ติดตามสถานะการณ์

สาวกลับจากเกาหลี ไม่กักตัว ตระเวนทำบุญทั่วนครปฐม คนหวั่นมีเชื้อ "โควิด-19"
ชาวนครปฐมผวา สาวเพิ่งกลับจากเกาหลี ไม่กักตัว ใช้ชีวิตปกติ ซ้ำตระเวนทำบุญทั่วเมืองนครปฐม คนหวั่นมีเชื้อ "โควิด-19" ขณะที่ วัดต่างๆ เตรียมมาตรการรับมือ พร้อมทำความสะอาด ฉีดนำ้ยาฆ่าเชื้อ
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

ร้านอาหาร-ร้านกาแฟภูเก็ต ขอปิดร้านบิ๊กคลีนนิ่ง หลังพบผีน้อยโผล่เช็กอิน
หลังโลกโซเชียลแชร์โพสต์ ผีน้อย โผล่เช็กอินกินอาหารนั่งร้านกาแฟที่ภูเก็ต ล่าสุด ทั้ง 2 ร้านได้ประกาศปิดเพื่อทำความสะอาดใหญ่ และฆ่าเชื้อป้องกันโควิด-19 ขณะที่เจ้าของวอนช่วยรับผิดชอบสังคมด้วย
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

เกาหลีใต้ เปิดให้ "ผีน้อย" รายงานตัวผ่านออนไลน์ ช่วยกลับไทยได้เร็วขึ้น
รบ.เกาหลีใต้ เปิดให้ "ผีน้อย" รายงานตัวผ่านระบบออนไลน์ กลับประเทศได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ด้าน ก.แรงงาน เปิดคอร์สฝึกทำหน้ากากอนามัยแบบผ้า แก้ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดตลาด
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

กสิกรไทย ปิดสาขาแหลมฉบัง 14 วัน หลังพบชาวอิตาลีป่วยโควิด-19 ใช้บริการ
ธนาคารกสิกรไทย แจ้งปิดสาขาแหลมฉบัง 14 วัน เพื่อทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค ตั้งแต่วันที่ 5-18 มี.ค.63 เหตุพบผู้ป่วยโควิด-19 เข้าใช้บริการ
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

สัญญาณดี! 14 เมืองในหูเป่ยไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่
สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า คณะกรรมการสุขภาพประจำมณฑลหูเป่ย เปิดเผยข้อมูล ระบุ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกนครอู่ฮั่นเริ่มเบาบางลง หลัง 14 เมืองจาก 17 เมืองและแคว้นในมณฑลหูเป่ย ไม่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่
ขณะที่ข้อมูลตัวเลข เมืองและแคว้นมากกว่า 11 แห่งในหูเป่ยไม่มีบันทึกผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดไวรัสรายใหม่มาตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.
The post สัญญาณดี! 14 เมืองในหูเป่ยไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ appeared first on AMARIN TV HD | อมรินทร์ทีวี ช่อง 34.
Source : #AmarinTV #อมรินทร์ #อมรินทร์ทีวี

 

ยืนยัน! ผีน้อยไทยในเกาหลีใต้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 รายแรก

นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้วว่ามีแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ หรือ ผีน้อย ติดเชื้อ COVID-19 คนแรกที่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นเพศหญิง อายุ 27 ปี ซึ่งกระทรวงแรงงาน ได้เข้าไปดูแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่าอาการไม่รุนแรง ซึ่งหลังจากได้รับการติดเชื้อ ทางเกาหลีใต้ได้นำรถมารับเข้าไปดูแลที่โรงพยาบาลทันที และตอนนี้กำลังดูสามีของแรงงานคนนี้เพิ่มเติมด้วย

ทั้งนี้ขอยืนยันว่า มีผีน้อย ติดเชื้อ COVID-19 คนแรกที่เกาหลีใต้ และได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกาหลี อาการไม่รุนแรงและเฝ้าระวังเพิ่มสามีคนไทยอีก 1 คน แต่ยังไม่พบว่าป่วย

รองปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่า สำนักแรงงานไทยในเกาหลีมีแผนในการเฝ้าระวังและให้ข้อมูลข่าวและการเป็นศูนย์กลางในการติดต่อสำหรับแรงงานในเกาหลีใต้ ซึ่งขณะนี้มีแรงงานบางส่วนเดินทางกลับมาไทยก่อนที่จะมีการระบาดหนักที่เกาหลีใต้แล้ว พร้อมกันนี้ยังขอประสานกับตม.เกาหลีใต้ เพื่อขอรายชื่อแรงงานผิดกฎหมายทั้งหมดที่จะเดินทางกลับมาไทย เพื่อเฝ้าระวังโรคเมื่อเดินทางถึงไทยและกลับยังภูมิลำเนา

The post ยืนยัน! ผีน้อยไทยในเกาหลีใต้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 รายแรก appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

ตัวแทนผีน้อย ขอเปิดใจ! “ไม่ได้ว่า แต่น้อยใจที่โดนดูถูก” (คลิป)

รายการ “เรื่องลับมาก (NO CENSOR)” ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.55 – 14.50 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันที่ 5 มี.ค. 63 “ดร. เสรี วงษ์มณฑา” ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “คุณน้อย” หนึ่งในแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่เกาหลี

อยู่ในสายกับผีน้อย ชื่อคุณน้อย ทำอะไรอยู่เกาหลี?

น้อย : “ตอนนี้ทำงานร้านหมูกระทะค่ะ ตอนนี้สถานการณ์แทกู ถามว่าแรงมากมั้ยก็แรง ยอดคนป่วยเพิ่มขึ้น เราหยุดตั้งแต่โรคนี้แพร่เชื้อ ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดทำการตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เราก็อยู่แต่ในห้องพัก รายได้เขาจ่ายครึ่งนึงค่ะ”

กลัวมั้ย?

น้อย : “ก็กลัวนะคะ ตอนนี้ก็อยู่แต่ในบ้าน เวลาออกไปข้างนอก ไปจ่ายตลาด ซื้อกับข้าวก็แต่งตัวมิดชิด มีแมส มียาฆ่าเชื้อ มีเจลล้างมือ”

ทำไมไม่คิดกลับไทย?

น้อย : “ก็ดูไปก่อนว่าเขาจะมีงานให้เราทำเมื่อไหร่ แล้วอยู่ที่นี่ก็มิดชิดดีค่ะ การป้องกัน การดูแลของนายจ้างที่นี่ เขาก็ดูแลเราดี เขาไม่ได้รังเกียจเราเหมือนคนไทยค่ะ”

ทำไมคิดว่าคนไทยรังเกียจ?

น้อย : “ก็ดูมาจากในข่าวค่ะ แม้แต่ดร.ที่เรียนมาสูงๆ ก็ยังตั้งตัวรังเกียจค่ะ จากที่เราดูในข่าว ทางคนกลุ่มน้อยที่จะพึ่งพาคนที่เรียนจบคนเรียนสูงๆ คนมีอำนาจ แต่เรากลับพึ่งพาไม่ได้ ทำให้เราเสียความรู้สึกค่ะ”

ถ้าคุณน้อยจะกลับ?

น้อย : “อันนี้ไม่ได้พูดนะคะว่าเมืองไทยไม่ดี เพียงแต่ที่ดร.ถามน้อยว่าทำไมไม่คิดจะกลับ เพราะทางนี้ก็ดูแลเราดี และอีกอย่างถ้าเรากลับไปไทยก็ไม่รู้จะไปทำอะไร งานที่ไทยรายได้ก็น้อย ไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้กินอิ่ม ให้ลูกเรียนหนังสือได้ ถ้าเราอยู่ที่โน่นค่าใช้จ่ายเพียงพอ เราคงไม่ดิ้นรนออกต่างประเทศนะคะ”

ทางเกาหลีให้รายงานตัว จะมีโทษอะไรมั้ยที่เข้าไปแบบผิดกฎหมาย?

น้อย : “ก็ไม่นะคะ เมื่อวานเพื่อน พี่สาวก็ไปรายงานตัว เขาก็ต้อนรับดี ทางตม. ตร. เจ้าหน้าที่แนะนำดีทุกอย่าง”

เพื่อนคนไทยอยู่เยอะมั้ย?

