ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ปักธงชัย ท่วมถึงคอแล้ว

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แม้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านเราจะยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น แต่เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ประเทศไทยเรามีข่าวดีให้พอใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง เมื่อมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและแอสตร้าเซนเนก้า เลือกบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ให้เป็นผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 โดยกล่าวว่า สยามไบโอไซเอนซ์เป็น คือ "Ideal Vaccine Factory" ถือว่าเป็นโรงงานผลิตวัคซีนที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ปีหน้าคนไทยจะได้รับวัคซีนโควิด-19 เป็นชาติแรก ๆ ของโลก ที่ผลิตจากโรงงานซึ่งเกิดจากพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

    โดยเมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข สยามไบโอไซเอนซ์ เอสซีจี และแอสตร้าเซนเนก้า บริษัทผู้ผลิตชีวภัณฑ์ชั้นนำสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ในการผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 AZD1222 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด

    ในหนังสือแสดงเจตจำนงระบุว่า ทุกฝ่ายตกลงจะทำงานร่วมกัน เพื่อเสริมศักยภาพด้านกำลังการผลิตของ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ให้พร้อมรองรับการผลิตวัคซีนจำนวนมากเพื่อให้ประเทศไทยและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียมและทันเวลา ทั้งนี้ แอสตร้าเซนเนก้า จะจัดสรรวัคซีนวิจัยดังกล่าวโดยไม่มุ่งหวังผลกำไรในช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมกันนี้จะถ่ายทอดเทคโนโลยีและร่วมมือกับสยามไบโอไซเอนซ์ ในการติดตั้งกระบวนการผลิต

    ความร่วมมือดังกล่าวเกิดจากการผลักดันโดยกระทรวงสาธารณสุข ที่สร้างความเชื่อมั่นต่อการผลิตในประเทศไทย ทั้งนี้ กระทรวงฯ จะได้รับวัคซีนวิจัย AZD1222 หลังจากผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด โดยมีเป้าหมายเริ่มจัดสรรวัคซีนสำหรับประชาชนชาวไทย ทำให้ปีหน้าคนไทยจะได้รับวัคซีนโควิด-19 เป็นชาติแรก ๆ ของโลก จากโรงงานผลิตของในหลวง

    ทั้งนี้ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2552 โดยพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสืบสานและต่อยอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกนาถ ในด้านการสาธารณสุขของไทย

    บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ถือหุ้น 100% โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้ผลิตยาชีววัตถุ (biological product-ยาที่ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพ) แห่งแรกของประเทศไทย และแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สามารถคิดค้น พัฒนา ผลิตวัตถุดิบยา ผลิตยา บรรจุยา และจัดจำหน่ายยาชีววัตถุ ที่สามารถผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ โดยไม่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบยาจากภายนอก มีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะให้ประชาชนชาวไทยสามารถได้รับยาที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพสูงในราคาที่ถูกลง สร้างความมั่นคงทางยาแก่สาธารณสุขของไทย ดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย และต่อยอดไปสู่การส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ

    ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดใหม่ ๆ สยามไบโอไซเอนซ์ ได้ปรับพื้นที่บางส่วนของโรงงาน เพื่อใช้ผลิตชุดตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบ RT-PCR ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก โดยร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยตั้งเป้าผลิตชุดตรวจ 1 แสน ตัวอย่าง มอบให้รัฐบาลส่งต่อไปยังห้องปฏิบัติการทั่วประเทศ

    พลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการสำนักพระราชวัง ในฐานะประธานกรรมการบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า ศูนย์การผลิตของบริษัทฯ มีเครื่องจักรที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูงสำหรับผลิตยารักษาโรคมะเร็ง และโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เครื่องจักรดังกล่าว สามารถประยุกต์ใช้ผลิตวัคซีน AZD 1222 โดยหลังจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากแอสตร้าเซนเนก้า รวมทั้งขั้นตอนการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา คาดว่าวัคซีนชุดแรกจะพร้อมใช้กลางปีหน้า ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนดังกล่าวได้สำเร็จเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ องค์กรด้านสาธารณสุขชั้นนำของโลก อาทิ องค์การอนามัยโลก กลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด (CEPI) องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (GAVI) และผู้ผลิตวัคซีนทั่วโลก ผนึกกำลังเพื่อช่วยกันกระจายวัคซีนวิจัยให้ทั่วถึงโดยเร็วที่สุด

    โดยมุ่งหวังให้การใช้วัคซีนมีความปลอดภัยสูงสุด โดยแอสตร้าเซนเนก้าและ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมขั้นสูงสุดภายใต้หลักปฏิบัติอันเป็นที่ยอมรับทางวิทยาศาสตร์ และทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เชี่ยวชาญ อาทิ หน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (MHRA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทยเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

    #roundtablethailand
    Roundtablethailand.com

    ที่มา https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG201015143606093; https://mgronline.com/daily/detail/9630000105514

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาแนวปฏิบัติการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ได้เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบธุรกิจให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มรับและส่งอาหารกับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร หรือ ไกด์ไลน์ ฟู้ด เดลิเวอรี่ เรียบร้อยแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ทันทีหลังประกาศลงราชกิจจานุเบกษา

    “กฎหมายฉบับนี้เน้นดูแลการประกอบธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่อย่างเป็นธรรม หลังที่ผ่านมา กขค.ได้รับร้องเรียนปัญหาระหว่างผู้ให้บริการแพลตฟอร์มกับร้านค้าอาหารมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การเรียกเก็บค่าส่วนแบ่งรายได้ (จีพี) สูงเกินผู้ประกอบการรายอื่นที่เก็บเฉลี่ย 30-35% การสั่งห้ามจำหน่ายอาหารผ่านช่องทางผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มรับและส่งอาหารรายอื่น ซึ่งขณะนี้ กขค.กำลังอยู่ระหว่างสอบสวนอยู่ หากมีความผิดจะมีบทลงโทษปรับสูงสุด 10% ของรายได้ ตามกฎหมาย พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า มาตรา 57”

    สำหรับสาระของ ร่างไกด์ไลน์ ฟู้ด เดลิเวอรี่ จะเน้นดูแลพฤติกรรมอาจเข้าข่ายทำให้เกิดความเสียหายแก่ธุรกิจร้านอาหาร ได้แก่ การเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ค่าตอบแทน หรือผลประโยชน์อื่นที่ไม่เป็นธรรม โดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารทราบล่วงหน้าถึงเหตุผลการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น ค่าส่วนแบ่งรายได้ หรือจีพี ค่าธรรมเนียมการโฆษณา ซึ่งร้านอาหารไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่ตกลงไว้ ค่าส่งเสริมการขายในโอกาสพิเศษ หรือโปรโมชั่น และค่าใช้จ่ายอื่นที่ไม่เคยเรียกเก็บมาก่อน

    นอกจากนี้ ยังดูเงื่อนไขการค้าอันเป็นการจำกัดหรือขัดขวางการประกอบธุรกิจของผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรม เช่น การบังคับร้านอาหาร ห้ามจำหน่ายอาหารผ่านช่องทางของผู้ประกอบธุรกิจให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มฯ อื่น รวมถึงดูแลการใช้อำนาจตลาดหรืออำนาจต่อรองที่เหนือกว่าอย่างไม่เป็นธรรม เช่น การแทรกแซงการกำหนดราคาของร้านอาหาร การบังคับด้านราคาที่ต้องขายเท่ากันในทุกช่องทาง การประวิงเวลาจ่ายค่าสินค้า การยกเลิกสัญญา หรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญา โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร รวมถึงการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาสัญญาโดยไม่แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 60 วัน

    https://www.dailynews.co.th/economic/802192

    #RoundtableThailand
    roundtablethailand.com

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนบ้าง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงมีมากกว่าที่ประเมินไว้ ทำให้ภาคธุรกิจในประเทศและต่างประเทศต้องจับตาเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้น และติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะขยายผลอย่างไรบ้าง และรัฐบาลจะมีทางออกเรื่องนี้อย่างไร

