ติดตามสถานะการณ์

ทายาท 'ซัมซุง' บินตรงฮานอยเข้าพบนายกฯ ฟุ้ก คุยแผนลงทุนเพิ่มเติม
.
เวียดนาม 20 ต.ค. - ลี แจ-ยอง รองประธานบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เดินทางมาเวียดนามวันนี้ (20) เพื่อสำรวจโอกาสทางธุรกิจเป็นเวลา 3 วัน โดยมีกำหนดพบหารือกับนายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก เพื่อพูดคุยแผนการลงทุนและเยี่ยมชมโรงงานซัมซุงในกรุงฮานอย ตามการรายงานของสื่อเกาหลีใต้
.
สื่อรายงานคาดการณ์ว่า ลี แจ-ยอง อาจประกาศแผนการลงทุนใหม่ที่รวมถึงการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในเวียดนาม
.
ในการเดินทางเยือนกรุงฮานอยครั้งนี้ของรองประธานบริษัทซัมซุง คาดว่าจะเข้าตรวจสอบความคืบหน้าศูนย์วิจัยของบริษัท ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในกรุงฮานอย โดยการก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนามูลค่า 220 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นศูนย์แรกที่อยู่นอกเกาหลีใต้ โดยเริ่มสร้างมาตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
.
ทายาทซัมซุงผู้นี้ได้รับการยกเว้นจากการกักตัวตามมาตรการควบคุมโรค หลังรัฐบาลยกเลิกข้อกำหนดกักตัวกับผู้จัดการ นักลงทุน และนักการทูตต่างชาติ ที่เดินทางเยือนประเทศเป็นเวลาไม่เกิน 14 วัน
.
เวียดนามเป็นฐานการผลิตสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทซัมซุง ด้วยครึ่งหนึ่งของสมาร์ทโฟนของบริษัทผลิตในประเทศที่โรงงานใน จ.บั๊กนีง และ จ.ท้ายเหวียน ในภาคเหนือ และจนถึงปัจจุบัน บริษัทซัมซุงได้ลงทุนในเวียดนามไปแล้วกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทยังมีโรงงานผลิตทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่นครโฮจิมินห์อีกด้วย.

 

Oct 20 , 2020 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเผยรายได้เข้ารัฐจากกิจการปิโตรเลียมปีงบ 63 อยู่ที่ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ลดลง 21.88% จากปีก่อน หลังโดนผลกระทบโควิดกดราคาน้ำมันตกต่ำ
.
นายศุภลักษณ์ พาฬอนุรักษ์ โฆษกกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน มีการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐจากการประกอบกิจการปิโตรเลียม ในปีงบประมาณ 2563 (เดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2563) จำนวนรวมทั้งสิ้น 129,932 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าภาคหลวง จำนวน 38,725 ล้านบาท เงินผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ จำนวน 15 ล้านบาท รายได้จากองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย จำนวน 12,903 ล้านบาท ค่าตอบแทนการต่อระยะเวลาการผลิต จำนวน 7,050 ล้านบาท รวมถึงภาษีเงินได้ปิโตรเลียมซึ่งจัดเก็บโดยกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง จำนวน 71,239 ล้านบาท โดยภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในปี 2563 ลดลง 21.88% เมื่อเทียบกับการจัดเก็บรายได้ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562
.
ทั้งนี้ ในช่วงปีงบประมาณ 2563 มีสัมปทานปิโตรเลียมในประเทศที่ดำเนินการอยู่ 38 สัมปทาน 48 แปลงสำรวจ โดยแบ่งเป็นแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย 29 แปลง และแปลงสำรวจบนบก 19 แปลง โดยมีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมทั้งก๊าซธรรมชาติ ก๊าซธรรมชาติเหลว และน้ำมันดิบ คิดเป็นปริมาณรวมอยู่ที่ 275.66 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งลดลง 7.86% เมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562
.
โดยการจัดเก็บรายได้จากการประกอบกิจการปิโตรเลียมและปริมาณการผลิตปิโตรเลียมที่ลดลง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 และสถานการณ์ราคาน้ำมันตกต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมทุกประเภททั่วโลก
.
#กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ #น้ำมัน #Misterban

 

Oct 20 , 2020 นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มแรก บินจากเซี่ยงไฮ้ถึงกรุงเทพฯเย็นนี้ 41 คน
.
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีไทยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa (STV)) ที่จะเข้ามาในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ เบื้องต้นจะอยู่ประเทศไทยเป็นระยะเวลา 30 วัน
.
โดยกลุ่มแรกจะมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน จำนวน 41 คน จะเดินทางถึงกรุงเทพฯ ลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลาประมาณ 17.00 น. เมื่อเดินทางมาถึงแล้วนักท่องเที่ยวจะต้องดำเนินการตามมาตรการทางกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ต่อด้วยการตรวจคัดกรองโควิด-19 และเข้าสู่สถานที่กักตัว(ASQ/ ALSQ) เป็นระยะเวลา 14 วัน ซึ่งเป็นมาตรการเดียวกันกับที่รับคนไทยจากต่างประเทศกลับมายังไทย ส่วนรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวหลักคือที่ ทะเล
.
ส่วนของกลุ่มที่ 2 เป็นนักท่องเที่ยวประเทศจีนเช่นกัน จากเมืองกว่างโจว บินลงสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประมาณกว่า 100 คน ก็จะมีการทำการคัดกรองเคร่งครัดเช่นเดียวกับกลุ่มแรก ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนจะมีแอพพลิเคชั่น หมอชนะ ติดตามตัวแบบเรียลไทม์ หลังจากที่รับนักท่องเที่ยวทั้ง 2 กลุ่มที่นำร่องแล้ว ก็จะมีการประเมินขยายผลอาจจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวหรือมาตรการต่างๆต่อไป ในส่วนสถานการณ์การชุมนุมนั้นคาดว่าจะยังไม่มีผลกระทบต่อสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเพราะจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวคือ พื้นที่ในต่างจังหวัด
.
#นักท่องเที่ยว #สุวรรณภูมิ #จีน #Misterban

 

Oct 20 , 2020 นายกฯสั่งทบทวนแนวทางออกคำสั่งปิดสื่อออนไลน์ ให้นึกถึงสิทธิเสรีภาพการนำเสนอข่าว แต่หากเจอข่าวเท็จต้องปิดทันที
.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ได้สั่งการมอบแนวทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานเกี่ยวข้องกับการออกคำสั่งเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) ทบทวนระงับบการออกคำสั่งหรือประกาศต่าง ๆ เกี่ยวกับการนำเสนอข่าวของสื่อ โดยขอให้พิจารณาคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนเป็นสำคัญ ยกเว้นบางกรณีที่มีสื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ บิดเบือน ยุยง ปลุกปั่นมาตลอดเวลา สร้าง Fake News โดยตั้งใจจะเสนอข่าวบิดเบือน ล้ำเส้น ก้าวล่วง หรือละเมิดสิทธิตามกฎหมายของผู้อื่น ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดหลักการตามกฎหมาย และการดำเนินการ โดยเฉพาะเป็นเรื่อง ๆ ไป เน้นการทำความเข้าใจ ส่วนที่จำเป็นต้องปิดตามคำสั่งก็ต้องให้ปิด ซึ่งก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
.
พร้อมขอความร่วมมือจากทุกคนและประชาชนด้วย เพราะไม่ต้องการไปละเมิดสิทธิของใคร แต่ท่านต้องระมัดระวังการละเมิดสิทธิของผู้อื่น
.
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง มีคำสั่งตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ดีอีเอส ดำเนินการตรวจสอบและระงับการเผยแพร่ของสื่อที่เข้าข่ายฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯดีอีเอสได้ตรวจสอบ ประมวลโดยฝ่ายกฎหมาย เสนอศาลปิดแพลทฟอร์มออนไลน์ทุกช่องทางของสื่อ 4 องค์กร คือ วอยซ์ทีวี ประชาไท The Reporters และ The Standard และล่าสุดมีคำสั่งจากศาล สั่งปิดทุกแพลทฟอร์มออนไลน์ของ วอยซ์ทีวี
.
#สั่งทบทวน #ปิดสื่อ #นายกรัฐมนตรี #Misterban

