ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    31 ตุลาคม 2563 (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12)
    พิธีอาบน้ำเพ็ญ สืบสานโบราณพิธี
    เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
    สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทวมหาเถร)
    FB_IMG_1604133833753.jpg
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เบลเยียมเป็นประเทศที่ 2 ของยุโรป ต้องล็อกดาวน์คุมโควิดระบาดแรง #ข่าวต่างประเทศ. #ไทยรัฐออนไลน

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ครอบครัวตกงานจากผลกระทบ “พิษโควิด-19” ลูกชายวัย 5 ขวบ ต้องหยุดเรียนถาวร ออกตระเวนยามค่ำคืนหาเก็บของเก่า เพื่อนำมาคัดแยกขายหาเงินมาประทังชีวิต #สกู๊ปหน้า1 #ไทยรัฐออนไลน์

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตำนานแม่กาเผือก

    ตำนานประทีปตีนกา มาสู่ประเพณีลอยกระทงและการไหลเรือไฟ

    ย้อนหลังไป ๒๐ อสงไขย กับอีก ๑ มหาแสนกัป สมัยอยูในชวงมัณฑกัป ที่มีพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาอุบัติตรัสรู้ในโลก ๔ พระองค์

    ในสมัย พระพุทธเจ้าทีปงกร นั้น ยังมี
    ไก่ป่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลจากอารามที่ประทับ
    ของพระองค์ ตอนกลางวันก็จะเที่ยวออกหากิน
    ภายในบริเวณวัด ได้มีโอกาสพบเห็นพระพุทธเจ้า
    อยู่เป็นประจำ ก็บังเกิดความศรัทธาเลื่อมใสใน
    พระพุทธเจ้า จึงเกิดมีความปรารถนาอยากเป็น
    พระพุทธเจ้าบ้าง...
    วิตกอยูหลายวันเพราะคิดวาตัวเองเป็นเพียง
    สัตวเดรัจฉาน จะคิดการไดสำเร็จหรือไม่จน
    ร่างกายผายผอม อยู่มาวันหนึ่งเป็นวันคืนเดือน
    เพ็ญ ๑๕ ค่ำ พระจันทร์เต็มดวงจึงเข้าไปเฝ้า
    พระพุทธเจ้าเพื่อทูลถามปัญหาข้องใจนั้น พระองค์
    ทรงทราบด้วยญาณวิถีแห่งพระองค์ว่า จะมีไก่
    ตัวหนึ่งมีความประสงค์จะเข้ามาเฝ้าเพื่อต้องการ
    ทูลถามปัญหาทั้งปวง เป็นปญหาที่จะนำมาซึ่ง
    ประโยชน์แก่สัตว์โลกทั้งหลาย เป็นปัญหาที่ไม่เคย
    มีใครถามมาก่อน พระองค์จึงได้ทรงตรัสเรียกไก่
    ตัวนั้นที่พักอยูใต้ต้นไม้ใกล้ๆ นั้นให้เข้ามาหา
    “ดูก่อนเจ้าไก่! เจ้าจงเขามาเถิด เราจะช่วยยก
    ปัญหาอันหนักออกจากจิตให้”
    ฝ่ายไก่เมื่อได้ยินพระดำรัสนี้ จึงเกิดความอัศจรรย์เป็นยิ่งนัก เพราะพระองค์ทรงรู้ความคิด
    ของตนเอง จึงตัดสินใจเดินเขาไปใกล้พระองค์
    พระองค์ทรงให้การต้อนรับในอิริยาบถที่สบาย
    เป็นกันเองกับไก่ด้วยการประทับนั่งห้อยพระบาท
    ข้างพระพุทธอาสนเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถของพระ
    วรกายแลวได้ตรัสว่า
    “เจ้ามีปัญหาคาจิตอันใด ก็ถามเราได้เลย”
    ไก่จึงทูลถามว่า “ข้าพระพุทธองค์เปนสัตว์
    ที่เกิดมาด้วยภูมิอันต่ำแต่มีความปรารถนาที่
    ตั้งใจจริงอยากเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองคหนึ่ง
    ในอนาคตกาลเสมือนดังพุทธองค์ ความต้องการ
    วันนี้ของข้าพระพุทธเจ้าไม่รู้ว่าจะบรรลุดังเจตจำนง
    หรือไม่”
    เมื่อพระพุทธองค์ได้ทราบแล้วจึงทรงแสดง
    ธรรมในการสรางบารมีทั้งหลายให้ไก่ได้ฟังว่า
    จักสำเร็จได้ ด้วยการสรางบารมีทั้งหลายอัน
    ยาวนานนั้น บุคคลที่ทำการสรางบารมีนั้นเรียกวา
    พระโพธิสัตว์ เมื่อยังไม่ได้รับการพยากรณ์จาก
    พระพุทธเจ้าพระองคหนึ่งนั้น เรียกว่าอนิยต
    โพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตว์ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะได้
    ตรัสรูเป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ ครั้นเมื่อได้รับ
    พยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองคหนึ่ง
    แล้วจึงได้ชื่่อว่า พระนิยตโพธิสัตวคือพระโพธิสัตว
    ที่จะได้มาตรัสรูเป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน
    เมื่อไก่ ได้ฟังแล้วจึงได้ทูลถามถึงพิธีการ
    ปรารถนาเปนพระพุทธเจ้าครั้งแรก พระพุทธองค์
    จึงตรัสถึงประเพณีที่นิยมว่าให้ก่อกองทรายให้
    เป็นรูปเจดีย์และหาเครื่องสักการะต่างๆ อันควร
    ที่จะหาได้ เช่น ดอกไม้ แลวกล่าวคำสรรเสริญ
    แกพระรัตนตรัย ต่อจากนั้นใหตั้งสัจจอธิษฐาน
    ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองคหนึ่ง
    ในอนาคต แล้วในที่สุดให้ตั้งใจสมาทานศีลหาเป็น
    พื้นฐานก่อน เมื่อถึงวันพระก็ให้สมาทานศีลแปด
    ตามกำลังความเหมาะสมและสภาวะของตนแล้ว
    ตั้งใจบำเพ็ญบารมีไปจนกวาชีวิตจะหาไม่
    “แม้เปนสัตว์ก็สามารถปรารถนาเป็นหน่อ
    พุทธางกูรได้”
    ไก่ประเสริฐตัวนั้น จึงทูลลาพระชินสีห์กลับ
    ไปยังที่พักของตนและได้เดินเวียนประทักษิณรอบ
    แห่งธรรมสภานั้นก่อนด้วยความเคารพบูชาที่มีต่อ
    พระพุทธองค์ ในวันต่อมาไก่ตัวนั้นก็ได้เดินไปที่
    หาดทรายอันขาวสะอาดบริสุทธิ์ดังดอกฝ้าย จึง
    ได้ใช้เท้าของตัวเองเขี่ยทรายให้เป็นกอง แล้วตั้ง
    จิตจำนงอันแน่วแน่พร้อมกับส่งเสียงออกมาทางปากว่า
    “เราจะเป็นพระพุทธเจ้าๆๆ” อยู่อย่างนี้ตลอด
    เวลาโดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อย จนทรายสูงขึ้นทวมหัว
    ไก่
    ยังมี อีเห็น ตัวหนึ่งมีลักษณะคลายกับชะมด
    และพังพอน มีลำตัวเรียวยาวขาสั้น หางยาวมีปาก
    แหลมยาวกำลังออกหากินอยูบริเวณนั้น ได้ยิน
    เสียงไก่จึงคิดจะจับกิน ครั้นมาเห็นอาการของไก่
    ดังนั้นจึงแปลกใจ และไก่เองก็ไม่มีความกลัวตาย
    เลยจึงเขาไปถามไก่ เมื่อได้รับรูความจริงดังนั้นก็
    เกิดศรัทธาอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง จึงชวยไก่นั้น
    ก่อเจดีย์ทราย โดยเอาขาหน้าทั้งสองเขี่ยทราย
    ขึ้น เอาขาหลังทั้งสองเหยียบกันไว้ ทำให้ทราย
    สูงขึ้นโดยลำดับจนถึงเที่ยงคืน
    ยังมี เต่า ตัวหนึ่งออกหากินอยูบริเวณนั้น
    ได้ยินไก่และอีเห็นจึงเกิดความสงสัยคอยคลาน
    มาดูแล้วก็ต่องอัศจรรย์ใจแก่ ภาพที่ปรากฏอยู่
    เบื้องหน้า ที่เห็นไก่และอีเห็นกำลังช่วยกันก่อเจดีย์
    ทราย
    ปากก็ร้องว่า “เราจะเป็นพระพุทธเจ้าๆๆ”
    อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
    เพราะสัตว์ทั้งสองนี้ อันที่จริงนั้นจักอยูร่วม
    โลกกันไม่ได้เพราะถ้าอีเห็นเจอไก่ เมื่อไรก็ต้อง
    ไล่จับกินเสียเมื่อนั้น แต่ ณ ที่นี้สัตว์ทั้งสอง
    อยู่ด้วยกันแถมช่วยกันทำงานด้วยความตั้งใจ
    สามัคคีกันอีก เต่าจึงเขาไปถามไถ่เพื่อให้แจ้งใจ
    เมื่อได้รับทราบเหตุการณ์อันนั้นจากไก่ ซึ่งถือว่า
    เป็นพี่ใหญ่ ในขณะนั้นก็บังเกิดความเลื่อมใส จึง
    ขออนุญาตไก่ช่วยร่วมสร้างเจดีย์ทรายกองนั้น เพื่อ
    ที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าด้วย โดยเต่าได้ใช้หัวบ้าง
    กระดองบ้าง ใต้ท้องกระดองบ้าง ดันทรายขึ้นให
    เป็นกองตามความสามารถของตน ที่จะกระทำได้
    สัตว์ทั้งสามปฏิบัติก่อการใหญ่ โดยการพยายาม
    ทำทรายใหเป็นกองใหญ่ จนเวลาล่วงเลยไปถึงบ่าย
    สองโมง
    จะขอกล่าวถึง โค ตัวหนึ่งกำลังกินหญ้าอยู่
    บริเวณใกล้แม่น้ำเนรัญชรานั้น มีนายพรานคนหนึ่ง
    ออกป่าล่าสัตว์ได้เห็นโคตัวนั้น จึงใช้หน้าไม้ยิงใส่
    โคตัวนั้น แตโคตัวนั้นได้วิ่งหนีไปจนไกล โคตัว
    นั้นได้หนีมาจนกระทั่งมาพบสัตว์ทั้งสามตัว คือ ไก่
    อีเห็น เต่า กำลังก่อเจดีย์ทราย ดังนั้นจึงเขาไปถาม
    ด้วยความอัศจรรย์ใจในเหตุการณ์นั้น ครั้นเมื่อ
    ได้รู้ดังนั้นจึงขออนุญาตจากไก่ร่วมสร้างเจดีย์ทราย
    “เพื่อปรารถนาเป็นหน่อของพุทธางกูรด้วย”
    เมื่อไก่อนุญาตแลวโคก็เขาไปช่วยโดยใช้เท้าทั้งข้างหน้า
    และข้างหลังเขี่ยทรายให้สูงขึ้น บางครั้งก็
    พูดออกมาว่า ถ้าแม่นายพรานตามมาทันและจะ
    มาฆ่าแล่เอาเนื้อตนไป ก็ไม่เสียดายและพร้อมที่จะ
    ใหทานเลือดเนื้อนี้ แลชีวิตนี้ เพื่อพระโพธิญาณ
    อันประเสริฐนั้น แล้วก็เปล่งคำว่า “เราจะเป็น
    พระพุทธเจ้าๆๆ ไปพร้อมกับสัตว์ทั้งสามนั้น”
    ฝ่าย นายพราน เมื่อติดตามโคนั้นมาใกล้เข้า
    ได้ยินสัตว์ทั้งสี่ร้องระเบ็งเซ็งแซ่นั้น จึงเขาไปแอบดู
    ได้เห็นอาการของสัตวทั้งสี่นั้นแล้ว จึงซ่อนอาวุธ
    ไว้ในป่า แล้วจึงเดินเข้าไปหาสัตว์ทั้งสี่นั้น ฝ่าย
    สัตวทั้งสี่นั้นก็ไม่ได้แสดงอาการสะดุ้งตกใจกลัว
    แม้แต่น้อย กลับมองดูตนเองด้วยความเมตตา
    จึงเข้าไปถามไถ่ผู้เป็นประธานใหญ่ในที่นั่น จึงได้
    เล่าเหตุการณ์นั้นให้ฟัง นายพรานนั้นถือว่าตนเอง
    เป็นมนุษย์ย่อมมีปัญญามากกว่าสัตว์ทั้งสี่นั้นจึง
    ลองถามปัญหาธรรมตางๆ จากไก่ ไก่ก็ตอบให้
    หายข้องใจได้หมด แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อเต็มที่ จึง
    ถามว่าปัญหาที่ท่านตอบมาท่านรู้มาแตที่ใด ไก่จึง
    ตอบว่าตนเองเพิ่งได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทีปงกรมา
    เมื่อวานนี้เอง
    นายพรานจึงเชื่อและขอร่วมในการสร้างบารมี
    จากไก่ด้วย ไก่และสัตวทั้งหลาย คือ อีเห็น เต่า
    โค ก็อนุโมทนาและยินดีให้ร่วม นายพรานจึงได้
    สร้างเจดีย์กับสัตวเหล่านั้น ด้วยตนเองเป็นมนุษย์
    สามารถทำการสร้างเจดีย์ได้รวดเร็วและสวยงาม
    ครั้นเสร็จทั้งหมดจึงให้นายพรานนั้นไปหาดอกไม้
    มา นายพรานก็ได้ไปเก็บดอกบัวสีขาวสะอาด ซึ่ง
    กำลังตูมอยู่มา ๕ ดอก ทั้งหมดได้พากันอาบน้ำ
    ชำระรางกายแล้วจึงพากันไปสักการะเจดีย์ทราย
    นั้น พรอมกับตั้งสัจจะอธิษฐานโดยให้ไก่เป็นผู้นำ
    ก่อน ต่อจากนั้นก็อีเห็น เต่า โค และนายพราน
    ตามลำดับ
    เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้ว ไก่ผู้เป็นประธานจึงให้
    ทั้งหมดได้ร่วมกันสมาทานศีล ๕ เสร็จแล้วไก่ก็ทำ
    ประทักษิณรอบเจดีย์ทรายนั้น แล้วแยกย้ายกัน
    กลับไปที่อยู่ของตนในเวลานั้นแล ฝ่ายพญานาค
    ที่อยู่ใต้บาดาล ณ ที่นั้นก็ได้มานำเอาเจดีย์นั้นลง
    ไปบูชาที่เมืองบาดาลของตนด้วยกำลังแห่งฤทธิ์
    หลังจากที่หน่อพุทธางกูรทั้ง ๕ ตายจากภพ
    ชาติแห่งไก่ อีเห็น เต่า โค และมนุษย์ ด้วยแรง
    แห่งสัจจาอธิษฐานสัญญาไว้ต่อกัน เมื่อคราวนั้น
    ความปรารถนาต่อความเป็นพุทธเจ้า...ชาติต่อมาจึง
    ได้มาเกิดรวมพร้อมกันเป็นลูกของแม่กาเผือก
    กาลครั้งนั้น เหล่าสัตว์ต่างๆ อยู่กันเป็นฝูง
    เป็นเหล่า ต่างมีหัวหน้าฝูงปกครองซึ่งกันและกัน
    ยิ่งนานยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงเกรงกลัวจะ
    เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ต่อไปภายหน้าจะ
    เดือดร้อน พญาสัตว์เหล่านั้นจึงเรียกประชุมกัน
    มีพญากา พญาไก่ พญานาค พญาเต่า พญาโค
    และพญาราชสีห์เป็นต้น
    โดยมีพญากาเป็นประมุขในที่ประชุม ครั้งนั้น
    พญากาเผือกได้ถามพญาสัตวทั้งหลายว่า พวกเรา
    จะเอาอะไรมาปกครองเหล่าบริวารของเราให้มี
    ความสุข ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันตลอดไป
    จนถึงภายภาคหน้า เหล่าพญาสัตวมีความเห็น
    ตรงกันที่จะขอเอาพระมาปกครองถึงจะร่มเย็น
    เป็นสุข
    กาลครั้งนั้นยังไม่มีพระมาโปรดโลก เมื่อพญา
    สัตว์ทั้งห้าบอกแก่พญากาว่า ขอเอาพระมาปกครอง
    พญากาผู้เป็นประมุขในที่ประชุมนั้น จึงขอเปนผู้
    ให้กำเนิดแก่พระ
    วันเวลาผ่านไป คืนหนึ่งนางพญากาเผือกเกิด
    นิมิตฝันไปว่า มีแก้วห้าดวงลอยมาในอากาศ มี
    รัศมีสวยงามมาก สว่างไสว ไปทั่วบริเวณ และ
    แก้วนั้นได้ลอยมาหานางกา นางพญากาเผือกจึงรับ
    เอาไว้ทั้งห้าดวง เมื่อนางพญากาเผือกรับเอาไว้แล้ว
    แก้วทั้งห้าดวงนั้นกลับพลัดตกจากรังหายไป ฝ่าย
    เหล่าพระโพธิสัตว์ที่สถิตอยู่ยังดุสิตเทวโลกถึงครา
    จะต้องจุติมาสู่โลกมนุษย์ เพื่อสร้างสมบารมีให้
    สมบูรณ์ จึงได้มาจุติกับพญากาเผือกสองผัวเมีย
    นั้น
    กาเผือกสองผัวเมียได้อาศัยอยู่ในป่าใหญ่
    ทำรังอยู่บนต้นมะเดื่อใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ อยู่ต่อมา
    แม่กาเผือกก็ตกไขออกมา ๕ ฟอง พญากาเผือก
    สองผัวเมีย ก็ได้แบ่งวาระกันดูแลรักษาไข่ เป็น
    อย่างดีด้วยความรักความเอ็นดู ถ้าวันไหนพ่อกา
    เผือกออกจากรังไปหาอาหาร ผู้มีหน้าที่เฝ้าดูไข่ก็
    ต้องเป็นของแม่กาเผือก ในทางตรงกันข้าม ถ้าวัน
    ไหนแม่กาเผือกได้ออกจากรังไปหาอาหารบ้าง ผู้ที่
    รับผิดชอบรังไข่ทั้ง ๕ ฟอง ก็ต้องเป็นของพ่อกา
    เผือก ผลัดกันทำหน้าที่นี้เรื่อยมา
    อยู่มาวันหนึ่งวาระแห่งการหาอาหารเป็นของ
    พ่อกาเผือกจึงได้ออกไปจากรังตั้งแต่เช้า วันนั้น
    บังเอิญว่าแม่กาเผือกมีธุระที่จะออกไปนอกรังบ้าง
    จึงได้ทิ้งไข่ไว้แต่เพียงลำพัง เป็นจังหวะเหมาะที่
    ฝนได้ตกลงมาห่าใหญ่จนกลายเป็นพายุมีลมพัด
    ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าบ้าง ประหนึ่งว่ามีความพิโรธโกรธ
    ผู้ใด สายลมได้พัดพาเอาต้นไม้โค่นลงมาราบเรียบ
    ดังหน้ากลอง สิ่งไหนก็ต้านทานไม่อยู่ แม้แต่ขุนเขา
    เองก็แทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นกัน ดีที่ยังมีพืชพันธุ
    แม้กไม้ปกคลุมเป็นเกาะป้องกันไว้ให้ มิฉะนั้น
    แล้วก็คงจะลอยไปตามสายลมอย่างไม่มีวันกลับ
    ด้วยฤทธิ์เดชแห่งสายลมประกอบกับสายฝน
    ได้พัดพาต้นไม้มะเดื่ออันเป็นที่ทำรังของสอง
    ผัวเมียกาเผือก ได้รับอานิสงส์พลอยหักพังไปตาม
    พันธุ์ไม้อื่นๆ ด้วย ทำให้ไข่ทั้ง ๕ ฟองพลัดตกลง
    ไปสู่สายน้ำ
    “ด้วยโอกาสวาสนาบารมีธรรมแหงพระโพธิ
    สัตวธรรมชาติอันใดก็ทำอันตรายมิได้”
    โดยมิได้ตกลงบนพื้นดิน โขดหิน กระทบไม้
    สิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อไข่นั้นต่างก็หลีกทางให้โดย
    ความพอใจ สายแห่งน้ำฝนบวกกับกระแสไหลแห่ง
    แม่น้ำ ได้พัดนำพาเอาไข่ทั้ง ๕ ฟอง ไปสู่สถานที่
    ต่างกันตามยถากรรมแห่งหน่อพุทธางกูรนั้น สาย
    แห่งน้ำทำให้ไข่ทั้ง ๕ ฟอง ต้องพลัดพรากจากกัน
    โดยไหลไปตามกระแสน้ำคนละทิศทางกัน
    พอฝนหยุดตกเวลาก็ล่วงเลยไปหลายชั่วยาม
    กว่ากาเผือกสองผัวเมียจะบินกลับมาถึงรังได้ก็
    ยากเย็นแสนเข็ญ เพราะภูมิประเทศแปรเปลี่ยนไป
    ด้วยอำนาจแห่งพายุอันแสนโหดร้ายนั้น เที่ยวบิน
    เสาะแสวงหาต้นไม้มะเดื่อที่ทำรังกว่าจะได้พบก็
    นาน แตก็ได้เห็นแต่เพียงซากไม้มะเดื่อที่โค่นล้ม
    ลงฟาดท่าแม่น้ำเท่านั้น มองไปตามซอกมุมกิ่ง
    ก้านสาขาไม้มะเดื่อก็ไม่พบฟองไข่ของตน จึงกลับ
    บินสู่ท้องฟ้าอีกครั้งสอดสายสายตาจ้องมองหาไข่
    ของตนก็ไม่พบ กลับบินลงมาเที่ยวหาบนพื้นดิน
    ผิวน้ำ ซอกโขดหินก็ยังไม่พบ คิดวาลูกของตนคง
    ตายไปแล้ว
    ความอาดูรโศกเศร้าก็เกิดขึ้นยิ่งเท่าทวีคูณ
    ด้วยความรักที่มีต่อไข่ของตน ไม่เป็นอันกินอัน
    นอน แลไม่ได้พากันออกหาอาหารเป็นเวลาหลาย
    วัน ร่างกายก็ซูบผอมจนต้องตรอมใจตายในที่สุด
    ด้วยความอาลัยอาดูรต่อลูกรัก ด้วยแรงแห่ง
    ผลกรรมที่ได้กระทำบุญกุศลบารมีที่ได้เป็นผู้ให่
    กำเนิดเกิดก่อแห่งหน่อพุทธางกูร ด้วยเจตนา
    ผลนำส่งให้แม่กาเผือกได้ไปเกิดในพรหมโลกเป็น
    พระพรหม ชื่อว่า ฆฏิการมหาพรหม เสวยสุขใน
    สวรรคพรั่งพรอมไปด้วยทิพยสมบัติ มีเทพธิดา
    เป็นบริวารมากมาย
    กล่าวถึงไข่หน่อพุทธางกูรทั้ง ๕ ใบ เมื่อ
    สายน้ำได้พัดพาไปอย่างไม่รู้ทิศทาง เมื่อฝนหยุด
    น้ำก็ลด
    ไข่ทั้ง ๕ ฟอง ก็ตกไปคนละทิศละทางใกล้
    บ้างไกลบ้าง ตามแรงแห่งกระแสน้ำที่จะพัดพาไป
    ไข่ใบที่ ๑ ไหลลอยไปตกคางอยู่ชายป่าแห่ง
    หนึ่ง ซึ่งเป็นบริเวณที่แม่ไก่ ตัวหนึ่งมีชื่อวา กกุ
    สันธตาทีสวาทีลงมากินน้ำและอาบน้ำ ด้วยเดชะ
    แห่งบุญของหน่อพุทธางกูรจึงดลจิตให้แม่ไก่เกิด
    ความเมตตาแล้วได้นำไปฟูมฟกเลี้ยงดูไว้เมื่อเวลา
    ผ่านไปไม่นาน ไข่นั้นก็ฟักออกมาแต่ไม่ออกมาเป็น
    สัตว์โดยทั่วไป กลับฟักออกมาเป็นมนุษย์มีบุคลิก
    ลักษณะครบ ๓๒ บริบูรณ์ด้วยความงามสดใส
    แห่งเพศชาย แม่ไก่ก็เฝ้าเลี้ยงไว้เสาะแสวงหาอาหาร
    หล่อเลี้ยงมาจนเติบใหญ่
    ไข่ใบที่ ๒ ไหลลอยไปตามกระแสน้ำไปตก
    ค้างอยู่ ณ ชายป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของ แม่
    นาคตัวหนึ่ง มีชื่อวา โกนาคมโน ในขณะที่แม่
    นาคกำลังแหวกว่ายเพลิดเพลินไปตามกระแส
    น้ำไหลอยูนั้น ก็เหลือบไปเห็นไข่ฟองหนึ่ง ซึ่งน้ำ
    ซัดมาติดอยูที่ชายหาด แม่นาคจึงนำไข่ไปเก็บไว้
    ในถ้ำ บำรุงเฝ้ารักษาไว้เป็นอย่างดี ด้วยความรัก
    เสมือนว่าเปนลูกของตนแท้ๆ อยู่มาไม่นาน ไข่
    ใบนั้นก็แตกออกมา ที่ปรากฏแก่สายตาของแม่
    นาค ภายในไข่ใบนั้นเปนรางกายของทารกผูชาย
    รูปรางหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู แม่นาคได้เฝ้าถนอม
    รักเลี้ยงดูแสวงหาอาหารมาให้กินอยางไม่อดอยาก
    จนทารกนั้นเติบใหญ่ขึ้นมามีรูปร่างหน้าตาดีบุคลิก
    น่าเกรงขาม
    ไข่ใบที่ ๓ ไหลไปตามกระแสน้ำ มุ่งหน้า
    ไปไกลไปตกค้างอยู่บนเกาะทรายแห่งหนึ่ง เปน
    สถานที่ที่แม่เต่า ตัวหนึ่งชื่อวา กัสสัปโป กำลัง
    จะไปตากอากาศบนหาดทรายนั้น หลังจากที่เที่ยว
    เสาะแสวงหาอาหารการกินจนอิ่มท้องแล้ว จึงไป
    แสวงหาที่พักผอนบ้าง ในบางขณะที่กำลังขึ้นจาก
    แมน้ำก็ได้พบไข่ใบหนึ่ง ทันทีที่ได้พบก็เกิดความ
    เมตตารักใคร่จึงได้นำไปเก็บไว้อยู่ต่อมาอีกไม่นาน
    ไข่ใบนั้นก็ฟักออกมาเปนเด็กน้อยรูปงามโสภา แม่
    เตาก็เลี้ยงมาจนเติบใหญ่ตามกำลังความสามารถ
    ของตน แต่มนุษยนั้นก็มีความกตัญูรูคุณเมื่อ
    โตแลวก็หาเลี้ยงตอบบ้างเชนกัน
    ไข่ใบที่ ๔ น้ำก็ซัดพาลอยไปค้างอยูริมฝั่ง
    แมน้ำบริเวณท่าแห่งหนึ่ง เปนท่าที่แม่โค ตัวหนึ่ง
    ชื่อวา โคตมะ ลงมากินน้ำที่ท่าน้ำอยูเปนประจำ
    วันนั้นได้พบไข่ใบหนึ่งก็เกิดความเมตตาปรานีเกิด
    กุศลจิตขึ้นมา จึงนำไปเก็บไว้ณ ที่พักของตน อยู่
    มาไม่นาน ไข่ใบนั้นก็แตกออกมาเปนมนุษย ดู
    น่ารักน่าเอ็นดูแม่โคก็เอานมตนเองให้กิน เลี้ยงดู
    มาจนเติบใหญ
    ไข่ใบที่ ๕ ได้ไหลไปตามกระแสน้ำซัด ไปตก
    ค้างอยู่ชายป่าท่าน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเปนท่าน้ำที่แม่
    ราชสีหตัวหนึ่งชื่อว่า อริยเมตไตรโย กำลังจะลงมา
    กินน้ำและพบไข่ใบนั้นเข้าก็เกิดกุศลเมตตาจิต คิด
    เปนกุศลจึงได้นำเอาไข่ใบนั้นเก็บไปรักษาไว้เปน
    อย่างดี ณ ภายในถ้ำอันเปนที่อยูของตนเอง อยู่
    มาไม่นานไข่นั้นก็กะเทาะเปลือกออกมา ภายในไข่
    นั้นเปนร่างของทารก ราชสีหก็เฝ้าเลี้ยงดูหาอาหาร
    มาป้อน ป้องกันอันตรายต่างๆ ให้จนทารกนั้น
    เติบใหญขึ้นมา
    วันเวลาล่วงเลยไป...เด็กทั้ง ๕ คน ก็เจริญ
    เติบโตขึ้นมาจนอายุยางเขา ๑๖ ปีจึงได้เกิดความ
    สงสัยวา “เรานี้เกิดมาจากไหน แม่ที่เลี้ยงเราจน
    เติบใหญ่ อยู่ จนทุกวันนี้เปนแม่ บังเกิดเกล้าจริง
    หรือ? ด้วยวา่แม่เราเปนสัตวแตเราเองเปนมนุษย
    จึงไม่น่าจะใช่เปนแม่ผู้บังเกิดเกล้าแน่นอน”
    ทั้ง ๕ คน ต่างก็คิดสงสัยเหมือนกันหมดจึง
    ตัดสินใจเข้าไปถามแม่เลี้ยงของตนถึงเหตุการณแต่
    หนหลังว่า มีความเปนมาอยางไร ็ ทั้งแม่ไก่ แม่นาค
    แม่เตา แม่โค และแม่ราชสีหต่างก็เล่าและตอบถึง
    เรื่องราวเหตุการณตั้งแต่หนหลังให้ลูกฟังว่า
    “ได้พบเห็นไข่ลอยตามสายน้ำมาติดเกาะ ติด
    ชายหาด ติดท่าน้ำ แม่ก็เลยเก็บมาเฝ้าดูแลรักษาไว้
    ไม่นานเจาก็กะเทาะเปลือกออกมาเปนทารก แม่ก็
    เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ถึงทุกวันนี้...
    “แท้จริงแล้วแม่ เปนเพียงแม่ เลี้ยง มิใช่ แม่บังเกิดเกล้าที่แท้จริงของเจ้าหรอก อันว่าแม่ที่แท้จริงของเจ้านั้นแม่ก็ไม่รู้ว่าเปนใคร อยู่ที่ไหน
    แม่ก็อยากจะทราบอยูเหมือนกัน เพราะเหตุการณ
    ก่อนหน้าที่จะพบเจ้านั้น ก่อนนั้นฝนตกลงมาอย่าง
    แรง อีกทั้งมีพายุพัดแรงจัดด้วยต้นไม้หักกัน
    ระเนระนาด พอหลังจากนั้นมาแม่ก็ได้พบเจ้า ซึ่ง
    ขณะนั้นยังคงเปนไข่อยู”
    เมื่อหน่อพุทธางกูรทั้ง ๕ ได้รับทราบความจริงของชีวิตแล้ว ก็คิดอยากพบแม่ที่แท้จริง จึงไปกราบลาแม่เลี้ยงของตนเพื่อออกเดินทางไปติด
    ตามหาแม่ผู้บังเกิดเกล้า แต่การไปนั้นจะขอบวช
    เปนฤาษีด้วยเพื่อสะดวกต่อการแสวงหา อีกทั้งเพื่อ
    เปนการบำเพ็ญบารมีด้วย จึงได้เข้าไปอาศัยอยูใน
    ป่าต่อไป
    เหตุการณแห่งหน่อพุทธางกูรทั้ง ๕ ที่ได้กระทำ
    อยู่นั้น เปนพฤติกรรมที่ต่างก็ไม่ได้นัดหมายกัน
    ไว้ก่อน แต่ก็กระทำเหมือนกันทุกๆ ประการ
    แม่เลี้ยงทั้ง ๕ ก็อนุญาตและอวยชัยให้พรให้
    ไปดีมีสุขสมหวังปราศจากทุกขโศกโรคภัยต่างๆ
    ไปแล้วก็อย่าให้ลับ ขอให้กลับมาเยี่ยมเยือนแม่บ้าง
    ถาได้ถึงฝั่ง ตรัสรู้ธรรมเปนพระโพธิญาณ
    พุทธเจ้าแล้ว แม่ก็ขอฝากชื่อแม่ไว้เพื่อจะได้เปน
    อนุสรณของแม่ไว้ในวันข้างหน้าด้วยว่า
    แม่ไก่ ขอฝากชื่อของตนเองให้เปนชื่อของ
    พระพุทธเจ้าในอนาคตว่า “กกุสันธะ”
    แม่นาค ขอฝากชื่อของตนเองให้เปนชื่อของ
    พระพุทธเจ้าในอนาคตว่า “โกนาคมนะ”
    แม่เต่า ขอฝากชื่อของตนเองให้เปนชื่อของ
    พระพุทธเจ้าในอนาคตว่า “กัสสปะ”
    แม่โค ขอฝากชื่อของตนเองให้เปนชื่อของ
    พระพุทธเจ้าในอนาคตว่า “โคตมะ”
    แม่ราชสีหขอฝากชื่อของตนเองให้เปนชื่อของ
    พระพุทธเจ้าในอนาคตวา “อริยเมตไตรยะ”
    หลังจากนั้นชายหนุ่มทั้ง ๕ ก็เดินทางไป
    บำเพ็ญศีลภาวนาอยู่ในป่าตามสถานที่ของตนเอง
    ตอไป
    กล่าวถึงท้าวสักกเทวราช เมื่อได้ทราบ
    ว่าหน่อพุทธางกูรทั้ง ๕ ออกบวชเปนฤาษี
    เดินทางเขาไปพงไพร จึงตรัสสั่งใหวิสสุกรรม
    เทพบุตรลงไปจัดเตรียมการต้อนรับ
    ิสสุกรรมเทพบุตร เมื่อได้รับสั่งเช่นนี้แล้ว จึง
    เหาะลงมายังโลกมนุษยตรงไปยังป่าหิมพานต์ตรง
    สถานที่ที่หน่อพุทธางกูรเดินทางเข้าไปนั้น แล้ว
    เนรมิตอาศรมทั้งห้าหลังเรียงรายกันไปตามลำดับ
    ซึ่งจัดตั้งห่างกันไว้พอเหมาะพอควร จัดเครื่อง
    บริขารอันเปนของใช้สอยสำหรับดาบสทั้งหลาย
    และได้จัดเตรียมอาหารการกินไว้อย่างครบครัน
    พร้อมกันนั้นก็ได้เนรมิตต้นไทรใหญ่ให้เปนร่มเงา
    ร่มเย็นไว้ใกล้อาศรมละหนึ่งต้น และได้เนรมิต
    บัลลังก์ไว้ด้วย เพื่อจะให้ฤาษีทั้ง ๕ ได้พักผ่อน
    คลายอารมณ์ตามเวลาอันควร พร้อมได้จารึกชื่อ
    ฤาษีทั้ง ๕ ไว้ที่หน้าอาศรม
    เมื่อหน่อพุทธางกูรทั้ง ๕ แต่ละองค์ต่างก็
    เดินทางมาถึงอาศรมที่เนรมิตไว้นั้น และได้อ่าน
    คำจารึกที่ได้เขียนไว้ที่อาศรมนั้น ต่างก็รู้ว่าสิ่งที่
    เกิดขึ้นนี้เกิดจากพระอินทรเปนผูสร้างไว้เพื่อตน
    เมื่อเห็นเครื่องบริขารของดาบสที่จัดเตรียมไว้ จึง
    ได้บวชเปนฤาษีแล้วตั้งใจบำเพ็ญเพียรภาวนาอยาง
    จริงจัง
    ฤาษีทั้ง ๕ ได้บำเพ็ญธรรมกรรมฐานอย่าง
    ตั้งใจทำ เพื่อต้องการอยากเห็นหน้าแม่ผู้บังเกิด
    เกล้าของตน หลังจากที่ได้พลัดพรากจากกันมา
    ตั้งแต่เปนไข่นั้น
    อยู่มาวันหนึ่ง หลังจากที่ได้บำเพ็ญตบะไปได้
    ระยะหนึ่งแล้ว ฤาษีทั้ง ๕ ก็ได้ออกมาพักผอน
    ตามที่ต่างๆ ด้วยความเบิกบานสำราญใจ จึงมา
    ได้พบกันเข้าโดยบังเอิญที่ภูเขาลูกหนึ่ง ชื่อว่า
    สิงคุตตระปฎฐา ใต้ต้นไม้นิโครธอันมีกิ่งกานสาขา
    ที่ร่มเย็นสบายยิ่งนัก เมื่อได้มีโอกาสต่างก็ไต่ถาม
    ชื่อเสียงเรียงนามของกันและกัน พร้อมทั้งความ
    เปนมา
    เมื่อได้ทราบความเปนมาแห่งชีวิตของแต่ละ
    ท่านแล้ว พวกตนทั้ง ๕ ต่างก็เกิดมาจากไข่
    เหมือนกัน มีเหตุการณที่จะต้องพลัดพรากจากกัน
    โดยถูกกระแสน้ำพัดพาไปในที่ต่างกัน แล้วได้
    อาศัยอยู่กับสัตวผู้ที่มีจิตเมตตากรุณาได้นำเอา
    เลี้ยงไว้จนมีชีวิตรอดมาได้ พร้อมทั้งได้ออก
    เดินทางมาบวชเปนฤาษีในป่านี้เพื่อต้องการตามหา
    แม่ บังเกิดเกล้าซึ่งเหตุการณแห่งชีวิตดังกล่าว
    เหมือนกันทุกประการ จากนั้นก็ได้จัดเรียงลำดับ
    พี่น้องกันว่าคนที่ตกค้างอยู่หัวน้ำเปนพี่คนโต คน
    ที่ตกค้างอยู่ ใต้แม น้ำถัดมาก็เปนน้องถัดกันมา
    ตามลำดับก่อนหลัง ทั้งนี้ก็เพราะว่าทั้ง ๕ คนได้
    สันนิษฐานเอาว่า “พวกตนคงจะเปนพี่น้องเกิด
    ร่วมท้องมารดาเดียวกัน”
    ดังนั้นจึงได้พากันตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่ง
    ศักดิ์สิทธิ์ จงดลบันดาลให้แม่บังเกิดเกล้าของเรา
    มาปรากฏกายต่อหน้าพวกเราด้วยเถิด
    กลาวถึงแม่กาเผือก เมื่อกลับมาที่รัง
    ของตนแล้ว ไม่เห็นหน้าลูกก็เสียใจอาลัยรัก
    จนขาดใจตาย แล้วไปเกิดเปนฆฏิการมหา
    พรหมในสวรรคจนอายุได้ ๑๒,๐๐๐ ปี
    ด้วยอานุภาพแห่งอธิษฐานบารมี หลังจากที่
    ฤาษีทั้ง ๕ อธิษฐานแล้วก็ร้อนไปถึงฆฏิการมหา
    พรหมผู้เปนแม่ เมื่อเล็งญาณวิถีอันวิเศษลงมายัง
    เมืองมนุษยแล้ว ได้เห็นลูกชายทั้ง ๕ คนได้เปน
    ฤาษีบำเพ็ญเพียรบารมีอยูท่ามกลางป่าหิมพานต์
    มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากจะเห็นหน้า
    ผู้เปนแม่ เมื่อรู้ดังนี้แล้วจึงลงจากสวรรค จำแลง
    แปลงกายเปนสุวรรณราชากาใหญ่ตัวหนึ่งผู้มีปีก
    หางล้วนขาวงาม มาปรากฏต่อหน้าพระฤาษีทั้ง ๕
    พระองคแม่กากล่าวว่า
    “ปยะปุตตะกา ดูกรลูกทั้งห้า เราเปนแม่ของ
    พวกเจ้า แม่ได้ยินคำอธิษฐานของพวกเจ้า จึงได้ลง
    มาจากวิมานปราสาททิพย มาสูรมไมนิโครธ”
    ขณะนั้นฤาษีทั้ง ๕ องคจึงปรึกษากันว่า “เรา
    เกิดมาในชาตินี้ ยังมิไดทำสิ่งใดทดแทนคุณของ
    แม่ เราขอให้แม่ประทับรอยเท้าไว้เพื่อเปนบุญแก่
    ลูกทั้งหลายในภายภาคหน้า”
    แม่กาพูดว่า “สาธุ ความสุขสวัสดีจงมีแก่
    ลูกทั้งห้าพระองค แม่จะประทับรอยเท้าตามใจ
    พวกเจ้า ให้ได้เฝ้ารักษานับแตบัดนี้ ในภายหน้า
    ให้ลูกกำพร้าบำเพ็ญบุญตอบแทนพระคุณของ
    แม่ โดยให้จัดทำประทีปตีนกาใส่ถ้วยน้ำมันจุด
    ไฟ เอาไว้เปนที่กราบไหว้บูชา ตราบจนพวกเจ้า
    ได้เปนสัมมาสัมพุทธเจ้าในภายหน้า ตีนกาแม่
    อย่าให้สูญหายให้คงไว้ในชมพูทวีป ความสวัสดี
    จงมีแก่ผูกระทำแต่งประทีปตีนกา ขอใหพวกเจ้า
    รีบเขาสู่นิพพาน อย่าคลาดแคล้วได้สมปรารถนา
    มั่นดีแล”
    เสร็จแลวท้าวฆฏิการมหาพรหมก็ลาลูกๆแล้ว
    เสด็จกลับสูพรหมโลก
    ฤาษีทั้งห้าจึงได้ปรึกษากันว่า “สถานที่นี้เปนที่
    ประเสริฐกว่าที่อื่นใดทั้งหลาย พวกเราได้พบแม่
    แห่งเรา ท่านได้ประทับรอยเท้าไว้ให้เปนสถานที่อัน
    ประเสริฐกว่าที่ใดในโลกทั้งมวล เราควรปฏิญาณแก่กันใต้ร่มไม้
    นิโครธที่เปนศูนยกลางทั้งหลายว่า
    ในภายหน้าเราพี่น้องทั้ง ๕ องคถ้าใครได้เปน
    พระพุทธเจ้าก่อน ให้เอาอัฐิบริขารธาตุ หรือธาตุ
    อันใดอันหนึ่งมาบรรจุไว้ณ สถานที่นี้อันประเสริฐ
    กว่าที่อื่น”
    หลังจากนั้น ต่างคนต่างก็บำเพ็ญประพฤติ
    พรหมจรรยมิได้ขาด พระฤาษีทั้งห้าจะกลับมา
    พบกันทุกปีในเดือนยี่เป็ง เพื่อจุดประทีปตีนกา
    บูชาแม่บังเกิดเกล้าจนสิ้นอายุขัย แล้วเวียนว่าย
    ตายเกิดไปเรื่อยๆหลายอสงไขยกัป
    พี่ชายคนโตบารมีเต็มบริบูรณพร้อมก่อนจึง
    บรรลุเปนพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากอน จากนั้นก็เปน
    น้ององคต่อๆ มาตามลำดับ จนถึงพระพุทธเจ้า
    องค์ปัจจุบันโดยมีพระนามตามที่แม่เลี้ยงทั้ง ๕
    ขอฝากนามไว้
    ส่วนองค์สุดท้อง คือพระพุทธเจ้าองค์ที่
    ๕ มีพระนามว่า ‘พระศรีอาริยเมตไตรย์’

