ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จชุมนุมมหาคุณบารมีเก้าชั้นแต่งอโหสิกรรม(ถอนกรรมเผ่าพันธุ์บาปบรรพชน) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    รัตนสูตร

    “รัตนสูตร” คือพระสูตรที่ว่าด้วยรัตนะ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร) ทรงอธิบายคำว่า “รัตนะ” แปลว่า “สิ่งที่นำความยินดี คือให้เกิดให้เจริญความยินดี หมายถึงสิ่งที่กระทำให้เกิดความยำเกรง สิ่งที่มีค่ามาก สิ่งที่ไม่มีสิ่งอื่นเสมอเหมือนหรือว่าชั่งไม่ได้เปรียบไม่ได้ สิ่งที่หาดูได้ยาก สิ่งที่เป็นของบริโภคของสัตว์ผู้ไม่ต่ำทราม สิ่งที่ทำให้เกิดความยินดีอันมีลักษณะดังกล่าวนี้ ได้ชื่อว่ารัตนะ…”

    ตำนาน “รัตนสูตร” เกิดในสมัยพุทธกาล มีอยู่ว่า เกิดเภทภัยอุบัติในกรุงเวสาลี แคว้นวัชชี 3 เภทภัย คือทุกขภิกขภัยประการหนึ่ง เกิดภาวะข้าวยากเพราะฝนแล้งติดต่อกันหลายปี ทำไร่ทำนาไม่ได้ผลผลิตเพียงพอ พวกอมนุษย์เข้ามารบกวนทำร้ายผู้คนประการหนึ่ง และอหิวาตกโรคระบาดซ้ำเติมอีกประการหนึ่ง เหล่านี้ล้วนทำให้ประชาชนอดอยากถึงขั้นล้มตายกันจำนวนมาก

    ประชาชนป่าวร้องต่อพระราชาว่า เป็นเพราะพระราชาปกครองบ้านเมืองไม่เป็นธรรม จึงเกิดได้เภทภัยต่าง ๆ ขึ้น พระราชาให้ประชาชนพิจารณาดูว่าพระองค์ปกครองบ้านเมืองไม่เป็นธรรมอย่างไร ประชาชนพิจารณาแล้วก็ไม่เห็นว่าทรงปกครองไม่เป็นธรรมอย่างไร จึงกราบทูลให้ทรงหาทางแก้ไข มีผู้เสนอให้อาราธนาศาสดาคณาจารย์เจ้าลัทธิต่าง ๆ มาประกอบพิธีระงับบ้าง หรือเชิญเสด็จพระพุทธเจ้ามาทรงระงับบ้าง

    “…ประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นชอบที่จะให้อัญเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จมา พระราชาแห่งกรุงเวสาลีก็ทรงส่งคณะทูตไปเฝ้าพระเจ้าพิมพิสารซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งรัฐมคธที่กรุงราชคฤห์ ขออนุญาตที่จะอัญเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าเสด็จมากรุงเวสาลี…”

    เมื่อคณะทูตจากกรุงเวสาลีได้เข้าเฝ้าพระเจ้าพิมพิสารแล้ว พระองค์จึงได้เสด็จเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลอาราธนาด้วยพระองค์เอง พระพุทธเจ้าก็ทรงรับอาราธนาโดยดุษณีภาพ เมื่อทรงรับแล้ว พระเจ้าพิมพิสารจึงอำนวยการส่งเสด็จพระพุทธเจ้าไปยังกรุงเวสาลี

    “…จากกรุงราชคฤห์ก็เสด็จโดยพระบาทไปสู่แม่น้ำคงคาก็เป็นอันว่าสิ้นเขตของรัฐมคธแค่นั้น พระพุทธเจ้าก็เสด็จลงประทับเรือข้ามแม่น้ำคงคาไปสู่อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นรัฐวัชชี พระราชาแห่งวัชชี กรุงเวสาลี ก็มารับเสด็จ แล้วก็นำเสด็จเข้าไปสู่กรุงเวสาลี”

    ขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จข้ามแม่น้ำคงคา อันเป็นเขตแดนระหว่างสองแคว้นนั้น ก็ปรากฏเหตุอัศจรรย์ “…ฝนตกหนักตลอดกรุงเวสาลีจนถึงกับได้พัดพาเอาซากศพต่าง ๆ ที่กองอยู่ในที่นั้น ๆ อันเป็นที่อากูลส่งกลิ่นตลบทั่วไปหมด ฝนตกใหญ่ก็พัดเอาศพเหล่านั้นไปหมด แผ่นดินก็สะอาด บ้านเมืองก็สะอาดขึ้น ปรากฏว่าโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ก็หายไป…”

    และเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จถึงกำแพงกรุงเวสาลี ทรงแสดง “รัตนสูตร” แก่พระอานนท์ และรับสั่งให้พระอานนท์จำพระสูตรนี้และนำไปให้สวดทั่วทั้งกรุงเวสาลี จากนั้นพระอานนท์ก็สวดรัตนสูตรพร้อมประพรมน้ำในบาตรของพระพุทธเจ้าไปทั่วเมือง เสร็จแล้ว พระพุทธเจ้าก็แสดงพระสูตรนี้แก่ที่ประชุม อันมีพระราชากรุงเวสาลี ข้าราชการ และประชาชนทั้งหลายอยู่ ณ ที่นั้น เภทภัยทั้ง 3 ประการแห่งกรุงเวสาลีก็ยุติลง

    ในตำนานดังกล่าวระบุเพียงว่า พระอานนท์ถือบาตรของพระพุทธเจ้าที่เต็มไปด้วยน้ำ ประพรมน้ำไปด้วยแล้วก็สวดรัตนสูตรนี้ไปด้วย แต่ไม่ได้อธิบายว่าน้ำในบาตรนั้นได้ผ่านพิธีสวดมนต์หยดเทียนลงไปในน้ำอย่างที่ทำน้ำพระพุทธมนต์กันอย่างปัจจุบัน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร) ทรงวิเคราะห์ไว้ว่า

    “ในตําราที่เรียกว่าอรรถกถา ที่แปลว่าเป็นถ้อยคำที่อธิบายเนื้อความพระบาลีของพุทธวัจนะต่าง ๆ ซึ่งท่านพระพุทธโฆษาจารย์ได้แปลและเรียบเรียงขึ้นในลังกาเมื่อพระพุทธศาสนาล่วงไปประมาณพันปี เนื่อง ด้วยตำนานนี้ที่แสดงอ้างว่า พระอานนท์ได้อุ้มบาตรเต็มด้วยน้ำของพระพุทธเจ้าสวดรัตนสูตรนี้ แล้วก็ประพรมน้ำไปทั่วเมืองเวสาลี ก็แสดงว่าธรรมเนียมประพรมน้ำดังที่เรียกว่าน้ำมนต์ในพุทธศาสนานั้นได้มีมาช้านาน

    ถ้านับเอาแค่สมัยที่แต่งคัมภีร์นี้ในลังกา เมื่อพุทธศาสนาล่วงไปได้ประมาณพันปี ก็ต้องยืนยันว่าได้มีมาในลังกาตั้งแต่ครั้งนั้น และหนังสือที่แต่งในลังกาที่ได้อ้างถึงว่าได้มีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล…จะเป็นจริงหรือไม่ หรือว่าจะเป็นความเชื่อถือ และก็แต่งตามที่เชื่อถือและบอกเล่ากันมาก็เป็นของยากที่จะวินิจฉัย…

    ข้อที่พระสงฆ์ในพุทธศาสนาได้มีพิธีประพรมน้ำดังที่เราเรียกกันว่าน้ำพระพุทธมนต์ในปัจจุบัน ก็เป็นธรรมเนียมที่มีมานานเป็นพัน ๆ ปีดังกล่าว และอาจจะมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วก็ได้ หรือว่าถ้าไม่มีในสมัยพุทธกาล ก็มีต่อจากนั้นมาไม่นานนัก อาจจะก่อนพุทธศาสนาไปถึงลังกา หรือเมื่อไปถึงลังกาแล้ว ไปมีที่ลังกาก็ได้ แต่หนังสือนี้แต่งที่ลังกาในสมัยนั้นก็แสดงว่า ในสมัยนั้นก็ต้องมีธรรมเนียมประพรมน้ำดังที่เรียกว่าน้ำพระพุทธมนต์แล้ว…“

    สำหรับรัตนสูตรมีด้วยกัน 17 คาถา แต่ทุกคาถามิใช่คาถาของพระพุทธเจ้าทั้งหมด สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร) ทรงอธิบายว่า

    “รัตนสูตรนี้พระอาจารย์ท่านหนึ่ง ผู้แต่งคัมภีร์อธิบายแต่ดั้งเดิมได้แสดงมติว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้เองเพียง 5 คาถา คือ 2 คาถาแรกที่แสดงถึงภูตทั้งหลายที่มาประชุมกัน คาถาที่ 3 ที่แสดงถึงพระธรรมซึ่งเป็นสังขตธรรมคืออนันตริกสมาธิ ส่วนตั้งแต่คาถาที่ 6 ไปนั้น ท่านพระอานนท์ได้เป็นผู้แสดงเองในขณะที่ได้เดินพรมน้ำและกล่าวรัตนสูตรนี้ไปด้วย ท่านแสดงเองตั้งแต่คาถาที่ 6 นี้เป็นต้นไป ส่วนคาถาส่งท้ายอีก 3 คาถา ท้าวสักกเทวราชเป็นผู้กล่าว ก็จบรัตนสูตรเพียงเท่านี้”

    557000001349001.jpg
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ศิระ EI 7409 2785 7 TH

    พี่จารุวรรณ EI 7409 2786 5 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EI 7409 2787 4 TH

    พี่ภิญโญ EI 7409 2788 8 TH

    พี่ธนากร EI 7409 2789 1 TH

    พี่ภาษิต EI 7409 2790 5 TH
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ช่วงนี้คนออกไปตุนอาหารกันเยอะ เน้นตุนพวกข้าวสารไข่พวกกุนเชียงอาหารแห้งปลาหมึกแห้งหมูหยอง...ดีกว่าตุนพวกมาม่าปลากระป๋องนะครับ ใครไปซื้อตุนก็ซื้อพอดีๆไม่ต้องมากไป ;)
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ก็จะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของเทพอสูร หรือจะเรียกปู่อสูรฟ้าก็ได้ ซึ่งเทพอสูรนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีศักดิ์สูงไม่ธรรมดา มีทั้งหมดแปดองค์ เป็นดั่งปราการสุดท้าย(ต้องมีฤทธิ์มากเพียงใดจึงเป็นเช่นด่านใหญ่สุดท้ายของจักรวาลท่านว่าบอกใบ้ๆได้เท่านี้)เฝ้ากำแพงจักรวาลทั้งแปดทิศ ...เดี๋ยวจะมาพูดคุยกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2020
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ใครชอบพยนต์สายหากินพรุ่งนี้ติดตามนะครับ(อันนี้เป็นแค่น้ำจิ้มไม่ใช่รายการหลัก) ส่วนหลักๆแค่เทพอสูรที่มีศักดิ์สูง มีเทพอสูรอีกแปดองค์เป็นบริวารก็แรงแล้ว...เดี๋ยวมาติดตามพูดคุยกันนะครับ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ร่วมทำบุญบูชา ดวงตราศานตายะบัญชาเทพขุนพลสิบอสูรฟ้าสละตน(ภูติพยนต์โสฬส..สิ้นทุกข์..)

