ติดตามสถานะการณ์

" ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น “โคนี" ล่าสุดตามรายงานของ JTWC ตำแหน่งอยู่ที่ 14.2N 126.5E มีความเร็วลมสูงสุด ใกล้ศูนย์กลางประมาณ 155 kts หรือ 287 กม./ซ.ม. ความกดอากาศส่วนกลางอยู่ที่ 915 hpa เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 22 กม/ซ.ม. คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณตอนกลางประเทศ #ฟิลิปปินส์ ในเช้าวันพรุ้งนี้ ด้วยความเร็วลมสูงสุดที่ 250 ก.ม/ซ.ม. แล้วจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แล้วจะเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนกลางในระยะต่อไป #และจะอ่อนกำลังลงเรื่อยๆคับ
ที่มาข้อมูล jtwc, windy, tsr storm
#เตือนภัยพิบัติโลก

 

#เส้นทางสู่ทำเนียบขาวราคาเท่าไหร่?
#เงินสะพัดก่อนคืนวันหมาหอนที่สหรัฐ

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเลือกตั้งชิงตำแหน่งเจ้าเมืองมะกันแล้ว ที่ตอนนี้บรรยากาศการเมืองในสหรัฐก็คึกคักสุดๆ ที่ทั้ง 2 พรรคการเมืองใหญ่ เดโมแครต และ รีพับลิกัน เดินสายหาเสียงกันทุกวัน เพื่อเรียกคะแนนเสียงกันจนถึงวันสุดท้ายก่อนเข้าคูหา

เคยมีหลายคนส่งสัยว่า ทำไมประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ออกจะใหญ่ แต่ทำไมเวลาเลือกตั้ง ทั้งระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ ถึงมีชื่อแค่พรรคการเมืองเพียง 2 พรรคนี้เท่านั้น

ก็เพราะสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศใหญ่นี่แหล่ะ ที่กลายเป็นข้อจำกัดของการสร้างพรรคการเมือง ที่มีพลัง มีฐานเสียงเพียงพอที่จะผลักดันสมาชิกพรรคเข้าไปมีสิทธิ์ มีเสียง และกำหนดทิศทางนโยบายในสภาได้

ซึ่งข้อจำกัดนี้ มาร์ค แฮนน่า อดีตวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันในสมัยยุคสงครามกลางเมือง เคยกล่าวเป็นวาทะเสียดสีเด็ดดวงในตำนาน แต่ก็จริงจนไม่อาจปฏิเสธได้แม้ในปัจจุบันว่า

“There are two things that are important in politics. The first is money and I can’t remember what the second one is.”

"มีอยู่ 2 สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในระบบการเมือง อย่างแรกก็คือ เงิน ส่วนอย่างที่ 2 คืออะไร ผมก็จำไม่ได้แล้ว"

เพราะการที่ผู้สมัครคนหนึ่ง จะขอเข้ามาท้าชิงตำแหน่งเจ้าเมืองมะกัน จะต้องเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ มีผู้ช่วย มีลูกหาบ มีทีมหาเสียง มีฝ่ายยุทธศาสตร์ มีงบประชาสัมพันธ์ ต้องมีค่าเดินทาง ที่กินเวลานานกว่า ปีครึ่ง ที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำได้เอง

ต่อให้เป็นถึงอภิมหาเศรษฐีก็ยากที่จะทำได้จนตลอดรอดฝั่ง และที่สำคัญ ต้องเลือกตั้งทุกๆ 4 ปี เป็นเจ้าเมืองมะกัน ทำงานเต็มที่ได้แค่ 2 ปี ก็ต้องเริ่มวางแผน เดินสายหาเสียงต่อแล้ว

จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องพึ่งพาเครือข่ายฐานเสียง และการระดมทุนจากพรรคการเมืองที่ปักหลักมั่นคงสายป่านยาวแล้ว ถึงจะไหว และช่วงฤดูการเลือกตั้ง ก็เป็นหนึ่งในอีเว้นท์ ที่มีเงินสะพัดมากมายมหาศาลกว่าหมี่นล้านเหรียญในแต่ละปี

รวมถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เช่นกัน

ถึงแม้ว่า ปีนี้ที่สหรัฐจะประสบปัญหา Covid-19 ภาคธุรกิจซบเซาจนปิดกิจการ ผู้คนตกงานเป็นจำนวนมาก แต่กลับมีกิจกรรมอยู่ไม่กี่อย่างที่ยอดพุ่งกระฉูดสุดๆ หนึ่งในนั้นคือ "งานเลือกตั้ง"

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คนอเมริกันพร้อมใจเทเงิน ระดมทุนให้กับคนที่รัก พรรคที่ชอบ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และมากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้วในปี 2016 ถึงเกือบเท่าตัว

จากสำนักข่าว CNBC ได้สรุปตัวเลขคร่าวๆว่า ตลอดช่วงฤดูหาเสียงตั้งแต่รอบ Primary หรือศึกหยั่งเสียงคัดเลือกตัวแทนพรรค มาจนถึงช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งจริง ในปี 2020 นี้ มีการใช้งบหาเสียง 10,800 ล้านเหรียญ (ราวๆ 334,800 ล้านบาท) สูงที่สุดเท่าที่เคยมีการจัดเลือกตั้งมา

และเมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วในปี 2016 ที่ท่านเสี่ยทรัมพ์ ปะทะ ป้าฮิลลารี่ คลินตัน ที่เขาว่าก็ใช้งบเยอะมากแล้ว ยังใช้ไปเพียง 7 พันล้านเหรียญ

ปริมาณเม็ดเงินมหาศาลที่ทุ่มให้กับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ที่เทียบได้พอๆกับ GDP ตลอดทั้งปีของประเทศบรูไนนี้ มาจากไหน

