อะไรทำไห้คุณเริ่มสนใจธรรมมะ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สุรีย์บุตร, 21 มีนาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. I sea you

    I sea you Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2020
    โพสต์:
    639
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,115
    ก็คือคุณซีม่าสรุปเอาเอง ว่านั่นคือสภาวะการบรรลุโสดาบัน ..เพราะคุณคิดว่าการเห็นขณะเดียวเป็นสมุทเฉทประหาร ...รู้มั้ยว่าแต่ละลำดับญาณมีไตรลักษณะญาณเข้าประกอบด้วยทั้งหมด ไม่เฉพาะแยกเดี่ยวออกมาแค่ตัวไตรลักษณะญาณนี้ตัวเดียว... หากลำดับอื่นไม่มีไตรลักษณญาณเข้าประกอบ ก็จะมีแค่ความหลง

    ไอ้ปัญญาญาณมันเงียบทั้งนั้นแหล่ะ ตัวไหนก็ตาม มันเป็นทตังคปหาร เป็นขณะ แต่ไม่ช่ายยย มรรคญาณตัวหัวหน้า

    โสดาตัวท๊อปของมันคือละร่างกาย ค่อนข้างมองเป็นธาตุด้วยซ้ำ มันก็มองแค่ร่างตัวเองก่อนสิ ส่วนสติเผลอมั่ง พลาดมั่ง ก็ต้องมีอยู่แล้ว ไปจนจบอนาคาโน่นแหล่ะ (แต่ความมั่นคงของการเผลอแต่ละชั้นต่างกันนะ)
     
  2. zero2zero

    zero2zero จากศูนย์ไปหาศูนย์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +430
    ท่านปวีรอท่านเคเมาวิค มาตอบสักพักท่าน
     
  3. I sea you

    I sea you Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2020
    โพสต์:
    639
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,115
    ไม่ต้องรอมันหรอก ....ป่านนี้ไปแทะปลาทูแมวแถวไหนแล้วมั้ง
    .............

    คุณอ่ะ ควรหาโอกาสไปถาม ไปตีซี้กับพระ แล้วให้ท่านลองถามพระที่มี ปสก.สูงๆ ลองพิจารณาธรรมของคุณดูนะ พระผู้ใหญ่แค่อ่านหรือฟังสภาวะ ท่านก็มองออกแล้ว ..ไม่งั้นหลงยาวเลยนะ นะ นะ
     
  4. zero2zero

    zero2zero จากศูนย์ไปหาศูนย์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +430
    เดี๋ยวคงมาน่ะท่าน
     
  5. zero2zero

    zero2zero จากศูนย์ไปหาศูนย์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +430
    ตัวท๊อปหรือไม่ก็มองเห็นเป็นแค่สิ่งมากระทบ เป็นแค่ธรรมชาติหนึ่งได้ท่าน เลยความที่เห็นเป็นธาตุไป ที่เหลือท่านลองปฎิบติเอานะท่าน
     
  6. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,907
    ค่าพลัง:
    +2,252
    [​IMG]

    #โซดาจานลายโหมดมีตัณหาอุปทานเกิดยังแล่นลงนาหญ้าขึ้นรก

    กับ

    #แมวมีครูพระฮ่านไปนานแล้วในนาหญ้าขึ้นรก
     
  7. สายลมพัดโบก

    สายลมพัดโบก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2020
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +9
    สาเหตุที่ทำให้ผมเริ่มสนใจธรรมะก็เพราะโลกนี้มีทั้งคนดีและคนชั่ว แล้วเวลาเราไม่ได้รับความยุติธรรมบ่อย ๆ เข้า ก็เลยหาที่พึ่งทางใจที่ร่มเย็น ซึ่งก็คือ ธรรมะ ครับ
     
  8. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,901
    ค่าพลัง:
    +994
    ผมอยากปลุกแสกพระเครื่องเอง
    ใช้เอง55สะบาย
     
  9. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,907
    ค่าพลัง:
    +2,252
  10. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,901
    ค่าพลัง:
    +994
     