 

Oct 20 , 2020 บอร์ดแข่งขันการค้าอนุมัติคู่มือกำกับดูแล แพลตฟอร์มรับส่งอาหาร รอประกาศราชกิจจานุเบกษา ปิดช่องทางเอาเปรียบผู้บริโภค
.
นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้าในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาแนวปฏิบัติการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ร่างประกาศ. เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบธุรกิจให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มรับและส่งอาหารกับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร หรือ ไกด์ไลน์ ฟู้ด เดลิเวอรี่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า แล้ว หลังมีการปรับปรุงแก้ไขใหม่
.
ทั้งนี้ไกด์ไลน์ ฟู้ด เดลิเวอรี่ ได้กำหนดการกระทำอันเป็นผลให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ได้แก่ 1.การเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ค่าตอบแทน หรือผลประโยชน์อื่นๆ ที่ไม่เป็นธรรม โดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารทราบล่วงหน้าถึงเหตุผลและความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาที่เหมาะสม เช่นการเก็บค่าส่วนแบ่งรายได้ (Commission Fee หรือ Gross Profit (GP)) ในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นจากที่เคยเก็บ และการเรียกเก็บในอัตราที่แตกต่างกันระหว่างผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารที่จำหน่ายสินค้าเดียวกันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
.
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการโฆษณา (Advertising Fee) โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร รวมถึงการเรียกเก็บค่าส่งเสริมการขายในโอกาสพิเศษทางการตลาด (Promotion) โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ค่าตอบแทน หรือผลประโยชน์อื่น ๆ ที่ไม่เคยมีการเรียกเก็บมาก่อน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
.
2. การกำหนดเงื่อนไขทางการค้าอันเป็นการจำกัดหรือขัดขวางการประกอบธุรกิจของผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรม เช่น การกำหนดเงื่อนไขที่เป็นการจำกัดสิทธิ (Exclusive Dealing) ของผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารที่มีลักษณะเป็นการบังคับ โดยการห้ามจำหน่ายอาหารผ่านช่องทางของผู้ประกอบธุรกิจให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มรับและส่งอาหารรายอื่น โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
.
3. การใช้อำนาจตลาดหรืออำนาจต่อรองที่เหนือกว่าอย่างไม่เป็นธรรม เช่นการปฏิเสธการทำการค้ากับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารในระหว่างระยะเวลาของสัญญา หรือ การยกเลิกสัญญาอันเนื่องมาจากเหตุผลต่าง ๆ โดยไม่มีเหตุผลสมควร การเปลี่ยนแปลงระยะเวลาของสัญญาโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วัน
.
โดยไกด์ไลน์ ฟู้ด เดลิเวอรี่ อยู่ระหว่างรอประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายต่อไป โดยเชื่อว่าจะช่วยสร้างบรรทัดฐานในการประกอบธุรกิจบริการรับและส่งอาหาร ปกป้องผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารที่อาศัยบริการช่องทางการจำหน่ายทางดิจิทัลแพลตฟอร์ม มิให้ถูกเอาเปรียบโดยไม่มีเหตุผลสมควร
.
#บอร์ด #ฟู้ดเดลิเวอรี่ #Misterban #ควบคุม #คุมเข้ม

 

Oct 20 , 2020 บินไทยเผยเตรียมรับนักท่องเที่ยวจีนถือวีซ่าลองสเตย์ จากเซี่ยงไฮ้ 120 คน มาถึงไทยวันที่ 28 ต.ค.นี้ พร้อมยันต้องปฏิบัติตามกระบวนการควบคุมโควิด
.
นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย เปิดเผยว่า บริษัท ได้ประสานกับ บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด ผ่านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเที่ยวบินพิเศษรองรับผู้โดยสารชาวจีนที่ถือวีซ่า ลองสเตย์ จากเซี่ยงไฮ้ จำนวน 120 คน เดินทางมายังประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินที่ ทีจี 8103 เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-กรุงเทพฯ ออกเดินทางจากเซี่ยงไฮ้ ในวันที่ 28 ต.ค. 2563 เวลา 17.20 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯเวลา 21.15 น. ในวันเดียวกัน
.
ทั้งนี้เที่ยวบินดังกล่าว มีชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าทางการแพทย์ (Medical Visa) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท การบินไทยฯ กับเครือโรงพยาบาลพญาไท ร่วมเดินทาง อีกทั้งมีคนไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางกลับบ้านอีกด้วย
.
อย่างไรก็ตามการจัดเที่ยวครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลมีมติอนุมัติให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัดภายใต้วีซ่าพิเศษ (Special Tourist Visa) โดยอนุญาตให้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยและพำนักในระยะยาว (Long Stay) เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมี่ยมที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งเป็นการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม บริษัท การบินไทยฯ เป็นสายการบินสัญชาติไทยสายการบินแรกที่สนับสนุนนโยบายของภาครัฐดังกล่าว และมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัดภายใต้วีซ่าพิเศษ (Special Tourist Visa)
.
ทางการบินไทยมีความพร้อมและยินดีในการจัดเที่ยวบินเพื่อสนับสนุนภาครัฐในการขับเคลื่อนธุรกิจของประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะมีส่วนสนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้และส่งเสริมเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนไปได้ รวมทั้งพร้อมในการรองรับการเดินทางและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ที่ยังคงมีความต้องการเดินทางมายังประเทศไทยในเที่ยวบินต่อๆ ไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยความใส่ใจทั้งด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
.
#การบินไทย #นักท่องเที่ยว #จีน #ไทย #Misterban

 

Oct 20 , 2020 ศาลปกครองกลางสั่งคุ้มครองบีทีเอส กรณีรฟม.ปรับเกณฑ์ทีโออาร์โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
.
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี เปิดเผยว่า วันนี้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีที่ BTSC ได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองฉุกเฉิน กรณีคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ได้ปรับหลักเกณฑ์ประมูลโครงการดังกล่าว ภายหลังเปิดขายซองข้อเสนอไปแล้ว ถือเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
.
โดยศาลมีคำสั่งให้ รฟม.ไปใช้หลักเกณฑ์เดิมในการประมูลโครงการ ซึ่ง รฟม.จะต้องกลับไปใช้เกณฑ์การตัดสินคะแนนทางการเงิน 100 คะแนน จากที่ก่อนหน้านี้ปรับมาจะใช้เทคนิค 30 คะแนน และการเงิน 70 คะแนน โดยคำสั่งศาลครั้งนี้ ไม่ได้มีคำสั่งให้ชะลอกระบวนการประมูล เพราะตามคำร้องของบีทีเอส เราไม่ได้ขอคุ้มครองชะลอโครงการ แต่ขอให้ศาลคุ้มครองกลับไปใช้เกณฑ์ประมูลเดิม ส่วนเรื่องที่บีทีเอสยื่นฟ้อง ศาลยังไม่ได้มีการพิจารณาตัดสิน ตอนนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจว่าศาลจะมีนัดไต่สวนเพิ่มเติมหรือไม่
.
รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. กล่าวว่า เร็วๆนี้ คณะกรรมการตามมาตร 36 จะร่วมประชุมกับ รฟม. เพื่อพิจารณาคำสั่งศาลปกครองกลางที่มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์การประเมินที่แก้ไขเพิ่มเติมของ รฟม. เบื้องต้น รฟม. เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ซึ่งตามกฎหมายกำหนดให้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันหลังจากคำสั่งศาล เนื่องจากคำสั่งศาลดังกล่าวเป็นเพียงศาลชั้นต้นเท่านั้น รฟม.พร้อมต่อสู้คดีต่อในชั้นศาลอุทธรณ์
.
#รฟม #MRT #Misterban #ศาลปกครอง #BTS