หากผู้สมัครเป็นมหาเศรษฐีเงินถุง เงินถัง อยู่แล้ว ก็อาจจะออกเองส่วนหนึ่ง อย่าง ไมเคิล บลูมเบิร์ก เจ้าพ่อสื่อยักษ์ใหญ่ ที่จะขอมาชนกับ โดนัลด์ ทรัมพ์ ที่ออกเงินส่วนตัวไปในช่วงการหาเสียงเกือบ 1 พันล้านเหรียญแบบไม่กลัวขนหน้าแข้งร่วง

แต่ส่วนมากจะได้มาจากการระดมทุน ของผู้สนับสนุน ทั้งแบบส่วนตัว และองค์กร ที่ปีนี้ทุ่มมากันไม่ขาดสาย และพรรคที่ได้เงินสนับสนุนมากที่สุดคือ เดโมแครต เพื่อสนับสนุน โจ ไบเดน ที่มีตัวเลขเงินสนับสนุนสูงมาก และสูงกว่าพรรครีพับลิกัน ของท่านเสี่ยทรัมพ์อย่างเห็นได้ชัด

ซึ่งมีการสรุปตัวเลขเงินระดมทุน เฉพาะของโจ ไบเดน คนเดียว ก็พุ่งไปถึง 952 ล้านเหรียญ และเมื่อเทียบกับเงินระดมทุนของ ฮิลลารี คลินตันเมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาอยู่ที่ 586 ล้านเหรียญ

จึงทำให้โจ ไบเดน อาจกลายเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีคนแรก ที่สามารถระดมทุนได้มากถึง 1 พันล้านเหรียญ

ส่วนท่านเสี่ย โดนัลด์ ทรัมพ์ ถึงจะสามารถระดมทุนได้ไม่มากเท่าไบเดน แต่ก็ได้ไปถึง 600 ล้านเหรียญ และยังมากกว่างบที่ระดมทุนได้จากการเลือกตั้งสมัยแรกกว่าเท่าตัว

เงินสนับสนุนเหล่านี้ บางส่วนมาจากมิตรรักแฟนคลับทั่วไป ที่กฏหมายสหรัฐระบุว่า คนที่จะบริจาคเงินสนับสนุนผู้สมัครเลือกตั้งได้ ต้องเป็นพลเมืองสหรัฐเท่านั้น และให้ได้ไม่เกินปีละ 2,800 เหรียญ

หรือถ้าต้องการให้มากกว่านั้น ก็สามารถทำได้ เพราะรัฐบาลสหรัฐก็ได้เปิดช่องให้ระดมทุนผ่าน กลุ่มก้อนองค์กร ที่เรียกกว่า Super Pac เพื่อใช้เป็นทุนทำแคมเปญหาเสียงให้พรรคที่รัก ที่ชอบ หรือ ใช้แกงพรรคที่เกลียดก็ได้ แถมยังสามารถบริจาคในกองทุนนี้ได้ไม่จำกัด

กองทุน Super Pac นี้เอง เคยถูกมองว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงก๊อกใหญ่ ที่ช่วยขับเคลื่อนแคมเปญหาเสียงได้อย่างเป็นวงกว้าง แต่จะผลิดอก ออกผล แทงยอดได้สูงแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับกุนซือของแต่ละทีม

แต่สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ กลุ่มผู้สนับสนุนรายย่อย ที่ช่วนกันบริจาคครั้งละน้อย แต่ทยอยส่งมาเป็นประจำ เป็นกลุ่มที่โตขึ้นมาก

มีข้อมูลจากทีมหาเสียงทีมหนึ่งบอกว่า ปีนี้สามารถระดมทุนจากยอดผู้บริจาคที่เป็นรายย่อย จ่ายน้อย (ยอดบริจาคไม่เกิน 200 เหรียญ) ได้มากถึง 1 ใน 3 ของยอดทุนที่หาได้ทีเดียว และเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาถึง 14%

สาเหตุที่การเลือกตั้งครั้งนี้ มีการแสดงพลังของแฟนคลับส่วนบุคคล ผ่านการบริจาค ก็เป็นผลพวงมากจาก Covid-19 เหมือนกัน เนื่องจากมาตรการล็อคดาวน์ หรือเว้นระยะห่าง ที่ทำให้คนอเมริกันจำเป็นต้องอยู่บ้าน ก็เลยสนใจข่าวสารหน้าจอ ผ่านโลกโซเชียลกันเยอะมากๆ

และผู้สมัครทั้ง 2 ค่ายก็อัดโฆษณาผ่าน Ad ในโซเชียลมีเดีย พอยิ่งดู ก็เลยยิ่งอิน ก็เลยมีอารมณ์อยากจะสนับสนุน สัก 10-20 เหรียญ ก็อยากจะส่งมาถือว่าร่วมกองกฐิน ผ้าป่าไปด้วยกัน

สิ่งที่น่าสนใจของการระดมทุนเลือกตั้งในปีนี้ คือการเติบโตของกลุ่มผู้บริจาคที่เป็นผู้หญิง ที่มียอดบริจาคเพิ่มมากกว่าการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา และกลุ่มผู้หญิงมีแนวโน้มสนใจเรื่องการเมืองเพิ่มมากขึ้น และมีผลให้โจ ไบเดน ตัดสินใจเลือกคู่หู ที่จะเป็นรองประธานาธิบดีเป็นผู้หญิง เพื่อดึงฐานเสียงกลุ่มสตรีโดยเฉพาะ

แต่ก็ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า ทุนหาเสียงเลือกตั้งมากกว่า ไม่ได้หมายความว่าจะมีโอกาสชนะการเลือกตั้งได้เสมอไป

ดั่งเช่น การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาในปี 2016 ที่ฮิลลารี่ คลินตัน สามารถระดมทุนได้มากถึง 586 ล้านเหรียญ มากกว่าท่านเสี่ยทรัมพ์ ที่หาทุนได้เพียง 300 กว่าล้านเหรียญ แต่กลับเป็นท่านเสี่ยที่ชนะ เข้าป้ายที่ทำเนียบขาวได้