    ดวงตราศานตายะนั้นเป็นตราที่จะนำมาซึ่งความสุขถ้วนทุกประการ จะเรียกว่าเป็นดวงตราสำคัญที่รวมญาณของเทพอสูรฟ้าถึงสิบองค์ไว้ด้วยกันก็ไม่ผิด นั่นก็คือเทพอสูรในตระกูลพระไภรวะซึ่งมีอานุภาพสูงสุดเหนือกว่าครูอสูรทั้งปวง พ่ออาจารย์ท่านว่าแรงดุจครูอสูรมหาวีรภัทรนั่นทีเดียวแต่ที่แตกต่างกันนั่นคือกลุ่มไภรวะนี้เค้ามีพวกของเขา มีถึงสิบองค์ สิบแรง สิบกำลัง ที่ว่าแรงแล้วก็คูณสิบเข้าไปอีก ทั้งสิบบรมครูนั้นจะสละตนปกป้องเรารักษาเรา ให้พรแก่เราสิบด้านสิบเรื่องปิดรอยรั่วรอยต่อของชีวิตทั้งหมดทั้งสิ้น *** ทำไมต้องบูชาครูอสูร ก็เพราะว่าความดุร้ายและเกรี้ยวกราดตลอดจนเทวานุภาพนั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเชิญญาณท่านให้แฝงและประสิทธิ์อย่างเต็มกำลังเพื่อนำไปช่วยเหลือคุ้มครองผู้บูชาตามประสงค์ต่างๆ และเพื่อให้เหมาะสมแก่กลียุค ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้อธิษฐานบอกกล่าวครูบาอาจารย์ไว้ ว่าต่อไปใครที่มีดวงตรานี้ไว้บูชาจะสามารถรอดพ้นจากเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆได้สามารถดำรงค์ตนอยู่ได้เป็นปกติในยุควิกฤติและคับขัน

    พระไภรวะนั้นเป็นชื่อที่เรียกเทพคณะหนึ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าจะเรียกว่าคณะไภรวะก็ได้จัดอยู่ในกลุ่มของเทพอสูรระดับพระเป็นเจ้าที่มีความดุรุนแรงเกรี้ยวกราดอย่างถึงที่สุด ### ตามคติของพ่ออาจารย์ท่านที่ว่ายิ่งดุมากยิ่งให้คุณมาก ยิ่งให้คุณมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีแก่ตัวเองมากขึ้นเท่านั้น เช่นนี้ท่านจึงมีดำริจะสร้างดวงตราสำคัญที่เป็นตัวแทนมหาเทพในกลุ่มไภรวะท้้งหมดขึ้นมา
    ด้วยเทพไภรวะนั้นเป็นตัวแทนของอำนาจแห่งการทำลายล้างสูงสุด โดยปกติแล้วจะไม่ปรากฏองค์เลยแต่เมื่อปรากฏรูปขึ้นมาจะแสดงฤทธิ์ยิ่งใหญ่สะท้านสะเทือนจักรวาลโดยจะมีหัวหน้าคณะเป็นผู้ปกครอง ได้ชื่อว่าเป็นเทพอสูรผู้ครองอำนาจสูงสุดของจักรวาลนี้ ซึ่งก็คือ " พระกาละไภรวะ "
    **** พระกาละไภรวะนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นครูสูงสุดในคณะไภรวะ เพราะมีฤทธิ์มากที่สุดจะคอยดูแลร่างไภรวะอวตารทั้งแปดองค์อันประจำอยู่ขอบกำแพงจักรวาลทั้งแปดทิศ ดุจว่าแปดเทพอสูรนี้เป็นดั่งด่านสุดท้ายของจักรวาลที่ไม่มีใครฝ่าหรือต้านทานได้ องค์กาละไภรวะท่านจะคอยบัญชาคณะไภรวะนั้น ซึ่งแต่ละองค์จะมีฤทธานุภาพแตกต่างกันไป

    - พระโคทไภรวะ มีพระวรกายสีเข้ม มีสามพระเนตรสี่พระกรทรงพาหนะนกเหยี่ยว พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์นี้มีอำนาจฤทธิ์ที่กล้าหาญ เป็นผู้อยู่เหนือกาลเวลาและห้วงมิติทั้งหลาย ท่านจะคอยประสาทพรแก่เราเวลาเราต่อกรสู้กับปัญหาอุปสรรคทั้งปวงหรืออำนาจชั่วร้ายทั้งหลายมีปัญหาที่ใหญ่เกินตัวท่านจะคอยช่วยเราตลอด

    - พระกาปาลไภรวะ มีพระวรกายผ่องใส มีสามพระเนตรสี่พระกรทรงพาหนะเป็นช้าง พ่ออาจารย์ท่านว่าครูองค์นี้ทรงเป็นเลิศในความสมบูรณ์ เป็นครูผู้เลิศในอุดมคติและนำความสำเร็จทั้งปวง ทั้งยังทรงธรรมคอยประทานความยุติธรรมแก่โลกแก่สรรพชีวิตที่ถูกกลั่นแกล้ง
    ท่านจะคอยประสาทพรให้เรามีชัยชนะในกิจการที่ได้รับมอบหมาย นำความสมบูรณ์ในอุดมคติและความสำเร็จทั้งหลายเข้ามาในชีวิต นำความยุติธรรมมาสู่ตัวเรา

    - พระอสิตังกะไภรวะ มีพระวรกายคล้ำ มีสามพระเนตรสี่พระกรทรงพาหนะเป็นหงส์ พ่ออาจารย์ท่านว่าครูองค์นี้ทรงเป็นผู้มีความสามารถเชี่ยวชาญงานศิลปะมีความรู้ทางสติปัญญาที่มั่นคงสูงส่ง ท่านจะคอยประสาทพรให้ความรู้ความเชี่ยวชาญในศาสตร์ทั้งหลายที่เราศึกษาจับต้อง ทั้งเปิดสมองเปิดสติปัญญาให้ดวงจิตเราแจ่มใส มีสติมั่นคงมีดวงปัญญาสว่าง กระจ่าง สูงส่ง

    - พระจันดาไภรวะ มีพระวรกายขาว มีสามพระเนตรสี่พระกรทรงพาหนะเป็นนกยูง พ่ออาจารย์ท่านว่าครูองค์นี้ทรงไร้พ่ายในการศึกสงคราม มีอานุภาพสิบทิศไร้ผู้ต้านมีชัยชนะเหนือศัตรู มีความสามารถในการสู้รบและเป็นผู้พิชิตปัญหาทั้งปวงให้ราบรื่น ท่านจะคอยประสาทพรเวลาเราเจอหมู่มารหรือศัตรูเบียดเบียนกวนใจชีวิตเขาจะอยู่ไม่เป็นสุขเลย(ครูแรงมากพ่ออาจารย์ท่านว่าพูดเยอะไม่ได้ข้างบนเขาห้ามเด็ดขาด) ทั้งยังคอยแก้ไขปัญหาชีวิตที่เราเองสะสมเอาไว้ดลให้ชีวิตเราราบรื่นเช่นนี้

    - พระคุรุไภรวะ มีพระวรกายสีเทา มีสามพระเนตรสี่พระกรทรงพาหนะเป็นวัว พ่ออาจารย์ท่านว่าครูองค์นี้ท่านเป็นนักปราชญ์ เป็นมหาปราชญ์คือรู้ทุกสิ่งในจักรวาลไม่มีสิ่งใดที่ท่านไม่รู้
    ท่านจะคอยประสาทพรให้คุณความรู้ ให้ดวงตาเรามองเห็นปรัชญาการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เห็นทางที่ควรเดินชีวิตที่ควรเลือกควรดำเนินไป และยังให้พรการศึกษาวิทยาความรู้และพระเวทย์ทั้งปวง

    - พระสัมหาระไภรวะ ทรงอวตารเปลือยกายวรกายสีแดง มีสามพระเนตรสี่พระกรทรงพาหนะสุนัข พ่ออาจารย์ท่านว่าครูองค์นี้เป็นปางแห่งการสังหารกำจัดซึ่งอวิชา สิ่งชั่วร้ายความอหิงสาและความอหังการ์ทั้งหลาย เรียกว่าเป็นมหาปราบจักวาล ลองได้ลงมือปราบแล้วย่อมสิ้นนามสิ้นเชื้อ
    ท่านจะประสาทพรดับล้างความเสื่อมโทรมและกำจัดคุณแห่งอวิชชาทั้งหลาย คุณของไสยต่ำอสุรกายภูติผีทั้งหลาย แม้การกระทำคำสาปแช่งหากมีตกตะกอนในตัวเราย่อมมลายหายสิ้น

    - พระอุนมัตตะไภรวะ รูปนี้ทรงบริสุทธิ์สูงสุดวรกายผุดผ่อง มีสามพระเนตรสี่พระกรทรงพาหนะเป็นม้า พ่ออาจารย์ท่านว่าครูองค์นี้เป็นที่มาแห่งความรื่นรมย์ความสุขสงบแห่งธรรมสูงสุด
    ท่านจะคอยประสาทพรทำลายล้างความชั่วทั้งหลายในจิตใจของมนุษย์ ดลให้ชีวิตเห็นธรรม เห็นสัจจะ ถึงซึ่งความรื่นรมย์และสงบสุขไปกับธรรมเหล่านั้น

    - พระภีชานะไภรวะ มีพระวรกายขาวผ่องใส มีสามพระเนตรสี่พระกรทรงพาหนะเป็นสิงโต พ่ออาจารย์ท่านว่าครูองค์นี้เป็นครูที่คอยกำจัดอำนาจมืด กำจัดวิญญาณชั่วร้ายหรือสิ่งที่ไม่เป็นมงคลในโลก
    หากชีวิตเราโดนอำนาจมืดรังแกหรือตกอยู่ใต้การรุกรานของผู้อื่นท่านจะประสาทพรคอยช่วยเหลือทั้งยังล้างอัปมงคลทั้งหลายให้สูญสิ้น