    ทั้งนี้ การชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นมีบางส่วนคล้ายกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงที่เกิดจากคนรุ่นใหม่และชุมนุมต่อเนื่องลักษณะแฟรชม็อบ แต่ต่างกันเรื่องความรุนแรงเพราะในไทยยังไม่รุนแรงถึงขั้นทำลายทรัพย์สินและร่างกายเหมือนที่ฮ่องกง ซึ่งรัฐบาลต้องระวังมือที่ 3 ที่จะสร้างความรุนแรงและหากสถานการณ์บานปลายจะกระทบต่อความเชื่อมั่นรุนแรง
    สำหรับทางออกอยากให้รัฐบาล และผู้ประท้วงหันหน้าเข้ามาหารือหาทางออกร่วมกันอย่างสันติวิธีอย่างมีเหตุมีผล โดยรัฐบาลต้องนำข้อเสนอผู้ชุมนุมมาพิจารณาว่าสิ่งใดร่วมกันแก้ไขได้ และสิ่งใดแก้ไขไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องสถาบันที่คนไทยส่วนใหญ่เคารพสถาบันและต้องอยู่คู่ประเทศตลอด

    ดังนั้น รัฐบาลควรฉวยวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสหารือกับผู้ประท้วงร่วมมือแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจมีจุดบกพร่อง รวมทั้งร่วมกันแสวงหากลไกตรวจสอบภาครัฐในทุกระดับ สร้างกลไกการถ่วงดุลอำนาจ ปฏิรูประบบยุติธรรมเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้สังคม ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มคนรุ่นใหม่รู้สึกมั่นใจในอนาคตมากขึ้น รวมทั้งสถานการณ์จะทยอยคลี่คลาย ซึ่งต้องใช้เวลาและความอดทนในการหันหน้าเข้าหากัน และเจรจาให้ถึงจุดที่ร่วมมือกันได้

    ร่วมทั้งรัฐบาลจะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายในสังคมมากขึ้น โดยการเจรจาอาจไม่ช่วยแก้ปัญหาได้ทันทีแต่ช่วยผ่อนคลานสถานการณ์ที่ร้อนแรงให้อุ่นลง แม้จะไม่เย็นแต่ก็อยู่ร่วมกันได้ทุกฝ่าย และจะทอยคลี่คลายได้ในอนาคต
    “เยาวชนและคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้จะมาบริหารประเทศต่อจากรุ่นเรา ดังนั้นควรรับฟังและแก้ปัญหาร่วมกัน โดยเอาปัญหาเป็นที่ตั้งและใช้ความจริงใจการแก้ไข การชุมนุมประท้วงครั้งนี้ไม่เหมือนในอดีตที่แบ่งแยกสีต่อสู้กันทางการเมือง แต่ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ที่เห็นขัดแย้งกับระบบ ซึ่งเราไม่สามารถหลีกหนีไปได้เพราะต้องอยู่ร่วมกัน และคนกลุ่มนี้จะเข้ามาแทนเรา ดังนั้นจึงควรใช้วิธีสันติหันเหน้าเจรจาแก้ปัญหาร่วมกันให้ถึงที่สุด”นายเกรียงไกร กล่าว

    ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าคนไทยมีจิตใจดีจะช่วยประคองและหลีกเลี่ยงความรุนแรงได้ โดยทั้ง 2 ฝ่ายต้องเปิดใจพูดคุยอย่างจริงใจและเร่งแก้ไขปัญหา โดยอะไรที่แก้ไขได้เลยต้องทำทันที ส่วนอะไรที่ต้องใช้เวลาก็ทยอยดำเนินการ และอะไรที่อ่อนไหวต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนแตะต้องไม่ได้ หากทุกฝ่ายร่วมกันเดินในแนวทางนี้เชื่อว่าประเทศจะผ่านวิกฤตินี้ได้

    ส่วนประเด็นที่แก้ไขร่วมกันได้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่การเจรจาต้องยอมถอยคนละก้าวทุกฝ่ายไม่มีใครได้ 100% และเสีย 100% ให้มาอยู่ในจุดที่ไปร่วมกันได้ ซึ่งเป็นช่องทางการแก้ปัญหาประเทศร่วมกันและผ่อนคลายความรุนแรงลงได้
    ในขณะที่ความไม่พอใจของคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้น มองว่าเป็นปัญหาที่สะสมมานานจนทำให้กลุ่มนี้ไม่มั่นใจในอนาคตและอย่ากจะเปลี่ยนเปลงประเทศให้ดีขึ้น โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำทางสังคม ระบบยุติธรรมไม่มีประสิทธิภาพที่มีการใช้ 2 มาตรฐานซึ่งในอดีตที่ผ่านมาทุกรัฐบาลทุกเมื่อคนของฝ่ายรัฐบาลทำผิดหรือมีข้อสงสัยทุจริตมันจะหาทางช่วยเหลือกัน และมีหลายคดีที่ใช้กฎหมายเอาผิดกับคนรวยไม่ได้ซึ่งมีการใช้ช่องโหว่ของกฎหมายช่วยพวกพ้อง ระบบราชการขาดประสิทธิภาพ มีข่าวคราวทุจริตมาตลอด ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่พอใจเก็บสะสมจนปะทุในวันนี้

    https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/903198

    #RoundtableThailand
    roundtablethailand.com

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมืองแต้จิ๋ว 潮州市 ตอนที่ 3
    เมืองแต้จิ๋ว เป็นเมืองสุดท้ายที่เราจะเขียนถึงในภูมิภาคเฉาซ่าน (เตี่ยซัว) แล้วนะครับ แต่ก็ยังคงเหลืออีกหลายตอน และแต่ละตอนก็ยาวมาก แม้ว่าเราจะตัดข้อมูลบางส่วนออกไปแล้ว ซึ่งน่าเสียดายมากจริง ๆ แต่ขณะนี้ผมและทีมงานได้ตัดสินใจว่าจะจัดทำหนังสือ E-book ที่รวบรวมรายละเอียดภูมิภาคดินแดนเฉาซ่าน (เตี่ยซัว) ซึ่งเป็นการลงลึกรายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดทางวัฒนธรรม อารยธรรม อาหารพื้นเมืองในเขตต่าง ๆ สถานที่ท่องเที่ยวและการเดินทาง

    ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นทั้งแรงเชียร์ และแรงกำลังใจที่ทำให้เกิดหนังสือ E-book เล่มนี้ขึ้นมาแม้ว่าจะต้องเสียทรัพยากรทางความคิด ทรัพยากรเวลา และทรัพยากรประสบการณ์ ที่ต้องใช้มากกว่าการพาทัวร์อีกเท่าตัว แต่โดยส่วนตัวก็ภาคภูมิใจเป็นที่สุดที่สามารถรวบรวมหนังสือในตำนานเล่มนี้ได้สำเร็จ และลูกหลานจีนหรือท่านที่สนใจภูมิภาคแห่งนี้ได้มีโอกาสเก็บE-BOOK เล่มนี้ไว้ในความทรงจำและหวนระลึกถึงหมู่ญาติบรรพบุรุษที่มาจากแดนไกลอีกด้วย…….Villy

    กำหนดการวันวางจำหน่ายและรายละเอียดการสั่งจองหนังสือ E-Book จะแจ้งให้ทราบภายหลังเมื่อเสร็จสิ้นบทความเมืองแต้จิ๋วทั้งหมดแล้วนะครับ......ยังไม่รับจองตอนนี้นะครับ
    -------------------------------------------------------

    ‍♀️เมืองแต้จิ๋ว 潮州市นั้น ได้รับการยกย่องว่า เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมอันยาวนานของประเทศจีน ของมณฑลกวางตุ้ง และยังได้ถูกยกย่องให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดแห่งประเทศจีนอีกด้วย แม้แต่ในสมัยโบราณก็ยังมีคำพูดที่กล่าวถึงความงามของเมืองแต้จิ๋วไว้ว่า เป็นเมืองที่มีสุดยอดความงามแปดแห่ง (เตี่ยจิวโป้ยเก้ง) 潮州八景

