ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จชุมนุมมหาคุณบารมีเก้าชั้นแต่งอโหสิกรรม(ถอนกรรมเผ่าพันธุ์บาปบรรพชน) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ก็มีเรื่องแปลกให้เล่ากันแต่เช้า เกี่ยวกับเหรียญเจ้าสัวลูกพระแก้ว เพราะคนที่จองไว้เมื่อคืนข้อความมาทิ้งไว้ให้ผมอ่านตอนตื่น พี่เค้าบอกว่าฝันว่าองค์พระเป็นแก้วใสทรงเครื่องจักรพรรดิมาครอบแสงทิพย์นิพพานให้พร้อมกับบอกเขาว่า "ไม่ต้องห่วงไป ยังไงพ่อจะช่วยแกเอาดีให้ได้ซักทางนั่นแหละ"
    พี่เค้าเล่าว่าองค์พระท่านบอกในฝันว่าท่านรับพี่เขาเป็นลูกแล้ว และพ่อพระแก้วท่านว่าให้ดูที่หลังมือตราโลกจาฤกปรากฏในกายเขาแล้ว ในฝันพี่เค้าเห็นเป็นรอยตราซับซ้อนกลมๆที่หลังมือเค้าแต่พอสะดุ้งตื่นพี่เค้ามองไปที่หลังมือนี้ก็ปรากฏรอยเหมือนลูกตะกร้อแดงๆจางๆค่อยๆเลือนหายไปกับตา


    ก็เลยมีคำถามมาคุยกับผมแต่เช้าว่าพ่อพระแก้วท่านรับแล้ว ตราโลกจาฤกคืออะไร(ผมก็ไม่เคยได้ยินพ่ออาจารย์ท่านพูด) แต่คาดเดาเอาว่าน่าจะเกี่ยวกับพ่อพระแก้วท่านเลือกคนของท่านเหมือนที่พ่ออาจารย์บอกว่าท่านจะช่วยลูกๆของท่าน และทำให้ปรากฏเป็นความจริง ปรากฏแก่โลกเชื่อได้ว่าต้องเกี่ยวพันกับชีวิตจริงทางใดทางหนึ่งแน่ๆเพราะนี่เป็นเหรียญเจ้าสัว ก็นับว่าแปลกอยู่มากเพราะมนุษย์ที่โลกจำหรือโลกจาฤกนั้นต้องเป็นมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆจึงคาดเดาได้ว่าชีวิตพี่เขาหลังจากนี้น่าจะมีอะไรไม่ธรมดาแน่นอน และดูจากเนื้อความฝันพี่เขาที่ว่าจะช่วยแกเอาดีให้ได้ซักทางก็ได้สอบถามพี่เค้าไปและทราบว่าในปัจจุบันนั้นเค้ายังไม่ได้จับหรือทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว

    * ก็เป็นเรื่องน่าแปลกในอาถรรพ์เจ้าสัวลูกพระแก้วของพ่ออาจารย์ท่านที่ยิงยาวต่อเนื่องมาจากหลายๆคนที่ถามกันเมื่อวานเกี่ยวกับตะกร้อค่ายกลด้วยว่าบางท่านลองนั่งสมาธิถามองค์พระดูก็เห็นว่าน่าประหลาดเหลือเกินแตกต่างจากวิชาตะกร้อทั้งหลาย แบบนี้ก็ถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ตริณปรัชญ์ EI 8241 9955 7 TH

    พี่พรหมพล EI 8241 9956 5 TH

    พี่พรเทพ EI 8241 9957 4 TH
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ก็มีหลายๆคนถามหารอรายการตะกร้อเข้ามากันเยอะมาก บางคนอยากได้ไปฝากลูกน้องขอยอดกันมาเป็นสิบลูกทั้งที่ยังไม่ได้เปิดให้จองทางใด เพราะรู้กันแล้วว่าตะกร้อรุ่นนี้ไม่ธรรมดามากจนไม่รู้ว่าจะมีใครทำได้ หรือพ่ออาจารย์ท่านจะมีโอกาสทำออกมาอีกตอนไหน ทั้งยังมีพี่ที่จองเหรียญเจ้าสัวลูกพระแก้วได้พูดถึงพลังงานของตะกร้อไว้อย่างน่าสนใจว่าหมุนคลุมตัวติ๊วๆไม่มีช่องว่างดั่งค่ายกล....แต่รู้สึกจะแปลกออกไปเพราะไม่ได้มาจากพระเวทย์ แต่เป็นพลังงานบริสุทธิ์จากพระนิพพาน

    *** ใครที่ถามๆรอตะกร้อค่ายกลก็รอกันรอบเย็นนะครับ รุ่นนี้ผมไม่ได้จำกัดจำนวนจอง เอาแค่คนจองทันแค่ไหนก็แค่นั้นแต่ให้เริ่มพร้อมกันไม่รับหลังไมค์ล่วงหน้า
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    เห็นมีคนสอบถามเข้ามา ตะกร้อค่ายกลที่จะเปิดจองรอบเย็นนี้จะเก็บไว้ทำหัวแหวนหรือหัวจี้ก็ได้นะครับ หรือจะเลี่ยมผ่าหวายก็ตามแต่ความชอบ ยิ่งใส่แนบเนื้อพลังงานยิ่งเยอะมาก
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ร่วมทำบุญบูชา ลูกตะกร้อผสานธาตุค่ายกลปิดกรรม (ลงอักขระปิดกรรมชุดพิเศษ)

    วิชาค่ายกลปิดกรรมนี้เป็นวิชาเฉพาะทางขององค์ปฐมท่านที่ต้องสร้างค่ายกลคลุมตัวดุจลูกตะกร้อลงอาถรรพ์ผสานธาตุขันธ์ ท่านว่าสัตว์ทั้งหลายนั้นล้วนแต่ถูกผูกอยู่ในกฏแห่งกรรม มีเกณฑ์ชะตาที่จะเกิดสุขทุกข์ระคนกันไป ซึ่งเกณฑ์ชะตาเหล่านี้สามารถที่จะแก้ไขได้ด้วยความประพฤติและการกระทำ หากแต่กฎแห่งกรรมนั้นแก้ไขไม่ได้ สัตว์ทุกรูปนามนั้นปรารถนาความสุข ซึ่งสุขนั้นก็มีทั้งสุขที่ฉาบฉวย ปราณีต ไปจนถึงบรมสุข ไม่ว่าจะสัตว์ชนิดใดหรือมหาสัตว์โพธิสัตว์ก็ตาม ล้วนบำเพ็ญบารมีทนรับความลำบากอย่างยิ่งเพื่อไปให้ถึงความสุขนั้นนั่นคือพระนิพพาน

    เมื่อจะทำตะกร้อผสานธาตุค่ายกลปิดกรรมนั้นท่านได้ทำตามวิชาเฉพาะซึ่งสมเด็จองค์ปฐมได้ประทานให้แก่ท่านไว้ ท่านว่าวิชานี้เป็นวิชาที่พิเศษมากเนื่องจากเกี่ยวเนื่องด้วยธาตุนิพพานอันต่างจากเครื่องมงคลใดๆที่จะพึงมีหรือปรากฏมี ซ้ำวิชาที่ใช้ลงนั้นก็เป็นของสูง เป็นวิชาชั้นสูงยิ่งกว่าตำรับใดๆ ท่านว่าไม่ว่าวิชาในมนุษย์โลก หรือเทวะโลก ตลอดจนพรหมโลกก็ดีนั้น ล้วนเทียบกันไม่ได้ เพราะวิชานี้มีเฉพาะเหล่าพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่รู้ แม้พระอริยสาวกผู้เป็นอรหันต์ขีณาสพก็ไม่สามารถรู้ได้จะมีที่รู้ก็คือเหล่าพระพุทธเจ้า

    นอกจากนั้นก็คือผู้ที่รับวิชาจากเสด็จพระใหญ่ท่านโดยตรง สำหรับพ่ออาจารย์นั้นท่านพิจารณาเห็นแล้วว่ากระแสแห่งพระนิพพานนั้นนอกจากเหล่าพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์แล้วยากที่บุคคลทั้งหลายจะเข้าถึง ทั้งตะกร้อค่ายกลนี้มีอานุภาพต่อต้านกรรมโดยตรงท่านว่าเหนือกว่าวิชาหนุนดวงหรือวิชาที่เสกโดยคุณแห่งวิปัสนาญาณทั้งหลายเพราะธาตุนิพพานในค่ายกลนี้มีผลเกี่ยวเนื่องกับบรมสุขโดยเฉพาะ เมื่อธาตุนิพพานอยู่กับผู้ใดก็ย่อมถือได้ว่าผู้นั้นถึงซึ่งบรมสุขอย่างแท้จริง เมื่อนั้นความทุกข์ทั้งหลายย่อมจะไม่มากล้ำกรายได้แม้แต่กรรมเวรหรือภัยจากอมนุษย์ทั้งหลายก็ดี