    คณะไภรวะทั้งเก้านี้แม้เป็นเทพอสูร แต่ก็เป็นครูสูงสุดที่จะนำพรแห่งความสุขสมหวังมาสู่ผู้บูชาหาได้น่ากลัวดั่งคำว่าอสูรไม่ พ่ออาจารย์ท่านว่าอสูรก็เป็นเทวะไม่ใช่ยักษ์ใช่มารมีความเป็นทิพย์เช่นกัน ทั้งคณะไภรวะนั้นยังมีอำนาจหน้าที่อันสมควรเรียกได้ว่าตรงงานที่สุดอันจะนำมาซึ่งองค์ประกอบถ้วนทุกประการประสานกันเป็นความสุขแห่งชีวิตของผู้บูชา ท่านจึงได้จัดสร้างดวงตราศานตายะอันเป็นตัวแทนพลังของคณะเทพอสูรไภรวะทุกองค์ขึ้นเพื่อจะให้คณะไภรวะได้ปกป้องและนำพรมงคลมาสู่ผู้ถือครอง
    แต่เพื่อให้กำลังของคณะไภรวะสมบูรณ์อย่างถึงที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่า
    ไม่ใช่เก้าแต่ต้องเป็นสิบ เป็นสิบเทพอสูรเป็นคณะไภรวะไร้ผู้ต้าน ท่านจึงเชิญครูไภรวะองค์สำคัญให้ร่วมประสิทธิ์ประสาทแฝงญานในรูปนามด้วย นั่นก็คือองค์พระไภรวะที่เกิดขึ้นจากอวตารขององค์พระศิวะ
    - พระบาตุกไภรวะ อยู่ในรูปของเด็กหนุ่มมีสี่พระกรทรงสุนัขดำเป็นพาหนะ องค์นี้ได้ชื่อว่ามีฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่ ในมือถือกระบองดัมรูและชามกะโหลกทรงถือศรีษะของอสูรอพาต และเศียรที่ห้าของท้า่วมหาพรหม องค์บาตุกนั้นได้ชื่อว่ามากฤทธิ์ที่สุดเพราะทรงประหารเศียรที่ห้าของพระบรมบิดาพรหมเทพซึ่งเศียรนี้หมายถึงอัตตาเป็นความลุ่มหลงในตัวตนของตนเองทำลายความอหังการแต่นั้นมา ทั้งเป็นสาเหตุให้พรหมทั้งหลายเหลือเพียงสี่เศียร เรียกว่ามีอำนาจทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้และเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดินให้เกิดขึ้นได้ ทั้งองค์บาตุกนั้นยังได้สังหารอสูรอพาตที่ไม่มีใครสังหารได้แม้แต่พระแม่กาลี ด้วยพระแม่กาลีได้เชิญอวตารองค์บาตุกไภรวะนั้นสังหารอสูรในรูปเด็กห้าขวบ องค์บาตุกนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่ามีฤทธิ์มากสามารถประสาทพรให้เราทำสิ่งที่ไม่คาดคิดไม่คาดฝันให้สำเร็จเสร็จสิ้นได้ ***ซึ่งนามบาตุกนั้นแปลว่าบุตรชายแห่งพราหมณ์ ทั้งยังเป็นเทพที่ถือว่ามีความสำคัญยิ่งยวดด้วยองค์พระศิวะท่านโองการให้บูชาบุตรพราหมณ์ที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ก่อนคือบาตุกไภรวะแล้วจึงบูชาพระองค์

    ดวงตราศานตายะเป็นดวงตราแทนมหาจิตทั้งสิบของครูเทพอสูรที่มีอานุภาพร้ายแรงดุดันและร้ายกาจมากที่สุด อันจะพึงมีบังเกิดขึ้นทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตกาล ด้วยเป็นพระรูปแห่งการทำลายล้างอันมีทิพย์อำนาจสูงสุดแห่งพระเป็นเจ้าทั้งหมด เพราะพระรูปนี้เป็นการทำลายล้างอกุศลและบาปกรรมเพื่อจะให้กำเนิดสิ่งที่ดีงามมั่นคงขึ้นมาทดแทน ผู้บูชาจะก้าวล่วงพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายและเริ่มมีสิ่งที่ดีงามปรากฏแก่ชีวิตตนเองด้วยอานุภาพแห่งดวงตราศานตายะนี้ ท่านว่าตรานี้อยู่ที่ไหนสิ่งไม่ดีไม่อาจเข้าใกล้หรือรังควานได้เลย สิ่งอกุศลไม่ดีทั้งหลายตลอดจนวิญญาณร้ายจะกลายเป็นอาหารที่สิบเทพอสูรคณะไภรวะท่านเสพย์ท่านกินไปหมดสิ้น แม้มีใครคิดร้ายต่อเราได้ ไม่ต้องพูดอะไรมากหรอกหากเราบูชาและมีดวงตรานี้อยู่ในคอใครได้ชื่อว่าคิดร้ายทำร้ายเราอยู่ให้เตรียมดูความพินาศฉิบหายของคนเหล่านั้นได้เลย

    พ่ออาจารย์ท่านได้หล่อพระรูปดวงตราศานตายะตามนิมิตที่มหาพรหมอาตมันท่านแนะนำด้วยวัชรธาตุหยาดน้ำฟ้าทวาราวดี นำมาผสมกับเหล็กสังขวานรเก่าพระอุโบสถอยุธยา เข้าด้วยตะกั่วน้ำนมพระท่ากระดานชำรุด ผสมแร่เงิน และปรอทป่า จนครูท่านนิมิตบอกว่าได้เช่นนี้ก็เป็นกายสิทธิ์แล้ว พลังหนักหน่วงแต่กลับเย็น เบาและสบาย ดี ดีมากๆ ทั้งยังได้ทำผงเฉพาะทางฝังไว้ด้านหลังด้วยคือผงที่นำมาจัดสร้างนั้นจะเรียกให้กระชับว่า " ผงมหาสูตร " ที่พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างผงนี้ขึ้นมาเฉพาะเป็นกรณีพิเศษเก็บไว้นานแล้ว เพื่อที่จะทำครูในสายเทพอสูรโดยเฉพาะซึ่งท่านได้นำผงว่านยามาตำรวมกัน โดยว่านที่ใช้นั้นท่านจะคัดเฉพาะว่านที่เก่ง มีฤทธิ์ มีตัวตนเป็นกายสิทธิ์ หาได้ยาก จับได้ยาก พลีได้ยาก มาบดสะสมไว้ร่วมกับผงมหายันต์ลบตามสูตรของท่านที่เน้นเลือกสะสมเฉพาะที่เสกจนเรียกว่าอักขระดิ้นได้พร้อมกับเข้าด้วยผงอาถรรพ์อีก 9 ชนิดที่หาง่าย แต่เอายากไม่สามารถเปิดเผยที่มาได้ ท่านได้นำผงมหาสูตรนั้นมารวมกับผงสำคัญคือผงยาสัจจะและผงกฤษณะยันตราอุดไว้ด้านหลังดวงตราศานตายะเป็นกฤติยาคมสูงสุด
    - ยาสัจจะ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจการเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคมตลอดจนท่านมีญาณรู้สิ่งที่จะเกิดในอนาคตพ่ออาจารย์ท่านจึงได้รับนิมิตจากครูบาอาจารย์ผู้เป็นเจ้าของยาแดงอันสอนวิชาแก่ท่าน ให้นำผงยาแดงที่ประสิทธิ์แรงครูและมอบให้ไว้ออกมาทำเครื่องมงคลเพื่อให้เป็นที่เจริญสติแก่สัตว์ทั้งหลาย ต้องย้ำว่ายาแดงที่พ่ออาจารย์นำมาทำนั้นเป็นของบูรพาจารย์ท่านในฝั่งพม่าทำไว้ ท่านว่ายาแดงนั้นมีอานุภาพมากท่านเรียกว่ายาสัจจะ ยานี้แค่มีไว้กับตัวได้ไว้ครอบครองหรือเก็บรักษายังไม่ต้องบูชาแต่อย่างใด อานุภาพของยาก็ช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้นแล้วอานุภาพยาสัจจะนั้นมีมากมายนัก นอกจากเปลี่ยนแปลงชีวิตช่วยให้ชีวิตดีขึ้นทันตาเห็นได้แล้วตัวยาสัจจะเองนั้นยังมีอานุภาพต่างๆอีกมาก ท่านว่าดีเกินกว่าจะคิดนั่นคือทำให้รวยมีทรัพย์สินศฤงคาร ทำให้คนเมตตาเป็นเสน่ห์มหานิยม เป็นมหาอำนาจวาสนาบารมี คุ้มครองป้องกันเป็นข่ามคง ช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยให้มีอายุยืนนานไม่ตายด้วยโรคปัจจุบันทันด่วน ขับไล่คุณผีคุณคนเสน่ห์ยาแฝด ล้างมนต์ดำ ทำลายอาถรรพ์เมฆหมอกปิดกั้นชีวิต ทำลายล้างวิชาอาคมต่างๆ...(ท่านว่าไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ยังมีอีกแต่พูดไม่ได้) ท่านว่าเอาว่าเหมาะ ไม่ใช่ด้วยว่าควรจะมีแต่ต้องมี เพราะยาสัจจะนั้นมีอานุภาพวิเศษที่จะทำให้ชีวิตคนบริบูรณ์ด้วยความสุขทุกประการได้
    ยาแดงหรือยาสัจจะเก้าขั้นที่ท่านนำมาอุดดวงตรานั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษาผงยาวิชาทุกระดับขั้น ท่านว่าจะไม่เจริญเปลี่ยนชีวิตคนได้อย่างไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น ทั้งพระรัตนตรัย คุณครูบาอาจารย์ พระอินทร์ จตุโลกบาลและอื่นๆอีกมากมายที่รักษายานี้ พ่ออาจารย์ท่านได้นำยาแดงนั้นมาเข้ากับผงยาจินดามณีนิดหน่อยเป็นผงยาจินดามณีเก่าของหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้วท่านว่าดีอย่างไรคงไม่ต้องบอก แรงครูสูงจะหาผงที่สร้างขึ้นจากยอดยาเช่นนี้คงหาไม่ได้อีก
    - ผงกฤษณะยันตรา ด้วยว่าพระกฤษณะนั้นนับถือว่าเป็นองค์อวตารของพระวิษณุผู้ปกปักรักษาสรรพสิ่งซึ่งคนนิยมนับถือท่านว่าเป็นคนเลี้ยงวัวเป็นผู้อภิบาลโคทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านจึงเลือกทำวิชาลงผงวิเศษขึ้น ท่านได้เขียนยันต์อักกะตัชชารีเป็นเลขยันตร์คาถาอาคมที่ถอดจากคำพูดแต่ละคำกลายเป็นตัวอักษรและสัญลักษณ์อันถูกจัดเรียงอย่างมีระเบียบและนำตัวเลขแทนสัญลักษณ์ดวงดาว มหาธาตุ และเทพเจ้าต่างๆจัดเรียงอยู่ในผังสมมุติของจักวาลทำการจัดเรียงตัวเลขเหล่านั้นในทิศทางที่ดีที่สุด ด้วยว่าอำนาจจากตัวเลขที่ถูกสมมุติแทนดาวดวงทั้งหลายจะส่งพลังงานจากดาวดวงจริงหรือพลังจักรวาลมาสู่ตัวผู้บูชาเพื่อให้สำเร็จในเหตุการณ์และความปรารถนาต่างๆ ผงนี้จะแผ่พลังงานจากมหาธาตุ ดวงดาว ตลอดจนถึงเทวราช เป็นพลังที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่มีบกพร่อง พ่ออาจารย์ท่านว่าผงสำคัญนี้อันที่จริงเราก็ไม่อยากทำเท่าไหร่ ด้วยอานุภาพของมันนั้นจะส่งผลไปถึงการบิดเบือนมิติต่างๆรอบด้าน เป็นสื่อของพลังงานจักรวาล พลังงานกาลเวลาตลอดจนนำพาอำนาจพระกฤษณะมาสู่ผู้ศรัทธา ด้วยวิถีของการกระจายพลังงานที่แผ่ออกมาดุจคลื่นกระทบฝั่งไม่มีวันหยุดพัก ทั้งตัวผงเองยังดึงดูดพลังจักรวาลเข้ามาใช้เป็นตัวขับเคลื่อนพลังงานอันจะแผ่นี้ตลอดเวลา ดังนั้นผงกฤษณะยันตราก็เป็นผงที่มีอานุภาพการปรับเปลี่ยนสมดุลย์ให้ร่างกายผู้อาราธนาโดยอัตโนมัติด้วยจะควบคุมพลังงานเข้าออกทั้งดึงทั้งแผ่ไปในทิศต่างๆ พ่ออาจารย์ท่านลบ " ยันตรากฤษณะมณฑล" ให้มีอานุภาพเฉพาะทาง ท่านว่าหากใครถามว่าทำไมต้องเจาะจงลงยันต์กฤษณะมณฑล ทำไมไม่ใช้ศิวะมณฑล หรือวิษณุ อัคนีแลเทพเจ้าทั้งหลาย ทำไมเราถึงเจาะจงกฤษณะมณฑลนี้ ก็ให้บอกเขาไปว่า เพราะยันตราแต่ละรูปแบบนั้นมีอานุภาพต่างๆกันไปและเราพิจารณาแล้วว่ากฤษณะมณฑลนั้นมีอานุภาพเหมาะแก่ยุคสมัย ด้วยมีอานุภาพดึงดูดความรัก ดึงดูดน้ำจิตน้ำใจสัตว์ทั้งหลายอันมีน้อยและหาได้ยากในยุคนี้ให้เข้าหา ซ้ำผงยันต์กฤษณะมณฑลนี้ก็เป็นเสน่ห์อย่างเหลือล้น ทั้งยังเป็นผงเดียวที่มีอานุภาพทำให้ผู้พกผู้บูชาหลุดพ้นจากความทุกข์ ซึ่งเราพิจารณาแล้วว่าผงยันต์ตัวอื่นก็ไม่วิเศษเช่นนี้ ก็สมัยนี้ตัวทุกข์มันมาก สืบไปเบื้องหน้าคนก็จะยิ่งทุกข์หนักมาก เมื่อจะมีผู้ใดบูชาดวงตราก็ด้วยปรารถนาการอภิบาลให้พ้นจากทุกข์ เช่นนั้นจึต้องอาราธนากระแสพลังงานของกฤษณะยันตราให้ดึงดูดธาตุและพลังจักรวาลขับออกซึ่งภัยพิบัติ ดลให้เจอแต่สิ่งดีงามพ้นห้วงทุกข์ทั้งหลาย

