ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เผยว่า ตนจะออกแนวทางนโยบายภายในหลายสัปดาห์ต่อจากนี้เกี่ยวกับการใช้เรมดิซิเวียร์ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ประเทศจำนวนมากอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินในการรักษาโรคโควิด 19

    ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 WHO ได้ประกาศผลกลางช่วงของการทดลองใช้ทางคลินิกซึ่งทางองค์กรเป็นผู้ประสานงาน ผลกลางช่วงนี้ปรากฏออกมาว่า ดูเหมือนว่าเรมดิซิเวียร์นั้นแทบไม่มีผลหรือไม่มีผลเลยในการป้องกันการเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 หรือในการลดระยะเวลารักษาตัวในโรงพยาบาล การทดลองใช้ทางคลินิกนี้มีขึ้นตามโรงพยาบาลกว่า 400 แห่งใน 30 ประเทศ

    นายทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการ WHO ได้ชี้แจงเพิ่มเติมในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 16 เขากล่าวว่า ตัวเขานั้นคาดว่าจะมีการเปิดเผยผลลัพธ์ทั้งหมดได้ในไม่ช้านี้

    นางโสมยา สวามินาธาร หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ของ WHO กล่าวว่า เธอคิดว่าหน่วยงานด้านการบังคับควบคุมของประเทศต่าง ๆ จะพิจารณาผลการทดลองใช้นี้และตัดสินใจว่าจะยังคงใช้ต่อไปในกรณีฉุกเฉินหรือไม่

    เธอกล่าวว่า นอกจากนี้ WHO ก็จะออกแนวทางนโยบายของตนภายในสองสามสัปดาห์ข้างหน้านี้ด้วย

    WHO เผยว่า ณ ตอนนี้ เดกซาเมทาโซนซึ่งเป็นยาสเตียรอยด์ที่ใช้ในการรักษาอาการปอดอักเสบนั้น เป็นยาขนานเดียวที่มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่อาการหนัก

    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "แก๊สน้ำตาเป็นสารเคมีที่ใช้ในสงคราม และถูกขัดขวางไม่ให้ใช้ในสงครามด้วย แต่กลายเป็นว่ามันถูกนำไปใช้กับพลเรือนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย"
    .
    การใช้แก๊สน้ำตากลายเป็นเรื่องที่พบเห็นและคาดเดาได้เมื่อเกิดการสลายการชุมนุมหลายแห่งทั่วโลก
    .
    แต่ในทางเทคนิค มันคืออาวุธเคมีที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อร่างกายในระยะยาว
    .
    นี่คือผลกระทบของการใช้แก๊สน้ำตาจากความเห็นผู้เชี่ยวชาญ

    -------

    ช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2562 เหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของผู้คนเกือบทั้งโลกคือเหตุการณ์ที่ตำรวจฮ่องกงใช้ แก๊สน้ำตา และกระสุนยางใส่ผู้ประท้วงที่ต่อต้านการพิจารณากฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเข้าไปในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ แม้ผู้ชุมนุมต้องสลายตัวไปเนื่องจากเกรงกลัวอันตรายจากแก๊สน้ำตา แต่ก็มีผู้ชุมนมจำนวนไม่น้อยที่เตรียมตัวรับมือกับการใช้แก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เป็นอย่างดี

    การใช้ แก๊สน้ำตา กลายเป็นภาพจำของการสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงทั่วโลกมาเนิ่นนาน แม้ว่าตามอนุสัญญาเจนีวาจะห้ามมิให้ใช้แก๊สน้ำตาในภาวะสงคราม แต่การใช้แก๊สน้ำตากับประชาชนยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลหลายประเทศมีการใช้แก๊สน้ำตาปราบปรามผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้บาดเจ็บ บางกรณีมีผู้สียชีวิต

    เพื่อให้เข้าใจอันตรายของแก๊สน้ำตาให้มากขึ้น เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ได้ติดต่อไปยัง สเวน-เอริก จอรด์ (Sven-Eric Jordt) ศาสตราจารย์ด้านเภสัชวิทยาที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยลมาให้ข้อมูล ผู้เชี่ยวชาญด้าสแก๊สน้ำตามาให้ข้อมูล

    ในช่วงทศวรรษที่ 2000 เขาค้นพบว่าแก๊สน้ำตาส่งผลกับร่างกายโดยการกระตุ้นประสาทสัมผัสความเจ็บปวดของร่างกาย โดยร่างกายของเขาเคยได้รับแก๊สน้ำตาในช่วงทศวรรษ 1980 เมื่อครั้งเขายังเป็นนักศึกษาในประเทศเยอรมนีและเข้าร่วมการประท้วงเรื่องการกำจัดขยะนิวเคลียร์

    รบกวนเล่าประวัติย่อของแก๊สน้ำตาให้กับเรา

    จริงๆ แล้วแก๊สน้ำตาไม่ใช่แก๊ส มันเป็นของแข็งหรือของเหลวที่กลายเป็นละอองของเหลว ซึ่งมีสารเคมีบางประเภทที่ถือว่าเป็นแก๊สน้ำตา

    ชนิดแก๊สน้ำตาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีชื่อว่า CS และ OC โดย OC คือ Oleoresin Capsicum (น้ำมันพริก, พริกไทย) อันเป็นส่วนประกอบในสเปรย์พริกไทย ซึ่งมีสารแคปเซอิซิน (Capsaicin – สารที่ให้ความเผ็ดในพริก) ซึ่งเป็นสารจากธรรมชาติที่ก่อให้เกิดความฉุนหรือแสบ ส่วนแก๊ส CS นั้นประกอบไปด้วยสารเคมีที่ชื่อว่า 2-chlorobenzalmalononitrile ซึ่งกระตุ้นความเจ็บปวดกับประสาทสัมผัสในร่างกาย และในอดีตยังมีการใช้งานสารประเภทอื่นๆ ซึ่งบางส่วนเป็นสารผิดกฎหมายเนื่องจากคุณสมบัติความเป็นพิษของมัน เช่นแก๊ส CN ที่เคยใช้ในอุโมงค์ของทหารเวียดกงในช่วงสงครามเวียดนาม

    แก๊สน้ำตาเป็นแก๊สที่ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดต่อระบบประสาท โดยระบุว่าเริ่มใช้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเป็นต้นมาโดยไม่มีความรู้ หรือวิธีการที่แก๊สนั้นทำงานในแง่ของชีววิทยาเลย

    คุณช่วยสรุปการทดลองเรื่องแก๊สน้ำตาที่กำลังทำอยู่ให้กับเราได้ไหม

    ในปี 2006 และปี 2009 เราเผยแพร่งานวิจัยที่ระบุว่าแก๊สน้ำตาทำงานโดยกระตุ้นต่อมประสาทสัมผัสความเจ็บปวด ซึ่งทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนอง เช่น หลับตา, การเจ็บปวดแบบกะทันหัน, หลอดลมหดเกร็ง ทำให้หายใจลำบาก เป็นต้น หลังจากนั้น เราได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติเพื่อหาวิธีการตอบโต้ผลกระทบเหล่านี้

    มาจนถึงตอนนี้ คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวการป้องกันประสาทสัมผัสจากแก๊สน้ำตา (tear gas receptor blocker) บ้าง

    ตอนนี้เรายังไม่ได้เผยแพร่เรื่องนี้ แต่สิ่งที่เรารู้ตอนนี้คือการป้องกันนี้ช่วยลดปฏิกิริยาตอบสนองความเจ็บปวดในสัตว์ รวมไปถึงการบวมอักเสบของผิวหนังที่สัมผัสกับแก๊สน้ำตา ซึ่งเมื่อแก๊สน้ำตาเข้าสู่ร่างกาย มันสามารถก่อให้เกิดแผลบวมไหม้ โดยเฉพาะส่วนของร่างกายที่มีความชุ่มชื้น เช่นดวงตาหรือรักแร้

    ควรใช้แก๊สน้ำตากับประชาชนหรือไม่

    ภายใต้อนุสัญญาเจนิวา แก๊สน้ำตาถูกกำหนดให้เป็นสารเคมีที่ใช้ในสงคราม และถูกขัดขวางไม่ให้ใช้ในสงครามด้วยเช่นกัน แต่กลายเป็นว่ามันถูกนำไปใช้กับพลเรือนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

    แม้จะมีกรณีตัวอย่างของผู้คนที่ต้องทรมานจากการบาดเจ็บและแผลไหม้จากแก๊สน้ำตา โดยเฉพาะผู้ที่อยู่สภาพแวดล้อมที่มีเมือง หรือถนนที่มีตึกอยู่ล้อมรอบ ดังเช่นชาวบ้านที่อาศัยใกล้จัตุรัสทาห์รีร์ในช่วงอาหรับสปริงที่ได้รับแก๊สน้ำตาจำนวนมาก ก็ได้รับผลกระทบในระยะยาว ก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบหายใจ ซึ่งเป็นปัญหาอย่างยิ่ง

    คนที่เป็นภูมิแพ้หรืออาการป่วยอื่นๆ สามารถมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงได้ แก๊สน้ำตาเป็นสารเคมีที่มีผลร้ายแรง ผมคิดว่าการใช้แก๊สน้ำตานั้นเป็นปัญหาและเป็นอันตราย ในอดีต มีกรณีที่พบว่ามีการใช้แก๊สน้ำตามากเกินไป

    การบังคับใช้กฎหมายต้องให้น้ำหนักไปกับความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บที่เกิดจากแก๊สน้ำตาของผู้คนที่อยู่รอบ นอกเหนือไปจากการใช้เพื่อควบคุมฝูงชนในการประท้วง อันเป็นกรณีที่คาดการณ์ได้ว่าฝูงชนนั้นฝ่าฝืนกฎหมาย รัฐบาลจะต้องมีกระบวนการกำจัดการปนเปื้อนของแก๊สน้ำตาทันทีในพื้นที่ หรือพื้นที่อาศัยของประชาชนใบบริเวณที่มีการใช้งานแก๊สน้ำตา

    ในสหรัฐอเมริกา นักรณรงค์บางคนให้เหตุผลว่าพวกเขาถูกละเมิดสิทธิพลเมืองโดยการแก๊สน้ำตา คุณคิดว่ามันเป็นกรณีแบบไหน

    ที่สหรัฐอเมริกา การบังคับใช้กฎหมายก็มีการใช้สเปรย์พริกไทย ซึ่งกระตุ้นต่อมความเจ็บปวดและก่อให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเท่าแก๊สน้ำตาแบบดั้งเดิมที่ใช้งานกันในตะวันออกกลาง (ช่วงเหตุการณ์อาหรับสปริง)

    ผมคิดว่าต้องพิจารณากันไปในแต่ละกรณี แต่ทุกกรณีนั้นก็มีความรุนแรง เพราะไม่มีวิธีการใดที่จะหยุดยั้งความเจ็บปวดจากอาการติดเชื้อในร่างกายที่เกิดจากแก๊สน้ำตาได้