น้อย : “ทุกๆ คนตอนนี้อยู่ในความดูแลของนายจ้าง นายจ้างไม่ให้ออกไปไหน อย่างที่เราออกไป เขาจะออกเท่าที่จำเป็น กฎหมายบ้านเขาถ้ารัฐบาลขอเขาก็จะไม่ออกไปเพ่นพ่าน จะออกไปแค่จับจ่ายใช้สอยรีบไปรีบกลับ ประมาณนี้ค่ะ”

คนที่รู้จักส่วนใหญ่ เขาอยากกลับหรือไม่กลับเมืองไทย?

น้อย : “คนที่อยากกลับคือคนมานานแล้ว อายุเยอะแล้ว แม่เขาก็อายุเยอะแล้ว ที่บ้านอยากให้กลับอะไรแบบนี้ค่ะ แต่คนที่อายุยังน้อย เพิ่งมาได้ไม่นาน เขาก็ยังไม่กลับค่ะ”

มีความน้อยอกน้อยใจที่ถูกเรียกผีน้อย หรือกลับมาเมืองไทยแล้วจะเจออะไร?

น้อย : “ก็รู้สึกว่าทำไมคนไทยด้วยกันต้องตั้งแง่รังเกียจกัน ต้องว่าต่างๆ นานา ตอนนี้รัฐบาลเขาก็ทำดีอยู่แล้วค่ะ ช่วยเหลือป้องกันโรค ตรวจโรค กักกันเขาก็ทำดีแล้วตามที่ดูจากอาจารย์หมอ แต่ดูจากทนายพูด มันไม่เข้าหูเลยค่ะ”

คุยกับ “คุณปลา” มีน้องชายและน้องสะใภ้กลับมาจากเกาหลีและไม่ได้เก็บตัว ไปโน่นมานี่ เขาไปอยู่เกาหลีทำอะไร?

ปลา : “ทำสวนกุหลาบค่ะ ทำสวน ทำฟาร์ม ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ ตั้งแต่วันที่ 27 ตั้งแต่ได้ยินข่าวโรคระบาด ครอบครัวเป็นห่วง เลยให้เขากลับมา เขาซื้อตั๋วกลับมาเองค่ะ”

น้องชายและน้องสะใภ้ไม่ได้อยู่บ้าน?

ปลา : “ยอมรับค่ะ น้องไปตรวจแล้วค่ะ คุณหมอก็บอกว่าอาการปกติ แต่ให้เก็บตัวภายใน 14 วันในระยะฟักไข่ ตอนนี้เขาเก็บตัวแล้วค่ะ อยู่บ้านมา 3 วันแล้วค่ะ ทางเราก็สำนึกผิด จิตใต้สำนึกก็ไม่อยากแพร่เชื้ออะไรนะคะ ก็สำนึกผิดที่ไม่ได้เก็บตัวตั้งแต่แรก ตอนนี้ทางเราโดนโจมตีด่าถึงโคตรเหง้า เราก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ขอโทษสังคมด้วยนะคะ เตือนหลานแล้ว หลานก็ไม่สบายใจ ทุกคนก็สำนึกผิด ทางเราก็ยินดีปฏิบัติตามที่รพ.บอก ถ้าจะให้น้องเราไปกักตัวที่รพ. เราก็ยินดีทำทุกอย่างที่ทำให้ทุกฝ่ายสบายใจค่ะ”

เขาจะกลับไปอีกมั้ย?

ปลา : “ถามน้องแล้วไม่คิดจะกลับไปค่ะ”

The post ตัวแทนผีน้อย ขอเปิดใจ! “ไม่ได้ว่า แต่น้อยใจที่โดนดูถูก” (คลิป) appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

