ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จชุมนุมมหาคุณบารมีเก้าชั้นแต่งอโหสิกรรม(ถอนกรรมเผ่าพันธุ์บาปบรรพชน) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ความเชื่อศรัทธา

    ฝรั่งคนหนึ่งถามหลวงพ่อชา สุภัทโท ว่า “ชาติหน้ามีจริงไหม ถ้ามีจริง หลวงพ่อช่วยพาไปดูหน่อย”
    หลวงพ่อชา ตอบแบบถามว่า “แล้วพรุ่งนี้ มีจริงไหม ถ้ามีจริง ช่วยพาอาตมาไปดูหน่อย” ฝรั่งคนนั้น...อาจจะปิ๊งแวบ หรือปิ๊งดับก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับสติปัญญาของแต่ละบุคคล

    โลกเราทุกวันนี้ ด้านวัตถุเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง ขณะที่ด้านจิตใจกลับเสื่อมทรุดสุดใจหาย การทำชั่วต่างๆ เช่น การทุจริตคอร์รัปชันกำลังจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา คนทำผิดไม่ต้องรับโทษเพราะกฎหมายแก้ไขได้โดยอ้างว่า ใครๆ ในโลกนี้เขาก็โกงกันทั้งนั้น

    ความคิดความเชื่อของตนขยายลามปามไปถึงขั้นไม่เชื่อกฎแห่งกรรม ไม่มีนรก สวรรค์ นิพพาน ตายแล้วสูญไม่ต้องรับผลกรรมที่ตนทำ คนเราจึงเหิมเกริม และถือคติ... “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” โดยเฉพาะผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองบางคนบางกลุ่ม ทำชั่วทำอัปรีย์แบบออกหน้า ไม่อายฟ้าดิน นี่คือผลที่มาจากเหตุ คือความเชื่อหรือศรัทธาที่ไร้ปัญญา

    ความเชื่อศรัทธา
    ศรัทธาหรือความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผล หรือมีปัญญานั้น ประกอบด้วย...
    1. กัมมสัทธา เชื่อกฎแห่งกรรม เชื่อว่ากรรมมีอยู่จริง คือ เชื่อว่า เมื่อทำอะไรโดยเจตนาคือจงใจทำทั้งรู้ ย่อมเป็นกรรม คือเป็นความดีความชั่วมีขึ้นในตน เป็นเหตุปัจจัยก่อให้เกิดผลดีผลร้ายสืบเนื่องต่อไป การกระทำไม่ว่างเปล่า และเชื่อว่า ผลที่ต้องการจะสำเร็จได้ด้วยการกระทำ มิใช่ด้วยการอ้อนวอนหรือนอนคอยโชค เป็นต้น
    2. วิปากศรัทธา เชื่อผลของกรรม เชื่อว่าผลของกรรมมีจริง คือเชื่อว่ากรรมที่ทำแล้วต้องมีผล และผลต้องมีเหตุ ผลดีเกิดจากกรรมดี ผลชั่วเกิดจากกรรมชั่ว
    3. กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน คือเชื่อว่าแต่ละคนเป็นเจ้าของ จะต้องรับผิดชอบเสวยวิบากเป็นไปตามกรรมของตน
    4. ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือมั่นใจในองค์พระตถาคตว่าทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ ทรงพระคุณทั้ง 9 ประการ ตรัสธรรม บัญญัติวินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผู้นำทางที่แสดงให้เห็นว่า มนุษย์คือเราทุกคนนี้ หากฝึกตนด้วยดี ก็สามารถเข้าถึงภูมิธรรมสูงสุดบริสุทธิ์หลุดพ้นได้ ดังที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญไว้เป็นแบบอย่าง
    (ข้อ 1-2-3 = กัมมผลสัทธา = โลกิยสัทธา ข้อ 4 = โลกุตตรสัทธา)
    ดังนั้น ศรัทธา 4 ดังกล่าว จึงเป็นกระจกเงาอย่างดีเอาไว้ส่องตนและคนอื่น ตั้งแต่ระดับพื้นๆ ธรรมดา จนกระทั่งระดับสูงๆ ไม่ธรรมดาว่า...เขามีความเชื่อศรัทธาแบบไหน ระหว่างแบบมีปัญญากับแบบไร้ปัญญา เพราะทั้งสองแบบมันคือต้นเหตุแห่งการทำความชั่วและการทำความดี

