ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไมจึงหวาดกลัวไวรัส พลังของพระเจ้าย่อมเหนือทุกสิ่งมิใช่หรือ

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    อิสราเอลเกิดไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันในไฮฟา

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช่วงนี้ไม่ค่อยนำตัวเลขผู้ติดเชื้อมาลงเพราะผมไม่ค่อยเชื่อถือข้อมูลจากจีนเพราะถ้าจีนโปร่งใส จีนคงยอมให้มีการเผยแพร่ข้อมูลภายในที่ไม่ได้ควบคุมการนำเสนอโดยจีน ออกมาให้โลกเห็น ตอนนี้มีแต่นำเสนอในแง่ประชาสัมพันธ์ประเทศตัวเองเท่านั้น
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ลูกเห็บตกลงมาอย่างรุนแรง ในChakwal, ปากีสถาน # 5 มีนาคม

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    สมมุติว่าร้านขายยาแห่งนี้ในอิหร่านได้ตัดสินใจปิดร้านโดยกล่าวว่าเวชภัณฑ์ของร้าน หมดลง มีคิวยาวรออยู่หน้าร้านขายยา

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เนติเซนเตือน! ระวังธนบัตรปลอม 500 เหรียญฮ่องกง

    กำลังเป็นประเด็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ในฮ่องกงในขณะนี้ หลังมีผู้โพสแชร์ภาพธนบัตรจริงและปลอมฉบับละ 500 เหรียญฮ่องกง

    ทั้งนี้ได้มีการแถลงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าได้มีการจับกุมแก๊งผู้กระทำความผิดฐานปลอมแปลงธนบัตร 10 ราย

    จุดสังเกตุของธนบัตรที่มีการปลอมแปลงนี้จะพบว่ามีขนาดเล็กกว่า สีที่ผิดเพี้ยนไป ไม่มีลายน้ำ และการพิมพ์ไม่มีความชัดเจน

    ***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


    Source : https://skypost.ulifestyle.com.hk/article/2581921/?ref=fb

    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการของญี่ปุ่น ส่งหน้ากากอนามัยผ่านไปรษณีย์แจกจ่ายประชาชน 61,638 ครัวเรือน ในเมืองคิตะมิ จ.ฮอกไกโด หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้หน้ากากอนามัยขาดแคลน #ThaiPBSnews #COVID19 #COVIDー19 #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เยอรมนี ยอดติดเชื้อพุ่ง วันเดียวป่วยเพิ่มนับร้อยคน⁣⁣
    ⁣⁣
    5 มีนาคม : สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สถาบันโรเบิร์ต คอค ของเยอรมนี แถลงพบผู้ติดเชื้อจากไวรัสโควิด-19 ในประเทศเยอรมนี เพิ่มขึ้น 109 ราย ภายในวันเดียว ทำให้ยอดผู้ป่วยทั้งหมดล่าสุดอยู่ที่ 349 ราย โดยรัฐนอร์ตไรน์ เวสต์ฟาเลีย พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระบาดมากที่สุด รวม 175 ราย⁣⁣
    ⁣⁣
    #โควิด19 #COVIDー19⁣⁣

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจาะอาชีพ 'ผีน้อย' ในเกาหลี ค่าแรงวันละ 2,000 ต้องทำอะไรบ้าง?
    750x422_869301_1583411134.jpg
    6 มีนาคม 2563 | โดย เบญจวรรณ บั้งจันอัด, กราฟิก: ชลธิชา กุสุมาลย์

    ชวนส่องอาชีพของ “ผีน้อย” แรงงานผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ที่ได้ค่าแรงวันละ 2,000 บาท ซึ่งมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำในเมืองไทยอยู่มาก พร้อมเปิดขั้นตอนการเดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้แบบถูกกฎหมาย จะได้ไม่ต้องเป็น “ผีน้อย” อีกต่อไป

    ไม่กี่วันที่ผ่านมาเกิดกระแสในโลกออนไลน์ที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก เกี่ยวกับประเด็นกลุ่มคนไทยผู้ลักลอบทำงานในประเทศเกาหลีใต้ ที่เรียกกันว่า “ผีน้อย” หรือ “ผีน้อยเกาหลี” ที่กำลังทยอยเดินทางกลับเข้าประเทศไทย โดยมีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับโรค “โควิด-19” พ่วงมากับพวกเขาด้วย ทำเอาหลายฝ่ายกังวลว่า “ผีน้อย” เหล่านี้ จะพาเชื้อไวรัสตัวร้ายจากเกาหลีมาแพร่ระบาดในเมืองไทย

    จุดประเด็นให้สังคมไทยหันมาสนใจชีวิตของเหล่า “ผีน้อย” กันมากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นเรื่อง "ค่าตอบแทน" ที่ว่ากันว่าบรรดา “ผีน้อย” ได้เงินเยอะกว่าค่าแรงขั้นต่ำในเมืองไทยอยู่มากโข

    ยืนยันได้จากผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่ง ซึ่งเป็น “ผีน้อยเกาหลี” โพสต์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ว่า “..เรื่องเหยียดเก่งคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เหยียดเพราะอคติหรือเหยียดเพราะอิจฉา ผีน้อยค่าแรงวันละ 2,000++ คนเหยียดค่าแรงวันละ 300+ ” เมื่อเฟซบุ๊คดังกล่าวถูกโพสต์ ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่จึงเกิดข้อสงสัยว่า ค่าแรงวันละ 2,000 บาทที่อ้างมานั้น พวกเขาประกอบอาชีพอะไรกัน?

    มีข้อมูลจากงานวิจัยเรื่อง "ปัญหาแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้" โดย ประพันธ์ ดิษยทัต หลักสูตรนักบริหารการทูต กระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า งานที่คนไทยส่วนใหญ่เข้าไปค้าแรงงานในประเทศเกาหลีใต้ เป็นงานที่คนเกาหลีใต้ไม่อยากทำ เพราะค่านิยมของคนเกาหลีใต้นิยมทำงานในกิจการขนาดใหญ่หรือกิจการที่มีเทคโนโลยีระดับสูงและไม่ชอบใช้แรงงานจากคน

    158341108274.jpg

    ดังนั้นชาวเกาหลีจึงไม่นิยมทำงานในลักษณะที่เรียกว่า "งานประเภท 3D" ได้แก่ Dirty งานสกปรก, Dangerous งานเสี่ยงอันตราย และ Difficult งานยากงานลำบาก อาทิ งานก่อสร้าง งานโรงงาน งานการผลิต งานเกษตรกรรม และงานเลี้ยงสุกรหรือไก่ ซึ่งทำให้เกาหลีใต้ขาดแคลนแรงงานเป็นอย่างมาก

    รวมถึงความต้องการของนายจ้างเกาหลีใต้ที่จะจ้างแรงงานต่างชาติในราคาถูก ซึ่งค่าแรงที่ว่าราคาถูกสำหรับคนเกาหลีนั้นกลับเป็นค่าแรงราคาสูงสำหรับแรงงานไทย จึงไม่น่าแปลกใจที่ ค่าแรงวันละ 2,000 บาท จะปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้แรงงานไทยหาทางไปทำงานในเกาหลีใต้ทุกวิถีทาง โดยปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำที่ประเทศเกาหลีอยู่ที่ 8,590 วอนต่อชั่วโมง หากทำงานวันละ 8 ชั่วโมง จะได้ค่าแรงเท่ากับ 68,720 วอน หรือประมาณ 1,813 บาท หากลูกจ้างทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (209 ชั่วโมงต่อเดือน) เป็นเงิน 1,795,310 วอน หรือประมาณ 47,000 บาท และถ้าทำงาน 44 ชม.ต่อสัปดาห์ เป็นเงิน 1,941,340 วอนต่อเดือน หรือประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน

    ส่วน "อาชีพ" ที่แรงงานไทยหรือเหล่า "ผีน้อย" เข้าไปค้าแรงงานในเกาหลี ได้แก่ แรงงานในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ เช่น แรงงานในไลน์ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ต่างๆ , กลุ่มแรงงานในภาคการเกษตร เช่น แรงงานเก็บผัก เก็บผลไม้ ทำฟาร์มปศุสัตว์, พนักงานขายตามร้านอาหาร พนักงงานขายตามร้านเครื่องสำอาง, พนักงานร้านนวด, ลูกจ้างทั่วไป เป็นต้น

    158341051346.jpg

    เห็นรายได้งดงามขนาดนี้ แรงงานชาวไทยคนอื่นๆ ก็คงอยากลองเสี่ยงไปค้าแรงงานที่ต่างประเทศดูบ้าง แต่ถ้าจะให้สบายใจและปลอดภัย อย่าไปในฐานะ "ผีน้อย" จะดีกว่า ควรเดินทางไปทำงานแบบ "ถูกกฎหมาย" จะได้ไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง เพราะอย่าลืมว่าปัจจุบันนี้ทางการเกาหลีใต้เข้มงวดเรื่องแรงงานผิดกฎหมายมากขึ้น และกำลังจะมีการกวาดล้างอย่างจริงจังในช่วงกลางปี 2563 นี้

    มีข้อมูลจากกระทรวงแรงงาน ประเทศเกาหลีใต้ ระบุว่า ทางการเกาหลีใต้ได้ปลดล็อกแบล็กลิสต์ แรงงานไทยในเกาหลีใต้ที่ลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย สามารถเดินทางกลับไทยโดยไม่ผิดกฎหมายได้ตั้งแต่ 11 ธันวาคม 2562 ถึง 30 มิถุนายน 2563 เพื่อให้แรงงานไทยกลับเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    หากไม่มารายงานตัวในระยะเวลาดังกล่าว ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ทางการเกาหลีจะส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจกวาดล้างแรงงานไทยที่ผิดกฎหมายทั้งหมด หากตรวจพบแรงงานไทยผิดกฎหมาย ที่อยู่เกินวีซ่า 3 ปีขึ้นไป อาจถูกปรับเงินมากถึง 20 ล้านวอน ถูกส่งกลับประเทศทันที และอาจถูกตัดสิทธิ์การเดินทางเข้าประเทศเกาหลีด้วย


    คำถามต่อมาคือ แล้วถ้าอยากไปทำงานที่เกาหลีใต้ให้ถูกกฎหมาย จะต้องทำอย่างไร? มีขั้นตอนอะไรบ้าง? และมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เท่าไหร่? วันนี้เราหาคำตอบมาให้ ตามมาเช็กลิสต์กันเลย..

    1. เตรียมตัวเรียนภาษาเกาหลี

    ผู้ที่ต้องการไปทำงานที่เกาหลีควรเตรียมตัวเองให้พร้อม อย่างแรกคือ ไปเรียนภาษาเกาหลีเพื่อเตรียมตัวสอบวัดระดับภาษา เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการไปทำงานที่เกาหลี โดยข้อสอบจะเป็นภาษาเกาหลีทั้งหมด หากไม่ศึกษาหาความรู้ภาษาเกาหลีก็ไม่ผ่านการสอบ โดยค่าเรียนภาษาเกาหลีนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 9,000 - 12,000 บาท

    2. สมัครสอบ EPS – TOPIK

    เมื่อเรียนภาษาจนมั่นใจแล้วว่าสามารถสื่อสารได้ในระดับหนึ่ง ก็ให้ไปสมัครสอบ EPS-TOPIK (สอบวัดระดับภาษาเกาหลีเพื่อไปทำงานตามระบบจ้างงาน) ค่าสมัครสอบไม่เกิน 1,000 บาท

    3. สอบทักษะ 2 รอบ

    หลังจากไปสอบภาษาเกาหลีรอบแรก เมื่อสมัครสอบเสร็จเรียบร้อย ให้รอและเข้าตรวจเช็คประกาศเกี่ยวกับ วัน เวลา และสถานที่สอบในระบบออนไลน์ จากนั้นก็เดินทางไปสอบตามวันและเวลาที่ระบุไว้ได้เลย จากนั้นรอประกาศผลสอบรอบแรก สามารถดูประกาศผลสอบได้ที่เว็บเพจ หรือตรวจผลสอบได้จากโรงเรียนที่ไปทดสอบ หากผ่านการสอบรอบแรก ขั้นตอนถัดมาก็คือการสอบทักษะรอบที่สอง ซึ่งเป็นการสอบเกี่ยวกับทักษะด้านอื่นๆ ทั่วไป ที่ไม่ยาก จากนั้นรอตรวจผลสอบรอบสอง

    4. รายงานตัวที่กระทรวงแรงงาน

    หากสอบผ่านทักษะทั้ง 2 รอบแล้ว จะต้องรายงานตัวที่กระทรวงแรงงาน ตามวัน เวลา และสถานที่แจ้งไว้ในระบบ ปกติจะรายงานตัวหลังสอบผ่านไม่เกิน 1 เดือน พอไปรายงานตัวแล้วทางกระทรวงฯ ก็จะรวบรวมข้อมูลของเจ้าตัวส่งไปให้ทางการที่ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อรอให้นายจ้างรับเข้าทำงาน โดยสามารถเช็ครายละเอียดต่างๆ ได้ที่ www.eps.go.kr โดยขั้นตอนนี้จะต้องคอยเข้าไปดูสถานะตัวเองว่าถูกนายจ้างเลือกหรือไม่ บางคนถูกเลือกช้า บางคนถูกเลือกเร็ว ขึ้นอยู่กับนายจ้าง

    158341108273.jpg

    5. เซ็นสัญญาจ้าง

    เมื่อมีนายจ้างเลือกแล้ว ต้องไปติดต่อกระทรวงแรงงานเพื่อเซ็นสัญญาจ้างที่กระทรวงแรงงาน เขตดินแดง กรุงเทพฯ และต้องไปตามวัน เวลา ที่นัดหมาย อย่าไปช้าเด็ดขาดเพราะไม่อย่างนั้นอาจจะถูกยกเลิกสัญญาจ้างได้

    6. เรียนคอร์สเตรียมบิน

    เมื่อเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเรียนเตรียมบิน โดยต้องมาเรียนภาษาเกาหลีเพิ่มอีก 1 คอร์ส เป็นการเรียนเตรียมบินภาคบังคับ หากไม่เข้าเรียนคอร์สนี้ จะไม่อนุมัติให้เดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้ มีค่าเรียนเตรียมบินประมาณ 4,500 บาท โดยต้องไปที่กระทรวงแรงงานอีกครั้งในช่วงเช้าของวันเดินทาง เพื่ออบรมคอร์สนี้ก่อนเดินทาง ระยะเวลาอบรมยาวไปถึง 4 โมงเย็น

    7. เดินทางสู่เกาหลีใต้

    หลังจากอบรมเสร็จ เจ้าหน้าที่จะพาไปสนามบินแล้วก็รอขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปเกาหลีได้เลย มีข้อแนะนำ คือ ควรพกเงินสดติดตัวไปด้วยประมาณ 25,000 - 30,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะตั้งต้น

    โดยสรุปแล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับขั้นตอนการเดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมายอยู่ที่ประมาณ 44,000 - 47,000 บาท รวมเงินสดที่ต้องนำติดตัวไปตั้งต้นการทำงาน เข้าใจว่าเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับบางคน แต่อย่างน้อยการยอมจ่ายเงินก้อนนี้เพื่อแลกกับความปลอดภัย ไม่ถูกนายหน้าหลอกลวง รวมภึงไปทำงานได้อย่างภาคภูมิใจแบบถูกกฎหมาย ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน ย่อมดีกว่าการไปหลบๆ ซ่อนๆ เป็น "ผีน้อย" อยู่ร่ำไป