    พ่ออาจารย์ท่านว่าโดยปกติแล้วแม้เหล่าสมเด็จพระบรมศาสดาเมื่อทรงตรัสรู้นั้นตลอดไปจนสิ้นอายุขัยแห่งพระชนม์ชีพท่านก็ยังรับผลของกฏแห่งกรรมอยู่จวบจนท่านเข้านิพพานจึงจะพ้นกฏของสิ่งสมมติทั้งหลาย ดังนั้นตะกร้อค่ายกลนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญท่านว่าจะเกิดขึ้นในวาระสำคัญเท่านั้นแม้พระศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองหรือตกต่ำเพียงใดหากเสด็จพระใหญ่ท่านไม่เปิดให้แก่ผู้ใดแล้ววิชานี้ย่อมไม่เกิดขึ้นเลย

    เพราะมีผลใหญ่หลวงให้ล่วงกรรมได้โดยตรง ท่านว่าแม้มีทุกข์เข็ญใดเป็นปัจจัยให้เผชิญอยู่ก็ดีให้ระลึกถึงองค์ปฐมเป็นที่สุดกาลแห่งทุกข์นั้นย่อมคลี่คลายและล่วงผ่านไปได้เสมอดุจว่าไม่เคยเกิดขึ้นเลยแม้ทุกข์นั้นจะมีผลสืบมาจากกฏแห่งกรรมก็ตามท่านว่าตรงนี้ศรัทธามีส่วนมากยิ่งศรัทธามากก็ยิ่งได้ผลมาก

    พ่ออาจารย์ท่านพิจารณาแล้วว่าเหตุในปัจจุบันนั้นคนลืมสุขตกทุกข์นั้นมีมากด้วยว่าวาระเวรกรรมนั้นหนุนสัตว์ให้โลกปั่นป่วนวุ่นวาย ผู้มีอำนาจล้วนทุศีลขาดความสุจริตยุติธรรมส่งผลตามมาถึงคนกลุ่มใหญ่ในทุกๆประเทศล้วนเดือดร้อนตามกันไปทั้งหมด องค์ปฐมท่านจึงให้นำตะกร้อค่ายกลออกมาฝังไว้กับเจ้าสัวพระแก้วเพื่อปิดกรรมและเร่งกำลังบารมีหนุนชีวิตตัวเองให้กุศลกรรมส่งผล ท่านว่าพูดได้เพียงเท่านี้นอกจากเสริมบารมีแล้วยังเกี่ยวกับการสร้างฤทธิ์เป็นวิชาที่มีอิทธิฤทธิ์วิเศษ..โดยปกติแล้วจะหาวิชาใดที่จะเสริมส่งให้ผู้ครอบครองนั้นล่วงอิทธิฤทธิ์วิเศษได้ย่อมไม่มีอยู่เลย

    ฤทธิ์วิเศษนี้คือฤทธิ์ทางใจไม่ใช่จะไปดำดินเหินฟ้าที่ไหน ท่านพิจารณาแล้วว่าตะกร้อค่ายกลนั้นเป็นของมงคลชั้นเลิศติดตัวเอาไว้เดี๋ยวก้รู้เอง มันจะพอกพูนและเกิดขึ้นกับจิตวิญญาณติดตัวไปถึงภพหน้าไม่ตายตามกายสังขารคนที่ไม่เคยมีสัมผัสพิเศษ ไม่เคยมีลางสังหรณ์ ไม่เคยมีฤทธิ์ทางใจทั้งหลาย ท่านว่าเดี๋ยวก็จะมี จะค่อยๆมีค่อยๆเกิดขึ้น ค่อยๆเป็นค่อยๆไปและมากขึ้นแม่นยำขึ้นพอกพูนไปเรื่อยๆ

    ปกติแล้วตะกร้อค่ายกลมันจะหมุนล้อมครอบตัวเราอยู่ตลอดเวลา
    หากคนไหนใช้เป็นนำมาประกอบการทำสมาธิเข้าฌานหรือฝึกพลังทางจิต อธิษฐานนำมาครอบจิตตนไว้ท่านว่าคนผู้นั้นยิ่งกว่าเสือติดปีก จะไปชมป่าหิมพานต์ จะไปพิภพนาคา หรือจะไปคุยกับเทวดาหรือพรหมทั้งหลายก็ย่อมทำได้ทั้งสิ้น ท่านว่าฤทธิ์ทางใจนี้มันจะสั่งสมพอกพูนขึ้นเองเวลาเราสร้างบารมีหรือนำมาใช้เวลานั่งสมาธิวิปัสนา แม้พกไว้ปกติก็ยังเป็นมหาอำนาจทำให้คนเคารพหวั่นเกรงมาจากจิตใจของเค้า

    คาถาบูชา
    เดินค่ายกลปิดกรรม นะมะพุทธัง นะพุทธะสังสะตะอุอิ ปาสุอุชาวิระสติพุทธิจิตติสิวังพุทธัง อิมังคะมังทิตวิสังอรหังโลกะวิทู ยะวะโลกะวิทู สัพพะอะระหาพุทธะสังมิพุทธะสังอิ อิสวาสุ สะระณะมะ ทุสะนิมะ ผะเวสัจเจเอหิ อะนิโสสะ เอตังสะตึงเยตะมังคะลัง

    ### รายการนี้เป็นรายการที่พ่ออาจารย์ท่านแนะนำให้บูชากันมากที่สุดสำหรับคนที่ยังไม่เห็นในภัยอันเกิดสืบเนื่องมาจากบุพกรรมของตนเอง ทุกลูกท่านเมตตาลงจารอักขระปิดล้อมกรรมให้เป็นกรณีพิเศษ ท่านวามีอานุภาพใหญ่นัก คนที่ถือครองหมั่นอาราธนาพระคาถาจะจำเริญสวัสดิมงคลยิ่งนัก ถ้ากำหนดจิตเห็นลูกตะกร้อแก้วทิพย์ครอบตัวได้ทุกวันภัยจากกรรมใดๆก็เล็ดลอดมาบีฑาย่ำยีมิได้เลย ปิดทางตกต่ำไม่จำเริญจากกรรมเวรและเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ายการนี้รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น รายได้ร่วมสมทบทุนวิหารทานสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ลูกตะกร้อผสานธาตุค่ายกลปิดกรรม (ลงอักขระปิดกรรมชุดพิเศษ) บูชา 900 บาท

    94387648-2304692879831849-8402664500246872064-n.jpg

    93898999-2536230193354492-8366479052885721088-n.jpg
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    รายการนี้จัดเป็นรายการที่พ่ออาจารย์ท่านแนะนำเป็นกรณีพิเศษ เพราะพ่ออาจารย์ท่านยกไว้ว่าเป็นเครื่องรางที่มีอานุภาพออกได้รุนแรงกว่าเครื่องมงคลที่เป็นรูปพระหรือเทพเจ้า เพราะเป็นของใช้งานเฉพาะทาง คาดเครื่องรางแบบนี้ดีกว่าคาดพวกปั้นเหน่งอะไรเหล่านี้มากนัก ท่านว่าจะทำพวงกุญแจหรือจะเก็บไว้ทำหัวแหวนหรือหัวจี้ก็ได้ทั้งสิ้น *** แต่โดนเนื้อโดนตัวกรรมจะปิดไวที่สุด
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่วุฒิชัย EI 8931 1286 5 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EI 8931 1287 9 TH

    พี่ศิระ EI 8931 1288 2 TH

    พี่ณธพรหม EI 8931 1289 6 TH
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    เมื่ออาทิตย์ก่อนก็มีปรึกษากันเข้ามาเกี่ยวกับปัญหาในระบบชีวิตอยากจะขอบูชาเครื่องมงคลที่เด่นๆมีอานุภาพทางด้าน "สยบ" บูชาไปใช้ ...จนถึงวันนี้ก็คอยติดตามผลพูดคุยกันมาตลอดแต่ก็มาแปลกใจเพราะเครื่องมงคล..นี้มีผลชัดเจนมาก เดี๋ยวจะยกไว้มาทยอยพูดคุยกันเรื่อยๆนะครับ
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่วีรภัทร EI 8931 2244 8 TH