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดอะไรขึ้นในยุคพระพุทธเจ้ากัสสปะครับ ดูคล้าย ๆ กับดาวหางจะชนโลกนะ (ขอความเห็นเชิงวิทยาศาสตร์)
    คัดจากพระไตรปิฎก เล่ม 33
    uruvela kassapa.jpg
    " ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ พระนายกพระนามว่าวิปัสสีผู้มีพระเนตร
    งาม ทรงเห็นแจ้งธรรมทั้งปวง ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว เราเป็นผู้มีจิต
    ขัดเคือง ได้พูดตู่สาวกของพระพุทธเจ้าผู้คงที่พระองค์นั้น ผู้สิ้นอาสวะ
    ทั้งปวงแล้ว ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ และเราจับสลากแล้ว
    ถวายข้าวสุกที่หุงด้วยน้ำนม แก่พระเถระทั้งหลายผู้แสวงหาคุณอัน
    ใหญ่ผู้เป็นสาวกของพระผู้แกล้วกล้ากว่านรชนพระองค์นั้นแหละ ใน
    ภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าผู้เป็นพงศ์พันธุ์ของพรหม มีพระยศใหญ่
    ประเสริฐกว่านักปราชญ์ พระนามว่ากัสสป ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
    พระองค์ทรงยังศาสนธรรมให้รุ่งโรจน์ ข่มขี่เดียรถีย์ผู้หลอกลวงเสีย
    ทรงแนะนำเวไนยสัตว์แล้ว เสด็จปรินิพพานพร้อมทั้งพระสาวก
    ครั้นเมื่อพระโลกนาถพร้อมทั้งพระสาวกปรินิพพานแล้ว ครั้นเมื่อ
    พระศาสนธรรม กำลังจะสิ้นศูนย์อันตรธาน ทวยเทพและมนุษย์พา
    กันสลดใจ สยายผม มีหน้าเศร้า คร่ำครวญว่า ดวงตาคือธรรมจัก
    ดับแล้ว เราจักไม่ได้เห็นท่านที่มีวัตรดีงามทั้งหลาย เราจักไม่ได้ฟัง
    พระสัทธรรม น่าสังเวช เราเป็นคนมีบุญน้อย ครั้งนั้น พื้นปฐพี
    ทั้งหมดนี้ ทั้งใหญ่ทั้งหนา ได้ไหวสะเทือน สาครสมุทรพูดได้ แม่น้ำร้องอย่างน่าสงสาร อมนุษย์ตีกลองดังทั่วทั้งสี่ทิศ อสนีบาต
    อันน่ากลัวตกลงไปรอบๆ อุกกาบาตตกจากท้องฟ้า ดาวหางปรากฏ
    เกลียวแห่งเปลวไฟมีควันพวยพุ่ง หมู่มฤคร้องครวญครางอย่างน่า
    สงสาร ครั้งนั้น เราทั้งหลายเป็นภิกษุรวม ๗ รูปด้วยกัน ได้เห็น
    ความอุบาทว์อันร้ายแรง แสดงเหตุว่าพระศาสนาจะสิ้นสูญ จึง
    เกิดความสังเวช คิดกันว่า เว้นพระศาสนาเสีย ไม่ควรที่เราจะมี
    ชีวิตอยู่ เราทั้งหลายจึงเข้าไปสู่ป่าใหญ่แล้วจะบำเพ็ญเพียรตาม
    คำสอนของพระชินสีห์เจ้า ครั้งนั้น เราทั้งหลายได้พบภูเขาหินใน
    ป่าสูงลิ่ว เราไต่มันขึ้นทางพะอง แล้วผลักพะองให้ตกลงเสีย
    ครั้งนั้น พระเถระได้ตักเตือนเราว่า การอุบัติแห่งพระพุทธเจ้าหา
    ได้ยาก อีกประการหนึ่ง ความเชื่อที่บุคคลได้ไว้ ก็หาได้ยาก
    และพระศาสนายังเหลืออีกเล็กน้อย ผู้ที่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเสีย
    จะต้องตกลงไปในสาคร คือความทุกข์อันไม่มีที่สิ้นสุด เพราะฉะนั้น
    พวกเราควรกระทำความเพียร ตลอดเวลาที่พระศาสนายังดำรงอยู่
    เถิด ดังนี้ ครั้งนั้น พระเถระนั้นเป็นพระอรหันต์ พระอนุเถระ
    ได้เป็นพระอนาคามี พวกเราที่เหลือจากนี้ เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์
    ประกอบความเพียร จึงได้ไปยังเทวโลก องค์ที่ข้ามสงสารไปได้
    ปรินิพพานแล้ว อีกองค์หนึ่งเกิดในชั้นสุทธาวาส เราทั้งหลาย
    คือ ตัวเรา ๑ พระปุกกุสาติ ๑ พระสภิยะ ๑ พระพาหิยะ ๑
    พระกุมารกัสสป ๑ เกิดในที่นั้นๆ อันพระโคดมบรมศาสดา ทรง
    อนุเคราะห์ จึงหลุดพ้นไปจากเครื่องจองจำ คือสงสารวัฏได้
    แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 50 14:02:23
    แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 50 13:43:15
    จากคุณ : ร่วมด้วยช่วยกัน - [ 11 ธ.ค. 50 09:20:49 ]