    เรื่องโดย BRIAN CLARK HOWARD

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    19.10.20

    ☣จากการวิเคราะห์เบื้องต้นจาก FHI แสดงให้เห็นว่า พบโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ กำลังแพร่ระบาดอยู่ในเมือง Trondheim

    1.Tove Røsstad หัวหน้าแพทย์เทศบาลเมือง Trondheim กล่าวกับ NRK ว่า พวกเขาไม่รู้ว่าไวรัสมาจากไหน ไม่เคยเห็นไวรัสชนิดที่คล้ายกันใน ประเทศนอร์เวย์ มาก่อน นอกจากนี้ยังมีการค้นหาในระหว่างประเทศต่างๆ และ ยังไม่เคยเห็นไวรัสชนิดดังกล่าวมาก่อนเช่นกัน พวกเขา สงสัยว่านี่อาจเป็น ไวรัสชนิดอื่นที่แตกต่างกัน มันแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น และ ผู้คนก็ป่วยได้เร็วขึ้น แต่คุณจะไม่ ป่วยหนัก เพราะติดเชื้อจากไวรัสตัวนี้

    2.Fokehelseinstituttet เขียนในข่าวประชาสัมพันธ์ว่าอาจมีกลุ่มย่อยหลายกลุ่มของ โคโรนาไวรัส ในเมือง Trondheim โดยที่ Karoline Bragstad จากสถาบัน FHI กล่าวว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลง เหล่านี้อาจส่งผลต่อความสามารถของไวรัสในการติดเชื้อหรือก่อให้เกิดโรคได้อย่างไรบ้าง

    การเปลี่ยนแปลงของไวรัส เป็นเรื่องปกติ ที่บางอย่างอาจมีผลต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ในขณะที่บางอย่างไม่ทำให้เกิดผลกระทบ

    3.รูปแบบของไวรัสที่ตรวจพบในเมือง Trondheim นี้ ไม่ใช่ตัวเดียวกับที่ตรวจพบจาก คณะทัวร์ผู้สูงอายุ จาก Rogaland ในช่วงสุดสัปดาห์นี้มี ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8 ราย ในเขตเมือง Trondheim
    -7 คน จาก 8 คน อยู่ในช่วงอายุ 20 ปี และ อีก 1 คน อายุ 40 ปี ทุกคนมีอาการที่ไม่รุนแรง ผู้ติดเชื้อ
    -6 คน จาก 8 คน ที่ติดเชื้อ มีความเชื่อมโยงกับการระบาดที่กำลังดำเนินอยู่จาก Lille London และ Barmuda

    4.ตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่แล้ว มีการประกาศว่ามีผู้ถูกกักกัน ในเมือง Trondheim ราว1,000 คน โดยที่ 800 เกี่ยวข้องกับการไปเที่ยว ที่ไนต์คลับ Lille London ขณะนี้ FHI ติดตามการพัฒนาของไวรัส อย่างใกล้ชิด มีการส่งตัวอย่างไวรัสจากทั่วประเทศ และถูกตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อตรวจหา การกลายพันธุ์ และ อื่นๆ โดยเฉพาะ คือต้องดูว่ามีการส่งผลกระทบที่สำคัญต่อการติดเชื้อในผู้ป่วยหรือไม่ หรือ มีความเป็นไปได้ที่จะป่วยหนักแค่ไหนจาก การติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ นี้ รวมทั้ง มีความสำคัญต่อการพัฒนาวัคซีนต่อไปอีกด้วย
    .

    อ่านรวมข่าว และ มาตรการโคโรน่าต่างๆของ ประเทศนอร์เวย์
    http://norgetiltak.blogspot.com/

    อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
    https://www.blockdit.com/norwaystyle

    #นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
    .
    แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
    https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

    ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
    Kristin Agerlie : Journalist
    Nareas Sae-Khow : Journalist
    Stein Lorentzen : Journalist

    ข่าวต้นฉบับ NRK :
    https://www.nrk.no/trondelag/ny-koronavariant-oppdaget-i-trondheim-1.15206064

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    19.10.20

    ข่าวดี พาสปอรต์นอร์เวย์ รุ่นใหม่พร้อมใช้งานแล้วจ้า ส่วนบัตรประชาชนนอร์เวย์ มีกำหนดเปิดตัวใน เดือนพศจิกายน ศกนี้

    อ่านความเดิมตอนที่แล้ว


    หลังจากที่มีความล่าช้า และ เลื่อนกำหนดมาหลายครั้ง หนังสือเดินทางนอร์เวย์ รูปแบบใหม่ ได้เปิดตัวแล้วในวันนี้ โดย ผู้ที่ได้รับ หนังสือเดินทางแบบใหม่ เป็นคนแรก คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม Monica M Monland (H)

    สำหรับท่านที่ หนังสือเดินทางนอร์เวย์ ยังไม่หมดอายุ ไม่จำเป็นต้องทำใหม่ สามารถใช้เล่มเดิมได้จนกว่าจะหมดอายุ

    ราคาสำหรับ พาสปอรต์ นอร์เวย์ (ราคาทำที่ประเทศนอร์เวย์)
    -570 Kr สำหรับผู้ใหญ่
    -342 Kr สำหรับเด็ก

    ราคาสำหรับ พาสปอรต์ นอร์เวย์(ราคาทำที่ประเทศไทย) ตั้งแต่วันที่ 19.10.20
    -หนังสือเดินทางธรรมดา สำหรับผู้ใหญ่ (อายุมากกว่า 16 ปี) ราคา 1,290 Kr (4,300 บาท)
    -หนังสือเดินทางธรรมดาสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ราคา 770 Kr (2,600บาท)
    -หนังสือเดินทางชั่วคราว (หนังสือเดินทางฉุกเฉิน) ราคา 1,690 Kr (5,770 บาท)
    .

    อ่านรวมข่าว และ มาตรการโคโรน่าต่างๆของ ประเทศนอร์เวย์
    http://norgetiltak.blogspot.com/

    อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
    https://www.blockdit.com/norwaystyle

    #นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
    .
    แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
    https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

    ที่มา Norwegian Embassy in Bangkok :


    ที่มา เวปไซต์กรมตำรวจนอร์เวย์ :
    https://www.politiet.no/aktuelt-tal...er/2020/10/16/na-er-ny-versjon-av-passet-her/

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    19 ตุลาคม 2020 การอัปเดตการกับขั้วสนามแม่เหล็กโลก: ขั้วเหนือสนามแม่เหล็กโลกยังคงขยับอย่างเร่งรีบไปยังไซบีเรีย ซึ่งเดินหน้าไปอีก 4.3 ไมล์ในช่วง 33 วันที่ผ่านมา
    PSX_20201019_222131.jpg PSX_20201019_222146.jpg PSX_20201019_222203.jpg FB_IMG_1603120841831.jpg
    October 19, 2020. Pole Shift Update: The magnetic North Pole continues racing toward Siberia advancing another 4.3 miles in the last 33 days.

    "Behold, the Lord maketh the earth empty, and maketh it waste, and turneth it upside down, and scattereth abroad the inhabitants thereof." Isaiah 24:1

    maverickstar reloaded
    Published on Oct 19, 2020
    Details in video:


    แบ่งปันจาก John Traczyk

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดูจากรูปนี้น่าจะอีกประมาณ 2ปีน่าจะเข้าสู่เส้นชัยที่ 40 องศาที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผ่นที่

    PSX_20201019_222146.jpg
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลับฝันดีครับ

    ⭐️ Elon Musk เชื่อว่ายาน Starship ของ SpaceX จะไปถึง #ดาวอังคาร ภายใน 4 ปีข้างหน้าแน่ ! และจะเป็นจุดเริ่มต้นในแผนการสร้างอาณานิคมของมนุษย์บนดาวอังคาร ! #จนเป็นข่าวที่ฮือฮาไปทั่วโลกในวันนี้

    การส่งมนุษย์ไปใช้ชีวิตบนดาวอังคารอาจเป็นความฝันที่ยังห่างไกลออกไปสำหรับหลายๆคน แต่สำหรับ Elon Musk แล้วมันอาจเกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่ปีนี้

    เมื่อวานนี้ทาง Elon Musk ได้ออกมาให้สัมภาษณ์และได้ให้มุมมองเกี่ยวกับนวัตกรรมในการเดินทางไปในอวกาศของมนุษย์เราที่น่าสนใจหลายอย่างเช่น

    1️⃣ Elon มั่นใจสูงถึง 80% - 90% ว่าบริษัท SpaceX จะสามารถส่งยาน Starship ซึ่งจะใช้สำหรับขนส่งมนุษย์หลายสิบคนไปดาวอังคารนั้น จะสามารถออกไปโคจรในอวกาศได้ภายในปีหน้า

    2️⃣ Elon เชื่อว่ายาน Starship จะสามารถไปลงจอดบนดาวอังคารได้ภายในปี 2024 ! หรือภายใน 4 ปีนี้

    3️⃣ Elon เซอร์ไพรส์ว่าทุกวันนี้ทำไมถึงไม่มีผู้คนพูดถึงเรื่องการไปใช้ชีวิตบนดาวอังคารมากเท่าที่ควร #เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวเลย ผู้คนควรจะพูดคุยและแลกเปลี่ยนความเห็นของเรื่องเหล่านี้มากกว่านี้

    4️⃣ หากมีผู้คนยิ่งพูดถึงและยิ่งสนใจเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไหร่ วันที่มนุษย์จะสามารถขึ้นไปใช้ชีวิตบนดาวอังคารจริงๆจะยิ่งใกล้เข้ามาเร็วขึ้น เพราะจะมีเงินทุนจะไหลเข้ามาค้นคว้านวัตกรรมด้านนี้กันมากขึ้นเมื่อคนสนใจกันมากขึ้น

    5️⃣ หากพวกเราทุกคนใช้เงินประมาณ 1% ของเรา ซึ่งน้อยกว่าที่พวกมนุษย์เราหมดไปกับการใช้เครื่องสำอางในแต่ละวันอีก มาเป็นเงินทุนในการค้นคว้านวัตกรรมด้านอวกาศ #พวกเราก็จะสามารถเดินทางไปใช้ชีวิตบนดาวอังคารได้แน่ๆ

    6️⃣ SpaceX พร้อมแล้วที่จะนำทางทุกคนไปดาวอังคารแต่ทุกคนต้องพร้อมที่จะอยากไปด้วยถ้าอยากให้มันเกิดจริงๆ "We have the Way now we need the Will !" Elon กล่าว

    7️⃣ ถึงแม้ว่า Elon เชื่อว่าเราจะไปถึงดาวอังคารได้ภายใน 4 ปี แต่ทาง SpaceX ยังต้องทำการบริหารงานตามแผนการให้ได้ทุกขั้นตอน รวมไปถึงการเร่งสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้พัฒนาขึ้นในอัตรา Exponential grotwh หรือโตแบบก้าวกระโดดด้วย "#การพัฒนาแบบเป็นเส้นตรงจะไม่ช่วยให้เราไปถึงดาวอังคารแน่ๆ" Elon กล่าว

    8️⃣ เมื่อโดนถามว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ที่ SpaceX จะต้องเผชิญ ?