    เกิดมาจากใจ
    คนเราประกอบด้วยสองส่วน คือรูปและนาม หรือกายและใจ ธรรมทั้งหลายมีใจนำหน้า จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้ ผู้มีปัญญาพึงรักษาจิต จิตหรือใจคือสิ่งเดียวกัน บ้างก็เรียกจิต บ้างก็เรียกใจ บ้างก็เรียกจิตใจ ฯลฯ ความเชื่อความศรัทธาแบบมีปัญญา และแบบไร้ปัญญา ก็มาจากใจนี่แหละ ใจอย่างไร ความเชื่อก็อย่างนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องกล่าวถึง “ใจ” อยู่เป็นนิจ เพราะมันสำคัญ และเข้าใจยากอยู่ไม่น้อย
    - โอโช มนุษย์พันธุ์ใหม่ ต้นแบบ “สมาธิแบบตื่นตัว” กล่าวว่า...จิตมี 4 ระดับ คือจิตสำนึก จิตไร้สำนึก จิตไร้สำนึกร่วม จิตไร้สำนึกแห่งจักรวาล เราแตกต่างกันในระดับจิตสำนึกเข้าไปลึกอีกหน่อย เราล้วนไม่แตกต่างกัน ในระดับจิตไร้สำนึกลึกเข้าไปอีก เรายิ่งใกล้ชิดกัน ในระดับจิตไร้สำนึกร่วม พอลึกเข้าไปสุดๆ ในระดับจิตไร้สำนึกแห่งจักรวาล ซึ่งเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง ที่ศูนย์กลางนี้เราล้วนผสมกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน ความรู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดมาจากศูนย์กลางนี้
    - ซิกมุนด์ ฟรอยด์ บิดาแห่งทฤษฎีจิตวิเคราะห์ กล่าวว่า...จิตสำนึกของมนุษย์นั้น มีข้อมูลบรรจุอยู่น้อยมาก เมื่อเทียบกับจิตใต้สำนึก และจิตไร้สำนึก เขาเปรียบจิตเหมือนภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่มีส่วนของจิตสำนึกโผล่ส่วนยอดพ้นน้ำขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    - ทพ.สม สุจีรา ผู้เขียน เกิดเพราะกรรม หรือความซวย กล่าวว่า...พฤติกรรมของคนมาจากจิตใต้สำนึก และจิตไร้สำนึก และเพียรพยายามจะรักษา โดยดึงจิตใต้สำนึก จิตไร้สำนึกเหล่านั้นขึ้นมาแก้ไข การดึงจิตใต้สำนึกสามารถทำได้ โดยการสะกดจิต แต่การดึงจิตไร้สำนึกซึ่งเป็นเรื่องของกรรมเก่า ฟรอยด์ ยังทำไม่สำเร็จ ดังนั้น การรักษาตามเทคนิคของฟรอยด์ จึงมีอัตราของการประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งนั่นก็คือเปอร์เซ็นต์ของจิตใต้สำนึกที่บรรจุข้อมูลอยู่ 10 เปอร์เซ็นต์ อีก 10 เปอร์เซ็นต์เป็นจิตสำนึก ส่วนอีก 80 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นจิตไร้สำนึก ทำอะไรไม่ได้เลย

    ผมว่า...ที่เราเล่นกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะในรูปแบบใด ละคร ลิเก หมอลำ ฯลฯ ดูแล้วไม่ต่างกับ “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา” คือท่าดีทีเหลว แล้วค่อยๆ ออกลายในที่สุด ก็จิตที่โผล่เล่นบทให้เห็นเพียงน้อยนิด ขณะที่จิตส่วนใหญ่อันมหึมาหลบอยู่ในความมืด จะไปหวังอะไรนักหนากับภาพที่เห็นซึ่งเป็นมายา หลอกกิน ตีกินไปวันๆ เช่นนั้นเอง ศรัทธาเพราะเชื่ออย่างงมงายกับศรัทธาเพราะเชื่ออย่างสร้างสรรค์ มันต่างกัน เพราะมาจากใจที่มีปัญญา และใจที่ไร้ปัญญา

    เศร้าหมองผ่องใส
    “เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันต้องหวัง และเมื่อจิตไม่เศร้าหมองหรือผ่องใส สุคติเป็นอันหวังได้” นั่นคือพุทธภาษิตที่เป็นสัจธรรมอยู่นิรันดร์