    พี่ศิระ EI 8931 2245 1 TH
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    อุเบกขา

    อุเบกขา เราแปลว่า “วางเฉย” ถ้าเป็นความรูสึกหรือเวทนา หมายถึงความรู้สึกว่าไม่ทุกข์ ไม่สุข เป็นความรู้สึกเฉยๆ ถ้ามีใจเป็นกลางคือไม่เอนเอียงไปตามภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะผิดหรือถูก ไม่ว่าจะเป็นโทษหรือเป็นคุณ เป็นความรู้และเข้าใจในเรื่องกรรม มีใจยุติธรรม เคารพในกฎกติกาหรือกฎหมาย เพ่งพิจารณาด้วยเหตุผลเป็นสำคัญ

    อุเบกขาเป็นธรรมอย่างหนึ่งใน “พรหมวิหารธรรม” (คือ 1.เมตตา 2.กรุณา 3.มุทิตา 4.อุเบกขา) คำว่า “พรหมวิหาร” คือ คุณธรรมของผู้ใหญ่,ผู้ปกครองหรือหัวหน้า พรหมในที่นี้คือ พระพรหมหรือเทวดาซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสูงสุด(ในลัทธิพราหมณ์) เรามักจะแสดงด้วยภาพ “พรหม 4 หน้า” คือรูปเทวดาที่มี 4 หน้า ซึ่งมีลักษณะมองเห็นปวงสัตว์ในทิศทั้งสี่ แต่ความจริงเทวดาประเภทนี้ไม่ใช่มี 4 หน้า แต่หมายถึง มีคุณธรรมทั้งสี่ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา

    พระพุทธเจ้าเอาความเชื่อในทางลัทธิมาอธิบายให้เป็น “ธรรม” ที่ปฏิบัติได้ หมายความว่า พระพรหมที่ว่ามี 4 หน้านั้นคือมีธรรม 4 ประการประจำใจคือ
    1 เมตตา – ความรัก ความปราถนาดี ต้องการให้คนอื่นมีความสุขสมหวัง มีอาการดีใจ
    2 กรุณา – มีใจสงสาร เห็นใจ อยากให้เขาพ้นทุกข์ภัยได้ไม่อยากให้เขาลำบาก
    3 มุทิตา – ยินดีกับความสุขความสำเร็จของคนอื่น ได้ข่าวดีก็ดีใจ
    4 อุเบกขา – วางใจเป็นกลาง มีจิตเที่ยงตรง ใช้ปัญญาพิจารณาให้รู้เท่าทันความจริงที่เกิดขึ้น ไม่เอนเอียงด้วยอคติอย่างใดอย่างหนึ่งเข้าใจกฎแห่งกรรม

    วันนี้ต้องการจะเขียนถึงข้อสุดท้ายคือ “อุเบกขา” ขอทำความเข้าใจก่อนว่าอุเบกขาเป็น “ธรรม” อย่างหนึ่งคือเป็น “สภาวะ” อย่างหนึ่ง สภาวะ คือ “สิ่งที่มีอยู่จริงในตัวเอง” ทุกสภาวะคือ “ธรรม” ในคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงในตัวเองไม่ว่าจะบัญญัติหรือไม่บัญญัติว่าเป็นอะไร มันก็มีอยู่เช่นสภาวะทีเรียกว่า “รูป” คือความเปลี่ยนแปลงความแตกสลายรูปเป็นธรรมอย่างหนึ่งจึงเรียกเต็มๆได้ว่า “ธรรม”คือรูปธรรม ทุกสภาวะในคำสอนของพระพุทธเจ้าล้วนแต่เป็น “ธรรม” อย่างหนึ่งๆเอาคำว่า “ธรรม” ต่อท้ายได้ทั้งหมด

    สิ่งที่เรียกว่า “ธรรม” จะเรียกว่า “ธาตุ” ก็ได้ “ธาตุ” คือสภาวะที่มีอยู่แต่เดิมไม่ว่าจะเรียกหรือบัญญัติเป็นอะไรก็มีอยู่จริง ไม่ใช่มีอยู่เพราะการเรียกหรือบัญญัติขึ้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าธรรม (หรือ “ธาตุ”) เป็นสิ่งที่ทรงแสดงหรือเปิดเผยให้รู้ให้เข้าใจคือมันมีอยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่เรียกหรือบัญญัติขึ้น(อย่างสิกขาบทแต่ละข้อ) ในภาษาบาลีแยกกันอย่างชัดเจนระหว่าง “ธรรม” กับ “วินัย” ใช้คำว่า “ธมฺโม จ วินโย จ” (คือ ธรรมและวินัย) หมายความว่าในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามีธรรมและวินัย ส่วนที่เป็นธรรมคือ สภาวะที่มีอยู่ในตัวเอง ส่วนที่เป็นวินัยคือสิ่งหรือเรื่องที่บัญญัติขึ้นตั้งขึ้นซึ่งเรียกว่า “กฎ” บ้าง “สิกขาบท” บ้าง ฯลฯ ธรรมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ วินัยเปลี่ยนแปลงได้ ยกเลิกได้ เพิ่มเติมได้ ปรุงแต่งได้ ด้วยการเรียกหรือบัญญัติขึ้น คำว่าธรรมในคำสอนของพระพุทธเจ้าแต่ละอย่าง เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “กรรม” เมื่อเป็นการกระทำ (แต่คำว่ากรรมในที่นี้ต้องเนื่องกับจิตจึงจัดเป็นกรรม)

    อุเบกขา เป็นธรรมอย่างหนึ่ง เป็นสภาวะมีอยู่ในตัวเอง และเป็น “กรรม” อย่างหนึ่ง เมื่อจิตเข้าไปจับ เรียกว่า ”อุเบกขาธรรม” ก็ได้ เรียกว่า “อุเบกขากรรม” ก็ได้ หรือจะเรียกว่า “อุเบกขาจิต” ก็ได้ (หมายถึงจิตที่ประกอบด้วยอุเบกขา)

    จิตในที่นี้คือ “ความตั้งใจ” หรือ “เจตนา” ทุกอย่างที่เป็นกรรม เพราะมีความตั้งใจหรือมีเจตนา คือต้องเนื่องกับจิตเสมอถ้าจิตไม่รับรู้ก็ไม่เป็นกรรม จะเห็นได้ว่าธรรมทุกอย่างเป็นสภาวะแต่ละอย่างคือมีอยู่ในตัวเอง จะเป็นกรรมหรือไม่ขึ้นอยู่กับจิตว่ารับรู้หรือไม่ จิตที่รับรู้นี้แหละเรียกว่า “เจตนา” กรรมจึงเป็นสภาวะที่เนื่องกับจิตเสมอ กรรม (การกระทำ) เป็นสภาวะหรือเป็นธรรมอย่างหนึ่ง,จิต ก็เป็นสภาวะหรือเป็นธรรมอย่างหนึ่ง

    อุเบกขาเราแปลว่า “วางเฉย” จึงไม่ใช่การไม่รับรู้อะไรแต่เป็นการรับรู้อย่างยิ่ง มีการเพ่งพิจารณาและรู้ อุเบกขาที่เป็นความรู้สึกหรือเป็น “เวทนา” เป็นสภาวะที่รู้ว่าไม่ทุกข์ไม่สุข ซึ่งเป็นความรู้สึก (รู้ได้)ในฌานที่ 4 เรียกว่าจิตเป็นอุเบกขาอันเป็นสภาวะที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง

    อุเบกขาที่เป็น “ปัญญา” บาลีใช้คำว่า “ปัชฌัตตตา” คือความที่จิตเป็นกลาง หรือการวางจิตเป็นกลาง จะเห็นได้ว่าทั้งอุเบกขาที่เป็นความรู้สึก(เวทนา) และอุเบกขาที่เป็นปัญญาไม่ใช่การไม่รับรู้อะไรแต่เป็นการรับรู้ด้วยสติและปัญญาอย่างยิ่ง อุเบกขาในฌานที่ 4 เป็นสภาวะของจิต(รู้ด้วยสติ)ว่าไม่ทุกข์ไม่สุขจึงมีความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ส่วนอุเบกขาที่เป็นมัชฌัตตตา (วางใจเป็นกลาง) เป็นสภาวะของจิตที่อยู่ตรงกลางระหว่างความถูกกับความผิด,ระหว่างทุกข์กับสุข,คุณหรือโทษ ซึ่งจะเป็นได้อย่างนั้นต้องใช้ปัญญาเพ่งพิจารณาไม่ใช่การไม่รู้อะไร