    ภูติพยนต์โสฬสภวัคคพรหมวิชาชายทุกคะตา(สิ้นทุกข์ เกิดใหม่ ได้ดี)
    เป็นพยนต์พิเศษที่พ่ออาจารย์ท่านใช้ฝังดวงตราศานตายะโดยเฉพาะ ท่านเสกขึ้นมาด้วยการปลุกมหาภูติพยนต์โสฬสภวัคคพรหมซึ่งพยนต์นี้จะมีฤทธิ์มากมีกำลังดุจมหาพรหม มีอานุภาพยิ่งใหญ่เกินกว่าเทพยดาทั้งมวล ท่านว่ายิ่งมีฤทธิ์มากก็ยิ่งช่วยให้สำเร็จได้มากจึงเป็นพยนต์กายสิทธิ์ที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน ซึ่งท่านได้หล่อพยนต์นี้จากปรอทยอดธาตุอันท่านได้มาแต่สมัยออกธุดงค์กับครูบาอาจารย์ เป็นปรอทสำคัญแข็งดุจหินที่ฝังไว้ในมหาธาตุเจดีย์สมัยสุโขทัยอันได้โค่นล้มลงมาตามกาลเวลา ซึ่งท่านว่าจะได้เสริมกำลังชีวิตทำอะไรจะได้ว่องไวสำเร็จรวดเร็ว โดยท่านได้นำมาหลอมรวมกับแร่โคตรเศรษฐีและตะกั่วปากถุงเงินก่อนจะนำมาตั้งธาตุอ่านโองการปลุกเสกเป็นพยนต์วิชาชายทุกคะตาจนแล้วเสร็จ
    วิชาชายทุกคะตานั้น ...เมื่อเกิดเป็นมนุษย์นั้นไม่ว่าจะต่างชาติต่างวรรณณะกันเพียงไหน เชื่อได้ว่าย่อมมีความทุกข์ทั้งสิ้น แต่เดิมนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้วิชามาจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำวิชาหนึ่ง ซึ่งในสมัยมีชีวิตอยู่ท่านก็ไม่ได้ทำวิชานี้ให้กับใคร ท่านได้สอนเเละบอกกล่าวพ่ออาจารย์ไว้เท่านั้น ท่านว่าอนาคตให้เอาไว้ช่วยคนที่เขาเดือดเนื้อร้อนใจจริงๆ วิชานี้หลวงพ่อฤาษีท่านเรียนสืบมาเเต่บูรพาจารย์คือองค์หลวงพ่อปาน วัดบางโคนม ถือว่าสำคัญมาก จะเห็นว่าใครก็ตามตกต่ำย่ำเเย่ไปหาหลวงพ่อปานท่านช่วยได้เเก้ไขให้ดีขึ้น พ้นทุกข์ได้ทุกคน วิชานี้พ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าชายทุกคะตา อดีตท่านเรียนไว้ลงตะกรุดเก็บไว้เสกขอบารมีเสด็จพระใหญ่สมเด็จองค์ปฐมตลอดจน หลวงพ่อปานเเละหลวงพ่อฤาษีช่วยสงเคราะห์อยู่ทุกวันตลอดเวลา วิชานี้ดีอย่างไรทำไมถึงเรียกว่าชายทุกคะตา เพราะขึ้นชื่อว่ามนุษย์นั้น ยอมมีความทุกข์เรื่องต่างๆทุกคน จะจนจะรวยเเค่ไหนก็หนีไอ้คำว่าความทุกข์นี้ไม่พ้น ในอดีตจวบจนปัจจุบัน สิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็อยู่ในห้วงทุกข์ทั้งสิ้น เพราะเสวยผลแห่งกรรมตามติดไปตามวาระตามระบบที่ตนเองเป็นคนก่อขึ้นมา เมื่อมีความทุกข์ก็ก้มหน้ารับทุกข์กันไป สมัยหลวงพ่อปานนั้นท่านก็ไม่ได้ใช้วิชานี้เพื่อโปรดใครมากเพราะเป็นวิชาที่ส่งผลยิ่งใหญ่ สามารถบรรเทาเคราะห์กรรมเปลื้องปลดทุกขเวทนาได้ "บุคคลทั้งหลาย พึงล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร" วิชานี้ก็เช่นกันไม่ว่าจะเจอทุกข์จากอะไรมา
    - ทุกข์จากกฏแห่งกรรม
    - ทุกข์จากความผิดหวัง
    - ทุกข์จากความรัก
    - ทุกข์จากอุปสรรคในหน้าที่การงาน
    - ทุกข์จากสิ่งที่ไม่ชอบเนื้อชอบใจ
    - ทุกข์จากความอิจฉาริษยาของบุคคลเเวดล้อม
    - ทุกข์จากฐานะการเงิน หน้าที่สิ่งที่เป็นอยู่
    - ทุกข์จากคนรอบข้าง
    - ทุกข์จากการกระทำการกลั่นเเกล้ง
    - ทุกข์จากใจตนเอง และ อื่นๆอีกมากมาย

    ขึ้นชื่อว่าความทุกข์ทั้งหมดนั้น เพราะไม่ได้ดั่งใจตนเองย่อมพินาศปราศนาการไป วิชานี้หลวงพ่อได้บอกกล่าวต่อมาเป็นรุ่นๆถึงพ่ออาจารย์ว่า เราจะเป็นเพียงคนทำให้ คนนำวิชาไปใช้ไปสำเร็จ เป็นที่ตัวของโยมเค้าเอง ซึ่งวิชานี้เริ่มจากพ่ออาจารย์ได้ลงตะกรุดชายทุกคะตาก่อน โดยเเปลงเป็นอักขระพระเวทย์สายเหนือที่ท่านถนัด พระยันต์ด้านในนั้นมีพุทธคุณมาก ผู้ใดมีความทุกข์ก็ล่วงทุกข์ได้ ซ้ำยังมีพระพุทธคุณวิเศษ สุดเเต่จะคิดจะปรารถนาไม่ว่าจะความทุกข์ใดๆก็ล่วงผ่านไปได้ ล้อมด้วยคาถาที่ให้คุณทางด้านมีทรัพย์สมบัติมาก ท่านว่าตัวนี้มีกินทั้งชาติไม่รู้สิ้น ซ้ำยังรักษาสิริสวัสดิ์ในกายตนเอง ปกป้องคุ้มครองต่างๆ เเม้อยู่ในสถานที่ใดๆสิ่งมีชีวิตทั้งหลายย่อมให้ความรักความกรุณา ก่อนจะนำตะกรุดนี้ไปผสมเป็นมวลสารหล่อพยนต์และเมื่อปลุกภูติพยนต์โสฬสภวัคคพรหมแล้วจึงนำมาหนุนวิชาชายทุกคะตาอีกคำรบหนึ่ง
    ภูติพยนต์นี้เเฝงนัยยะสำคัญหลายประการ
    - เป็นพยนต์เเห่งการสร้างสรรค์การให้กำเนิด เมื่อสิ้นทุกข์เเล้วจะได้เกิดการเปลี่ยนเเปลงเกิดสิ่งดีๆ
    - เมื่อสิ้นทุกข์เเล้วจะได้พบกับความสุข เพราะอาศัยกฏธรรมชาติข้อนี้ที่ใครๆก็ปรารถนาจะมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น
    - ภูติพยนต์นี้จะมีพลังองค์คุณเเห่งบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเราปกปักรักษา มีพระคุณพ่อพระคุณแม่เหนือหัวใครก็ทำอันตรายลูกไม่ได้ ใครก็ทำร้ายลูกไม่ได้
    - เสริมสมดุลย์ปรับธาตุพลังงานหยินยางให้อยู่ในสภาวะพอดีไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป สุขภาพร่างกายจะได้เเข็งเเรงไม่เขจ็บป่วยง่าย
    - เป็นรูปอาถรรพ์ เม้คุณไสยฝ่ายต่ำก็ไม่สามารถทำอันตรายเราได้พลังงานด้านลบต่างๆย่อมสูญสลายไป ซ้ำยังกันกระทำกันผู้มีวิชาอาคมคัดถอนอีกด้วย
    พยนต์ชายทุกคะตาวิชานี้คืออะไร
    คือบุคคลผู้มีความทุกข์แต่ล่วงทุกข์ประการต่างๆ ไม่ว่าจะทุกข์จะสาหัสเเค่ไหนเดือดร้อนเพียงใด ทิ้งความทุกข์ไว้แล้วเกิดเป็นคนใหม่ พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือไม่เหลือคราบคนเก่า จากคนประสบทุกข์กลายเป็นคนไร้ทุกข์ ได้ดีในสิ่งที่ตนปรารถนา พ่ออาจารย์ท่านอธิบายสั้นๆเพียงเเค่นี้ ท่านว่าวิชานี้เมื่อเผยเเพร่ออกไปแล้วเหมือนไปชุบชีวิต ไปต่อชีวิตเค้า ต่อไปจะเป็นวิชาหลักของเรา คงจะได้ใช้ช่วยสงเคราห์คนอีกมาก