    ซึ่งแยกออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนด้านในแปดแห่ง ที่หมายถึงสถานที่ท่องเที่ยวภายในกำแพงเมือง คือบริเวณเมืองเก่า และส่วนด้านนอกกำแพงเมืองอีกแปดแห่ง ที่หมายถึงบริเวณ
    แม่น้ำหั่งกัง 韩江 คือบริเวณสะพานเซียงจื๋อเกี้ย 湘子桥ในปัจจุบันนั่นเอง สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดแปดแห่งทั้งในและนอกกำแพงเมืองที่ได้กล่าวถึงในครั้งอดีตนั้น ปัจจุบันจะมีเพียงบางแห่งเท่านั้นที่ยังพอหลงเหลือเค้าโครงเดิมและการท่องเที่ยวได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซ่มให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวโบราณ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณนอกกำแพงเมืองเก่า ส่วนด้านในกำแพงที่เป็นเมืองเก่านั้นถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว คงเหลือแต่หมู่อาคารโบราณเก่า ๆ เท่านั้น ที่ยังพอสามารถเข้าชมกันได้ (ขณะนี้ทางส่วนกลางเข้าทำการบูรณะซ่อมแซมเพื่อการอนุรักษ์และการท่องเที่ยว)

    ⛳1.สะพานเซียงจื๋อเกี้ย湘子桥 หรือ สะพานกวงจี๊เกี้ย 广济桥หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองแต้จิ๋ว เป็นสุดยอดแห่งผลงานการก่อสร้างของชาวแต้จิ๋วในราชวงศ์ซ่ง ในราวปี 1171 ประมาณกว่า 800 ปีที่แล้ว สร้างอยู่นอกกำแพงเมืองแต้จิ๋วทางด้านประตูเมืองตะวันออก เป็นสะพานที่พาดผ่านแม่น้ำ
    หั่งกัง 韩江 เดิมทีเป็นแค่เรือลำเล็ก ๆ 86 ลำผูกเข้าด้วยกัน เพื่อทำหน้าที่เป็นเหมือนสะพานที่พาข้ามฝากไปเท่านั้น ซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิม เหมือนที่เมืองก้านโจว 赣州 มณฑลเจียงซี ที่ติดกับมณฑลกวางตุ้ง

    รูปแบบของสะพานได้มีการปรับเปลี่ยนมาตลอดในทุกยุคทุกสมัย จนกลายเป็นสะพานที่มีการเชื่อมต่อระหว่างตอม่อด้วยเรือลำเล็ก ๆ เพื่อให้เกิดความสะดวก และง่ายต่อการสันจร และมีการสร้างศาลาพักบนตอม่อสะพานด้วยอีก 24 จุด และช่วงกลางสะพานจะยึดโยงด้วยเรือลำเล็ก ๆ อีก 18 ลำ ซึ่งกลายเป็นลักษณะพิเศษของสะพานเซียงจื๋อเกี้ยแห่งนี้ ที่กลายเป็นแลนด์มาร์คของเมืองแต้จิ๋ว และความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างนี้ก็ถูกเล่าต่อ ๆ กันมา

    จนกลายเป็นวลีเด็ดของชาวจีนที่มักจะพูดว่า 到广不到潮枉费走一遭 หรือ 到潮不到桥 白白走一场 หมายถึงว่า มาถึงเมืองแต้จิ๋วแล้ว ไม่มาเที่ยวสะพานแห่งนี้ ก็เท่ากันสูญเวลาเปล่า

    สะพานเซียงจื๋อเกี้ย湘子桥 ยังได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่สามารถเปิดปิดได้แห่งแรกของโลกพร้อมทั้งยังเป็นหนึ่งในสี่สะพานที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศจีนอีกด้วย และสำหรับท่านที่จะไปชมสะพานเขามีเก็บค่าผ่านสะพานท่านละ 20 หยวน คือ ประมาณหนึ่งร้อยบาท เปิดตั้งแต่ 10.00 – 17.15 น. เวลา 17.30 เรือลำเล็ก ๆ 18 ลำ ที่อยู่กลางแม่น้ำจะถูกเก็บหมด

    และถ้ามาช่วงค่ำ ๆ บริเวณสะพานและบริเวณกำแพงเมืองที่อยู่ใกล้ ๆ กันนี้ก็จะเปิดไฟสวยงาม และอย่าลืมไปชมรูปปั้นควายเหล็กที่ตั้งอยู่ตรงเชิงสะพาน เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพราะเชื่อว่าสามารถลดความแรงของอุทกภัยที่เกิดขึ้นเป็นประจำที่น่านน้ำนี้ได้ ควายเหล็กนี้ได้สร้างขึ้นในสมัยหย่งเจิ้น ในราชวงศ์ชิง โดยสร้างขึ้นสองตัว ตัวหนึ่งตั้งอยู่ทางเชิงสะพานด้านตะวันออก อีกตัวหนึ่งตั้งอยู่ที่เชิงสะพานทางด้านตะวันตก ปัจจุบันเหลือแค่ตัวเดียวคือทางด้านตะวันออก ซึ่งอีกตัวนั้นหายสาบสูญจากน้ำท่วมใหญ่ที่ได้พัดพาวัวเหล็กนี้ไปด้วย และก็หายสาบสูญไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ช่วงกำหนดเวลาในการเปิดไฟบนสะพานในช่วงกลางคืนคือ 19.00-22.30 น.
    และในช่วงเทศกาลวันหยุดคือ 19.00-23.00 น.
    ส่วนช่วงเวลาที่แสดงแสงไฟคือ รอบแรก 21.00-21.16 น. รอบที่สอง 22.00-22.16น.
    สำหรับช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะเป็นเวลา
    รอบแรก 20.00-20.16 น. รอบที่สอง 21.00-21.16 น.

    ⛳2.ประตูและกำแพงเมืองเก่ากวงจี้ 广济门城楼 หรือประตูเมืองแต้จิ๋ว
    ประตูเมืองแห่งนี้เดิมเรียกว่า ประตูหอตะวันออก (ตังมึ้งเล้า) 东门楼 อยู่ตรงข้ามกับสะพานเซียงจื๋อเกี้ย湘子桥ซึ่งเป็นหนึ่งในประตูและกำแพงโบราณทางด้านตะวันออกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ซึ่งแต่ละประตูโบราณนั้น จะประกอบด้วยหอซึ่งเป็นอาคารที่สร้างเหนือขึ้นไปจากกำแพงเมือง เพื่อใช้ประโยชน์ในการดูสภาพความเป็นไปนอกตัวเมือง ปัจจุบันนี้หอตะวันออกนี้ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ในการจัดแสดงเรื่องราวประวัติและความเป็นมาของสะพานเซียงจื๋อเกี้ย

    ประตูและกำแพงเมืองเมืองเก่ากวงจี้ สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง ราวปี 1370 มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 600 ปี ส่วนอาคารหรือหอบนกำแพงเมืองนั้น เป็นการสร้างเลียนแบบสถาปัตยกรรมแบบวังหลวง โดยมีชายคาที่สร้างลดหลั่นกันไป เป็นรูปแบบของเนินเขา และประดับด้วยกระเบื้องกระจกสีแดงบนผนัง และเสาไม้ที่ถูกแกะสลักด้วยลวดลายที่งามวิจิตร

    ประตูกำแพงเมืองเก่ากวงจี้ 广济门城楼 เป็นประตูกำแพงหรือหอตะวันออกที่สวยงามและแข็งแรงที่สุด ส่วนประตูหรือกำแพงทางด้านทิศเหนือ ใต้ และทางตะวันตกนั้นล้วนชำรุดทรุดโทรมและยากที่จะซ่อมแซมใหม่ได้
    ส่วนกำแพงตะวันออกนั้น มีประตูเมืองทางทิศนี้อยู่สี่แห่ง และประตูเมืองกวงจี้ หรือหอกวงจี้ 广济楼 เป็นหนึ่งประตูเมืองและหอทางตะวันออกที่สวยงามที่สุด ชาวจีนแต้จิ๋วบางท่านจะเรียกว่า หอแม่น้ำหั่งกัง 韩江楼 เป็นโบราณสถานที่สร้างในราชวงศ์หมิง ประมาณปี 1370 แต่ก็มีการซ่อมแซมต่อเนื่องมาทุกยุคสมัย

    การสร้างหอกวงจี้ 广济楼 มีการวางแบบแปลนการสร้างอย่างแยบยล ซึ่งหอทางด้านนี้ คือด้านตะวันออก ซึ่งเป็นทิศที่สามารถเห็นแม่น้ำหั่งกัง 韩江 ได้ชัดเจนที่สุด พร้อมทั้ง
    สะพานกวงจี้ 广济桥 ก็อยู่ทางด้านนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น
    หอกวงจี้ ที่สร้างอยู่เหนือกำแพงเมืองนั้น จึงเป็นจุดชมวิวแม่น้ำที่ดีที่สุด และบนหอกวงจี้นั้น ยังออกแบบให้มีหน้าต่างล้อมรอบที่สามารถชมแม่น้ำได้ทุกทิศทุกทาง