    จึงอาจเป็นไปได้ว่าเพราะคำแปลว่า “วางเฉย” สำหรับ “อุเบกขา” ทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นการเฉยเมยไม่รับรู้อะไรเสียเลย แต่ความจริงสภาวะที่เรียกว่าอุเบกขาเป็นการมีสติอย่างยิ่งในฌาน 4 และเป็นการเพ่งพิจารณาด้วยปัญญาอย่างยิ่งในการวางใจเป็นกลาง ดังนั้นอุเบกขาจึงเป็นเรื่องของความรู้ไม่ใช่การไม่รับรู้อะไร การวางเฉยโดยไม่รับรู้อะไรย่อมไม่เป็น “กรรม” แต่ความจริง อุเบกขาในคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นกรรมอย่างหนึ่งคือมีการกระทำ(มีเจตนา)ทางจิต จึงจะเรียกว่า“อุเบกขา” อุเบกขาใน “พรหมวิหาร 4” เป็นเรื่องของการใช้ปัญญาเพ่งพิจารณาเพื่อวางใจเป็นกลางไม่ให้ใจเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ให้พิจารณาเห็นกรรม เห็นความยุติธรรม หรือเห็นหลักการเห็นเหตุผลจนวางใจเป็นกลางได้

    น่าแปลกใจว่าคนส่วนใหญ่วางใจเป็นกลางไม่ได้ทั้งไม่เพ่งพิจารณาให้เห็นกรรม หรือไม่เข้าใจธรรม จึงต้องใช้อุเบกขาให้มากๆไม่ใช่สอนให้วางเฉยโดยไม่รับรู้อะไร อุเบกขาไม่ใช่การมีท่าทีวางเฉย หรือมีกิริยาอาการ “ปลง” ไม่สนใจอะไรแต่เป็นการใช้สติปัญญาอย่างยิ่งต่างหาก เมื่อสอนเรื่องพรหมวิหาร 4 ดูเหมือนเราจะเข้าใจแต่ธรรม 3 ข้อแรกคือเมตตา,กรุณาและมุทิตา เท่านั้นส่วน “อุเบกขา” กลับไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดๆเป็นส่วนมาก อุเบกขาในฌาน 4 (ความรู้สึกไม่ทุกข์ไม่สุข) อาจจะเป็นเรื่องที่อยู่ห่างไกลออกไปแต่อุเบกขาในพรหมวิหาร 4 เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติอยู่เสมอๆ *** จะได้ไม่ยึดมั่นถือมั่นอยู่ข้างใดข้างหนึ่งหรือเอาแต่ “วางเฉย” เฉยเมยไม่รับรู้อะไรที่เข้าใจว่าเป็น “อุเบกขา”

    557000001349001.jpg
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ใครชอบเครื่องรางที่มีอานุภาพในทางมหาสยบ.. พรุ่งนี้ติดตามดีๆนะครับ
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    พรุ่งนี้ติดตามกันนะครับสำหรับคนที่มีภาระหนัก มีปัญหาเยอะจะได้ผ่อนแรง ด้วยเครื่องรางที่มีการสร้างสืบทอดยาวนานกว่าพันปี
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ร่วมทำบุญบูชา หลักเสาสักการะยึดโยงฟ้าค้ำโลกาหมื่นชะตาสยบ (รวมศูนย์ชะตาหมื่นวาสนาชนชาติมนุษย์,มหายักษ์แบกให้ถึงสวรรค์)

    เสายักษ์ค้ำหมื่นชะตาเป็นเครื่องรางที่อาศัยโชคชะตาของผู้อื่นโดยรอบเสริมพลังสร้างโชคชะตาใหม่ที่แข็งแกร่งให้เรา พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้ปฏิเสธกันไม่ได้เลยที่ว่าคนเราจะไม่สัญจรไปไหน อย่างน้อยหากอยู่กับที่แต่รอบๆก็ยังมีบ้านคน,มีจิตวิญญาณ,มีพลังงานแม้ใต้ปฐพีหรือเหนือชั้นฟ้าก็ยังมีการเคลื่อนไหว..เสานี้จึงดึงดูดโชคชะตาของชนชาติรอบๆผลักดันเจ้าของ...พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นดั่งเสาหลักคำฟ้าเพราะเป็นวิชาอาถรรพ์ที่หาผู้รู้ลงมือทำได้ยาก ดั่งที่ฟ้าบรรพกาลมีทั้งแกนจักรวาล,มีหลักโลก แม้ลึกลงไปในมหาสมุทรก็ยังมีเสาค้ำสมุทรทั้งเจ็ด,เสาค้ำทะเลทั้งสี่ทิศเหล่านี้เธอรู้กันหรือไม่..แน่นอนว่าบางคนก็มองไม่เห็นหาให้ตายก็ไม่พบ รวมๆพ่ออาจารย์ท่านเรียกเสาหลักว่าหลักค้ำฟ้า โดยที่เสาหลักนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงที่ล้มลงไปไม่ได้ เป็นทั้งหลักที่พึ่งและเครื่องยึดเหนี่ยวยึดโยงของชนทั้งโลก เพราะเสาค้ำฟ้านั้นจะช่วยค้ำจุนโลกเอาไว้ ### ในขณะที่เสาค้ำหมื่นชะตาฟ้าสยบนี้จะค้ำจุนชะตาเราช่วยผ่อนแรงให้เรา(ที่ว่าหนักมาทั้งชีวิตก็ได้คลายเหมือนมีคนมารับกรรมต่อ มาแบกทุกข์แทน มารับช่วงแทนทุกอย่าง) ข้อดีของเสานี้หากใครจะถามว่าใช้รับน้ำหนักแรงทุกข์แรงกรรมได้มากแค่ไหน พ่ออาจารย์ท่านว่าดูง่ายๆแค่เสาในชั้นดินอย่างเสาค้ำสี่ทะเลเจ็ดมหาสมุทร แค่นั้นก็ค้ำรับแรงได้ทั้งโลกแล้ว เสานี้เมื่อลงหลักค้ำจุนผู้ใดจะนำมาซึ่งความร่มเย็นทำให้ชีวิตสงบสุขไม่ปั่นป่วนด้วยคลื่นลมและแรงปะทะทั้งหลายอันซัดโหมใส่ชีวิตของเราเมื่อถึงที่สุดแล้วจะทำให้ชีวิตเรามั่นคงโดยลำดับขั้น(คือมีแต่มากขึ้นเรื่อยๆ) ทั้งคอยค้ำจุนชะตากรรมไม่ให้พังลงมาหรือแปรเปลี่ยนปั่นป่วนเกินที่ตัวเราจะต้านทานควบคุมได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้ปัจจัยโดยรวมรอบตัวทั้งปัจจัยสังคมภายนอกยิ่งส่งผลรุนแรงต่อวิถีชีวิตเช่นนั้นจึงต้องจัดระบบให้หมื่นชะตารวมศูนย์ดึงความผันผวนโดยรอบมาสร้างฐานเสริมความมั่นคง ท่านจึงมีดำริให้นำเสาค้ำโลกาหมื่นชะตาออกมาแบ่งกันใช้

    ทั้งการสร้างเสาหลักเสาชัยนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศอำนาจ กระจายอำนาจ เป็นเครื่องรางที่จะรวบรวมชะตาโดยรอบผลักดันก่อเกิดเป็นอำนาจในทุกมิติ ให้เรารักษาความมั่นคงไว้ได้ยาวนาน มีอำนาจนิรันดร์กาล เช่นเสาอโศกเมื่อขยายไปที่ใดพระพุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองอยู่ตรงนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเสาค้ำหมื่นชะตานี้ไม่เพียงมีไว้ขับส่งแรงปะทะรอบตัวเขายังมีอำนาจเป็นแหล่งรวมพลังจักรวาลทั้งยังใช้ดูดซับวิชาทั้งหลาย(รอบตัวเราพันหมื่นเวทย์วิชา)...เกินสามัญสำนึก เช่นนั้นพ่ออาจารย์จึงมีคติให้แก่ผู้ที่ครอบครองเสาค้ำว่าชีวิตจะสงบร่มเย็นดีไม่ร้อนรุ่มเพราะอะไรก็มาทำให้ร้อนไม่ได้ เปรียบดั่งชีวิตคนเราที่มีเสาหลักให้พึ่งพิงค้ำตัวเราอยู่จะล้มก็ไม่ได้(แค่จะทรุดลงก็ยังทำไม่ได้เลย) ในขณะเดียวกันชีวิตใครที่ขาดเสาค้ำก็มักจะถูกทำลายหรือโดนรบกวนได้ง่ายๆดั่งโลกที่จุดไหนเสาค้ำมีปัญหาก็มักจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงถาโถมนานัปการทั้งภูเขาสั่นคลอน,ผืนป่าถูกทำลาย,มหาสมุทรเกรี้ยวกราด,เกิดน้ำท่วมผืนพิภพ,บรรยากาศหวาดผวา,อากาศผิดฤดูกาล,เกิดโรคระบาด,ปีศาจออกมาทำลายมนุษย์.. เช่นเดียวกันชีวิตเราที่ไม่ขาดเสาค้ำย่อมปลอดภัยจากมหาภัยในมหาทิศทั้งปวง