    นอกจากนี้ดวงตรายังฝังตะกรุดสำคัญอีกสามชนิด
    - ตะกรุดกาลกลืนกิน เป็นตะกรุดตะกั่วขอมโบราณโดยกำหนดให้อดีต ปัจจุบัน อนาคต มีเราเป็นหนึ่งแต่ผู้เดียว ซ้ำอีกนัยน์หนึ่งท่านว่าผู้ที่อยู่เหนือกาลเวลาได้ย่อมเอาชนะทุกสิ่งอย่างบรรดามี อยู่เหนือวัฏฏ อยู่เหนือกฏแห่งกรรม ลอยตัวออกห่างจากอกุศลเพื่อบ่มเพาะคุณความดี กาลกลืนกินนี้คือวิชาอาถรรพ์ของหน้ากาลที่สามารถกลืนกินได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ท่านปลุกเสกอธิษฐานจิตให้กลืนกินเคราะห์กรรม คุณไสยอวิชชาอันติดมาจากรากเหง้าจิตดั้งเดิม ให้เหลือแต่ความสุข โชคลาภ ความมั่นคง ท่านว่าคุณของหน้ากาลนั้นยิ่งกว่าราหูนะ เพราะราหูอมแล้วยังคลายออก แต่หน้ากาลอมแล้วไม่มีวันคลายจะกลืนกินไปทั้งหมดทั้งสิ้นเช่นนั้น ท่านว่าเมื่อปรารถนาสิ่งใดอธิษฐานขอตะกรุดให้ช่วยเรากลืนกินแล้ว ก็ให้ใช้กำลังใจพิจารณาให้เกียรติมุขนี้กลืนกินสิ่งที่เราต้องการหรือปรารถนานั้นเสีย ทุกอย่างก็สำเร็จดั่งใจไม่ไกลเกินเอื้อมถึง

    - ตะกรุดตราล้างโลก เรียกอีกอย่างว่าดวงตาพระอิศวร(ศิวะ) ซึ่งเป็นตะกรุดที่มีอานุภาพในการทำลายล้างสิ่งไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไม่ดีในร่างกายเราหรือสิ่งไม่ดีอันติดมาแต่ชาติกำเนิด สิ่งไม่ดีอันเป็นอุปสรรคบั่นทอนชีวิตของเราในทุกๆด้าน ใช้ขับล้างพลังงานด้านลบออกไปจากร่างกายของเราตลอดจนมีอานุภาพเป็นที่หวาดกลัวแก่เหล่าวิญญาณร้ายมิจฉาทิฏฐิตลอดจนเทวดาทั้งหลายเป็นที่ยิ่ง ตะกรุดนี้มีกลวิธีในการลงซับซ้อนเเละต้องมีพระคาถาเข้ามาเสริมและหนุนเฉพาะเพื่อเสกให้ทรงอานุภาพสูงสุด ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านว่าตาของพระอิศวรหรือศิวะนั้นเป็นสิ่งที่มีอานุภาพสูงสุดในการทำลายล้างใช้ทำลายจักรวาลให้เป็นจุณมหาจุณในพริบตา เพื่อให้กำเนิดสิ่งที่ดีงามประดิษฐานขึ้นต่อไปตามกลไกแห่งวัฏฏจักร เราจึงเรียกตะกรุดตัวนี้ว่าตะกรุดตราล้างโลก เพื่อให้เหมาะสมและเข้ากับดวงตราศานตายะโดยสมบูรณ์ ถือได้ว่าตะกรุดดอกนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้พระมีอานุภาพแรงกล้าขึ้นไปอีก
    - ตะกรุดมหาปราบโลก ตะกรุดนี้ลงพระยันต์มหาปราบโลกและเสกโดยหลังเสกนั้นท่านเรียกของท่านเองว่าตะกรุดไพรีพินาศ ท่านว่าเสริมตัวนี้เข้าไปนี่แหละเราปราบเขาได้หมดเลย ในโลกนี้ขอให้มีจิตมีชีวิตเถอะจะคนจะผีจะเจ้าที่ไหนเอาชนะเราไม่ได้ใครคิดร้ายทำร้ายเราก็พินาศสมชื่อ เป็นศัตรูเรามีแต่ตกอับล่มจมไป แต่ผู้ครอบครองต้องประพฤติดีปฏิบัติชอบด้วยนะถึงจะใช้ขึ้นและได้ผลแรงกว่าปกติหลายเท่าตัว ท่านว่าเมื่อทางสะดวกปราบและกำราบคนที่คิดไม่ดีกับเราหมดแล้วจะทำอะไรก็เจริญรุ่งเรือง จะเอาดีทางโลกก็ไร้เสี้ยนหนามจะเอาดีทางธรรมก็ไม่มีอุปสรรค เพราะชั้นถือว่าปราบนี่คือปราบหมดปราบราบคาบแม้แต่กิเลสในใจตน ก็ตั้งจิตอธิษฐานกันเองระลึกให้ดีว่าจะเอาดีทางโลกหรือทางธรรม ยิ่งเมื่อเสริมกันกับอานุภาพดวงตราศานตายะแล้วเป็นว่าหายห่วงได้ทุกเรื่องฝากชีวิตไว้ได้

    คาถาบูชา
    โอม ศรีไภระวายะนะมะ โอมศรีกาละไภรวะ โอมบาตุกไภรวะ ชาบา สะโตตระมันตระ
    คาถาใช้พยนต์ชายทุกคะตา อาหะ ภันเต อิทะเน กัปปันเน อิทาเทหิ สะกะทิชีวิตา สัพพะทุกขา มุจเจยยะ

    ดวงตราศานตายะคือตราที่นำมาซึ่งความสุขสวัสดี ขับไล่ล้างบาปอวิชชาและตะกอนทุกข์ตลอดจนกลืนกินหกวัฏจักร(ที่ทุกข์ยาก)...เป็นสิ่งที่อยู่เหนือวัฏฏอย่างแท้จริงด้วยสิบอสูรฟ้าหรือครูใหญ่อสูรทั้งสิบท่านจะสละตนทำให้ทุกข์สูญไปสละคำพรและอมฤตธรรมตลอดจนปัจจัยทั้งหลายเพื่อเกื้อกูลความสุขแก่ตัวเราด้วยความรักความเมตตา

    *** ตราศานตายะนั้นมีอาถรรพ์มากเสมือนตรารวมวาสนาพรมงคลของสิบเทพอสูรคณะไภรวะ พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ทั้งหมดหกองค์ แต่ท่านอาราธนาเององค์หนึ่ง จึงมีให้บูชาห้าองค์ รายการนี้รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ผู้บูชาให้แจ้งชื่อนามสกุลและคำพรที่ปรารถนาจะขอกับครูไภรวะทั้งสิบไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านจะเจิมประสิทธิให้อีกคำรบหนึ่ง รายได้ร่วมสมทบทุนอาหารกลางวันโรงเรียนชนบทของเด็กด้อยโอกาสสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ดวงตราศานตายะบัญชาเทพขุนพลสิบอสูรฟ้าสละตน(ภูติพยนต์โสฬส..สิ้นทุกข์..) บูชา 4,000 บาท

    90428412-218530239207151-8367574243776397312-n.jpg 90979979-2834324296662697-586585188515971072-n.jpg
    90529675-1275399562650431-3742303986821103616-n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2020
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ดวงตราศานตายะนี้ ท่านพูดเป็นปริศนาเอาไว้ว่าเมื่อครูท่านเสียสละตนแล้ว ท่านย่อมเลือกคนของท่านเอง แต่รายการนี้แอบกะซิบไว้ได้เลยว่าเฉพาะตะกรุดสามชนิดนั้นก็คุ้มค่าแล้วเพราะลงยากมาก ปกติดอกละสี่พันยังไม่มีเหลือเลย ใครได้รายการนี้ถือว่าคุ้มสุดๆ
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ทวีพงษ์ EI 7409 5155 5 TH

    พี่ธีระพงษ์ EI 7409 5156 4 TH

    พี่กีรติศักดิ์ EI 7409 5157 8 TH

    พี่ธวัช EI 7409 5158 1 TH
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    มีพี่ที่จองดวงตราศานตายะ ตอนแรกบอกรุ่นนี้ผ่านแต่สักพักก็มาจองใหม่พี่เขาว่าครูมาตามแล้วเล่าให้เราฟังว่า " รุ่นนี้ไม่ต้องแขวน ใจถึงใจ ท่านคุ้มให้ทั้งตัวแล้ว ทั้งยังเด็ดขาดเรื่องวาจาสิทธิ์ กับคำสาปคำแช่ง อาราธนาแล้วต้องระวังใจตนให้ดีเพราะครูแรงมากดุมาก "

    ....ก็สมกับที่เราบอกแต่แรกว่ายิ่งดุมากยิ่งให้คุณมาก แถมองค์นี้องค์เดียวจะไหว้จะห้อยหรือจะอาราธนาเช่นใดก็ได้ผลเป็นสิบเท่า(อันนี้เรื่องจริง พ่ออาจารย์ท่านว่าทำอะไรคูณสิบไปตลอดได้เลยทุกเรื่อง ทุกสิ่งล้วนออกดอกออกผลงอกเงยสิบเท่า ได้กำไรสิบเท่า เหมือนทำหนึ่ง..ขอหนึ่งแต่ได้สิบ..ยกมือไหว้หนึ่งแต่ไปถึงสิบ..ทำน้อยแต่เห็นผลมากเป็นเช่นนี้เพราะครูท่านลงมามาก ) ยิ่งได้สิบแรงคูณเข้าไปอีกไม่ต้องคิดเลยว่าจะแรงระดับไหน ขนาดยังไม่นับรวมพยนต์ด้านหลังก็สุดยอดแล้ว
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    คาถากันโรค