    ---------------

    อ้างอิง:

    http://www.mfa.go.th/dvifa/contents/filemanager/files/nbt/nbt7/IS/7027.pdf

    http://gogokorea.ac.th/step-goto-korea/


    https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/869301?utm_source=izooto&utm_medium=push_notifications&utm_campaign=2 000&utm_content=&utm_term=
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แพทย์ปักกิ่งยืนยันผู้ป่วยรายแรก ‘ติด COVID-19 ในระบบประสาท’
    22:36 | 5 มีนาคม 2563 |

    G0DL5oPyrtt5HBAi4n69SoIGutN6CQg9DXs8GJNvB1qVzRixqkXXEC.jpg

    คณะแพทย์จีนออกมายืนยันเป็นครั้งแรกว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 อาจสร้างความเสียหายต่อระบบประสาทส่วนกลางได้ หลังจากทำการรักษาผู้ติดเชื้อรายหนึ่ง

    วันนี้ (5 มี.ค.2563) สำนักข่าวซินหัว https://www.xinhuathai.com รายงานว่า แพทย์จากโรงพยาบาลปักกิ่ง ตี้ถาน (Beijing Ditan Hospital) ในเครือมหาวิทยาลัยแคพิทัล เมดิคัล (CMU) ซึ่งเป็นสถาบันที่กำหนดให้รองรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แถลงข่าวการรักษาผู้ติดเชื้อชายรายหนึ่ง ซึ่งถูกตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ในน้ำหล่อสมองไขสันหลัง (cerebrospinal fluid)

    อนึ่ง การศึกษาก่อนหน้านี้ชี้ว่า ไวรัส COVID-19 อาจสร้างความเสียหายกับอวัยวะหลายส่วน เช่น ไต ตับ หัวใจ แต่ไม่มีการบันทึกกรณีที่พบในระบบประสาทส่วนกลาง

    คณะแพทย์กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อ วัย 56 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่า ติดเชื้อเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ณ โรงพยาบาลฯ โดยมีอาการอยู่ในขั้นรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาตามปกติ ขณะรักษาในแผนกผู้ป่วยหนัก (ICU) เขามีอาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะความรู้สึกตัวลดลง (Decreased consciousness) แม้ไม่ปรากฏสัญญาณผิดปกติในผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT)

    หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้ทำการจัดลำดับยีนจากตัวอย่างน้ำหล่อสมองไขสันหลังและยืนยันผลว่ามีไวรัส COVID-19 อยู่จริง พร้อมวินิจฉัยว่า ผู้ป่วยมีอาการไข้สมองอักเสบ จึงดำเนินการรักษาจนอาการต่างๆ ในระบบประสาทของผู้ป่วยค่อยๆ ลดลงตามลำดับ โดยเขาถูกย้ายจากแผนกผู้ป่วยหนักไปยังแผนกผู้ป่วยติดเชื้อเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ก่อนได้รับการปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา

    หลิวจิ่งหยวน หัวหน้าแผนกผู้ป่วยหนักของโรงพยาบาลฯ และแพทย์ประจำหอผู้ป่วยที่ดูแลผู้ติดเชื้อรายนี้ ระบุว่า ตามปกติเมื่อพบว่า ผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 มีความผิดปกติเกี่ยวกับความรู้สึกตัว เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะพิจารณาความเป็นไปได้ของการติดเชื้อในระบบประสาท และทำการทดสอบน้ำหล่อสมองไขสันหลังทันที เพื่อป้องกันการวินิจฉัยล่าช้าและลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยอาการรุนแรง
    คณะนักวิจัยเคยค้นพบก่อนหน้านี้ว่า ไวรัสโคโรนาที่ก่อโรคซาร์ส (SARS) และโรคเมอร์ส (MERS) สามารถลุกลามเข้าไปในระบบประสาทของผู้ติดเชื้อได้ ขณะที่แผนการวินิจฉัยและรักษาโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ฉบับปรับปรุงล่าสุด ซึ่งคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) ของจีนเผยแพร่ เมื่อวันอังคาร (3 มี.ค.) ระบุว่าโรคติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสชนิดนี้อาจก่อให้เกิดอาการเลือดคั่ง บวมน้ำ และภาวะเสื่อมของเซลล์ประสาทในเนื้อเยื่อสมองได้

    ทั้งนี้ นับจนถึงวันพุธ (4 มี.ค.) โรงพยาบาลฯ ให้การรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว 150 ราย และพบกรณีที่มีอาการสมองอักเสบ 1 ราย

    ขอบคุณข่าวและภาพจาก สำนักข่าวซินหัว https://www.xinhuathai.com

    https://news.thaipbs.or.th/content/...w0heHg9WIuyB0XyZEIbRHOGcyUck6fEVybdCi76unsbEU
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    20200306g1-1038x545.jpg


    1.[6 มี.ค. 2020 เวลา 00:00 น.]



    ยอดผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันการติดเชื้อทั้งหมดในเกาหลีคือ 6,284 ราย

    โดยยอดเพิ่มขึ้นจากวานนี้ 518 ราย

    มีผู้เสียชีวิตแล้ว 42 ราย และ 108 รายได้รับการรักษาหายขาดแล้ว

    ปัจจุบันมียอดผู้ที่รอผลตรวจหาเชื้อโควิด 21,832 ราย

    และนี่ก็คือสถานะผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันในแต่ละภูมิภาคจากจำนวน 518 รายที่ได้รับการยืนยันมาใหม่

    โซล(seoul) 2 ราย, ปูซาน(busan) 3 ราย, แทกู(daegu) 367 ราย, ควังจู(gwangju) -1 ราย, แทจอน(daejeon) 2 ราย, คย็องกีโด(gyeonggi) 10 ราย, คังวอน(gangwon) 2 ราย, ชุงบุก(chungbuk) 3 ราย, ชุงนัม(chungnam) 4 ราย, คย็องบุก(gyeongbuk) 123 ราย, คย็องนัม(gyeongnam) 3 ราย



    1-8.jpg



    [2] สิ่งที่ทางการเกาหลีเตรียมไว้รองรับผู้ติดเชื้อโควิดในเกาหลีใต้



    สาวไทยอายุ 27 ปีในเมืองกิมชอน, คย็องซังบุกโดติดเชื้อไวรัสโควิด-19

    มีการยืนยันว่าเธอนั้นติดเชื้อมาจากสาวกซินชอนจิที่ทำงานทีาเดียวกันกับเธอที่ร้านซักแห้ง

    หากต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในเกาหลี

    ค่าตรวจหาโควิด-19 ในเกาหลีอยู่ที่ 160,000 วอน

    ตีเป็นเงินบาทไทยราวๆ 4,255 บาท

    อย่างไรก็ตามหากผลการตรวจพบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 รัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจทั้งหมดเอง

    นอกจากนี้หากแพทย์แนะนำให้ทำการตรวจจะไม่เสียค่าธรรมเนียมในการตรวจใดๆ

    อย่างไรก็ตาม หากคุณสงสัยว่าตัวเองติดเชื้อโควิด-19 และคุณได้รับการตรวจหาเชื้อ แต่ผลตรวจในภายหลังออกมาเป็น ลบ นั้นคุณต้องเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมการตรวจเชื้อเอง



    2-8.jpg



    นอกจากนี้ผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันอาจได้รับการช่วยเหลือค่าครองชีพในช่วงระยะเวลากักกัน (1 เดือน: 1 คน: 455,000 วอน)