    ดังคำเขียนโบราณที่เขียนไว้ในตำนานเมืองแต้จิ๋วว่า
    มาหอตะวันออกชมเมืองแต้จิ๋ว (ตังเล้ากวงเตี๊ย) 东楼观潮 หรืออาจจะหมายถึง มาหอตะวันออกชมระลอกน้ำก็ได้ เพราะคำว่า เตี๊ย 潮 จะแปลว่าระลอกน้ำก็ได้

    หอกวงจี้ 广济楼 มีสามชั้นและมีความสูง 18.85 เมตร และบนหอชั้นที่สามนั้นได้มีการนำเอานาฬิกาบรอนซ์ในสมัย
    ราชวงศ์ซ่งใต้มาเก็บรักษาไว้ที่นี่ด้วย กำแพงเมืองทางด้านตะวันออกนี้ยาวประมาณสองกิโลเมตร และยังมีอีกสามประตูที่เป็นประตูรองคือ ประตูเจี่ยจุ้ยมึ้ง 上水门 ประตูเต็กบักมึ้ง 竹木门 และประตูเหี่ยแอ่จุ้ยมึ้ง 下水门

    ⛳3.ถนนคนเดินไป่ฮวงโกย 牌坊街
    ไป่ฮวงโกย 牌坊街 เป็นหมู่ซุ้มประตูโบราณที่สร้างไว้เพื่อเทิดทูนและสดุดีบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับเมืองแต้จิ๋ว โดยการสลักชื่อไว้บนประตู ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นชื่อของบัณฑิต นักปราชญ์ เสนาธิการ และเป็นอำมาตย์ในวังหลวง ซึ่งท่านเหล่านี้จะเป็นผู้บริหารงานที่บางท่านเดินทางมาจากเมืองหลวงหรือเป็นชาวแต้จิ๋วที่นำชื่อเสียงกลับมาสู่ผืนแผ่นดินเกิด ยังความภาคภูมิใจให้กับชาวจีนแต้จิ๋วเป็นอันมาก จึงได้เกิดเป็นซุ้มประตูที่จารึกชื่อของท่านเหล่านั้น เพื่อเป็นเกียรติประวัติ และเป็นตัวอย่างให้ลูกหลานชาวจีนทุกคนได้รู้สำนึกถึงพระคุณของท่านเหล่านั้น ซึ่งเป็นอีกสถานหนึ่งที่ลูกหลานชาวจีนแต้จิ๋วโพ้นทะเลทุกท่านเมื่อมาถึงเมืองแต้จิ๋วแล้วควรจะต้องแวะมาชื่นชมเกียรติประวัติของบรรพบุรษหรือเหล่าวีรชนผู้กล้าแห่งเมืองแต้จิ๋วกัน

    คำว่าไป่ฮวง 牌坊 หมายถึงซุ้มประตู ชาวจีนโบราณนิยมการจารึกชื่อสถานที่สำคัญต่าง ๆ ไว้บนซุ้มประตูจีนแบบนี้ ส่วนใหญ่ซุ้มประตูจะก่อด้วยอิฐ หรือดินผสมไม้ และที่ซุ้มประตูแห่งนี้เดิมทีก่อด้วยไม้ทั้งหมดที่ได้ปรากฎในสมัยราชวงศถัง และราชวงศ์ซ่ง และจารึกชื่อผู้มีคุณูปการต่อแผ่นดินชาวแต้จิ๋วทุกท่าน จุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติ จนมาถึงสมัยราชวงศ์หมิงซุ้มประตูเหล่านี้ได้เปลี่ยนเป็นซุ้มประตูหินซึ่งให้ความแข็งแรงและมั่นคงกว่า

    ยิ่งไปกว่านั้นในสมัยราชวงศ์ชิงซุ้มประตูจีนเหล่านี้ยังมีการพัฒนาไปในรูปแบบการผสมผสานระหว่างรูปแบบตะวันตกและตะวันออก ตามความนิยมของยุคสมัย ที่ชาวตะวันตกเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในประเทศจีน นอกจากการออกแบบการสร้างซุ้มประตูเพื่อมุ่งหวังในการเชิดชูปูชณียบุคคลแล้ว ยังมุ่งหวังเรื่องความสวยงามอีกด้วย เช่น บางแห่งก็จะสร้างหรือออกแบบเป็นชั้นเป็นเชิง แบบสองเสาค้ำยันกับหนึ่งประตู หรือแบบสี่เสาค้ำยันสามประตูก็มี และมีลวดลายต่าง ๆ บนซุ้มประตูเพื่อเป็นเกียรติแก่ชื่อสถานที่หรือชื่อบุคคลที่ปรากฎอยู่บนซุ้มประตู

    ในปี 1951 นั้น ซุ้มประตูจะเหลืออยู่แค่ 19 หลังเท่านั้น และเนื่องจากหมู่ซุ้มประตูเหล่านี้มักจะกีดขวางการจราจร และทำให้เกิดอุบัติเหตุจากชิ้นส่วนที่ชำรุดของประตูที่หล่นลงมาทับคนที่เดินทางสัณจรไปมากันบ่อย ๆ ทำให้ต้องมีการรื้อในส่วนที่ชำรุดและที่กีดขวางทาง และการทำการรื้อนั้น ได้มีการถ่ายรูปซุ้มประตูเดิม เพื่อเป็นแบบในการก่อสร้างใหม่และไม่ให้ผิดเพี้ยน แต่ที่โชคดีคือ ชาวจีนแต้จิ๋วในรุ่นหลัง ๆ กลับได้เห็นหน้าตาของซุ้มประตูโบราณในอดีตจากรูปภาพเดิมที่ได้ถูกถ่ายเก็บไว้ และแม้ว่าซุ้มประตูบางส่วนได้ถูกรื้อและได้สร้างหรือซ่อมแซมใหม่ แต่ชิ้นส่วนสิ่งก่อสร้างเดิมทั้งหมดได้ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์

    และในปี 2006 เมืองแต้จิ๋วได้ทำการบูรณะหมู่ซุ้มประตูนี้อีกครั้ง ซึ่งมีทั้งหมดมี 22 หลัง ซึ่งการบูรณะและการซ่อมแซมครั้งนี้ ได้มุ่งหวังในเรื่องการท่องเที่ยวด้วย จึงทำให้กลายเป็น Concept เที่ยวเมืองแต้จิ๋วนอกกำแพงเมืองเก่าที่แวดล้อมด้วยหมู่สิ่งก่อสร้างโบราณ เช่น ประตูกำแพงเมืองเก่ากวงจี้ 广济门城楼 หอกวงจี้ 广济楼 สะพานกวงจี้ 广济桥 หออนุสรณ์ท่านหั่งยู่ 韩文公祠 และ วัดไคง้วน 开元寺

    หมู่ซุ้มประตูโบราณไป่ฮวง 牌坊街แห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในเส้นทางการท่องเที่ยวตามอารยธรรมและวัฒนธรรมชาวแต้จิ๋วด้วย และการก่อสร้างในครั้งนี้เมื่อเสร็จสิ้นลงก็ไม่อนุญาตให้รถขนาดใหญ่ หรือรถยนต์สามารถวิ่งผ่านเข้ามาได้อีกเลย กลายเป็นถนนคนเดินที่ทุกท่านสามารถเดินได้อย่างสบายใจ และยังทำให้ซุ้มประตูโบราณเหล่านี้ลดการถูกกระทบกระเทือนจากการสั่นสะเทือนของรถราที่ผ่านไปมาได้อีกด้วย

    เมืองแต้จิ๋ว 潮州市 เป็นเมืองหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดของมณฑลกวางตุ้งตะวันออก เสมือนเมืองหลวงของชาวจีนแต้จิ๋วก็ว่าได้ ในอดีตนั้นเมืองแต้จิ๋วเป็นเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการบริหารงานของรัฐบาลส่วนกลาง จึงมีขุนนางผู้ใหญ่เข้าออกเมืองนี้กันมากมาย ซึ่งท่านเหล่านี้ก็คือผู้ที่เข้ามาบริหารงานในเมืองแต้จิ๋ว ยิ่งในสมัยราชวงศ์ซ่ง จำนวนขุนนาง และผู้ปกครองในเมืองแต้จิ๋วก็มากมายเป็นเท่าตัว ล้วนเป็นบุคคลที่มีคุณูปการต่อเมืองแต้จิ๋วอย่างสูงสุด
    ดังนั้น จึงมีการสร้างซุ้มประตูอนุสรณ์ของท่านเหล่านั้นกันมากขึ้น