    เมื่อจะสร้างเสาหมื่นชะตา(ฟ้าสยบ) องค์ปรพรหมท่านแนะนำให้ทำตามวิชาของท่านคือทำเป็นรูปมหายักษ์แบกสวรรค์เอาไว้(ท่านว่าภาระสวรรค์ยังแบกได้ ชีวิตคนก็ไม่มีอะไรที่จะหนักหนามากไปกว่านี้แล้ว) เมื่อยักษ์ยังแบกสวรรค์อยู่เช่นนี้เสาหมื่นชะตาจึงกลายเป็นเสาหลักโลกเหนือกว่าเสาในชั้นดินทั้งหลายอย่างแท้จริง เป็นการดึงกำลังฟ้าสวรรค์ลงมาแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นอานุภาพ "สยบ" ทั้งสิบทิศ (เมื่อเราใช้ เสานี้จะสยบชะตาหมื่นแสนของสิ่งมีชีวิตโดยรอบสูบเอากำลังทั้งสิบทิศมาหนุนเรา) ทั้งมหายักษ์บรรพกาลนั้นยั่งมีฤทธิ์รุ่งโรจน์เกินทวยเทพทั้งหลายทั้งยังมีบริวารมากมาย มีอำนาจ "บัญชาการ" ความเป็นไปของสรรพชีวิตได้ ด้วยมีอำนาจถึงกับแบกเอาเขาพระสุเมรุอันเป็นหลักโลกไว้นับอสงไขยเวลาทั้งสวรรค์ก็มีทวยเทพ,พระพุทธเจ้าและเหล่าพระโพธิสัตว์หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนมากมายประทับในชั้นต่างๆ...หากแต่มหายักษ์ผู้ค้ำสวรรค์นี้กลับไม่ได้เปลี่ยนตัวไป พ่ออาจารย์ท่านว่าเสาหมื่นชะตาที่มีมหายักษ์ซึ่งคงอยู่นานนับอสงไขยเวลาคอยค้ำจุนสวรรค์อันถือว่าเป็นสิ่งสูงสุดนี้จึงช่วยให้ชีวิตเรามั่นคงได้มากขึ้น แข็งแรงแข็งแกร่งกว่าหมื่นชะตาพันชนชาติรอบตัว ทั้งมหายักษ์ยังจะแบกเราให้ถึงซึ่งสิ่งสูงสุดในชีวิต(ดุจแบกสวรรค์) ไม่หวั่นน้ำหนักของภาระทั้งหลายที่จะเพิ่มเข้ามาในแต่ละวันเลย ****พ่ออาจารย์ท่านว่ายิ่งคนภาระเยอะก็ให้บอกพ่อยักษ์เขาให้เขาช่วยรับแทนเราให้หน่อย วันนี้เรื่องอะไร พรุ่งนี้เรื่องอะไรจะค่ำเช้าดึกดื่นไม่ว่าขึ้นว่าแรมบอกเขาให้ครบให้ละเอียด เขาจะแบกเราให้เอาตัวรอดได้สบายจะได้รีบสร้างฐานะไปก่อนเช่นนี้ท่านช่วยไม่ขัดข้องเลย

    เมื่อชีวิตตกต่ำต้องใช้เสาค้ำฟ้า

    วิชาสร้างเสาค้ำฟ้าค้ำชีวิตนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีมามากกว่าพันปีแล้ว สมัยก่อนเขาจะเรียก "เสาสักการะฟ้าดิน" บ้าง "เสาค้ำฟ้า" บ้าง ซึ่งเสานี้จะมีอานุภาพใช้ค้ำได้ทั้งโคตรบรรพชน ยุคน่านเจ้าก็มีการบวงสรวงเสาเหล็กเสมอด้วยการบวงสรวงต่อฟ้าดิน บางอารายธรรมถึงกับทำการบูชายัญสรรพชีวิตในใต้หล้านี้สังเวยเสาค้ำสวรรค์ของชาติพันธ์ของเขาทั้งใช้มนุษย์เฉพาะผู้ชายมาพันธนาการไว้หน้าเสาก็มี...พ่ออาจารย์ท่านว่านับพันปี..หลายพันปี..เมื่อจะสถาปนาอำนาจแห่งรัฐ อำนาจแห่งปัจเจกบุคคลก็ดีย่อมสร้างเสาค้ำฟ้านี้ให้ปรากฏขึ้น เช่นนั้นเมื่อพ่ออาจารย์ท่านสร้างเสาหมื่นชะตาท่านจึงสร้างสืบสานต่อเวทย์วิชาอันถูกปกปิดไว้ เพื่อที่เสานี้ปรากฏแก่ผู้ใดจะได้เป็นเกียรติยศดุจได้รับการสถาปนาให้คงอยู่ในอำนาจใต้ฟ้าดินนี้ไร้ผู้ทัดเทียม มีเสาเป็นสื่อให้ตัวเราผสานเข้ากับพลังงานฟ้าดินโดยไม่ขัดต่อเจตนารมณ์กฏฟ้า นอกจากจะเป็นเสาค้ำฟ้าค้ำชีวิตแล้ว...ยังใช้ยึดโยงตัวเราเข้ากับโคตรบรรพชนนับแต่อดีตกาลทั้งหมด ดึงอำนาจบรรพชนทั้งหลายมาหนุนส่งเราตามอาถรรพ์แห่งเสาสักการะฟ้าดิน ทั้งจะได้ปรับภพภูมิทั้งตัวเราและเหล่าบรรพชนให้สูงส่งยิ่งๆขึ้นไป(นี่คืออาถรรพ์พิเศษของเสาค้ำฟ้า)

    เพื่อจะสถาปนาซึ่งมงคลค้ำคูณสูงสุดดังนี้จึงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องหาฤกษ์หายามตั้งแต่ปั้นหุ่นกันทีเดียว ซ้ำยังต้องลงอักขระทุกสายตั้งแต่พุทธวิชา,พรหมศาสตร์และเวทย์สวรรค์ตลอดจนวิชาในพระพิชัยสงครามเลือกเอาแต่ที่หนุนดวง,หนุนชะตา,ค้ำดวงวาสนาให้ไม่ต่ำกว่าคนไม่จนกว่าใคร พ่ออาจารย์ท่านว่ายันต์แต่ละสูตรขององค์ปรพรหมและองค์ปฐมที่ยังไม่ได้เปิดเผยนั้นล้วนแต่เปลี่ยนยาจกให้เป็นคนมีอันจะกินมามากแล้ว..ใช้เปลี่ยนเจตนาฟ้าได้แรงใช่ย่อยเลย พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์ปรพรหมนั้นท่านให้สถาปนาเสาค้ำฟ้านี้ไว้ถึงขั้นที่ว่าหากได้ใช้แล้วขาดเสานี้ไปจะรู้ตัวเองเลยว่าที่ผ่านมาทำไมชีวิตถึงพังทลาย(ชีวิตหลังจากนี้ไปที่ว่าขึ้นว่าดีมันเป็นอย่างไร) ด้วยเป็นวิชาที่มีมานานเกินพันปีหากแต่ไม่ใคร่มีใครสืบทอดไว้เมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถูกต้องครบถ้วนตามเคล็ดคนโบราณ(พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องตั้งพิธีสังเวยฟ้าร้อยแปดครั้งเพื่อสูบเอาพลังฟ้าดิน หากแต่ไม่ได้ใช้สิ่งมีชีวิตใดๆมาสังเวย ท่านปั้นเป็นหุ่นสมมติเป็นรูปนามโยนบูชากองกูณพระอัคคีขึ้นแทนไม่ว่าจะคนจะสรรพสัตว์ทั้งหลายใช้หุ่นเหล่านั้นเพื่อทำพิธีเป็นการสังเวยตัวแทน พ่ออาจารย์ท่านว่ามีอาถรรพ์เสมอกันทั้งยังได้พลังฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ปนอาถรรพ์วิญญาณใดๆรบกวนด้วย) เพื่อให้ผู้ครอบครองได้อยู่เป็นสุขไปสืบลูกสืบหลาน ภายใต้ร่มกำบังแห่งเสาค้ำฟ้านี้ใครได้อาศัยจะมีแต่สุขสวัสดิ์พิพัฒมงคลและเจริญสุขในทุกๆประการ

