การหล่อพระแก้วตันๆหน้าตัก 1 M ในเตาอบต้นทุนต่ำกว่าทองเหลืองกลวง หน้า 9 #171

ประวัติและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับงานสร้างพระแก้วต่างๆ


ฐานไฟ Light Base บรรจุหลอดไฟขั้วเกลียว E27 ส่วนมาก 2 ขั้ว เมื่อใส่หลอด 2 หลอด แสงไฟจะกระจายได้เต็มเข่าของพระแก้วทั้งสองข้าง และแสงจะวิ่งขึ้นบนได้มากกว่าการใส่หลอดเดียว

 

ประวัติและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับงานสร้างพระแก้วต่างๆ

 

ประวัติและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับงานสร้างพระแก้วต่างๆ

 

ประวัติและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับงานสร้างพระแก้วต่างๆ

 

ประวัติและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับงานสร้างพระแก้วต่างๆ

 

ประวัติและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับงานสร้างพระแก้วต่างๆ


เฉพาะองค์บน ผมทดลองใช้หลอดสปอตไล้ท์ชนิดความร้อนวิ่งไปด้านหน้าของหลอด และใช้ขั้วไฟ E27 หันขึ้นฟ้า ทำการทดสอบทดลองเปิดวันละ 10 ชั่วโมงต่อเนื่องนานกว่า 7 เดือน ผลการทดสอบแก้วของโรงงานแก้วเจษฏาที่ขณะนั้นมีค่าอัลฟ่าต่ำกว่า 100 ไม่เป็นไรเลย

 

ประวัติและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับงานสร้างพระแก้วต่างๆ

เพื่อให้เข้าถึงเนื้อความของกระทู้ ผมจะขอโพสต์ภาพพระแก้วบางส่วน ที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งแบบเต็มรูปแบบ คือเป็นเจ้าของโครงการคนเดียว และแบบมีส่วนร่วมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง รูปภาพเหล่านี้ผมถ่ายด้วยตัวผมเองพร้อมของประกอบฉาก เช่น ม้าของ Swarovski หรือม้าของโลตัสคริสตัล และอื่นๆ

 

ประวัติและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับงานสร้างพระแก้วต่างๆ





ฐาน Lighting Base ใช้หลอด LED เปลี่ยนสีพร้อม remote control จำนวนหลอด LED มากเกิน 100 หลอด ทำให้แสงกระจายทั่วองค์พระแก้วองค์นี้หน้าตักเกือบ 9 นิ้ว

น้อมถวายไว้ในพระพุทธศาสนาทั้งหมดแล้ว ไม่สร้างในเชิงพาณิชย์

 

ประวัติและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับงานสร้างพระแก้วต่างๆ

หน้าตัก 3 นิ้ว ฐานแผ่นแก้วและเม็ดแก้วทรง octagon ของ Swarovski นำมาติดกาว


ต้นแบบคือพระพุทธรูปของวัดบวรฯ ปางพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรให้กระทรวงการคลัง ผมใช้องค์หน้าตัก 3 นิ้วมาถอดแบบ ของวัดบวรฯมีทั้งหน้าตัก 3 และ 5 นิ้ว

 

ขอสอบถามหน่อยครับแสดงว่าพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษ ที่ปล่อยออกสู่ตลาดมืดเป็นอันมากในสมัยนั้น อาจออกมาเป็นพระเลียนแบบในท้องตลาดจำนวนมากเช่นกันใช่ไมครับ

 

ตอบคุณภานุเดชครับ " อาจอกมาเป็นพระเลียนแบบในท้องตลาดจำนวนมากเช่นกัน " ผมรับว่าใช่เฉพาะในส่วนโรงงานแก้วบางโรงที่ผมพอรู้จักดีกว่านะครับ ผมไม่กล้ารับรองว่า ทุกโรงงานมีการแอบนำออกขายในตลาดมืด