หรือ ไมเคิล บลูมเบิร์ก เจ้าพ่อสื่อ ที่ยอมลงทุนควักกระเป๋าตัวเองกว่า 1 พันล้านเหรียญ เพื่อขอให้ได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตไปชนกับเสี่ยทรัมพ์ แต่แคมเปญอันยิ่งใหญ่ของเขาก็ไม่ได้ช่วยให้เขาประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ ต้องขอถอนตัวออกไปอย่างเงียบๆ พร้อมเงินทุนมหาศาลที่เหมือนละลายทิ้งน้ำอย่างน่าเสียดาย

และในสนามเลือกตั้งจริง ไม่ว่าคุณจะเป็นกลุ่ม Super Pac เงินถัง หรือเป็นกลุ่มรายย่อยที่บริจาคแค่ 5 เหรียญ 10 เหรียญ ก็ได้ 1 สิทธิ์ 1 เสียง เท่ากัน ผลสำเร็จทุกอย่างวัดกันที่วันจริงเท่านั้นนะค้า

แหล่งข้อมูล

https://m.dw.com/en/us-election-campaign-financing-trump-biden/a-55414853

https://www.cnbc.com/2020/10/01/election-2020-campaign-spending-set-to-hit-record-11-billion.html

https://www.npr.org/2020/10/13/9234...spending-crosses-1-billion-mark-in-key-states

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Political_action_committee

 

สิงคโปร์ มาเลเซีย : ห้างโรบินสันส์จะทำการปิดสาขาทั้งหมดใน สิงคโปร์ 2 แห่ง มาเลเซีย 2 แห่ง
สิงคโปร์ : โรบินสันส์ 2 สาขาสุดท้ายในสิงคโปร์ เตรียมปิดกิจการ จบตำนานห้างเก่าแก่อายุกว่า 160 ปี ได้แก่สาขาศูนย์การค้าแรฟเฟิล ซิตี้ ช้อปปิ้ง และสาขาเดอะฮีเรน
มาเลเซีย : ในมาเลเซียทั้งสองแห่งที่ตั้งอยู่ในกัวลาลัมเปอร์ ร้านค้าที่ The Gardens Mall เปิดให้บริการมานานกว่า 13 ปีในขณะที่ร้าน The Shoppes ที่ Four Seasons Place เปิดให้บริการเมื่อสองปีก่อน และจะทำการขายช่วงสุดท้ายก่อนปิด
#การซื้อของออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภค ท่ามกลางพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงข้อจำกัดจากโควิด-19 ทำให้ยอดขายตกลง เป็นผลกระทบที่คล้ายกันทั่วโลก
ภาพ : Theedgmarkets / straitstimes

 

ฟิลิปปินส์ : ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น GONi โคนี. รุนแรงระดับ 5 แรงลม 250 + กม./ชั่วโมง รุนแรงที่สุดของปีนี้
สั่งอพยพประชาชนกว่า 200,000 คนออกจากพื้นที่เสี่ยงในภาคใต้ของเกาะลูซอน พายุจะถล่ม 1 พ.ย.
เวียดนาม : ผวาหนักเมื่อพายุ อัพความรุนแรงจากระดับ 3 ไป 5 แรงลม 130 กม.> 250 +กม./ชั่วโมง
ทิศทางขึ้นฝั่งตอนกลางเวียดนาม ซ้ำจุดเดิม ออกคำเตือนแล้วขึ้นฝั่ง 4 พ.ย.(ภาคกลางเวียดนามตอนนี้ กลางตอนบนน้ำท่วมหนักมาก ตอนกลาง ล่าง กำลังกู้ภัยดินถล่มหลายแห่งจากพายุที่ถล่มเมื่อ 3 วันก่อนถนนถูกตัดขาด คนสูญหาย)
# เวียดนามความสูญเสียพายุลูกที่ 9 ล่าสุดที่ผ่านมารุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปีบ้านเสียหาย 92,000 หลัง หลังคาหาย88,000 หลัง พังทั้งหลัง5,000 หลัง ฤดูพายุปีนี้ประชาชนเสียชีวิตแล้ว 230 คน สูญหายอีกจำนวนมาก
#ไทย ประมาณวันที่ 7 พ.ย. รอประกาศกรมอุตุ ฯ อีกครั้ง
ภาพ : CNN

 

คืนนี้ 31 ตุลา ชวนชม Micro Blue Moon! ฟูลมูนครั้งที่สองในรอบเดือน ฟูลมูนไกลโลกสุดในรอบปี ลอยกระทง พร้อมฮาโลวีน!
•
NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติเผยว่า

คืนนี้ 31 ตุลาคม 2563 พบกับ #MicroBlueMoon สองปรากฏการณ์เกี่ยวกับ #ดวงจันทร์ ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในคืนดังกล่าว ได้แก่ “Micro Full Moon” ดวงจันทร์เต็มดวงไกลโลกที่สุดในรอบปี และ “Blue Moon” ดวงจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองของเดือน

#MicroFullMoon ดวงจันทร์เต็มดวงไกลโลกที่สุดในรอบปี ปีนี้ห่างจากโลกที่ระยะประมาณ 406,153 กิโลเมตร ปกติแล้วดวงจันทร์โคจรรอบโลกเป็นวงรี 1 รอบ ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน แต่ละเดือนจะมีทั้งวันที่ดวงจันทร์ใกล้โลกและดวงจันทร์ไกลโลก แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่ดวงจันทร์ในระยะใกล้และไกลจากโลกที่สุดจะตรงกับวันที่ดวงจันทร์เต็มดวงพอดี ในหนึ่งปีเกิดขึ้นเฉลี่ย 1-2 ครั้งเท่านั้น�
#BlueMoon ดวงจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองของเดือน ปกติแล้วในหนึ่งเดือนจะเกิดดวงจันทร์เต็มดวงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากเกิดขึ้นสองครั้งจะเรียกครั้งที่สองว่า บลูมูน ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยเช่นกัน ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2566
•
ที่มา

