ติดตามสถานะการณ์

ภูฏานห้ามนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 2 สัปดาห์ หลังพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรก
ภูฏานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายแรก นำไปสู่การประกาศไม่อนุญาตนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศภูฎาน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ สกัดโควิด-19
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

จำนวนผู้ป่วยCOVID-19รายใหม่ในจีนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่มขึ้น 143ราย เฉพาะที่มณฑลหูเป่ย 126ราย นอกหูเป่ย 17ราย โดยในจำนวน17ราย เป็นคนที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงนอกจีน 16ราย

.

สรุปสถานการณ์ล่าสุดในจีน

1. จำนวนผู้ป่วย/ติดเชื้อ 80,714ราย กำลังรักษาในรพ. 23,752ราย หายดีและออกจากรพ. 53,917ราย เสียชีวิต 3,045ราย

2. ผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 143ราย โดยแบ่งเป็น
- มณฑลหูเป่ย 126ราย ซึ่งทั้ง126มาจากเมืองอู่ฮั่น ส่วนเมืองอื่นๆในหูเป่ย ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่

- นอกมณฑลหูเป่ย 17ราย ซึ่งมีถึง 16ราย เป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงนอกจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ 1ราย ,ปักกิ่ง 4ราย และมณฑลกานซู่ 11ราย โดยส่วนใหญ่เดินทางจาก อิตาลี และอิหร่าน

3. ผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้น 30ราย แบ่งเป็น มณฑลหูเป่ย 29ราย, มณฑลไห่หนาน 1ราย

4. อัตราการรักษาหายล่าสุด ณ 5 มี.ค.63 สูงขึ้นเป็น 66.65%

.

สถานการณ์นอกจีน : ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 17,736ราย ,หายดีและออกจากรพ.1,761ราย และเสียชีวิต 166ราย

TOP5 พื้นที่นอกจีนที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด

1. เกาหลีใต้

ติดเชื้อ 6,284ราย หายดี 108ราย เสียชีวิต 43ราย

2. อิตาลี

ติดเชื้อ 3,927ราย หายดี 414ราย เสียชีวิต 148ราย

3. อิหร่าน

ติดเชื้อ 3,513ราย หายดี 739ราย เสียชีวิต 107ราย

4. ญี่ปุ่น

ติดเชื้อ 1,059ราย หายดี 248ราย เสียชีวิต 12ราย

5. เยอรมัน

ติดเชื้อ 565ราย หายดี 17ราย

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

เซี่ยงไฮ้พบผู้ป่วยCOVID-19รายใหม่ที่เดินทางจากนอกจีน 3ราย โดยมาจาก "อิหร่าน" และเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ในคืนวันที่ 2 มี.ค.และเช้ามืด 3 มี.ค. 63 เพื่อเดินทางไปยังสนามบินเซี่ยงไฮ้ผู้ตง

เมื่อทั้ง3รายเดินทางถึงสนามบิน ทางเจ้าหน้าที่คัดกรองได้กักตัว และยืนยันผลตรวจวันนี้ (6มี.ค.63) ว่าทั้ง3ราย ติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และป่วยCOVID-19 ตามการรายงานของ 人民日报 (People's Daily) สื่อจีน

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

6 มีนาคม : อัพเดต #โควิด19⁣
⁣
#ไทย พบผู้ป่วยเพิ่ม 1 ราย เป็นชายชาวอังกฤษ แวะฮ่องกง ก่อนเดินทางมาไทย และเข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ด้วยอาการไข้ มีเสมหะ ขณะนี้ส่งตัวรักษาต่อที่สถาบันโรคทรวงอก⁣
⁣
▪ รอผลยืนยันอีก 1 ราย เป็นหญิงไทย ซึ่งเป็นแรงงานนอกระบบจากเกาหลีใต้ อายุ 30 ปี ตรวจพบอาการไข้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานนี้ ก่อนที่จะถูกส่งมารักษาตามระบบที่สถาบันบำราศนราดูร ตรวจพบเชื้อจากห้องปฏิบัติการ 1 แห่ง อยู่ระหว่างรอผลยืนยันจากห้องปฏิบัติการแห่งที่ 2 จึงจะประกาศเพิ่มได้ ⁣
⁣
▪ ไทยยอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 48 ราย รักษาหาย 31 ราย ยังอยู่ในโรงพยาบาล 15 ราย⁣
⁣
▪ ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศจีนมีแน้วโน้มลดลง แต่หลายประเทศทั่วโลกยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นย่างต่อเนื่อง⁣
▪ #อิตาลี พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 700 รายภายในวันเดียว และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 41 ศพ⁣
▪ #เกาหลีใต้ ผู้ติดเชื้อทะลุ 6,200 ราย⁣
▪ อังกฤษและสวิตเซอร์แลนด์ พบผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 รายแรกของประเทศ⁣
▪ นอกจากนี้ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มใน อิหร่าน, สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์⁣
▪ ทำให้ล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก 98,425 และเสียชีวิตอีกกว่า 3,387 ศพ⁣
⁣
#โควิด19 #COVIDー19⁣
กดติดตาม @THAIRATH #ไทยรัฐ #Thairath

 

ชะตากรรมกลางทะเล! เรือไม่สำราญลำใหม่ 'แกรนด์ ปริ๊นเซส’ ติดเชื้อโควิด-19 ตายแล้ว 1 รอตรวจอีก 3,500 คน

 

สิงคโปร์เจอคนติด Covid-19 วันเดียว 13 ราย...ยอดถึงวันนี้ 130!

 