  11. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175


    จุดประกาย ไหลลื่น พิจารณา
     
  12. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626

    ฟังหลวงพ่อปราโมทย์ตอนบรรลุธรรมเป็นแบบนี้รึเปล่าครับ
     
  13. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    รูปแบบสอดคล้องกันไป

    อริยสัจ 4
     
  14. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,901
    ค่าพลัง:
    +994
    เป็นพระอริยะกินเหล้าได้มัยครับเพื่ออยากเป็นมั้ง55
     
  15. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
     
  16. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,901
    ค่าพลัง:
    +994
    นับถือ
     
  17. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,901
    ค่าพลัง:
    +994
     
  18. I sea you

    I sea you Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2020
    โพสต์:
    639
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,115
    ลองอ่านของ ลต.บัวเทียบเคสดูค่ะ ...ส่วนมากจะอาการเดียวกันคือวางผู้รู้ได้

    ............................


    เสียงบรรลือโลกธาตุ ชาติสิ้นแล้ว..

    ท่านเดินทางออกจากวัดป่าสุทธาวาสในตัวเมืองสกลนครแล้วก็ย้อนกลับสู่วัดดอยธรรมเจดีย์อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้พักอยู่กุฏิกระต๊อบหลังเล็กๆ อยู่บนยอดเขา เป็นกุฏิต่างจากครั้งก่อนที่เคยเกิดปัญหาธรรมผุดขึ้นในใจ

    ระยะนั้นเป็นพรรษาที่ ๑๖ ในชีวิตการบวชของท่านและเป็นปีที่ ๙ แห่งการออกปฏิบัติกรรมฐาน บนเขาลูกนี้ของคืนเดือนดับแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ด้วยความอดทนพากเพียรพยายามติดต่อสืบเนื่องตลอดมานับแต่เริ่มออกปฏิบัติอย่างเต็มเหนี่ยวรวมเวลาถึง ๙ ปีเต็ม คืนแห่งความสำเร็จระหว่างกิเลสกับธรรมภายในใจของท่านก็สามารถตัดสินกันลงได้ในเวลา ๕ ทุ่มตรง ดังนี้

    "…ก็พิจารณาจิตอันเดียว ไม่ได้กว้างขวางอะไร เพราะสิ่งต่างๆ ที่เป็นส่วนหยาบมันรู้หมด รูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัสทั่วโลกธาตุมันรู้หมดเข้าใจหมดและปล่อยวางหมดแล้ว มันไม่สนใจพิจารณาแม้แต่รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ยังไม่ยอมสนใจพิจารณาเลย

    มันสนใจอยู่เฉพาะความรู้ที่เด่นดวงกับเวทนาส่วนละเอียดภายในจิตเท่านั้น สติปัญญาสัมผัสสัมพันธ์อยู่กับอันนี้ พิจารณาไปพิจารณามา แต่ก็พึงทราบว่าจุดที่ว่านี้มันยังเป็นสมมุติ มันจะสง่าผ่าเผยขนาดไหนก็สง่าผ่าเผยอยู่ในวงสมมุติ จะสว่างกระจ่างแจ้งขนาดไหนก็สว่างกระจ่างแจ้งอยู่ในวงสมมุติ เพราะอวิชชายังมีอยู่ในนั้น

    อวิชชา นั้นแลคือ ตัวสมมุติ จุดแห่งความเด่นดวงนั้นก็แสดงอาการลุ่มๆ ดอนๆ ตามขั้นแห่งความละเอียดของจิตให้เราเห็นจนได้ บางทีก็มีลักษณะเศร้าหมองบ้างผ่องใสบ้าง ทุกข์บ้างสุขบ้าง ตามขั้นละเอียดของจิตภูมินี้ให้ปรากฏพอจับพิรุธได้อยู่นั่นแล สติปัญญาขั้นนี้เป็นองครักษ์รักษาจิตดวงนี้อย่างเข้มงวด กวดขัน แทนที่มันจะจ่อกระบอกปืนคือสติปัญญาเข้ามาที่นี่ มันไม่จ่อ มันส่งไปที่อวิชชาหลอกไปโน้นจนได้