 

Oct 20 , 2020 รมว.คลังเล็งถกแบงก์รัฐดูแลลูกหนี้ต่อ 4 ล้านราย รวมมูลหนี้ 1.9 ล้านล้านบาท
.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี หรือครม. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ได้รายงานให้ ครม. รับทราบเรื่องปัญหาการช่วยเหลือสภาพคล่องผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
.
โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะไม่ขยายมาตรการพักชำระหนี้ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 22 ต.ค. นี้ อย่างไรก็ตาม ธปท. ไม่ได้นิ่งเฉย ได้มีการประสานงานกับธนาคารพาณิชย์ในการจัดกลุ่มลูกหนี้เป็นกลุ่มๆ เพราะเข้าไปการช่วยเหลือให้ตรงกับปัญหา ประกอบด้วย
.
กลุ่มที่ 1 กลุ่มลูกหนี้ที่กลับมาดำเนินการปกติ มี 60%
กลุ่มที่ 2 กลุ่มลูกหนี้ที่กลับมาดำเนินธุรกิจต่อแต่ยังไม่ฟื้นตัวดีมีอยู่ 34%
กลุ่มที่ 3 กลุ่มลูกหนี้ที่ยังไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ เป็นกลุ่มที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือ
กลุ่มที่ 4 กลุ่มลูกหนี้ที่ขาดการติดต่อกับสถาบันการเงินมี ซึ่ง ธปท. ได้ให้สถาบันการเงินเร่งประสานงานติดต่อกับลูกหนี้กลุ่มนี้
.
ส่วนของสถาบันการเงินรัฐ ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยและ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งมีการดำเนินการช่วยลูกหนี้ตามมาตรการของ ธปท. และช่วยเหลือเป็นการเฉพาะของแต่ละธนาคาร มีลูกหนี้ที่ดูแล 4 ล้านราย มูลหนี้ 1.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 30% จากลูกหนี้ทั้งหมดของระบบสถาบันการเงิน ซึ่งจะหารือกับสถาบันการเงินของรัฐเพื่อสรุปแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มนี้ต่อไป
.
นอกจากนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 จากขยายตัวติดลบ 7.7% เป็นขยายตัวติดลบ 7.1% ปรับให้ดีขึ้นแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มปรับตัวเศรษฐกิจไทยที่ได้ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 มีทิศทางที่ดีขึ้น จากมาตรการของรัฐบาลที่ออกมาต่อเนื่องจากหลังจากมีการคลายล็อกดาวน์ รวมทั้งมาตรการที่รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือสภาพคล่องผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อย
.
#คลัง #หนี้ #ผู้ประกอบการ #Misterban

 

ปิดรถไฟฟ้า!
"คนหาย-รายได้หด" เท่าไหร่?

ถ้าอยากรู้ว่าในช่วงที่มีการสั่งปิดรถไฟฟ้า ผู้โดยสารรถไฟฟ้าลดลงมากมั้ย และรายได้จากค่าโดยสารลดลงเท่าไหร่ หาคำตอบได้จากบทความนี้

หลังจากกลุ่มเยาวชนปลดแอกได้จัดชุมนุมกันที่แยกราชประสงค์เมื่อเย็นวันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม 2563 ปรากฏว่ามีผู้ไปร่วมชุมนุมกันอย่างเนืองแน่น เนื่องจากเขาสามารถเดินทางเข้าออกแยกราชประสงค์ได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยรถไฟฟ้า ทำให้สถานที่นัดหมายตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าจึงเป็นที่ปรารถนาของกลุ่มเยาวชนปลดแอก

ด้วยเหตุนี้ จึงมีการนัดหมายให้ไปชุมนุมกันที่แยกราชประสงค์อีกในวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2563 แต่ตำรวจได้บล็อกพื้นที่ไว้ก่อนถึงเวลานัดหมาย ทำให้กลุ่มเยาวชนปลดแอกต้องเปลี่ยนสถานที่นัดหมายไปที่แยกปทุมวัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่สามารถเดินทางเข้าออกได้โดยสะดวกรวดเร็วด้วยรถไฟฟ้าเช่นเดียวกัน ส่งผลให้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงจึงสั่งปิดการใช้รถไฟฟ้าโดยอ้างว่าเพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชน ทั้งนี้ ได้มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าบางสถานีในบางช่วงเวลาทันทีที่รู้สถานที่นัดหมายของกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่ป่าวประกาศเชิญชวนผ่านเพจด้วยข้อความที่น่าติดตาม อาทิ

"วันนี้ภายในเวลา 15.00 น. ขอให้ทุกคนเตรียมตัวประจำที่สถานีรถไฟฟ้าทุกแห่ง"

"15.00 น. โปรดเตรียมตัวให้พร้อมที่สถานีรถไฟฟ้าทุกสถานีใกล้คุณ วันนี้จะไปไหนดีน้าาาาา"

"วันนี้ประมาณบ่ายๆ เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปไหนดีน้าาาาา วันนี้อยากไปไหนกัน"

ผมได้รับข้อมูลมาว่าการสั่งปิดรถไฟฟ้าทำให้จำนวนผู้โดยสารเปลี่ยนแปลงโดยเปรียบเทียบกับวันเดียวกันของสัปดาห์ก่อนหน้าเป็นตัวเลขกลมๆ ดังนี้

1. วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2563 มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าบีทีเอสถานีราชดำริ สถานีชิดลม สถานีสยาม สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ และสถานีราชเทวี และสั่งปิดรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีสถานีสามย่าน ทำให้จำนวนผู้โดยสารเปลี่ยนแปลงดังนี้

1.1 ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสลดลงประมาณ 50,000 คน

1.2 ผู้โดยสารรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีเพิ่มขึ้นประมาณ 8,000 คน เหตุที่เพิ่มขึ้นก็เพราะว่าผู้โดยสารเปลี่ยนมาใช้เอ็มอาร์ทีแทนบีทีเอสที่ถูกปิดหลายสถานี ในขณะที่เอ็มอาร์ทีถูกปิดเพียงสถานีเดียวเท่านั้น

2. วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม 2563 มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีทุกสถานี ทำให้จำนวนผู้โดยสารเปลี่ยนแปลงดังนี้

2.1 ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสลดลงประมาณ 250,000 คน

2.2 ผู้โดยสารรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีลดลงประมาณ 150,000 คน

3. วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2563 มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีพหลโยธิน 24 สถานีห้าแยกลาดพร้าว สถานีหมอชิต สถานีอารีย์ สถานีสนามเป้า สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สถานีพญาไท สถานีราชเทวี สถานีอโศก สถานีอุดมสุข สถานีบางนา สถานีช่องนนทรี สถานีสุรศักดิ์ สถานีกรุงธนบุรี และสถานีวงเวียนใหญ่ และสั่งปิดรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีสถานีหัวลำโพง สถานีลุมพินี สถานีสุขุมวิท สถานีพหลโยธิน และสถานีจตุจักร ทำให้จำนวนผู้โดยสารเปลี่ยนแปลงดังนี้

3.1 ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสลดลงประมาณ 150,000 คน

3.2 ผู้โดยสารรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีลดลง 80,000 คน

4. วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563 มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีกรมป่าไม้ สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสถานีเสนานิคม ทำให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสลดลงประมาณ 85,000 คน ไม่มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที

รวมจำนวนผู้โดยสารลดลงในช่วงที่สั่งปิดรถไฟฟ้าบางสถานีและบางช่วงเวลาระหว่างวันที่ 16-19 ตุลาคม 2563 ประมาณ 757,000 คน ผมประเมินพบว่าค่าโดยสารเฉลี่ยเท่ากับ 30 บาท/คน ดังนั้น รายได้จากค่าโดยสารลดลงประมาณ 22.71 ล้านบาท

จำนวนเงิน 22.71 ล้านบาท ไม่เป็นภาระหนักของรัฐที่จะต้องชดเชยให้เอกชนที่รับสัมปทาน แต่เป็นภาระหนักของรัฐที่จะต้องชี้แจงให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเข้าใจว่าเหตุใดรัฐจึงสั่งให้ปิดรถไฟฟ้าจนทำให้เขาเดือดร้อน ต้องเสียทั้งเงินและเวลาเพิ่มขึ้น เนื่องจากแม้ว่ารัฐได้สั่งให้ปิดรถไฟฟ้าแล้วก็ตาม แต่ผู้เข้าร่วมชุมนุมก็ยังคงมีมากอยู่ดี

ดังนั้น รัฐควรทบทวนว่าการสั่งปิดรถไฟฟ้าเป็นการแก้ปัญหาที่เหมาะสมหรือไม่?