อย่างห่วงเฉพาะผีน้อย
ม.ค.-ก.พ. จีนเข้าไทย 2.2 แสนคน
ส่วนเกาหลีมาเที่ยวกว่า 2 หมื่น
•
•
ตัวเลขจากสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว หรือ ATTA เปิดเผยตัวเลขนักท่องเที่ยวตลอด 2 เดือนแรก คือตั้งแต่ 1 ม.ค. – 29 ก.พ. 2563 ช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับการระบาดของโรคโควิด – 19 พบว่านักท่องเที่ยวจีน ยังคงเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทย โดยใช้บริการผ่านสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ประมาณ 2.2 แสนคน คิดเป็นอันดับ 1 ของบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหมด แม้จีน จะระงับไม่ให้บริษัททัวร์ พานักท่องเที่ยวออกนอกประเทศ ไปเที่ยวประเทศอื่น ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. ก็ตาม
•
ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นทั่วโลก ตลาดจีน ยังคงครองส่วนแบ่งมากกว่า 43% ของนักท่องเที่ยวจากชาติอื่นทั่วโลก แม้จะลดจากปีที่แล้ว มากกว่า 58.88% ก็ตาม
•
ทั้งหมดนี้ นับเฉพาะตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการอย่างเป็น “ทางการ” ผ่านธุรกิจที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิกของชมรม นั่นแปลว่านักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาไทยแบบ “วอล์คอิน” อาจมากกว่านี้...
•
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เพราะเหตุใด จำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ในไทยตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ล้วนมีสาเหตุสำคัญจากนักท่องเที่ยวจีน เพราะจำนวนผู้ที่เดินทางเข้า – ออก ยังคงมีจำนวนมหาศาล และเป็นที่รู้กันว่า “ด่านคัดกรอง” ที่สนามบินนั้นส่วนใหญ่ไม่สามารถทำอะไรกับโรคนี้ได้ เพราะมีระยะเวลาฟักตัวยาวนานถึง 14 วัน
•
ที่ผ่านมา มีความพยายามเสนอผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ “แบน” การเดินทางจากจีนเข้าไทย หรืออย่างน้อย ให้ยกเลิก Visa on Arrival สำหรับนักท่องเที่ยวจีน เพื่อสกัดกั้นการระบาดของโคโรนาไวรัส 2019 แต่ก็ไม่เป็นผล ชาวจีนยังสามารถเดินทางเข้าไทยได้อย่างต่อเนื่อง และจำนวนหนึ่ง ใช้เป็นทางผ่านเพื่อเข้ามาอยู่ 14 วัน ก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศอื่นที่แบนจีน อาทิ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ หรือแม้กระทั่ง ไต้หวัน
•
ทำให้หลายประเทศจัดไทยเป็นประเทศที่มี “ความเสี่ยง” ว่าจะเกิดการระบาดเป็นวงกว้าง และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขของการระบาดในช่วงแรก ที่จำกัดวงอยู่ราว 20 – 30 คน จะต่ำกว่าความเป็นจริง พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตในระดับภูมิภาค รวมไปถึงกัมพูชา พม่า ลาว และเวียดนาม ที่จำนวนผู้ติดเชื้อแทบไม่วิ่งเลย..
•
แต่ทั้งหมดนี้ จะโทษรัฐบาลไทยอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะองค์การอนามัยโลกเอง ก็เป็นผู้ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการจำกัดการเดินทางในช่วงแรก พร้อมทั้งเห็นว่าเป็นมาตรการที่ “Overreact” หรือเวอร์เกินเหตุ ทว่าในที่สุด เมื่อเกิดการระบาดไปทั่วโลก องค์การอนามัยโลก ก็ “เสี่ยงอ่อย” ไปเช่นกัน
•
นักท่องเที่ยวอีกชาติจากประเทศที่มีการระบาดหนัก ซึ่งเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยในจำนวนไม่แพ้กันคือ “เกาหลีใต้” โดยข้อมูลจนถึงวันที่ 29 ก.พ. ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ เข้ามาเที่ยวไทย กว่า 23,717 คน แม้จะลดจำนวนจากปีที่แล้วมากกว่า 50% แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง และน่ากังวลไม่น้อย สำหรับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อกว่า 6,000 คน
•
นอกจากนี้ ไทยยังมีนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นมากกว่า 3 หมื่นคน นักท่องเที่ยวจากฮ่องกง 4,975 คน นักท่องเที่ยวจากอิหร่าน 534 คน ซึ่งสามารถเดินทางไปไหนมาไหนในประเทศได้อย่างอิสระ ไม่ต้องกักตัว 14 วัน และสามารถผ่านด่านคัดกรองสนามบินได้ หากไม่มีไข้
•
ซึ่งแน่นอน คนกลุ่มนี้ ย่อมเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการติดเชื้อโคโรนาไวรัส กับ “ภาคบริการ” นักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นแม่ค้า ไม่ว่าจะเป็นคนขับแท็กซี่ และหากโชคร้าย คนกลุ่มนี้ ก็อาจแพร่ต่อไปยังกลุ่มเสี่ยงที่อยู่รอบข้างได้ต่อ นั่นหมายความว่าภาระที่หนักหน่วง จะตกอยู่กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องทำหน้าที่ทั้ง “คัดกรอง” ทั้ง “รักษา” ทันที
•
เมื่อกระทรวงสาธารณสุขประกาศ 9 ประเทศที่มีการระบาดร้ายแรง เป็นเขตโรคติดต่ออันตราย และให้ทุกคนที่มาจากประเทศเหล่านี้กักตัวเอง 14 วัน ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่นักท่องเที่ยว บุคลากรสาธารณสุขจำนวนไม่น้อย “โล่งใจ” แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่อยู่ดี ๆ ประกาศดังกล่าวก็หายไป พร้อม ๆ กับเพจเฟซบุคของรัฐมนตรี
•
และแม้จะมีความพยายามประกาศประเทศที่มีโรคติดต่อร้ายแรงใหม่เป็น 4 ประเทศ ได้แก่ จีน อิหร่าน อิตาลี และเกาหลีใต้ แต่จนถึงขณะนี้ ก็ไม่มีมาตรการเชิงรุกอะไรนอกจากบอกว่า 4 ประเทศนี้ “อันตราย” เท่านั้น หลังจากประกาศมา 24 ชั่วโมง คนที่เข้าไทยจากประเทศเหล่านี้ ก็ยังเดินทางไปมาได้ตามปกติ
•
ความเสี่ยงของไทย จึงไม่ได้มีแต่เฉพาะ “ผีน้อย” จากเกาหลีใต้ หรือคนไทย ที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้เท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวจากต้นทาง ก็อาจแพร่เชื้อต่อให้กับคนไทยได้เช่นเดียวกัน
•
เพราะฉะนั้น เมื่อหน้ากากอนามัย และอาวุธ ของบุคลากรหน้าด่านอย่าง “หน้ากากอนามัย” เริ่มร่อยหรอ ประเทศไทย อาจมาถึงทางแยกที่สำคัญแล้วหรือไม่ ในการประกาศ ไม่ให้ผู้ที่เดินทางจากประเทศที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน เข้าไทย แบบเดียวกับที่ประเทศอย่างสหรัฐฯ ออสเตรเลีย หรือสิงคโปร์ทำ เพราะผู้ที่เดินทางจากประเทศเหล่านี้ มีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อต่อ และทำให้บุคลากรสาธารณสุขของเราต้องเพิ่มภาระงานมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
•
หากสถานการณ์ทั่วโลกดีขึ้น ใน 2-3 สัปดาห์ ไทยก็อาจจะลดระดับ กลับมาเป็นการ “คัดกรอง” ที่เข้มงวดเหมือนเดิม และประกาศให้คนที่มาจากประเทศเหล่านี้ กักตัวเอง 14 วัน
•
ในเวลานี้ การห่วงเรื่อง “การท่องเที่ยว” อาจไม่สำคัญเท่ากับการห่วงภาระหน้างานของบุคลากรสาธารณสุข และสุขภาพของคนในชาติ ที่จะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในวันที่ทรัพยากรหลายอย่างในการต่อสู้กับโรคนี้ มีไม่เพียงพอ
•
สถานการณ์ขณะนี้ และหลังจากนี้ จะเป็นทางบทพิสูจน์สำคัญว่ารัฐบาล จะตัดสินใจได้ถูกต้อง และทันเวลาหรือไม่
•
หรือจะยังมั่นใจว่าในระดับนโยบาย เรายังคุมได้อยู่..