    บทสวดคาถา สักกัตวา คาถากันโรคภัยไข้เจ็บ


    พระคาถาบทนี้เป็นพระคาถาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานให้เทพบุตรอุณหิสวิชัย ได้ท่องพระคาถานี้ จึงได้มีอายุอยู่ในสวรรค์ต่อไป
    (พระคาถาบทนี้ ส่วนมากมิค่อยทราบกัน ได้สวดแต่บทอานิสงฆ์กันเสียหมด)
    ผู้ใดหมั่นสวดพระคาถานี้ จะระงับโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งอายุก็จะยืนยาว ใส้เสกยากินแก้โรคก็ได้ และถ้าหากผู้ใดสวดเจริญอยู่เป็นนิจ นอกจากจะปราศจากโรคภัยไข้เจ็บรบกวนแล้ว ยังแคล้วคลาดจากภัยต่าง ๆ เช่น ราชภัย โจรภัย


    บทสวดสักกัตวา

    สักกัตวา พุทธะรัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง หิตัง เทวะมะนุสสานัง พุทธะเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ ทุกขา วูปะสะเมนตุ เมฯ

    สักกัตวา ธัมมะรัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง ปิริฬาหูปะสะมะนัง ธัมมะเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ ภะยา วูปะสะเมนตุ เมฯ

    สักกัตวา สังฆะรัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง อาหุเนยยัง ปาหุเนยยัง สังฆะเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ ภะยา วูปะสะเมนตุ เมฯ

    คำแปล

    เพราะทำความเคารพพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นประหนึ่งโอสถอันประเสริฐเยี่ยมยอด เกื้อกูลแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยเดชแห่งพระพุทธเจ้าขอให้อันตรายทั้งหลายทั้งปวงจงพินาศไปสิ้น ขอให้ทุกข์ทั้งหลายของท่านจงสงบไปโดยดี
    เพราะทำความเคารพพระธรรมรัตนะ ซึ่งเป็นประหนึ่งโอสถอันประเสริฐเยี่ยมยอด เกื้อกูลแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยเดชแห่งพระธรรมขอให้อันตรายทั้งหลายทั้งปวงจงพินาศไปสิ้น ขอให้ทุกข์ทั้งหลายของท่านจงสงบไปโดยดี
    เพราะทำความเคารพพระสังฆรัตนะ ซึ่งเป็นประหนึ่งโอสถอันประเสริฐเยี่ยมยอด เกื้อกูลแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยเดชแห่งพระสงฆ์ขอให้อันตรายทั้งหลายทั้งปวงจงพินาศไปสิ้น ขอให้ทุกข์ทั้งหลายของท่านจงสงบไปโดยดี

    พระคาถาสักกัตตะวาอีกแบบหนึ่ง (คาถาป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง)

    สักกัตตะวา พุทธะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมังวุรัง หิตัง เทวะ มุนุสสานัง พุทธะเตเชนะ โสตถินา
    นัสสันตุปัททะวา สัพเพ ทุกขา วูปะสะเมนตุ เต
    สักกัตตะวา ธัมมะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมังวะรัง ปริฬาหู ปะสะมะนัง ธัมมะเตเชนะ โสตถินา
    นัสสันตุปัททะวา สัพเพ ภะยา วูปะสะเมนตุเต.
    สักกัตตะวา สังฆระระนัง โอสะถัง อุตตะมังวะรัง อาหุเนยยัง ปาหุเนยยัง สังฆเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุปัททะวา สัพเพ โรคา วูปะสะเมนตุเต

    นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง
    นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง
    นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณังวะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง ฯ

    ยังกิญจิ ระตะนัง โลเก วิชชะติ วิวิธัง ปุถุ ระตะนัง พุทธะสะมัง นัตถิ ตัสมา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ
    ยังกิญจิ ระตะนัง โลเก วิชชะติ วิวิธัง ปุถุ ระตะนัง ธัมมะสะมัง นัตถิ ตัสมา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ
    ยังกิญจิ ระตะนัง โลเก วิชชะติ วิวิธัง ปุถุ ระตะนัง สังฆะสะมัง นัตถิ ตัสมา โสตถี ภะวันตะ เต ฯ


    คำแปล

    เพราะทำความเคารพพระพุทธรัตนะ ซึ่งเป็นประหนึ่งโอสถอันประเสริฐเยี่ยมยอด เกื้อกูลแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยเดชแห่งพระพุทธเจ้าขอให้อันตรายทั้งหลายทั้งปวงจงพินาศไปสิ้น ขอให้ทุกข์ทั้งหลายของท่านจงสงบไปโดยดี
    เพราะทำความเคารพพระธรรมรัตนะ ซึ่งเป็นประหนึ่งโอสถอันประเสริฐเยี่ยมยอด เกื้อกูลแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยเดชแห่งพระธรรมขอให้อันตรายทั้งหลายทั้งปวงจงพินาศไปสิ้น ขอให้ทุกข์ทั้งหลายของท่านจงสงบไปโดยดี
    เพราะทำความเคารพพระสังฆรัตนะ ซึ่งเป็นประหนึ่งโอสถอันประเสริฐเยี่ยมยอด เกื้อกูลแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยเดชแห่งพระสงฆ์ขอให้อันตรายทั้งหลายทั้งปวงจงพินาศไปสิ้น ขอให้ทุกข์ทั้งหลายของท่านจงสงบไปโดยดี

    ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยคำสัตย์นี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน
    ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระธรรมเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยคำสัตย์นี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน
    ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยคำสัตย์นี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน

    รัตนะอย่างใดอย่างหนึ่งมากมายบรรดามีในโลก รัตนะนั้นเสมอด้วยพระพุทธเจ้าหามีไม่ เพราะเหตุนั้น ขอท่านจงประสบแต่ความสุขสวัสดี
    รัตนะอย่างใดอย่างหนึ่งมากมายบรรดามีในโลก รัตนะนั้นเสมอด้วยพระธรรมเจ้าหามีไม่ เพราะเหตุนั้น ขอท่านจงประสบแต่ความสุขสวัสดี
    รัตนะอย่างใดอย่างหนึ่งมากมายบรรดามีในโลก รัตนะนั้นเสมอด้วยพระสงฆเจ้าหามีไม่ เพราะเหตุนั้น ขอท่านมแต่ความสุขสวัสดี ฯ


    557000001349001.jpg
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    คนที่สอบถามมารอชุดเล็กอยากได้หุ่นพยนต์กันก็ติดตามช่วงเย็นๆนะครับ พยนต์ชุดนี้มีไม่มากและจะผูกตะกรุดวิชาเฉพาะของท่านเอาไว้ด้วยเป็นตะกรุดที่ท่านได้นิมิตโดยตรงจากครูบาอาจารย์องค์สำคัญให้ทำไว้ใช้ยามเกิดโรคระบาดและภัยพิบัติ
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่เกษมธิดา EI 7409 6171 7 TH

    พี่ณธพรหม EI 7409 6172 5 TH

    พี่พรเทพ EI 7409 6173 4 TH
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ร่วมทำบุญบูชา ภูติพยนต์โสฬสภวัคคพรหมวิชาชายทุกคะตา(สิ้นทุกข์ เกิดใหม่ ได้ดี) ชุดพิเศษผูกตะกรุดบุญนิมิต

    วิชาปลุกมหาภูติพยนต์โสฬสภวัคคพรหมนี้ ท่านว่าเป็นวิชาที่ใช้สร้างให้พยนต์มากอภินิหาริย์ดุจเทพพรหม มีฤทธิ์มาก เป็นพยนต์เทพเจ้าคอยรักษาตัวผู้ใช้และควบคุมดวงของโชคลาภความมั่งคั่งทั้งหลายให้มีเข้ามาเนืองๆ อำนวยผลตามแต่ปรารถนา ท่านว่าพกไว้ไม่ต้องเลี้ยงต้องเซ่นเพราะพยนต์นี้มีความเป็นทิพย์ดุจเทพชั้นสูง อธิษฐานให้เขาช่วยเปิดดวงเปิดทางให้เราคอยรับใช้ผู้บูชาด้วยความซื่อสัตย์ไม่ใช่ทำให้เป็นเทวดาที่เราต้องตามไปรับใช้ท่าน *** หากแต่เป็นพยนต์ที่มีฤทธิ์ดุจเทวดาซึ่งเปรียบเสมือนทาสของเราเวลาจะขอจะบนอะไรก็บอกเขาดีๆ หากอยากถวายของจริงๆก็ให้ใช้ดอกไม้เครื่องหอมสุคนธ์รสทั้งหลาย งดเว้นอาหารดิบหรือสิ่งมึนเมาอย่างเด็ดขาด

    รุ่นนี้เป็นพยนต์พิเศษที่พ่ออาจารย์ท่านใช้ฝังดวงตราศานตายะโดยเฉพาะ
    ท่านเสกขึ้นมาด้วยการปลุกมหาภูติพยนต์โสฬสภวัคคพรหมซึ่งพยนต์นี้จะมีฤทธิ์มากมีกำลังดุจมหาพรหม มีอานุภาพยิ่งใหญ่เกินกว่าเทพยดาทั้งมวล ท่านว่ายิ่งมีฤทธิ์มากก็ยิ่งช่วยให้สำเร็จได้มากจึงเป็นพยนต์กายสิทธิ์ที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน ซึ่งท่านได้หล่อพยนต์นี้จากปรอทยอดธาตุอันท่านได้มาแต่สมัยออกธุดงค์กับครูบาอาจารย์ เป็นปรอทสำคัญแข็งดุจหินที่ฝังไว้ในมหาธาตุเจดีย์สมัยสุโขทัยอันได้โค่นล้มลงมาตามกาลเวลา ซึ่งท่านว่าจะได้เสริมกำลังชีวิตทำอะไรจะได้ว่องไวสำเร็จรวดเร็ว โดยท่านได้นำมาหลอมรวมกับแร่โคตรเศรษฐีและตะกั่วปากถุงเงินก่อนจะนำมาตั้งธาตุอ่านโองการปลุกเสกเป็นพยนต์วิชาชายทุกคะตาจนแล้วเสร็จ

    วิชาชายทุกคะตานั้น ...เมื่อเกิดเป็นมนุษย์นั้นไม่ว่าจะต่างชาติต่างวรรณณะกันเพียงไหน เชื่อได้ว่าย่อมมีความทุกข์ทั้งสิ้น แต่เดิมนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้วิชามาจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำวิชาหนึ่ง ซึ่งในสมัยมีชีวิตอยู่ท่านก็ไม่ได้ทำวิชานี้ให้กับใคร ท่านได้สอนเเละบอกกล่าวพ่ออาจารย์ไว้เท่านั้น ท่านว่าอนาคตให้เอาไว้ช่วยคนที่เขาเดือดเนื้อร้อนใจจริงๆ วิชานี้หลวงพ่อฤาษีท่านเรียนสืบมาเเต่บูรพาจารย์คือองค์หลวงพ่อปาน วัดบางโคนม ถือว่าสำคัญมาก จะเห็นว่าใครก็ตามตกต่ำย่ำเเย่ไปหาหลวงพ่อปานท่านช่วยได้เเก้ไขให้ดีขึ้น พ้นทุกข์ได้ทุกคน วิชานี้พ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าชายทุกคะตา อดีตท่านเรียนไว้ลงตะกรุดเก็บไว้เสกขอบารมีเสด็จพระใหญ่สมเด็จองค์ปฐมตลอดจน หลวงพ่อปานเเละหลวงพ่อฤาษีช่วยสงเคราะห์อยู่ทุกวันตลอดเวลา