    ทาง Elonตอบว่า "ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่การไปถึงดาวอังคาร แต่กลับเป็นการสร้างฐานและอาณานิคมอย่างไรให้สามารถดูแลเลี้ยงดูตัวเองได้ หากว่ามีเหตุฉุกเฉินที่ยานจากโลกขาดการเดินทางไปเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลใดก็ตาม #ทางอาณานิคมลนดาวอังคารจะต้องอยู่รอดให้ได้"

    9️⃣ และเมื่อโดนถามว่า Elon เชื่อว่าจักรวาลนี้มี #เอเลี่ยน หรือมนุษย์ต่างดาวไหม ?

    "มนุษย์เรายังไม่เคยค้นพบสัญญาณแห่งชีวิต (Sign of life) อื่นๆนอกโลก เพราะฉะนั้นตอนนี้เรายังคงต้องตั้งสมมุติฐานหรือคิดไว้ก่อนว่า #มนุษย์อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในจักรวาลนี้ก็เป็นได้"

    น่าเสียดายที่เรายังไม่สามารถเข้าลงทุนซื้อหุ้น SpaceX ได้

    SpaceX บริษัทด้านธุรกิจการขนส่งทางอวกาศที่ Elon Musk เป็นเจ้าของอยู่นั้นไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปซื้อหุ้นได้ แต่จริงๆแล้วคงเป็นบริษัทที่มีการเติบโตที่น่าสนใจมากๆ

    อย่างที่ทางเพจได้แชร์ไปในบทความก่อนว่า Ron Baron นักลงทุนชื่อดังได้กล่าวแย้มไว้ว่า ต่อให้ชื่อของบริษัทนี้ SpaceX จะไม่ได้อยู่บนข่าวรายวันบ่อยเท่า Tesla ก็อย่าหลงลืมมันไป เพราะในอนาคตหากจะมีบริษัทไหนที่จะใหญ่พอที่จะมาเป็นคู่แข่งกับ Tesla ได้ ก็คือบริษัท SpaceX นี่แหละ !

    ✅ นักลงทุน Tesla ท่านใดสนใจมาร่วมกลุ่ม #LINE เพื่อติดตามและแลกเปลี่ยนข่าวสารเรื่องการลงทุนในหุ้น Tesla ไปกับเราโดยเฉพาะ

    เพียงแค่เลือกแชร์โพสต์ที่เราเขียนเรื่อง Tesla หรือ Elon Musk ของเรา 3 โพสต์แล้วส่ง Inbox - Screenshot รูปที่แชร์ทั้งหมดเข้ามาครับ เดี๋ยวทางเราจะ Invite เข้าไปครับ เรามีความตั้งใจจะรวมกลุ่มนักลงทุน Tesla ในไทยเข้ามาไว้ด้วยกันเพือแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกกัน

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ

    #ทันโลกกับTraderKP

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แรงครับเช้านี้ ติดตามการแจ้งเตือนสึนามิด้วยครับ...

    FB_IMG_1603158064730.jpg

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำจากห้วยพรมโหด อำเภออรัญฯ ไหลบ่าเข้าเขมร จึงต้องเร่งอพยพคนปอยเปตนับพันคนหนีน้ำท่วม