สถิตินักท่องเที่ยวจาก http://www.atta.or.th/statistics-international-tourists-arriving-in-thailand-as-of-20-feb-2020/

#COVID19 #จีน #เกาหลีใต้ #ผีน้อย

 

ข้อมูลภายในโดนบล๊อก ความน่าเชื่อถือของจีนก็เริ่มหมดไป

John Traczyk

หลังจากกฎใหม่ในวันที่ 1 มีนาคมในประเทศจีนการแพร่กระจายข่าวลือที่เรียกว่าในโซเชียลมีเดียตอนนี้กลายเป็นอาชญากรรมอย่างเป็นทางการ

ในวันที่ 25 มกราคมเจ้าหน้าที่ของจีนออกประกาศข่มขู่ผู้ที่ปล่อยข่าวลือ ถูกห้ามใช้โซเชียลมีเดียถาวร และ“ ติดคุกสูงสุด 7 ปี”

#coronavirus #coverup #China #socialmedialockdown

After a new rule on March 1 in China, spreading so-called rumors on social media is now officially a crime.

On Jan. 25, Chinese authorities issued an announcement, threatening people who release so-called rumors with permanent social media bans and “up to 7 years in prison.”

#coronavirus #coverup #China #socialmedialockdown

 

แบ่งปันจาก Richard Whitt

ธนาคารโลกชี้ คนจนในไทย พุ่ง 6.7 ล้านคน แพร่กระจายออกไปถึง 61 จังหวัด

• ธนาคารโลก (World Bank) ได้เผยแพร่รายงานว่า ด้วยความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย ชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน โดยระบุว่า 'อัตราความยากจนของไทย เพิ่มขึ้น 9.8% โดยสัดส่วนคนจนมีมากกว่า 6,700,000 คน จาก 4,850,000 คน ในปี พ.ศ. 2558'

• นอกจากนี้ความยากจนยังแพร่กระจายออกไปมากถึง 61 จังหวัด จากทั้งหมด 77 จังหวัด สะท้อนให้เห็นว่าแม้ไทยจะมีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ แต่ภาคครัวเรือนยังคงมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจหยุดชะงัก

• ซึ่งธนาคารโลก ระบุด้วยว่าภาคครัวเรือนไทย จำเป็นต้องได้รับการปกป้องจากภาวะรายได้หยุดชะงัก เช่น ผลพวงจากสุขภาพที่ไม่ดี การสูญเสียตำแหน่งงาน และภัยธรรมชาติ รวมไปถึงให้ความสำคัญในการสนับสนุนการสร้างงานที่มีประสิทธิผลและมีรายได้มากขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง

• ซึ่งแถลงการณ์ฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า 'ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ต้องเผชิญกับอัตราการยากจนที่สูงขึ้นหลายครั้งนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา'

 

#ยอดติดเชื้อโควิด-19เกาหลีใต้
วิกฤติหนัก! เกาหลีใต้ยืนยันยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดเพิ่มขึ้นวันเดียว 518 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมตอนนี้ 6,284 ราย เสียชีวิต 43 ราย

 

ไทยกำหนดให้ผู้เดินทางมาจากฮ่องกงรายงานตัว แต่ไม่ต้องกักกันเชื้อตามที่ได้ประกาศก่อนหน้านี้

หลังจากที่เกิดความสับสนที่ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทยกล่าวว่า การกักกันเชื้อไวรัสโคโรน่าจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากจีนอิตาลี อิหร่าน และเกาหลีใต้

แต่เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางการไทยได้แถลงว่า นักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง ๆ รวมถึงจากฮ่องกงและมาเก๊าจะต้องรายงานสุขภาพประจำวันต่อเจ้าหน้าที่ทุกวันตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทย 14 วัน และไม่มีการบังคับกักบริเวณแบบที่หลายฝ่ายกำลังกังวล

Dr Thanarak Palipat รองอธิบดีกรมควบคุมโรคแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ในอีก 1 หรือ 2 วันถัดไปผู้ที่เดินทางมาถึงประเทศไทยจะต้องรายงานสุขภาพทุกๆ วัน ในช่วง 2 สัปดาห์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า

มาตรการนี้จะใช้กับเขตอำนาจศาลที่ได้จัดว่าเป็น “พื้นที่โรคติดต่ออันตราย” โดยรัฐบาลไทย ซึ่งในขณะนี้ได้มีประเทศที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ คือ จีนแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง, มาเก๊า, เกาหลีใต้, อิตาลีและอิหร่าน

ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีสถานการณ์ความสับสนเกิดขึ้นที่สนามบินนานาชาติฮ่องกงพร้อมรายงานที่ขัดแย้งกันทำให้นักเดินทางไม่แน่ใจว่าจะมีมาตรการกักกันหรือไม่

เนื่องจากก่อนหน้านี้ประเทศไทยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาที่จะมีผลเริ่มต้นในวันศุกร์นี้ว่า ผู้ที่เดินทางมาจากฮ่องกงและส่วนอื่น ๆ ของโลก รวมถึงผู้โดยสารที่ทรานสิสจะต้องกักกันตัวเองเป็นเวลา 14 วันตามรายงานของสื่อ ทำให้เกิดความสับสนต่อนักท่องเที่ยวว่าพวกเขาควรจะไปหรือไม่