    http://www.topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2007/12/X6116960/X6116960.html
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ไต้ฝุ่นโคนี’ แรงสุดในปี 2020 จ่อซัดถล่มปินส์ เร่งอพยพปชช.กว่า 2 แสนคน
    .
    ทางการฟิลิปปินส์สั่งอพยพประชาชนกว่า 200,000 คนออกจากพื้นที่เสี่ยงในภาคใต้ของเกาะลูซอน ก่อนที่ไต้ฝุ่นโคนี (Goni) ซึ่งทวีกำลังเป็นพายุหมุนระดับ 5 และจัดเป็นพายุที่มีความแรงที่สุดของปีนี้จะพัดขึ้นฝั่งในวันอาทิตย์ (1 พ.ย.)
    .
    สำนักอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงานว่า ไต้ฝุ่นโคนีซึ่งมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะเคลื่อนผ่านแหลมทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลูซอนในช่วงเช้าวันอาทิตย์ (1) ก่อนจะพัดขึ้นฝั่งในช่วงบ่าย และจัดเป็นไต้ฝุ่นที่มีความแรงสูงสุดที่จะเคลื่อนผ่านหมู่เกาะฟิลิปปินส์ถัดจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน (Haiyan) ที่เคยคร่าชีวิตชาวเมืองตากาล็อกไปกว่า 6,300 คนเมื่อปี 2013
    .
    ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่ง หรือชุมชนที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มในจังหวัดคานาริเนสนอร์เต (Camarines Norte) และคามาริเนสซูร์ (Camarines Sur) ได้รับคำเตือนให้อพยพแต่เนิ่นๆ ส่วนที่จังหวัดอัลไบ (Albay) หน่วยงานท้องถิ่นมีคำสั่งให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยรีบย้ายออกจากบ้านเรือนโดยด่วน
    .
    เกรมิล นาซ เจ้าหน้าที่บรรเทาภัยพิบัติในท้องถิ่น บอกกับสถานีวิทยุ DZBB ว่า “ความแรงของไต้ฝุ่นลูกนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น”
    .
    ไต้ฝุ่นโมลาเบ (Molave) ซึ่งเคลื่อนผ่านจังหวัดทางตอนใต้ของกรุงมะนิลาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 22 ราย ขณะที่ไต้ฝุ่นโคนีซึ่งเป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 18 ที่พัดเข้าสู่หมู่เกาะฟิลิปปินส์ในปีนี้ก็คาดว่าจะมีเส้นทางที่ใกล้เคียงกัน
    .
    เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ยังเผชิญปัญหายุ่งยากเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคมภายในศูนย์พักพิงเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโควิด-19 โดยฟิลิปปินส์นั้นมียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงเป็นอันดับที่ 2 ของภูมิภาคอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย
    .
    ไต้ฝุ่นโคนีซึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงคาดว่าจะเริ่มทำให้มีฝนตกในกรุงมะนิลาและ 14 จังหวัดใกล้เคียงตั้งแต่ค่ำวันนี้ (31) และมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันหรือดินถล่มขึ้นได้
    .
    ขณะเดียวกัน ไต้ฝุ่นลูกใหม่ที่มีชื่อว่า “อัสนี” (Atsani) ก็กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นที่นอกชายฝั่งของฟิลิปปินส์
    .
    ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อเมริกา วันนี้
    ยอดทะลุ 100,000 คน/วัน