 

พายุซุปเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี #RollyPH ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก
กำลังเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยความเร็วลมสูงสุดใกล้จุดศูนย์กลาง
ข้อมูลช่วงเวลา19:00น.ถึง08:00น.เช้า1/11/2563.,ข้อมูลJTWC
ลมคงที่314กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลมกระโชก379กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เป็นพายุซุปเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ5 ที่มีความรุนแรงที่สุดในปี2020
เป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดในศตวรรษ แรงที่สุดในโลก
ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดเวลา07:19น.ตามเวลาประเทศไทย
กำลังเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนกลางวันนี้
ข้อให้คนที่อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ปลอดภัย

 

️ติดตามพายุหมุนเขตร้อนในทะเลจีนใต้ตอนใต้
ข้อมูล gfs ของอเมริกาการคาดการณ์ที่ผ่านมาของพายุไต้ฝุ่นโมลาเบ ซึ่งเคยคาดการณ์ล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้ สามารถคาดการณ์ได้ถึง 8 วันหรือ 192 ชั่วโมง นับเป็นแบบจำลองอีก 1 แบบจำลองที่มีความค่อนข้างที่จะแม่นยำสูง และมีประสิทธิภาพ ซึ่งคำนวณด้วยระบบซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยสมรรถนะสูง ของอเมริกา

จากนี้ไประหว่างเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนธันวาคม (ติดตามพายุหมุนเขตร้อนละติจูดต่ำๆ บริเวณระหว่าง) ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของฟิลิปปินส์ทิศใต้ของฟิลิปปินส์ และทะเลจีนใต้ทางตอนใต้ ภาพที่เห็นอยู่นี้คือภาพระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน 2563 ข้อมูลนี้คาดการณ์ล่วงหน้า 14 วัน หรือ 336 ชั่วโมง

จับตาดูจะมาจริงหรือไม่ เพราะถ้ามาจริงนั่นแสดงว่าแบบจำลองของอเมริกาหรือแบบจำลอง gfs จะมีความแม่นยำสูง นับเป็นความท้าทายในการคาดการณ์และพยากรณ์อากาศล่วงหน้า หลายวัน กลางเดือนพฤศจิกายน 2563

#เพจเตือนภัยพิบัติวาตภัยฝนฟ้าพายุ อัพเดทล่าสุด 1 พฤศจิกายน 2563

 

ทอท.เด็กดื้อ ตื๊อสร้าง
“เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ”
สภาพัฒน์ค้านแล้ว 2 ครั้ง

แม้ว่าสภาพัฒน์ได้ค้านการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ที่ผิดแผนแม่บทหรือ “เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ” ไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ ทอท.ก็ยังดึงดันที่จะก่อสร้างให้ได้ อะไรทำให้ ทอท.เป็นเด็กดื้อ ติดตามได้จากบทความนี้

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ต้องการที่จะเพิ่มความจุของสนามบินสุวรรณภูมิโดยการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ทางด้านทิศเหนือของเทอร์มินัล 1 หรืออาคารผู้โดยสารในปัจจุบัน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผิดแผนแม่บท ทำให้ถูกเรียกว่าเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นการตัดรูปเทอร์มินัลมาแปะไว้เท่านั้นโดยไม่ได้ศึกษาความเหมาะสมอย่างละเอียดรอบคอบ แต่ต่อมา ทอท.เรียกอาคารนี้ซึ่งไม่มีอยู่ในแผนแม่บทว่าส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ทั้งนี้ แผนแม่บทกำหนดให้ขยายเทอร์มินัล 1 ก่อน แล้วตามด้วยการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ทางด้านทิศใต้ใกล้ถนนบางนา-ตราด

ทอท.ไม่ฟังเสียงทักท้วงจากองค์กรวิชาชีพ 12 องค์กร และนักวิชาการที่เป็นห่วงว่าส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือจะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ นานาตามมา ทำให้เกิดผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อสนามบิน

เมื่อเรื่องนี้ถึงมือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ที่จะต้องให้ความเห็นก่อนนำเสนอ ครม.ต่อไป ปรากฏว่าถูกตีกลับออกมาถึง 2 ครั้ง กล่าวคือครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 สภาพัฒน์ไม่เห็นด้วย แต่ ทอท.ไม่ยอมแพ้ โดยได้เสนอเรื่องเข้าไปใหม่เป็นครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ก็ยังมีมติไม่เห็นด้วยอีกครั้งในวันที่ 7 ตุลาคม 2563 เนื่องจากเห็นว่าส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือจะทำให้เกิดปัญหาดังนี้

1. รถบนมอเตอร์เวย์จะติดขัด ในปัจจุบันปริมาณรถบนมอเตอร์เวย์มีมากอยู่แล้ว หากสร้างเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ จะเร่งเพิ่มปริมาณรถขึ้นอีก

2. ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางจากส่วนต่อขยายด้านเหนือไปสู่เทอร์มินัล 1 หรืออาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ที่กำลังจะเปิดให้บริการในปี 2565 ซึ่งจะต้องใช้รถไฟฟ้าไร้คนขับ (APM) หลายสาย

3. จะทำให้การก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ทางทิศใต้ใกล้ถนนบางนา-ตราด ซึ่งเป็นไปตามแผนแม่บทล่าช้าออกไป ส่งผลกระทบต่อการรองรับผู้โดยสาร