Thomas Tam วัย 45 ปี เล่าว่า เขาได้เชคอินเพื่อเดินทางไปกรุงเทพฯ ด้วยสายการบิน Emirates และได้รับแจ้งจากเพื่อนของเขาเกี่ยวกับการกักกันตัว แต่ในขณะเดียวกันเมื่อสอบถามไปยังลูกเรือและกัปตันพวกเขาต่างบอกว่าไม่รู้เกี่ยวกับข่าวนี้ เขาและผู้ร่วมเดินทางรู้สึกหวั่นใจแต่เมื่อเดินทางมาถึงก็ไม่มีอะไร

Alice Chan Cheung Lok-yee ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวในฮ่องกงเผยว่ามีกรุ๊ปทัวร์จากฮ่องกง 70 กลุ่มที่จะเดินทางไปไทยเดือนนี้ ซี่งรวมถึงนักท่องเที่ยว 1,400 คน จะยังได้ไปตามกำหนดเดิม

นอกจากนี้เธอยังได้กล่าวว่าทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะไม่บังคับใช้มาตรการกักกันนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งรวมถึงฮ่องกง

***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


Source : https://www.scmp.com/news/hong-kong...virus-thailand-imposes-reporting-requirement?

#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

สาธารณะสุขฮ่องกง เร่งตามหาผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อวัย 69 ปี ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากอินเดีย

ผู้หญิงวัย 69 ปี ที่คาดว่าได้รับเชื้อโควิด-19 จากอินเดีย ได้เดินทางกลับมาฮ่องกงด้วยสายการบิน Cathay Pacific วันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยได้เริ่มมีอาการไอก่อนเดินทาง

เมื่อเดินทางถึงฮ่องกงเธอได้เดินทางไปหลายพื้นที่ในฮ่องกงอย่างน้อย 11 แห่ง ซึ่งรวมถึง ซุปเปอร์มาร์เก็ตใน Causeway Bay, ตลาดที่ Smithfield, ร้านโจ๊กที่ถนน Johnston Road, Wan Chai, Sheung Wan, และงานแต่งงานที่ Kowloon Tong ในวันที่ 1 มีนาคมก่อนไปหาหมอ

Dr Chuang Shuk-kwan หัวหน้าศูนย์คุ้มครองสุขภาพ แผนกโรคติดต่อ ได้เปิดเผยว่าผู้ติดเชื้อหญิงรายดังกล่าว ได้รับการยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม โดยเธอได้เดินทางไปมุมไบ ประเทศอินเดียระหว่างวันที่ 31 มกราคม – 24 กุมภาพันธ์ 2020 พร้อมกับผู้ร่วมเดินทางอีก 20 คน

Dr Chuang เผยว่า “เราหวังว่าจะทราบข้อมูลของผู้เดินทางทั้งหมด 20 คน บางคนก็เป็นผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อหญิงวัย 69 ปี และมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการแพร่เชื้อถึงกัน” เขาได้กล่าวเพิ่มว่าคาดว่าหญิงคนดังกล่าวได้รับการติดเชื้อที่อินเดีย เธอเริ่มมีอาการท้องเสียวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ในขณะที่ยังอยู่ในอินเดีย และในเวลาต่อมาก็มีไข้ โดยเธอได้ไปหาหมอในฮ่องกงที่ Violet Peel General Outpatient Clinic หลังจากกลับมา

จากการตามผู้ใกล้ชิด 20 คน พบว่า บางรายไม่ได้อยู่ในฮ่องกง และทางการจำเป็นต้องตามหาผู้ที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อบนเที่ยวบินของสายการบิน Cathay Pacific เที่ยวบิน ‪CX694 ‬ด้วย อีกทั้งเธอได้นั่ง MTR จากสนามบินไป Central และนั่งรถแท๊กซี่กลับบ้านหลังเครื่องลงอีกด้วย
�ตัวเลขล่าสุดมีผู้ติดเชื้อในฮ่องกง 105 คน และรักษาหายแล้ว 46 คน

***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


Source : https://www.scmp.com/news/hong-kong...onavirus-hong-kong-races-find-close-contacts?

#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

อาการไหนใช่-ไม่ใช่ “โควิด-19” ผู้เชี่ยวชาญ WHO 25 คน สรุปผลสืบสวนโรคระบาดในจีน
: วันที่ 6 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงาน เว็บไซต์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เผยแพร่ผลสรุปการสืบสวน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีน หลังจากทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ 25 คน ที่องค์การอนามัยโลก (ฮู) ส่งเข้าไปสืบสวนสถานการณ์ในจีน โดยได้ข้อสรุปว่า