    และคุณก็จะได้รับของใช้ประจำวันที่จำเป็นขณะถูกกักกัน

    และทุกคนสามารถรับการสนับสนุนนี้ได้ไม่ว่าจะเป็นชาวเกาหลีหรือชาวต่างชาติก็ตาม





    3-8.jpg



    [3] จำนวนผู้ป่วยที่ยืนยันแล้วในเกาหลีลดลงและจำนวนผู้ป่วยที่หายป่วยกลับเพิ่มขึ้น



    สาวกซินชอนจิส่วนใหญ่ได้ผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นส่วนใหญ่ จากนั้นจำนวนตัวเลขยืนยัน การติดเชื้อโควิด-19 ของเกาหลีจึงลดลงอย่างรวดเร็ว

    ที่สำคัญจำนวนการรักษาหายขาดก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

    นอกจากนี้จำนวนผู้ที่ไม่ต้องกักตัวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามมา

    นี่เป็นเพราะเกณฑ์สำหรับที่ไม่ต้องกักตัวมีการเปลี่ยนแปลง

    หลังจากการยืนยัน 3 สัปดาห์พวกเขาจะถูกปล่อยตัวจากการกักกัน

    * นี่เป็นเพราะโดยเฉลี่ยแล้ว 3 สัปดาห์หลังจากการวินิจฉัย ก็จะตรวจไม่พบระดับไวรัสหรือไม่ก็ระดับไวรัสนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการติดเชื้อ

    บางคนบอกว่าการตีความของเกาหลีครั้งนี้อาจจะประสบความสำเร็จ

    แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงยากที่จะผ่อนคลายกับสถานการณ์เช่นนี้ เพราะมีการติดเชื้อเป็นกลุ่มๆ ในบางพื้นที่

    จากนี้ไปจะมุ่งเน้นไปที่การปิดกั้นการติดเชื้อจากซินชอนจิสู่ภายนอก



    4-5.jpg



    [4] ข้อจำกัดในการซื้อหน้ากากอนามัย



    ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม รัฐบาลเกาหลีได้จำกัดการซื้อหน้ากากอนามัยตามที่สาธารณะเป็น 2 ชิ้นอันสัปดาห์

    มันเป็นมาตรการที่สามารถป้องกันการซื้อหน้ากากไปกักตุนเป็นจำนวนมากๆ

    ร้านขายยาจะจัดจำหน่ายหน้ากากกว่าหกล้านชิ้น



    ชาวต่างชาติเองก็สามารถซื้อหน้ากากได้แต่ต้องไปซื้อพร้อมเอกสารต่อไปนี้

    -บัตรประกันสุขภาพ (건강보험증)

    -บัตรลงทะเบียนคนต่างชาติ (외국인등록증)



    โดยจะมีการจัดจำหน่ายหน้ากากตามปีเกิดของผู้มาซื้อ

    การจัดจำหน่ายหน้ากากตามปีเกิดจะเป็นไปตามกฎนี้

    ผู้ที่ปีเกิดลงท้ายด้วยหมายเลข

    1, 6 สามารถซื้อได้ในวันจันทร์

    2, 7 สามารถซื้อได้ในวันอังคาร

    3, 8 สามารถซื้อได้ในพุธ

    4, 9 สามารถซื้อได้ในพฤหัสบดี

    5,0 สามารถซื้อได้ในวันศุกร์

    (ตัวอย่างเช่น เกิดปี1991 -> ซื้อได้วันจันทร์ , เกิดปี 1979 -> ซื้อได้ในวันพฤหัสบดี)



    ผู้ที่ไม่สามารถซื้อหน้ากากได้ในวันธรรมดา สามารถหาซื้อได้ในวันหยุดสุดสัปดาห์

    หน้ากากตามที่สาธารณะจะจัดจำหน่ายในราคา 1,500 วอน

    นอกจากนี้ยังสามารถซื้อหน้ากาก 1 ชิ้นต่อคนต่อสัปดาห์ได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ (우체국), นงยอบ (농협) และ ฮานาโรมาร์ท (하나로마트)

    อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจำเป็นที่จะต้องเสริมมาตรการต่อต้านผู้ด้อยโอกาสอย่างเช่น ผู้สูงอายุและแรงงานต่างชาติที่ผิดกฎหมาย เพิ่มเข้าไปด้วย



    5-1.jpg

    [5] ตามที่เมืองแทกูและช็องโด เมืองคย็องซันถูกกำหนดให้เป็นเขตการจัดการโรคติดเชื้อพิเศษ

    จำนวนคนที่ได้รับการยืนยันในคย็องซันอยู่ที่ 347 ราย

    67% ของผู้คนที่ได้รับการยืนยันนั้นอยู่ในพื้นที่คย็องซันนั้นเป็นผู้ศรัทธาลักธิซินชอนจิ

    รัฐบาลจะให้การสนับสนุนอย่างเข้มงวดแก่ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์


    https://thaikuk.com/korea-news/gene...qq19JLAUCOxRlV54hI2ygS-X9BauLeu5ZpxjOevOlmSWQ
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "โควิด-19" โผล่เมืองคอน ติดจากอิหร่าน ผวจ.สั่งมาตรการสูงสุด สกัดเชื้อมรณะ
    dFQROr7oWzulq5FZYkPasIlIKq4eTmbQaFFbLaz3VVOzGte7l1BAtwpMTgmLkfSQeZj.jpg
    โดยได้ทำการเจาะเลือดคนไข้ พร้อมผลการตรวจของโรงพยาบาลท่าศาลา ส่งไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กทม. กระทั่งในวันนี้ทางโรงพยาบาลจุฬาฯได้ยืนยันผลการตรวจซ้ำว่า ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จึงได้แถลงอย่างเป็นทางการในวันนี้ หลังจากผลการตรวจที่ชัดเจนออกมา

    นายศิริพัฒ กล่าวต่อว่า การตรวจเบื้องต้นนับแต่คนไข้เข้าพบแพทย์ ที่ รพ.ท่าศาลา พบว่า ผลการตรวจเลือดเป็นบวก ลักษณะอาการโดยทั่วไปใกล้เคียงกับผู้ป่วยโรคนี้ แต่ยังไม่สามารถยืนยันหรือแถลงข่าวได้ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจซ้ำของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อผลตรวจซ้ำออกมาว่าใช่หรือผู้ป่วยติดเชื้อนี้ จึงจะสามารถแถลงหรือประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยทั่วกันได้ ทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้ได้ใช้มาตรการป้องกันและสกัดกั้นการระบาดหรือแพร่กระจายโรคขั้นสูงสุด


    ในขณะที่รายงานการเข้าตรวจร่างกายของผู้ป่วยรายนี้ ระบุว่า เป็นชายอายุ 20 ปี นับถือศาสนาอิสลาม เป็นชาว ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เป็นนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศอิหร่าน เดินทางโดยเครื่องบินโดยสารจากประเทศอิหร่านกลับเข้ามายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 ก.พ.63 และเดินทางโดยรถทัวร์จาก กทม.กลับบ้านเกิดที่ จ.นครศรีธรรมราช

    ระหว่างที่กลับบ้านนั้น ผู้ป่วยรายนี้ได้เดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆภายในจังหวัดหลายแห่ง ขณะนี้ทางจังหวัดได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตาม ผู้ร่วมเดินทาง ทั้งบนเครื่องบิน รถทัวร์โดยสาร และผู้ที่ร่วมกิจกรรมใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้ หลังจากที่ผู้ป่วยเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่าน ซึ่งการติดตามตัวผู้ร่วมเดินทางและผู้ใกล้ชิดนั้น ล่าสุดสามารถติดตามตัวเพื่อให้ไปพบแพทย์และตรวจร่างกาย ได้เกือบครบแล้ว


    https://www.thairath.co.th/news/loc...ioPMELAITRSSxYawp03Av_a3BHPYhEbv3GEVM9sVuq4iI
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เฟซบุ๊กปิดสำนักงานในซีแอตเทิลหลังพนักงานติดเชื้อ
    5 มีนาคม 2563 - 15:58 น.
    a68bjeb9jaaifb68bgb8a.jpg