กระทรวงหมอส่ายหัว “เสี่ยหนู”
เมื่อ รมต.สาธารณสุข
ไม่ได้ถูกแต่งตั้งเพื่อรับมือกับปัญหา “สาธารณสุข”
•
•
เข้าสู่เดือนที่ 2 ของการระบาดของโรคโควิด-19 เสียงบ่นของคนกระทรวงสาธารณสุข ที่ส่งผ่านไปถึงผู้บริหาร อย่างอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ก็ดูจะดังมากขึ้นเรื่อย ๆ
•
สิ่งสำคัญก็คือต้นทุนของการเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก เริ่มจะหมดไป เพราะคนที่อยู่ “หน้างาน” ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ รพ.สต. ไม่เว้นแม้กระทั่งโรงพยาบาลเอกชน ล้วนต้องทำงานหนัก หามรุ่งหามค่ำ เพื่อรับมือกับโคโรนาไวรัส
•
เพราะปัจจุบัน การ “คัดกรอง” ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ที่เดินทางมาจากจีน (ที่ไทยยังเปิดรับอย่างต่อเนื่องและไม่เคยปิดรับ ไม่เคยผ่อนปรนยกเลิก Visa on Arrival) เท่านั้น แต่ยังมีผู้ที่เข้าข่ายมาจากประเทศ “เฝ้าระวัง” อื่น ๆ เดินทางเข้าไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากอิหร่าน เกาหลี อิตาลี ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศในยุโรปที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล
•
นั่นทำให้จำนวนผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคมากขึ้นเรื่อย ๆ ทะลุหลักพันคนมาสักระยะหนึ่งแล้ว และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไป
•
แต่นโยบายกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะจาก “เจ้ากระทรวง” อย่างอนุทินนั้น กลับไม่แน่นอน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด
•
เพราะในวันที่ฝ่าย “หมอ” อย่างข้าราชการ อย่างนักระบาดวิทยา ขอให้ผู้ที่เดินทางไปในประเทศเฝ้าระวังกักตัวเอง 14 วัน แต่เมื่อมี สส. ของพรรคร่วมรัฐบาล และมีรัฐมนตรีหลายคน เดินทางไปในพื้นที่ระบาด โดยไม่ใส่หน้ากาก และยังมาทำงานตามปกติ เข้าประชุมสภา เข้าพบประชาชน เสี่ยหนู ก็บอกว่าไม่มีนโยบายให้ “กักตัว” เพียงแต่ต้องดูแลตัวเอง
•
ขณะเดียวกัน เมื่อกระทรวงหมอ และบรรดา Influencer รณรงค์ให้ “คนไทย” ที่ไปต่างประเทศกักตัวเอง 14 วัน แต่นักท่องเที่ยวทั้งจากจีน จากประเทศเอเชียที่มีคนติดเชื้อหลักพัน หรือยุโรป ที่มีผู้ติดเชื้อหลักร้อย ยังสามารถเดินร่อนไปมาอยู่แถวราชประสงค์ สยาม สีลม สุขุมวิท เชียงใหม่ ภูเก็ต จนเอาเชื้อไปแพร่ต่อพ่อค้าแม่ค้า คนขับรถรับจ้าง อีกหลายคน จากการที่รัฐบาลยังปล่อยให้คนเหล่านี้เข้ามาตามปกติ ก็ทำให้ผู้เข้าข่าย “เฝ้าระวัง” มากขึ้น โรงพยาบาล-เจ้าหน้าที่ ก็ทำงานหนักขึ้น ตามไปอีก
•
ปัญหาก็คือ แทบไม่มีการสนับสนุนใด ๆ จากกระทรวงสาธารณสุข ทั้งในด้านการจัดกำลังคนเพื่อให้เหมาะสมกับหน้างาน การจัดระบบคัดกรองที่เข้มงวดขึ้น และที่สำคัญ ชุดป้องกันเชื้อ PPE ชุดตรวจเชื้อ หรือกระทั่งหน้ากากอนามัยสำหรับบุคลากร ก็ยังไม่เพียงพอ
•
หลายโรงพยาบาล เบิกหน้ากากได้เวรละ 1 ชิ้น บางโรงพยาบาลต้องทำหน้ากากผ้ากันเองเพื่อแจกบุคลากร แต่ “เสี่ยหนู” กลับนำหน้ากากที่บอกว่า “เหลือ” จากการแจกบุคลากร ไปแจกประชาชนฟรีๆ..
•
ขณะเดียวกัน ในมุมมองสาธารณชน ก็เห็นตรงกันว่ารัฐบาลชุดนี้ และกระทรวงสาธารณสุขเอง ไม่ได้บอกความจริงกับประชาชนมากพอ
•
เพราะในขณะที่ประเทศอื่นบอกอย่างละเอียดว่า คนไข้แต่ละราย ติดเชื้อที่ไหน จากกิจกรรมอะไร เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัว และระมัดระวัง “กิจวัตรประจำวัน” บางอย่าง ที่อาจสุ่มเสี่ยงต่อการติดโรค
•
แต่ในบ้านเรา แทบไม่รู้เลยว่า แต่ละคนติดเชื้อจากใคร จากสถานที่ใด จากกิจกรรมอะไร รู้เพียงแต่ว่าคนไข้เข้าโรงพยาบาลไหนเท่านั้น...
•
เมื่อยิ่งไม่รู้ ข่าวลือก็ยิ่งกระจาย ยกตัวอย่างเช่นผู้ติดเชื้อรายที่ 42 ที่บอกว่าเป็นพนักงานขายที่ใกล้ชิดกับชาวต่างชาตินั้น ถูกลือว่าเป็นพนักงานแทบจะทุกห้าง โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าทำงานที่ไหน
•
แต่ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ แทบไม่มีใครรู้ว่ารายที่ 42 ติดเชื้อจากใคร และผู้ติดเชื้อที่แพร่ให้ผู้เคราะห์ร้ายรายที่ 42 นั้นก็เดินทางไปไหนต่อไหนแล้ว
•
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากประเทศไทยจะประกาศตัวเข้าสู่ “ระยะ3” ของการระบาดในอีกไม่นานนี้
•
สิ่งที่ชัดเจนอีกอย่างก็คืออนุทินนั้น “มีปัญหา” กับการรับมือในสถานการณ์วิกฤต คำพูดของอนุทิน ไม่เคยสร้างความเชื่อมั่นได้กับทั้งข้าราชการระดับน้อยใหญ่ของกระทรวง และกับประชาชนทั่วไป
•
หนึ่งในตัวอย่างที่ดีก็คือการโพสต์ประกาศเรื่องพื้นที่เสี่ยง 9 ประเทศ แล้วระบุว่า คนที่เดินทางจากประเทศเหล่านี้ ต้อง “กักกันตัวเอง” 14 วัน แล้วในเวลาต่อมา ก็ต้องรีบ “ลบ” ประกาศ แล้วลบทั้งเพจออกไป โดยเจ้าหน้าที่ ต้องออกมารับหน้าแทน ยืนยันภายหลังว่า จะมีการแก้ไขบางอย่าง
•
หรือการออกมายืนยันว่า “หน้ากาก” ที่มีอยู่ในสต๊อกของหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขนั้นมีเพียงพอเหลือเฟือ ทั้งที่ในความเป็นจริง เหลือหน้ากากอีกเพียงน้อยนิด ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเข้า “เฟส 3” สมบูรณ์แบบ โรงพยาบาลน้อยใหญ่จะรับมืออย่างไร เพราะในขณะนี้แค่ให้บริการทั่วไป หน้ากากจะพอใช้ได้ถึงอาทิตย์หน้าหรือเปล่าก็ยังไม่รู้
•
แต่รัฐมนตรีสาธารณสุข ยังคงท่องคาถาว่าหน้ากากที่มีนั้นเพียงพอ...
•
ชัดเจนว่าอนุทิน ได้ใช้ “ต้นทุน” ของการเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดีที่สุด อันดับ 6 ของโลก ไปจน “เกลี้ยง” แล้ว
•
นั่นทำให้ข้อมูลของโรคนี้ ทั้งจริงและไม่จริง ถูกแชร์ต่อผ่านคำพูดของหมอคนอื่น ๆ และคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่หมอ มากกว่ารัฐมนตรี และมากกว่าจากรัฐบาล
•
แม้กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นกระทรวงเกรดเอ มีงบประมาณเป็นลำดับต้น ๆ มี สส.เจ้าของมุ้ง ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาเป็นเจ้ากระทรวงอยู่บ้าง แต่ในช่วงหลัง รับรู้กันดีว่า กระทรวงนี้ “เจ้าที่” อย่างข้าราชการนั้น “ของแรง” รมว.สาธารณสุขส่วนใหญ่จึงเป็นหมอมาตลอด ซึ่งก็เป็นข้อดี เพราะเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน ที่ต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็วฉับไว หมอจะตัดสินใจได้อย่างรอบด้านกว่า
•
แต่อนุทินไม่ใช่หมอ และไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับวิกฤตแบบนี้ เสี่ยหนู เป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้ โดยมีวาระส่วนตัวหลายอย่าง กัญชาก็เรื่องหนึ่ง แบนสารพิษก็เรื่องหนึ่ง และเพิ่มค่าตอบแทน อสม. หาทางเพิ่มคะแนนเสียงให้กับภูมิใจไทย ก็เป็นอีกวาระหลัก
•
เมื่อเจอวิกฤตแบบโคโรนาไวรัส 2019 เสี่ยหนูจึงออกอาการ “เป๋” และหลายครั้งดูจะตัดสินใจไม่ทันการณ์ หลายเรื่องยึกยักไปมา และหลายเรื่องก็ไม่กล้าตัดสินใจ
•
ด้วยเหตุนี้คนในกระทรวงหมอหลายคนจึงรู้สึกผิดหวัง ที่เจ้ากระทรวงทำหน้าที่ได้ไม่สมบทบาท แม้จะมีตำแหน่ง “รองนายกฯ” นำหน้าก็ตาม
•
อย่างไรก็ตาม วิกฤตไวรัสจะยังไม่จบง่าย ๆ เสี่ยหนูจะยังมีเวลาแก้ตัวต่อไป และคงไม่มีใครไปไล่ หรือขอให้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรี เพราะลำพังหน้างานในการต่อสู้กับไวรัสก็หนักหนาอยู่แล้ว
•
คนกระทรวงสาธารณสุข และคนนอกกระทรวงสาธารณสุข จึงได้แต่หวังว่าจะมีวันหนึ่งที่เสี่ยหนูจะแสดงภาวะผู้นำ และตัดสินใจอะไรบางอย่างที่ “เข้าท่า” มากขึ้นเสียที

#COVID19

 

...ช่วงเวลาสำคัญของโควิด-19...

ดวงการอุบัติใหม่ของไวรัสโควิด-19 ถือเอาเหตุการณ์สุริยคราส 26 ธันวาคม 2562 เวลา 13:14 น. ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน พิกัดภูมิศาสตร์ ลองกิจูด 114:17:17 องศาตะวันออก ละติจูด 30:35:14 องศาเหนือ Timezone -8

ลัคนาอยู่เมษ ที่ 0:38 องศา อังคาร-ดาวเจ้าเรือนลัคน์และเรือนมรณะอยู่พิจิก ที่ 0:22 องศา เป็นเกษตร์ในภพมรณะ

เพราะเชื้ออุบัติขณะที่ "พฤหัสดับร่วมคราส" พฤหัสเป็นดาวเจ้าเรือนภพ 9 (ต่างประเทศ แดนไกล) ดังนั้น ยิ่งเชื้อแพร่ไปไกลจากอู่ฮั่นเท่าไหร่ ยิ่งรุนแรง-ร้ายแรง-อันตรายมากขึ้นเท่านั้น

พฤหัสจรเข้ามังกร-เป็นนิจจ์ ตั้งแต่ 30 มีนาคม - 30 มิถุนายน พฤหัสจรร่วมเสาร์-ดาวเจ้าเรือนภพ 10 อังคาร-ดาวเจ้าเรือนมรณะเข้ามังกร-เป็นอุจจ์ 22 มีนาคม - 4 พฤษภาคม

ดังนั้น ช่วงที่อังคารอุจจ์-พฤหัสนิจจ์-เสาร์เกษตร์-(ร่วมพลูโต) จรในมังกร 30 มีนาคม - 4 พฤษภาคม คือช่วงที่มี "ความเป็นไปได้สูงมาก" ที่จะเกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว-รุนแรง-กว้างไกลไปทั่วโลก

แต่มีตัวช่วยสำคัญคือ อาทิตย์

ไวรัสอุบัติขึ้นขณะเกิดสุริยคราส (อาทิตย์ดับ) อาทิตย์จึงเป็น "กุญแจสำคัญ" ดอกหนึ่งในการไขความลับของไวรัสนี้

อาทิตย์เข้าเมษ-เป็นอุจจ์ 13 เมษายน เวลา 21:53 น.

