทุกวินาที

คราวนี้ลองมองภาพล่าง เป็นไมโครพลาสติกที่เรากรองมาได้จากเกาะโลซิน เกาะห่างฝั่งที่สุดของอ่าวไทย โลซินอยู่ไกลจากปากแม่น้ำเจ้าพระยา 700 กิโลเมตร ทะเลใสแจ๋ว รอบด้านเวิ้งว้าง ไม่เห็นฝั่ง ไม่เห็นเกาะใด แต่เมื่อเรากรองน้ำหาไมโครพลาสติก เราพบเช่นกัน แม้จะน้อยกว่า แต่ก็พบ

หมายความว่าในทะเลไทย ต่อให้เป็นเกาะอยู่ห่างไกลแค่ไหน ในน้ำก็ยังมีไมโครพลาสติก

การศึกษายังต้องทำต่อเนื่อง ยังมีอะไรใหม่ๆ ให้หน่วยต่อต้านขยะทะเล คณะประมง ทำอยู่ตลอด เราออกฟิลด์ทุกสัปดาห์ ห้องแลปไม่เคยปิด เครื่องวิเคราะห์ทำงานกันร้อนฉ่า (อย่าเจ๊งนะจ๊ะ ไม่มีตังค์ซ่อมแล้ว

ข้อมูลที่เราเรียนรู้มา มีประโยชน์อย่างยิ่ง และในอีกมุมหนึ่ง ดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ลอยกระทงคืนนี้ เราทั้งหลายชายหญิง ได้โปรดมาช่วยกัน
อธิษฐานกับพระจันทร์ ขอโทษพระคงคา และไม่สร้างขยะใดๆ ให้ลำน้ำและท้องทะเลครับ

หมายเหตุ - หน่วยต่อต้านขยะทะเล จัดตั้งโดยความสนับสนุนจาก GC
การศึกษาโลซินร่วมกับ ปตท.สผ. ตามโครงการความร่วมมือ Ocean for Life
การศึกษาเจ้าพระยาได้รับการสนับสนุนจาก RCL
เครื่อง Manta ลากไมโครพลาสติกได้รับความสนับสนุนจากเพื่อนธรณ์/ปตท.สผ.

ที่มา