ด้วยเหตุนี้ สภาพัฒน์จึงเสนอให้ ทอท.ขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออกอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีความพร้อมทุกด้านทั้งด้านแบบก่อสร้างที่ ทอท.ได้เสียค่าแบบไปหมดแล้ว ด้านงบประมาณ และด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ก็ได้รับความเห็นชอบแล้ว รวมทั้ง ครม.ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วด้วย ที่สำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีผู้โดยสารไม่แน่นแออัด ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายอาคารตามที่ ทอท.ใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ขยายเทอร์มินัล 1 ตลอดมา ต่อจากนั้นจึงขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันตก และตามด้วยการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ด้านทิศใต้ใกล้ถนนบางนา-ตราดต่อไป

แม้ว่าการขยายเทอร์มินัล 1 จะใช้งบประมาณน้อยกว่าและระยะเวลาสั้นกว่า รวมทั้งความพร้อมทุกด้านดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่ ทอท.ก็ไม่ฉกฉวยโอกาสทองในการเร่งขยายเทอร์มินัล 1 ทั้งๆ ที่ แผนแม่บทกำหนดให้ทำเช่นนั้น กลับดื้อรั้นที่จะเดินหน้าก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือให้ได้ อะไรทำให้ ทอท.ไม่ยอมทำตามแผนแม่บท มาช่วยกันหาคำตอบ

1. เพราะมีศูนย์อาหารและเครื่องดื่ม City Garden ขวางอยู่ทางทิศตะวันออกของเทอร์มินัล 1 ใช่หรือไม่? ใครได้รับผลประโยชน์จาก City Garden? ในกรณีมีการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออกจะต้องรื้อ City Garden ออกไป อนึ่ง หากมีการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ได้มีการออกแบบให้ City Garden เป็นที่ตั้งของสถานี APM ซึ่งจะทำให้มีผู้มาใช้บริการ City Garden มากยิ่งขึ้น

2. เพราะ ทอท.ต้องการให้ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือเป็นตัวเร่งการพัฒนาเชิงพาณิชย์ให้ที่ดินแปลงที่ 37 ที่อยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ใช่หรือไม่? และเอกชนรายใดจะได้รับสัมปทานพัฒนาที่ดินแปลงนี้?

ทั้งนี้ ทอท.มีแผนที่จะพัฒนาที่ดินแปลงนี้ให้เป็นศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์การประชุม อาคารสำนักงาน ศูนย์แสดงสินค้าส่งออก และแหล่งบันเทิงครบวงจร เป็นต้น โดย ทอท.จะก่อสร้าง APM เชื่อมโยงจากส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือไปสู่ที่ดินแปลงที่ 37 เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ที่ต้องการไปใช้บริการ นอกจากนี้ จากข้อมูลของ ทอท.ยังพบว่าจะมีการต่อเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) เข้าสู่ที่ดินแปลงที่ 37 อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ที่ดินแปลงนี้กลายเป็น “ไข่แดง” หรือ “ขุมทรัพย์สุวรรณภูมิ” ต่อไป

แต่คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ทอท.มุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบินหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับการบินกันแน่ ถ้าคำตอบคือธุรกิจที่เกี่ยวกับการบิน ทอท.จะต้องคำนึงถึงความสะดวกสบาย รวดเร็วและปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก

3. การขยายเทอร์มินัล 1 จะไม่ทำให้พื้นที่ร้านค้าเพิ่มขึ้น ต่างกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือที่สามารถเพิ่มพื้นที่ร้านค้าได้มาก และสามารถกระตุ้นการพัฒนาเชิงพาณิชย์ให้ที่ดินแปลงที่ 37 ได้ ใช่หรือไม่?

ถ้าสภาพัฒน์ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดทิศทางและกำกับการพัฒนาของประเทศไม่สามารถหยุดยั้ง ทอท.ได้ และที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เคยสั่งการให้ ทอท.รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย แต่ ทอท.ไม่ทำตาม โดยได้เลือกรับฟังความเห็นจากบางฝ่ายเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ถือว่า ทอท.ใหญ่จริงๆ เราจะทำอย่างไรกันดี?

ข้อสงสัยและข้อสังเกตดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากสนามบินสุวรรณภูมิอย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง

#เทอร์มินัล 2 #อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 #ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ #สนามบินสุวรรณภูมิ

 

กรมควบคุมโรค เผยแนวทางปฏิบัติกรณีชาวต่างชาติตรวจพบเชื้อโควิด 19 ในไทย https://is.gd/RiiVDo

 

ทรัมป์ตัดจีเอสพีสินค้าไทยกว่า 25,000 ล้านบาท
.
วอชิงตัน 1 พ.ย.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลากรเป็นการทั่วไปหรือจีเอสพี.(GSP) สำหรับสินค้านำเข้าจากไทยมูลค่าราว 817 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25,415 ล้านบาท) ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมนี้ เนื่องจากไทยไม่มีความคืบหน้าเรื่องเปิดตลาดเนื้อหมูให้สหรัฐ
.
เว็บไซต์วิทยุเสียงอเมริกาหรือวีโอเอ (VOA) รายงานว่า ทำเนียบขาวเผยแพร่จดหมายที่ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งถึงนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ได้ข้อสรุปว่าไทยไม่ได้ให้การรับรองกับสหรัฐว่าจะให้สหรัฐเข้าถึงตลาดอย่างเท่าเทียมและสมเหตุสมผล วีโอเอระบุว่า การตัดสินใจนี้มีขึ้นหลังจากสหรัฐเจรจากับไทยนานกว่าสองปีในหลายประเด็น ตั้งแต่เรื่องให้สินค้าสหรัฐเข้าตลาดไทยไปจนถึงเรื่องสิทธิแรงงานในไทย
.
ก่อนหน้านี้สหรัฐได้ระงับจีเอสพีสินค้านำเข้าจากไทยมูลค่าราว 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 40,423 ล้านบาท) ไปแล้วในปีนี้ หลังจากที่เคยให้จีเอสพีแก่ไทยรวมมูลค่าประมาณ 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 136,817 ล้านบาท) สหรัฐให้จีเอสพีแก่เศรษฐกิจกำลังพัฒนาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษหลังปี 1970 โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงสิทธิแรงงานและการเข้าถึงตลาด
.
ด้านสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐแถลงว่า รายชื่อสินค้าไทยที่จะถูกระงับจีเอสพีครอบคลุมทั้งอะไหล่ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอบแห้ง เครื่องมือ และเครื่องครัวอะลูมิเนียม.