อาทิตย์อุจจ์เข้มแข็ง-สว่างไสว-ร้อนแรง ตรีโกณถึงจุดคราสกำเนิด จึงช่วยลดทอนอิทธิพลด้านลบทั้งหลายของการแพร่ระบาดลงไป

ดังนั้น ช่วงสำคัญที่ควรระมัดระวังให้มากช่วงแรก คือ 30 มีนาคม - 14 เมษายน 2563

(ในบทความ "วิกฤติไวรัสถล่มโลก" เผื่อไว้ตั้งแต่อังคารยกคือ 22 มีนาคม)

ช่วงที่ 2 สำคัญและอันตรายยิ่งกว่า คือ 18 มิถุนายน - 17 กรกฎาคม ซึ่งเป็นฤดูฝนของไทย (ไวรัสกลับมาอีกครั้งหลังจากผ่านฤดูร้อน และสร้างปัญหาได้มากกว่า)

สาเหตุคือ 2.1 พุธวิกลคติพักรในเมถุน

พุธเป็นดาวเกษตร์ราศีเมถุนที่ราหู-ดาวเจ้าการไวรัสตัวนี้สถิตอยู่ พุธถอยหลังและร่วมราศีกับราหูอีกสถานหนึ่ง

เมถุน หมายถึง อากาศ / การหายใจ / ปอด / ทางเดินหายใจ ฯลฯ

2.2 อังคารยกเข้ามีน - ภพวินาศในวันเดียวกัน ดาวมรณะเข้าวินาศ ไม่ได้หมายความว่าหมดฤทธิ์ แต่หมายถึงออกฤทธิ์ "อย่างลับ ๆ" ต่างหาก

อังคารยังส่งกำลังเป็นเกณฑ์ 4 ไปยังพุธ-ราหูในเมถุนอีกด้วย

2.3 อาทิตย์เข้าเมถุนตั้งแต่ 15 มิถุนายน อาทิตย์ (ตัวช่วยสำคัญ) สวนราหูและถูกเกณฑ์ 4 จากอังคาร-ดาวมรณะด้วย จึงอ่อนกำลังลงไป

2.4 ข้อนี้สำคัญที่สุด เกิดสุริยคราส 21 มิถุนายน เวลา 13:42 น. ที่ 6:13 องศาในราศีเมถุน คราสนี้เล็งคราสกำเนิดของไวรัสโควิด (ภายใน Orb 4 องศา)

สุริยคราสนี้จะกระตุ้นอิทธิพลด้านร้ายของไวรัสขึ้นมาอีกครั้ง มันจะมีฤทธิ์มากขึ้นอีก (หรือจะกลายพันธ์ ?)

คราสมีกำลังสูงสุด +/- 7 วัน แต่ยังมีกำลังแรงมากภายใน 30 วันให้หลัง

ช่วงอันตรายจึงควรเป็น 18 มิถุนายน - 21 กรกฎาคม แต่เนื่องจากอาทิตย์จรเข้ากรกฏ-ภพ 4 อันเป็นภพเกณฑ์ จึงมีกำลังกล้าแข็งอีกครั้งในวันที่ 16 กรกฎาคม ช่วยลดความร้ายลงไป (ในบทความแถมให้ 1 วัน เป็น 17 เพราะอาทิตย์เป็นวรโคตมนวางค์และ 90 ลัคน์พอดี)

ช่วงอันตรายที่ควรระมัดระวังให้มากกกก.... คือ 18 มิถุนายน - 17 กรกฎาคม 2563

หลัง 19 กันยายน ราหูยกเข้าพฤษภ ไวรัสจะหมดฤทธิ์ไปเอง สถานการณ์จะดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการระบาดอีก มันยังมีโอกาสที่ผู้คนจะติดเชื้ออยู่จากไวรัสที่ตกค้างในสภาพแวดล้อมและผู้ป่วยที่ยังไม่หาย

อังคารเข้าเมษแท้จริง 24 ธันวาคม (หลังจากถอยหลังในเมษ-มีน 10 กันยายน - 14 พฤศจิกายน)

อังคารเป็นตนุลัคน์และดาวเจ้าเรือนมรณะ อังคารเดิมเป็นเกษตร์ในภพมรณะด้วย เมื่อจรทับลัคน์สนิท (วันที่ 25 +/- 5 วัน) การแพร่ระบาดจะสิ้นสุดยุติโดยสมบูรณ์

หรือถ้ายุติไปก่อนหน้าแล้ว ก็จะมีการค้นพบ "วัคซีน" ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง อันเป็นการ "ทำลาย" การแพร่ระบาดของมันในอนาคต (โควิด-19 อาจกลายเป็นโรคประจำถิ่นที่ระบาดตามฤดูกาล แต่ไม่ส่งผลร้ายแรงอีกต่อไป เหมือนกรณีไข้หวัดใหญ่ 2008 ที่กลายเป็น Flu-A และ Flu-B)

นี่คือคำอธิบายสำหรับ "ที่มา" ของคำทำนาย หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจโหราศาสตร์ทุกท่านครับ

ธนูเกณฑร์ (5/3/2020)

 

ป้ายพุทธานุสรณ์

ป้ายศิลาสลักเรื่องในชาดกและพระสูตรและอดีตพระพุทธเจ้า เป็นที่นิยมสร้างขึ้นกันมากในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ (หนานเป่ยเฉา) ที่จีนแตกเป็นอาณาจักรต่างๆ แม้จะมีความแตกแยกทางการเมือง แต่พุทธศาสนายุ่งเรืองยิ่งนักในอาณาจักรทั้งฝ่ายเหนือและใต้

ป้ายศิลานี้สร้างขึ้นในยุคอาณาจักรตงเว่ย (ค.ศ. 534–550) ความสูงถึง 3.08 เมตร สร้างขึ้นในปีค.ศ. 533 – 543 สลักเรื่องวิมลกีรตินิเทศสูตร ปริเฉทที่ ๗ ว่าด้วย
สรรพสัตว์วิทรรศนะวรรค เป็นการเสวนาธรรมระหว่างอุบาสกวิมลกีรติกับพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ และการสนทนาธรรมระหว่างพระสารีบุตรกับเทพธิดาในบ้านของอุบาสกวิมลกีรติ

พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ได้ถามวิมลเกียรติคฤหบดีว่า “พระโพธิสัตว์ พึงเพ่งพิจารณาสรรพสัตว์โดยประการอย่างไร?”

ท่านวิมลเกียรติตอบว่าให้พิจารณาสรรพสัตว์เหมือนมายา คือไม่มีอยู่จริง เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายเป็นสุญญตา เปรียบได้กับ "เปรียบด้วยผู้มีปัญญาแลดูซึ่งเงาดวงจันทร์ในท้องน้ำ ฤๅเปรียบด้วยการแลดูฉายาแห่งตนในกระจก " (สำนวนแปลของอาจารย์เสถียร โพธินันทะ)

กล่าวคือ สรรพสิ่งและสรรพสัตว์เป็นมายา คือปรุงแต่งขึ้นมาไม่มีอยู่จริง เหมือนกับภาพสะท้อนของเงาจันทร์ในน้ำ และเงาตัวเราในกระจก

เก็บรักษาไว้ที่ The Metropolitan Museum of Art

 

คลังพุทธศาสนา

มหาสมาชสูตร

มหาสมาชสูตร (Mahāsamājasūtra) หรือในภาษาจีนว่า "ต้าซานมั๋วเหญ่จิง" (大三摩惹經) คือมหาสมัยสูตรของพระไตรปิฎกภาษาบาลี พระสูตรนี้แปลจากสันสกฤตเป็นภาษาจีนในสมัยราชวงศ์ซ่ง โดยพระฝ่าเทียน และยังเป็นภาษาทิเบตด้วย

ใจความเหมือนกับมหาสมัยสูตรภาษาบาลีคือกล่าวถึงเทพยดาทั้งหลายที่มาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ที่ป่าชานกรุงกบิลพัสดุ์ แต่รายละเอียดของพระสูตรบาลีและสันสกฤตต่างกันบ้าง แต่เป็นพระสูตรที่เป็นมงคลยิ่ง ว่ากันว่าสวดแล้วจะมีเทวดามาชุมนุมกันมาก เพราะเป็นพระสูตรที่เทวดารัก

ความในภาษาสันสกฤตมีดังนี้

มหาสมาชสูตฺร

เอวํ มยา ศฺรุตมฺ ฯ เอกสฺมิํ สมเย ภควํา ศากฺเยษุ วิหรติ วเน กาปิลวสฺตเว สารฺธมฺ ปญฺจภิรฺ ภิกฺษุศไตะ สรฺไวรฺ อรฺหทฺภิะ กฺษีณาสฺรไวะ กฤตกฤไยะ กฤตกรณีไยรฺ อวหฤตภาไรรฺ อนุปฺราปฺตสฺวการฺไถะ ปริกฺษีณภวสํโยชไนะ สมฺยคาชฺญยา สุวิมุกฺตจิตฺไตะ ฯ ตตฺร ภควํา ภิ กฺษุสํฆสฺย นิรฺวาณปฺรติสํยุกฺตํา ธรฺมิกถามฺ กถยติ สฺม ฯ อปิ ตตฺร ทศมหาโลกธาตุ มหาศากฺยมหาศากฺยา เทวตา สนฺนิปติตา ภควนฺตมฺ อุปาสเต ภิกฺษุสํฆญฺ จ ฯ