    อวิชชานี้แหลมคมมาก ไม่มีอะไรแหลมคมมากยิ่งกว่าอวิชชาซึ่งเป็นจุดสุดท้ายว่า ความโลภมันก็หยาบๆ พอเข้าใจและเห็นโทษได้ง่าย แต่โลกยังพอใจกันโลภ คิดดูซิ ความโกรธก็หยาบๆ โลกยังพอใจโกรธ ความหลง ความรัก ความชัง ความเกลียด ความโกรธอะไร เป็นของหยาบๆ พอเข้าใจและเห็นโทษได้ง่าย โลกยังพอใจกัน

    อันนี้ไม่ใช่สิ่งเหล่านั้น มันเลยมาหมด ปล่อยมาได้หมด แต่ทำไมมันยังมาติดความสว่างไสว ความอัศจรรย์อันนี้ ทีนี้ อันนี้เมื่อมันมีอยู่ภายในนี้ มันจะแสดงความอับเฉาขึ้นมานิดๆ แสดงความทุกข์ขึ้นมานิดๆ ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน ไม่คงเส้นคงวา ให้จับได้ด้วยสติปัญญาที่จดจ่อต่อเนื่องกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ลดละความพยายามอยากรู้อยากเห็นความเป็นต่างๆ ของจิตดวงนี้ สุดท้ายก็หนีไม่พ้น ต้องรู้กันจนได้ว่า จิตดวงนี้ไม่เป็นที่แน่ใจตายใจได้ จึงเกิดความรำพึงขึ้นมาว่า

    ‘จิตดวงเดียวนี้ ทำไมจึงเป็นไปได้หลายอย่างนักนะ เดี๋ยวเป็นความเศร้าหมอง เดี๋ยวเป็นความผ่องใส เดี๋ยวเป็นสุข เดี๋ยวเป็นทุกข์ ไม่คงที่ดีงามอยู่ได้ตลอดไป

    ทำไมจิตละเอียดถึงขนาดนี้แล้ว จึงยังแสดงอาการต่างๆ อยู่ได้’

    พอสติปัญญาเริ่มหันความสนใจเข้ามาพิจารณาจิตดวงนี้ ความรู้ชนิดหนึ่งที่ไม่คาดไม่ฝันก็ผุดขึ้นมาภายในใจว่า

    ‘ความเศร้าหมองก็ดี ความผ่องใสก็ดี ความสุขก็ดี ความทุกข์ก็ดี เหล่านี้เป็นสมมุติทั้งสิ้น และเป็นอนัตตาทั้งมวลนะ’

    เท่านั้นแล สติปัญญาก็หยั่งทราบจิตที่ถูกอวิชชาครอบงำอยู่นั้นว่า เป็นสมมุติที่ควรปล่อยวางโดยถ่ายเดียว ไม่ควรยึดถือเอาไว้

    หลังจากความรู้ที่ผุดขึ้นบอกเตือนสติปัญญาผู้ทำหน้าที่ตรวจตราอยู่ขณะนั้นผ่านไปครู่เดียว จิตและสติปัญญาเป็นราวกับว่าต่างวางตัวเป็นอุเบกขามัธยัสถ์ ไม่กระเพื่อมตัวทำหน้าที่ใดๆ ในขณะนั้นจิตเป็นกลางๆ ไม่จดจ่อกับอะไร ไม่เผลอส่งใจไปไหน ปัญญาก็ไม่ทำงาน สติก็รู้อยู่ธรรมดาของตนไม่จดจ่อกับสิ่งใด

    ขณะจิต สติ ปัญญา ทั้งสามเป็นอุเบกขามัธยัสถ์นั้นแล เป็นขณะที่โลกธาตุภายในจิต อันมีอวิชชาเป็นผู้เรืองอำนาจได้กระเทือน และขาดสะบั้นบรรลัยลงจากบัลลังก์คือใจ กลายเป็น วิสุทธิจิตขึ้นมาแทนที่ ในขณะเดียวกันกับอวิชชาขาดสะบั้นหั่นแหลกแตกกระจายหายซากลงไป ด้วยอำนาจสติปัญญาที่เกรียงไกร