 

#ขอให้ทุกคนปลอดภัยครับ
1/11/2563 พายุไต้ฝุ่นโคนี พัดถล่มตอนกลางของประเทศ #ฟิลิปปินส์ ด้วยความเร็วลม 240 ก.ม./ซ.ม. ซึ่ง เป็นพายุไต้ฝุ่นที่แรงที่สุดของปี

 

ขอให้ทุกคนปลอดภัยครับ
#ไต้ฝุ่นโคนี พัดถล่ม #ฟิลิปปินส์ | 1/11/2020
✔พายุไต้ฝุ่นที่แรงที่สุดของปี 2020 ...

⚠สองชั่วโมงที่แล้ว (7:20 น. 11/01/2020) ซูเปอร์ไต้ฝุ่นโกนีได้พัดถล่มอัลเบย์ทางตอนใต้ของเกาะลูซอนโดยมี #ลมแรง 225 กม. / ชม. และ #ลมกระโชกแรงถึง 310 กม. / ชม.

 

คลิปความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่นโคนี ระดับ 5
พัดถล่ม #ฟิลิปินส์ ด้วยลมแรงสูงสุดถึง 290-300 กม. / ชม.

 

รัฐบาลแคนาดาประกาศแผนที่จะรับผู้อพยพเข้าประเทศมากกว่า 1.2 ล้านคน ในช่วงสามปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นจากการระบาดของ Covid-19 ทั่วโลกก็ตาม
.
Marco Mendicino รัฐมนตรีว่าการกระทรวงตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยแผนนำเข้าผู้อพยพใน 3 ปีในวันนี้ ซึ่งมีการกำหนดเป้าหมายว่าต้องการนำ “แรงงานฝีมือ สมาชิกในครอบครัว และผู้ลี้ภัย” เข้าสู่แคนาดา
.
แคนาดาตั้งเป้าที่จะมี “ผู้อยู่อาศัยถาวรใหม่” เพิ่มขึ้น 401,000 คนในปี 2021 , 411,000 คนในปี 2022 และ 421,000 คนในปี 2023
.
โดยรายละเอียดของแผนปีหน้า (2021) จะประกอบไปด้วย :
- ผู้อพยพ 232,000 คน ในกลุ่มเศรษฐกิจ
- ผู้อพยพ 103,500 คน ในกลุ่มครอบครัว
- ผู้ลี้ภัย 59,500 คน และผู้ที่ต้องได้รับการคุ้มครอง
- และอีก 5,500 คน ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมและความเห็นอกเห็นใจ
.
จากแผนปีที่แล้วที่ทางแคนาดาสัญญาว่าจะนำผู้อพยพเข้ามามากกว่าหนึ่งล้านคนในช่วงระยะเวลาสามปี แต่วิกฤต COVID-19 และข้อจำกัดด้านการเดินทางที่เกิดขึ้น ทำให้กระบวนการรับผู้อพยพบางส่วนสะดุดตัวลง Mendicino กล่าวว่ารัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะต้อนรับ “ผู้มาใหม่” เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของแคนาดายังคงขับเคลื่อนต่อไปได้
.
ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา Mendicino กล่าวว่า “ผู้อพยพจะช่วยขับเคลื่อนจำนวนประชากรและการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อมารองรับโครงการสำคัญของรัฐ เช่น โครงการดูแลสุขภาพ”
.
“พูดง่ายๆก็คือเราต้องการคนงานมากขึ้นและการรับผู้อพยพก็เป็นหนทางไปสู่จุดนั้น” เขากล่าว
.
Mendicino กล่าวต่อว่า เขามั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้แม้จะเกิดวิกฤต Covid-19 ทั่วโลก โดยการดำเนินการตามข้อจำกัดต่างๆในการเดินทาง ในขณะที่มีการปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัย เช่น การกักตัว
.
โดยรัฐบาลจะมุ่งเน้นการดึงดูดคนงาน เพื่อเติมเต็มช่องว่างด้านแรงงานในภูมิภาคต่างๆของประเทศที่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานอยู่ในขณะนี้
.
เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
.
Source : https://www.cbc.ca/news/politics/mendicino-immigration-pandemic-refugees-1.5782642
.
#ThailandState #ThailandStateUpdate

 

31.10.20

☣ในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 31.10.20 มีการลงทะเบียน ผู้ติดเชื้อ โคโรนา ทั้งหมด 20,061 คน ใน ประเทศนอร์เวย์ (จากจำนวนนี้ 86% หายดีแล้ว) ตัวเลขเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า มีผู้ติดเชื้อ เพิ่มขึ้น 498 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถือเป็นระดับสูงสุดในช่วงการแพร่ระบาด หลังจาก เดือนมีนาคม

1.สถิติ ของผู้ติดเชื้อรายใหม่มีดังต่อไปนี้ (ตัวเลขจาก nasjonale meldesystemet for smittsomme sykdommer (MSIS))

*วันอังคาร มีการลงทะเบียน ผู้ติดเชื้อใหม่ 433 ราย
*วันพุธ มีการลงทะเบียน ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 324 ราย
*วันพฤหัสบดี มี ผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นเป็น 403 ราย ภายในช่วง 24 ชั่วโมง
*วันศุกร์ มีการลงทะเบียน ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 495 ราย