อถ ขลุ จตสฤณํา พฺรหฺมโลกนิวาสิกานํา เทวตานํา พฺรหฺมกายิกานามฺ เอตทฺ อภวตฺ ฯ อทฺย ขลุ ภควํา ศากฺเยษุ วิหรติ วเน กาปิลวสฺตเว สารฺธํ ปญฺจภิรฺ ภิกฺษุศไตะ สรฺไวรฺ อรฺหทฺภิะ ปูรฺววทฺ ยาวทฺ ภิกฺษุสํฆญฺ จ ฯ ยนฺ นุ วยํ คตฺวา ปฺรตฺเยกปฺรตีกฺษา ภควนฺตํ ภิกฺษุสํฆญฺ จ คาถาภิรฺ อภิษฺฏเวยาม ฯ

อถ จตโสฺร พฺรหฺมกายิกา เทวตาสฺ ตทฺยถา พลวํา ปุรุษะ สํมิํชิตํ วา พาหุํ ปฺรสารเยตฺ ปฺรสาริตํ วา สํมิํชเยทฺ เอวมฺ เอว จตโสฺร พฺรหฺมกายิกา เทวตา พฺรหฺมโลเก อนฺตรฺหิตา ภควตะ ปุรตะ ปฺรติตสฺถุะ ฯ เอกานฺตสฺถิตา เอกา พฺรหฺมกายิกา เทวตา ตสฺยํา เวลายํา คาถํา พภาเษ ๚

มหาสมาชะ ปฺรวเณ
เทวกายาะ สมาคตาะ ฯ
อปราชิตสํฆํ หิ
ทฺรษฺฏุมฺ อภฺยาคตา วยมฺ ๚

ทฺวิตียา พฺรหฺมกายิกา เทวตา คาถํา พภาเษ ๚

ฤชุภูเตน จิตฺเตน
ปฺรทธตฺยฺ อตฺร ภิกฺษวะ ฯ
รถีว เนตฺราณฺยฺ อาทาย
สํรกฺษํตีนฺทฺริยาณิ หิ ๚

ตฤตียา พฺรหฺมกายิกา เทวตา คาถํา พภาเษ ๚

สํปฺรทาลฺย ขลุ กีลมฺ อเนยา
อินฺทฺรกีลํ ปริฆํ ปริขํ จ ฯ
เต จรนฺติ ศุทฺธา วิมฺลาศฺ จ
นายเกน ทานฺตาะ ศิศุนาคาะ ๚

จตุรฺถี พฺรหฺมกายิกา เทวตา คาถํา พภาเษ ๚

เย พุทฺธํ ศรณํ ยานฺติ
น เต คจฺฉนฺติ ทุรฺคติํ ฯ
ปฺรหาย มานุษานฺ กายานฺ
ทิวานฺ กายานฺ อุปาสเต ๚

อิตฺยฺ อุกฺตฺวา จตโสฺร พฺรหฺมกายิกา เทวตาสฺ ตไตฺรว สฺถาเน ’นฺตรฺหิตาะ ๚

อถ ภควํา สรฺวํา เทวปริษทมฺ อวโลกฺย ภิกฺษูนฺ อามนฺตฺรยติ สฺม ฯ สุมหํา พตายํ ภิกฺษโว เทวตาสํนิปาตะ สุมหํา พตายํ ภิกฺษโว เทวตาสํนิปาโต มม ปริษทฺยฺ เอตรฺหิ ฯ เย ’ปิ เต อตีเต ’ธฺวนิ ตถาคตา อรฺหนฺตะ สมฺยกฺสํพุทฺธาสฺ เตษํา อปิ พุทฺธานํา ภควตํา เอตาวทฺ เทวตานํา สํนิปาโต พภูว ตทฺยถา มม ปริษทฺยฺ เอตรฺหิ ฯ เย ปิ เต อนาคาเต ’ธฺวนิ ตถาคตา อรฺหนฺตะ สมฺยกฺสํพุทฺธาสฺ เตษามฺ อปิ พุทฺธานํา ภควตามฺ เอตาวทฺ เทวตานํา สํนิปาโต ภวิษฺยติ ตทฺยถา มม ปริษทฺยฺ เอตรฺหิ ฯ วกฺษฺยามิ โว ภิกฺษโว เทวตานํา นามานิ กีรฺตยิษฺยามิ เทวตานํา นามานิ ฯ ศฤณุต มม ภาษิตมฺ ฯ
…
หิตาตฺมนะ สมาหิตาะ ฯ
ปฤถกฺสิํหาอิว …
… ปฺรตาปินะ ฯ
อวทาตมนสะ ศุทฺธา
วิปฺรสนฺนา อนาวิลาะ ฯ
ศฺริตา เทวมนุษฺเยษุ
ยาวทฺ พฺรหฺมฺ … มฤตฺยุหายินะ ๚

ไศกฺษา ทฺวิปญฺจศตกํ
ศตญฺ จ ทศ จาปเร ฯ
อเนกานิ สหสฺราณิ
ไทวตานิ นฺยเวทยนฺ
อนนฺตมฺ อปิ นาไมเก
สฺผุฏาะ สรฺวทิโศ ’ภวนฺ ๚

ตําศฺ จ พุทฺโธ หฺยฺ อภิชฺญาย
วฺยวโลกฺย ตถาคตะ ฯ
อถามนฺตฺรยติ ศาสฺตา
ศฺราวกาญฺ ฉาสเน รตานฺ ๚

เทวกายา อภิกฺรานฺตา
นิศมยต ภิกฺษวะ ฯ
เตษํา นามานิ วกฺษฺยามิ
คาถาภิรฺ อนุปูรฺวศะ ฯ
เอกาคฺรมนโส ภูตฺวา
ศฤณุต มม ภาษิตมฺ

ยกฺษาณํา สปฺตสาหสฺรา
วเน กาปิลวสฺตเว ฯ
อวภาสยิตฺวา ติษฺฐนฺติ
เวนํ กาอิลวสฺตวมฺ ๚

เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา
เย ไจษํา สหโคจราะ
ฤทฺธิมนฺโต ทฺยุติมนฺโต
วรฺณวนฺโต ยศสฺวินะ ฯ
วนฺทมานา อภิกฺรานฺตา
ภิกฺษุณํา สมิติํ วเน ๚

สาตาคิริสฺ ตฺริสาหสฺระ
…
[อวภาสยิตฺวา ติษฺฐนฺติ
วนํ กาปิลวสฺตวมฺ ๚]

ส จาปิ สมิติมฺ อายโต
เย จาสฺย สหโคจราะ
ปูรฺววตฺ ฯ

ษตฺษาหสฺรา ไหมวตาะ
สรฺเว นานาตฺววรฺณินะ ฯ
อวภาสยิตฺวา ติษฺฐนฺติ
เวนํ กาปิลวสฺตวํ ๚

เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา
เย ไจษํา สหโคจราะ
ปูรฺววตฺ ฯ

อิตฺยฺ เอเต โษฑศ ยกฺษสหสฺราะ
สรฺเว นานาตฺววรฺณินะ
อวภาสยิตฺวา ติษฺฐนฺติ
เวนํ กาปิลวสฺตวมฺ ๚

เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา
เย ไจษํา สหโคจราะ
ปูรฺววตฺ ฯ

วิศมิตฺระ ปญฺจศโต
วิศฺวเทโว มหรฺทฺธิกะ
อวภาสยิตฺวา ติษฺฐนฺติ
วนํ กาปิลวสฺตวมฺ ๚

เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา
เย ไจษํา สหโคจราะ
ปูรฺววตฺ ฯ

กุมฺภีโร ยกฺโษ ราชคฤเห
วิปุเล ’สฺมิํ นิวาสิกะ
ภูยะ ศตสหเสฺรณ
ยกฺษาณํา ปรฺยุปาสฺยเต

เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา
ปูรฺววตฺ ฯ

ปูรฺวานฺ ทิศมฺ อภิปาลยติ
ราชา มหาราชา ฯ
คนฺธรฺวาธิปตี ราชา
ธฤติราษฺฏฺร อิติ นาม ส
รมเต ’เสา นฤตฺตคีเตน
ชฺญาติภิะ สหิตะ สทา ฯ

ส จาปิ สมิติมฺ อายาโต
ปูรฺววตฺ ฯ

[ทกฺษิณานฺ ทิศมฺ อภิปาลยติ
ราชา มหาราชา
กุํภาณฺฑาธิปตี ราชา
วิรูฒก อิติ นาม ส
รมเต ’เสา นฤตฺตคีเตน
ชฺญาติภิะ สหิตะ สทา ฯ

ส จาปิ สมิติมฺ อายาโต
ปูรฺววตฺ ฯ]

ปศฺจิมานฺ ทิศมฺ อภิปาลยติ
ราชา มหาราชา
นาคานามฺ อธิปตี ราชา
วิรูปากฺษ อิติ นาม ส
รมเต ’เสา นฤตฺตคีเตน
ชฺญาติภิะ สหิตะ สทา

ส จาปิ สมิติมฺ อายาโต
ปุรฺววตฺ ฯ

อุตฺตรานฺ ทิศมฺ อภิปาลยติ
ราชา มหาราชา
ยกฺษาณามฺ อธิปตี ราชา
กุเพร อิติ นาม ส
รมฺเต ’เสา นฤตฺตคีเตน
ชฺญาติภิะ สหิตะ สทา

ส จาปิ สมิติมฺ อายาโต
ปูรฺววตฺ ฯ

ปุรสฺติเม ติ ธฤติราษฺโฏฺร
ทกฺษิเณ ติ วิรูฒกะ ฯ
ปศฺจิเม ติ วิรูปากฺษะ
กุเพรศฺ โจตฺตรนฺ ทิศิ ๚

จตฺวาร เอเต มหาราชา
โลกปาลา ยศสฺวินะ
ทิศศฺ จตสฺระ ปาลยนฺติ
มหรฺทฺธิกา มหาพลาะ

เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา
ปูรฺววตฺ ฯ

เตษํา มายาวิโน ทาสาะ
ปฺราปฺตา วญฺจกาะ ศฐาะ
มายา กิฏิศฺ จ วิกิฏิศฺ จ
ภฤคุศฺ จ ภฤกุฏินฺยา สห
ฤทฺธิคุณํา ทรฺศยํตสฺ
ตทา สํพหุไจตฺริเก

เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา
ปูรฺววตฺ ฯ

อิเม ปฺยฺ อตฺร สมภิกฺรานฺตา ยกฺษา มหายกฺษาะ ยกฺษเสนาปตยะ เสนายา เย ปรินายกาสฺ ตทฺยถา อินฺทฺระ โสโม วรุณะ ปฺรชาปติะ ปูรฺววตฺ ยถาตานาฏิเก ยาวตฺ ตฺริผลี จ ตฺริกณฺฐกี ฯ เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา ปูรฺววตฺ ฯ

อาคตะ สหภุํ นาโค
ไวศาลศฺ จาปิ ตกฺษกะ
กมฺพลาศฺวตระ ปฺราปฺตะ
ปฺรชาคุศฺ จ คุณา สห ฯ
เสาทาสโก ธฤติราษฺโฏฺร
… ปติ กุญฺชราะ
ไอราวโณ มหาภีษฺมะ
ปฺราปฺโต นาโค ยศสฺวี มมา …

เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา
ปูรฺววตฺ ฯ

โย นาคราชํ หรติ ปฺรสหฺย
พลวํา ทฺวิชะ ปกฺษี วิศุทฺธจกฺษุะ
ไวหายเสน วนมฺ อภฺยุปาคตศฺ
จิตฺรํ สุวณี อิติ ตสฺย นาม ฯ
อภยํ ตตฺร นาคราชฺญามฺ
อทาตฺ ส สุปรฺณิตะ
กฺเษมมฺ อการฺษีจฺ ฉาสฺตา
ศฺลกฺษฺณาสุ วาจาสุ มุทิตาสุ
ตไตฺรว พุทฺธํ ศรนํ อุปาคตะ ๚

ส จาปิ สมิติมฺ อายาโต
ปูรฺววตฺ ฯ

วิชิตา วชฺรหสฺเตน
สมุทฺรมฺ อสุราะ ศฺริตาะ ฯ
…
… ๚
สุจิโตฺร เวมจิตฺรศฺ จ
ปฺรหฺลาโท มุจิลสฺ ตถา ฯ
ศตํ จ พฑิปุตฺราณํา
สรฺเว ไวโรจนามกาะ ๚

.. หิ พฑิเสนํา
ราหุรฺ ภทฺรมฺ อุปาคตะ ฯ
สมยสฺ เต มหาวีร
ภิกฺษูณํา สมิติมฺ วเน ๚

เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา
ปูรฺววตฺ ฯ

วรุณา วารุณี จาปิ
กฺเษามาโถ ปฤษฺฐโต คตา
ไมตฺรี วรุณิกา จาปิ
ปฺราปฺตา เทวี ยศสฺวินี ฯ
ปฤถิวี จ เทวา อาปศฺ จ
วายุรฺ เทวศฺ จ ปาวกะ ๚

ทไศเต ทศกาะ กายาะ
สรฺเว นานาตฺววรฺณินะ ฯ
อวภาสยิตฺวา ติษฺฐนฺติ
วนํ กาปิลวสฺตวมฺ ๚

เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา
ปูรฺววตฺ

วิษฺณุศฺ จ เทวะ สหลี จ เทว
อาคตศฺ จ ยม … ฯ
จนฺโทฺรปนิษโท เทวาศฺ
จนฺทฺรมฺ เอว ปุรสฺกฤตฺย ๚

สูรฺโยปนิษโท เทวาะ
สูรฺยมฺ เอว ปุรสฺกฤตฺย ฯ
นกฺษตฺราณิ ปุรสฺกฤตฺย
ปฺราปฺตะ มนฺทวลาหกาะ
มฆวํา สรฺว …
ปฺราปฺตะ ศกฺระ ปุรนฺทระ ฯ

ทไศเต ทศกาะ กายาะ
ปูรฺววตฺ ฯ

อาคตา สภิกา เทวี
ชฺวลทรฺจิะศิโขปมา ฯ
อริษฺฏิกา จ โรมา จ
อุมา ปุษฺปนิวาสินี ๚

จรกา สุพทฺธกกฺษา
อจฺยุตาศฺ จาปิ อเนกศะ
ปฺรทฺยุมฺนะ สฺวาติกา ปฺราปฺตา
ยา ทิโศ หฺยฺ อภิวรฺษติ ๚

ทไศเต ทศกาะ กายาะ
ปูรฺววตฺ ฯ

ศุกฺลา กฑมฺพา กรุณา
ปฺราปฺตา นีลกวาสินี ฯ
อวทาตเกศา ปฺรมุขี
ปฺราปฺตา ปีตกวาสินี ฯ
สทามตฺตา หาริตกา
มิศฺริกาศฺ จาปฺยฺ อเนกศะ ฯ
ศุทฺธกา รุจิกา ไจว
ปฺราปฺตา เทวา ยศสฺวินะ ๚

ทไศเต ทศกาะ กายาะ
ปูรฺววตฺ ฯ

กฺเษมกาสฺ ตุษิตา ยามาะ
กฤษฺณุกฺตาศฺ จาปฺยฺ อเนกศะ ฯ
ลุมฺพินี ลุมฺพินีเศฺรษฺฐา
ชฺโยติรฺนามา จ สฺวาศิษา ฯ
นิรฺมาณรตยะ ปฺราปฺตา
อถาปิ วศวรฺตินะ ๚

ทไศเต ทศกาะ กายาะ
ปูรฺววตฺ ฯ

ทศ ไว ตฺวฺ อีศฺวราะ ปฺราปฺตาะ
ปฺรตฺเยกํ วศวรฺตินะ ฯ
สหสฺรพฺรหฺมโลกานํา
มหาพฺรหฺมา นิรุจฺยเต ฯ
สนตฺกุมารสฺ ติษฺยศฺ จ
ฤทฺธิมทฺภิะ สุไตะ สห ๚

เต จาปิ สมิติมฺ อายาตา
ปูรฺววตฺ ฯ

เตษาญฺ จ ปฤษฺฐตะ ปฺราปฺตา
หาริตี วศวรฺตินี ฯ
อุตฺตมา วรฺณรูเปณ
ปุเตฺรภิะ ปริวาริตา ๚