    ในประวัติศาสตร์เมืองแต้จิ๋ว เคยมีการสร้างซุ้มประตูอนุสรณ์กันมากที่สุดคือ 91 หลัง ดังเคยมีผู้เรียกขานเมืองแต้จิ๋วว่า เป็นเมืองแห่งซุ้มประตู (ไป่ฮวงเซี้ย)牌坊城 และซุ้มประตูส่วนใหญ่จะเป็นแบบสองเสาค้ำหนึ่งประตู ซึ่งภายนอกดูโอ่อ่าและสง่างามมาก จนเป็นที่มาแห่งถนนคนเดินไป่ฮวงโกย 牌坊街

    (ยังไม่จบนะครับ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารที่จะแนะนำอีกมากนะครับ...... )

    IG‍♂:https://www.instagram.com/villyjourney

    #ถ้ามั่นใจก็ไปด้วยกัน
    #มีความสุขบนเส้นทางที่แตกต่าง
    #เที่ยวกับเราไม่มีวันout。。。。。。Villy

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ไปปราศรัยหาเสียงที่รัฐจอร์เจีย และได้กล่าวกับผู้สนับสนุนของเขาว่า “คุณเคยจินตนาการไหม หากผมแพ้การเลือกตั้ง ผมคงรู้สึกไม่ดีอย่างมาก และคงจะต้องออกจากประเทศนี้”

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทรัมป์มักล้อเลียนในไบเดนเรื่องการลงชิงประธานาธิบดี และเคยกล่าวว่า มันคงเป็นเรื่องที่น่าขายหน้ามากๆ หากเขาแพ้ให้กับนายไบเดน

    อย่างไรก็ตาม คำกล่าวล่าสุดของทรัมป์มีขึ้น หลังโพลส่วนใหญ่ชี้ว่านายไบเดน กำลังมีคะแนนนิยมผู้นำสหรัฐฯ โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการรับมือวิกฤตโควิด-19 และต่อมาถูกนิวยอร์ก ไทมส์แฉเรื่องการเสียภาษีของเขาที่ต่ำเพียง 750 ดอลลาร์ในปี 2016 และ 2017 ซึ่งน้อยกว่าชาวอเมริกันทั่วๆ ไป

    นอกจากนายไบเดนจะมีคะแนนนิยมนำในโพลแล้ว เขายังสามารถระดมทุนสนับสนุนได้มากกว่าด้วย

    โดยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายไบเดนระดมทุนได้ถึง 383 ล้านดอลลาร์ หรือราว 12,000 ล้านบาท ขณะที่นายทรัมป์ระดมทุนได้เพียง 247 ล้านดอลลาร์ หรือราว 7500 ล้านบาท แต่นายทรัมป์ยืนยันว่า เขาไม่ได้มีแผนจะระดมทุนเพิ่มแล้ว อันที่จริงเขาเป็นนักระดมทุนที่เก่งที่สุดในโลก เพียงแต่เขาไม่ได้อยากทำแล้ว

    แอนโทนี ซูร์เชอร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือ วิเคราะห์ว่า มี 5 ปัจจัยหลักๆ ที่จะพลิกเกม ทำให้ทรัมป์กลายเป็นผู้ชนะได้

    1. เกิด ‘ออคโทเบอร์ เซอร์ไพรส์’ อีกรอบ เป็นเหตุการณ์ที่ต้องสร้างอิทธิพลเหมือนกับการเปิดโปงว่าคลินตันใช้อีเมลส่วนตัว ในการเลือกตั้ง 4 ปีก่อน ออคโทเบอร์ เซอร์ไพรส์ ที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ ไม่เป็นผลดีต่อทรัมป์เท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะการเปิดเผยตัวเลขคืนภาษีที่น้อยผิดปกติ และการที่เขาติดเชื้อโควิด-19

    2.ผลโพลต่างๆ ไม่เที่ยงตรง เพราะแม้จะสำรวจความคิดเห็นจากผู้มีสิทธิลงคะแนน แต่เอาเข้าจริง วันเลือกตั้ง จะมีใครบ้าง และมากแค่ไหน ที่จะออกมาใช้สิทธิ ก็ยังเป็นสิ่งที่เกินคาดเดา โดยเฉพาะในปีนี้ ที่ความท้าทายจากการลงคะแนนผ่านไปรษณีย์ หรือ “เมล อิน บอลลอต” จะทำให้ผลนับคะแนนล่าช้า ส่วนทรัมป์เองก็เล็งโจมตีการลงคะแนนแบบนี้ว่า ทำให้เกิดการทุจริตได้ง่าย

    3.ผลงานการดีเบตรอบสุดท้ายของทรัมป์ ต้องทำให้ดีกว่านี้ เพราะการประชันวิสัยทัศน์นัดแรก สไตล์การพูดแทรกและวาทกรรมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ส่งผลดีต่อเขาเสียเท่าไหร่ ยิ่งเขาไม่ยอมดีเบตรอบสอง ที่ต้องจัดผ่านระบบออนไลน์ ยิ่งทำให้เขาพลาดโอกาสแก้ตัวไป

    4.การคว้าสวิงสเตท การเลือกตั้งสหรัฐฯ ไม่ได้คำนึงถึง ‘ป๊อปปูลาร์ โหวต’ แต่นับจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง หรือ ‘อิเล็กทอรัล คอลเลจ’ ดังนั้น การคำนวณสูตรเลขดีๆ เน้นหาเสียงในรัฐที่จำเป็นจริงๆ อาจทำให้ทรัมป์พลิกเอาชนะได้ แม้ผลโพลจะไม่เป็นใจก็ตาม

    5.ปัจจัยสุดท้ายที่ทรัมป์คุมไม่ได้ คือ ไบเดนเดินเกมพลาดเอง ซึ่งยังมีโอกาสอยู่ แม้ผู้สังเกตการณ์มองว่า ไบเดนวางตัวดีมาโดยตลอด ไม่เปิดช่องโหว่ให้เกิดกระแสตีกลับมากนัก และเน้นระดมคะแนนเสียงจากชาวอเมริกันใสตัวเมืองและชานเมือง ซึ่งเป็นฐานเสียงเดโมแครตอยู่แล้ว

    https://www.tnnthailand.com/content/59114

    #RoundtableThailand
    roundtablethailand.com

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oct 20, 2020 เสี่ยงสูงอีกจุดของไทย! ผู้ว่าเมืองกาญจนบุรีสั่งปิดด่านชายแดนต่อเนื่อง เจอหญิงเมียนมาโควิด-19 ชัดเจน

    นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดกาญจนบุรี ประกาศคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 4205/2563 เรื่อง ขยายเวลาการระงับการใช้ช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักรของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่อนปรนทางการค้าด่านพระเจดีย์สามองค์ (จุดผ่านแดนชั่วคราร เพื่อการท่องเที่ยว) ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

    สาเหตุเกิดจากเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กิ่งอำเภอพญาตองซู อำเภอจะอิเซ็กจี จังหวัดกอกะเร็ก ประเทศเมียนมา เปิดเผยว่า พบผู้ต้องสงสัยเพศหญิง อายุ 22 ปี มีอาการไข้คล้ายอาการของผู้ป่วยติดโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ยังพบว่าหญิงคนดังกล่าวมีประวัติเดินการเดินทางไปเมืองย่างกุ้ง ซึ่งผลจากการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากน้ำลายของหญิงคนดังกล่าว โดยโรงพยาบาลกรุงย่างกุ้ง ได้แจ้งผลและยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยพศหญิงคนดังกล่าวติดโรคโควิด-19

    #เมียนมา #ปิดชายแดน #โควิด19 #กาญจนบุรี #misterban

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #สำคัญ ประกาศกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเรื่อง ขอความร่วมมือในการเข้ารับฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

    ปีนี้ทางรัฐบาลเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไว้สำหรับประชาชนสูงสุดถึง 63 ล้านคน
    ✒️ประชากรมี 126 ล้านคน... (ประมาณครึ่งนึงนั่นเองนะคะ)