ปัญหาเรื่องพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษมีมากครับ เช่น บางคนบอกว่า รุ่นนั้นวัดสร้างแค่ 250 องค์ อย่างนี้เป็นไปได้หรือครับ ? แต่ก็มีคนนำไปเขียนเป็นตำรา คนไทยนี่จี้เส้นนะครับ แม่พิมพ์เหล็กหน้าตัก 5 นิ้วของพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษสมัยนั้นที่ไม่สวยไม่ประณีตก็ปาเข้าไป 4 หมื่นกว่าแล้ว ที่สวยและประณีตเป็นแสนครับ แม่พิมพ์เหล็กใช้เวลาสร้างบางรุ่น 2 ปีก็มี แล้วสร้างแค่ร้อยสองร้อยองค์ ไม่มีโรงงานแก้วไหนรับงานนั้นหรอกครับ คนเขียนตำราก็ตลก เขียนเข้าไปได้

แต่ทั้งหมดนี้ไม่ต้องการให้ราคาพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษตกต่ำนะครับ เพราะถ้าตกต่ำจะมีการกวาดเก็บพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษกัน คนชนบทไม่รู้ข่าวขายไปองค์ละถูกๆ พอเขาเก็บได้มาก เขาปั่นไปถึงหลักแสนหลักล้าน ถึงตอนนั้นผมจะเสียใจที่เป็นคนทำให้ราคาตกครับ

มีไว้ก็อย่าขายนะครับพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษ

 

ขอบคุณมากครับ

 

พระแก้วทรงพระราชทานจากสมเด็จพระสังฆราชสมเด็จพระญาณสังวรนั้น ท่านพระราชทานให้กระทรวงการคลัง มีการสร้างเป็นทองเหลือง ขนาดหน้าตัก 3 นิ้ว 5 นิ้ว ผมเลือกขนาด 3 นิ้วมาสร้างเพื่อน้อมถวายเกือบทั้งหมดไว้ในพระพุทธศาสนา และบางส่วนเล็กน้อยเพื่อหาเงินทำบุญทำทานบ้าง และเงินบางส่วนให้ลูกน้องช่างแก้วคนที่หล่อ

เมื่อหล่อเต็มองค์แล้ว ก็ตัดเอาเฉพาะองค์พระ (ที่อยู่ในฝ่ามือ) นำไปติดแท่นแก้วและเม็ดแก้วซึ่งเม็ดแก้วนั้นเป็นส่วน Lighting Part ของ Swarovski


ตอนแรกเลยผมอยากทำฐานทึบแสง แล้วใส่แผ่นสำเร็จของหลอด LED ที่ขายกันถูกมากๆ แผ่นละแค่ 200 บาท แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ทำฐานทึบแสงนั้น (Lighting Base) ไปใช้แผ่นแก้วกลมแบนของจีนที่เขาทำจากแก้วคริสตัลราคาถูกแผ่นละร้อยกว่าบาท กับเม็ดแก้ว รวมๆแล้วก็ยังถูกมากๆ แต่ขายได้ราคาดีกว่าฐาน Lighting Base

นำภาพมาให้ประกอบเพื่อให้รู้ว่า งานสร้างพระแก้วจริงๆแต่ละรุ่นไม่ง่ายตรงคนวางแผนคิดและบุกเบิกนี่แหละ

 

ผมใช้โคมไฟตั้งโต๊ะประจำตัวผมถ่ายไว้

ปางและขนาดนี้มีองค์ที่น้อมถวายไว้ในพระพุทธศาสนา และมีองค์นึงที่ท่านทำแตกนำกลับมาซ่อม เอาไว้หาภาพตอนซ่อมว่าทำกันอย่างไร เพราะในประวัติศาสตร์ชาติไทย ยังไม่เคยมีการซ่อมพระแก้วที่หลอมจากแก้วแบบนี้เลย

 

พระ อ. วิชาญในภาพนี้คือตอนมารับพระแก้วที่ส่งซ่อม
ตอนส่งมามีหลุดและพระเศียรแตกด้านบน
ผมใช้วิธีตัดส่วนพระเศียรที่แตกออก หล่อพระแก้วแต่ปิดพระพักตร์ไว้ตอนหล่อ เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างพระแก้วที่สมบูรณ์เต็มองค์ เพราะถ้าสมบูรณ์เต็มองค์แล้วนำมาตัดก็น่าเสียดาย (แต่ส่วนพระเศียรที่สมบูรณ์ตัดออกมาเพื่อต่อเข้ากับองค์ที่ชำรุด)