    *** พ่ออาจารย์ท่านว่ารับเอาเสาค้ำฟ้าไปชีวิตมันเปลี่ยนนะ เหมือนชีวิตเราที่มีหลักแล้วย่อมต่างกับตอนยังไร้หลักเกาะแค่นี้มันก็ต่างกันแล้วเทียบกันไม่ได้เลย พ่ออาจารย์ท่านว่าคนที่ยังไม่มีหลัก คนที่มองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป คนที่เห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ปล่อยเขาเถอะ ของแบบนี้ถ้าไม่ดีจริงแต่โบราณกาลคงไม่เสียสละชีวิตมนุษย์นับร้อยพันหมื่นเพื่อสถาปนาเสาสักการะฟ้าดิน ก็คนที่ไม่มีหลัก คนเหล่านั้นแหละที่หาความสุขความเจริญได้ยากมากนักใช่หรือไม่

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเสานี้ทำยาก ฉันทำมาเลือดตาแทบกระเด็น เพราะทุกขั้นตอนเน้นฤกษ์ยามท่านว่าจะได้เป็นโฉลกกัน ให้สังเกตุง่ายๆพอรับของไปอะไรที่มันโฉลกได้ไปปุ๊ปชีวิตก็ดี แต่ของอะไรต่อให้ดีอย่างไรแพงแค่ไหนถ้ามันไม่โฉลกชีวิตก็นิ่งเงียบอยู่เท่าเดิม เพื่อจะแก้เคล็ดตรงนี้ให้โฉลกเข้ากับทุกคนทุกขั้นตอนจึงต้องใช้ฤกษ์ยามอย่างละเอียด คนที่มีปัญหาชีวิตชอบมีปากเสียงโต้แย้งกับคนในบ้านและนอกบ้าน หรือชีวิตใครที่เจ็บป่วยออดๆแอดๆดีมาร้ายกลับสุขสวัสดิ์ไม่ได้อยู่คงทน หรือชีวิตใครเจอแต่เหตุที่นำมาซึ่งความเสื่อมห่างไกลเหตุแห่งความเจริญมีแต่เรื่องเดินเข้ามาหามีแต่ทุกข์ถมเข้ามาใส่ ยิ่งมีชีวิตอยู่นานไปก็ยิ่งเสีย..ชีวิตใครที่เสียเกียรติ,เสียชื่อเสียง,เสียเงินทอง,เสียความสุขมวลรวม..พ่ออาจารย์ท่านว่านั่นแหละเขาเรียกว่าต้องอาถรรพ์ ต้องแก้อาถรรพ์ในทิศทั้งสิบซึ่งท่านลงไว้พร้อมแล้วในเสาค้ำฟ้านี้ กว่าจะออกมาเป็นเสาฉันต้องจารยันต์โดยวิธีการลบถมเป็นพันหมื่นครั้งเพื่อรวมธาตุกายสิทธิ์เข้ากับคุณวิชาหมื่นสายจะได้ลดแรงปะทะของเคราะห์กรรมต้านทานคลื่นลมอันรุนแรงของธรรมชาติทั้งจะนำให้ห่างไกลภัยพิบัติทั้งปวง ขอแค่ใครที่ได้รับไปก็จะพบนิมิตมงคลทำให้ชีวิตดีขึ้นตลอดไป ...แม้บุคคลใดที่คิดว่าหมดหนทางเยียวยาแล้ว จบแล้ว สิ้นแล้วจะกลายเป็นจับงานจับเงินจับทองทรัพย์สมบัติไหลมาเทมา จะปรากฏสิ่งเกื้อกูล จะปรากฏนิมิตมงคล ความโชคดีจะปรากฏแก่โชคชะตาไม่พ้นในสามวันเจ็ดวัน ถ้าหากใครดวงเปิดดวงดีนอนมาดวงไม่มีอะไรเสียมีชีวิตดีอยู่แล้วจะยิ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นผิดหูผิดตาเป็นอัศจรรย์ในอาถรรพ์ของเสาค้ำฟ้า..เสาสักการะฟ้าดินนี้

    เมื่อหล่อหลอมองค์ปรพรหมโองการให้ฝัง "ตะกรุดหมื่นชะตาฟ้าสยบ"

    อานุภาพ "สยบ" เป็นอานุภาพที่ใช้ให้ชนทั้งหลายยอมอ่อนน้อม,อ่อนข้อ,ยอบลง,ซบลงพินอบพิเทาเกรงกลัวในวาสนาบารมีของเรา ดั่งค่ำว่ายอมอ่อนน้อมก้มหัวก้มได้ลดเกียรติลดศักดิ์ศรีได้แม้แต่อวัยวะที่สูงสุดของตนก็ลดกดลงต่ำถึงพื้นดินได้ จะเรียกว่ายอมแพ้ยอมสยบอยู่แทบเท้าอย่างราบคาบก็ได้ ผู้ที่มีอานุภาพ "สยบ" เช่นนี้เมื่อปรากฏขึ้นจิตใจสรรพสัตว์จะหวาดหวั่นรู้สึกตกใจ มีใจครั่นคร้ามขยาดไม่กล้าสู้ไม่กล้าเผชิญหน้าเลย ความเกรงขามกริ่งเกรงจะปรากฏ ความพรั่นพรึงสะทกสะท้านไปถึงใจจะปรากฏ ความเข็ดขยาดจะปรากฏ นั่นคือคนที่เกิดมาพร้อมหรือผู้ที่ได้รับอำนาจฟ้าพิเศษมีอานุภาพสยบเช่นนี้

    อานุภาพสยบนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าจะใช้กำราบศัตรูให้พ่ายสิ้นก็ได้ผลนัก แม้จะใช้สยบศัตรูคู่แค้น,คู่แข่ง,คู่เวร,คู่กรรมก็ยังทำได้ จะอาราธนาเข้าปราบปรามเรื่องแย่ๆในชีวิตก็ทำได้ พวกที่ดวงคุดดวงแตกพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกราหูทับลัคนา.. หรือพวกที่ทำอะไรไปก็เจอแต่ศัตรูหนทางชีวิตไม่ได้ราบเรียบทำมาหากินไม่ขึ้น จำต้องใช้อานุภาพสยบนี้ปราบมารปราบไพรีเพื่อจะได้ระงับต้นเหตุแห่งความเสื่อมและภัยอันตรายรอบกาย ยิ่งเจอคนที่คิดไม่ดีอานุภาพสยบนี้ก็จะสะท้อนย้อนกลับสิ่งที่ส่งมา
    ท่านว่าสยบได้ทั้งหมดจะได้พบโชคพบชัยชนะ เอาไปอาราธนาสยบอุปสรรคและปัญหาของตัวเองแม้จะมากมายทับถมสักเท่าไหร่ก็หายไปดับสูญไม่ช้านาน