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สภาพเมืองอรัญฯ...วันนี้ 19 / 10 /2020
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตำรวจจับลูกเขยอดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน
    .
    ตำรวจปากีสถานจับตัว นาย Mohammad Safdar ลูกเขยของอดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถานนาย Nawaz Sharif ก่อนที่เขาจะจัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลของนายยกคนปัจจุบัน Imran Khan
    โดยขนาดนี้มีการประท้วงไปทั่วประเทศปากีสถาน เพื่อต่อต้านรัฐบาลของนาย Imran Khan ที่สนับสนุนโดยทหาร
    นาย Mohammad Safdar เป็นหนึ่งในการนำและเขาวางแผนจะจัดการชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่สุสานผู้ก่อตั้งประเทศ
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯ #ญี่ปุ่น เยือน #เวียดนาม เป็นแห่งแรกหลังรับตำแหน่ง สะท้อนความสำคัญของเวียดนามทั้ง “ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก” คานอำนาจจีน และเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ของธุรกิจญี่ปุ่น
    นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเลือกเวียดนามและอินโดนีเซียเป็นเป้าหมายแรกในการเดินทางเยือนต่างประเทศหลังรับตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้นำญี่ปุ่นเลือกเยือนเวียดนามเป็นประเทศแรก ในปี 2555 นายชินโซ อาเบะ ที่เพิ่งรับตำแหน่งนายกฯ ญี่ปุ่น ก็เลือกเยือนเวียดนาม ไทย และอินโดนีเซียเป็นเป้าหมายแรกเช่นกัน แต่ครั้งนี้นายซูงะกลับไม่ได้เดินทางมาประเทศไทย
    .
    ญี่ปุ่นและสหรัฐได้ร่วมกันผลักดัน “ยุทธศาสตร์ #อินโดแปซิฟิก” เพื่อสกัดกั้นอิทธิพลของ #จีน ในภูมิภาค อินโดคือมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งอินโดนีเซียเป็นประเทศหลัก ส่วนแปซิฟิกก็มีเวียดนามเป็นแนวหน้า นายซูงะกล่าวก่อนออกเดินทางว่า เวียดนามและอินโดนีเซียเป็น 2 ประเทศที่ขาดไม่ได้ในการดำเนิน “ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก”
    .
    ในด้านความมั่นคง ญี่ปุ่นสนับสนุนเวียดนามที่มีข้อพิพาทพื้นที่ในทะเลจีนใต้กับจีน โดยมอบเรือลาดตระเวนให้เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีข้อพิพาทกับจีน นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังได้มอบเงินช่วยเหลือให้เวียดนาม 500 ล้านเยน รวมทั้งเรือเก่าที่ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจการณ์ในทะเล และจะช่วยเวียดนามเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันทางทะเล ซึ่งแน่นอนว่ามีเป้าหมายเพื่อรับมือจีน
    .
    เวียดนามเบียดไทย ฐานการผลิตใหม่ของญี่ปุ่น
    .
    ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของญี่ปุ่นในอาเซียนมานานหลายสิบปี แต่เวียดนามกำลังแซงไทย แม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานของเวียดนามยังด้อยกว่าไทย แต่ญี่ปุ่นประกาศว่าจะมอบความช่วยเหลือเป็นเงินกู้ให้เวียดนามนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
    .
    หลังจีน-สหรัฐเผชิญหน้ากันในสงครามการค้า และการระบาดของไวรัสโควิด รัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายที่จะโยกย้ายสายการผลิตที่อยู่ในจีนกลับญี่ปุ่น หรือไปยังประเทศอื่น โดยตั้งงบประมาณมากถึง 2200 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจญี่ปุ่นย้ายฐานออกจากจีน โดยในจำนวนนี้ 2000 ล้านดอลลาร์ใช้เพื่อสนับสนุนให้ย้ายสายการผลิตกลับญี่ปุ่น และ 200 ล้านดอลลาร์ใช้สนับสนุนให้ย้ายการผลิตไปยังประเทศอาเซียน ซึ่งธุรกิจญี่ปุ่นส่วนใหญ่เลือก เวียดนาม ไม่ใช่ไทย
    .
    องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร เผยผลการสำรวจเมื่อปี 2562 ว่า ธุรกิจญี่ปุ่นเลือกจะลงทุนในเวียดนาม เพิ่มขึ้นมากที่สุดเกินกว่า40% ขณะที่ความสนใจในการลงทุนในจีนลดลงเหลือแค่ 48.1%
    .
    แดนอาทิตย์อุทัย คนเวียดนามขวักไขว่
    .
    ในประเทศญี่ปุ่น ช่วง 5 ปีมานี้ชาวเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด นักศึกษาชาวเวียดนามเดินทางมาเรียนต่อญี่ปุ่นอย่างมหาศาล จนขณะนี้มากเป็นอันดับ 2 รองจากนักศึกษาจีน
    .
    เวียดนามยังเป็นแหล่งแรงงานของญี่ปุ่นตามโครงการฝึกทักษะวิชาชีพ ชาวเวียดนามมาทำงานที่ญี่ปุ่นตามโครงการนี้มากเป็นอันดับที่ 1 ในญี่ปุนขณะนี้คลาคล่ำไปด้วยชาวเวียดนามทั้งที่มีวีซ่าถูกต้องและผีน้อย ทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงงาน ร้านค้าของชาวเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกย่านชุมชน
    .
    ฐานะของเวียดนามที่ญี่ปุ่นมองเป็น “เบอร์ 1 ในอาเซียน” มาจากทั้งภูมิศาสตร์ที่ตั้งประเทศ จำนวนประชากรที่มีมากกว่า 94,000,000 ล้านคน ซึ่งเป็นแหล่งแรงงานและตลาดสินค้าที่สำคัญของญี่ปุ่น เวียดนามมีการเมืองที่มีเสถียรภาพ และมีโอกาสเติบโตได้มากเหมือนกับจีนในยุคที่ปฏิรูปและเปิดประเทศเมื่อ 40 ปีก่อน.
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รถตากปลาเค็ม ตากผัก
    .
    ช่วงนี้กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศจีนทำให้หลายบ้านในประเทศจีนนำเนื้อสัตว์และผักมาตากเพื่อทำให้แห้งและใช้ทานในฤดูหนาว
    ดังนั้นรถหลายคันในประเทศจีนช่วงนี้จะถูกใช้เป็นที่ตากผักของบรรดาแม่บ้าน นี้ถือเป็นปกติในประเทศจีนทำให้คนต่างประเทศอมยิ้ม
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1 > ปาสควาเล รายา (Pasquale Raia) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเนเปลิส์ เฟเดริโกที่สอง (University of Naples Federico II) ในอิตาลีและเพื่อนร่วมงานของเขาได้ใช้แบบจำลองสภาพภูมิอากาศและบันทึกฟอสซิลเพื่อตรวจสอบผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตในสกุลโฮโม (Homo) ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงเผ่าพันธุ์เดียวคือมนุษย์สมัยใหม่ (Homo sapiens)
    2 > เป็นเรื่องน่าแปลกเพราะในบรรดาสกุลโฮโมอย่างน้อยหกสายพันธุ์ระหว่างสมัยไพลโอซีน (5.333 ถึง 2.588 ล้านปีก่อนปัจจุบัน) จนถึงสมัยไพลสโตซีน (ระหว่าง 2,588,000-11,700 ปีก่อน) มีแค่สกุลเดียวเท่านั้นที่เรารู้ว่าสูญพันธุ์เพราะอะไร ส่วนที่เหลือยังเป็นปริศนา
    3 > นักวิจัยจึงใช้ฐานข้อมูลของบันทึกทางโบราณคดีจากซากของสิ่งมีชีวิตหลายชนิดในช่วง 2.5 ล้านปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบรรพบุรุษของมนุษย์สมัยใหม่ในสกุลโฮโมต่างๆ เช่น Homo habilis, Homo ergaster, Homo erectus, Homo heidelbergensis, Homo neanderthalensis และ Homo sapiens
    4 > จากนั้นใช้ข้อมูลเหล่านี้มาผสานเข้ากับโปรแกรมจำลองสภาพอากาศซึ่งจำลองอุณหภูมิปริมาณน้ำฝนและข้อมูลสภาพอากาศอื่นๆ ในช่วง 5 ล้านปีที่ผ่านมา จุดมุ่งหมายคือการกำหนดเงื่อนไขที่สภาพอากาศสำหรับสิ่งมีชีวิตสกุลโฮโมกลุ่มต่างๆ ที่เหมาะสมสำหรับการอยู่รอดและการกระจายตัวของพื้นที่เฉพาะในช่วงเวลาต่างๆ
    5 > ทีมงานพบว่ามนุษย์ดึกดำบรรพ์โฮโม อีเร็กตัส (H. erectus) ราวๆ 2 ล้านปีก่อน, มนุษย์โฮโมไฮเดลเบอร์เกนซิส (H. heidelbergensis) ราวๆ 700,000 - 300,000 ปีก่อนและนีแอนเดอร์ทาล (H. neanderthalensis) ราวๆ 40,000 ปีก่อนพบกับความสูญเสียสภาพอากาศที่เหมาะสมในการดำรงชีวิต ก่อนที่มนุษย์ดึกดำบรรพ์เหล่านี้จะสูญพันธุ์ไป
    6 > ทีมงานพบว่าการลดลงของพื้นที่อาศัยเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างกะทันหัน ตัวอย่างเช่น H. erectus สูญพันธุ์ไปในช่วงน้ำแข็งครั้งสุดท้ายซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 115,000 ปีก่อน นักวิจัยชี้นำว่านี่เป็นช่วงเวลาที่หนาวเย็นที่สุดเท่าที่มนุษย์สายพันธุ์ H. erectus เคยสัมผัสมา
    7 > ทีมงานพบว่ามนุษย์นีแอนเดอร์ทาล (H. neanderthalensis) สูญพันธุ์ไปเพราะแย่งชิงความเป็นหนึ่งกับมนุษย์ปัจจุบัน (H. sapiens) แต่มันเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง แต่ถึงจะไม่มีมนุษย์ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะนำไปสู่การสูญพันธุ์ของนีแอนเดอร์ทาล
    8 > ที่ผ่านมามีการเสนอหลายทฤษฎีว่ามนุษย์นีแอนเดอร์ทาลสูญพันธุ์เพราะอะไร ทฤษฎีหลักๆ คือถูกกำจัดโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรา แต่ในระยะหลังเริ่มมีการนำเสนอว่าเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก เช่น การศึกษาตัวอย่างในคาบสมุทรไอบีเรีย พบว่านีแอนเดอร์ทาลพบกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงชั่วคราวที่เลวร้ายลงจนอยู่ไม่ได้
    9 > ปาสควาเล รายาบอกว่าสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงนั้นรุนแรงมากเพราะแม้สายพันธุ์ที่มีความสามารถในการควบคุมสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น เช่น สวมเสื้อผ้าหรือก่อไฟก็ยังอ่อนไหวต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    10 > การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกเป็นร้อนจัดหรือหนาวจัดเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และจากการศึกษาล่าสุดมันอาจเป็นสาเหตุของการสูญพันธุ์ของมนุษยชาติก็เป็นได้ แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกไม่มีครั้งไหนที่จะน่าเศร้าใจเท่ากับครั้งนี้ เพราะมันเป็นหายนะที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ล้วนๆ