    จิตของคนเรา ไม่ว่าจะเป็นจิตสำนึก จิตใต้สำนึก จิตไร้สำนึก ต่างก็มีโอกาสเศร้าหมองและผ่องใสได้มากน้อยแตกต่างกันไป
    จิตผ่องใสเหมือนแสงตะวันไร้เมฆหมอก จิตเศร้าหมองเหมือนเมฆหมอกที่สัญจรมาบดบังแสงตะวันเป็นครั้งเป็นคราว แสงตะวันเหมือนจิตเดิมแท้ เมฆหมอกเหมือนจิตใหม่เทียม

    จิตเดิมแท้ เหมือนจิตตื่นรู้ จิตใหม่เทียม เหมือนจิตหลับยืน “หลับยืน” และ “ตื่นรู้” จึงเป็นสองด้านของชีวิต เป็นผู้ลิขิตชีวิตหรือดีไซน์ชีวิตนั่นเองทำอย่างไร “เศร้าหมอง” จึงจะลดลงและหมดไป ทำอย่างไร “ผ่องใส” จึงจะเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป ถ้ามีฉันทะ ที่จะทำจริง


    เป็นไปตามเหตุ
    สรรพสิ่งทั้งมวล ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย จะให้เศร้าหมองดับก็ได้ จะให้ผ่องใสเกิดก็ได้ “สิบสองคำ จำให้แม่น ทุกข์ไม่ทุกข์ อยู่ตรงนี้” เรามีสิ่งที่ต้องจำมากมาย บางทีสิ่งที่ให้จำนั้นก็ไร้สาระ แต่ก็พากันจำได้จำดี ในขณะที่สิ่งดีเลิศประเสริฐศรี ดั่งเพชรน้ำหนึ่งกลับไม่จำ ไม่ส่งเสริมให้จำ ไม่สนใจ แม้แต่จะเมียงมอง พวกเราจึงพลาดโอกาสที่จะรู้จะเข้าใจอย่างจริงจังกับมัน นั่นคือ...

    “สิบสองคำ จำให้แม่น ทุกข์ไม่ทุกข์ อยู่ตรงนี้” ได้แก่...
    1. อวิชชา เป็นปัจจัยทำให้เกิดสังขาร
    2. สังขาร เป็นปัจจัยทำให้เกิดวิญญาณ
    3. วิญญาณ เป็นปัจจัยทำให้เกิดนามรูป
    4. นามรูป เป็นปัจจัยทำให้เกิดอายตนะ
    5. อายตนะ เป็นปัจจัยทำให้เกิดผัสสะ
    6. ผัสสะ เป็นปัจจัยทำให้เกิดเวทนา
    7. เวทนา เป็นปัจจัยทำให้เกิดตัณหา
    8. ตัณหา เป็นปัจจัยทำให้เกิดอุปาทาน
    9. อุปาทาน เป็นปัจจัยทำให้เกิดภพ
    10. ภพ เป็นปัจจัยทำให้เกิดชาติ
    11. ชาติ เป็นปัจจัยทำให้เกิดชรามรณะ
    12. ชรามรณะ เป็นปัจจัยทำให้เกิดอวิชชา

    นี่คือ...ปฏิจจสมุปบาท 12 ข้อ หมายถึงการที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น หรือความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวง หรือเพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ ทุกข์ไม่ทุกข์อยู่ตรงนี้ ทุกข์ก็คือปล่อยให้มันหมุนไปเรื่อยๆ เกิดไปเรื่อยๆ ไม่ทุกข์ก็คือหยุด หรือตัดขาดการหมุนการเกิดของมันเสีย เช่น ชรามรณะเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดอวิชชา ถ้าเราตายแล้วไม่เกิดอีก ก็คือตัดขาดหรือหยุดหมุนก็จบ คือไม่ทุกข์อีกต่อไป หากตายแล้วเกิดอีก ก็คือหมุนต่อไปเป็นอวิชชา สังขาร วิญญาญไปเรื่อยๆ...ไหนๆ ก็เกิดแล้ว เมื่อหมุนมาถึงผัสสะให้ตัดขาดอยู่ตรงนี้ อย่าให้เกิดเวทนา ตัณหาต่อไป เพราะมันจะตัดยากยิ่งขึ้น อายตนะภายนอกห้ามไม่ได้ เมื่ออายตนะภายในกระทบหรือผัสสะกับอายตนะภายนอก ก็ให้มีสติรู้ทัน สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน เป็นต้น ฝึกบ่อยๆ ก็จะชำนาญ และว่องไวไฟแลบไปเอง