#ปิดรถไฟฟ้า

 

ในโรมาเนีย กลุ่มชาติพันธุ์คาลเดอรัชมีธรรมเนียมการเลือกคู่แต่งงานให้กับลูกตั้งแต่พวกเขายังเด็ก พวกเขาจะต้องแต่งงานกันก่อนที่จะรู้จักหรือเห็นหน้าอีกฝ่ายเสียอีก

 

กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 46,790 รายในรอบ 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 เดือนที่ยอดผู้ป่วยรายวันลดต่ำกว่า 50,000 คน หลังจากที่พุ่งถึงจุคพีคในเดือน ก.ย.
.
ยอดผู้ป่วยใหม่ล่าสุดทำให้สถิติผู้ติดเชื้อสะสมของอินเดียขยับไปอยู่ที่ 7.6 ล้านคน ยืนอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และมีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มอีก 587 คน รวมเป็น 115,197 คน
.
อย่างไรก็ตาม มีคำเตือนล่วงหน้าจากผู้เชี่ยวชาญว่า ยอดผู้ติดเชื้อในแดนภารตะอาจกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกในช่วงวันหยุดเทศกาลทุรคาบูชาและดิวาลี ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนนี้และกลางเดือน พ.ย. ตามลำดับ
.
ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ย้ำเตือนความจำเป็นที่ทุกประเทศจะต้องคงมาตรการกักตัวผู้ที่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก รวมถึงบุคคลที่สัมผัสใกล้ชิด หลังสถานการณ์ในยุโรปกลับมาย่ำแย่อีกระลอก ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกในเวลานี้พุ่งทะลุ 40.2 ล้านคน และเสียชีวิตแล้วกว่า 1.1 ล้านคน
.
ที่มา: รอยเตอร์
.
https://mgronline.com/around/detail/9630000106841

 

“ดูเตอร์เต” ยืดอกไม่มีปัญหารับผิดชอบ “ฆ่าตัดตอนปินส์” ทำสงครามกับยาเสพติด
.
.
.
เอพี – ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต แถลงผ่านทีวีคืนวันจันทร์(19 ต.ค)ยืนยันตัวเองไม่มีปัญหารับผิดชอบการฆ่าตัดตอนในนโยบายทำสงสงครามกับยาเสพติดของตัวเองที่มีผู้เสียชีวิตเกือบ 6,000 คนนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง
.
เอพีรายงานวันนี้(20 ต.ค)ว่า คืนวันจันทร์(19)ของการแถลงผ่านทางโทรทัศน์ต่อหน้าประชาชนฟิลิปปินส์นับล้าน ผู้นำ โรดริโก ดูเตอร์เต แถลงที่เป็นการยอมรับอย่างชัดเจนที่สุดว่าเขาอาจเผชิญหน้ากับการถูกดำเนินคดีทางอาญาและต้องถูกส่งตัวเข้าคุกในคดีการฆ่าตัดตอนตามนโยบายสงครามยาเสพติดของตัวเองและทำให้มีคนเสียชีวิตไปเกือบ 6,000 รายนับตั้งแต่ดูเตอร์เตรับตำแหน่งเมื่อกลางปี 2016
.
“หากมีการสังหารเกิดขึ้น ผมจะกล่าวว่าผมเป็นคนนั้น..ที่คุณสามารถนำตัวผมเป็นผู้รับผิดชอบต่อสิ่งใดก็ตาม การเสียชีวิตใดๆที่เกิดขึ้นในการบังคับใช้นโยบายทำสงครามกับยาเสพติด” ดูเตอร์เตแถลง
.
และเสริมต่อว่า “หากว่าคุณถูกฆ่ามันเป็นเพราะผมมีความโกรธต่อยาเสพติด” ดูเตอร์เตซึ่งรู้กันดีว่าเป็นผู้ที่กล่าวอย่างตรงไปตรงมาได้ชี้ว่า “หากว่าสิ่งที่ผมพูดนำผมไปสู่ศาลเพื่อถูกลงโทษคุมขัง ก็ไม่เป็นไร (เพราะ)ผมไม่มีปัญหาเลย หากว่าผมต้องรับใช้ชาติด้วยการไปเข้าคุก ยินดี”
.
เอพีรายงานว่า มีการยื่นเรื่องไม่ต่ำกว่า 2 คดีในอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในความเชื่อมโยงกับนโยบายสงครามยาเสพติดของดูเตอร์เตกำลังถูกพิจารณาจากอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ICC (International Criminal Court)เพื่อตรวจสอบว่ามีหลักฐานเพียงพอเพื่อที่จะสามารถเปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการได้หรือไม่
.
ทั้งนี้อัยการ ICC ได้กล่าวว่า การสอบสวนถึงการฆ่าตัดตอนจะยังคงเกิดขึ้นต่อไปถึงแม้ว่าฟิลิปปินส์จะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกแล้ว
.
อย่างไรก็ตามดูเตอร์เตถามในวันจันทร์(19)ว่า ยาเสพติดมีความเป็นมนุษยชนตั้งแต่เมื่อไหร่
.
คำแถลงคืนวันจันทร์(19)ของเขาอยู่ในประเด็นที่ชี้ให้เห็นภาพว่าภัยยาเสพติดถือเป็นภัยความมั่นคงประเทศและถือเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยสาธารณะเหมือนเช่นภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องปราบปราม
.
“หากว่าสิ่งนี้ยังต้องดำเนินต่อไปและหากไม่มีมาตรการเฉียบขาดเกิดขึ้นในการจัดการ มันจะกลายเป็นภัยต่อความมั่นคงประเทศ” ดูเตอร์เตซึ่งเคยเป็นอัยการเก่ากล่าว
.
“เมื่อคุณช่วยประเทศออกมาจากการถูกลงโทษอย่างถาวรจากคนพวกกองกำลังคอมมิวนิสต์ NPAs หรือยาเสพติด คุณกำลังทำหน้าที่มีเกียรติ” ดูเตอร์เตกล่าว
.
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวว่า มีคนราว 1.6 ล้านคนที่ติดยาเสพติดในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำกว่าสมัยก่อนการเข้ารับตำแหน่งของเขาที่ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดยาร่วม 4 ล้านคนซึ่งตำรวจได้รายงานต่อเขาและเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องทำนโยบายกวาดล้าง
.
ทั้งนี้ตำรวจฟิลิปปินส์รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากนโยบายสงครามยาเสพติดไม่ต่ำกว่า 5,856 คน และมีผู้ถูกจับไปแล้ว 256,000 คนนับตั้งแต่เริ่มต้น แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนออกมาประณามว่าตำรวจปกปิดตัวเลขเสียชีวิตที่แท้จริง
.
ดูเตอร์เตกล่าวว่า การเสียชีวิตในสงครามยาเสพติดที่ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างปฎิบัติการตำรวจไม่สมควรที่เขาจะต้องถูกตำหนิ โดยชี้ว่าการเสียชีวิตเหล่านั้นอาจเกิดมาจากการปะทะระหว่างแก๊งคู่อริหรือการล้างแค้น
.
ทั้งนี้เป็นที่เชื่อกันถึงการฆ่าตัดตอนในการทำสงครามยาเสพติด เป็นข้อกล่าวหาที่ดูเตอร์เตและตำรวจฟิลิปปินส์ปฎิเสธ ซึ่งในปี 2018 ศาลได้สั่งลงโทษตำรวจ 3 นายในคดีการเสียชีวิตของนักเรียนฟิลิปปินส์วัย 17 ปีหลังพยานและกล้องวงจรปิดได้พิสูจน์คำอ้างของตำรวจว่าเป็นเท็จ
.