2.ในช่วง 2 วันที่ผ่านมามี รายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 993 ราย ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ จำนวน ผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่เหนือระดับสูงสุดนับตั้งแต่ จุดสูงสุดของช่วงต้นของการระบาด โดยมี วันที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือ วันที่ 24 มีนาคม มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 313 ราย สัปดาห์ที่ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รวม 2,530 ราย

3.ตามตัวเลขล่าสุดจาก Helsedirektoratet เมื่อวันที่ 30.10.20 มีผู้ที่เข้ารับการทดสอบ ใน ประเทศนอร์เวย์ รวม 1,667,465 คน อีก 60 คนกำลังได้รับการรักษาในโรงพยาบาล และ มี ผู้เสียชีวิต 282 ราย

4.โดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลา 1- 2 วัน จนกว่าจะลงทะเบียนในฐานข้อมูลของ MSIS นับจากวันที่ได้รับ คำตอบจากผลการทดสอบ ทำให้ตัวเลขดังกล่าวสามารถให้ภาพรวม ที่คลาดเคลื่อน เกี่ยวกับสถานการณ์การติดเชื้อในปัจจุบัน เนื่องจากไม่ ได้นับจำนวนเมื่อการติดเชื้อถูกตรวจพบตั้งแต่เมื่อตอนทดสอบ แต่จะนับจำนวนแต่เฉพาะเมื่อได้รับการลงทะเบียนแล้วเท่านั้น

5.จากการสำรวจของ Norsk koronamonitor แสดงให้เห็นว่ามี ชาวนอร์เวย์ จำนวนน้อยกว่าก่อนหน้านี้่ที่ คิดว่าแนวทางปฏิบัติควบคุมโรค นั้นเข้มงวดเกินไป และ น้อยคนนักที่พบว่าพวกเขาทำตามมาตรการต่างๆได้ยาก มีเพียงร้อยละ 16 เท่านั้น ที่ตอบว่า มาตรการเข้มงวดใหม่ในสัปดาห์นี้นั้น เข้มงวดเกินไป ในขณะที่ร้อยละ 74 ตอบว่า มาตรการใหม่ไม่ได้เข้มงวดเกินไป
.
อ่านรวมข่าว และ มาตรการโคโรน่าต่างๆของ ประเทศนอร์เวย์
http://norgetiltak.blogspot.com/

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

ข่าวต้นฉบับ Tv2 :
https://www.tv2.no/nyheter/11746501

 

ภาพนาทีความเสียหายเริ่มปรากฏให้เห็นทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ผลของพายุไต้ฝุ่น GONI ขนาดใหญ่
ยังรายงานดินถล่ม บ้านเรือนกำลังถูกน้ำท่วมด้วยโคลนและสิ่งของ ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นจนน้ำเกือบท่วมบ้านเรือนประชาชนกำลังปีนขึ้นหลังคาเพื่อเอาชีวิตรอด จนถึงขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย เด็กที่ถูกกระแสน้ำพัดและผู้หญิงคนหนึ่งถูกอุ้มโดยโคลน
สถานการณ์กำลังวิกฤตเมื่อเวลาผ่านไป
01.11.2020

 