    พระอรหันต์มีสติสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ พวกเราปุถุชนควรจะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ก็แล้วแต่ละบุคคลที่ถูกต้องที่สุดคือ มีสติมากเท่าไหร่ ยิ่งตัดวงจรทุกข์ได้มากเท่านั้น เป็นการสร้างเหตุดี สะสมเหตุดีที่เป็นอริยทรัพย์ให้แก่ตนเอง เรื่องโลกิยธรรม และโลกุตตรธรรมนำไปใช้ได้กับทุกคนทุกระดับ ในสถานการณ์ที่เหมาะสม ไม่เคยแบ่งแยกโลกิยธรรมสำหรับปุถุชน โลกุตตรธรรมสำหรับอริยบุคคล (ที่แบ่งแยกเป็นกลลวงถ่วงรู้จริงรู้เท่ารู้ทันเท่านั้น)

    “สรรพสิ่งทั้งมวล ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย” เหตุทุกข์ก็ทุกข์ เหตุไม่ทุกข์ก็ไม่ทุกข์

    “ความเชื่อศรัทธา
    เกิดมาจากใจ
    เศร้าหมองผ่องใส
    เป็นไปตามเหตุ”

    ศาสนาพุทธสอนเรื่องทุกข์ และการดับทุกข์ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยอริยสัจ 4 คือความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ใครๆ แม้เด็กอนุบาลก็รู้ และจำได้ ถามเมื่อไร ตอบได้เมื่อนั้น แต่พวกเราทั้งหลายทั้งปวง ก็นิยมเสพทุกข์กันเป็นนิสัย ไปเยี่ยมนรกานต์กันเฮฮา

    ทุกข์-ควรกำหนดรู้ สมุทัย-ควรละ นิโรธ-ควรทำให้แจ้ง มรรค-ควรเจริญ ตรงนี้ ซึ่งเป็นกิจในอริยสัจ 4 ไม่ค่อยรู้ ไม่ค่อยเน้นกัน จึงไม่รู้จริง รู้กันเล่นๆ หลอกๆ ตามสูตร... “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา”

    ศรัทธา 4 เป็นความเชื่ออย่างมีเหตุมีผล เชื่ออย่างมีปัญญา

    อริยสัจ 4 เป็นการแก้ทุกข์ ชุดเล็ก ชุดย่อ

    ปฏิจจสมุปบาท 12 เป็นการแก้ทุกข์ ชุดใหญ่ ชุดเต็ม

    ต้องเชื่ออย่างนี้ ศรัทธาอย่างนี้ สอนอย่างนี้ ส่งเสริมอย่างนี้ จึงจะรู้เรื่องทุกข์ และดับทุกข์ ดับปัญหาได้จริง ตามที่ผู้ตื่นรู้ชี้แนะ

    อย่ามัวแต่เล่นละครดูละคร หัดย้อนดูตัวเองบ้าง จะได้รู้จักตน-เห็นตน อย่างที่ตนเป็นจริงๆ

    557000001349001.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2020
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่งEms

    พี่ธีรนนท์ EI 6559 4457 5 TH

    พี่ธเนศพล EI 6559 4458 4 TH

    พี่ศิระ EI 6559 4459 8 TH

    พี่กฤตยชญ์ EI 6559 4460 7 TH
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ที่ผ่านมาตะกรุดความหวังมิผันแปรก็เป็นตะกรุดที่มีประสบการณ์เข้ามามากจนน่าทึ่ง ทั้งเรื่องเล็กๆขยายไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ ทุกคนที่เล่าที่บอกล้วนพูดเหมือนกันว่าได้บรรจุดวงของตนไว้ในตะกรุดด้วยตัวเองแล้ว(นั่นคือสิ่งที่ควรทำ)และพอทำแล้วก็ได้เรื่อง