สา จาปิ สมิติมฺ อายาตา
ปูรฺววตฺ ฯ

อิเม จ สรฺเว ’ภิกฺรานฺตาะ
เสนฺทฺรา เทวาะ ส-อีศานาะ
สปฺรชาปตยะ ฯ

ภิกฺษโว ’ปฺยฺ อตฺราภิกฺรานฺตาะ
ปศฺย กฤษฺณสฺย มนฺตฺริตมฺ
อิทํ คฤหฺณีต พนฺธธฺวํ
ราเคณ ภทฺรมฺ อสฺตุ วะ ฯ
ปริวารฺย สมนฺตาจฺ จ
ไมตฺรํ ชีวนฺตมฺ อุตฺสฤชต ๚

อิติ ตตฺร มหาเสนะ
กฤษฺณ เสนามฺ อจูจุทตฺ ฯ
สฺวยํ จาปฺยฺ อภฺยุทาวฤตฺตะ
สํกฺรุทฺโธ ’ปฺยฺ อสฺวยํวศะ ๚

ปานินา ปฤถิวีํ หตฺวา
กฤตฺวา ศพฺทํ สุไภรวมฺ ฯ
อถ ปฺราวรฺษยทฺ เทวมฺ
อภฺรมาลิํ สวิทฺยุตมฺ ๚

ตําศฺ จ พุทฺโธ หฺยฺ อภิชฺญาย
วฺยวโลกฺย ตถาคตะ ฯ
อถามนฺตฺรยติ ศาสฺตา
ศฺราวกาญฺ ฉาสเน รตานฺ ๚

มารไสนฺยมฺ อภิกฺรานฺตํ
นิศมยต ภิกฺษวะ ฯ
อาตปฺตการิณสฺ เต ’ปิ
ศฺรุตฺวา พุทฺธสฺย ภาษิตมฺ ฯ
วีตราคํ หิ ตํ มตฺวา
ตสฺย โรมาณิ เนญฺชํติ ๚

เต จาปิ วิชิตสํคฺรามา
ภยาภีตา ยศสฺวินะ ฯ
โมทนฺเต สห ศิษฺเยภิะ
ศฺราวกาสฺ เต ชินาตฺมชาะ ๚

อิทมฺ อโวจทฺ ภความฺ อาปฺตมนสสฺ เต ภิกฺษโว ภควโต ภาษิตมฺ อภฺยนนฺทนฺ ๚

อ[นฺต]โรทฺทานมฺ ๚ วรูณา วิษฺณุ สภิกา ศุกฺลา ศฺยามา จ กฺเษมกาะ ๚

มหาสมาชสูตฺรํ สมาปฺตะ สมาปฺตญฺ จ อิติ ฯ สาธู ๚

ต้นฉบับจาก
https://suttacentral.net/sf140/san/waldschmidt-sander

ปริวรรตโดย
http://www.thai-sanscript.com/index.php/main/transliterate

 

หินสลักเรื่องพระนันทะออกบวช

หินสลักแผ่นนี้มีความยาว 2.27 เมตร ราวศตวรรษที่ 3 สลักจากหินปูน พบที่เมืองโคลี รัฐอันธรประทเศ ประเทศอินเดีย อยู่ที่ The Metropolitan Museum of Art

พระนันทเถรศากยะ เป็นพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้า โดยท่านเป็นพระภาดาต่างพระราชมารดาของพระพุทธเจ้า พระราชบิดาของท่านคือพระเจ้าสุทโธทนศากยราชาพระมหากษัตริย์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ โดยเป็นพระราชบิดาร่วมพระองค์กับเจ้าชายสิทธัตถะ พระราชมารดาของพระนันทศากยะมีพระนามว่า พระนางมหาปชาบดีโคตมี ผู้เป็นพระมาตุจฉาและทรงเคยเป็นพระอภิบาลของเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อยังทรงพระเยาว์

เจ้าชายนันทศายะ ออกผนวชในวันที่ทรงจะเข้าอภิเษกสมรสกับนางชนบทกัลยาณี โดยในวันที่มีพิธีอภิเษกนั้นพระประยูรญาติได้นิมนต์พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ไปรับภัตตาหารภายในพระราชฐาน เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยภัตตาหารเสร็จได้ทรงอนุโมทนาและเสด็จกลับ โดยมีเจ้าชายนันทะถือบาตรตามส่งเสด็จ

แต่พระพุทธเจ้าทรงทราบว่าเจ้าชายนันทะมีบารมีควรแก่อริยผล จึงทรงใช้อุบายไม่รับบาตรคืนจากเจ้าชายนันทะ เจ้าชายนันทะจึงจำต้องถือบาตรตามเสด็จกลับ ทำให้นางชนบทกัลยาณีกังวลและร้องขอวิงวอนให้เจ้าชายนันทะรีบเสด็จกลับเพื่อทำพิธีอภิเษก ทำให้เจ้าชายนันทะถือบาตรตามเสด็จด้วยความกระวลกระวายใจ

เมื่อทั้งสองพระองค์เสด็จมาถึงพระคันธกุฎี ภายในนิโครธาราม พระพุทธเจ้าจึงทรงถามเจ้าชายนันทะว่า "นันทะ เธอจะบวชหรือ?" ด้วยเหตุนั้น เจ้าชายนันทะแม้ไม่เต็มใจที่จะผนวชแต่ด้วยความเกรงพระทัยและมีความเคารพในพระพุทธเจ้ามากจึงจำต้องทรงออกผนวชในวันนั้นเอง

เมื่อออกผนวชแล้ว พระนันทะมีความกังวลคำนึงถึงแต่คำขอร้องของนางชนบทกัลยาณีที่ให้รีบเสด็จกลับ พระนันทะจึงไม่มีความตั้งใจอันใดในการปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าทราบความนั้นจึงเสด็จมาเยี่ยมและชวนพระนันทะไปที่ต่าง ๆ เพื่อให้เห็นหญิงที่สวยงามกว่านางชนบทกัลยาณี พระนันทะเที่ยวตามเสด็จเรื่อยไปจนมีความชอบใจในหญิงเหล่านั้น

พระพุทธเจ้าทราบความจึงออกพระโอษฐ์ค้ำประกันว่า ถ้าพระนันทะสามารถปฏิบัติธรรมจนบรรลุพระอรหันต์ได้ พระองค์จะสามารถพาหญิงเหล่านั้นมาให้แต่งงานกับพระนันทะเอง จากนั้นมาท่านพระนันทะจึงตั้งใจบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก พระสงฆ์ที่ทราบความจึงพากันล้อเลียนท่าน ทำให้ท่านเกิดความละอายใจ จึงหลีกตนหนีไปบำเพ็ญเพียรแต่ผู้เดียว จนในที่สุดท่านได้สติว่า

"ความรักไม่มีที่สิ้นสุด... ความรักทำให้เกิดความทุกข์ และความเศร้าโศกเสียใจไม่มีที่สิ้นสุด"

ท่านจึงเกิดความสลดใจและละวางความรักลงได้ ในไม่ช้าท่านก็บำเพ็ญเพียรต่อจนได้บรรลุพระอรหันต์

เมื่อท่านบรรลุธรรมแล้ว ท่านกลับกลายเป็นผู้มีความสำรวมระวังอินทรีย์สังวรเป็นอย่างมาก พระพุทธเจ้าจึงยกย่องท่านว่าเป็น ผู้เลิศในทางอินทรีย์สังวร

 

การถวายบูชาโดยไม่หวัง

ในสมาธิราชสูตร อันเป็นสูตรของฝ่ายมหายานได้กล่าวถึงอานิสงส์ของการได้มาซึ่งสมาธิและการตรัสรู้ว่าจะต้องตั้งอยู่บนการถวายทานบูชาที่ไม่หวังสิ่งใด ไม่แม้กระทั่งคิดว่า "ทานนี้เราถวายแก่พระพุทธเจ้า"

พระสูตรบรรพที่ 6 กล่าวว่า

ครั้นแล้ว พระภควันตรัสกับจันทรประภามาณพว่า "ดังนั้นแล้วมาณพ พระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ที่ปรารถนาสมาธินี้และปรารถนาที่จะบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิอย่างรวดเร็วแล้ว ควรปลูกฝังสมาธินี้