    ครั้งแรก สูงสุดในประวัติศาสตร์โลกตั้งแต่ระบาด…

    แถมท่าน ปธน.ทรัมป์…ยังกล่าวไม่ให้เกียรติแพทย์ว่า

    “แพทย์ของเราจะได้เงินมากขึ้น ถ้ามีคนตายจากโควิด”


    สมควรที่วารสารทางการแพทย์อเมริกาจะออกมาตำหนิ !!

    ได้แต่สงสารแต่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ ประชาชน

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว เอิบส์!!!! เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ต.ค. 2563) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่า แพทย์กำลังเพิ่มตัวเลขการเสียชีวิตจาก COVID-19 ให้สูงขึ้นเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจาก COVID-19 รายวันในสหรัฐฯพุ่งสูง

    ** ในการปราศรัยหาเสียงที่รัฐมิชิแกน ทรัมป์กล่าวว่า "แพทย์ของเราได้รับเงินมากขึ้นหากมีคนเสียชีวิตจากโรค COVID-19 คุณรู้ใช่ไหม ผมหมายถึงหมอของเราเป็นคนฉลาดมาก ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาทำก็คือแค่พูดว่า 'เราขอโทษ แต่ทุกคนเสียชีวิตด้วย COVID-19'" - ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่บ่งชี้ว่า โรงพยาบาลหรือแพทย์ในสหรัฐฯเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจาก COVID-19 เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเงิน

    สื่อต่างชาติระบุว่า คำกล่าวข้างต้นนับเป็นการโจมตีบุคลากรทางการแพทย์ผู้เสียสละของสหรัฐฯ โดยล่าสุด เมื่อวันศุกร์เพียงวันเดียว มีชาวอเมริกันมากกว่า 90,000 คนได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งเป็นสถิติอัตราการติดเชื้อต่อวันต่อวันที่สูงที่สุดในโลก และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 929 ราย

    สมาคมการแพทย์อเมริกัน ได้ออกมาประณามคำกล่าวอ้างนั้น โดย Susan Bailey ประธานสมาคมการแพทย์อเมริกันบอกว่า คำกล่าวที่ว่าแพทย์ซึ่งกำลังทำงานท่ามกลางวิกฤตระบบสาธารณสุข ได้นับจำนวนผู้ป่วย COVID-19 หรือโกหกเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋านั้น ถือเป็นข้อกล่าวหาที่อันตราย ชั่วร้าย และชวนให้เข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง

    ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกามีจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 สูงที่สุดในโลก โดยอยู่ที่ราว 9 ล้านราย เสียชีวิตมากที่สุดในโลกเช่นกัน อยู่ที่ราว 230,000 ราย.

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Playlist ฮาโลวีนแห่งจักรวาล NASA เปิดให้ฟังเสียง สุดลึกลับจากอวกาศ! ชวนขนหัวลุกรูปแบบใหม่

    NASA ปล่อยเสียงสุดลึกลับจากอวกาศต้อนรับวันฮาโลวีน เป็น Playlist ชวนขนลุกให้ฟังฟรีบน SoundCloud!

    เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา NASA ได้ปล่อยเสียงแปลกๆ ลงในทวิตเตอร์ของตนเอง ซึ่งวันต่อมา ทางหน่วยงานได้เฉลยว่าเสียงนั้นคือเสียงจากอวกาศที่พวกเขาตั้งใจแปลงสำหรับเทศกาลฮาโลวีนในปีนี้ #NASAhalloween

    Playlist นี้มีทั้งหมด 14 เสียง โดย NASA อธิบาย Playlist ไว้ว่ามันคือการ “เสียงโหยหวน” และ "เสียงผิวปาก” ของจักรวาลจากการรวบรวมของยานสำรวจ Chandra X-ray, กระสวยอวกาศ InSight Martian, ยานอวกาศ Voyager 1 และยานสำรวจ Juno

    ซึ่งหลังจากยานเหล่านี้ได้บันทึกเสียงจากจุดต่างๆ ของอวกาศได้แล้ว เหล่าวิศวกรจาก NASA ก็นำมาแปลงอีกทีให้ดูวังเวงพิศวงสมกับเป็นเสียงจากแดนไกลต้อนรับเทศกาลฮาโลวีน

    ใครที่ชอบล่าท้าความกลัวก็ลองเข้าไปฟังกันได้ที่ https://soundcloud.com/.../sets/sinister-sounds-of-the-solar เป็นอย่างไรก็มาเล่าสู่กันฟังได้นะ เพราะทางนี้ขอบาย ใครอยากลองไปก่อนเลย

    ที่มา


    https://futurism.com/the-byte/nasa-...YlF3XpHymiVMIxMWQkhHpl1ThepEm_h_eD28XYWTcQCHM



     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Global Times สื่อกระบอกเสียงหลักของ “พรรคคอมมิวนิสต์จีน” ได้รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงของไทยในขณะนี้ ภายใต้ชื่อบทความว่า “Behind-scenes funding of Thailand protests show invisible Western hands” ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประท้วงในไทยตอนนี้ใช้วิธีการคล้ายๆกับการประท้วงในฮ่องกง และเป็นวิธีการที่สหรัฐฯชอบใช้เพื่อเป้าหมายทางการเมืองในภูมิภาคอื่นๆ
    .
    ***ข้อความต่อไปนี้เป็นการแปลมาจาก Global Times ล้วนๆ***
    .
    การเมืองของไทยกำลังร้อนแรงขึ้นจากการประท้วงบนท้องถนนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งขับเคลื่อนโดยกองกำลังต่อต้านรัฐบาล เพื่อเป็นการตอบโต้รัฐบาลไทยที่ได้ประกาศพระราชกำหนดพื้นที่ในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้ประท้วงได้วางแผนว่าจะชุมนุมอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ดังกล่าวกำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก
    .
    กลุ่มผู้ประท้วงอ้างว่าการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลของพวกเขามีเหตุผลหลายประการ ตัวอย่างเช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศของตนทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งประกาศใช้ในปี 2560 เชื่อว่ามีไว้ “เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและยืดอายุการปกครองของรัฐบาลทหาร” แต่ก็ไม่ยากที่จะพบว่าการจลาจลในกรุงเทพฯในตอนนี้มีความคล้ายคลึงกับความวุ่นวายในฮ่องกงเมื่อปี 2019
    .
    <ประการแรก> การชุมนุมส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยคนหนุ่มสาว ซึ่งแตกต่างจากการประท้วงบนท้องถนนในประเทศไทยครั้งก่อนๆ ระหว่าง "คนเสื้อเหลือง" ผู้ที่ต่อต้านทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย และ "คนเสื้อแดง" ผู้สนับสนุนทักษิณ
    .
    <ประการที่สอง> การชุมนุมมีการจัดการที่ดี และไม่ต้องสงสัยเลยว่า “พวกเขาได้รับทุนจากบุคคลหรือองค์กรบางส่วนที่อยู่เบื้องหลัง” ผู้ประท้วงได้รับการป้องกันอย่างดี ด้วยอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หมวกกันน็อก แว่นตา และร่ม เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียนทั่วไปที่จะระดมทุนสำหรับอุปกรณ์เหล่านี้
    .
    <ประการที่สาม> รูปแบบของการชุมนุมในกรุงเทพฯคล้ายกับการชุมนุมในฮ่องกง ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลพยายามยึดครองสถานที่สาธารณะ เช่น สถานที่สำคัญในท้องถิ่น ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง และสถานีรถไฟใต้ดิน “ทั้งหมดนี้ทำขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากประชาคมโลกในวงกว้าง” พวกเขาใช้ร่มเป็นสัญญาณของการประท้วง ผู้ประท้วง “เล่นแมวไล่จับหนู” กับตำรวจ โดยสุ่มเลือกสถานที่และเวลาสำหรับการประท้วง
    .
    <ประการที่สี่> ในความคล้ายคลึงกันอย่างมากกับการประท้วงในฮ่องกง “ชาวตะวันตกนิรนาม” ในการชุมนุมในประเทศไทย ได้สั่งให้นักศึกษาจัดตั้งเวทีและเครื่องกีดขวางอย่างเปิดเผย นอกจากนี้ยังมีทีมกล้องมืออาชีพที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนเพื่อ “ถ่ายภาพเด็ด" ซึ่งภาพเหล่านี้รวมถึงผู้ประท้วงที่คุกเข่าต่อหน้าเจ้าหน้าที่และกลุ่มตำรวจติดอาวุธที่แกว่งกระบองอยู่ต่อหน้าผู้ประท้วงที่ไม่มีอาวุธ ภาพถ่ายดังกล่าวแพร่ออกไปบนโซเชียลมีเดีย พวกเขาปลุกปั่นความเกลียดชังของคนธรรมดาต่อ “รัฐบาลที่โหดร้าย" และทำให้คนธรรมดาเหล่านั้นเข้ามาร่วมการประท้วง
    .
    เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ก่อการจลาจลในฮ่องกงบางคนรวมถึง “โจชัว หว่อง” ผู้นำของพวกเขา ได้สนับสนุนการประท้วงต่อต้านรัฐบาลของไทยอย่างเปิดเผย ทำให้นึกถึง “ภาพถ่ายร่วมกันระหว่าง โจชัว หว่อง และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
    .
    รัฐบาลไทยและสื่อกระแสหลักเชื่อว่า กองกำลังต่อต้านรัฐบาลในประเทศ “สมรู้ร่วมคิดกับสหรัฐฯและประเทศตะวันตกอื่นๆ” เพื่อใช้คนหนุ่มสาว โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อล้มล้างระบบการเมืองของไทยในปัจจุบัน กองกำลังเหล่านี้มีเป้าหมายที่จะนำ “ผู้รับมอบฉันทะทางการเมืองแบบตะวันตก” เข้ามาปกครองประเทศด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตก โดยพื้นฐานแล้วมันคือ "การปฏิวัติสี" (Color revolutions)
    .
    ซึ่งนี่ถือว่าเป็นไปตาม “แนวปฏิบัติทั่วไปของสหรัฐฯ” สหรัฐฯใช้ “การปฏิวัติสี” ในอดีตกับสหภาพโซเวียต กับตะวันออกกลาง และกับประเทศในภูมิภาคอื่นๆ เพื่อเป้าหมายทางการเมืองที่จะทำให้หลายประเทศตกอยู่ในความยุ่งเหยิง คุกคามสันติภาพและเสถียรภาพในทุกภูมิภาคของโลก
    .
    ยังไม่ชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ของไทย ซึ่งปัจจุบันถูกสหรัฐฯใช้เป็นเครื่องมือ จะเข้าใจหรือไม่ว่า “การปฏิวัติสี” ไม่ได้สวยงามหรือสงบสุขอย่างที่วาดฝันเอาไว้
    .
    <ผู้เขียนคือ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการทูตทหาร ของวิทยาลัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศของจีน>
    .
    ***สิ้นสุดบทความของ Global Times***
    .
    เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
    .
    Source : https://www.globaltimes.cn/content/1204212.shtml
    .
    #ThailandState #ThailandStateUpdate

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์กะทิไทยอ่วมหนักลงไปอีก เมื่อล่าสุดทางองค์กรพิทักษ์สัตว์ (PETA) ได้ออกมาประกาศชัยชนะว่าพวกเขาสามารถผลักดัน Costco (บริษัทค้าปลีก Top 3 ของโลก) ให้ตัดความสัมพันธ์และเลิกขาย “กะทิชาวเกาะ” ของไทยได้สำเร็จ
    .
    ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกรายนี้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่นำผลิตภัณฑ์มะพร้าวจาก “ซัพพลายเออร์ไทย” เข้ามาขายอีก หลังถูกกล่าวหาว่ามีการใช้ลิงเป็นแรงงานในการเก็บมะพร้าว
    .
    ทั้ง Costco ตามด้วย Walgreens, Food Lion, Giant Food และ Stop & Shop จะหยุดจำหน่ายกะทิยี่ห้อต่างๆรวมถึงชาวเกาะหลังจากที่ PETA ได้กล่าวหาไทยเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
    .
    "ไม่มีนักช้อปคนไหนอยากให้ลิงถูกล่ามโซ่และปฏิบัติเหมือนเครื่องเก็บมะพร้าว" Ingrid Newkirk ประธาน PETA กล่าวในแถลงการณ์ "Costco ได้ตัดสินใจถูกต้องแล้วที่จะปฏิเสธการแสวงหาประโยชน์จากสัตว์ และทาง PETA ยังเรียกร้องให้บริษัทอื่นๆที่ยังไม่ปฏิบัติตาม รีบดำเนินการแบนผลิตภัณฑ์มะพร้าวจากไทยโดยเร็ว"
    .
    “เราได้ยุติการจัดซื้อจากซัพพลายเออร์ / เจ้าของแบรนด์ ชาวเกาะ แล้ว” Ken Kimble รองประธานของ Costco กล่าว “เราจะตรวจสอบการปฏิบัติตามนโยบายการเก็บเกี่ยวมะพร้าวต่อไป และเมื่อเราพึงพอใจแล้ว เราจะกลับมาซื้อใหม่”
    .
    “เราได้แจ้งให้ซัพพลายเออร์ทราบอย่างชัดเจนว่าเราไม่สนับสนุนการใช้ลิงในการเก็บเกี่ยว ซึ่งการเก็บเกี่ยวทั้งหมดต้องทำด้วยแรงงานคน” Kimble กล่าวเสริม
    .
    ขณะที่ทางด้านของ “บริษัท เทพผดุงพร โคโคนัท” ซึ่งเป็นผู้ผลิตกะทิในประเทศไทย ได้กล่าวกับทาง USA TODAY ว่า บริษัท ได้สุ่มตรวจสอบสวนมะพร้าวในฟาร์มถึง 64 แห่งจาก 817 แห่ง ผลปรากฎว่า “ไม่พบการใช้ลิงในการเก็บเกี่ยวมะพร้าว"
    .
    ซึ่งแบรนด์ชาวเกาะ หนึ่งในผู้นำด้านการผลิตกะทิของโลก ได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ขอให้มั่นใจว่าเราจะไม่ใช้แรงงานลิงในสวนมะพร้าวของเรา”
    .
    เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
    .
    Source : https://www.usatoday.com/story/mone...onkey-labor-peta-costco-walgreens/5918418002/
    .
    #ThailandState #ThailandStateUpdate

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คำว่า ชนะ ในภาษาจีน
    ประกอบด้วย
    ตาย = กล้าตาย ไม่กลัว
    ปาก = มีปาก ต้องกล้าเจรจา
    เดือน = รู้จักคุณค่าแห่งเวลา ใช้เวลาให้คุ้ม
    อัฐ = ใช้เงินให้เป็น
    ปกติ = ธรรมดา เจออะไร ใจต้องนิ่ง
    FB_IMG_1604135883708.jpg
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Donald Trump announced GESARA stuff
    Oct. 24, 2020