    มานั่งอ่านประสบการณืก็มีทั้งเรื่องเล็กแต่ไม่เล็กบางคนทำของหายอย่างกุญแจรถจวนตัวไม่รู้จะทำยังไงรถจะรีบใช้ก็ขอเอากับตะกรุดแล้วหาเจอในที่เดิมที่ค้นไปแล้วก็มี บางคนบอกว่างานเงียบขอเงินกับตะกรุดได้หวยมามากกว่างานทั้งเดือน บางคนว่าทะเลาะกับเมียบ้านจะแตกบอกกับตะกรุดก็เห็นว่าเค้าเย็นลงจนผิดสังเกตุ...เรียกว่ามีหลายเรื่องยกตัวอย่างกันคร่าวๆ แต่ผมเข้าใจว่าเป็นความหวัง ถ้าใจเรามีความหวังมีกำลังใจคิดในเรื่องใด ตะกรุดก็จะส่งผลทางนั้นเร็วเป็นพิเศษ แม้ปัญหาเล็กๆก็ไม่ขยายใหญ่จนลุกลามใหญ่โต

    ตะกรุดนี้ที่จริงไม่มีข้อห้ามอะไรเลย เพราะท่านว่าหวังเอาได้สารพัด
    แต่โดยแท้แล้วก็มีคติให้เตือนใจสำหรับคนถือเครื่องมงคลเพื่อขัดเกลากิเลสและสันดานตัวเองอยู่เหมือนกัน นั่นคืออย่าทำผิดคิดชั่ว ให้คิดกันแต่เรื่องดีๆ พอความคิดดีการกระทำดีกายกับใจตนก็บริสุทธิ์ เพราะความคิดเป็นที่มาแห่งการกระทำ ความหวังหรือความคิดในใจเรานั้นหากเป็นไปด้วยดีคิดในเรื่องดีๆหวังแต่ทางเจริญแล้วท่านว่าอะไรๆมันก็ดีแต่ที่ดีที่สุดก็คือตัวของตนเองเอาดีให้ได้ ...ดั่งคำว่าใช้เครื่องมงคลแล้วเปลี่ยนนิสัยคนเช่นนี้
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่งems
    พี่คณพศ EI 6559 7101 5 TH

    พี่สุรวุฒิ EI 6559 7102 9 TH

    พี่แมน EI 6559 7103 2 TH
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ใครที่ชอบสายผง สายแข็งแบบผงเป็นขวดๆ ผงล้วนๆพรุ่งนี้ติดตามกันนะครับ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    อรุณสวัดิ์ครับ

    วันนี้ติดตามกันดีๆนะ ใครที่ไม่ทันสายตะกรุดรุ่นเก่าๆอันนี้สองในหนึ่งเลยเพราะปกติของแบบนี้ท่านไม่ค่อยทำ
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    รายการที่โอนไว้ส่งให้พรุ่งนี้นะครับ ส่วนที่แจ้งว่าจะลงเย็นนี้หลายๆคนท้วงมาว่าจองอีกไม่ทันแน่ ก็เลยจะเลื่อนเวลาจองให้เป็นพรุ่งนี้รอบเช้าแบบปกตินะครับ
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาธาตุอณูไตรรัตนญาณปกาศิต(ธาตุนิพพานเนรมิต)

    ตะกรุดนี้สร้างขึ้นจากธาตุนิพพานทั้งสามชนิดที่สมเด็จองค์ปฐมท่านกำชับให้พ่ออาจารย์รวบรวมไว้ ท่านว่าแทนด้วยคุณพระไตรรัตนญาณอันประเสริฐเป็นเลิศกว่าสิ่งใดในโลกา ทั้งยังเป็นธาตุทิพย์หรือที่ท่านเรียกว่าธาตุนิพพานมาเนรมิตให้เกิดขึ้น - ให้ปรากฏรูป - ให้เป็นไป ...เพื่อที่จะได้ใช้ช่วยฉุดและปลดเปลื้องเภทภัยในอนาคตกาลอันจะนำมาซึ่งทุกขเวทนาทั้งหลาย ผงนี้พ่ออาจารย์ท่านเน้นย้ำว่าเป็นผงทิพย์หรือของทิพย์ฉันไม่ได้ทำเอง มีแต่พ่อพระปฐมท่านให้ไปรวบรวมมาตามสถานที่ซึ่งท่านกำหนด พ่ออาจารย์ท่านว่าเช่นนี้จึงก้าวล่วงไม่ได้ ได้แต่บอกอย่างเดียวว่าใช้ทำอะไรแค่นี้ ส่วนตัวตะกรุดท่านก็กำหนดกะเกณฑ์ด้วยวิชาของท่านให้เรารู้ว่าต้องลงตัวนั้นตัวนี้ เป็นวิชาโบราณที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ตัวนั้นล้างหนี้,ตัวนี้อาญาสิทธิ์สวรรค์,ตัวนี้เบิกบุญ,ตัวนี้เปิดทางเปิดโลกเปิดชีวิต,ตัวนี้ขอพรเร็วสมดั่งใจ,ตัวนี้ชำระวิบาก,ตัวนี้ฟ้าอุปถัมภ์....พ่ออาจารย์ท่านว่าลงไว้เยอะมากหลายสูตรสุดแต่ท่านบัญชาเพราะท่านรับว่าจะทำวิชาให้เอง