ใช้กาวใสไร้รอยต่อติดภายใต้แสงยูวี แต่ผลนั้น ผมถือว่า แค่พอซ่อมได้ แต่ไม่ใช่ผลงานซ่อมที่ไม่เห็นรอยเลยนั้นก็ต้องบอกว่า ยังเห็นรอยต่อเชื่อมครับ


ภาพล่างสุดคือตอนที่พระเทพโกศลอดีตเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่แต่งคณะสงฆ์มารับพระแก้วคริสตัลตันๆหน้าตัก 9 นิ้วที่บ้านผม โดยผมน้อมถวายไว้ในพระพุทธศาสนา ถ่ายที่ห้องรับแขกที่บ้านลาดพร้าววังหินตอนนั้น (สังเกตุโคมไฟตั้งโต๊ะประจำตัวผมที่เปิดไฟอยู่นั้น คือการตรวจเนื้อแก้วให้คณะสงฆ์ได้ตรวจเพื่อรับว่า ไม่มีแตกร้าวใดๆ)
ภาพล่างสุดผมให้ลูกสาวผมเป็นคนน้อมถวายพระแก้วที่ซ่อม และโคมไฟประดับและอื่นๆกับพระ อ. วิชาญ

ลูกสาวผมและภรรยาผมร่วมน้อมถวายพระแก้วและบริวารอื่นๆ

 

ภาพนี้เป็นภาพแต่งนะครับ ไม่ใช่มีพระแก้วพุทธชินราชจริง เป็นภาพที่ผมแต่งได้เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นไม่เคยแต่งได้ดีอย่างนี้อีกเลย

ก็โปรดติดตามต่อไปครับ กระทู้แบบนี้คงมีผมคนเดียวที่เขียนได้ในไทย แต่ไม่ใช่ว่าผมคนเดียวเท่านั้นที่มีความรู้ตรงนี้นะครับ มีอีกหลายร้อยหรือหลายพันคนที่เป็นช่างแก้วที่ยังทำงานตามโรงงานแก้วต่างๆ แต่ทำไมไม่ออกมาเขียนก็ไม่ทราบครับ

 

มีท่านที่ถามเข้ามาครับว่า ไหนบอกว่า ในไทยมีคนเป็นวิชาหล่อพระแก้วได้เพียง 2 คน คือผมกับลูกน้องช่างแก้วผมที่ชื่อปีเตอร์เท่านั้น ผมจึงขอตอบตรงนี้เลยครับว่า วิชาหรือเทคนิคการขึ้นรูปแก้ว Glass Forming Technic ที่เรียกว่า Lost Wax Glass หรือ Kiln Cast Glass หรือจะเรียก Pate de Verre นั้น ในไทยนับถึงวันที่เขียนนี้คือเดือนกันยายน 2563 (09/2020) มีผมกับปีเตอร์เท่านั้นที่เคยผ่านงานหล่อพระแก้วทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ที่ใหญ่สุดคือหน้าตัก 9 นิ้ว เล็กสุดคือหน้าตัก 1 ซ.ม. ในระบบเดียวกัน

แต่ที่ผมไปพูดถึงช่างแก้วในไทยว่า ทั้งหมดมีหลายร้อยหรือหลายพันท่านนั้น ผมให้เกียรติและให้ความเคารพต่อทุกๆวิชาแก้ว ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรูปแก้วด้วยการเป่าแก้วด้วยปอด Mouth Blown Glass การกดปั๊ม Pressed Glass การอัดฉีดน้ำแก้วเข้าสู่แม่พิมพ์เหล็ก Glass Injection Diecasting หรือการปั้นแก้วมือเปล่าฟรีฟอร์ม Hand Crafting Glass ในไทยหลายคนเรียกแฮนด์เมด และที่ไม่ควรลืมกล่าวถึงคือวิชาเป่าเครื่องแก้ววิทยาศาสตร์เช่น หม้อต้มกลั่นแก้ว หรืออื่นๆ รวมทั้งสุดท้ายที่คนไทยรู้จักมากที่สุดคือการเป่าแก้วด้วยตะเกียงฟู่ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรสอนคนให้เป็นช่างมามากมาย