    รวบรวมจาการพูดหลายครั้งของทรัมพ์ ..มันคืออะไร

    ***โปรดใช้วิจารณญาณ***

    0:30...ตอนที่เรากำลังพูดกันอยู่นี้ เราได้มีการพูดคุยกันไปแล้วกับผู้แทนหลายคณะของจีนซึ่งผมเชื่อว่าทุกอย่างไปได้สวย ..เป็นผลดีกับทุกฝ่าย ทั้งจีน ญี่ปุ่น สหรัฐ และประเทศอื่น ๆ ....เป็นเรื่องของ การลดค่าเงินที่ผมได้พูดถึงมาตลอดนานมากแล้ว

    ผมเชื่อว่าในที่สุดแล้วซึ่งน่าจะเร็ว ๆ นี้ ...ประชาชนจะเข้าใจดีว่า เราทั้งหมดจะอยู่ในระนาบเดียวกัน เพราะนี่จะเป็นทางเดียวที่ fair ที่สุดในการที่จะแข่งขันกันทางค้า

    พวกเราทำงานกันหนักมากจนมาถึงจุดนี้..ที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับประเทศเรา

    1:40....เรากำลังจะก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนผ่าน ที่ผมขอเรียกว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยิ่งใหญ่ เพราะสิ่งที่เรากำลังจะทำ จะเกิดขึ้นเร็วมาก ...และเราจะมีปีที่ยิ่งใหญ่คือปีหน้านี้

    ถ้าได้รับการช่วยเหลือจากท่านทั้งหลาย เราจะสามารถลดภาษีและกฏระเบียบได้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา

    2:05....เราตั้งใจที่จะเสนอสัญญาสันติภาพในเร็ววันนี้ ผมไม่เคยมองในแง่ดีเท่านี้มาก่อน ...วันแห่งการหลั่งเลือดผ่านไปแล้ว เรากำลังจะถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน เรามีกำลังอาวุธที่เข้มแข็งแต่ผมคิดว่าเราจะไม่ต้องใช้มัน

    2:46....เราได้ประสบความสำเร็จไปมากแล้ว ซึ่งไม่มีใครจะคาดคิดว่าจะทำได้ ...ผมไม่สามารถจะพูดถึงได้ แต่มันเป็นเรื่องที่ดี (positive)

    2:59....ทุกอย่างลงนามไปแล้วและมันจะมีผลในวันที่ 1 มกราคมนี้ พวกท่านจะมั่นใจว่าผมจะได้ชัยชนะ

    นี่จะเป็นเรื่องใหญ่ที่ยังไม่มีใครจะเข้าใจว่ามันคืออะไร


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    31.10.20

    เทสบาลเมือง Hamar จัดงานแถลงข่าวที่ศาลากลาง เกี่ยวกับสถานการณ์การติดเชื้อ ในเมือง เนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มี ผู้ติดเชื้อ เพิ่มขึ้น ในเขตเมืองฯ เทศบาลจึงออก มาตรการเข้มงวด เฉพาะท้องถิ่นหลายประการ

    1.ในการแถลงข่าววันนี้ Ketil Egge หัวหน้าแพทย์ประจำเทศบาลฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีการระบาด ในหมู่ เด็กและเยาวชน ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด โดยเร็วที่สุด

    2.มีรายงานผู้ติดเชื้อ 36 ราย ในเมืองฯ ช่วง 9 วันที่ผ่านมา จนถึงวันนี้มีรายงาน ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย ในภูมิภาคนี้ และ มีผู้ติดเชื้อจากเมือง Hamar 3 ราย มีหลายกรณีใน เขตเทศบาล ใกล้เคียงที่เกี่ยวข้องกับการระบาดที่มีแหล่งที่มาจากที่เดียวกัน ขณะนี้มี ผู้ติดเชื้อ ในเขตเทศบาลเมือง รวมทั้งสิ้น 163 คน

    มาตรการต่อไปนี้จะนำมาใช้ในเขตเทศบาล Hamar ตั้งแต่วันที่ 29.10.20 - 11.11.20

    ▪โรงเรียนอนุบาลประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ถูกแทนที่ด้วย รหัสสีแดง ซึ่งหมายถึงกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับกลุ่มประชากรในแต่ละชั้นเรียน
    ▪ขอให้ทุกคนหยุดการเข้าร่วมทำ กิจกรรมสันทนาการต่างๆ
    ▪กีฬา และ การแข่งขัน ในรุ่นใหญ่ (seniornivå) สามารถจัดการแข่งขันและ ฝึกอบรม ได้หลังจากประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้ออย่างละเอียดแล้ว
    ▪ศูนย์ออกกำลังกาย ปิดให้บริการสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี
    ▪สระว่ายน้ำ Ankerskogen ปิดให้บริการสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี
    ▪กิจกรรมสาธารณะ ผู้ร่วมงาน : สูงสุด 20 คน
    ▪กิจกรรมส่วนตัวในที่สาธารณะ ผู้ร่วมงาน : สูงสุด 20 คน
    ▪Forbud - กิจกรรมการสังสรรค์ส่วนตัว ภายในบ้านส่วนตัว หรือ บ้านพักตากอากาศ มีผู้มาร่วมงานได้สูงสุด 5 คน นอกเหนือจาก สมาชิกในครอบครัว และ จำนวนรวมกันของทุกคนไม่ควรเกิน 10 คน
    ▪จำนวนการติดต่อคนแปลกหน้า ที่ไม่ใช่คนในครอบครัว รวมไปถึง กลุ่มในชั้นเรียนของ โรงเรียนอนุบาล และ ประถมศึกษา ภายในหนึ่งสัปดาห์ไม่ควรเกิน 10 คน
    ▪Forbudt - ร้านอาหาร ไม่รับ ลูกค้า เข้ามาในร้านอาหาร หลังเวลา 23.00 น.
    ▪หยุดขาย เครื่องดื่ม แอลกฮอลล์ เวลา 00.00 น. และ ปิดทำการเวลา 00.30 น
    ▪ห้ามเยี่ยมสถานพยาบาล และ บ้านพักคนชรา ยกเว้นในกรณีพิเศษ
    ▪แนะนำให้ รักษามาตรการควบคุมการติดเชื้อฯ เมื่อต้องไปพบกับ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ต่างๆ
    ▪แนะนำ ให้มี สำนักงานที่บ้าน ให้กับพนักงาน 50 % ของบริษัทต่างๆ ที่สามารถทำได้
    ▪ยังคง คำแนะนำ เกี่ยวกับการ สวมหน้ากากอนามัย ใน ระบบขนส่งสาธารณะ และ สถานที่สาธารณะอื่นๆ ที่ไม่สามารถรักษาระยะห่าง 1 เมตร
    .

    อ่านรวมข่าว และ มาตรการโคโรน่าต่างๆของ ประเทศนอร์เวย์
    http://norgetiltak.blogspot.com/

    อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
    https://www.blockdit.com/norwaystyle

    #นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
    .
    แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
    https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

    ที่มา เวปไซต์ Hamar Kommune:
    https://www.hamar.kommune.no/article50626-20552.html

    https://www.nrk.no/innlandet/barn-o...smittereglene-strammes-inn-i-hamar-1.15220532

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์ขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้งในไทยและทั่วโลก คือเหตุผลที่เราต้องทิ้งให้ถูกจุดรับทิ้งและทิ้งให้ดี

    1 > ขยะมือถือเป็นส่วนหนึ่งของขยะอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็น 65% ของเสียอันตรายจากชุมชน จำนวน 414,600 ตัน ซึ่งได้รับการกำจัดอย่างถูกต้องเพียงแค่ 13% เท่านั้น ในปี 2562 คนไทยมีมือถือใช้มากกว่า 97,000,000 เลขหมาย และเปลี่ยนมือถือทุก ๆ 2 ปี 8 เดือน

    2 > ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยที่ควรให้ความสำคัญมากพอ ๆ กับขยะพลาสติก เพราะชิ้นส่วนขยะเหล่านี้ปนเปื้อนสารเคมีและโลหะหนัก เช่น สารตะกั่ว แคดเมียม ปรอท ซึ่งล้วนส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน และหากกำจัดไม่ถูกวิธี เช่น มีการถอดแยกชิ้นส่วนเพื่อเอาของมีค่า แต่ใช้วิธีกำจัดวัสดุที่เหลือด้วยการเผาหรือฝัง ส่งผลให้สารพิษรั่วไหลสู่ระบบนิเวศและเกิดปัญหามลพิษทางน้ำ ดิน และอากาศ ตามมา

    3 > ข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ ประมาณการว่าไทยมีปริมาณซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อยู่ 400,000 ตันต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในจำนวนนี้ พบว่า โทรศัพท์มือถือเป็นซากผลิตภัณฑ์ที่พบมากที่สุดและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2559 พบซากโทรศัพท์มือถือมากที่สุด จำนวน 10.90 ล้านเครื่อง รองลงมาคือ อุปกรณ์เล่นภาพ/เสียงขนาดพกพา จำนวน 3.57 ล้านเครื่อง โดยคาดว่าในปี 2564 จะมีซากโทรศัพท์มือถือเพิ่มเป็นจำนวน 13.42 ล้านเครื่องและอุปกรณ์เล่นภาพ/เสียงขนาดพกพา ประมาณ 3.65 ล้านเครื่อง

    4 > ขณะเดียวกันที่ผ่านมามีการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก และเพื่อเป็นการแก้ปัญหา “ไทยเป็นถังขยะโลก” ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์จึงได้ออกประกาศ เรื่อง “กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563” โดยห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 428 รายการ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา

    5 > นอกจากนี้ก่อนหน้านั้นกรมควบคุมมลพิษ ได้ผลักดัน “ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ...” เพื่อให้มีระบบการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีสาระสำคัญคือห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งซากผลิตภัณฑ์ในที่สาธารณะ ที่รกร้างว่างเปล่าหรือทิ้งปะปนกับขยะมูลฝอย หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกหรือปรับ รวมทั้งจะให้มีศูนย์รับคืนซากผลิตภัณฑ์กระจายทั่วประเทศ แต่กฎหมายยังไม่ถูกทำคลอดออกมา

    6 > ด้านสถานการณ์ทั่วโลก ปี 2562 พบว่ามีขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 53.6 ล้านตัน โดยในจำนวนนี้มีขยะอิเล็กทรอนิกส์ประมาณ 20% เท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล และหากไม่จัดการแก้ปัญหานี้ สหประชาชาติคาดว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มเป็น 120 ล้านตัน ภายในปี 2593 หรือในอีก 30 ปีข้างหน้า โดยที่เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีขยะอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุดในโลกถึง 24.9 ล้านตัน แต่คิดปริมาณขยะต่อหัวประชากรจะพบว่าทวีปยุโรปผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุดในโลกนั่นคือ 16.2 กิโลกรัมต่อคนเทียบกับปริมาณต่อหัวเฉลี่ยทั้งโลกที่ 7.3 กิโลกรัมต่อคน

    7 > ไม่มีใครปฏิเสธว่าขยะเหล่านี้มีมูลค่า โดยเฉพาะอุปกรณ์ภายในที่มีส่วนประกอบเป็นทองคำ ทองแดง และเหล็ก ซึ่งมีการคาดการณ์ว่ามีมูลค่ากว่า 6.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 1.95 ล้านล้านบาท (ปี 2559) ซึ่งตัวเลขนี้สหประชาชาติระบุว่า มากกว่าจีดีพีของ 123 ประเทศเลยทีเดียว และในปี 2559 โทรศัพท์ที่ถูกทิ้งมีน้ำหนักรวม 4.35 แสนตัน โดยอาจมีมูลค่าสูงถึง 9,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.97 แสนล้านบาท