    อ้างอิงจาก
    • "Past Extinctions of Homo Species Coincided with Increased Vulnerability to Climatic Change". Raia, Pasquale et al. One Earth, Volume 0, Issue 0
    • Donna Lu. (15 October 2020). "Climate change may have driven early human species to extinction". New Scientist.
    • Wolf, D et al. “Climate deteriorations and Neanderthal demise in interior Iberia.” Scientific reports vol. 8,1 7048. 4 May. 2018, doi:10.1038/s41598-018-25343-6
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [BREAKING] ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกกลับมาปิด -1.5% ทั้งแผงเมื่อคืนนี้ หลังยังไม่มีความชัดเจนเรื่อง #มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าจะเลือกเวลาเพียง 24 ชั่วโมงก่อนกำหนดเส้นตาย
    หลังจากที่ดัชนี Futures ซื้อขายอยู่ในแดนบวกได้ตลอดวันในเวลาเอเชีย เพราะได้รับข่าวดีจาก GDP จีนที่โต +4.9% ในไตรมาสที่ 3 และความหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Stimulus Package) จะมีความชัดเจนมากขึ้นก่อนเส้นตายที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้กำหนด 48 ชั่วโมง #สุดท้ายตลาดก็โดนเทขายในช่วงดึกๆเมื่อคืนนี้ เพราะการเจรจายังไม่คืบหน้า
    ทาง Nancy Pelosi ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐและนาย Steve Mnuchin รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ยังคงพยายามเจรจาในความเห็นต่างของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของพวกเขาให้แคบลงก่อนจะครบกำหนดเส้นตายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า แต่ทาง Pelosi ยังไม่พอใจกับข้อเสนอวงเงิน 1.8 ล้านล้านเหรียญของทำเนียบขาว เพราะเชื่อว่าวงเงินดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ส่วนทางพรรคเดโมแครตยังคงเสนอวงเงินอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านเหรียญ ทำให้ยังไม่มีข้อตกลงกัน
    ความไม่คืบหน้านี้ส่งผลให้ #ตลาดหุ้นสหรัฐโดนเทขายลงมาทั้งแผง
    ดัชนี Dow Jones -410 จุด (-1.4%)
    ดัชนี S&P500 -57 จุด (-1.6%)
    ดัชนี Nasdaq -192 จุด (-1.6%)
    เหลือเวลาอีกเพียง 2 สัปดาห์ก็จะถึงการเลือกตั้งสหรัฐ
    ในอาทิตยนี้ เรายังมีนัดที่จะได้เห็นการโต้วาที (Debate) กันระหว่างทรัมป์และไบเดน ที่จะมีขึ้นในวันเช้าวันศุกร์ที่ 23 ตุลาคมบ้านเรา โดยครั้งนี้จะมีกฏใหม่ขึ้นมาว่าถ้าอีกฝั่งกำลังเป็นฝ่ายพูดไมค์ของอีกท่านจะโดนปิดจะได้ไม่มีการพูดแทรกได้ ทำให้เราน่าจะได้ฟังนโยบายการบริหารประเทศของทั้ง 2 ผู้ท้าชิงเต็มๆแบบไม่มีการขัดจังหวะครับ
    ติดตามข่าวสารในตลาดโลกและการลงทุนไปกับทางเพจอย่างใกล้ชิด
    แนะนำให้กดตั้งค่า “#รายการโปรด” หรือ "#Favourites" ที่เมนูมุมขวาบนของเพจใน Facebook ตรงปุ่ม [...] และกด #เปิดกระดิ่ง ไว้ได้เลยครับ จะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารสำคัญ
    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ
    #ทันโลกกับTraderKP
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วัคซีน Covid 19 part one สงครามช่วงชิงวัคซีน โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม 7/08/2020 , ขณะนี้ความหวังที่จะได้ vaccine สำหรับ Covid 19 เริ่มใกล้เข้ามา เพราะผู้ผลิต vaccine หลายราย รายงานผลที่ค่อนข้างดีใน phase 2 และกำลังจะเข้า Phase 3 แต่อย่างเพิ่งดีใจ โดยเฉพาะประเทศเล็กๆทั้งหลาย ประชากรโลกมี 78 พันล้านคน โลกกำลังมีปัญหาใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน คือการจัดสรร vaccine สู่ประชากรจำนวนมหาศาล ตราบใดที่ทุกประเทศยังไม่มีภูมิคุ้มกันจาก Covid 19 ไม่ว่าจะจาก vaccines หรือภูมิคุ้มกันหมู่ herd immunity อย่าหวังว่าโลกจะมีความสุขได้ ไม่ว่าประเทศจนหรือประเทศรวย เพราะจะมีการระบาดเป็นเฉพาะที่ cluster ต่อไป เพราะถัาภูมิคุ้มกันไม่ครอบคลุมทั้งหมด nobody be safe, if the other is still infected  สถานการณ์เป็นอย่างไรครับ ถึงแม้จะมีผู้ผลิตที่มีความสามารถมากมาย ที่มีศักยภาพ และมีประสบการณ์ที่จะผลิต วัคซีน Covid 19 จำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามก็คงไม่พอสำหรับประชากรโลก 78 พันล้านคน และแต่ละคนอาจต้องใช้ ถึง 2 dose มีการประมาณการณ์ ไว้ว่า จะสามารถผลิต vaccine ได้เพียง 1 พันล้าน dose ในเดือน มกราคม 2022  เป็นอย่างไรแล้วครับ บรรดาประเทศร่ำรวยทั้งหลาย แอบไปทำสัญญากับบริษัทผลิต vaccine ใหญ่ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น อเมริกาอังกฤษ ญี่ปุ่น ยุโรปตะวันตก เพราะมันเป็นธุรกิจครับ ประเทศรวยย่อมมีโอกาสก่อน     บริษัทผลิต vaccine ใหญ่ๆ Pfizer BioN tech, Sanofi, Glaxo Smith& Kline J&J, Novavax etc ได้ตกลงทำสัญญากับ ประเทศร่ำรวยไว้เรียบร้อยแล้ว ประเทศเล็กๆอื่นๆ แน่นอนต้องคอยไปก่อน รอรับเศษที่เหลือหลุดมาบ้าง สิ่งเหล่านี้เคยเกิดแล้วเมื่อมีการระบาดของ Swine Flu ไข้หวัดนก  องค์การอนามัยโลกคิดถึงปัญหานี้ไว้แล้วโดยแก้ปัญหาผ่านการจัดซื้อ vaccine Covid 19 ผ่านองค์กรที่ชื่อว่า Covax และ Gavi แต่มีบริษัท Astra Zenaca บริษัทเดียวที่มาทำสัญญา  ปัญหาใหญ่มีตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบจำนวนมากสำหรับการผลิตวัคซีน การจัดเก็บและจัดส่งไปโรงงานผลิต ซึ่งเป็นโรงงานเดียวหรือหลายโรงงาน จากนั่นต้องจัดส่งด้วยวิธีพิเศษเพื่อไม่ให้วัคซีนเสียสภาพ โดยเครื่องบินไปทั่วโลก    จากนั่นจะจัดส่งไปเก็บที่ warehouse ของแต่ละประเทศ แล้วจึงแบ่งเป็น package เล็กเพื่อส่งไปที่โรงพยาบาล หรือ คลีนิคเพื่อฉีดให้คนไข้ ปัญหาจุกจิกเล็กๆก็อาจจะ disruption supply chain ได้ ตัวอย่างเข่น แก้ว medical glass ที่ทำ vial สำหรับบรรจุวัคซีน ขาดแคลนมาตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดของ Covid 19 และจีนเป็นแหล่งของ supply chain บริษัทยาใหญ่มี connection เดิมเคยค้าขายกันอยู่ ได้จัดหาทำสัญญาไปแล้ว และบริษัทอื่นไปจะเป็นอย่างไร ของมันขาดแคลนอยู่ ปัญหาเล็กน้อยอาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับ logistic และ supply chain การขนส่งสินค้าชีวภาพอย่างวัคซีน ถ้าไม่มีประสบการณ์ หรือไม่รู้วิธีการจัดการ เช่นเที่ยวบินเกิด delay เช่นเกิดพายุ จะจัดเก็บวัคซีนที่ไหน อย่างไร รถขนส่งวัคซีนเกิดอุบัติเหตุจะทำให้อย่างไร เพราะวัคซีนถ้าไม่จัดเก็บให้ถูกต้องอุณหภูมิเย็นพอ จะเสียสภาพ     จะเห็นว่าแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดปลีกย่อยมาก เนื่องจากเป็นสินค้าชีวภาพ และจำนวนมาก และขั้นตอนมาก ถ้าผิดพลาด vaccine ก็จะใช้การไม่ได้ บริษัทที่จะทำได้ จะต้องเป็นบริษัทยาใหญ่ที่มีประสบการณ์ ในการผลิตและจัดส่ง วัคซีนจำนวนมาก บางบริษัทดังๆที่ออกข่าวขณะนี้. เช่น Moderna และ Novavax ถึงแม้จะประสบความสำเร็จถึง phase 2 แต่ไม่มีประสบการณ์ ในการผลิตและจัดส่งวัคซีนจำนวนมากมาก่อนเลย  มีสิ่งสำคัญสามสิ่งที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับ วัคซีน ประการแรกมันจะได้ผลหรือไม่ สำหรับวัคซีนแต่ละชนิด ซึ่งมีวัคซีนที่ผลิตด้วยวิธีการใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนเช่น DNA และ mRNA วัคซีน ถ้าได้ผลจะได้กี่เปอร์เซ็นต์ 10%, 25% 50% ,90% จะสร้างภูมิคุ้มกันได้นานแค่ไหน วัคซีนอาจสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ป่วยเป็นโรคได้. แต่มีความเป็นไปได้ ที่อาจจะทำให้คนที่ฉีดวัคซีนยังกระจายโรคได้อยู่ คือยังคงมี infectivity เรามีสิ่งที่ยังไม่รู้ อีกหลายๆอย่าง เพราะ Covid 19 เพื่อนตัวร้าย เรารู้จักมันมาแค่. 6-7 เดือน ถึงแม้เราจะรู้จักมันมากขึ้นพอสมควร แต่มีอีกหลายอย่างที่เราไม่รู้ เราคงต้องคบดูใจมันอีกพอสมควร ประการที่สองคือความปลอดภัยของวัคซีนซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นสาเหตุที่เราไม่สามารถเร่งข้ามขั้นตอนให้วัคซีนออกมาเร็ว ตามที่เราต้องการ เคยมีบทเรียนร้ายแรงมาแล้ว เมื่อครั้งโปลิโอระบาด มีการปนเปื้อนของวัคซีน ทำให้เด็กเป็นอัมพาตจากวัคซีน และในปี 1976 ในสมัย president Geral Ford มีการระบาดของ H1N1 เกิดข้อแทรกซ้อนจากวัคซีน มีเด็กอัมพาตไป 500คน และยังมีข้อแทรกซ้อนจากวัคซีน ที่ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่เกิดได้ยาก rare complication แต่ทำให้เด็กจำนวนหนึ่งเสียชีวิตได้ ซึ้งเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้ ประการที่สามคือการผลิตและการจัดส่งวัคซีนจำนวนมากถึงประชาชน  จะเห็นว่ามีปัญหามากมายที่จะต้องคำนึงถึง และจะต้องแก้กันไป แต่จะอย่างไรก็ตามการระบาดครั้งนี้ก็คงจะดีกว่าการระบาดใหญ่ของโรคระบาดที่ผ่านมาในอดีต ถึงแม้จะผ่านมามา 7 เดือนมีคนตายไปแล้วเพราะ Covid 19 อยู่ที่ 7 แสนคน แต่ในปี 1917 เมื่อ Spanish flu ระบาดมีคนทั่วโลกตาย 50 ล้านคน กาฟโรคระบาดในยุโรป ในสมัยกลาง ศตวรรษที่14 คนในยุโรปตายไปเกือบครึ่งทวีป คงต้องยกคำพูดของผู้ว่ารัฐ New York คนดัง Andrew Cuomo ที่กล่าวว่า Hope for the best, prepare for the worst เราคงต้องผ่านมันไปได้ เหมือนกับที่โลกผ่านโรคระบาดมาทุกยุค ทุกสมัย มนุษย์กับเชื้อโรคอยู่ด้วยกันมานาน ตั้งแต่ Homosapain เกิดขึ้นมา และครั้งนี้ก็คงเหมือนที่ผ่านมา มิฉะนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์คงสูญพันธุ์ไปนานแล้ว เช่นเดียวกันกับเชื่อโรค ถ้าไม่มีมนุษย์ให้เป็น hostที่สิงสถิต มันคงต้องสูญพันธุ์ไปเช่นกัน มันเได้ล่นงานสั่งสอนมนุษย์พอสมควรแล้ว เป็นกฏธรรมชาติ nature of evolution ของ Darwin มันก็จะเลิกลากันไป เรียบเรียงและวิเคราะห์โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม ส่วนหนึ่งเป็นความเห็นส่วนตัว ถูกใจ แสดงความคิดเห็น แชร์