    จึงขอความร่วมมือประชาชนเพื่อให้วัคซีนไปถึงกับคนที่จำเป็นมากที่สุดก่อน

    (1) 1 ตุลาคม เป็นต้นไป ~

    อายุ 65 ปีขึ้นไป (กลุ่มต้องฉีดตามระยะ)
    + กลุ่ม 60-65 ปีและมีโรคประจำตัวรุนแรงต่าง ๆ เกี่ยวกับหัวใจ ทางเดินหายใจ ไต
    สำหรับกลุ่มที่ต้องฉีดตามระยะ กรุณาติดต่อสอบถามระยะเวลาที่เริ่มฉีดจากเมืองที่อาศัย

    ⚠️ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปี กรุณารอจนกว่าจะถึงวันที่ 26 ตุลาคม อย่าเพิ่งรีบไปขอฉีดนะคะ

    (2) 26 ตุลาคมเป็นต้นไป ~

    ⚠️ขอให้กลุ่มต่อไปนี้รีบไปฉีด
    ‍⚕️‍⚕️บุคลากรทางการแพทย์
    ผู้มีโรคประจำตัว
    หญิงตั้งครรภ์
    เด็กอายุ 6 เดือน - ป. 2

    บุคคลทั่วไปก็สามารถเข้ารับการฉีดได้

    ———

    ✒️ทำไมไข้หวัดใหญ่ช่วงโควิดจึงอันตราย?
    >> ทั้งสองเล่นงานระบบทางเดินหายใจทั้งคู่

    ✒️ข้อมูลจากเพื่อนแอด หลายแห่งยอดจองเต็มแล้ว >> ใครที่เป็นกลุ่มเสี่ยงขอให้รีบไปฉีด/ไปจองนะคะ ส่วนคนที่ยังแข็งแรงอาจจะรอนิดนึงค่ะ



    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #ประกาศ #ไข้หวัดใหญ่ #โควิด

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #News1feed : หินยักษ์หนักกว่า 3 หมื่นตัน บนเกาะทะลุ จ.กระบี่ พังถล่มแยกเป็นสองก้อน คาดเกิดจากพายุพัดถล่ม เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจพบรอยร้าวเพิ่ม มีปะการังได้รับความเสียหาย เตือนนักท่องเที่ยวห้ามเข้าใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุอาจจะมีการพังทลายเพิ่ม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9630000107014
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เพิ่งจะยอมรับเมื่อต้นเดือนตุลาคมว่า ไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่กระจายทางอากาศในสถานที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่ดี และคนรวมตัวกันเป็นเวลานาน (ดูรูป) แต่ยอมรับแบบไม่เต็มใจ ยังให้ความสําคัญของการแพร่กระจายทางละอองขนาดใหญ่เวลาไอ จามรดกันในระยะ 6 ฟุตมากกว่าการแพร่กระจายทางอากาศ

    นักวิทยาศาสตร์จาก American Association for Aerosol Research ออกมาโต้แย้ง CDC ที่ไม่เต็มใจให้ความสําคัญของการแพร่กระจายทางอากาศ ยังให้ความสําคัญการแพร่กระจายทางละอองขนาดใหญ่มากกว่า ทั้งๆที่ปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากพอแล้วว่า การแพร่เชื้อทางอากาศเป็นวิธีสำคัญ ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก (ดูรูป)

    การใส่หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสทั้งทางละอองฝอยและละอองขนาดใหญ่
    ในขณะที่การใส่เฟสชีลด์ป้องกันได้เฉพาะละอองขนาดใหญ่ไม่ให้กระเด็นมาโดนตา จมูกและปาก แต่ไม่สามารถป้องกันการหายใจละอองฝอยทางอากาศ ดังนั้นถึงจะใส่ เฟสชีลด์ก็ควรใส่หน้ากากด้วยเสมอ

    การสวมหน้ากากเป็นมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้รับการรับรองอย่างกว้างขวางจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธาณสุขทั่วโลก
    วารสารทางการแพทย์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา New England Journal of Medicine วันที่ 8 ตุลาคม ออกมาวิจารณ์การทำงาน CDC ของอเมริกาซึ่งเดิมเคยเป็นองค์กรระดับต้นๆของโลกในการรับมือกับโรคระบาด แต่หลังจากถูกแทรกแซงโดยประธานาธิบดีทรัมป์ องค์กรนี้ประสบความล้มเหลวในนโยบายต่างๆในการรับมือกับโรคไวรัสโควิด-19

    ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาต่อต้านการสวมหน้ากากตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในประเทศสหรัฐฯ หลังจากที่ตนเองหายป่วยจากโรคไวรัสโควิด-19 ออกจากรพ. ก็ขว้างหน้ากากทิ้ง ทั้งๆที่ควรจะต้องใส่หน้ากากต่ออย่างน้อยอีก 1-2 สัปดาห์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่น

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แม่คะนิ้ง (น้ำค้างบนยอดหญ้า) ที่เมืองเถิน เมื่อเช้าที่ผ่านมา ❄❄ พิกัดโรงเรียนล้อมแรดวิทยา

    ขอบคุณภาพจาก FB Jaae Tunwarut

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "จตุรงค์ มกจ๊ก" โพสต์เศร้าน้ำท่วมร้านอาหารเละเทะ โอดอยู่มา 16 ปี ไม่เคยเจอแบบนี้เลย

    เรื่องราวนี้สร้างความช้ำใจให้แก่นักแสดงตลกอย่าง จตุรงค์ มกจ๊ก เมื่อทางด้านเจ้าตัวนั้นได้รับผลกระทบจากพายุฝนกระหน่ำเต็มๆ ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมร้านอาหาร ครัวลุงรงค์ ที่ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
    ..
    พร้อมทั้งยังโพสต์เคลื่อนไหวอีกครั้งว่า อยู่ตรงนี้มา 16 ปี ไม่เคยเจอแบบนี้เลย เมื่อวานร้านยังเปิดได้ ท่วมแค่ลานรอดรถ เมื่อเช้าตื่นมา ทุกอย่างพัง เละเทะทุกจุด สภาพเกินกว่าคำบรรยาย มีทางเดียว รอ รอฝนหยุดน้ำลด แล้วค่อยแก้ไข ซ่อมแซม #สู้โว้ยลุงรงค์ #ครัวลุงรงค์

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แพทยสภา ห่วงการชุมนุม ประกาศขอทุกฝ่าย เปิดทางรถพยาบาล

    เมื่อวันที่ 20 ต.ค. อนุกรรมการบริหารแพทยสภา ออกประกาศ ระบุว่า ตามที่มีสถานการณ์ การชุมนุมในปัจจุบัน แพทยสภามีความห่วงใยสวัสดิภาพประชาชนทุกฝ่าย และไม่ปรารถนาให้เกิดความรุนแรงในทุกรูปแบบ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสียหายต่อสุขภาพกาย ใจ และชีวิต รวมทั้งอาจเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินใดๆ แพทยสภาจึงขอความร่วมมือมายังทุกฝ่าย ดังนี้
    .
    1. ขอให้มีความร่วมมือ แบบบูรณาการในหน่วยที่เกี่ยวข้องในการวางมาตรฐานการจัดการ กรณีการขนส่งผู้ป่วยผ่านพื้นที่ใด ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วโดยมีสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เป็นเจ้าภาพเพื่อให้รถพยาบาลทุกคัน ติดต่อประสานกันได้และมีการส่งผู้ป่วย ไปถึงมือแพทย์หรือโรงพยาบาลและได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
    .

    2.กรณีมีเหตุการณ์ใด ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ในพื้นที่ ขอให้ทุกฝ่ายโปรดให้ความสำคัญ ในการดูแลและคุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์ตามหลักสากล เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
    .