    วิชานี้ดีอย่างไรทำไมถึงเรียกว่าชายทุกคะตา เพราะขึ้นชื่อว่ามนุษย์นั้น ยอมมีความทุกข์เรื่องต่างๆทุกคน จะจนจะรวยเเค่ไหนก็หนีไอ้คำว่าความทุกข์นี้ไม่พ้น ในอดีตจวบจนปัจจุบัน สิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็อยู่ในห้วงทุกข์ทั้งสิ้น เพราะเสวยผลแห่งกรรมตามติดไปตามวาระตามระบบที่ตนเองเป็นคนก่อขึ้นมา เมื่อมีความทุกข์ก็ก้มหน้ารับทุกข์กันไป สมัยหลวงพ่อปานนั้นท่านก็ไม่ได้ใช้วิชานี้เพื่อโปรดใครมากเพราะเป็นวิชาที่ส่งผลยิ่งใหญ่ สามารถบรรเทาเคราะห์กรรมเปลื้องปลดทุกขเวทนาได้ "บุคคลทั้งหลาย พึงล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร"

    วิชานี้ก็เช่นกันไม่ว่าจะเจอทุกข์จากอะไรมา

    - ทุกข์จากกฏแห่งกรรม
    - ทุกข์จากความผิดหวัง
    - ทุกข์จากความรัก
    - ทุกข์จากอุปสรรคในหน้าที่การงาน
    - ทุกข์จากสิ่งที่ไม่ชอบเนื้อชอบใจ
    - ทุกข์จากความอิจฉาริษยาของบุคคลเเวดล้อม
    - ทุกข์จากฐานะการเงิน หน้าที่สิ่งที่เป็นอยู่
    - ทุกข์จากคนรอบข้าง
    - ทุกข์จากการกระทำการกลั่นเเกล้ง
    - ทุกข์จากใจตนเอง และ อื่นๆอีกมากมาย

    ขึ้นชื่อว่าความทุกข์ทั้งหมดนั้น เพราะไม่ได้ดั่งใจตนเองย่อมพินาศปราศนาการไป วิชานี้หลวงพ่อได้บอกกล่าวต่อมาเป็นรุ่นๆถึงพ่ออาจารย์ว่า เราจะเป็นเพียงคนทำให้ คนนำวิชาไปใช้ไปสำเร็จ เป็นที่ตัวของโยมเค้าเอง ซึ่งวิชานี้เริ่มจากพ่ออาจารย์ได้ลงตะกรุดชายทุกคะตาก่อน โดยเเปลงเป็นอักขระพระเวทย์สายเหนือที่ท่านถนัด พระยันต์ด้านในนั้นมีพุทธคุณมาก ผู้ใดมีความทุกข์ก็ล่วงทุกข์ได้ ซ้ำยังมีพระพุทธคุณวิเศษ สุดเเต่จะคิดจะปรารถนาไม่ว่าจะความทุกข์ใดๆก็ล่วงผ่านไปได้ ล้อมด้วยคาถาที่ให้คุณทางด้านมีทรัพย์สมบัติมาก ท่านว่าตัวนี้มีกินทั้งชาติไม่รู้สิ้น ซ้ำยังรักษาสิริสวัสดิ์ในกายตนเอง ปกป้องคุ้มครองต่างๆ เเม้อยู่ในสถานที่ใดๆสิ่งมีชีวิตทั้งหลายย่อมให้ความรักความกรุณา ก่อนจะนำตะกรุดนี้ไปผสมเป็นมวลสารหล่อพยนต์และเมื่อปลุกภูติพยนต์โสฬสภวัคคพรหมแล้วจึงนำมาหนุนวิชาชายทุกคะตาอีกคำรบหนึ่ง

    ภูติพยนต์นี้เเฝงนัยยะสำคัญหลายประการ
    - เป็นพยนต์เเห่งการสร้างสรรค์การให้กำเนิด เมื่อสิ้นทุกข์เเล้วจะได้เกิดการเปลี่ยนเเปลงเกิดสิ่งดีๆ
    - เมื่อสิ้นทุกข์เเล้วจะได้พบกับความสุข เพราะอาศัยกฏธรรมชาติข้อนี้ที่ใครๆก็ปรารถนาจะมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น
    - ภูติพยนต์นี้จะมีพลังองค์คุณเเห่งบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเราปกปักรักษา มีพระคุณพ่อพระคุณแม่เหนือหัวใครก็ทำอันตรายลูกไม่ได้ ใครก็ทำร้ายลูกไม่ได้
    - เสริมสมดุลย์ปรับธาตุพลังงานหยินยางให้อยู่ในสภาวะพอดีไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป สุขภาพร่างกายจะได้เเข็งเเรงไม่เขจ็บป่วยง่าย
    - เป็นรูปอาถรรพ์ เม้คุณไสยฝ่ายต่ำก็ไม่สามารถทำอันตรายเราได้พลังงานด้านลบต่างๆย่อมสูญสลายไป ซ้ำยังกันกระทำกันผู้มีวิชาอาคมคัดถอนอีกด้วย


    พยนต์ชายทุกคะตาวิชานี้คืออะไร คือบุคคลผู้มีความทุกข์แต่ล่วงทุกข์ประการต่างๆ ไม่ว่าจะทุกข์จะสาหัสเเค่ไหนเดือดร้อนเพียงใด ทิ้งความทุกข์ไว้แล้วเกิดเป็นคนใหม่ พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือไม่เหลือคราบคนเก่า จากคนประสบทุกข์กลายเป็นคนไร้ทุกข์ ได้ดีในสิ่งที่ตนปรารถนา พ่ออาจารย์ท่านอธิบายสั้นๆเพียงเเค่นี้ ท่านว่าวิชานี้เมื่อเผยเเพร่ออกไปแล้วเหมือนไปชุบชีวิต ไปต่อชีวิตเค้า ต่อไปจะเป็นวิชาหลักของเรา คงจะได้ใช้ช่วยสงเคราห์คนอีกมาก

    คาถาใช้พยนต์
    อาหะ ภันเต อิทะเน กัปปันเน อิทาเทหิ สะกะทิชีวิตา สัพพะทุกขา มุจเจยยะ

    ตะกรุดบุญนิมิต

    ตะกรุดตัวนี้เป็นวิชาที่พ่ออาจารย์ท่านได้รับจากนิมิต โดยหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้วมาสอนให้ท่านลงพร้อมบอกคาถากำกับเวลาลง และคาถาที่ใช้เสก คาถาที่ใช้อาราธนา ท่านย้ำเอาไว้ว่าเมื่อเกิดโรคระบาดข้าวยากหมากแพงคนเจ็บคนตายเกลื่อนเมืองก็ให้ทำตะกรุดนี้ซักหน ใครได้ไปท่านว่าให้ภาวนาคาถาคู่กับตะกรุดด้วยจะพิษโรค พิษเศรษฐกิจ ภัยจากกลียุคประการใดๆย่อมรอดทุกคน พ่ออาจารย์ท่านเห็นว่านิมิตนี้เป็นมงคลอยู่มากท่านจึงตั้งใจลงตะกรุดและเสกเตรียมพร้อมไว้ตลอดและขนานนามตะกรุดโดยใช้ชื่อท่านผู้มาบอกว่า"ตะกรุดบุญนิมิต" จนภาวะในปัจจุบันคนเจ็บคนตายมากขึ้นและจะมากขึ้นต่อไป พ่ออาจารย์ท่านว่าภัยพิบัติเรื่องต่อไปในอนาคตยังรุนแรงกว่านี้ คนจะตายกันมาก ท่านจึงนำตะกรุดชนิดนี้มาผูกไว้กับพยนต์ให้ใช้คู่กัน

    ท่านว่าวิชาประเภทนี้เรียกแบบโบราณก็คือวิชาผีบอก เป็นวิชาที่ครูบาอาจารย์ เทพยดาหรือภูติผีมาบอกมามอบให้เฉพาะคนที่ท่านเลือก ถือเป็นของเฉพาะคนที่จะไม่มีการถ่ายทอดเพราะจะปรากฏในยุคใดยุคหนึ่ง
    ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านโปรดเท่านั้น แม้ใครก็ทำตามหรือสืบทอดต่อกัน
    ไม่ได้ พูดอีกแบบหนึ่งก็คือให้ตายไปกับตัว ท่านว่าตะกรุดบุญนิมิตนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลแต่เรามั่นใจมากว่าใช้ได้ผลจริงยามชีวิตเธอทุกข์ยาก ไม่ว่าจะด้วยโรคระบาด หรือปัญหาเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพง แม้จะเกิดกลียุคอย่างไรให้พกตะกรุดแล้วภาวนาคาถาพ่ออาจารย์ท่านว่ารอดทุกคน
    ### เพราะเป็นวิชาทางปาฏิหาริย์เป็นของเฉพาะคน มีเจ้าของ มีผู้ครอบครองที่ครูบาอาจารย์ท่านเลือกท่านเพ่งเล็งเอาไว้ พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าใครควรได้ควรใช้ เบื้องบนย่อมเลือกของท่านเอง

    คาถาใช้ตะกรุด

    พุทธะนิมิตตัง จิตตัง พระอรหัง พุทธนิมิตตัง จิตติ

    *** รายการพยนต์ชุดพิเศษนี้เป็นรายการที่พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจทำเก็บไว้อย่างมากเพราะตะกรุดบุญนิมิตที่ท่านผูกนี้เป็นของใช้เฉพาะตนที่ยากจะปรากฏในยุคหนึ่งๆอย่างแท้จริง รายการนี้รับจองเฉพาะทาง PM ผู้บูชาให้แจ้งชื่อนามสกุลไว้ด้วยเพื่อพ่ออาจารย์ท่านจะได้ใช้ในการประสิทธิ์พยนต์ต่อไป รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาสสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ภูติพยนต์โสฬสภวัคคพรหมวิชาชายทุกคะตา(สิ้นทุกข์ เกิดใหม่ ได้ดี) ชุดพิเศษผูกตะกรุดบุญนิมิต บูชา 900 บาท