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เข้าใจ milenium ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง จาก baby boom สู่ millennium
    โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
    8/08/2020
    Millennium คือคนที่อายุ 25-40ปี เกิดในช่วงปี 1981ถึง 1996 คนรุ่นนี้โชคร้ายเกิดมาเริ่มทำงานและช่วงที่เป็น peak ของการทำงานมี วิกฤติใหญ่ถึง สองครั้ง 2008 Hamburger crisis และ 2020 Covid 19 crisis
    รุ่น baby boomer คือคนที่เกิดตั้งแต่ 1946-1964 อายุ 55-75ปี General X เกิดระหว่างปี 1965-1997อายุ40-55
    มาดู gross domestic product ต่อคน ของการทำงานในช่วงแรก 15 ปี ระหว่างอายุ 18ปีถึง 33ปี ของแต่ละ generation คน general Millennial จะตำ่สุด สำหรับ gross domestic product ที่สำคัญก็ช่วง 15ปีแรกของการทำงาน ซึ้งเป็นช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างคอบครัว
    คนรุ่นนี้โชคร้ายที่จะต้องแบกรับผลทางเศรษฐกิจไปตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา ตั้งตัวได้ช้า โอกาสของการสร้างความมั่งคั่งก็ช้ากว่า เพราะ
    การตกต่ำทางเศรษฐกิจเ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เป็น peak ของการทำงาน สำหรับคนอายุ 40 อาจต้องตกงาน หรือถูกลดเงินเดือน สำหรับคนอายุ 20_ 30 ซึ่งเพิ่งจบกำลังหางาน ก็หางานไม่ได้
    คนอายุ 40 อาจโชคร้าย ครั้งนี้อาจเป็นครั้งที่สอง หลังจากโดนวิกฤตเมื่อ 2008 ซึ่งเป็นช่วงที่คนวัยนี้ เพิ่งจบมาใหม่ๆ ในช่วง Hamburger crisis เป็นโชคร้ายซ้ำสองโดนสองเด็ง สำหรับคนที่เกิดมาผิดช่วงเวลา
    คนยุค baby boomer จะเป็น generation ที่มีความมั่งคั่งที่สุด มากกว่า generation X และ Millennial จะต่ำเตี้ยที่สุด
    Baby boomers ในอเมริกาครอบครองความมั่งคั่งไว้ถึง 56%
    คนที่เป็น Millennial ในอเมริกาแค่เกิดผิดเวลา แต่ถ้าเป็น millennial ในยุโรปใต้ อิตาลี สเปน กรีก โปรตุเกส นอกจากเกิดผิดเวลา แล้วยังเกิดผิดที่อีกด้วย
    ในยุโรปก่อนเกิด Covid อัตราการว่างงาน 19-25% ในช่วง8ปีที่ผ่านมา ยุโรปใต้ สเปน กรีก อัตราว่างงานมากถึง40 % ในอเมริกาก่อนวิกฤติ การว่างงานต่ำกว่า10 % ในอิตาลี 28% สเปน กรีก การว่างงานมากกว่า 40 % เป็นผลพวงต่อเนื่องจากยุค Hamburger crisis 2008 ที่มีต่อยุโรปใต้ ซึ่งควันยังไม่หายตลบ ก็เกิดเพศภัยใหม่เข้ามาซ้ำเติม
    ในเดือนสิงหาคม 2019 ก่อน Covid 19 Crisis EU 28 ประเทศ อัตราว่างงาน14% อิตาลี 27% และแล้ว perfect storm ก็เข้ามา Covid 19 ระบาด ในจังหวะที่ยุโรปใต้ยังไม่ฟื้นตัวจาก ปี 2008 คนรุ่นใหม่เดือดร้อน หลายๆคนยังต้องอาศัยอยู่กับพ่อแม่
    แน่นอนพ่อแม่ต้องลงทุนไปมากสำหรับการศึกษา แต่คน millennium ต้องทำงานเล็กๆน้อยๆเลี้ยงชีพ บางคนต้องไปทำงานนอกประเทศ
    ในอเมริกาพวกจบใหม่ต้องใช้หนี้ที่กู้เพื่อการศึกษากันหัวโต งานก็ไม่มีทำ ตัวเลขคนว่างงานสูงเป็นประวัติการ
    ในอเมริกามีปัญหากดดันต่อคน millennium เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจที่มีความฝืดเคือง มีความรู้สึกถึงความแตกต่าง ร่วมถึงการจ้างงาน เมื่อเทียบกับคนรุ่น baby boomers และ generation X ทำให้เกิดปัญหาช่องว่างระหว่างรุ่น มีความรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบจาก generation ที่อาวุโสกว่า ครอบครองหน้าที่การงานดีๆ ไม่ปล่อยโอกาสให้รุ่นใหม่ๆ ได้มีโอกาสเติบโต ทำ
    ให้แสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ
    Crisis Covid 19 ยิ่งถาโถมมาทำให้ปัณหาระหว่างรุ่นมีมากขึ้น Millennium มองว่า รุ่น baby boomer และ Generation X ยังคงครอบครองงานและความมั่งคั่งไว้อยู่ ไม่ปล่อยโอกาสให้คนรุ่นใหม่. มีศัพท์แสลงที่เรียกไวรัส Covid 19 ในหมู่ millennials ว่า boomer remover เพราะ virus ชอบคนแก่
    การประท้วง black live matter ในอเมริกา ทำไมมีคนขาวร่วมด้วยจำนวนมาก สิ่งหนึ่งก็คือความกดดันทางเศรษฐกิจ จากการว่างงานของ millennium จาก Covid 19 ในอังกฤษก็เช่นเดียวกัน คงไม่ใช้เหตุผลทางอุดมการณ์เพียงอย่างเดียว เพราะปัญหาเรื่องคนดำก็สะสมมานานแล้ว
    ในบ้านเราก็คงมีปัณหาความเข้าใจระหว่างรุ่น เช่นเดียวกันกับอเมริกา ความกดดันต่างๆเหล่านี้ทำให้เกิดสิ่งต่างๆหลายๆอย่าง ชึ่งคนรุ่น baby boomer จะต้องเข้าใจพฎติกรรมของเพวก mellinium
    โลกในยุคสมัยต่อไปจะเป็นโลกของพวกเขา อนาคตเป็นของเขา เราต้องเคารพความคิดของพวกเขา และเข้าใจความทุกข์ยากของพวกเขา เมตตาพวกเขา ซึ่งจะเป็นอนาคตของสังคมและประเทศชาติ พวก baby bloomer ผู้มั่งคงทั้งหลายคงจะะต้องตายจากไปก่อน
    พวก baby bloomer ทั้งหลายคงยังจำได้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อ 14 ตุลาคม 2516 พลังอันบริสุทธิ์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
    ในยุคนี้ก็เช่นกันประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำรอยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยุค baby bloomer อย่าเพิ่งคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียว และพวกเขาถูก weaponize โดย social media หรือโดยฝ่ายการเมืองเพียงอย่างเดียว เพราะส่วนหนึ่งเป็นเพราะ millennium ต้องการให้บ้านเมืองดีขึ้น เขาเป็นห่วงอนาคตของบ้านเมืองของเขาด้วย ถ้าเราเข้าไปใน Twitter เราจะเข้าใจ trend และ ความต้องการของคน millennium มากขึ้น ถึงแม้บางอย่างเป็นสิ่งที่ baby bloomer จะทำใจยอมรับยาก แต่มันเป็น fact และยากที่ต่อต้านกระแสที่เปลี่ยนแปลงไป
    อนาคตเป็นของ millennium ไม่ใช้ของ baby bloomer ต้องทำใจยอมรับและเคารพการตัดสินใจของพวกเขา อย่าอคติว่าเขาถูก weaponizeโดย social media ของฝ่ายการเมืองเพียงอย่างเดียว จริงอยู่อาจมีส่วนอยู่บ้าง แต่พวกเขาไม่ได้โง่และสิ้นคิด พวกเขาก็คิดเป็นเหมือน baby bloomer ในยุค 14ตุลา
    ผมพยายามและจะไม่พูดเรื่องการเมืองในบทความของผมมากนัก เพราะการเมืองเป็นเรื่องของการเลือกข้าง ทำให้มี prejudice ความลำเอียง ทำให้มองปัญหาไม่ได้ ไม่เข้าใจปัญหาของสังคม และความคิดของ millennium
    พวกที่โชคดีที่ เกิดมาในยุค baby boomer โอกาสมีมากกว่า อย่าลืม millennium ที่เป็นรุ่นลูกหลาน ซึ้งเขาต้องอยู่อีกนาน
    วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม ส่วนหนึ่งเป็นความเห็นส่วนตัว
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภูมิคุ้มกันหมู่ herd immunity ทางเลือกสำหรับการต่อสู้กับ Covid 19 , does it work
    นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
    14/08/2020
    ในขณะนี้มีคำถามมากมายว่า เรามาในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ในการดำเนินนโยบายในการจัดการกับ โรคระบาด Covid 19 หลังจากผ่านมา 7 เดือน การทำขบวนการเฃ้มงวดกับ social distancing ถึงแม้จะทำให้ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโรค แต่ก็มีข้อแทรกซ้อนมากทางเศรษฐกิจ ยิ่งมาก ยิ่งนาน ยิ่งสร้างความเสียหายมาก ธุรกิจล้มละลาย หมดตัวตายก่อน ก่อนที่จะตายเพราะ Covid 19
    ปัญหาในขณะนี้ทุกคนดูเหมือนจะตั้งความหวังไว้ที่ vaccines ถึงแม้จะมีแนวโน้มที่ดีของบรรดาผู้ผลิต vaccine ว่าน่าจะได้ผลดีใน phase 2 แต่เมื่อนำมาใช้จริงก็ยังบอกไม่ได้ว่าจะได้ผลแค่ไหน และยังมีปัญหาผลิตและการกระจายให้คนทั่วโลก 7.8 พันล้านคน ซึ่งจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีกว่าจะทั่วถึง
    มีการพูดถึงการได้มาด้วยภูมิคุ้มกันโดยใช้ Herd Immunity ตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาด ประเทศอังกฤษได้ล้มเลิกความคิดที่จะใช้ herd immunity หลังจากมีนักวิชาการออกมาคัดค้าน เช่นเดียวกันกับประเทศ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งหันมาใช้วิธี stay home และ social distancing
    ประเทศที่ใช้ herd immunity อย่างเต็มรูปแบบคือ Sweden
    Sweden ประสบความสําเร็จหรือล้มเหลวในการใช้ Herd immunity ในการจัดการกับการระบาดของ Covid 19 โดยไม่ lock down เป็นข้อถกเถียงกันมาตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระยะเวลาที่พอบอกอะไรได้บ้าง ถึงแม้ว่าการระบาดจะยังไม่สิ้นสุด
    ถ้าสวีเดนประสบความสำเร็จ ก็คงเป็นสิ่งที่นักการเมืองทั้งหลายในยุโรป คงต้องกล้ำกลืนและอธิบายต่อประชาชนด้วยความลำบากใจ เพราะการ lockdowns มีข้อแทรกซ้อน ทำลายเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของผู้คนอย่างมหาศาล