- กรณีส่วนใหญ่ (78-85%) เกิดจากการติดต่อกันในครอบครัวจากละอองเสมหะ (droplet) ไม่ใช่จากการกระจายจากละอองลอย (aerosol) เป็นหลัก
- ส่วนใหญ่ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ติดเชื้อ (จากทั้งหมด 2,055 คน) ติดเชื้อจากที่บ้าน หรือไม่ก็ติดเชื้อจากการระบาดในช่วงแรกที่ยังไม่มีการประกาศมาตรการรับมือโรค
- ราว 5% ของคนที่วินิจฉัยว่าป่วย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ อีก 15% ต้องใช้ออกซิเจนเข้มข้นสูง
- ช่วงการฟื้นตัวโดยเฉลี่ยราว 3–6 สัปดาห์ สำหรับรายที่อาการหนัก และ 2 สัปดาห์สำหรับรายที่ป่วยไม่มาก
- จำนวนผู้ป่วยและช่วงเวลาที่ใช้รักษาเป็นภาระหนักเกินกว่าระบบที่อู่ฮั่นรองรับได้ จังหวัดหูเป่ย เมืองหลวงมณฑลอู่ฮั่นมีผู้ป่วยราว 65,596 คน (ข้อมูลวันที่ 2 มี.ค. 2563)
- มีการส่งคนไปช่วยรับมือที่หูเป่ยราว 40,000 คน ในอู่ฮั่นมีโรงพยาบาล 45 แห่งที่ใช้รองรับผู้ป่วย โดย 6 แห่งรองรับผู้ป่วยขั้นวิกฤติ และอีก 39 แห่งรองรับผู้ป่วยหนัก โดยเฉพาะกลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี
มีการสร้างโรงพยาบาลสนามขนาด 2,600 เตียงอย่างรวดเร็ว
- ผู้ป่วยราว 80% มีอาการไม่หนัก มีโรงพยาบาลชั่วคราว 10 แห่งที่ปรับใช้จากการดัดแปลงยิมเนเซียมและห้องจัดแสดงนิทรรศการ
- ขณะนี้ จีนผลิตชุดตรวจโรคโคโรนาไวรัสใหม่นี้ ราว 6 ล้านชุด/สัปดาห์ โดยรู้ผลการตรวจได้ในวันเดียว ใครที่มีไข้และไปพบแพทย์ จะได้รับการตรวจเบื้องต้นด้วยชุดตรวจนี้ ในเมืองกวางตุ้งที่ห่างจากอู่ฮั่น ได้ทดสอบกับคนไปแล้วรวม 320,000 คน และมี 0.14% ที่ตรวจแล้วพบไวรัส
- คนส่วนใหญ่ที่ได้รับเชื้อ มักจะมีอาการในที่สุด แม้ว่าจะช้าเร็วต่างกัน -ในกรณีที่ตรวจพบไวรัสแต่ยังไม่มีอาการนั้น หายาก และส่วนใหญ่จะป่วยในอีกสองสามวันต่อมา
- อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ มีไข้ (88%) ไอแห้งๆ (68%) ไม่มีเรี่ยวแรง (38%) ไอแบบมีเสมหะ (33%) หายใจลำบาก (18%) เจ็บคอ (14%) ปวดหัว (14%) ปวดกล้ามเนื้อ (14%) หนาวสั่น (11%) อาการที่พบน้อยลงมาหน่อยคือ คลื่นไส้และอาเจียน (5%) คัดจมูก (5%) และท้องเสีย (4%)
- อาการที่ไม่ใช่สัญญาณโรคของโควิด-19 คือ น้ำมูกไหล
จากการตรวจสอบคนจีนที่ติดเชื้อรวม 44,672 คน มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 4%
- อัตราการเสียชีวิตขึ้นเป็นอย่างมากกับ อายุ, สภาพร่างกายก่อนติดเชื้อ, เพศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบสุขภาพที่รับมือโรค
ตัวเลขการเสียชีวิตนับจนถึงวันที่ 17 ก.พ. ทุกรายสะท้อนผลระบบสุขภาพที่ใช้รับมือของจีน ซึ่งจะต่างออกไปเป็นอย่างมากในอนาคต สำหรับที่อื่นๆ
- ระบบสุขภาพของจีน: คนที่ติดเชื้อในจีนราว 20% ต้องการการรักษาที่โรงพยาบาลนานหลายสัปดาห์ จีนมีโรงพยาบาลเพียงพอจะใช้รักษาประชากรได้ 4% ของทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ มีศักยภาพราว 0.1–1.3% และเตียงส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีผู้ป่วยโรคอื่นใช้อยู่แล้ว
- วิธีการรับมือที่สำคัญแรกสุดที่จะช่วยป้องกันการกระจายของไวรัสได้อย่างชะงัด คือทำให้จำนวนผู้ป่วยหนักโรคนี้มีจำนวนน้อย และขั้นตอนสำคัญรองลงมาคือ การเพิ่มจำนวนเตียง (รวมทั้งวัสดุและบุคลากร) จนกว่าจะมีเพียงพอสำหรับผู้ป่วยหนัก
- จีนทดสอบการรักษาด้วยวิธีการที่หลากหลายกับโรคที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก และนำวิธีการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดไปใช้ทั่วประเทศ ด้วยวิธีการตอบสนองเช่นนี้เอง ที่ทำให้อัตราการตายลดลงกว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้
- สภาพร่างกายก่อนการติดเชื้อ: อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อที่มีโรคระบบหลอดเลือดหัวใจในจีนคือ 2% ขณะที่สำหรับคนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง (เบาหวานที่ไม่ควบคุม) อยู่ที่ 9.2% และ 8.4% สำหรับโรคความดันสูง, 8% สำหรับโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง และ 7.6% สำหรับโรคมะเร็ง
- คนที่ไม่มีอาการป่วยใดๆ ก่อนติดเชื้อมีอัตราการเสียชีวิตที่ 1.4%
อายุ: ยิ่งอายุน้อย ก็ยิ่งติดเชื้อยาก และแม้จะติดเชื้อ ก็จะป่วยไม่หนักเท่ากับผู้ที่อายุมากกว่า

คำอธิบายตาราง: จากคนที่อาศัยในจีน, มี 13.5% ที่อายุระว่าง 20-29 ปี จากจำนวนผู้ติดเชื้อในจีน มี 8.1% ที่อยู่ในอายุกลุ่มนี้ (แต่ไม่ได้หมายความว่า มี 8.1% ของคนอายุ 20-29 ปีที่ติดเชื้อ) นี่หมายความว่า มีแนวโน้มที่ใครก็ตามที่มีอายุในช่วงนี้ จะมีโอกาสติดเชิ้อค่อนข้างต่ำกว่าเฉลี่ย และในกลุ่มอายุนี้ที่ติดเชื้อจะเสียชีวิต 0.2%

- เพศ: ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคเท่าๆ กับผู้ชาย มีหญิงชาวจีนเพียง 8% เท่านั้นที่ ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคนี้ ขณะที่ผู้ชายราว 4.7% เสียชีวิต
- โรคนี้รุนแรงในกลุ่มผู้หญิงมีครรภ์มากกว่ากลุ่มอื่น
เด็กที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อด้วยวิธีผ่าคลอดรวม 9 รายที่ตรวจสอบ สุขภาพแข็งแรงและไม่ติดเชื้อ
- มารดาเหล่านั้นติดเชื้อในช่วงสามเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์
- ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า หากเกิดการติดเชื้อในช่วง 3 หรือ 6 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เด็กในท้องจะเป็นอย่างไร เพราะเด็กเหล่านี้ยังไม่ถึงกำหนดคลอดในปัจจุบัน
- ไวรัสชนิดใหม่นี้ มีพันธุกรรม 96% เหมือนกับโคโรนาไวรัสที่รู้จักแล้วที่อยู่ในค้างคาว และเหมือนโคโรนาไวรัสในตัวนิ่ม (pangolin) 86-92% ดังนั้น มีความเป็นไปได้มากกว่า ที่มาของไวรัสใหม่นี้คือ ส่งผ่านไวรัสที่กลายพันธุ์จากสัตว์มายังคน
- นับตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม จำนวนคนที่มีโคโรนาไวรัสในจีนค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนี้มีเพียง 329 รายที่วินิจฉัยพบใหม่ เทียบกับประมาณหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ที่พบราว 3,000 รายต่อวัน
- รายงานสรุปว่า “ปรากฏการณ์ลดลงของจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในจีนน่าจะเป็นเรื่องจริง”
- ผู้จัดทำรายงานสรุปว่า จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ มีการลงลงของผู้ป่วยที่ไปยังโรงพยาบาลในบริเวณที่เกิดการระบาด, มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนเตียงที่ว่าง, และนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนเริ่มประสบปัญหาเรื่องการหาจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ๆ ให้มากพอ สำหรับใช้ในการทดสอบทางคลินิกของยามากมายหลายตัว

- หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เชื่อว่า ควบคุมการระบาดในจีนได้แล้วก็คือ มีการสัมภาษณ์คนที่ติดเชื้อทุกคนทั่วประเทศ เกี่ยวกับคนที่เคยสัมผัส และทดสอบคนกลุ่มดังกล่าวแล้ว โดยมีทีม 1,800 ทีมในอู่ฮั่นที่ทำเรื่องนี้ แต่ละทีมจัดการกับอย่างน้อย 5 คน แต่ความพยายามนอกอู่ฮั่นก็มากมายเช่นกัน เช่น
[1] ในเซินเจิ้น ผู้ติดเชื้อระบุรายชื่อคนที่ติดต่อด้วยรวม 2,842 คน มีการค้นหาจนพบหมดทุกคน และมีการทดสอบไปแล้วถึง 2,240 ราย โดยมี 8% ในจำนวนนี้ที่ติดเชื้อ
[2] ในจังหวัดเสฉวน มีคนที่ติดต่อด้วยที่ระบุชื่อไว้ 25,493 คน โดยพบตัวแล้ว 99% (25,347 คน) และตรวจสอบไปแล้ว 23,178 คน โดยพบว่ามีการติดเชื้อ 0.9%
[3] ในจังหวัดกวางตุ้ง มีคนในรายชื่อที่ติดต่อกัน 9,939 คน พบตัวหมดแล้ว มีการตรวจสอบไปแล้ว 7,765 คน และพบติดเชื้อ 4.8% ซึ่งก็หมายความว่า หากบังเอิญคุณติดต่อโดยตรงกับคนที่ติดเชื้อ จะมีโอกาสติดเชื้ออยู่ระหว่าง 1–5 %

สุดท้ายนี้ นี่คือ คำกล่าวส่วนน้อยที่มาจากรายงานนี้

“ความพยายามอย่างหนักของจีน ที่จะควบคุมการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเชื้อโรคชนิดใหม่ในระบบทางเดินหายใจนี้ ช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการยกระดับความรุนแรงและอันตรายของโรคระบาดอย่างรวดเร็วได้ เมื่อเผชิญหน้ากับไวรัสที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จีนได้ลงมือลงแรงความพยายามในการควบคุมโรคอย่างทะเยอทะยานที่สุด รวดเร็วที่สุด และเข้มข้นที่สุด จีนไม่ประนีประนอมใดๆ และใช้มาตรการนอกเหนือจากทงเภสัชวิทยา เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสก่อโรคโควิด-19 ที่หลายอย่างก็ได้มอบบทเรียนสำคัญให้กับการรับมือระดับโลก การตอบสนองเช่นนี้ถือได้ว่า มีความจำเพาะตัวและไม่เคยมีมาก่อนในด้านสาธารณสุขในจีน จนช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการเพิ่มจำนวนขึ้นของผู้ป่วยในหูเป่ย ซึ่งเป็นชุมชนที่เกิดการระบาดของโรคอย่างกว้างขวาง และเป็นจังหวัดที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นแหล่งตั้งต้นของกลุ่มครอบครัวที่ทำให้เกิดการระบาด”

“ชุมชนส่วนใหญ่ในโลกนี้ยังไม่พร้อมรับมือเรื่องนี้, ทั้งในแง่ของวิธีคิดและทางเครื่องใช้ไม้สอย, ไม่พร้อมที่จะใช้มาตรการแบบที่ใช้ควบคุมโควิด-19 ในจีน แต่มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงมาตรการที่พิสูจน์แล้วในปัจจุบันเท่านั้นว่า สามารถหยุดยั้งหรือทำให้เกิดการแพร่เชื้อเป็นลูกโซ่ต่อถึงกันในมนุษย์ได้ พื้นฐานของมาตรการต่างๆ เหล่านี้ก็คือ การเฝ้าระหวังอย่างเข้มแข็งสูงสุดในการตรวจหาผู้ติดเชื้อให้ได้ไวที่สุด, ให้มีการวินิจฉัยโรคที่รวดเร็วมากๆ และการแยกผู้ป่วยอย่างทันที, การติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และการกักกันตัวผู้ที่ติดต่อใกล้ชิด, รวมไปถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจ และการยอมรับในมาตรการเหล่านี้ในระดับสูงอย่างไม่น่าเชื่อในหมู่ประชากร”

“โควิด-19 กำลังแพร่กระจายไปด้วยความรวดเร็วที่น่าทึ่ง; ไม่ว่าจะมองในด้านใด การระบาดของโควิด-19 ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากไปเสียหมด และจนถึงปัจจุบันนี้ ก็มีหลักฐานที่หนักแน่นแล้วว่า การใช้มาตรการแทรกแซงอื่นที่ไม่ใช่วิธีทางเภสัชวิทยา สามารถช่วยลดหรือแม้แต่หยุดยั้งการแพร่กระจายของโรคได้ การวางแผนรับมือระดับประเทศและระดับโลก แม้จะด้วยความห่วงใย แต่ก็บ่อยครั้งที่มักจะลังเลที่จะเข้าแทรกแซงด้วยมาตรการเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม การลดการเจ็บป่วยและล้มตายจากโควิด-19, การวางแผนเตรียมความพร้อมระยะใกล้ จะต้องนำเอามาตรการสาธารณสุขต่างๆ ที่ใช้การได้ดี แม้ไม่ใช่วิธีทางเภสัชวิทยามาใช้ด้วย มาตรการต่างๆ เหล่านี้จะต้องได้รับการนำมาใช้อย่างเต็มที่อย่างทันที ทั้งในการตiวจหาผู้ติดเชื้อ, การแยกกักกันตัว, การติดตามการสัมผัสใกล้ชิดอย่างเข้มงวด และการกักกันตัว/ติดตามตัว รวมไปถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน/ประชากรโดยตรง”

Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.prachachat.net

 

สิงคโปร์คิดค้นชุดตรวจใหม่หาเชื้อไวรัส COVID-19 แม่นยำ 99% รู้ผลใน 3 ชม.

กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์แถลงเริ่มใช้ชุดทดสอบใหม่ในการตรวจการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่สามารถรู้ผลตรวจว่าติดเชื้อหรือไม่ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง โดยเริ่มทดสองกับผู้ที่เดินทางเข้ามายังประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีอาการไข้หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ แต่ยังไม่ได้ถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัยติดเชื้อแต่อย่างใด และคาดว่าชุดทดสอบดังกล่าวจะถูกกระจายไปยังจุดตรวจต่างๆ เพื่อใช้ในการตรวจนักเดินทางที่เข้ามาในประเทศสิงคโปร์ คาดว่ามาตรการป้องกันเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงการนำผู้ติดเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศสิงคโปร์ได้

https://www.tcijthai.com/news/2020/3/asean/9969

 

จังหวัดเชียงรายเปิดแผนปฏิบัติการเชิงรุกรับมือโรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้ประชาชนเกิดความอบอุ่นใจและมั่นใจในมาตรการที่เข้มแข็ง

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 1/2563 เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563 ที่ห้องธรรมลังกา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ถนนแม่ฟ้าหลวง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ นักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหารือในการรายงานสถานการณ์โรคติดต่อ พร้อมติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานและรับทราบแผนเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558

ที่ประชุมรายงานสถานการณ์ และมีการหารือสื่อสารสร้างการรับรู้ในการดูแลผู้ป่วย (PUI) การสอบสวนโรคและเฝ้าระวังโดยจัดเตรียมห้องแยกโรคในโรงพยาบาล โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลชุมชนส่งเสริมสุขภาพ จัดเจ้าหน้าที่เผชิญเหตุพบผู้ป่วย จัดห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อทราบผลในเวลา 4 ชั่วโมง ให้ทุกแห่งแยกผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจจากผู้ป่วยโรคอื่น บ่าสุดพบว่าปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยสำหรับแพทย์ และผู้ป่วยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การปฏิบัติงานในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อและอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 31 และ 32 และการปฏิบัติตามช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ การปฏิบัติเมื่อประกาศโรคติดต่ออันตรายมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 แล้ว หากพบให้แจ้งทันที

สำหรับข้อสั่งการคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย ได้แก่ ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องระงับการเดินทางไปประเทศเสี่ยง หากประเทศอื่นและมีความจำเป็นให้พิจารณาเป็นกรณี เจ้าหน้าที่ที่เดินทางกลับหรือผ่านจากประเทศเสี่ยงต่อการติดเชื้อให้แจ้งผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อกักตนเองเฝ้าระวังสังเกตอาการในที่พัก 14 วันโดยไม่ถือเป็นวันลา แต่ต้องรายงานอาการแก่ผู้บังคับบัญชาทุกวันหากมีอาการไข้ไอจามเจ็บคอมีน้ำมูกหอบเหนื่อยให้รีบพบแพทย์ ให้มีศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ให้ควบคุมป้องกันการกักตุนควบคุมกระจายสินค้าราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดทั้งหน้ากากอนามัยและยาฆ่าเชื้อพร้อมจัดหาให้เพียงพอภายในวันที่ 9 มีนาคมจะต้องปิดป้ายราคา คัดกรองผู้โดยสารในการเดินทางทุกแห่ง ให้ มทบ.37 และปกครองจังหวัดจัดพื้นที่สังเกตอาการผู้ต้องสงสัย ให้ อปท.จัดหาและสนับสนุนเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโคโรนา ให้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการภาคเอกชนหลีกเลี่ยงหรือจัดกิจกรรมรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก ให้ ปภ.เตรียมพร้อมประกาศภัยพิบัติและแผนเผชิญเหตุรองรับการแพร่ระบาดในวงกว้างหากเกิดสถานการณ์ตามกฎหมายมาตรการและขั้นตอนที่กำหนด

ส่วนการปฏิบัติของจังหวัดเชียงราย ได้กำหนดมาตรการ ระงับการเดินทางไปกลุ่มเสี่ยง ออกประกาศจังหวัดเป็นแนวทางปฏิบัติ ต้องประสานข้อมูลกับส่วนกลางกรณีผู้เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หากพบอาการเสี่ยงต้องเข้าขบวนการ state quarantine หากไม่มีอาการ เมื่อกลับถึงภูมิลำเนาต้องเข้าขบวนการ local quarantine การกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการ การจัดเตรียมพื้นที่รองรับผู้ต้องสังเกตอาการ 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ ปภ.เขต 15 ได้ 64 คน มทบ.37 ได้ 300 คน และโรงพยาบาลสมเด็จพระญาณสังวร อำเภอเวียงชัย ได้ 30 คน และขอความร่วมมือประชาชนเฝ้าระวังการแพร่ระบาด ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการล้างมือสม่ำเสมอ ให้ความมือติดตามสอดส่องบุคคลใกล้ชิดที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และข้อสั่งการให้จัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปประจำในช่องทางเข้าออกจุดผ่อนปรนและช่องทางตามธรรมชาติทุกแห่ง อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน อำเภอเชียงของ อำเภอเวียงแก่น อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง และ อำเภอเทิง โดยให้นายอำเภอท้องที่ใช้อำนาจของศูนย์สั่งการชายแดนดำเนินการบริหารจัดการช่องทางผ่านแดนให้สามารถควบคุมป้องกันบุคคลที่ผ่านแดนลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งจังหวัดเชียงรายจะออกประกาศจังหวัดเชียงราย กำหนดแนวทางปฏิบัติเข้าสู่มาตรการกักตัวในพื้นที่แบบ local quarantine มาตรการทางกฎหมาย และคำแนะนำต่อการปฏิบัติตัวเพื่อให้ปราศจากการติดเชื้อจากการสัมผัสกับเชื้อ
รวมทั้ง การป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโคโรนาอีกด้วย
⛽
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
06/03/63

 