ช่างเหล่านี้ในไทยถ้านับรวมทุกวิชาแล้ว มีคนเป็นมากกว่าหมื่นคนแน่นอน และบุคคลเหล่านี้ถ้าได้ฝึกฝนอีกเพียงเล็กน้อยในวิชาหล่อ หรือ Pate de Verre นี้ ก็จะสามารถเป็นช่างวิชาหล่อได้ไม่ยาก ง่ายกว่าคนที่ไม่เคยเป็นช่างแก้วมาก่อนเลย

ต้องขออภัยที่เขียนแล้วอาจทำให้เข้าใจสับสนบ้าง เพราะวิชาแก้วนั้นมีมากจริงๆ แต่วิชาหล่อแก้วเหมือนกับการหล่อพระทองเหลืองแบบที่ผมเรียกว่า Lost Wax Glass หรือ Pate de Verre นี้ ในไทยเพิ่งเคยผ่านงานมาเพียงสองคนนี้เท่านั้นครับ

 

ขออนุญาตบอกเล่าที่มาของวิชาหล่อแก้ว Pate de Verre บนโลกนี้ ประวัติที่มีเขียนส่วนมากมาจากฝรั่งเศส โดยผมจะขอคัดลอกมาให้อ่านกันนะครับ แต่ผมไม่ได้ยืนยันว่า ข้อมูลจะถูกต้องตรงกับความเป็นจริง 100% หรือไม่นะครับ เอาแค่เคร่าๆ

 

เครื่องแก้วที่ทำเครื่องหมาย Daum Nancy จะให้เครดิตแก่ Auguste และ Antonin Daum พี่น้องเหล่านี้เข้าครอบครองโรงงานผลิตแก้วซึ่งเป็นของพ่อ Jean Daum ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Nancy ประเทศฝรั่งเศสในช่วงทศวรรษ 1870 โรงงาน Daum ผลิตคริสตัลนาฬิกาและเครื่องแก้วอเนกประสงค์จนถึงยุค 1890 พี่น้องเริ่มทดลองกับแก้วศิลปะในยุค 1890 และต่อเนื่องในช่วงต้นศตวรรษที่ 20

แก้วที่ผลิตโดยโรงงาน Daum มีสไตล์ นั่นคือหลายชั้นของแก้วแกะสลักเพื่อให้บรรลุการออกแบบในโล่งต่ำ ตัวอย่างบางตัวอย่างใช้เทคนิคหลากหลายรูปแบบเช่นการแกะสลักหรือการแกะสลักด้วยลวดลายแกะสลักในรูปลักษณ์แทนที่จะเป็นการยึดมั่นในการประดับตกแต่ง บางครั้งชิ้น Daum จะพบตั้งอยู่ในฐานเงินหรือทองเพื่อสร้างแจกันหรือจาน

พี่น้อง Daum ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเพื่อนบ้าน Emile Galléตามที่ 999 ของ European Art Glass โดย Ray และ Lee Grover บางงานของพวกเขาอาจจะสับสนกับแก้วของ Gallé ได้อย่างรวดเร็วก่อนเนื่องจากเขาใช้เทคนิคจี้มาสเตอร์จริงๆ แก้ว Daum กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นและเป็นนวัตกรรมใหม่หลังจาก 1904 เมื่อ Gallé เสียชีวิตไปตามที่รายงานใน CollectorsWeekly com บทความออนไลน์

หลังจากช่วงเวลาการผลิตแก้วศิลปะที่ช้าลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งโรงงานได้เปลี่ยนจากการออกแบบสมัยใหม่ไปจนถึงการออกแบบอาร์ตเดคโคให้สอดคล้องกับรูปแบบที่เป็นที่นิยมมากขึ้นในวันนี้
Daum ก็เปลี่ยนจากของที่ทำด้วยมือไปจนถึงของที่ผลิตขึ้นเป็นจำนวนมาก Pâte-de-verre เป็นกระบวนการที่แก้วบดวางอยู่ในแม่พิมพ์และถูกทำให้ร้อนจนถูกผสมเสร็จแล้วโดยใช้เทคนิคแก้วจี้ได้ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายตามข้อมูลจาก Collector's Weekly เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง Daum เปลี่ยนโฟกัสอีกครั้ง ผลึกคริสตัลชัดเจนถูกเป่าหรือทำงานโดยช่างฝีมือในรูปที่สวยงามชามและเครื่องถ้วยอื่น ๆ พวกเขาได้รับอิทธิพลจากงาน Daum Christalerie de Nancy ในทศวรรษที่ 1920 Pâte-de-verre ชิ้นได้รับการแนะนำโดย บริษัท ในยุค 70 เป็นPâte-de-Verre Nouveau