    ในระยะแรกของการระบาด เดือน มีนาคม เดือนเมษายน สวีเดนได้รับการจับตามองและหลายคนคืดว่า สวีเดนอาจเป็นประเทศเดียวที่ประสบความสำเร็จจากการไม่ต้อง lockdowns พอเรี่มมีคนตายมากขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศ Scandinevia อื่นๆ อย่างเดนมาร์ก และ Norway ก็เริ่มมีคนไม่แน่ใจ และทักท้วง คนสวีเดน ตายไป 571 คน เมื่อเทียบกับเดนมาร์ก ซึ้งตายไป 106 คน คน Norway ตายไป 47 คน ต่อประชาชนหนึ่งล้าน
    แต่สวีเดนมีคนที่อยู่ในชุมชนเมืองมากกว่า มีประชากรมากกว่า
    แต่เมื่อเทียบกับประเทศยุโรปตะวันตกอื่นๆ ที่ lockdowns อัตราการตายของสวีเดนจะน้อยกว่า เช่น Italy (582) , Spain (610),UK(683),Belgium(850) ต่อประชากรหนึ่งล้าน
    สวีเดนมืประชากร 10ล้านคน จำนวนคนตาย ขณะนี้อยู่ที่ 6000 คน ขณะนี้คนป่วยหนักและคนตายน้อยลง
    และเมื่อมาถึงเดือน กรกฎาคม ประเทศยุโรปตะวันตก เช่น สเปน ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เริ่มมี second wave ระลอกสอง และบางประเทศต้องกลับมา lock down อีกครั้ง
    และแน่นอน ภาวะเศรษฐกิจของสวีเดน เป็นประเทศพัฒนาแล้วประเทศเดียวที่เศรษฐกิจไม่ถดถอย ไม่เกิด recession
    ตามตำรา ถ้าจะเกิด Herd immunity ได้ antibody test จะต้องได้ 60 % แต่ในขณะนี้ ที่ Sweden ตัวเลข antibody test ยังไม่ถึง
    study ของSweden เอง พบว่าภูมิคุ้มกันมีมากกว่าการดูที่ antibody อย่างเดียว ในวงการแพทย์เรารู้ดีว่า ในการต่อสู้กับเชื้อโรคไม่ใช้มีแต่ antibody อย่างเดียว แต่ยังมี T cell ที่มีบทบาทสำคัญอยู่ด้วยสำหรับต่อสู้กับเชื้อโรค
    การวัด immunity โดยตรวจระดับของ antibody อย่างเดียว จึงไม่ใช้ระดับของภูมิคุ้มกันทั้งหมดที่มีต่อ virus
    พบว่าคนที่มี T cell immunity จะมีมากกว่าเป็นสองเท่าของจำนวนคนที่ตรวจพบ antibody แต่การตรวจ T cell จะยุ่งยากมากกว่าการตรวจ antibody
    พบว่า 30% ของคนบริจาคเลือดใน Sweden มี T cell immunity ต่อ Covid 19 ซึ้งมากกว่า ถ้าตรวจ antibody อย่างเดียว ดังนั้น สวีเดนอาจมี Herd immunity แล้ว. ทั้งๆที่ antibody test ไม่ถึง 60%
    ในอเมริกา หลายสถานที่ ที่ผ่านการระบาดอย่างรุนแรงมาแล้ว เช่น New York น่าจะมี Herd Immunityแล้ว
    พบว่าประชาชนในสลัม Dharaviใน Mumbai ชุมชน 850,000 คน ตรวจ antibody test positive ในประชาชนมากกว่า50% แสดงว่ามี herd immunity แล้ว
    คงจะพอตัดสินใจกันได้ เมื่อผ่านมา 7 เดือนว่าสวีเดนคิดถูกหรือคิดผิด ถึงอย่างไรก็ย้อนเวลากันไม่ได้ ก็คงต้องเดินหน้ากันต่อไป ในอุโมงค์ที่เห็นแสงสว่างบ้างแล้ว แต่ในแต่ละประเทศก็คงต้องลงทุนด้วยชีวิตและทรัพย์สินที่มีอยู่ต่างกัน กว่าจะถึงปลายอุโมงค์
    Herd immunity ภูมิคุ้มกันหมู่เป็นสิ่งที่มนุษย์ชาติใช้ผจญต่อสู้กับโรคระบาดมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นกาฟโรคในยุคกลาง Spanish Flu 1918 เมื่อหนึ่งร้อยปีมาแล้ว จะมีความแตกต่างในยุค Covid 19 ระบาดหรือไม่ ในยุคที่การแพทย์ก้าวล้ำนำหน้า ในยุคแห่ง vaccine มนุษย์หรือเชื้อโรคจะได้ชัยชนะ และถ้ามนุษย์ชนะจะต้องแลกด้วยกี่ชีวิต รวมทั้งความเสียหายต่างๆ และความเสียหายทางเศรษฐกิจ
    เรียบเรียงและวิเคราะห์โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม ส่วนหนึ่งเป็นความเห็นส่วนตัว
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไม Covid 19 จึงเป็นอาวุธทำลายมนุษย์ชาติที่สมบูรณ์แบบ The perfect weapon to destroy the mankind
    โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
    19/08/20
    ในศตวรรษที่ 20 นี้ ในยุคสมัยที่การแพทย์เจริญก้าวหน้ามาอย่างก้าวกระโดด นับตั้งแต่ Alexander Flaming คิดค้น penicillin ขึ้นมาได้ในต้นศวรรษที่ 19 มนุษย์ชาติได้กำจัดโรคติดเชื้อต่างๆ และด้วยความก้าวหน้าของการผลิต vaccine เชื้อโรค โรคระบาดต่างๆ มนุษย์ก็สามารถควบคุมได้เกือบหมด
    เมื่อ 50 ปี ก่อนหน้านี้ เมื่อเราสามารถกำจัด โรค โปลิโอและ small poxให้หมดไปได้ และมีวัคซีนสำหรับโรคหัด นักวิทยาศาสตร์ก็คิดว่า โรคติดเชื้อจะไม่เป็นปัญหาสำหรับมนุษย์ชาติอีกต่อไป
    สามในสี่ของโรคติดเชื้อสมัยใหม่ ข้ามสายพันธ์มาจากสัตว์ เพราะมนุษย์มีมากขึ้น บุกทำลายป่าเพื่อทำการเกษตร ไวรัสที่อยู่ในสัตว์ โดยเฉพาะค้างคาว โดยปกติไม่ก่อให้เกิดโรค แต่เป็นธรรมชาติที่ไวรัสซึ่งเป็น RNA จะเปลี่ยนแปลงพันธุ์กรรม mutate ตลอดเวลา เพราะไม่มีระบบควบคุมเหมือน cell เมื่อข้ามมาสู่มนุษย์ก็กลายพันธุ์เป็นโรคระบาดต่างๆ
    ในทางตอนใต้ของประเทศจีน และเลยต่อไปถึงเวียดนาม มีถ้ำอยู่มากมาย และมีค้างคาวสายพันธ์ต่างๆ อันเป็นที่สิงสถิตของ coronavirus สายพันธ์ต่างๆ อยู่ด้วย
    การบุกป่า การค้าสัตว์ป่านำมาซึ่งเป็นสาเหตุที่ coronavirus เหล่านี้มาสู่มนุษย์ คงมี coronavirus หลายชนิดแล้ว ที่ผ่านมาสู่มนุษย์แต่ไม่เกิดปัญหาเป็นโรคระบาดร้ายแรง นอกจาก Sars (2002) ,Mers (2012, Swine Flu ( 2009) H1N1 1997
    แล้วในเดือนมกราคม 2020 การระบาดของ Covid 19 ซึ่งเป็น coronavirus ชนิดหนึ่ง ก็ข้ามพันธุ์จากค้างคาวผ่านตัวนิ่มมาสู่ตลาดสดที่ Wuhan ในระยะเวลา 7 เดือนทำให้คนป่วยทั่วโลก 20ล้านคน ตายไปแล้วกว่า เจ็ดแสนคน
    Sars ( Sars-Cov1) ซึ่งเป็น coronavirus เหมือนกัน มาจากค้างคาวเช่นกัน ระบาดจากตลาดสด ใน Gudang ในปี 2002 ระบาดไป 30 ประเทศ เพียง 8 เดือน ก็ควบคุมได้ คนตายไปแค่ 912 คน คนป่วย 8,422คน ถึงแม้ SARS จะเป็นโรคที่รุนแรงกว่า Covid 19 ทำให้ระบบการหายใจล้มเหลว แต่ก่อความเสียหายน้อยกว่ากันมาก
    Sars กับ Covid 19 เกือบจะเหมือนพี่น้องกัน มีพันธุ์กรรม genetic sequence ที่เหมือนกัน 79% ติดต่อและมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ เหมือนกัน มีRo number เฉลี่ยเท่ากันคือสาม คนที่ติดเชื้อโรคหนึ่งคน สามารถแพร่กระจายไปให้คนอื่นอีกสามคน มาจากค้างคาวเหมือนกัน เริ่มระบาดจากตลาดสดในเมืองจีนเช่นกัน อะไรทำให้ Covid 19 ก่อปัญหาได้มากมาย ต่างจาก Sars
    Mers เป็น Coronavirus เช่นกันในปี 2012 ระบาดข้ามพันธุ์จากค้างคาว ผ่านอูฐมาสู่คน Mers ก็ไม่ก่อปัญหามากนัก
    ปัจจัยที่ทำให้ Covid 19 มีความสามารถที่เป็นเชื้อโรคที่สมบูรณ์แบบในการที่จะมาทำลายล้างมนุษย์ในศตวรรษที่ 20 มากกว่า Sars และไวรัสตัวอื่นๆก็คือ
    ประการที่หนึ่ง Covid 19 มีความลงตัวที่เผยแพร่ทางระบบทางเดินหายใจ คนติดเชื้อมีช่วงที่ไม่มีอาการก็แพร่กระจายโรคได้ คนที่ได้รับเชื้อโรคส่วนหนึ่งไม่มีอาการ หรืออาการน้อยสามารถเดินทางแพร่กระจายโรค โดยผู้คนอื่นไม่รู้
    ส่วนSarsเมื่อติดโรคก็จะป่วยหนัก อัตราตายถึง 11% ทำให้ระบบหายใจล้มเหลว ไม่มีโอกาสไปมีกิจกรรม หรือเดินทางแพร่กระจายโรคได้ ถึงแม้ว่าอัตราตายของคนติดเชื้อCOVID-19 อยู่ที่ 0.5-1.2% จะน้อยกว่า Sars มาก แต่คนที่ติดเชื้อโรคก็มีจำนวนมากกว่ากันมาก คนตายโดยรวมจาก Covid 19 จึงมากกว่ากันมากเช่นกัน
    ประการที่สอง อาการแสดงออกของโรคมีหลากหลาย ไม่มีอาการ มีอาการน้อยจนไม่สังเกต อาจมีอาการเหมือนไข้หวัด และยังอาจจะมีผลต่อระบบอื่นของร่างกาย นอกจากระบบทางเดินหายใจ อาจมีผลต่อระบบทางเดินอาหารและระบบประสาท ทำให้ยากต่อการควบคุม จำนวนครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ
    ประการที่สาม Covid 19 มี incubation period ระยะเวลาที่รับเชื้อโรคจนมีอาการ ยาวกว่าระยะ latent period ระยะเวลาที่รับเชื้อจนเป็นโรค คือมีเวลาที่ไม่มีอาการ เเต่เป็นโรคแล้วสามารถแพร่เชื้อได้ 2-4 วันโดยไม่รู้ตัว Covid 19 มีincubition period 2-14วัน ส่วน Sars 2-7 ว้น
    ประการที่สี่ ถึงเเม้ความสามารถในการแพร่ระบาดของโรคโดยเฉลี่ย R อยู่ที่3 คนติดเชื้อหนึ่งคน สามารถเเพร่กระจายโรคให้คนอื่นได้ 3 คน เหมือนกันทั้งสองโรค แต่ Covid 19 มีความแตกต่าง ของR มี variation สูง เมื่อเทียบกับ Sars เพราะอาจจะมี Superspreader ที่คนติดเชื้อคนเดียวจะแพร่เชื้อให้คนจำนวนมาก ทำให้ควบคุมโรคได้ยากกว่า Sars
    ปัจจัยเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้ Covid 19 เป็นอาวุธที่สมบูรณ์ ที่จะมาทำลายล้างมนุษย์ในศตวรรษนี้ Sars ทำให้ติดเชื้อเพียง 8.422 คน แต่ถ้าไม่มี vaccine ประชากรโลก 7.8 พันล้านคน 40% จะติดเชื้อ Covid 19
    ความจริงนักวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่ WHO และ CDC ของอเมริการู้อยู่แล้วว่ามีโอกาสจะเกิดโรคระบาดหนักจาก coronavirus ที่มีอยู่มากมายในค้างคาวตอนใต้ของจีน
    ในปี 2005 ประธานาธิบดี Bush ก็เคยซักซ้อมแผนการรับมือการระบาดใหญ่ของโรคระบาด แต่รัฐบาลต่อๆมาก็ไม่ให้ความสำคัญมากนัก คิดแต่ว่าความมั่นคงแห่งชาติอยู่ที่การทหาร
    รัฐบาลในยุโรปประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจึงจัดสรรงบประมาณเตรียมการในเรื่องโรคระบาดน้อยลง จะเห็นได้จากการขาดแคลนของยาและเวชภัณฑ์ที่อิตาลีและอังกฤษในช่วงที่ Covid 19 ระบาดหนัก