    8 > ทว่าสิ่งที่น่าตกใจก็คือ เมื่อขยะอิเล็กทรอนิกส์มาอยู่ที่กองขยะมันอาจจะมีสัดส่วนถึง 70% ของขยะอันตราย โดยขยะอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ทั่วโลกมาจากออสเตรเลีย, จีน, สหภาพยุโรป, อเมริกาเหนือ, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

    9 > เมื่อกระทรวงพาณิชย์ห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์เด็ดขาดแล้ว การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นต้องได้รับการจัดการที่ถูกต้อง โดยการทิ้งที่จุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี #ทิ้งให้ดีทิ้งที่ดีแทค

    #ทิ้งให้ดีทิ้งที่ดีแทค #ZeroLandfill

    อ้างอิง :
    https://dtacblog.co/dtac-e-waste-journey/
    https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2018/04/wb133.pdf
    https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646640

    https://www.bbc.com/thai/international-47039941

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️ [BREAKING] ⚠️ ทรัมป์สั่งระงับสิทธิพิเศษทางการค้า GSP กับไทยเป็นมูลค่าสูงกว่า 25,000 ล้านบาท ! เพราะไทยไม่ยอมเปิดตลาดนำเข้าหมูให้สหรัฐ ❌

    ⚔️ สรุปประเด็นที่เป็นข่าวใหญ่วันนี้ #ซึ่งจะกระทบกับธุรกิจการส่งออกสินค้าของไทย เป็นอย่างมาก

    1️⃣ เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรกแล้ว แต่เมื่อคืนนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ขอทิ้งทวนด้วยการสั่งการโดยตรงให้สหรัฐระงับสิทธิพิเศษทางการค้าสำหรับสินค้าไทยภายใต้ระบบสิทธิพิเศษ (GSP)

    2️⃣ การตัดสิทธิครั้งนี้ทำให้สินค้าไทยบางรายการของต้องเสียภาษีมากขึ้นหากจะส่งออกไปยังสหรัฐต่อไป

    3️⃣ คำสั่งจะมีผลบังคับใช้เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.นี้

    4️⃣ #สินค้าที่จะโดนกระทบ มีกว่า 200 รายการประกอบไปด้วยเช่น ชื้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท เครื่องครัวที่ทำมาจากอลูมิเนียม อาหารอบแห้งบางชนิด และอื่นๆอีกมากมาย

    5️⃣ ผลกระทบในครั้งนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 817 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 25,400 ล้านบาท จากสินค้าไทยที่ได้การยกเว้นภาษีอยู่

    6️⃣ ทรัมป์ได้กล่าวว่า "I have determined that Thailand has not assured the United States that Thailand will provide equitable and reasonable access to its markets,"

    หรือแปลได้ว่า "ผมได้พิจารณาแล้วว่าประเทศไทยไม่ได้ให้ความมั่นใจกับสหรัฐ ในเรื่องการเปิดให้สินค้าของสหรัฐสามารถเข้าถึงตลาดของไทยได้อย่างเท่าเทียมและสมเหตุสมผล" ทรัมป์จึงทำการระงับสิทธิประโยชน์พิเศษของสินค้าของไทยนี้

    7️⃣ ระบบ GSP ได้ถูกสหรัฐตั้งขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปี 1970 เพื่อส่งเสริมการค้ากับเหล่าประเทศที่กำลังพัฒนา (Developing Economies) และมีคู่ค้ากว่า 100 ประเทศ

    8️⃣ ใครติดตามเพจจะจำได้ว่าก่อนหน้านี้นั้นไทยได้โดนสหรัฐตัดสิทธิ์ GSP ไปแล้วกว่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐและครั้งนี้เป็นการตัดสิทธิเพิ่มอีกครั้ง

    9️⃣ กระทรวงพาณิชย์ได้ออกมายืนยันถึงคำสั่งดั่งกล่าวของทรัมป์และยอมรับว่าการที่ #ไทยไม่ยอมเปิดตลาดหมูให้สหรัฐส่งออกมา อาจทำให้ทางทรัมป์อาจมองว่าไทยเป็นคู่ค้าที่ไม่เป็นธรรม

    ตอนนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ของไทยกำลังพยายามเจรจาและหาทางออกในประเด็นนี้ร่วมกันกับทางสหรัฐ และได้เตรียมพร้อมหามาตรการรองรับผลกระทบจากการโดนระงับสิทธิเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยแล้ว

    สงสัยอาจจะใกล้ถึงเวลา #กินหมูอเมริกันเพื่อชาติแล้วหรือ ??? มีเท่าไหร่ส่งเข้ามาได้เลยครับคุณทรัมป์

    ติดตามข่าวสารในตลาดโลกและการลงทุนไปกับทางเพจอย่างรวดเร็วและทันตลาด !

    แนะนำให้กดตั้งค่า “#รายการโปรด” หรือ "#Favourites" ที่เมนูมุมขวาบนของเพจใน Facebook ตรงปุ่ม [...] และกด #เปิดกระดิ่ง ไว้ได้เลยครับ จะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารสำคัญ

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากครับ

    #ทันโลกกับTraderKP

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สัญญาณจากพระเจ้า

    แผ่นดินไหวขนาด 7.0 ที่โค่นล้มอาคารในอิซเมียร์ประเทศตุรกีในวันนี้ติดอยู่ที่ระดับความลึก 21 กิโลเมตร

    มันติดอยู่ใกล้เกาะ Patmos ซึ่งมีการเขียนหนังสือวิวรณ์เมื่อ 2000 ปีก่อนโดยยอห์นหนึ่งในอัครสาวกสิบสองคนของพระเยซู

    เป็นสถานที่ก่อตั้งคริสตจักร 7 แห่งแรก

    หนังสือวิวรณ์บอกถึงการตัดสิน 21 ประการจากพระเจ้า

    หนังสือวิวรณ์กล่าวถึงคริสตจักรทั้งเจ็ดแห่งในบทที่สองและสาม

    แผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายให้อิซเมียร์อยู่ระหว่าง 79-80 กิโลเมตร (49-50 ไมล์) จากเมืองเปอร์กามอนซึ่งเป็นที่นั่งของซาตาน

    วิวรณ์ 2: 12-13
    ถ้อยคำถึงคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม
    12“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเปอร์กามัมว่า ‘พระองค์ผู้ทรงถือดาบสองคมที่คมกริบตรัสดังนี้ว่า
    13“เรารู้จักที่อยู่ของเจ้า ที่ซึ่งเป็นบัลลังก์ของซาตาน ถึงกระนั้นเจ้าก็ยึดมั่นในนามของเรา และไม่ปฏิเสธความเชื่อในเรา แม้ในเวลาที่อันทีพาสพยานผู้ซื่อสัตย์ของเราต้องถูกฆ่าท่ามกลางพวกเจ้า ในที่ซึ่งซาตานอยู่นั้น

    ดูวิดีโอด้านล่าง

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สเปน: Barcelona บาร์เซโลนา ตอนนี้ประท้วงต่อต้านการปิดล็อคดาวน์ไวรัสโควิด แต่เป็นการจลาจล ปล้นร้านค้าจำนวนมาก
    #ในยุโรปเกือบทุกเมืองมีการประท้วงต่อต้านการปิดเมืองตอนนี้

    https://fb.watch/1td_NcKpVi/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวสั้น (31 ตุลา) สุขสันต์วันฮาโลวีนค่ะ วันนี้อัพข่าวเดี่ยว ๆ ไปหลายข่าวเหมือนกัน จะใส่ลิงค์ไว้ด้วยนะคะ เผื่อท่านไหนข้ามไป

    #โควิด
    (1) ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มในประเทศวันนี้ 877 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 14 ราย
    เฉพาะโตเกียวเพิ่ม 215 ราย
    ฮอกไกโด วันนี้เพิ่ม 88 ราย ถือเป็นสถิติรายวันสูงสุดของจังหวัด เตรียมเฝ้าระวังสูงสุดเต็มที่

    (2) Sputnik V หรือ วัคซีนโควิดของรัสเซียคาดว่าจะเริ่มฉีดให้ประชาชนทั่วไปในรัสเซียได้ในเดือนพ.ย. เป็นต้นไป ท่ามกลางความกังวลของประชาชน เพราะข้าม clinical trials ไปบางขั้นตอน โดยจากโพลล์สำรวจพบว่า ประชาชนไม่อยากฉีดวัคซีนถึง 44% และคิดจะฉีด 22%

    (3) ‍♀️ผลตรวจซ้ำ นักกีฬายิมนาสติกเหรียญทองโอลิมปิก อุจิมุระ โคเฮย์ “ไม่เป็นโควิด” คาดเป็น false positive
    ✒️ปรบมือดีใจ

    (4) จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดในเบลเยี่ยมเกือบจะเท่ากับ 1 ใน 1,000 คนของประชากรแล้ว
    >> เบลเยี่ยมตอนนี้มีประชากรประมาณ 14 ล้านคน เสียชีวิตไปหมื่นกว่าราย

    (อัพแล้ว) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ออกมาเตือนให้ทั่วโลกตระหนักถึงผลกระทบระยะยาวของผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งจำเป็นจะต้องได้ร้บการรักษา และ natural herd immunity อาจทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อ่าน >>

    #ในประเทศ
    (5) จุดดอกไม้ไฟหมื่นนัด งานดอกไม้ไฟซันริขุ ส่องประกายทั้วพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหว 2011 ที่ จ. อิวาเตะ ถือเป็นงานดอกไม้ไฟที่ใหญ่ที่สุดหลังเกิดโควิด

    (6) ครบ 1 ปีปราสาทชูริที่จ. โอกินาวะไฟไหม้ มีคนไปร่วมระลึกมากมาย

    (อัพแล้ว) ชิบุย่า ฮาโลวีน คนแต่งคอสเพลย์น้อยกว่าทุกปี แต่คนก็ยังเยอะอยู่ดี

    #นโยบายรัฐ
    (อัพแล้ว) รัฐเปิดโอกาสให้คนที่รับเงินช่วยเหลือไปอย่างไม่ถูกต้อง ติดต่อคืนเงินได้

    #บันเทิง
    (7) ผลการสำรวจดารานักแสดงพบว่า 30% เคย “อยากตายเพราะเหตุจากเรื่องงาน”

    (อัพแล้ว) ฌอน คอนเนรีเสียชีวิตแล้วด้วยวัย 90 ปี หลับให้สบายนะคะ เจมส์บอนด์ RIP


    #รู้ไว้ใช่ว่า

    (8) รู้หรือไม่? พระจันทร์วันนี้เต็มดวงก็จริง แต่เป็นพระจันทร์ที่เล็กที่สุดใน 1 ปี เพราะอยู่ไกลจากโลกมากที่สุด

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #สรุปข่าว

    เครดิต:
    https://www3.nhk.or.jp/news
    Yahoo! news / Tenki.jp
    Livedoor

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อาบน้ำเพ๊ญวัดสุทัศน์ เหลืออีกไม่ถึงชั่วโมง ก็จบพิธี

    IMG_25631031_231116.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...