    ขณะที่ฟ้าดินถล่มโลกธาตุหวั่นไหว (โลกธาตุภายใน) แสดงมหัศจรรย์บั้นสุดท้ายปลายแดนระหว่างสมมุติกับวิมุตติตัดสินความบนศาลสถิตยุติธรรม โดยวิมุตติญาณทัสสนะเป็นผู้ตัดสินคู่ความ โดยฝ่ายมัชฌิมาปฏิปทา มรรคอริยสัจเป็นฝ่ายชนะโดยสิ้นเชิง ฝ่ายสมุทัยอริยสัจเป็นฝ่ายแพ้น็อคแบบหามลงเปล ไม่มีทางฟื้นตัวตลอดอนันตกาลสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าตัวเกิดความอัศจรรย์ล้นโลก อุทานออกมาว่า

    ‘โอ้โหๆ .. อัศจรรย์หนอๆ แต่ก่อนธรรมนี้อยู่ที่ไหนๆ มาบัดนี้ธรรมแท้ ธรรมอัศจรรย์เกินคาดเกินโลก มาเป็นอยู่ที่จิตและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับจิตได้อย่างไร..

    และแต่ก่อนพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สาวกอยู่ที่ไหน? มาบัดนี้องค์สรณะที่แสนอัศจรรย์มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจิตดวงนี้ได้อย่างไร..

    โอ้โห! ธรรมะแท้ พุทธะแท้ สังฆะแท้ เป็นอย่างนี้ละหรือ’ ... "

    ผลแห่งความพากเพียรปฏิบัติธรรมจนถึงที่สุดของท่านในคืนนั้นทำให้เกิดความสลดสังเวชใจในการเวียนว่ายตายเกิดของตนดังนี้

    "…จนถึงคืนวันดับนั้นถึงได้ตัดสินใจกันลงได้ด้วยความประจักษ์ใจ หายสงสัยทุกสิ่งทุกอย่างเรื่องภพเรื่องชาติ เรื่องความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เรื่องกิเลสตัณหาอาสวะทุกประเภทได้ขาดกระเด็นออกไปจากใจในคืนวันนั้น ใจได้เปิดเผยโลกธาตุให้เห็นอย่างชัดเจน เกิดความสลดสังเวช น้ำตาร่วงตลอดคืน

    ในคืนนั้นไม่ได้หลับนอนเลย เพราะสลดสังเวชความเป็นมาของตน สลดสังเวชเรื่องความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เพราะอำนาจแห่งกิเลสมันวางเชื้อแห่งกองทุกข์ฝังใจไว้ ไปเกิดในภพนั้นชาตินี้มีแต่แบกกองทุกข์หามกองทุกข์ ไม่มีเวลาปล่อยวางจนกระทั่งถึงตายไปแล้วก็แบกอีกๆ คำว่า แบก ก็คือใจเข้าสู่ภพใดชาติใดจะมีสุขมากน้อย ทุกข์ ต้องเจือปนไปอยู่นั่นแล จึงได้เห็นโทษ เกิด ความสลดสังเวช

    แล้วก็มาเห็นคุณค่าแห่งจิตใจซึ่งแต่ก่อนไม่เคยคิดว่าจิตใจจะมีคุณค่ามหัศจรรย์ถึงขนาดนั้น การไม่นอนในคืนนั้นเพราะความเห็นโทษอย่างถึงใจและความเห็นคุณอย่างถึงจิตถึงธรรม ในตอนท้ายแห่งความละเอียดอ่อนของจิต เราก็เห็นว่าอวิชชาเป็นของดีและประเสริฐไปอย่างสนิทติดจมไปพักหนึ่ง...

    หลงอวิชชาอยู่เป็นเวลา ๘ เดือนไม่เคยลืม เพราะรักสงวนอวิชชาซึ่งเป็นตัวผ่องใส ตัวสง่าผ่าเผย ตัวองอาจกล้าหาญ จึงรักสงวนอยู่นั้นเสีย … ทั้งๆ ที่สติปัญญาก็มีเต็มภูมิแต่ไม่นำมาใช้กับอวิชชาในขณะนั้น เมื่อเวลาได้นำสติปัญญาหันกลับมาใช้กับอวิชชาอย่างเต็มภูมิ เรื่องอวิชชาจึงแตกกระจายลงไป ถึงได้เห็นความอัศจรรย์ขึ้นมาภายในจิตใจนั้นแหละ จึงเป็นความอัศจรรย์อย่างแท้จริง ไม่อัศจรรย์แบบจอมปลอมดังที่เป็นมา…"