ชิ้น Daum Nancy ล่าสุดยังคงทำจากแก้วใสคุณภาพสูง

 

Daum Nancy Marks

ชิ้น Daum Nancy บางชิ้นถูกทำเครื่องหมายโดยสอดลายเซ็นไว้ที่ด้านข้างของชิ้นงานเช่นเดียวกับแจกันที่ทำจากหมอนอิงกับบทความนี้ (ดูด้านบน) เครื่องหมาย Daum อื่น ๆ จะอยู่บนฐานของชิ้นส่วน

ไม่ว่าจะเป็นด้านข้างหรือด้านล่างเครื่องหมายจะประกอบด้วยคำว่า "Daum Nancy" กับไม้กางเขนของลอร์เรน (ไม้กางเขนฝรั่งเศสประกอบด้วยเส้นแนวตั้งที่ตัดผ่านแถบแนวนอนสองเส้นและมีขนาดสั้นกว่าที่อื่น ๆ )บางเครื่องหมายเชื่อมต่อไม้กางเขนที่มีลายเซ็นอื่น ๆ มีไม้กางเขนใต้ถ้อยคำ Daum Nancy

มีหลายรูปแบบแตกต่างกันไปในเครื่องหมาย Daum Nancy เช่นกัน บางคนมี "Y" ใน Nancy ยืดยาวในสิ่งที่นักสะสมอ้างอิงเป็นเครื่องหมาย "Devil's Tail" (ดังแสดงในภาพข้างบน) อื่น ๆ รวมถึงคำว่า "ฝรั่งเศส" "หนึ่งรูปแบบรวมถึงวันที่และผีเสื้อและหลายคนมีการเขียน curvy มาก

เครื่องหมาย Daum โดยไม่มีเครื่องหมายกากบาทของ Lorraine ระบุว่าชิ้นส่วนที่ผลิตโดย Paul Daum หนึ่งในลูกชายของ Auguste Daum ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานแก้วหลายแห่ง ธุรกิจเหล่านี้ถูกจัดการโดยพนักงาน Lalique อดีต Pierre D'Avesn แก้วที่ทำโดย บริษัท นี้ยังมีคุณภาพสูงและถือได้ว่าเป็นของสะสม

Daum Nancy Reproductions

ในขณะที่นักสะสม Daum Nancy มักจะสามารถมองเห็นภาพปลอมได้ง่ายผู้ซื้อแก้วสามเณรอาจหาชิ้นส่วนและคิดว่าเป็นต้นฉบับ ชิ้นส่วนเหล่านี้มักจะมีเครื่องหมาย "Devil's Tail" หนามาก (เทียบกับลายเซ็นที่แท้จริงด้านบน)

ชิ้นส่วนเหล่านี้ส่วนใหญ่แตกต่างจากต้นฉบับที่เลียนแบบได้หลายวิธี ตัวอย่างเช่นการตกแต่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่ตราไว้หรือกระจกไม่ได้รับการตกแต่งอย่างประณีตเช่นชิ้นที่ทำจากโรงงานนี้อย่างแท้จริง

เมื่อคุณคุ้นเคยกับคุณภาพของต้นฉบับ Daum Nancy แล้วคุณจะสามารถแยกแยะความแตกต่างของของปลอมได้ง่ายมาก จนแล้วผู้ซื้อระวัง

ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล :
https//nctodo.com/

ขออภัยที่ลิ๊งค์หายไป ทำให้ผมทำลิ๊งค์ไปยังแหล่งข้อมูลไม่สมบูรณ์ครับ