 

สกัดขาป่วน! สหรัฐฯ ออกกฎ 'ปิดไมค์' ห้ามพูดแทรก ในศึกดีเบต ‘ทรัมป์-ไบเดน’ รอบสุดท้าย
.
การดีเบตรอบสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับ โจ ไบเดน ในวันพฤหัสบดี (22 ต.ค.) จะมีการนำปุ่มปิดไมโครโฟน (mute) มาใช้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สมัครแต่ละคนแสดงได้วิสัยทัศน์อย่างเต็มที่โดยไม่ถูกขัดจังหวะ และหลีกเลี่ยงบรรยากาศวุ่นวายที่เคยเกิดขึ้นในศึกอภิปรายรอบแรก
.
ทีมหาเสียงของ ทรัมป์ ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการแก้กฎ ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่ ทรัมป์ เองเป็นฝ่ายละเมิดกฎเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้ด้วยการพูดแทรก ไบเดน และผู้ดำเนินรายการหลายต่อหลายครั้ง แต่ถึงกระนั้นฝ่ายรีพับลิกันยืนยันว่าจะยังเข้าร่วมศึกดีเบตในค่ำวันพฤหัสบดีนี้ (22) ซึ่งถือเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่ ทรัมป์ จะได้เข้าถึงกลุ่มผู้ฟังชาวอเมริกันในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ก่อนศึกเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.
.
คณะกรรมการจัดการอภิปรายของผู้สมัครชิงประธานาธิบดี (Commission on Presidential Debates) ระบุว่า ในการดีเบตซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ไมค์ของแต่ละฝ่ายจะถูกปิดระหว่างที่อีกฝ่ายพูดเปิดตัวเป็นเวลา 2 นาที รวมถึงระหว่างที่สลับกันอภิปรายรอบละ 15 นาที หลังจากนั้นจะมีการเปิดไมค์ทั้งคู่เพื่อให้สนทนาโต้ตอบกัน
.
“ประธานาธิบดี ทรัมป์ ยังคงตั้งใจที่จะร่วมดีเบตกับ โจ ไบเดน แม้จะมีการเปลี่ยนกฎในนาทีสุดท้ายโดยคณะกรรมการซึ่งลำเอียง และพยายามที่จะสร้างความได้เปรียบให้แก่ผู้สมัครที่พวกเขาชื่นชอบมากกว่า” บิลล์ สเตเปียน ผู้จัดการทีมหาเสียงทรัมป์ ระบุ
.
ชาวอเมริกันกว่า 30 ล้านคนใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว ซึ่งหมายความว่า ทรัมป์ ยิ่งมีโอกาสน้อยลงที่จะพลิกสถานการณ์ซึ่งตนเองเป็นฝ่ายตามหลัง โจ ไบเดน ในผลโพลระดับชาติ
.
สำหรับศึกอภิปรายนัดแรกเมื่อวันที่ 29 ก.ย. นั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เนื่องจากผู้นำสหรัฐฯ วัย 74 ปี พยายามพูดแทรก ไบเดน อยู่ตลอดเวลา จนอดีตรองประธานาธิบดีสายเดโมแครตถึงกับต้องตะคอกกลับว่า “หุบปากได้ไหม?”
.

 

เศรษฐกิจจีนไตรมาส3ฟื้นตัวได้เข้มแข็ง การส่งออก-การใช้จ่ายในปท.คึกคัก

เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 3 แม้ต่ำกว่าที่คาดการณ์กันเล็กน้อย โดยแรงขับเคลื่อนที่สำคัญมาจากการส่งออกและการใช้จ่ายภายในประเทศ อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เตือนว่าแนวโน้มการเติบโตของแดนมังกรยังคงเผชิญความเสี่ยงสำคัญ โดยเฉพาะจากการระบาดรอบใหม่ของไวรัสโคโรนาในอเมริกาและยุโรป ซึ่งบ่อนทำลายดีมานด์และการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศเหล่านั้น

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (เอ็นบีเอส) แถลงเมื่อวันจันทร์ (19 ต.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ปีนี้ขยายตัวได้ในระดับ 4.9% สูงกว่าจีดีพีไตรมาสที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 3.2% แต่ยังต่ำกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดกันไว้ เป็นต้นว่า ผลโพลสอบถามความเห็นพวกนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์อยู่ที่ 5.2%

สำหรับตลอดช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ จีดีพีจีนขยายตัวได้ 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019

โยชิกิโยะ ชิมามิเนะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันวิจัยได-อิชิ ไลฟ์ ในโตเกียว มองว่า เศรษฐกิจจีนยังอยู่บนเส้นทางการฟื้นตัวที่ขับเคลื่อนโดยการฟื้นตัวของภาคส่งออก ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคก็มุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง กระนั้น ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า เศรษฐกิจจีนหลุดพ้นจากแนวโน้มขาลงจากวิกฤตโรคระบาดโดยสิ้นเชิง เนื่องจากยังมีความเสี่ยงที่ประเทศต่างๆ ในยุโรปจะนำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้ รวมถึงการระบาดรอบใหม่ในอเมริกาที่จะบ่อนทำลายการใช้จ่ายของผู้บริโภค นำไปสู่การปลดพนักงาน และส่งสะท้อนผลลบกลับมาถึงเศรษฐกิจจีน

พวกผู้วางนโยบายทั่วโลกต่างฝากความหวังไว้กับการฟื้นตัวอย่างเข้มแข็งของจีนเพื่อจะได้ช่วยรีสตาร์ทดีมานด์สำหรับสินค้าและบริการของพวกตน ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ นอกจากจีน ส่วนใหญ่ยังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการล็อกดาวน์และการระบาดรอบสอง

ช่วงเวลาที่ผ่านมา นอกจากใช้มาตรการเข้มงวดเข้าควบคุมสกัดกั้นการระบาดของโควิด-19 อย่างได้ผลแล้ว ทางการปักกิ่งยังออกมาตรการกระตุ้นหลายอย่าง อาทิ การเพิ่มการใช้จ่ายทางการคลัง การลดหย่อนภาษี การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนา ตลอดจนส่งเสริมการจ้างงาน

ในรายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดซึ่งนำออกเผยแพร่สัปดาห์ที่แล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่า จีดีพีจีนปีนี้จะขยายตัวในอัตรา 1.9% ใกล้เคียงกับที่ธนาคารกลางจีนเองคาดการณ์ไว้ที่ 2% และจะทำให้จีนเป็นประเทศใหญ่ประเทศเดียวที่เศรษฐกิจยังคงสามารถเติบโตได้ในปีนี้ แม้อยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเติบโตต่ำสุดที่ทำไว้ในปี 1976 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการปฏิวัติวัฒนธรรมของผู้นำเหมา เจ๋อตงก็ตาม

ปัจจุบัน เศรษฐกิจจีนบางส่วนเพิ่งฟื้นจากภาวะตกต่ำสุดขีดจากมาตรการล็อกดาวน์เมื่อตอนต้นปี โดยที่ หลิว อ้ายหัว โฆษกเอ็นบีเอส เตือนว่า เศรษฐกิจยังคงอยู่ในกระบวนการฟื้นตัว ดัชนีบางส่วนหรือส่วนใหญ่ยังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ และอัตราเติบโตโดยรวมของบางภาคส่วนก็ยังลดลง

นอกจากนั้น ความกังวลระยะยาวเกี่ยวกับการจ้างงานและโอกาสที่ไวรัสอาจจะกลับมาระบาดรุนแรงรอบใหม่ในจีน ยังคงบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แม้รัฐบาลพยายามกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศก็ตาม