    เฟซบุ๊ก อิงค์ ยักษ์ใหญ่สื่อสังคมออนไลน์ แจ้งว่า พนักงานคู่สัญญารายหนึ่ง กลายเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่รายแรกในบริษัท ขณะโรคโควิดแพร่ลามในรัฐวอชิงตัน

    รายงานระบุว่า พนักงานรายนี้ อยู่ที่สำนักงาน สเตเดียม อีสต์ ในซีแอตเทิล ของเฟซบุ๊ก หลังสุด เมื่อ 21 ก.พ. บริษัทได้แจ้งเตือนพนักงานทุกคนเมื่อคืนวันพุธ ว่าสำนักงานในซีแอตเทิล จะปิดไปจนถึง 9 มีนาคม ซึ่งนับเป็นวันสิ้นสุดระยะฟักตัว 14 วัน และขอให้พนักงานทำงานจากบ้านจนถึงสิ้นเดือน

    เมื่อวันอังคาร พนักงานคนหนึ่งของแอมะซอน ในซีแอตเทิล ติดโควิด-19 เช่นกัน

    สหรัฐพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าใน 17 รัฐแล้ว และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน เกือบทั้งหมดอยู่ในรัฐวอชิงตัน และส่วนใหญ่มาจากบ้านพักคนชราแห่งหนึ่งในซีแอตเทิล มีคนเดียวเสียชีวิตที่แคลิฟอร์เนีย ใกล้เมืองซาคราเมนโต และเป็นรายแรกที่รัฐซึ่งมีประชากรมากที่สุดในสหรัฐ

    https://www.komchadluek.net/news/fo...TVWivLDvSx4SfPlGrlODB01Cqon3s288zkfHjborlyQeI
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก Michael DiFato

    กระตุกโลก เกี่ยวกับภายใต้ หิ้งอากาศของโลกทุกวัน
    Jerking the Earth about under her mantel of air daily.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Environman

    คนเลี้ยงผึ้งพลิกวิกฤตเปลี่ยนหมีที่ชอบขโมยน้ำผึ้ง ห้ามไม่ได้ สุดท้ายใช้ให้เป็นนักชิมซะเลย! ด้วยมันมีรสนิยมเลือกน้ำผึ้งดีที่สุด

    ในเมื่อน้ำผึ้งเป็นของหวาน จากหัวขโมยสู่นักชิมมืออาชีพ หนุ่มตุรกีหัวใสเปลี่ยนหมีให้เป็นนักชิมตัวยง!

    เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าหมีมีความหลงไหลในน้ำผึ้งมากกกก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ห้ามใจไม่ได้จริง ๆ จนทำให้เจ้าหมีทั้งหลายบุกมายังฟาร์มน้ำผึ้ง ดังนั้นเจ้าหมีจึงเป็นศัตรูตัวฉกาจของฟาร์มน้ำผึ้งเลยทีเดียว

    Ibrahim Sedef หนุ่มเลี้ยงผึ้งสัญชาติตุรกีพบว่าการหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เจ้าหมีมาทำลายรังผึ้งนั้นยากมาก เพราะเจ้าหมีต้องการน้ำผึ้งที่สุดแสนจะหอมหวาน เขาจึงหาวิธีป้องกันการบุกของเจ้าหมี

    ตอนแรก Sedef พยายามใช้กรงเหล็กมากั้น และวางอาหารจำพวกผลไม้ ขนมปัง และน้ำผึ้งทิ้งไว้ เพื่อป้องกันให้หมีไม่บุกเข้าไปยังรังผึ้งโดยตรง แต่รังผึ้งบางอันก็ยังคงถูกทำลายอยู่ดี เขาพยายามใช้วิธีอื่น ๆ เข้าช่วยอย่างเช่น เอารังผึ้งไปวางไว้บนที่สูงอย่างหลังคา แต่มันก็ไม่พ้นมือเจ้าหมีสุดฉลาดอยู่ดี เพราะบรรดาหมีปีนต้นไม้ตามมากันมาถึงที่เลยทีเดียว

    ในเมื่อไม่มีอะไรที่จะขัดขวางเจ้าหมีได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะทำความเข้าใจพฤติกรรมของหมีให้มากขึ้น โดยการแอบติดกล้องไว้ส่องดูเจ้าหมีทั้งหลาย จนเขาปิ๊งไอเดียร์ขึ้นมาว่าเขาจะเปลี่ยนให้หมีจอมแย่งน้ำผึ้งให้เป็น “สหายนักชิม” ชั้นยอดแทน เพราะเจ้าหมีมีรสนิยมในการเลือกน้ำผึ้งได้เลิศสุด ๆ

    โดยเขาจะตั้งน้ำผึ้งไว้บนโต๊ะทั้งหมด 4 ชนิด เพื่อให้หมีมาชิม ซึ่งผลออกมาเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก เพราะหมีจะเลือกชิมน้ำผึ้งที่ดีที่สุดก่อนเสมอ จนในบางครั้งมันไม่แม้แต่จะแตะ cherry blossom honey เลยด้วยซ้ำ โดยน้ำผึ้งที่เจ้าหมีเลือก Anzer honey ซึ่งมีมูลค่ามากถึง 300 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว!

    น้ำผึ้ง Anzer ผลิตในตุรกีเป็นหลัก เป็นน้ำผึ้งที่ดีต่อสุขภาพ สามารถบรรเทาอาการต่อมทอลซิลอักเสบ หรืออาการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารได้ หรือแม้กระทั่งแก้ปัญหาผิวได้ด้วย เพราะมันมีทั้งวิตามินซีและธาตุเหล็กที่สูงงงงง

    อย่างไรก็ตามเจ้าน้ำผึ้ง Anzer ไม่ใช่น้ำผึ้งที่แพงที่สุดหรอกนะ จริง ๆ แล้ว ในตุรกีมีน้ำผึ้งที่แพงที่สุดซึ้งมีมูลค่ามากถึง 5,200 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัม แหมะแต่เจ้าหมีคงไม่ได้หากินกันง่าย ๆ หรอก เพราะมันอยู่ในถ้ำลึกเข้าไป 1,800 เมตร ในหุบเขา Saricayir เมือง Artivin

    ที่มา

    https://www.thinkinghumanity.com/2019/09/bears-kept-stealing-honey-from-a-mans-bee-farm-so-he-turned-them-into-honey-tasters.html?m=1

    https://www.ladbible.com/news/news-bears-keep-stealing-mans-honey-so-he-turns-them-into-testers-20190827

    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จุฬาฯ เผยไวรัสโควิด-19 ในไทย มีอายุสั้นกว่าประเทศเขตหนาว

    5e5e421fc9bcf-1024x576.jpg
    การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระจายอยู่ทุกทวีปทั่วโลกในเวลานี้ ยังคาดการณ์ระยะเวลาไม่ได้ว่าจะหยุดการแพร่ระบาดเมื่อไหร่ เพราะคนตกเป็นพาหะการแพร่กระจาย แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอุบัติใหม่ ที่ตรวจดูพัฒนาการของไวรัสชนิดนี้ ยังไม่พบพัฒนาการเชื้อชนิดนี้อีกขั้น ซึ่งอาจจะหยุดอยู่แค่การการระบาดในมนุษย์