“มาณพ การปฏิบัติสมาธินี้คืออะไร? มาณพ, พระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ที่มีความกรุณา ตั้งความปรารถนาเพื่อถวายเครื่องบูชาแก่พระตถาคตไม่ว่าจะยังมีพระชนม์ชีพอยู่หรือเสด็จนิรพาณแล้วก็ตาม, ซึ่งจีวร, บิณฑบาตรทาน, อาสนะและเครื่องปูลาดเพื่อบรรทม เภสัชยามอาพาธ เครื่องใช้ในอาราม และจักถวายซึ่งดอกไม้, ธูป, น้ำหอม, มาลัย, ขี้ผึ้ง, ผงหอม, ภูษา, ฉัตร, ธวัชและธง และจักถวายซึ่งมโหรีและเครื่องดนตรี พวกเขาอุทิศกุศลมูลเพื่อความสำเร็จแห่งสมาธิ พวกเขาไม่ได้ถวายเครื่องบูชาตถาคตด้วยความหวังเพื่อสิ่งใดเลย ไม่ใช่ด้วยความหวังในสิ่งที่พวกเขาปรารถนาหรือด้วยความหวังเพื่อความเพลิดเพลินใด ๆ หรือด้วยความหวังเพื่อสถานะที่สูงขึ้น หรือด้วยความหวังว่าจักมีบริวาร แต่ทำเช่นนั้นเพราะมีธรรมะในใจ พวกเขาไม่แม้แต่จะแลเห็นตถาคตว่าเป็นธรรมกาย ไม่แม้แต่จะเห็นตถาคตเป็นรูปกาย

“มาณพ เขาถวายเครื่องบูชาให้กับตถาคตโดยแบบนั้น ทำโดยไม่แลเห็นตถาคต โดยไม่ต้องมุ่งความสนใจไปที่ตัวเอง และไม่มีความปรารถนาที่จะทำให้ผลกรรมบังเกิด มาณพ, ถ้าการถวายเครื่องบูชาตถาคตประกอบด้วยความบริสุทธิ์ทั้งสามประการนี้ สมาธินี้จะบรรลุได้ และจักบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิโดยเร็ว”

---------------------------------------

พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมจักร สลักจากหินสีดำ ศิลปะอินเดีย สมัยศตวรรษที่ 11 พบที่พิหาร หรือนาลันทา อยู่ที่ The Metropolitan Museum of Art.

 

วันก่อนเห็นพระอาจารย์สายวัชรยานท่านหนึ่งทำพิธีมนตรยานเพื่อขอบารมีพระแม่ตาราปรณะศวาริ (葉衣佛母) เพื่อบรรเทาการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ รู้สึกว่ามีประโยชน์ดี จึงค้นข้อมูลต่อ

ทราบว่าพระแม่ตาราปรณะศวาริมีเดชะช่วยป้องกันโรคระบาด โรคติดต่อต่างๆ ทางทิเบตมักสวดธารณีหรือมนตร์ของท่านในการทำวัตร เพราะวัดใหญ่ๆ ในทิเบต มักมีพระอยู่กันเป็นร้อยๆ พันๆ รูป เสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขอนามัยได้

ที่เมืองชิกาเจมีวัดแห่งหนึ่งสอนวิธีการปฏิบัติพระแม่ตาราปรณะศวาริมีโดยเฉพาะ ผลิตยาแผนหนึ่งมีสรรพคุณอันเลิศ นัยว่าเป็นโรงเรียนอนามัยโดยใช้พุทธคุณ

ตามคติมหายานมีวิชาทางโลกที่พวกบัณฑิตต้องเรียน ผมขอเรียกว่าวิชาโพธิสัตว์เพราะมีไว้ให้ผู้คิดจะรื้อขนสรรพสัตว์ต้องเรียนไว้ช่วยคนอื่น หนึ่งในวิชาแขนงนั้นคือ การแพทย์ทั้งรักษากายด้วยยา และรักษาใจด้วยเภสัชธรรม เรียกว่า "จิกิตสาวิทยา" (醫明)

แต่ไม่ใช่ว่าอยู่ในวัดเอาแต่สวดธารณีแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่ระวังโรค มันไม่ใช่ เพราะการป้องกันสุขอนามัยก็ต้องทำ แต่แม้จะป้องกันแล้ว บางเรื่องอาจจะเหนือความคาดหมาย จึงต้องขอพึ่งพุทธคุณโดยเฉพาะในดินแดนห่างไกลและกันดาร

บางท่านอธิบายว่า การภาวนาปรณะศวาริก็เพื่อบรรเทาวิบากรรมที่ทำให้เป็นโรคร้าย ทำควบคู่ไปกับการรักษาโรคด้วยยา

ประมาณว่าทางโลกไม่ให้พร่อง ทางธรรมไม่ให้ขาด

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เชิญปรณะศวาริท่านมาช่วยเหลือ สมัยที่โรคซารส์ระบาดทางคณาจารย์ฝ่ายวัชรยานก็เคยเชิญท่านมาแล้วครั้งหนึ่ง

ทางมนตรยานฝ่านทิเบตนั้นเรียกว่า พระแม่ตาราปรณะศวาริ (葉衣佛母) แต่ตามพระสูตรมนตรยานฝ่ายราชวงศ์ถังเรียกว่า ปรณะศวาริอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (葉衣觀世音菩薩) ด้วยถือว่าเป็นปางหนึ่งของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือกวนอิม

รูปกายฝ่ายทิเบตนั้นวาดท่านเป็นสตรี สวมภูษาใบไม้ (ปรณะศวาริ) เดิมเป็นนางฤาษีอยู่ป่า จึงน่าจะหมายความว่าท่านรู้เรื่องสมุนไพร

ส่วนรูปกายที่บรรรยายไว้ในปรณะศวาริอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์สูตร (葉衣觀自在菩薩經) กล่าวว่า เขียนเป็นรูปเทวสตรี สวมมงกุฏมีรูปพระอมิตาภพุทธเจ้า คล้องสังวาลย์ มีประภามณฑล มีสี่กร กรหนึ่งถือผลไม้มงคล กรหนึ่งถือจินดามณี กรหนึ่งถือขวาน อีกกรหนึ่งถือบ่วงบาศเอาไว้จับโรค ประทับนั่งบนดอกบัว

วิธีปฏิบัติคือต้องนึกรูปของท่านในใจ ตามด้วยบทสาธนาค่อนข้างยาว แต่วิธีการนี้ยุ่งยากเกินไป ดังนั้นท่าน โกซอก รินโปเช (Gosok Rinpoche) จึงถ่ายทอดมนตร์หัวใจธารณีสั้นๆ เอาไว้สวดง่ายๆ ดังนี้

โอม ปิศาจิ ปรณะ ศวาริ สรวะ ชวละ ประศะมะณะเย สวาหา

oṃ Piśāci-parṇa-śavari sarva-jvara-praśamaṇaye svāhā||

คุณของท่านนั้นช่วยป้องกันโรคระบาด ภัยธรรมชาติ ความโกลาหลนานา ปกป้องบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข

อย่างที่บอกไปว่า ไม่ใช่สวดแล้วหายเลย ทางโลกเราต้องป้องกันตัวเองตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด ทางธรรมก็สามารถมีหลักยึดเหนี่ยวได้

เพราะบางครั้งเมื่อป้องกันเต็มที่แล้วยังไม่หายกลัว ชาวพุทธต้องขอบารมีเสริมเหมือนกัน

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

อุกกาบาตส่องสว่างท้องฟ้าของเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

รัฐบาลจีนกำลังรับพลเมืองจีนที่อยู่ในอิหร่านกลับประเทศ

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

พลเมืองชาวอิหร่าน ในเมือง Qom กล่าวว่า: เครื่องบินพลเรือนของอิหร่านลำนี้เป็นหนึ่งในเครื่องบินที่ขนส่งชาวจีนที่ติดเชื้อ Coronavirus จากจีนไปยัง เมือง Qom ผู้คนโจมตีเครื่องบินด้วยหินและเครื่องบินได้รับความเสียหายร้ายแรง

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

USA นี่คือผลพวงจากพายุทอร์นาโดที่ Cookeville, TN การทำลายใน Cookeville และทั่วทั้งรัฐเทนเนสซี (TN) นั้นทำให้เราปวดใจมาก

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ลูกเห็บขนาดใหญ่ตกลงมาในชัยปุระ ประเทศอินเดีย # 5 มีนาคม

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ซาอุดิอาระเบีย จากทางอากาศคุณสามารถเห็นมัสยิด โดยความหวาดกลัว coronavirus