    - ตะกรุดหมื่นชะตาฟ้าสยบ ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าลงไว้ด้วยเวทย์สวรรค์เฉพาะกาลเป็นศาสตร์ราชวังโบราณชั้นสูงสุดเมื่อสถาปนาอาณาจักรแว่นแคว้น มีอานุภาพสยบได้แม้กระทั่งแรงฟ้าทั้งรวมศูนย์หมื่นชะตารอบกายมาต่อต้านกฏฟ้าดิน ให้ดับทุกข์ภัย,ทุกข์ร้อนในชีวิตได้ทั้งสิ้น หมู่มารคู่แข่งคู่อาฆาตก็สยบลงแทบเอาหัวกดดินหายขาดทั้งหมดไม่มีแก่ใจจะมาแผ้วพาน ด้วยเป็นตะกรุดที่ใช้สยบกฏฟ้าโดยเฉพาะจึงคุ้มครองเคราะห์ภัยได้หมดทั้งที่เกิดโดยธรรมชาติหรือเหนือธรรมชาติก็ดี จะภัยในกิจการ ในภารกิจการทำมาหากิน จะภัยจากมนุษย์ตั้งแต่คนชั้นรากญ้าหรือเจ้าคนนายคนท่านว่าล้วนถูกสยบทั้งสิ้น ให้เราฝ่าคลื่นลมขวากหนามอันตรายแม้มากมีดุจอันตรายในมหานทีสีทันดรก็กลับร้ายให้กลายเป็นดี ให้เราผ่านพ้นผองภัย ความขุ่นข้องขัดแย้ง ทั้งสยบอารมณ์โลภโกรธหลงและกิเลสมารไม่ให้กระเพื่อมนำมาซึ่งสุขนิรันดร ทั้งตะกรุดนี้ยังกดดันชะตานับหมื่นรอบกายเราข่มเอาไว้ ทำให้คนรอบตัวทั้งที่ระดับเดียวกับเราหรือจะสูงจะต่ำกว่าเราก็ดีถูกเราข่มไว้ทั้งสิ้น เช่นนี้จึงเป็นกฤติยาคมแฝดช่วยให้เราได้เจอสิ่งที่ดีที่สุดสูงที่สุด เอาไปใช้เรื่องความรักก็จะเจอแต่คนชั้นสูง เอาไปใช้เรื่องมิตรภาพก็จะดึงดูดผู้สูงศักดิ์ เอาไปใช้ในหน้าที่การงานก็จะคัดกรองแต่งานทีดันวาสนาเราให้สูงขึ้นทั้งยังจะข่มเขาไว้สะท้านไปถึงจิตใจ ท่านว่าสุดแล้วแต่จะใช้จะเชยชมสมบัติฟ้า(หมายถึงเอาไปใช้หาทรัพย์ที่มากค่าสูงขึ้น)หรือจะเอาไปเด็ดดอกฟ้า(คนที่ชาติตระกูลดี)ก็อยู่ที่เราอาราธนาเพราะอานุภาพสยบนี้ออกได้ทุกทาง เพื่อจะเปลี่ยนตัวตนเราที่ต่างจากบุคคลโดยรอบดั่งฟ้าสูงกับเหวลึกให้อยู่ระดับเดียวกัน

    นอกจากนี้เสาค้ำฟ้าหรือเสาสักการะฟ้ายังใช้เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อฟ้าดินรับคำอธิษฐานคำสักการะฟ้าของคนมากมายในระดับชนชาติทั้งชนชาติทั้งอาณาจักรมานับพันปี จึงเป็นเสาที่สามารถอธิษฐานและบนบานได้ทุกเรื่อง จะดับทุกข์ภัยในชีวิต ดับทุกข์ร้อนในครอบครัว ขออาถรรพ์แรงครูสงเคราะห์ขับคุณไสยคุณผีก็ทำได้ แม้ติดตัวกันสิ่งอัปมงคลขั้นรุนแรงทั้งหลายก็ได้ทั้งสิ่งอัปมงคลอันจัญไรเลวร้ายจะมิได้ต้องกาย ทั้งปัดเป่าสิ่งเลวร้ายอุบาทว์ต่างๆให้ออกไปไกลตัว หากพกไว้เสานี้จะคอยเตือนเหตุเภทภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ตัวเรา(ท่านว่าถ้าเข้าถึงเขาได้มากขึ้นเขาจะขยายโลกทัศน์ไปถึงคนรอบตัวเราและเขตชุมชนขยายกว้างไปเรื่อยๆให้เราได้รู้ได้เห็นเหตุเภทภัยอันจะอุบัติในระยะอันใกล้ เพราะเขาคือเสาหมื่นชะตา) แม้พกพาเดินทางไปในทิศทั้งแปดมหาทิศทั้งสี่เทวดาก็รัก,มนุษย์ก็เอ็นดู,เจ้าชีวิตก็เมตตา จะใช้กันตนป้องกันภัยจากอันตรายและอุบัติเหตุเภทภัยทั่วทั้งสิบทิศ ป้องกันอันตรายจากธาตุทั้ง 4 อันมีดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นที่สุดก็ได้ทั้งสิ้น ทั้งยังมีพลังสยบสรรพสิ่งทั้งคน,สัตว์ บ่าวไพร่บริวารในแวดล้อมรอบตัวให้เกรงขามตัวเรา จะใช้หนุนดวง,ขอโชค(ท่านว่าถ้ามีโชคเลขจะลอยให้เราเห็นที่องค์เสาค้ำฟ้านี่เลย จะได้เห็นกันบ่อยมากหนึ่งตัวสองตัวสามตัว),จะขอทางการงานเปิดดวงให้กับตัวเองท่านว่าขออะไรกับเสาค้ำฟ้านี้ขอแค่มีศรัทธาอย่างจริงใจเสาจะเชื่อมต่อเจตนารมณ์ของเราเข้ากับบรรพบุรุษย้อนไกลไปหลายภพชาติส่งตรงถึงฟ้าสวรรค์ประทานพร

    *** เพียงเชื่อมั่นให้จริงย่อมสมหวัง ทั้งขอเงินทอง,โชคลาภ,ยศถาบรรดาศักดิ์ จะมีกินไม่มีหมดไม่อดไม่อยาก เพราะเป็นของสูงที่แม้แต่เจ้าชะตาหมื่นพัน เจ้ามหาชีวิต(กษัตริย์ราชวงศ์โบราณ)ที่ปกติเหยีบย่ำสรรพชีวิตก็ยังต้องก้มหัวไหว้กราบลดเกียรติอธิษฐานเพื่อสังเวยน้อมส่งคำอธิษฐานต่อฟ้าดิน ส่งความปรารถนากลับคืนสู่สวรรค์ พ่ออาจารย์ท่านว่าเหตุที่ทำเสาค้ำฟ้าเป็นเครื่องรางนี้ก็เพื่อจะให้พลิกชะตาชีวิตแก้ร้ายให้กลายเป็นดีไม่รู้จักความย่ำแย่ ทั้งยังค้ำภาระชะตาตนไว้ทุกสิ่ง เพิ่มวาสนากันปีชงกันดวงตกทุกอย่างไม่ให้เธอตกหล่นตกต่ำตกอับอาภัพวาสนา แม้เจอหมู่มารก็ยอมถอย เจอศัตรูก็ยอมสยบไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ตัวเราดั่งเสาค้ำฟ้าที่สยบทั้งชนชาติให้ขึ้นตรงต่อสวรรค์ได้เช่นนี้

    คาถาบูชา
    มะโทรัง อะตะระโร เวสะวะโน นะหากปิ ปิสาคะตาวาโหมิ มหายักขะ เทพะอนุตะรัง เทพะดา เทพะเอรักขัง ยังยังอิติ เวสะวะนันภูตัง มหาลักชามะนง มะภูอารักขะ นะพุททิมะมัตตะนัง กาลปะติทิศา สัพเพยักขา ปะลายัตตะนิ


    ตรงลูกโลกแทนสวรรค์ทั้งหมื่นจักรวาลทุกชั้นฟ้านั้น องค์ปรพรหมท่านโองการให้พ่ออาจารย์ลบถมผงหัวใจหมื่นพุทธ(พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ที่มีคุณวิเศษต่างๆกันไป)ตลอดจนผงหัวใจพระโพธิสัตว์,เทพยดา,มหาเทพ,มหาพรหมทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านว่าเขียนผงหัวใจแต่ละพระองค์ทีละพระองค์เสกลบเสมือนอัญเชิญเทพทั่วหมื่นจักรวาลลงมาสถิตย์ในทุกอณูผง แต่ละพระองค์ถ้วนทุกพระองค์ล้วนมีอานุภาพแตกต่างกันไปเพื่อรวบรวมบรรจุไว้ในเสาค้ำฟ้านี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าผงนี้เป็นดั่งตัวแทนของทวยเทพทั้งหมดบนสวรรค์ที่จะเชื่อมต่อวาระจิตเล่นแร่แปรธาตุกลับวาสนาเข้ากับเสาค้ำฟ้า เพื่อส่งคำพรปกาศิตทุกๆคำอธิษฐานสื่อตรงถึงร่างกายเราผ่านเสาค้ำฟ้า(เสาอธิษฐานสักการะฟ้าดิน)