    นักเทคนิคการแพทย์หญิงสุภาภรณ์ วัชรพฤกษาดี รองหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เผยการศึกษาพันธุกรรมของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า ยังไม่พบการพัฒนาของรหัสพันธุกรรมของไวรัส เพื่อให้กระจายจากมนุษย์สู่สัตว์อีก และสภาพอากาศในประเทศไทยที่เป็นประเทศเขตร้อน ทำให้ไวรัสที่แพร่กระจายอยู่นอกร่างกายมนุษย์ มีอายุสั้นกว่า ประเทศเขตหนาว เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

    5e5e4230af933-720x366.png

    นักเทคนิคการแพทย์หญิงสุภาภรณ์ เป็นผู้ค้นพบการแพร่เชื้อไวรัสในค้างคาวครั้งแรกของโลกโดยวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมเชื้อโคโรนาไวรัส พบว่าใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสที่พบในตัวค้างคาวมงกุฏเทาแดง 96 % ตัวลิ่น 90 %

    แต่ลักษณะการระบาดของโควิด-19 คล้ายกับโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เช่น อีโบล่า เมอร์ส และซาร์ส ที่จัดอยู่ในโรคอุบัติใหม่ที่มีสัตว์เป็นแหล่งนำโรค รวมทั้งพิษสุนัขบ้าก็เป็นโรคจากสัตว์สู่คน โดยโรคระบาดจะมีเวลาการแพร่กระจายก่อนจะถูกควบคุมได้ในที่สุด

    ขณะนี้ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาฯ กำลังศึกษาเกี่ยวกับเชื้อไวรัส “นิป้าห์” เพราะไทยมีความเสี่ยงจะเกิดการระบาดของโรคไวรัสนิปาห์ หากคนสัมผัสกับฉี่หรือน้ำลายค้างคาวโดยตรง หรือสุกรที่ได้รับเชื้อจากสิ่งคัดหลั่งของค้างคาวและแพร่มาสู่คน ในอดีตเคยพบการแพร่ระบาดในคนมาแล้วแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ที่มา https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/120634


    https://www.chula.ac.th/clipping/27...YxxtmUrPdev4ajTYmBHBQBQBl1-dq08uGQ2Dd_QQ_YxYw
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อสรุป 25 ผู้เชี่ยวชาญ WHO ยกจีนรับมือโควิด-19 ต้นแบบระดับโลก
    เผยแพร่: 6 มี.ค. 2563 08:14 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    563000002326702.jpg
    สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เผยแพร่ รายงานองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยผู้เชี่ยวชาญนานาชาติรวม 25 คนที่เข้าไปในจีน และต่อไปนี้ก็คือ ข้อสรุปหลักๆ ของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ หลังจากปฏิบัติงานผ่านไป 9 วัน แปลโดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์, ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.

    - ทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ 25 คน ที่องค์การอนามัยโลกส่งเข้าไปสืบสวนสถานการณ์ในจีน สรุปว่า

    - กรณีส่วนใหญ่ (78-85%) เกิดจากการติดต่อกันในครอบครัวจากละอองเสมหะ (droplet) ไม่ใช่จากการกระจายจากละอองลอย (aerosol) เป็นหลัก

    ส่วนใหญ่ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ติดเชื้อ (จากทั้งหมด 2,055 คน) ติดเชื้อจากที่บ้าน หรือไม่ก็ติดเชื้อจากการระบาดในช่วงแรกที่ยังไม่มีการประกาศมาตรการรับมือโรคราว 5% ของคนที่วินิจฉัยว่าป่วย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ อีก 15% ต้องใช้ออกซิเจนเข้มข้นสูง

    - ช่วงการฟื้นตัวโดยเฉลี่ยราว 3-6 สัปดาห์ สำหรับรายที่อาการหนัก และ 2 สัปดาห์สำหรับรายที่ป่วยไม่มาก

    - จำนวนผู้ป่วยและช่วงเวลาที่ใช้รักษาเป็นภาระหนักเกินกว่าระบบที่อู่ฮั่นรองรับได้ จังหวัดหูเป่ย เมืองหลวงมณฑลอู่ฮั่นมีผู้ป่วยราว 65,596 คน (ข้อมูลวันที่ 2 มี.ค. 2563)

    - มีการส่งคนไปช่วยรับมือที่หูเป่ยราว 40,000 คน ในอู่ฮั่นมีโรงพยาบาล 45 แห่งที่ใช้รองรับผู้ป่วย โดย 6 แห่งรองรับผู้ป่วยขั้นวิกฤติ และอีก 39 แห่งรองรับผู้ป่วยหนัก โดยเฉพาะกลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี

    - มีการสร้างโรงพยาบาลสนามขนาด 2,600 เตียงอย่างรวดเร็ว

    - ผู้ป่วยราว 80% มีอาการไม่หนัก มีโรงพยาบาลชั่วคราว 10 แห่งที่ปรับใช้จากการดัดแปลงยิมเนเซียมและห้องจัดแสดงนิทรรศการ

    - ขณะนี้ จีนผลิตชุดตรวจโรคโคโรนาไวรัสใหม่นี้ ราว 6 ล้านชุด/สัปดาห์ โดยรู้ผลการตรวจได้ในวันเดียว ใครที่มีไข้และไปพบแพทย์ จะได้รับการตรวจเบื้องต้นด้วยชุดตรวจนี้ ในเมืองกวางตุ้งที่ห่างจากอู่ฮั่น ได้ทดสอบกับคนไปแล้วรวม 320,000 คน และมี 0.14% ที่ตรวจแล้วพบไวรัส

    - คนส่วนใหญ่ที่ได้รับเชื้อ มักจะมีอาการในที่สุด แม้ว่าจะช้าเร็วต่างกัน ในกรณีที่ตรวจพบไวรัสแต่ยังไม่มีอาการนั้น หายาก และส่วนใหญ่จะป่วยในอีกสองสามวันต่อมา

    - อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ มีไข้ (88%) ไอแห้งๆ (68%) ไม่มีเรี่ยวแรง (38%) ไอแบบมีเสมหะ (33%) หายใจลำบาก (18%) เจ็บคอ (14%) ปวดหัว (14%) ปวดกล้ามเนื้อ (14%) หนาวสั่น (11%) อาการที่พบน้อยลงมาหน่อยคือ คลื่นไส้และอาเจียน (5%) คัดจมูก (5%) และท้องเสีย (4%)

    - อาการที่ไม่ใช่สัญญาณโรคของโควิด-19 คือ น้ำมูกไหล

    - จากการตรวจสอบคนจีนที่ติดเชื้อรวม 44,672 คน มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 4%
    อัตราการเสียชีวิตขึ้นเป็นอย่างมากกับ อายุ, สภาพร่างกายก่อนติดเชื้อ, เพศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบสุขภาพที่รับมือโรค

    - ตัวเลขการเสียชีวิตนับจนถึงวันที่ 17 ก.พ. ทุกรายสะท้อนผลระบบสุขภาพที่ใช้รับมือของจีน ซึ่งจะต่างออกไปเป็นอย่างมากในอนาคต สำหรับที่อื่นๆ

    - ระบบสุขภาพของจีน: คนที่ติดเชื้อในจีนราว 20% ต้องการการรักษาที่โรงพยาบาลนานหลายสัปดาห์ จีนมีโรงพยาบาลเพียงพอจะใช้รักษาประชากรได้ 4% ของทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ มีศักยภาพราว 0.1-1.3% และเตียงส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีผู้ป่วยโรคอื่นใช้อยู่แล้ว

    - วิธีการรับมือที่สำคัญแรกสุดที่จะช่วยป้องกันการกระจายของไวรัสได้อย่างชะงัด คือทำให้จำนวนผู้ป่วยหนักโรคนี้มีจำนวนน้อย และขั้นตอนสำคัญรองลงมาคือ การเพิ่มจำนวนเตียง (รวมทั้งวัสดุและบุคลากร) จนกว่าจะมีเพียงพอสำหรับผู้ป่วยหนัก