    แผนการร่วมกันระดับนานาชาติซึ่งจำเป็น สำหรับการรับมือกับการระบาดหนัก จึงไม่ได้จัดทำไว้ นโยบายของ Trump คือ Amarican first ก็ไม่สนใจจะเป็นผู้นำโลกและแสวงหาความร่วมมือซึ่งกันและกัน จึงไม่เกิดขึ้นความร่วมมือระดับนานาชาติ แถมจีนยังปิดบังการระบาดในช่วงแรกอีก Covid 19 จึงแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
    ในยุคสมัยที่การเดินทางระหว่างประเทศง่ายดาย ไม่แพง นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมหาศาลเดินทางไปทั่วโลก ซึ่งผิดกันกับ สมัย Spanish Flu ระบาดเมื่อ 1918 การเดินทางระหว่างประเทศจะยังยากลำบาก แต่ก็ยังมีคนตายถึง 50 ล้านคน
    ในครั้งนี้อาจมีคนตายถึง 1 ล้าน 4 แสน หรืออาจถึง 3.2 ล้านคน
    COVID-19 อาจจะไม่ใช้ coronavirus ตัวสุดท้ายที่จะข้ามสายพันธุ์จากค้างคาวมาสู่คน แต่คงจะยากที่จะมี coronavirus ตัวอื่นๆ ที่จะมีความสมบูรณ์เเบบเท่า Covid 19
    เรียบเรียงและวิเคราะห์โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สงครามช่วงซิงวัคซีน Covid 19 ภาค 2 The battle for vaccines part two
    โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม 25/08/20
    ความก้าวหน้าของการพัฒนา vaccines COVID 19 เป็นความหวังสำคัญ สำหรับการต่อสู้กับวิกฤติ virus Covid 19 เรามาถึงจุดที่การจะมีโอกาสได้ใช้ในอีกไม่นาน แต่การต่อสู้แย่งชิงวัคซีน ก็ยิ่งทวีความดุเดือดยิ่งขึ้น
    มี Lab ทั่วโลก 139 แห่ง กำลังพัฒนา vaccine Covid-19 แต่ที่ทดลองในมนุษย์แล้วมีอยู่ 30 แห่ง
    ที่ Oxfords อังกฤษ การพัฒนาวัคซีนมีความก้าวหน้าที่สุด อยู่ในช่วงสุดท้ายของ phase 3 ซึ่งคาดว่าปลายเดือนกันยายน จะสามารถผลิตออกมาใช้ได้ รัสเซียก็จะผลิตออกมาในต้นเดือนตุลาคม แต่วัคซีนรัสเซีย ผลิตออกมาโดยไม่ผ่าน phase3
    บริษัท Sinopharmของจีน อยู่ใน Phase 3 ช่วงท้ายของการพัฒนา vaccine เช่นกัน แต่ไม่มีเงินทุนสนับสนุนเท่า Oxford ชึ่งทั้งร่ำรวยด้วย funding และมี team support ที่พร้อมจะไปสู่การผลิตจำนวนมาก
    ทีมของ Oxfords ได้ทำสัญญากับบริษัท Astra Zenecaเ พื่อผลิต vaccine จำนวน 2000 ล้าน dose จำนวนมากพอสำหรับคนอังกฤษ 70 ล้านคน
    Moderna กำลังผลิตและส่งมอบวัคซีน 80 ล้าน dose
    ปัณหาสำคัญพอๆ กับการได้วัคซีนมาแล้วจะต้องมีหลอดแก้ว vial สำหรับใส่วัคซีน มีสาร adjuvant ที่ให้วัคซีนคงสภาพอยู่ได้ และเข็มขนาดเล็ก hyponeedle สำหรับฉีดให้คนจำนวนมากนับพันล้านคน ขณะนี้ได้มีการแย่งชิงสิ่งจำเป็นเหล่านี้กันแล้ว
    หลอดแก้ว vial ที่บรรจุ vaccine เป็น borosilicate glass คิดค้นโดยบริษัทเยอรมัน Schott AG ในปี 1880 มีคุณสมบัติพิเศษสำหรับวัคซีน เพราะจะทนทานต่อการเปลี่ยนอุณหภูมิ และแก้วไม่ละลาย เมื่อเจอสารเคมีใน adjuvant ความพิเศษของหลอดแก้ว vial นี้ เกิดจากการใส่สาร Boron เข้าไป
    บริษัท Schott ได้ลงทุนเพิ่มไปแล้วกว่า 376 ล้าน ดอลลาร์ เพื่อผลิต vial สำหรับวัคซีน สองพันล้าน dose แต่อย่างไรก็ตามก็คงไม่เพียงพอ
    บริษัทผลิตเข็มฉีดยา Becton, Dickinson ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งในปี 1897 ในปีที่แล้วมีรายได้ 17.3 billion dollar มีความสามารถที่จะผลิต hyponeedle และ syringes จำนวนมาก เเต่ต้องสั่งซื้อล่วงหน้า และขณะนี้เฉพาะในอเมริกามีคำสั่งจองซื้อเข้ามานับพันล้าน Trump สั่งจองซื้อไว้แล้ว 300ล้าน รัฐบาล Canada 38 ล้าน บริษัทยังคงไม่กล้ายืนยัน ในการจัดส่ง hyponeedle จำนวนมากขนาดนี้ ได้ภายใน 6-7 เดือน
    สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือสาร adjuvant ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ vaccine คงสภาพอยู่ได้
    Adjuvant ที่ใช้กับ วัคซีนรุ่นแรกเป็น aluminum salt ต่อมาในปี 1990 Glaxo&Smith ได้คิด QS- 21 ชึ่งเป็น adjuvant ที่ทำให้ vaccine มีคุณภาพที่ดีขึ้น อยู่ได้นานขึ้น อาจจะนานถึง 7-8 ปี บริษัทได้เตรียมผลิต สำหรับวัคซีนหนึ่งพันล้าน dose
    ส่วนผสมของ adjuvantใน QS-21 ต้องนำมาจากเปลือกไม้ในประเทศ ชิลี และ squaline ชึ่งเป็นสารที่อยู่ในนำ้ม้นตับปลา โชคดีที่ Glaxo-Smith สามารถผลิตสารสังเคราะห์มาทดแทนได้ โดยไม่ต้องฆ่าฉลามจำนวนมาก squarine adjuvant อีกส่วนหนึ่งผลิตจากน้ำตาลในบราซิลโดยบริษัท Amyris ซึ่งสามารถจะผลิต squarine ได้ 10 ตัน สำหรับ vaccine 1 พันล้าน dose
    จะเห็นว่าการแข่งขันแย่งชิง vaccines นั้นประเทศต่างๆยังต้องแย่งชิงส่วนประกอบต่างๆจำนวนมาก ซึ่งโลกไม่เคยเผชิญภาวะนี้มาก่อน ซึ่งไม่เป็นสิ่งที่ง่ายเลย
    นอกจากนี้เมื่อได้ vaccines มาแล้วจะฉีดให้ใครก่อน แน่นอนต้องฉีดให้บุคคลการทางการแพทย์ และ social worker ที่สัมผัสคนไข้ แต่ยังมีข้อถกเถียงว่าจะฉีดให้คนแก่ก่อนหรือไม่ เพราะในคนแก่ ระบบภูมิคุ้มกันจะกระตุ้นยาก ผิดกับคนหนุ่มสาว ใน flu vaccines พบว่าคนอายุมากกว่า 65 ปี 12% ของคนที่ฉีด มีการตอบสนองที่ได้ผลดี แต่ในคนอายุ 18-49 ปีมีการตอบสนองที่ดี 25% ดังนั้นนักวิชาการบางคนบอกว่าควรฉีดให้คนหนุ่มสาวก่อน เพราะคนหนุ่มสาวเป็นคนที่มีโอกาสไปแพร่กระจายโรคได้มากกว่า
    สงครามแย่งชิงอีกสิ่งหนึ่งสำหรับ vaccines ก็คือลิขสิทธิ์ มันเกี่ยวข้องตั้งแต่การทำวิจัย การได้มาซึ่ง patent ขบวนการผลิต เพราะมันมีผลประโยชน์มหาศาล และมันเป็นธุรกิจ เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของประเทศ
    ในการที่จะได้มาซึ่งลิขสิทธิ์จะต้องเสียเงิน 2,100 ดอลลาร์ สำหรับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและ review จำนวนเงินแค่นี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับบริษัทใหญ่ แต่ก็เป็นภาระสำหรับบริษัทขนาดเล็ก
    WHO ได้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น ในเดือนพฤษภาคมจึงจัดตั้ง patent pool ขึ้นเพื่อให้นักวิจัยสามารถ share ข้อมูลและความรู้เพื่อการต่อยอดในการวิจัย และทำให้การพัฒนา vaccine รวดเร็วขึ้น โดยนักวิทยาศาสตร์จะยังไม่เสีย Royalty ในผลงานนั้น มีแต่ประเทศเล็กๆมาเซ็นสัญญา ไม่มีบริษัทยาใดๆ รวมทั้งอเมริกา มาร่วมเซ็นสัญญา
    นอกจากนี้ลิขสิทธิ์ยังเกี่ยวข้องกับขบวนการการผลิต บริษัทหลายบริษัทที่คิดค้น vaccineได้ในขณะนี้ เช่น Moderna , Inovio ไม่เคยผลิต vaccine จำนวนมากมาก่อน จำเป็นต้องพึ่งบริษัทอื่นที่มีความสามารถผลิตจำนวนมาก ก็มีปัญหาระหว่างกันในเรื่องลิขสิทธิ์การเข้าถึง trade secret บริษัท Inovio เพิ่งฟ้องบริษัทที่ช่วยผลิต ในเรื่องลิขสิทธิ์
    ปัญหาการเข้าถึงลิขสิทธิ์ยังเป็นปัญหาระหว่างประเทศ เยอรมัน Canada ขู่ว่าจะไม่ยอมใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ คือจะ overriding patent แม้อเมริกาเองก็บังคับธุรกิจเอกชนไม่ได้ อเมริกาอาจจะต้องใช้กฏหมายพิเศษกับบริษัทยาเขี้ยวๆเหล่านี้ กฎหมายนี้ชื่อ Bayh-Dole act ซึ่งออกไว้ในปี 1980 รัฐบาลมีสิทธิ์ที่จะออก compulsory license ให้บริษัทอื่นช่วยผลิตวัคซีนให้ ในกรณีที่ vaccine ไม่เพียงพอ
    ปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือ ทุกประเทศโดยเฉพาะประเทศใหญ่ ประเทศผู้ผลิต กำลังแย่งชิงเก็บ vaccines ไว้ให้พลเมืองของตัวเอง
    Oxford วัคซีนร่วมกับ AstraZenaca ต้องไปบรรจุใส่หลอดแก้ว vial โดยบริษัท Catalent ในอิตาลีจำนวน 450 ล้าน dose อิตาลีอ้างสิทธิว่าควรเป็น priority แรก รัฐบาลอังกฤษก็ประกาศว่าอังกฤษต้องได้ใช้ Oxford วัคซีนก่อนใคร เมื่อวัคซีนผลิตออกมาในเดือนหน้า AstraZenaca จะผลิต Oxford วัคซีนจำนวน 2 พันล้าน dose ใน ยุโรป บราซิล รัสเซีย อินเดีย ครึ่งหนึ่งผลิตในอินเดีย นายกอินเดียบอกว่า วัคซีน 500ล้าน dose อินเดียต้องได้ใช้ก่อน
    อเมริกาก็ไม่เบา Trump จะซื้อบริษัทพัฒนาวัคซีนชั้นนำของเยอรมัน Cure Vac AG แต่รัฐบาลเยอรมันบอกว่า German is not for sale. Trump บอกว่าคนอเมริกาต้องได้วัคซีนก่อนใคร และทำสัญญาไว้กับบริษัทใหญ่ๆหลายบริษัท Trump เร่งให้กระบวนการที่จะได้มาซึ่งวัคซีนเร็วที่สุด โดยผ่าน Speed wrap operation โดยทุ่มเงินไปเป็นจำนวนมาก เพราะมีผลต่อการเลือกตั้ง
    บางประเทศอาจจะกัก block ไม่ให้วัคซีนผ่านแดน เพื่อเอาไว้ใช้กับประชาชนตัวเอง เหมือนกับที่เคยทำกับสินค้าเวชภัณฑ์เช่น ยา หน้ากาก ventilators ในช่วงแรกของการระบาด
    องค์กรณ์ Covax ซึ่งมีหน้าที่จัดหาวัคซีนสำหรับประเทศรายได้ตำ่ 90 ประเทศ ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรจากประเทศร่ำรวย
    สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับวัคซีนก็คือมันจะได้ผลในระยะยาวหรือไม่ การสร้างภูมิคุ้มกันจากวัคซีนก็หวังผลจากการสร้าง antibody เป็นหลัก antibody จะมีมากพอและอยู่ยาวนานหรือไม่ ความจริงวัคซีนที่ผลิตด้วยวิธีการแบบเก่า inactivated virus จะให้ภูมิคุ้มกันจาก T cell ด้วย ซึ่งบริษัทของจีน Sinovac ยังใช้วิธีนี้อยู่
    ที่ฮ่องกงเพิ่งรายงาน คนติดเชื้อซ้ำเป็นคนแรกของโลกจากจำนวนคนป่วยทั่วโลก 3 ล้านคน เป็นการติดเชื้อโรคซ้ำหลังจากเวลาผ่านไปสี่เดือนครึ่ง จากไวรัสที่กลายพันธุ์ไปจากเดิม
    เรียบเรียงและวิเคราะห์โดย พลอากาศตรี นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
    ผู้อำนวยการศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลกรุงเทพ
    เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับองค์กร

     

แชร์หน้านี้

Loading...