ลี่ว์ ถิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ในจีนของโนมูระ วิเคราะห์ว่า จีนผลักดันการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วผ่านมาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด การตรวจเชื้อในประชาชนจำนวนมาก การติดตามผู้สัมผัสโรค และมาตรการกระตุ้นทางการคลัง นอกจากนั้นปัจจัยอื่นๆ เช่น การเติบโตของภาคส่งออกและดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นหลังน้ำท่วมใหญ่ในฤดูร้อน ยังช่วยกระตุ้นกิจกรรมเศรษฐกิจในเดือนกันยายน

ทว่า ลี่ว์สำทับว่า จีนยังไม่พ้นความเสี่ยงของการระบาดรอบสอง ซึ่งอาจจะทำให้ดีมานด์ซบลง ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตัน-ปักกิ่งก็อาจฉุดภาคส่งออกและการลงทุนในภาคการผลิต

ด้านทอมมี เซี่ย หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจจีน ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ของโอซีบีซีแบงก์ ระบุว่า ตัวเลขค้าปลีกบ่งชี้แนวโน้มแง่ดีว่า ผู้บริโภคสนใจสินค้ารายการใหญ่ๆ เช่น รถ มากขึ้น แต่คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการพิจารณาว่า ดีมานด์ในประเทศยั่งยืนแค่ไหน โดยตั้งข้อสังเกตว่า การเดินทางภายในประเทศในช่วงวันหยุดเทศกาลโกลเดนวีกช่วงต้นเดือนนี้ ถึงแม้แสดงให้เห็นถึงความคึกคักที่ฟื้นคืนมา ทว่ายังคงลดลงถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จำนวนมากมองแง่ดีจากการฟื้นตัวของการบริโภคและการผลิต โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมทะยานขึ้นเกินคาด 6.9% ในเดือนกันยายน ส่วนยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.3% จากที่ขยับขึ้นบางเฉียบ 0.5% ในเดือนสิงหาคม และถือเป็นสถิติสูงสุดนับจากเดือนธันวาคม 2019

 

จำนวนผู้ติด‘โควิด’ทั่วโลกทะลุ 40 ล้านแล้ว ขณะ WHO ห่วงก่อน‘วัคซีน’ใช้ได้ทั่วถึงจะมีตายกันอีก 1 ล้านคน

จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ทั่วโลกทะลุหลัก 40 ล้านคนเมื่อวันจันทร์ (19 ต.ค.) ขณะที่หลายประเทศในยุโรปยกระดับมาตรการสกัดการระบาดใหญ่ที่กำลังกลับมาเป็นรอบสอง และองค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัวนั่นคือ 2 ล้านคน ก่อนที่จะมีการแจกจ่ายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กันอย่างกว้างขวาง

ข้อมูลที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ และของสำนักข่าวหลายแห่ง รายงานตรงกันว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกทะลุหลัก 40 ล้านคนเมื่อวันจันทร์ โดยรอยเตอร์ระบุว่า การเพิ่มขึ้นจาก 30 ล้านคนเป็น 40 ล้านคน โดยใช้เวลาเพียง 32 วัน เทียบกับ 38 วันในการเพิ่มขึ้นจาก 20 ล้านคนเป็น 30 ล้านคน, 44 วันจาก 10 ล้านคนเป็น 20 ล้านคน และ 3 เดือนจากที่พบผู้ติดเชื้อคนแรกในอู่ฮั่น เป็น 10 ล้านคน

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 347,000 คน เทียบกับ 292,000 คนในสัปดาห์แรกของเดือนนี้ และกว่าครึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ใน 3 ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ อเมริกา อินเดีย และบราซิล

องค์การอนามัยโลกบอกว่า จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว นั่นคือเป็น 2 ล้านคนก่อนที่จะมีการแจกจ่ายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสอย่างกว้างขวาง และตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจสูงกว่านั้นถ้านานาชาติไม่มีมาตรการร่วมกันในการสกัดโรคระบาด

ในยุโรป จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมจากไวรัสโคโรนาทะลุหลัก 250,000 คนไปแล้ว ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อนั้นเฉพาะสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 44% ถือเป็นวิกฤตที่รุนแรงขึ้นมาก

เบลเยียม ได้ประกาศให้ร้านกาแฟและร้านอาหารทั่วประเทศปิดให้บริการ 4 สัปดาห์ ทำให้ธุรกิจบางแห่งประท้วงไม่พอใจ แม้รัฐบาลเตือนว่า ประเทศกำลังอยู่ในช่วงที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดก็ตาม

สวิตเซอร์แลนด์ที่เคยรอดพ้นจากวิกฤตไปได้เป็นส่วนใหญ่เมื่อตอนที่ไวรัสโคโรนาอุบัติขึ้นในจีนปลายปีที่แล้วและระบาดไปทั่วโลก แต่ว่าในช่วง 7 วันที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศนี้พุ่งขึ้น 2 เท่าตัวและเข้าสู่การระบาดรอบสองอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าที่คาด ทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มมาตรการจำกัดใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงการบังคับสวมหน้ากากป้องกันในอาคารสาธารณะ และจำกัดการรวมตัวทำกิจกรรมในที่สาธารณะ

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝรั่งเศสประกาศเคอร์ฟิวใน 9 เมือง รวมถึงปารีส ครอบคลุมประชาชนราว 20 ล้านคน หลังพบเคสใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 32,400 คนเมื่อวันเสาร์ (17)

อิตาลีก็ประกาศมาตรการจำกัดกิจกรรมของผู้คนครั้งใหม่เมื่อคืนวันอาทิตย์ (18) เพื่อรับมือการระบาดรอบสอง และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องใช้มาตรการเข้มข้นที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ ที่ยังไม่ฟื้นตัวจากมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศนาน 2 เดือนซึ่งใช้อยู่จนถึงเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ อิตาลีเป็นประเทศแรกสุดในยุโรปที่โควิด-19 ระบาดรุนแรงเมื่อต้นปี

แต่สำหรับออสเตรเลีย มาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้มายาวนานหลายเดือน ได้รับการยกเลิกแล้วเมื่อวันจันทร์ ส่งผลให้ประชาชน 5 ล้านคนในเมืองเมลเบิร์นสามารถออกจากบ้านได้นานกว่าวันละ 2 ชั่วโมงเป็นครั้งแรกนับจากเดือนกรกฎาคม เช่นเดียวกับร้านทำผมและสนามกอล์ฟที่เปิดให้บริการอีกครั้ง แม้ร้านอาหารและธุรกิจค้าปลีกส่วนใหญ่จะยังคงปิดจนถึงอย่างน้อยเดือนพฤศจิกายนก็ตาม

อิสราเอลก็ได้ยกเลิกมาตรการจำกัดที่ห้ามประชาชนออกจากบ้านไกลกว่า 1 กิโลเมตร รวมทั้งยุติการปิดโรงเรียนอนุบาล ชายหาด และอุทยานแห่งชาติ

ด้านซาอุดีอาระเบียผ่อนคลายมาตรการป้องกันไวรัส โดยอนุญาตให้ชาวมุสลิมเข้าไปทำพิธีในมัสยิดใหญ่ของนครเมกกะเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากเดือนมีนาคม โดยจะมีการฆ่าเชื้อภายในมัสยิดก่อนและหลังการเข้าประกอบพิธีของแต่ละกลุ่ม รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิของผู้ร่วมการละหมาด

ทุกๆ ปีจะมีชาวมุสลิมจากทั่วโลกเดินทางไปร่วมพิธีฮัจญ์ในมัสยิดใหญ่แห่งนี้ แต่สำหรับปีนี้ซาอุดีฯ จำกัดให้มีผู้เข้าร่วมได้เพียง 10,000 คน เปรียบเทียบกับ 2.5 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว

 