    - จีนทดสอบการรักษาด้วยวิธีการที่หลากหลายกับโรคที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก และนำวิธีการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดไปใช้ทั่วประเทศ ด้วยวิธีการตอบสนองเช่นนี้เอง ที่ทำให้อัตราการตายลดลงกว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้

    - สภาพร่างกายก่อนการติดเชื้อ: อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อที่มีโรคระบบหลอดเลือดหัวใจในจีนคือ 2% ขณะที่สำหรับคนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง (เบาหวานที่ไม่ควบคุม) อยู่ที่ 9.2% และ 8.4% สำหรับโรคความดันสูง, 8% สำหรับโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง และ 7.6% สำหรับโรคมะเร็ง

    - คนที่ไม่มีอาการป่วยใดๆ ก่อนติดเชื้อมีอัตราการเสียชีวิตที่ 1.4%

    - อายุ: ยิ่งอายุน้อย ก็ยิ่งติดเชื้อยาก และแม้จะติดเชื้อ ก็จะป่วยไม่หนักเท่ากับผู้ที่อายุมากกว่า

    563000002326701.jpg
    คำอธิบายตาราง: จากคนที่อาศัยในจีน, มี 13.5% ที่อายุระว่าง 20-29 ปี จากจำนวนผู้ติดเชื้อในจีน มี 8.1% ที่อยู่ในอายุกลุ่มนี้ (แต่ไม่ได้หมายความว่า มี 8.1% ของคนอายุ 20-29 ปีที่ติดเชื้อ) นี่หมายความว่า มีแนวโน้มที่ใครก็ตามที่มีอายุในช่วงนี้ จะมีโอกาสติดเชิ้อค่อนข้างต่ำกว่าเฉลี่ย และในกลุ่มอายุนี้ที่ติดเชื้อจะเสียชีวิต 0.2%

    - เพศ: ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคเท่าๆ กับผู้ชาย มีหญิงชาวจีนเพียง 8% เท่านั้นที่ ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคนี้ ขณะที่ผู้ชายราว 4.7% เสียชีวิต

    - โรคนี้รุนแรงในกลุ่มผู้หญิงมีครรภ์มากกว่ากลุ่มอื่น

    - เด็กที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อด้วยวิธีผ่าคลอดรวม 9 รายที่ตรวจสอบ สุขภาพแข็งแรงและไม่ติดเชื้อ
    มารดาเหล่านั้นติดเชื้อในช่วงสามเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์

    - ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า หากเกิดการติดเชื้อในช่วง 3 หรือ 6 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เด็กในท้องจะเป็นอย่างไร เพราะเด็กเหล่านี้ยังไม่ถึงกำหนดคลอดในปัจจุบัน

    - ไวรัสชนิดใหม่นี้ มีพันธุกรรม 96% เหมือนกับโคโรนาไวรัสที่รู้จักแล้วที่อยู่ในค้างคาว และเหมือนโคโรนาไวรัสในตัวนิ่ม (pangolin) 86-92% ดังนั้น มีความเป็นไปได้มากกว่า ที่มาของไวรัสใหม่นี้คือ ส่งผ่านไวรัสที่กลายพันธุ์จากสัตว์มายังคน
    - นับตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม จำนวนคนที่มีโคโรนาไวรัสในจีนค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนี้มีเพียง 329 รายที่วินิจฉัยพบใหม่ เทียบกับประมาณหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ที่พบราว 3,000 รายต่อวัน

    - รายงานสรุปว่า “ปรากฏการณ์ลดลงของจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในจีนน่าจะเป็นเรื่องจริง”

    ผู้จัดทำรายงานสรุปว่า จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ มีการลดลงของผู้ป่วยที่ไปยังโรงพยาบาลในบริเวณที่เกิดการระบาด, มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนเตียงที่ว่าง, และนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนเริ่มประสบปัญหาเรื่องการหาจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ๆ ให้มากพอ สำหรับใช้ในการทดสอบทางคลินิกของยามากมายหลายตัว

    หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เชื่อว่า ควบคุมการระบาดในจีนได้แล้วก็คือ มีการสัมภาษณ์คนที่ติดเชื้อทุกคนทั่วประเทศ เกี่ยวกับคนที่เคยสัมผัส และทดสอบคนกลุ่มดังกล่าวแล้ว โดยมีทีม 1,800 ทีมในอู่ฮั่นที่ทำเรื่องนี้ แต่ละทีมจัดการกับอย่างน้อย 5 คน แต่ความพยายามนอกอู่ฮั่นก็มากมายเช่นกัน เช่น [1] ในเซินเจิ้น ผู้ติดเชื้อระบุรายชื่อคนที่ติดต่อด้วยรวม 2,842 คน มีการค้นหาจนพบหมดทุกคน และมีการทดสอบไปแล้วถึง 2,240 ราย โดยมี 8% ในจำนวนนี้ที่ติดเชื้อ [2] ในจังหวัดเสฉวน มีคนที่ติดต่อด้วยที่ระบุชื่อไว้ 25,493 คน โดยพบตัวแล้ว 99% (25,347 คน) และตรวจสอบไปแล้ว 23,178 คน โดยพบว่ามีการติดเชื้อ 0.9% [3] ในจังหวัดกวางตุ้ง มีคนในรายชื่อที่ติดต่อกัน 9,939 คน พบตัวหมดแล้ว มีการตรวจสอบไปแล้ว 7,765 คน และพบติดเชื้อ 4.8% ซึ่งก็หมายความว่า หากบังเอิญคุณติดต่อโดยตรงกับคนที่ติดเชื้อ จะมีโอกาสติดเชื้ออยู่ระหว่าง 1-5 %

    สุดท้ายนี้ นี่คือ คำกล่าวส่วนน้อยที่มาจากรายงานนี้:
    “ความพยายามอย่างหนักของจีน ที่จะควบคุมการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเชื้อโรคชนิดใหม่ในระบบทางเดินหายใจนี้ ช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการยกระดับความรุนแรงและอันตรายของโรคระบาดอย่างรวดเร็วได้ เมื่อเผชิญหน้ากับไวรัสที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จีนได้ลงมือลงแรงความพยายามในการควบคุมโรคอย่างทะเยอทะยานที่สุด รวดเร็วที่สุด และเข้มข้นที่สุด จีนไม่ประนีประนอมใดๆ และใช้มาตรการนอกเหนือจากทางเภสัชวิทยา เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสก่อโรคโควิด-19 ที่หลายอย่างก็ได้มอบบทเรียนสำคัญให้กับการรับมือระดับโลก การตอบสนองเช่นนี้ถือได้ว่า มีความจำเพาะตัวและไม่เคยมีมาก่อนในด้านสาธารณสุขในจีน จนช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการเพิ่มจำนวนขึ้นของผู้ป่วยในหูเป่ย ซึ่งเป็นชุมชนที่เกิดการระบาดของโรคอย่างกว้างขวาง และเป็นจังหวัดที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นแหล่งตั้งต้นของกลุ่มครอบครัวที่ทำให้เกิดการระบาด"