ทำไมเงินเฟ้อไทยต่ำแบบขัดใจผู้คน ?! (ฉบับอัปเดตข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ ก.พ. 63)
[ หนึ่งในข้อมูลชุด "Referencing Investment Data by TIF" ]
มักมีข้อสงสัยว่าทำไมราคาข้าวของหรือบริการใกล้ ๆ ตัวบางท่านเพิ่มขึ้นเยอะ แต่อัตราเงินเฟ้อกลับต่ำมาก .. TIF ก็เลยไปแกะข้อมูลรายหมวดสินค้ามาทำเป็นกราฟ
ซึ่งพบว่าสินค้าที่ราคาเพิ่มขึ้นเยอะจาก 12 เดือนก่อน เช่น ข้าว & แป้งทำอาหาร (+7.8%) หรือค่าโดยสารสาธารณะ (+5.8%) มีน้ำหนักในการคำนวณอย่างละ 2% - 3% .. ขณะที่สินค้าซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 16% อย่างยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิง มีราคาลดลง (-1.4%) ส่วนอาหารสำเร็จรูปและค่าเช่าบ้าน ซึ่งมีน้ำหนักในการคำนวณมากเช่นกัน ราคาไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเท่าไร
ผลที่เกิดจากการคำนวณแบบเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจึงออกมาว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยล่าสุด อยู่ที่ +0.74%
ใครที่มีการใช้จ่ายแต่ละเดือนเป็นสัดส่วนใกล้เคียงกับค่ามาตรฐาน ก็ควรจะมีอัตราเงินเฟ้อส่วนตัว (กลุ่มสินค้าที่เขาซื้อจริง ๆ) ใกล้เคียงกับ +0.74% .. แต่ใครที่มีการใช้จ่ายต่างไป เช่น เน้นกินข้าวและเดินทางด้วยระบบสาธารณะ ไม่ใช้รถส่วนตัว ก็จะมีอัตราเงินเฟ้อส่วนตัวสูงกว่ามาตรฐานกลาง (อธิบายกันตามเนื้อผ้าจากข้อมูลดิบ)
อย่างไรก็ดี การกำหนดน้ำหนักชุดนี้ ใช้มาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2550 จะมีการปรับน้ำหนักทุก 4 ปี ซึ่งก็ควรจะมีการปรับใหม่ในปี 2562 แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังใช้ชุดปี 2558 อยู่ .. ก็คงต้องรอดูว่าจะมีการปรับน้ำหนักอีกครั้งเมื่อไร และจะสะท้อนสภาวะในยุคปัจจุบันมากขึ้นหรือไม่
• ขนาดของวงกลมสะท้อนถึงน้ำหนักในการคำนวณ น้ำหนักมาก = วงใหญ่
• อ้างอิงตารางข้อมูลฉบับเต็ม >> bit.ly/TIF_Inflation_Details_Feb20

---------
รู้จัก TIF >> bit.ly/about_TIF
- All rights reserved -

 

ทำไมสาวเกาหลีกลายเป็นกลุ่มใหญ่ในผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
4 มีนาคม 2563 - 22:52 น.


ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าในเกาหลีใต้ แยกตามเพศและอายุ พบคนอายุ 20-30 เป็นกลุ่มใหญ่ และผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา วันที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคเกาหลี (เคซีดีซี ) เผยแพร่ยอดผู้ติดเชื้อยืนยัน 4,812 รายนั้น เมื่อแยกตามเพศและอายุพบว่ามีความแตกต่างจากสถิติที่องค์การอนามัยโลกรวบรวมจากจีนพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 78% เป็นผู้มีอายุ 30 – 69 ปี อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 51 ปี และผู้ชายมีแนวโน้มติดเชื้อมากกว่าผู้หญิง

( ยอดผู้ติดเชื้อ 5มี.ค. 5,766 เสียชีวิต 35 ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุ)

แต่ผู้ติดเชื้อเกาหลีใต้ในช่วงวัย 20 คิดเป็นสัดส่วน 29.4% หรือ 1,417 ราย รองลงไปเป็นคนช่วงอายุ 50 ที่สัดส่วน 19.8 ( 952 ราย ) เมื่อแยกเพศ พบว่า 62.4% หรือ 3,002 คนเป็นผู้หญิง ขณะมีผู้ชายติดเชื้อ 37.6% หรือ 1,810 ราย

ซึ่งเคซีดีซี ระบุว่า เหตุผลเป็นเพราะผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ เกี่ยวข้องกับลัทธิชินชอนจี และต้นตอจากโบสถ์สาขาแทกู

จอง อึน คยอง ผู้อำนวยการเคซีดีซี กล่าวว่า ในบรรดาสาวกลัทธิชินชอนจีนั้น ผู้หญิงอายุ 20-30 ปี ถือเป็นกลุ่มใหญ่ จึงแสดงผลเป็นผู้ติดชื้อในสัดส่วนที่สูงไปด้วย

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ลัทธินี้พุ่งเป้าดึงคนหนุ่มสาวมาเข้าร่วม ผ่านการเผยแพร่ความเชื่อแบบไม่เปิดเผยตัวตน ผู้เลื่อมใสเกือบ 60% ของลัทธินี้เชื่อว่าอายุอยู่ในช่วง20-30 ปี

อีกหนึ่งคำอธิบายที่เป็นไปได้ถึงสาเหตุเหตุที่ผู้ติดเชื้อจำนวนมากเป็นผู้หญิง เป็นเพราะผู้ป่วยหมายเลข 31 ซึ่งเป็นสตรีวัย 61 ปี ที่เชื่อว่าเป็นสาวกติดเชื้อคนแรกและแพร่ไวรัสในโบสถ์แทกู เป็นไปได้ว่าเธอติดต่อสัมผัสสาวกผู้หญิงด้วยกัน เนื่องจากผู้หญิงกับผู้ชายจะนั่งแยกกันเวลาประกอบพิธีกรรมในโบสถ์

https://www.komchadluek.net/news/foreign/420698?utm_source=bottom_related&utm_medium=instant_article

 

สส.อิหร่าน 23 คน ติดเชื้อ #โควิด-19 ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั้งประเทศ 77 ราย
#ติดเชื้อยกสภา

 

ไวรัสน่ากลัวไม่เท่าความหวาดระแวง! ธุรกรรมโรงแรมใน #ญี่ปุ่น เผชิญความยากลำบากเมื่อบรรดาลูกค้าต่างสอบถามกดดันให้ปฏิเสธการรับนักท่องเที่ยวจีน เพราะความกังวลการติดเชื้อไวรัส #โควิด19

https://mgronline.com/japan/detail/9630000020279

 

ไออย่างมีมารยาทแบบผู้นำ #ญี่ปุ่น นายกฯชินโซ อาเบะ ยกแขนขึ้นปิดปากขณะไอ ระหว่างการประชุมรัฐสภาในวันนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ดีกว่าการใช้ฝ่ามือปิดปาก
นายกฯ ญี่ปุ่นมีอาการน้ำมูกไหล และไอต่อเนื่อง ในระหว่างการประชุมว่าด้วยการรับมือไวรัส #โควิด19
.
นายโยฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการธิการขณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า นายอาเบะมีอาการแพ้เกสรต้นสน ซึ่งเป็นอาการตามฤดูกาลนี้ ไม่ใช่ไข้หวัดหรือโรคติดต่อแต่อย่างใด.