“จูลีอานี” รับมีโอกาส 50/50 ร่วมมือกับ “สายลับรัสเซีย” เพื่อได้ข้อมูลโจมตีไบเดน
.
.
.
เอเจนซีส์ – รูดี้ จูลีอานี ทนายความส่วนตัวผู้นำสหรัฐฯให้สัมภาษณ์ล่าสุดยอมรับว่ามีโอกาส 50/50 ที่อันเดร เดอร์เคช( (Andrii Derkach)เจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนที่เขาทำงานใกล้ชิดด้วยอาจเป็นสายลับรัสเซีย พร้อมยืนยันแชร์ข้อมูลอีเมล ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายคู่แข่งให้กับประธานาธิบดีทรัมป์และแกนนำระดับสูงพรรครีพับลิกันรับรู้
.
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานเมื่อวานนี้(18 ต.ค)ว่า อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก และทนายความส่วนตัวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเดลีบีสต์ล่าสุดยอมรับว่า คนใกล้ชิดของตัวเองมีโอกาสไม่เกิน 50% ที่อาจจะเป็น “สายลับรัสเซีย”
.
โดยในเว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์ MSNBC รายงานวันนี้(19)ว่า อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการ FBI ด้านต่อต้านการจารกรรมข่าวกรองสหรัฐฯ แฟรงก์ ฟิกลูซี (Frank Figliuzzi)ได้แสดงความเห็นถึงการที่จูลีอานีเกี่ยวข้องกับสายลับรัสเซีย
.
อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่เปิดเผยกับ NBC News พบว่าทางทำเนียบขาวถูกเตือนเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องจูลีอานี
.
“มันเป็นเรื่องน่าเศร้าในสิ่งที่เกิดขึ้นกับรูดี้จากที่เคยเป็นถึงนายกเทศมนตรีของอเมริกามาเป็นคนทรยศของอเมริกา” ฟิกลูซีกล่าว
.
ขณะที่ CBS News รายงานในวันเสาร์(17)ว่าชุมชนข่าวกรองสหรัฐฯเริ่มมีความวิตกว่า จูลีอานีอาจถูกรัสเซียใช้เพื่อส่งผลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังจะมีถึง ซึ่งในเวลานี้ต่างรู้้กันว่าจูลีอานีนั้นเกี่ยวข้องกับสายลับรัสเซียที่ยังคงทำหน้าที่อยู่และถูกสั่งคว่ำบาตร โดยชุมชนข่าวกรองสหรัฐฯวิตกว่าประธานาธิบดีวสหรัฐฯจะถูกเตือนในเรื่องนี้หรือไม่
.
โดยในการให้สัมภาษณ์ของจูลีอานีที่กล่าวไปถึงอันเดร เดอร์เคช( (Andrii Derkach)เจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนที่เขาทำงานใกล้ชิดว่า
.
“มีโอกาสที่เดอร์เคชจะเป็นสายลับรัสเซียไม่เกิน 50-50”
.
ทั้งนี้เดอร์เคชถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯสั่งคว่ำบาตรในเดือนกันยายนต่อความพยายามของเขาในการเข้ายุ่งกระบวนการเลือกตั้งสหรัฐฯ
.
แต่อย่างไรก็ตามจูลีอานีชี้ว่า เขาเชื่อว่าคำสั่งคว่ำบาตรต่อตัวเดอร์เคชเป็นผลมาจากวิธีการเพื่อสร้างปัญหาให้กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดลีบีสต์ชี้ไปว่า มีผู้ช่วยของจูลีอานีจำนวนหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจับกุมหรือไม่ก็ถูกสั่งห้ามเดินทางเข้าประเทศ
.
ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์จูลีอานีซึ่งเป็นทนายส่วนตัวของทรัมป์เปิดเผยกับเดลีบีสต์ว่า เขาเชื่อว่าการกล่าวอ้างหรือความวิตกเกี่ยวกับข้อมูลที่ถูกขโมยออกมาฮาร์ดไดรฟ์ของ ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของคู่แข่งทรัมป์ซึ่งมีทั้งอีเมลและข้อมูลต่างๆนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการข้อมูลลวง(disinformation)ที่มาจากฝีมือของรัฐบาลต่างชาตินั้นเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งปวง”
.
จูลีอานีในวัย 76 ปียังกล่าวต่อว่า เขาได้เปิดเผยเกี่ยวกับเนื้อหาความลับของบุตรชายไบเดนให้กับทรัมป์และคนสำคัญภายในพรรครีพับลิกันให้รับทราบ
.
“แน่นอน แน่นอน ประธานาธิบดีสหรัฐฯรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งนี้” จูลีอานีกล่าวกับเดลีบีสต์ พร้อมกับเปิดเผยชื่อคนสำคัญภายในพรรคที่รวมไปถึง สว.รัฐวิสคอนซิน รอน จอห์นสัน (Sen. Ron Johnson)และ ส.สรัฐโอไฮโอ จิม จอร์แดน
(Rep. Jim Jordan of Ohio)ที่มีรายงานก่อนหน้าว่าได้เห็นเนื้อหาเอกสารเหล่านี้
.

 

สาหัส! อาร์เจนตินาป่วยโควิดทะลุ ‘1 ล้านคน’ เป็นประเทศที่ 5 ของโลก
.
อาร์เจนตินากลายเป็นประเทศที่ 5 ของโลกที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกิน 1 ล้านคนในวันจันทร์ (19 ต.ค.) และยังถือเป็นประเทศขนาดเล็กสุดที่ก้าวมาถึงหมุดหมายนี้ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่กลับมาพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
.
กระทรวงสาธารณสุขอาร์เจนตินาแถลงยืนยันยอดผู้ติดเชื้อสะสม 1,002,662 รายในช่วงค่ำวันจันทร์ (19) โดยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 12,982 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 451 รายในรอบ 24 ชั่วโมง
.
จากสถิติล่าสุดทำให้อาร์เจนตินาซึ่งมีประชากรเพียง 45 ล้านคนถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับประเทศขนาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ, อินเดีย, บราซิล และรัสเซีย ซึ่งมีผู้ป่วยโควิดทะลุหลักล้านไปก่อนหน้านี้
.
อาร์เจนตินายังคงมีการตรวจหาเชื้อที่ต่ำมาก และในบรรดาผู้ผ่านการตรวจก็มีผลเป็นบวกถึงกว่า 60% ซึ่งถือเป็น positivity rate ที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
.
จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วได้กลายเป็นภาระหนักแก่โรงพยาบาลและระบบสาธารณสุข โดยขณะนี้จำนวนเตียงผู้ป่วยหนักทั่วประเทศถูกใช้ไปแล้วมากกว่า 64% และในบางรัฐพบว่ามีผู้ป่วยมากเสียจนสถานพยาบาลเกือบจะรองรับไม่ไหวแล้ว
.
รัฐบาลอาร์เจนตินาเริ่มประกาศใช้มาตรการคุมเข้มเมื่อวันที่ 20 มี.ค. หลังจากที่พบผู้ป่วยโควิดยืนยันรายแรก ซึ่งช่วยชะลอการแพร่กระจายของไวรัสได้ในระยะเริ่มต้น
.
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลบัวโนสไอเรสได้ตัดสินใจผ่อนปรนข้อจำกัดลงในหลายพื้นที่ของประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ จนนำมาสู่การแพร่ระบาดระลอกใหม่ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 26,000 คน คิดเป็นอัตราการตายจากโควิด 2.7%
.
อาร์เจนตินายังคงปิดพรมแดนงดรับนักท่องเที่ยว ทว่ามีการเปิดเที่ยวบินภายในประเทศให้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐให้เดินทางด้วยเหตุผลทางการแพทย์, การทำงาน หรือกิจธุระของครอบครัว
.
ที่มา: รอยเตอร์

 

พิษโควิด-19 นายกรัฐมนตรีเวียดนามคาด จีดีพี ของประเทศในปีนี้จะชะลอตัว 3 %

 

1 > ในปีนี้มีมนุษย์ตกเป็นเหยื่อการโจมตีจากฉลามรายที่เจ็ดแล้วในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจเพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงแบบนี้ในประเทศมานานถึง 86 ปีแล้ว