    “ชุมชนส่วนใหญ่ในโลกนี้ยังไม่พร้อมรับมือเรื่องนี้, ทั้งในแง่ของวิธีคิดและทางเครื่องใช้ไม้สอย, ไม่พร้อมที่จะใช้มาตรการแบบที่ใช้ควบคุมโควิด-19 ในจีน แต่มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงมาตรการที่พิสูจน์แล้วในปัจจุบันเท่านั้นว่า สามารถหยุดยั้งหรือทำให้เกิดการแพร่เชื้อเป็นลูกโซ่ต่อถึงกันในมนุษย์ได้ พื้นฐานของมาตรการต่างๆ เหล่านี้ก็คือ การเฝ้าระหวังอย่างเข้มแข็งสูงสุดในการตรวจหาผู้ติดเชื้อให้ได้ไวที่สุด, ให้มีการวินิจฉัยโรคที่รวดเร็วมากๆ และการแยกผู้ป่วยอย่างทันที, การติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และการกักกันตัวผู้ที่ติดต่อใกล้ชิด, รวมไปถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจ และการยอมรับในมาตรการเหล่านี้ในระดับสูงอย่างไม่น่าเชื่อในหมู่ประชากร”

    “โควิด-19 กำลังแพร่กระจายไปด้วยความรวดเร็วที่น่าทึ่ง; ไม่ว่าจะมองในด้านใด การระบาดของโควิด-19 ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากไปเสียหมด และจนถึงปัจจุบันนี้ ก็มีหลักฐานที่หนักแน่นแล้วว่า การใช้มาตรการแทรกแซงอื่นที่ไม่ใช่วิธีทางเภสัชวิทยา สามารถช่วยลดหรือแม้แต่หยุดยั้งการแพร่กระจายของโรคได้ การวางแผนรับมือระดับประเทศและระดับโลก แม้จะด้วยความห่วงใย แต่ก็บ่อยครั้งที่มักจะลังเลที่จะเข้าแทรกแซงด้วยมาตรการเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม การลดการเจ็บป่วยและล้มตายจากโควิด-19, การวางแผนเตรียมความพร้อมระยะใกล้ จะต้องนำเอามาตรการสาธารณสุขต่างๆ ที่ใช้การได้ดี แม้ไม่ใช่วิธีทางเภสัชวิทยามาใช้ด้วย มาตรการต่างๆ เหล่านี้จะต้องได้รับการนำมาใช้อย่างเต็มที่อย่างทันที ทั้งในการตiวจหาผู้ติดเชื้อ, การแยกกักกันตัว, การติดตามการสัมผัสใกล้ชิดอย่างเข้มงวด และการกักกันตัว/ติดตามตัว รวมไปถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน/ประชากรโดยตรง”

    [ต้นฉบับภาษาอังกฤษเข้าถึงที่ ] การแปลครั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์สาธารณะ ในการทำความเข้าใจกับการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ระบาดอยู่ในประเทศไทยเช่นกัน เพื่อเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจในประชาชนไทยในวงกว้าง]

    https://mgronline.com/china/detail/...6l_g-yE2GMsYoGYwoId4QKvUXY2yXMKYNxLChGHquweG8
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวฮ็อตในจีนที่ถูกลบ: ผู้ป่วยจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ออกจากรพ.และเสียชีวิตระหว่างพักฟื้น เผยแพร่: 5 มี.ค. 2563 20:08 ปรับปรุง: 5 มี.ค. 2563 20:18 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    563000002318701.jpg
    รายงานข่าวในกลุ่มสื่อจีนเผย หญิงจีนแซ่ เหมย ได้เปิดเผย(4 มี.ค.) กับค่ายสื่อรายใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ เดอะ เปเปอร์ ว่านาย หลี่ เลี่ยงวัย 36 ปี สามีของนาง ได้รับการวินิจฉัยเป็นผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลชั่วคราวรักษาผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เขตฮั่นหยัง เมืองอู่ฮั่นเมื่อวันที่ 12 ก.พ. และได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 26 ก.พ. และเสียชีวิตใน 5 วันต่อมาระหว่้างพักฟื้นที่สถานกักตัว

    ระหว่างที่นายหลี่รักษาตัวที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่การแพทย์ได้ให้การรักษาตามมาตรฐานที่กำหนด ต่อมาคณะแพทย์ได้วินิจฉัยอาการ และตรวจสอบกรดนิวคลีอิกสองครั้งซึ่งผลออกมาเป็นค่าลบ อาการต่างๆสอดคล้องกับเกณฑ์อนุญาตให้ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล

    ในหนังสือรับรองการออกจากโรงพยาบาลได้เตือนให้ผู้ป่วยมาพักที่สถานกักตัว 14 วัน หากเกิดปัญหาใด ให้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ และส่งตัวไปโรงพยาบาลทันที

    ระหว่างที่นายเลี่ยงพักที่โรงแรมที่จัดไว้สำหรับกักตัวผู้ป่วยฯที่ออกจากโรงพยาบาลเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ในวันที่ 2 มี.ค. นายหลี่ เป็นไข้ และเสียชีวิตระหว่างที่เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาล

    563000002318702.jpg
    นาง เหมยได้แสดงหลักฐานหนังสือรับรองการเสียชีวิตของนายหลี่ เลี่ยงที่ออกโดยคณะกรรมาธิการสุขภาพและสาธารณสุขเมืองอู่ฮั่น ในหนังสือรับรองฉบับนี้ได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตของนายหลี่ มาจากโรคปอดอักเสบไวรัสสายพันธุ์ใหม่โดยตรง

    นางเหมยเล่าว่า หลังจากสามีออกจากโรงพยาบาลได้มาพักที่โรงแรมที่จัดไว้สำหรับกักตัวผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลที่เขตฮั่นซี เมืองอู่ฮั่น ระหว่างพักฟื้นได้วันสองวัน สามีบอกว่าปากแห้ง ท้องบวมขึ้นมาหน่อย จนกระทั่งเช้าวันที่ 2 มี.ค. นายหลี่บอกว่าไม่อยากกินอะไร อ่อนเพลียหมดแรงได้แต่นอนที่เตียง ยืนแทบไม่ได้ จึงรีบโทรศัพท์ นางเหมยตกใจมาก โทรกลับไปหาสามีแต่กโทรไม่ติด นางรีบโทรไปที่โรงแรมสถานที่กักตัวฯ เจ้าหน้าที่ก็ปลอบไม่ต้องตกใจ

    ในเช้าวันที่ 2 มี.ค. ราว 10 โมงกว่า หลี่เลี่ยงโทรหาภรรยาอีก ในตอนนั้นมีแพทย์มาตรวจที่ห้องผู้ป่วยพอดี แพทย์บอกนางเหมยว่าสามีนางคงเครียดมาก แต่ต่อมานายหลี่ก็ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และเสียชีวิตตอนเย็นราว 5 โมง

    กลุ่มสื่อรายใหญ่หลายรายในจีนแผ่นดินใหญ่ เดอะ เปแปอร์, นิวส์ ซีน่า, เป่ยจิง นิวส์ เป็นต้น รายงานข่าว “ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบไวรัสสายพันธุ์ใหม่” ชิ้นนี้ แต่ในไม่กี่ชั่วโมงต่อมาข่าวก็ถูกลบออกเรียบ

    อย่างไรก็ตาม ในเย็นวันนี้(5 มี.ค.) เว็บไซต์ข่าว เป่ยจิง นิวส์ (bjnews.com.cn) รายงานคำให้สัมภาษณ์ของนาย หวัง กว่างฟา ผู้เชี่ยวชาญประจำคณะกรรมาธิการสาธาณสุขและสุขภาพแห่งชาติจีน เกี่ยวกับกรณีผู้ป่วย (นายหลี่) ที่เสียชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาลว่า ผลตรวจที่ออกมาเป็น “ค่าลบปลอม” โดยยังมีเชื้ออยู่ในร่างกายที่ดีดกลับมาเป็น “ค่าบวก” แต่ในกรณีนี้อาจเกิดจากการเก็บตัวอย่างที่ผิดพลาด ซึ่งอัตราการเกิดกรณีแบบนี้ต่ำมาก

    563000002318703.jpg

    https://mgronline.com/china/detail/9630000022518
     

แชร์หน้านี้

Loading...