    โลกธาตุสะเทือนสะท้านหวั่นไหวเกิดขึ้นในขณะที่ธรรมภายในใจของท่านกระจ่างแจ้งขึ้นมาดังนี้

    "...อยัญจ ทสสหัสสี โลกธาตุ หมื่นโลกธาตุ สังกัมปิ สัมปกัมปิ สีมปเวธิ มีความสะเทือนสะท้านทั่วถึงกันหมดเลยในหมื่นโลกธาตุนี้ อำนาจอานุภาพความสว่างไสวของเทวดาทั้งหลายทั้งแดนโลกธาตุนี้ไม่มีอานุภาพของเทวดาตนใดจะเสมอเหมือนอานุภาพแห่งธรรมของพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วกระจ่างแจ้งขึ้นมาในเวลานั้น

    แต่เมื่อธรรมนั้นกระจ่างขึ้นมาภายในใจเรา ซึ่งเป็นธรรมประเภทเดียวกัน รู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกันแล้วจะไปทูลถามผู้ใด

    แม้พระพุทธเจ้าประทับอยู่ข้างหน้า พูดแล้ว สาธุ! ไม่กราบทูลหรือไม่ทูลถามท่านให้เสียเวลา เพราะคำว่า สันทิฏฐิโก ที่รู้เองเห็นเองนั้น เป็นธรรมที่ประกาศด้วยความเลิศเลอสุดยอดแล้ว

    ‘นี่เราก็ไปเจอเข้าแล้วประจักษ์ใจประหนึ่งว่า แดนโลกธาตุนี้ไหวไปหมด’

    ในขณะที่กิเลสตัวกดถ่วงจิตใจมาตั้งกัปตั้งกัลป์ ตัวพาให้เกิดให้ตาย เพียงเราคนเดียวนี้ การเกิดตายของเรา หากว่าเอาประเทศไทยเป็นป่าช้าแล้วน่ะ ร่างกายของเราเพียงคนเดียวนี้ ไม่มีที่ใดที่จะเก็บจะวางศพของตัวเอง ‘มากไหม พิจารณาสิ!’

    เพราะมันเกิดมันตายมันเกิดมันตายมา ไม่มีเงื่อนต้นเงื่อนปลาย

    จนกระทั่งคืนวันนั้น เป็นวันตัดสินขาดสะบั้นไประหว่างป่าช้าคือความเกิดตายกับใจของเราที่บริสุทธิ์หลุดพ้นแล้วจากความเกิดตาย

    ‘ใจกระจ่างแจ้งขนาดนั้นแล้ว โลกธาตุจะไม่หวั่นไหวได้ยังไง กิเลสมันหนักขนาดไหน ฟังซิ’

    หลังจากนั้นแล้วความสว่างจ้าครอบโลกธาตุกลับปรากฏขึ้นในใจดวงเดียวที่เคยมืดบอดมากี่กัปกี่กัลป์ นี้แหละความสว่างกระจ่างแจ้งขึ้นมา โดยไม่ต้องไปทูลถาม พระพุทธเจ้าเลยเพราะหายสงสัยทุกอย่าง นี้เรียกว่า จิตมีความสว่างกระจ่างแจ้งครอบโลกธาตุแล้ว..."

    เครดิต : ประวัติและปฏิปทา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน..
     
  19. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,907
    ค่าพลัง:
    +2,252


    #วิฬาสัจจบรรพะ
     
  20. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ของหลวงตามหาบัวเป็นการบรรลุพระอรหันต์ชัดเจนมากครับ
    ส่วนในของหลวงพ่อปราโมทย์อธิบายเป็นตอนบรรลุอริยมรรคคล้ายๆที่คุณซีโร่อธิบายไว้
    เอามาให้ลองพิจารณาครับ พวกเราเหมือนตาบอดคล้ำช้างกัน ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นจริงรึไม่ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...