2 > โฆษกจากสมาคมอนุรักษ์ทารองกาออสเตรเลียบอกว่า เมื่อปี 2563 ไม่มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของฉลามในออสเตรเลียเลย ปีก่อนหน้านั้นมีผู้เสียชีวิตปีละหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น ครั้งสุดท้ายที่ประเทศนี้มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยฝีมือฉลาม 7 รายคือปี 2477 ตัวเลขสูงสุดคือปี 2472 โดยมีผู้เสียชีวิต 9 ราย

3 > การโจมตีของฉลามในปีนี้เกิดขึ้นในหลายรัฐ เช่น ควีนส์แลนด์ นิวเซาท์เวลส์ และแทสเมเนีย มีกรณีหนึ่งเหยื่อเป็นนักประดาน้ำที่หายตัวไปในเดือน ม.ค. และไม่มีใครพบศพของเขา คาดว่าถูกฉลามขาวเล่นงานไปแล้ว

4 > สาเหตุที่ฉลามขาวเล่นงานมนุษย์มากขึ้นมีหลายสาเหตุ แต่มีสาเหตุใหม่ที่ถูกพูดถึงมากขึ้นคือวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เพราะเมื่อมหาสมุทรร้อนขึ้นระบบนิเวศทั้งหมดกำลังถูกทำลายหรือไม่ก็ต้องถูกบีบบังคับให้ปรับตัว

5 > ปลาเล็กปลาน้อยก็ถูกบีบให้ปรับตัว พวกมันต้องอพยพไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน พฤติกรรมของปลาต่างๆ กำลังเปลี่ยนไป และฉลามก็ติดตามเหยื่อของมันเข้ามาใกล้ชายฝั่งที่มนุษย์จับจองเป็นที่พักผ่อน

6 > ก่อนหน้านี้ IGreen รายงานไปว่าแนวปะการังเกรตแบริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางทะเลที่สำคัญตามแนวชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียตายไปกว่าครึ่ง และส่งผลกระทบต่อปลาที่อาศัยปะการังเป็นบ้านและแหล่งอาหาร

7 > เมื่อแหล่งที่อยู่และอาหารถูกทำลายสัตว์น้ำจึงอพยพไปทางใต้มากกว่าปกติเพื่อหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สัตว์จำพวกปลาหางเหลือง (Seriola lalandi) ซึ่งมักพบเห็นได้ทั่วไปในน่านน้ำเขตร้อนทางตอนเหนือจึงปรากฏเป็นฝูงใกล้กับเกาะทางตอนใต้ของรัฐแทสเมเนีย

7 > ปลาหมึกซิดนีย์สามัญ (Octopus tetricus) ที่แต่ก่อนพบแต่ในรัฐควีนส์แลนด์ทางตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ตอนนี้พวกมันลงมาที่แทสเมเนียทางตอนใต้สุดของประเทศ แม้แต่แพลงก์ตอนและสิ่งมีชีวิตประเภทพืช เช่น สาหร่ายทะเลก็เคลื่อนไปทางใต้

8 > นักวิจัยรายหนึ่งบอกว่าเขาเคยเห็นฝูงปลาเข้าใกล้ชายฝั่งอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนสาเหตุคาดว่าเพราะน้ำชายฝั่งมีความเย็นมากกว่าและกระแสน้ำที่เย็นกว่ามีสารอาหารที่มากกว่าด้วย ดังนั้นฉลามขาวจึงชอบน้ำเย็นชายฝั่งมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปลาเข้าหาชายฝั่งมากขึ้นนั่นเอง

9 > แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นก็คือฉลามจะเข้ามาใกล้ชิดกับมนุษย์มากขึ้น (ในด้านที่อันตราย) และในขณะเดียวกันมนุษย์ก็จะใช้ทะเลมากขึ้น (ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน) ทำให้ทั้งสองสปีชี้ส์ต้องเผชิญหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สรุปข้อมูลจาก
Jessie Yeung. (October 19, 2020) "Sharks have killed 7 people in Australia this year, the most since 1934. Climate change could be a factor". CNN.

 

สถานการณ์ฝนตกอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคองวิกฤต โดยระดับน้ำล้นเกิน 101% แล้ว ผู้ว่าฯ โคราชประกาศเตรียมอพยพคนในพื้นที่ 5 อำเภอ ที่อยู่ใกล้ลุ่มน้ำ

1 > โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ได้รายงานสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำพระเพลิงล่าสุดเช้าวันที่ 19 ต.ค. ว่า มีระดับน้ำมากถึง 169.13 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 109.11 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 155 ล้าน ลบ.ม. ลดลงจากเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 4.375 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำไหลลงอ่างเมื่อวานนี้ 5.479 ล้าน ลบ.ม. วันนี้ปิดประตูระบายน้ำแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนใต้เขื่อน แต่ยังคงมีปริมาณน้ำล้นสปิลเวย์อยู่ เฉลี่ย 6.6 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน

2 > ขณะที่สถานการณ์น้ำในเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เริ่มเข้าขั้นวิกฤต โดยเช้าวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำในเขื่อนมากถึง 319.330 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 101.54 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 314 ล้าน ลบ.ม. ทำให้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา ได้ออกหนังสือประกาศให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอำเภอต่างๆ ที่อยู่ใต้เขื่อน คือ อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน อ.ขามทะเลสอ อ.เมือง และ อ.เฉลิมพระเกียรติ แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่งลำน้ำลำตะคอง ลำบริบูรณ์ ลำเชิงไกร ลำน้ำมูล และลุ่มต่ำริมสองฝั่งลำน้ำ เตรียมความพร้อมอพยพ กรณีเกิดสถานการณ์น้ำไหลหลากเข้าท่วม พร้อมกับติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

3 > กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2563 – ปัจจุบัน (19 ต.ค. 2563 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย รวม 28 จังหวัด

4 > ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง อุทัยธานี สมุทรสาคร กาญจนบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล และสงขลา รวม 92 อำเภอ 269 ตำบล 972 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,546 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (จันทบุรี) บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี) มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ใน จ.จันทบุรี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 14 จังหวัด ยังคงมีน้ำท่วมขัง 11 จังหวัด

5 > สำหรับ จ.นครราชสีมา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 13 อำเภอ 46 ตำบล 124 หมู่บ้าน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อ.ปักธงชัย อ.โชคชัย อ.สูงเนิน อ.โนนสูง อ.พิมาย อ.ปากช่อง อ.เมืองนครราชสีมา อ.ขามทะเลสอ และ อ.เสิงสาง สถานการณ์ภาพรวมระดับน้ำทรงตัว

6 > ก่อนหน้านี้ เอ่างเก็บน้ำหินตะโง่ บ้านลำประโคนเหนือ ต.ลำนางแก้ว อ.ปักธงชัย เกิดทรุดตัวและแตก เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ผวจ.นครราชสีมา จึงได้เตือนประชาชนในเขต อ.เมือง ปากช่อง ปักธงชัย สีคิ้ว สูงเนิน และอำเภออื่นๆ ริมลำตะคอง ลำพระเพลิง และลำน้ำสาขา ให้เตรียมพร้อมรับมือมวลน้ำจำนวนมหาศาล ที่กำลังไหลไปยังพื้นที่ต่างๆ อาจทำให้น้ำท่วมสูงได้

7 > ต่อมาสถานการณ์น้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนใน อ.ปักธงชัย ในหลายตำบล โดยเฉพาะที่บ้านปลายดาบ ม.2 ต.สุขเกษม และบ้านใหม่ตะแบก ม.7 ต.ตูม มีมวลน้ำจำนวนมากไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายหลังคาเรือนที่อยู่ใกล้กับคลองธรรมชาติ ระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร

อ้างอิง : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/903336?anf=
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/903314?anf=
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_5135061

ขอบคุณภาพจาก: Greenframe