    ### รายการนี้มีน้อยมาก(พ่ออาจารย์ท่านแจ้งมาแบบนี้) ทั้งเสานั้นยังเลือกเจ้าของเองทุกองค์ทุกต้น ด้วยว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ระดับชาติพันธุ์ที่ท่านย่อลงมาทำเครื่องรางเน้นขับให้มีอานุภาพคงเดิมเข้มขลังในฤกษ์ยามและพิธีกรรมเพื่อรับโฉลกชะตาลิขิต รายการนี้รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ผู้จองให้แจ้งชื่อนามสกุลไว้เพียงเท่านั้น(ท่านว่าเหนือกว่านั้นมีปัญหาใดบอกเสาได้โดยตรง แต่อย่าเอาไปขูดหาเลขบ่อย ท่านย้ำว่าเพียงมีวาสนาแค่มองเลขก็ลอยออกมาแล้ว) รายได้ร่วมสมทบทุนวิหารทานสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา หลักเสาสักการะยึดโยงฟ้าค้ำโลกาหมื่นชะตาสยบ (รวมศูนย์ชะตาหมื่นวาสนาชนชาติมนุษย์,มหายักษ์แบกให้ถึงสวรรค์) บูชา 2,500 บาท

    **** เวลาขออะไรกับพ่อยักษ์ให้เรียกท่านว่าพ่อยักษ์ใจดีช่วยหน่อยจะได้ไวทันตาเห็น

    94258302-538844620160327-1588040732944367616-n.jpg 94220705-228297518446827-6803783596264914944-n.jpg
    94269635-277194549980160-5097835733188608000-n.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    รายการนี้เฉพาะตะกรุดหมื่นชะตาฟ้าสยบที่ท่านเคยลงใส่แผ่นทองแดงเวลามีคนขอบูชาเครื่องมงคลทางมหาสยบแบบแรงมากๆกันเข้ามาก็ดอกละหกพันแล้ว รายการนี้ใครได้ไปแค่ตะกรุดดอกเดียวก็นับว่าคุ้มค่าแล้วและเสาชะตานี้เป็นสิ่งที่ทำให้สำเร็จยากเพราะพิธีกรรมบวงสรวงสวรรค์นั้นท่านว่าทำยากใช้เวลานานท่านจึงตั้งใจทำแค่ครั้งเดียว ท่านว่าเสาค้ำฟ้านี้เป็นของสร้างคนม่ได้ออกแพงมากเพราะตอนนี้คนลำบากกันมากให้แบ่งๆกันไปใช้นะ
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    พรุ่งนี้ส่งของแล้วติดตามพูดคุยกันนะครับ พอดีมีเรื่องน่าสนใจที่คนถามเข้ามาและก็เห็นว่าเป็นปัญหาหนักมากๆของคนทั่วไปจะได้ยกมาพูดกัน
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    สัญญากรรม

    ปัญหาแห่งชนทั้งผอง ..คำสัญญาเมื่อชาติก่อนๆย่อมผูกพันอย่างไม่สิ้นสุด ชาติที่แล้วเราไปผูกมัดใครไว้บ้างก็ไม่รู้ด้วยคำสัญญา โดยหารู้ไม่ว่ากรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ชาติภพใหม่ก็เลยแตกต่างกันไปแต่คำมั่นที่สาบานยังอยู่ ....

    สัญญากรรม ก็คือ ผลแห่งกรรมนั่นแหละหากจะกล่าวให้ละเอียดขึ้นก็คือ ผลแห่งกรรมที่ก่อให้เกิดพันธะข้อผูกมัดหรือก่อให้เกิดความสัมพันธ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพันธะหรือความสัมพันธ์(ทั้งด้านดีหรือไม่ดี) ต่อผู้หนึ่งผู้ใด กลุ่มหนึ่งกลุ่มใด หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง

    คนบางคนสัญญากรรมซับซ้อนมาก เพราะเกิดบ่อยและเกิดมาแต่ละชาติก็ทำแต่ความดีเป็นส่วนใหญ่ การทำความดีก็ต้องไปเกี่ยวข้องกับบุคคลและสถานที่ยิ่งหลากหลายสัญญากรรมก็ยิ่งซับซ้อนถือว่าเป็นสัญญากรรมฝ่ายดี

    เมื่อสัญญากรรมฝ่ายดีตามทันก็ทำให้คนผู้นั้นไปรู้จักกับคนนั้นคนนี้ ต้องกลับไปสร้างบุญสร้างกุศลกับคนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ หรือต้องเดินทางไปณ.จุดนั้นจุดนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหนเลยหากแต่เป็นที่ๆคนผู้นั้นเคยมีสัญญากรรมมานาน นานเสียจนอาจลืมไปแล้วแต่สัญญากรรมก็ยังคงมีอยู่ สัญญากรรมไม่เคยเป็นฝ่ายลืมเราตราบใดที่เรายังไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิดเราเสียอีกกลับเป็นฝ่ายลืมเลือนสัญญากรรมนั้น จนกระทั่งต้องให้สัญญากรรมาเตือนแต่ก็ไม่ใช่ว่าเมื่อสัญญากรรมเตือนเราแล้วจะทำให้เรารู้ระลึกหรือเข้าใจได้เสมอไป ตรงกันข้ามอาจทำให้เรางุนงงสงสัยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นอย่างนั้นทำไมต้องเป็นอย่างนี้หรืออาจคิดได้เพียงแค่ว่า "ซวยจริงๆ"

    และถึงแม้เราจะสร้างบุญสร้างกุศลมากเพียงใดก็ตาม ตราบใดที่กิเลสยังครอบงำใจเราอยู่เราก็ยังมีโอกาสทำกรรม มีโอกาสลุ่มหลงมัวเมาเมื่อเราทำผิดพลาดไปก็จะก่อให้เกิดสัญญากรรมฝ่ายไม่ดีรอเวลาให้เราชดใช้หนี้กรรมนั้น

    *** พ่ออาจารย์ท่านทราบถึงสาเหตุว่าคนส่วนใหญ่ คนส่วนมาก คนบางคนก็ตั้งสัจจะอธิษฐานกันเป็นจริงเป็นจัง ลั่นกันออกมาแล้วตั้งแต่ก่อนลงมาเกิดว่าจะขอมาสร้างบารมี จะขอลงมารับทุกขเวทนาขัดเกลาจิตใจตนเองให้พ้นห้วงกิเลสบรรดามี...ก็สัญญากรรมนั้นอย่างไรจึงทำให้เกิดมาทั้งชีวิตหนีห้วงแห่งทุกข์ไม่พ้นเลย จบเรื่องหนึ่งก็เจอเรื่องหนึ่งเหมือนฉากละครที่คอยมอบบทส่งบททดสอบให้ตั้งแต่เกิดจนตาย บันดาลให้ต้องจมทุกขเวทนาไปตลอดชีวิต ### วันนี้ก็พูดถึงกันคร่าวๆไปก่อน เดี๋ยวมาติดตามกันอีกที

    b475bf7c9427a179e31fda933bba992b.jpg
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่คณพศ EI 8931 1977 5 TH

    พี่พิสิษฐ์ EI 8931 1978 9 TH

    พี่วุฒิชัย EI 8931 1979 2 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EI 8931 1980 1 TH

    พี่สราวุฒิ EI 8931 1981 5 TH

    พี่ทวีพงษ์ EI 8931 1982 9 TH

    พี่ศิระ EI 8931 1983 2 TH

    พี่กฤตยชญ์ EI 8931 1984 6 TH
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นฐมน EI 8931 5130 8 TH

    พี่วิศณุกร EI 8931 5131 1 TH

    พี่จุฑามาศ EI 8931 5132 5 TH

    พี่ชัยวัฒน์ EI 8931 5133 9 TH
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ใครที่รอชุดเทพศาสตราก็ติดตามกันไว้นะครับช่วงนี้ เพราะนานๆทีถึงจะมีเทพศาสตราที่พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจสร้างได้นำออกมาและพอเอาออกมาทีก็ติดจองบ้างคนแย่งกันหมดอย่างรวดเร็วบ้างคนช้าไม่เคยได้ทุกที เหตุเพราะท่านทำออกมาน้อยและเหล่าศาสตราวุธพวกนี้ท่านก็ทำไว้น้อยรุ่นจริงๆด้วยต้องนั่งทำนั่งลับกับมือท่านทุกขั้นตอน ...ส่วนรุ่นนี้(ยังเป็นความลับอยู่)แต่ท่านว่าเอาไว้ใช้ตอบโต้...กลับคืน โดยเฉพาะ *** จะใช้โต้ตอบอะไรบอกได้คำเดียวว่าถ้าเฉลยหรือบอกล่วงหน้าเปิดจองมายอดคงหายวับไปกับตาอีกเหมือนเดิม ติดตามกันดีๆนะครับ
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    พรุ่งนี้รอบเย็นติดตามเกาะขบวนกันแน่นๆนะครับ..เดี๋ยวตกรถ
     

แชร์หน้านี้

Loading...