    90428403-230030798056229-2684147409432346624-n.jpg 90544488-1418204235017516-7862944113669177344-n.jpg
    91052714-262177611456208-8406490457114148864-n.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ชุดตะกรุดบุญนิมิตนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดอยู่สิ่งหนึ่ง เพราะเป็นชุดที่พ่ออาจารย์ท่านเร่งร้อนคล้ายจะกังวลใจให้รีบออกให้คนจองมากที่สุดตั้งแต่ท่านสร้างเครื่องมงคลมา ท่านพูดแค่ว่า จะได้ทันการณ์ จะช่วยคนได้อีกมาก รายการนี้จึงเสมือนบูชาหนึ่งแต่ได้ถึงสอง ยิ่งถ้าใครมีครอบครัวมีลูกหลานควรจะฝาก ควรจะใส่กันให้ครบทุกคนจริงๆ
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ส่งของให้สายๆนะครับ
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    มีคนถามมาว่าคาถาตะกรุดบุญนิมิตนี่ถ้าไม่มีตะกรุดท่องได้มั๊ย ก็ท่องได้ครับเพราะตัวตะกรุดการลงการเสกและคาถาใช้เป็นคนละแบบกัน เรียกว่าเมื่อเอามารวมกันจึงจะสมบูรณ์เต็มสิบส่วน แต่คนที่ไม่มีกำลังทรัพย์จะจำไปภาวนากันก็ได้นะครับ อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ท่องเลย ก็ยังดีที่ได้คาถาไว้ภาวนา
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่พรเทพ EI 7409 7414 5 TH

    พี่ทวีพงษ์ EI 7409 7415 4 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EI 7409 7416 8 TH

    พี่ภิญโญ EI 7409 7417 1 TH

    พี่พิสุทธิ์ EI 7409 7418 5 TH
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    กายป่วย ใจไม่ป่วย

    ความเจ็บไข้ของคนเรามีสาเหตุจาก 2 ประการ คือ การได้รับเชื้อโรคจากภายนอก มลภาวะต่างๆ และการที่ร่างกายขาดภูมิต้านทาน ทำให้ร่างกายผิดปกติไป จึงเกิดการเจ็บไข้ขึ้น

    หนทางป้องกันและแก้ไข คือ การหลีกเลี่ยงจากการรับเชื้อโรคจากภายนอก และการสร้างภูมิต้านทานภายในร่างกายให้ดี เพื่อปิดโอกาสแก่การเจ็บไข้

    จิตใจและร่างกายของคนเรายังมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เมื่อร่างกายมีความผิดปกติขึ้น บางครั้งก็มีผลทำให้จิตใจพลอยเจ็บไข้ไปด้วย ในทำนองเดียวกัน เมื่อจิตใจห่อเหี่ยวและอ่อนแอ ก็เป็นเหตุให้ร่างกายเจ็บไข้ได้เช่นกัน

    ดังนั้น เมื่อร่างกายต้องเจ็บไข้ขึ้นมา พึงพยายามทำจิตใจให้แช่มชื่นเข้มแข็ง และรู้เท่าทันความจริง เพื่อจะได้มีกำลังใจไว้ต่อสู้ต้านทานความเจ็บไข้ทางร่างกาย ตามหลักที่ว่า “ป่วยแต่ร่างกาย จิตใจไม่ป่วยด้วย” ก็จะช่วยให้เกิดภูมิต้านทานภายในขึ้นทางหนึ่ง

    พร้อมกันนั้นก็ถือเอาภาวะที่ร่างกายเจ็บไข้และเป็นทุกข์นี้ เป็นเหตุและอุปกรณ์ในการศึกษาธรรมให้เข้าใจความจริง โดยธรรมชาติที่แสดงความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อให้เกิดสติปัญญาและความไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตและประกอบกิจต่างๆ

    ภาวะที่ต้องเจ็บไข้ก็กลับกลายเป็นคุณแก่จิตใจ คือทำให้ได้ศึกษาเข้าใจธรรม และเกิดการปล่อยวาง คลายความยึดมั่น อันเป็นต้นเหตุของความทุกข์ทางใจ ทำให้จิตใจเกิดกำลังและภูมิต้านทานต่อสู้กิเลสตัณหาอุปาทาน และมีผลทำให้ร่างกายมีความปกติขึ้น โดยยึดหลักที่ว่า “แสวงหาความสุขได้จากความทุกข์” และใช้ธรรมโอสถช่วยเยียวยาด้วยอีกทางหนึ่ง

    ในร่างกายของพวกเราแต่ละคนนี้ ญาติโยมทุกคนอย่านึกว่าปลอดภัยนะ เราไม่รู้หรอกว่ามีอะไรอยู่ในตัวของเราบ้างเวลานี้ มีเชื้อโรคชนิดไหนอยู่ที่ลำไส้ ที่ตับที่ไตที่กระเพาะ หรือว่าที่ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย เราก็ไม่รู้ เพราะว่ามันไม่แสดงอาการรุนแรง หรือเพราะความต้านทานของร่างกายเรายังดีอยู่

    ตราบใดที่ความต้านทานยังดีอยู่ เราก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเมื่อไรร่างกายเราอ่อนแอ ไม่มีความต้านทานเพียงพอ เราก็รู้สึกว่าเป็นโรค ไม่สบาย แล้วไปหาหมอ

    บางทีเมื่อไปหาหมอ หมอบอกว่า แหม มันมากเสียแล้ว ไม่สามารถรักษาได้ เช่น โรคมะเร็ง มันมาแอบซุ่มทำร้ายร่างกายเราอยู่ตั้งนาน พอเกิดเจ็บปวดก็อาการหนักเต็มทีแล้ว พอไปหาหมอก็เรียกว่าเข้าขั้นโคม่า ไม่สามารถจะรักษาได้แล้ว เราก็ถึงแก่กรรมตายไปตามๆ กัน อันนี้มันเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นแก่ใครเมื่อใด ก็ได้

    เพราะฉะนั้น เราจึงควรจะได้คิดไว้ล่วงหน้าในเรื่องอย่างนี้ ว่างๆ ก็พูดกับตัวเองเสียบ้างว่า “เออ! อย่าประมาทนะ อย่าเพลิดเพลินนักนะ ร่างกายนี่มันเป็นของเปราะ”

    สมัยนี้การศึกษาค้นคว้าเจริญก้าวหน้า เราก็พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงต้องศึกษา สนใจไว้ ถ้าเห็นว่ามีอาการผิดปกติ ก็จะได้รีบรักษา หรือว่าถ้าไม่มีอาการผิดปกติ เราก็จะได้หาทางป้องกันไว้ เช่น ไม่ดื่มของเป็นพิษเข้าไปในร่างกาย ไม่สูดดมของเป็นพิษเข้าไปในร่างกาย ไม่กินอาหารประเภทที่จะเป็นพิษเป็นภัย

    คนไม่ประมาทเขาก็นึกป้องกันอย่างนั้น สถานที่ใดที่ไปแล้วมันจะมีการเกิดโรคเกิดภัย เรารักชีวิตรู้คุณค่าของการเกิดมาเป็นมนุษย์ว่ามันมีค่าอย่างไร เราก็ไม่ไปในสถานที่นั้น คนใดมีโรคติดต่อเราก็ไม่เข้าใกล้บุคคลนั้น

    แต่ว่าคนเรานี้ถึงจะระมัดระวังสักเท่าใด ก็มีเวลาเผลอ เมื่อเผลอเข้ามันก็เป็นได้ เพราะสมุฏฐานมันมีมากมายหลายเรื่องหลายประการ เราระวังอยู่แล้วล่ะ แต่ก็ยังเผลอจนได้

    เวลาเราเจ็บไข้นี่ก็เหมือนกัน เราได้ศึกษาเรื่องชีวิตของเรา เราศึกษาจิตใจของเรา ได้ทดลองสอบไล่ตัวเอง ว่าอย่างนั้นเถิด ได้สอบไล่ตัวเองว่าที่เราเรียนธรรมะ เราปฏิบัติธรรมะ เป็นเวลานานๆ ปีนี่ มันใช้ได้ไหม มันเป็นประโยชน์แก่เรา เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยหรือไม่

    นี่แหละเป็นเครื่องทดสอบกำลังใจว่าเข้มแข็งขนาดไหน มีความวิตกกังวลหวาดกลัวอะไรกันบ้าง หรือมีอะไรแทรกแซง เป็นโรคซ้อนเข้ามาในจิตใจของเราบ้าง

    เมื่อเกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย มันดีตรงนี้ จะได้พิจารณา จะได้ศึกษาเรื่องชีวิตของเราขณะที่เรานอนอยู่ เพราะว่าเวลาป่วยไม่ได้ทำอะไร เขาให้นอนเฉยๆ ให้รับประทานยาบ้าง ฉีดยาบ้างไปตามเรื่อง

    เราควรจะใช้เวลานั้นเพื่อศึกษาชีวิตร่างกายสภาพจิตใจของเราว่ามันมีความรู้สึกอย่างไร มีอะไรเกิดขึ้นในใจของเราบ้าง เป็นความทุกข์ ความวิตกกังวล หรือว่าความเฉยๆ หรือว่าสติปัญญาพอจะมองเห็นอะไรๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายได้อย่างถูกต้อง นี่เราจะได้รู้ว่าเรามีสภาพอย่างไร

    อีกประการหนึ่ง ยังจะรู้ต่อไปว่า ญาติ มิตรเพื่อนฝูงทั้งหลาย เมื่อเราเจ็บไข้ได้ป่วยนี่ เขารู้สึกอย่างไร มีความรู้สึกวิตกกังวลหรือไม่ หรือเอาใจใส่ต่อเราขนาดไหน ช่วยเหลือเราประการใดบ้าง เราก็รู้ เพราะเขาว่ายามยากก็เห็นใจมิตร เราจะได้รู้ว่าญาติโยมทั้งหลาย เพื่อนฝูงมิตรสหายมีความรู้สึกอย่างไร

    ในเรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะได้รู้ ปกติก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร พอมีเรื่องขึ้นก็ได้เห็นว่า อ้อ! มันเป็นอย่างนั้น มันเป็นอย่างนี้ ทำให้เกิดประโยชน์แก่จิตใจหลายแง่หลายมุม ที่เราจะได้ศึกษาเรื่องนั้นๆ จากความเจ็บไข้ได้ป่วย

    เมื่อเจ็บป่วยก็ต้องแพ้เขา แต่ก็รักษากันไปตามเรื่อง หมอมีหน้าที่รักษาร่างกาย เรามีหน้าที่รักษาจิตใจของเรา จิตใจเรานั้น คนอื่นรักษาให้ไม่ได้ เราต้องรักษาของเราเองให้มันมีความสงบใจ

    โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นในร่างกายนั้น ถ้าเราใจดี ใจสงบ มันจะหายไว แต่ถ้าใจมีความวิตกกังวลทุกข์ร้อนเรื่องอะไรต่างๆ โรคมันจะหนักลงไป

    ยิ่งโรคบางโรคเกี่ยวข้องกับกำลังใจที่สุด เพราะฉะนั้น เราต้องสร้างกำลังใจ เพื่อต่อสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา จะทำให้เราสบายใจ


    558000001336301.jpg
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ตริณปรัชญ์ EI 7409 7490 5 TH
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    มีคนถามหาองค์เทพสตรีที่เป็นเทพฝ่ายจีนท่านให้มาถามหาบอกว่าพ่ออาจารย์ได้สร้างท่านเอาไว้ เดี๋ยวเอาไว้ติดตามพูดคุยกันวันพรุ่งนี้อีกทีนะครับ เพราะตั้งแต่ออกเครื่องมงคลมาเทพสตรีของจีนท่านยังไม่เคยนำออกมาให้บูชาเลยจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...