ถอดรหัสคำแถลงนายกฯญี่ปุ่น “ชาติกำลังหายนะเพราะโควิด-19”
.
ญี่ปุ่น 1 พ.ย.- นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นใช้คำแรง ชาติกำลังเผชิญ “หายนภัย” โควิด-19 สะเทือนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างสาหัส รัฐบาลต้องเร่งฟื้นฟูธุรกิจและผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดอย่างรัดกุม
.
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 26 ต.ค. เป็นครั้งแรกหลังรับตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่น คำแถลงที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคือ นายกฯ ญี่ปุ่นระบุว่า “การระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นตกต่ำที่สุดหลังจากสงครามโลก ญี่ปุ่นกำลังเผชิญสถานการณ์วิกฤตที่อาจเรียกว่าเป็นหายนภัยแห่งชาติ 国難 ข้าพเจ้าในฐานะผู้นำรัฐนาวาตระหนักถึงความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง”
.
การใช้คำที่สื่อความอย่างหนักหน่วงเช่นนี้สะท้อนว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดหนักหนากว่าที่ปรากฏ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้งบประมาณจำนวนมากในการโอบอุ้มธุรกิจและประชาชน แต่การระบาดที่ยืดเยื้อ เกือบทุกประเทศทั่วโลกยังปิดประเทศ ระงับการเดินทาง ทำให้ยากที่ธุรกิจต่าง ๆ จะฟื้นตัวกลับมา
.
ถึงแม้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในญี่ปุ่นแต่ละวันยังเพิ่มขึ้นราว 400-700 คน แต่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าเศรษฐกิจ และ “อยู่ร่วมกับเชื้อไวรัส” แต่ขณะนี้ญี่ปุ่นยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงต้องสนับสนุนการท่องเที่ยวและบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก
.
ประเด็นสำคัญจากถ้อยแถลงของนายกฯ ญี่ปุ่น ที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด ประกอบด้วย
.
ยกระดับการตรวจหาเชื้อของหน่วยงานสาธารณสุขในท้องถิ่นต่าง ๆ ให้ได้วันละเฉลี่ย 200,000 กรณี ผู้ที่มีความเสี่ยงจะมีอาการหนัก ผู้สูงอายุ ผู้พิการจะได้รับการตรวจอย่างทั่วถึง
.
จัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนทุกคนฟรี ภายในกลางปีหน้า และรัฐบาลจะจ่ายค่าชดเชยหากประชาชนได้รับผลข้างเคียง รวมทั้งชดเชยให้หน่วยงานที่ถูกฟ้องร้องจากผลข้างเคียงจากการใช้วัคซีน
.
สานต่อนโยบาย “อาเบะโนมิกส์” พร้อมปฏิรูปการทำงานในด้านต่าง ๆ
.
ให้เงินสนับสนุนไม่เกิน 2 ล้านเยนกับบริษัทที่รายได้ลดลงจากโควิด และให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย ปลอดการค้ำประกันกับประชาชนที่เผชิญความยากลำบากในชีวิต
.
จัดโครงการ “GO TO แคมเปญ” ส่งเสริมการท่องเที่ยว การบริโภค การจับจ่ายใช้สอย ภายในประเทศ
.
จัดตั้ง “สำนักงานเศรษฐกิจดิจิทัล” เร่งการปฏิรูปสู่ระบบราชการและโมเดลธุรกิจใหม่ ที่อยู่ร่วมกับไวรัสโคโรนา (With Corona) และหลังผ่านพ้นไวรัสโคโรนา (Post Corona)
.
ยกเลิกการใช้ตราประทับในกระบวนการทำงาน เพื่อเอื้อต่อการทำงานออนไลน์ (ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการใช้ตราประทับชื่อ แทนการใช้ลายเซ็นเหมือนในประเทศต่าง ๆ )
.
ปรับห่วงโซ่อุปทานของหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้ผลิตในประเทศหรือกระจายการผลิตในหลายประเทศ รวมทั้งใช้การผลิตแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้มนุษย์
.
ลดการกระจุกตัวของเศรษฐกิจที่กรุงโตเกียวและ 3 จังหวัดโดยรอบ (ไซตามะ,ชิบะ,คานางาวะ) ให้ไม่เกินร้อยละ 30 ของ GDP ส่งเสริมการกระจายเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคอื่น ๆ
.
ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตใหม่ รัฐบาลจะอุดหนุนค่าใช้จ่ายให้การเดินทางในประเทศราคาถูกลง
.
รัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนกับผู้มีประสบการณ์ในองค์กรขนาดใหญ่ ที่ต้องการออกมาทำธุรกิจ SME ในท้องถิ่นของตัวเอง
.
เปิดรับแรงงานต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยจะให้สิทธิพิเศษด้านภาษีและวีซ่าพำนักในญี่ปุ่น
.
ปฏิรูประบบการทำงาน สนับสนุนสตรี ชาวต่างชาติ การโยกย้ายงาน เพื่อสร้างความหลากหลายในการทำงาน
.
ยืนยันจัดงานโตเกียวโอลิมปิกและพาราลิมปิกในปีหน้า เพื่อแสดงถึงชัยชนะของมนุษยชาติต่อไวรัสโคโรนา
.
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ เป็นผู้นำญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เขากล่าวว่าต้องการผลักดันให้ญี่ปุ่นเป็นสังคมที่พึ่งพาตนเอง ช่วยเหลือกันและกัน และสนับสนุนส่วนรวม เพื่อให้ญี่ปุ่นพ้นจากวิกฤตครั้งรุนแรงที่สุดครั้งนี้.

 

สหรัฐ : ร้านค้าในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะร้านหรู นำไม้อัดมาปิดกระจกป้องกันเหตุจลาจล ปล้นสินค้า ความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง 3 พ.ย. ในนครนิวยอร์กตึกหรู เลือกใช้หน่วยคุ้มกัน รักษาความปลอดภัยติดอาวุธ รวมทั้งในฟิลาเดลเฟียใช้กองกำลังทหาร National Guard ในการรักษาความสงบเพราะมีการประท้วง และปล้น หลังประกาศเคอร์ฟิวเมื่อสองวันก่อน
#ยังมีประท้วงในสหรัฐเรื่องสีผิวกลุ่ม. BLM หลายเมือง
ภาพ :AP /Reuters

 

มือปืนอุกอาจลอบยิงพระกรีกออร์โธด็อกระยะเผาขนตอนกำลังปิดโบสถ์ช่วงเที่ยงวันเสาร์ (31 ต.ค) อาการขั้นสาหัส ขณะที่คนร้ายตำรวจฝรั่งเศสจับกุมได้สำเร็จ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฝรั่งเศสกำลังตกเป็นเป้าการโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์จากโลกมุสลิม และ 1 วันก่อนหน้าวิหารนอร์ทเธอดาม เมืองนีซตกเป็นเป้าโจมตีด้วยฝีมือชายชาวตูนิเซียที่ถือมีดและคัมภีร์อัลกุรอานเข้าไปด้านในโบสถ์ก่อนที่จะใช้มีดตัดศรีษะผู้ที่เข้ามาสักการะ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย

อ่านต่อ >>https://sondhitalk.com/2020/11/01/10758
.............................................
ติดตามคลิป VDO เพิ่มเติมได้ที่
YoutubeSondhitalk: https://www.youtube.com/c/Sondhitalk
Website: https://www.sondhitalk.com
Podcast Sondhitalk: https://sondhitalk.podbean.com/

 

ฟิลิปปินส์ : สถานะล่าสุด ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี ความรุนระดับ 4 ความเร็วลม 220 กม./ชม.เป็นพายุโซนร้อนที่รุนแรงที่สุด ( อัพเดทเวลา 14.30 น.)
#เสียชีวิต 4 คน (ตัวเลขไม่เป็นทางการ)อยู่ระหว่างกู้ภัยพื้นที่เสียหายกว้าง
#ลมแรง มีน้ำป่า ดินถล่มหลายจุด เสียหายจำนวนมาก
#พายุอ่อนกำลังลงเล็กน้อยกำลังเคลื่อนตัวออก ลงสู่ทะเลจีนใต้ >> เวียดนามตอนกลาง
#พายุโซนร้อนอีกลูกกำลังจะขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์ในวันอังคาร
***สถานะพายุ และเส้นทางพายุในภาพ

>>อ่านข่าวก่อนหน้า