    แพทยสภาขอเป็นกำลังใจ ให้กับ แพทย์ พยาบาลและ บุคลากร ทางการแพทย์ทุกท่าน ที่เสียสละและอาสามาช่วยดูแลประชาชน ในสถานการณ์นี้ และ แพทยสภาหวังว่าเราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ดีด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย

    #Hfocus #สื่อออนไลน์ #แแพทยสภา #ประกาศแพทยสภา

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศาลอังกฤษตัดสินจำคุก 3 ปี ชายวัย 37 ปีกระทำชำเราไก่ พร้อมให้ภรรยาถ่ายคลิป-ร่วมมีเซ็กส์ด้วย โดยพบครอบครองภาพอนาจารเด็กอีกเพียบ

    อ่านรายละเอียด - https://bit.ly/37qNRhU

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    xn9D2EuwDvrYzljzDiTzfJInjNGGXx8e_ylbkbhP1DG&_nc_ohc=RJNNuS7BM0cAX-eLwXH&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    เผยภาพเปรียบเทียบก่อน-หลัง 'เขาทะลุ' เขตดำน้ำชื่อดังของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ หลังเกิดฝนตกหนักและมีลมพายุพัดแรง ทำให้ถล่มลงมาทับปะการังด้านล่าง #ข่าวช่องวัน

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จำนวนนักท่องเที่ยวในฮ่องกง วันนี้ ลดลง 99.7%
    .
    1/ วิกฤตโควิด-19 ทำให้เกิดข้อจำกัดการเดินทางไปทั่วโลก เพราะทุกประเทศหวั่นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การท่องเที่ยวจึงถูกกระทบแบบตรงๆ เรียกได้ว่า การเดินทางท่องเที่ยวถึงกับเป็นอัมพาตไปทั่วโลก
    .
    2/ ฮ่องกงก็เป็นหนึ่งในหลายๆประเทศที่มีเม็ดเงินไหลเข้าจากการท่องเที่ยว แต่ด้วยมาตรการป้องกันโควิด ทำให้ชาวต่างชาติไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง ส่วนผู้ที่ได้รับอนุญาต แม้จะเป็นชาวฮ่องกง ก็จะต้องถูกกักกันเป็นเวลา 14 วัน
    .
    3/ เมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น รัฐบาลฮ่องกงพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวด้วยมาตรการเปิดการท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทางกับสิงคโปร์ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะการท่องเที่ยวในฮ่องกงในเดือนกันยายน แทบจะเหลือศูนย์ ลดลงไป 99.7% เมื่อเทียบกับกันยายนปีที่แล้ว
    .
    4/ การท่องเที่ยวฮ่องกงเปิดเผยตัวเลข จำนวนนักท่องเที่ยวล่าสุดในเดือนกันยายน มีนักท่องเที่ยวเพียง 9,132 คน
    .
    5/ นักวิเคราะห์มองว่า กุญแจสำคัญที่จะฟื้นฟูการท่องเที่ยว อยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่และมาเก๊า สถานการณ์การท่องเที่ยวของฮ่องกงจะดีขึ้น ก็ต่อเมื่อมีการเปิดการเดินทางข้ามพรมแดนจากจีนแผ่นดินใหญ่และมาเก๊า
    .
    6/ ตอนนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าฮ่องกงได้เพียง 3 จุดเท่านั้นคือ (1) ทางสนามบิน (2) อ่าวเซินเจิ้น และ (3) สะพานฮ่องกง - จูไห่ – มาเก๊า
    .
    7/ รัฐบาลฮ่องกงกำลังทำงานหนัก พยายามเจรจาเปิดการเดินทางกับ 10 ประเทศ มี ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ สวิตเซอร์แลนด์ เวียดนาม และไทย
    .
    ที่มา: www.globaltimes.cn/content/1204095.shtml
    .
    ขอบคุณภาพ จาก...www.ttgasia.com/2020/06/18/hong-kongs-new-campaign-aims-to-spur-local-tourism/
    .

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 20 ต.ค.อย่างชัดเจนว่า สรุปรายงานสถานการณ์พื้นที่ที่ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย ช่วงปี 2562 มีระยะทางรวม 91.69 กม. มีพื้นที่ถูกกัดเซาะรุนแรงที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนระยะทาง 12.87 กม. ส่วนมากมีสาเหตุมาจากกิจกรรมมนุษย์และผลกระทบที่เกิดจากโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งที่ได้ดำเนินก่อสร้างแล้ว แต่ส่งผลต่อพื้นที่ข้างเคียงซึ่งในหลายพื้นที่ก็กลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐและชุมชน
    .
    ยกตัวอย่างกรณีการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล บริเวณพื้นที่ชายฝั่งหาดม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา ที่เครือข่ายประชาชนรักษ์หาดม่วงงามเรียกร้องให้กรมโยธาธิการและผังเมืองในฐานะเจ้าของโครงการก่อสร้างหยุดการดำเนินการ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่ประสบปัญหาการกัดเซาะ ซึ่งศาลปกครองจังหวัดสงขลาให้มีคำสั่งให้หยุดดำเนินการชั่วคราวเพื่อศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นก่อน
    .
    อย่างไรก็ตาม นายวราวุธได้สั่งการให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับและสั่งการให้หน่วยงานเร่งสำรวจและกำหนดแนวทางมาตรการการแก้ไขอย่างเป็นระบบ โดยต้องคำนึงถึงความสมดุลของการพัฒนาและการอนุรักษ์
    .
    “ระบบนิเวศทางธรรมชาติถูกออกแบบโดยสร้างความสัมพันธ์ทุกอย่างไว้อย่างลงตัว และธรรมชาติได้กำหนดทิศทางและความเป็นไปทุกอย่างไว้แล้ว มนุษย์ที่มีหน้าที่สร้างและรักษาความสมดุล ไม่ใช่พยายามเปลี่ยนแปลงความสมดุล การแก้ไขปัญหาไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่การแก้ไขปัญหาที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่างหากที่ผิด” นายวราวุธระบุ
    .
    นายวราวุธ กล่าวว่า การก่อสร้างโครงสร้างเพื่อป้องกันการกัดเซาะแม้เป็นความตั้งใจดีของหน่วยงานที่ต้องการช่วยเหลืองประชาชนในพื้นที่ แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น หรือความจำเป็น และความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์ด้วย และสิ่งสำคัญควรเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาร่วมคิดร่วมทำในขั้นตอนต่างๆ เพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง สร้างความเข้าใจและความร่วมมือการดำเนินงานต่างๆ สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี
    .
    ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้เสนอคณะกรรมการนโยบายและแผนบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ให้ความเห็นชอบในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยได้แบ่งระบบกลุ่มหาด จำนวน 8 กลุ่มหาดหลัก และระบบหาดย่อย 318 ระบบหาด เพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน ลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
    .
    นายจตุพร ย้ำด้วยว่า ให้ ทช.ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในทุกพื้นที่ หากพบว่ากิจกรรมหรือโครงการใดอาจก่อให้เกิดปัญหากัดเซาะชายฝั่ง ให้อาศัยอำนาจตามมาตรา 21 หรือ 17 ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 ทันที เพื่อระงับและป้องกันปัญหาก่อนที่จะสร้างผลกระทบต่อประชาชนและระบบนิเวศอื่นๆ ข้างเคียง
    .
    นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรม ทช. กล่าวว่า ทช.ได้ร่วมกับ GISTDA จัดทำระบบฐานข้อมูลเชิงพื้นที่การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ชายฝั่งทะเลไทยขึ้น โดยสามารถตรวจสอบผ่านทางระบบฐานข้อมูลกลางและมาตรฐานข้อมูลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในหน้าเว็บไซต์ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
    .
    ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบให้สามารถตรวจสอบได้ทาง Mobile Application ที่ติดตามสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งสามารถรายงานปัญหาด้านการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ได้อีกด้วย โดยคาดว่าระบบดังกล่าวจะสามารถใช้งานได้ภายในปี 2564
    .
    สำหรับ มาตรา 17 ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 ระบุว่า ในกรณีที่ปรากฏว่าบุคคลใดก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอํานาจสั่งให้บุคคลนั้นระงับการกระทําหรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งนั้นเป็นการชั่วคราวตามความเหมาะสม
    .
    เมื่อได้มีคําสั่งตามวรรคหนึ่งแล้ว หากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายเห็นว่าการกระทําหรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งนั้น อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใด ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายแจ้งประสานงานหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องนั้นโดยมิชักช้าเพื่อดําเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตามอํานาจหน้าที่ต่อไป
    .
    เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุจําเป็นเร่งด่วนและหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะทําให้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมีความเสียหายเพิ่มขึ้น หรือไม่มีหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดที่รับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมีอํานาจดําเนินการใดๆ เพื่อแก้ไขหรือบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในบริเวณดังกล่าว
    .
    ในการนี้ อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายอาจกําหนดวิธีการและระยะเวลาดําเนินการเท่าที่จําเป็นเพื่อให้บุคคลตามวรรคหนึ่งดําเนินการเพื่อแก้ไขหรือบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในบริเวณนั้นด้วยก็ได้
    .
    ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องหรือกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ดําเนินการเพื่อแก้ไขหรือบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือเมื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ระงับสิ้นไปแล้ว ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายพิจารณายกเลิกคําสั่งที่ออกตามวรรคหนึ่ง
    .
    ขณะที่ มาตรา 21 เพื่อป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และป้องกันความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจออกกฎกระทรวงเพื่อกําหนดเขตพื้นที่ที่จะใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งการออกกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง ต้องมีแผนที่แสดงแนวเขตแนบท้ายกฎกระทรวงและต้องกําหนดมาตรการดังต่อไปนี้
    .
    (1) ห้ามดําเนินกิจกรรมหรือกระทําการใดๆ ที่อาจส่งผลหรือก่อให้เกิดปัญหาในการกัดเซาะชายฝั่งเพิ่มขึ้น
    .
    (2) กําหนดหลักเกณฑ์ในการดําเนินการกับสิ่งก่อสร้างหรือกิจกรรมที่ได้ดําเนินการภายในเขตพื้นที่ที่กําหนดก่อนที่จะมีการออกกฎกระทรวง โดยจะกําหนดให้สามารถดําเนินการต่อไปได้ หรือให้ระงับการดําเนินกิจกรรม หรือรื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่ส่งผลกระทบต่อการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งโดยได้รับค่าชดเชยตามความเหมาะสม
    .
    (3) กําหนดหลักเกณฑ์ในการใช้ประโยชน์ในที่ดินที่อยู่ภายในแนวเขตพื้นที่ที่ประกาศกําหนด
    (4) กําหนดมาตรการอื่นใดตามที่เห็นสมควรเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง

    อ้างอิง: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000106871

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช่วงเดือนสิงหาคม- ตุลาคม 2563 ภาคตะวันตกของสหรัฐ หรือ West Coast เกิดวิกฤตการณ์ไฟป่าที่ลุกลามตั้งแต่รัฐแคลิฟอร์เนียไปจนถึงรัฐวอชิงตันทำให้พื้นที่เหล่านี้ถูกปกคลุมด้วยควันไฟหนาทึบและบางพื้นที่ยังถูกล้อมด้วยไฟป่าที่ดับได้ยาก เพราะมีพื้นที่กว้างใหญ่และลุกลามรวดเร็ว
    .
    ผลก็คือแคลิฟอร์เนียต้องเผชิญกับวิกฤตไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมลุกลามไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่น รัฐออริกอนและรัฐวอชิงตัน ทำให้ West Coast เป็นพื้นที่ที่มีมลภาวะสูงที่สุดในโลกจากการสำรวจโดย PurpleAir เกือบจะเทียบเท่าเมืองที่มลพิษจาก PM2.5 ที่สูงที่สุดในโลกอย่างกรุงนิวเดลีและเขตปริมณฑล
    .
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่เดวิส กล่าวว่า ในช่วงเดือนกันยายนที่เกิดไฟป่าปรากฎว่าในเขตแซคราเมนโตมีมลพิษทางอากาศมากกว่าประเทศจีนเสียอีก และปัญหาเดียวกันนี้ยังทำให้แซคราเมนโตเป็นเมืองที่มีอากาศแย่ที่สุด 5 อันดับแรกในอเมริกามาตั้งแต่ปี 2561 และ 2562 ติดต่อกัน
    .
    เมื่อมีมลพิษสูงติดอันดับโลกสิ่งที่ตามมาคือปัญหาสุขภาพที่เลวร้ายระดับโลก โดยมีการประมาณกันว่าการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 300,000 คนทั่วโลกเกี่ยวข้องกับคุณภาพอากาศที่ไม่ดี เนื่องจากไฟป่าและนับวันไฟป่าในแคลิฟอร์เนียและแถบ West Coast จะเลวร้ายลงเรื่อย ๆ
    .
    จากการวิจัย พบว่ายิ่งเกิดภัยแล้งมีอุณภูมิสูงมากขึ้นเท่าไรไฟป่าก็จะเพิ่มมากขึ้น ในบางกรณีมากถึง 4 เท่าตัว และนับตั้งแต่ปี 2527 ไฟป่าที่ร้ายแรงในแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นถึง 10%

    อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่: http://www.igreenstory.co/california-wildfire/
    #เคาท์ดาวน์PM2_5 #ฝุ่นควันเชียงใหม่ #สสส

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ท่ามกลางปัญหาการเมืองในบ้านเราอาจทำให้เราหลงลืมไปว่า เรากำลังอยู่ในวิกฤตสาธารณะสุขระดับโลก ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย แถมตอนนี้ผู้ติดเชื้อในหลายประเทศยังกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งด้วย

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oct 20, 2020 ยักษ์เบอร์หนึ่งสายการบินฮ่องกง เดินเครื่องปลดพนักงาน 8,500 คน ปิดกิจการคาเธ่ย์ ดรากัอน ในเครือ

    คาเธ่ย์ แปซิฟิค สายการบินชั้นนำระดับโลกในฮ่องกง ประกาศปลดพนักงาน 8,500 คน หรือราว 25% ของพนักงานทั้งหมดราว 33,000 คน นอกจากนี้ จะปิดกิจการสายการบิน คาเธ่ย์ ดราก้อน ซึ่งเป็นสายการบินในเครือ เพื่อนำไปควบรวมกับบริษัทแม่ สำหรับการปลดพนักงาน 8,500 คนในครั้งนี้เป็นตัวเลขที่สรุปสุดท้าย หลังจากก่อนหน้านี้มีการประเมินว่าจะปลดพนักงานราว 8,000 คน หรือมากกว่า 20% ของพนักงานทั้งหมด สำหรับพนักงาน 8,500 คนที่จะถูกปรับลดลงในครั้งนี้ ประกอบด้วย พนักงานในสำนักงานใหญ่และสำนักงานต่างๆในเมืองรวม 5,300 คน พนักงานทำงานที่ต่างประเทศ 600 คน และพนักงานที่ยังไม้ได้บรรจุเป็นทางการอีก 2,600 คน

    สาเหตุในการปลดพนักงานจำนวนมากในครั้งนี้ เกิดจากการทบทวนนโยบายและกลยุทธ์ในการรักษาธุรกิจของคาเธ่ย์ แปซิฟิค ให้อยู่รอดท่ามกลางวิกฤตธุรกิจการบินโลก โดยเฉพาะเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้น ฝ่ายบริหารของสายการบินดังกล่าวส่งสัญญาณเกี่ยวกับการลดค่าใช่จ่ายทุกรูปแบบ ซึ่งนักวิเคราะห์มองตรงกันว่า จะเกิดการปลดพนักงานครั้งใหญ่ นอกจากนี้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีผลประกอบขาดทุนอย่างรุนแรงถึง 9,870 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือกว่า 40,467 ล้านบาท

    เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ได้รับการช่วยเหลือเงินกู้จากรัฐบาลฮ่องกงเป็นมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 160,000 ล้านบาท ในขณะที่คาเธ่ย์ แปซิฟิค เกิดภาสะกระแสเงินสดลดลงมากถึง 193,550,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือกว่าเดือนละ 6,194 ล้านบาท มาตรการปลดพนักงานในครั้งนี้ จะช่วยทำให้คาเธ่ย์ แปซิฟิค ลดปริมาณกระแสเงินสดได้ถึงเดือนละ 500 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือเดือนละ 2,050 ล้านบาทถึงภายในปี 2564 ในขณะที่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในภาพรวมได้ถึง 284 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 9,088 ล้านบาท

    ทั้งนี้ สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ประกาศว่าในปี 2564 จะให้บริการน้อยกว่า 50% จากภาวะปกติในช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 โดยสั่งจอดเครื่องบินราว 40% ของฝูงบิน ด้านจำนวนผู้โดยสารในเดือนกันยายนตกต่ำอย่างรุนแรงถึง -98.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว สอดรับกับธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ยังคงทรุดต่ำลงถึง -36.6%

    #ตกงาน #ปลดพนักงาน #คาเธย์แปซิฟิค #สายการบิน #โควิด19 #btimes

     

แชร์หน้านี้

Loading...