    ธาตุนิพพานเนรมิตใช้ทำอะไร ธาตุนี้ท่านเรียกสั้นๆว่าธาตุทิพย์ เพราะเป็นของจากพระนิพพานที่พ่อองค์ปฐมท่านรักษาไว้ให้ลูกๆเอาไว้ใช้อธิษฐานขอเมตตา ดุจว่าจิตมีนิพพานเป็นที่หมายเป็นเครื่องระลึกถึง นึกถึงพระนิพพาน นึกถึงองค์ธรรมบิดา นึกถึงองค์ปฐมสัมมาสัมพุทธเจ้า พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อมีเหตุปัจจัยย่อมมีผลไม่มีการกระทำใดเสียเปล่า

    ธาตุทิพย์นี้เป็นกำลังจากนิพพาน เต็มเปี่ยมด้วยบารมีสามสิบทัศน์ทั้งฉัพพรรณรังสีรัศมีหกประการขององค์สัมมาพุทธเจ้า เหล่าอรหันต์และมหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์ปฐมเมตตารวมกำลังให้ทั้งหมดเลย นี่หากใครตาดีเค้าจะเห็นกันเลยว่าธาตุเหล่านี้แม้อณูเดียวแยกออกมาก็มีแสงทิพย์โอภาสขาวสุกใสประกายเพชร เพราะเป็นธาตุธรรมธาตุทิพย์ขององค์ปฐมต้น ทั้งยังเป็นธาตุทิพย์ขององค์ธรรมบิดา และเป็นธาตุทิพย์ขององค์วิสุทธิเทพ ทั้งสามธาตุนั้นเรียกว่าไตรรัตนญาณ พ่ออาจารย์ท่านว่าคลุมหมดทั้งฟ้าอนันตจักรวาล

    พ่ออาจารย์ท่านว่าอณูธาตุเหล่านี้เค้าทำงานกันด้วยการเปล่งรัศมี เมื่อเค้าเกาะกลุ่มรวมกันอยู่ในขวดนี้เค้าจะหมุนวนรัศมีของแต่ละธาตุมารวมกันแล้วสาดออกไปกระทบกับธรรมอักขระที่องค์ปฐมท่านบัญชาให้ลงพันไว้ทั้งหลาย เป็นตัวขับเคลื่อนผลักดันให้อานุภาพแต่ละด้านทั้งตัวนั้นล้างหนี้,ตัวนี้อาญาสิทธิ์สวรรค์,ตัวนี้เบิกบุญ,ตัวนี้เปิดทางเปิดโลกเปิดชีวิต,ตัวนี้ขอพรเร็วสมดั่งใจ,ตัวนี้ชำระวิบาก,ตัวนี้ฟ้าอุปถัมภ์....เกิดขึ้นทันใด สาดประกายผ่านตัวเราให้ตัวเรารับกำลัง สาดไปรอบตัวเรา รอบโลก รอบจักรวาล ซึ่งมหาอณูธาตุทิพย์นี้เขาทำงานกันด้วยความเร็วสูงสุดเรียกว่ามีความถี่มากแม้ตัวพ่ออาจารย์เองยังมิอาจกะเกณฑ์ใดๆได้(ทำงานไวนั่นคือสำเร็จไว) และด้วยเหตุว่าธาตุทิพย์นี้แม้เทพ,พรหม,ผี,สัมภเวสีใดๆก็ไม่อาจแตะต้องเข้าครองได้นอกจากมนุษย์ที่เคยมีวาสนาพลาผลอันจะได้เกื้อกูลในหนทางข้างหน้าต่อไปเท่านั้น

    ด้วยธาตุทิพย์นั้นวิเศษล้ำเลิศประเสริฐยิ่ง เพราะเป็นดั่งตัวแทนของกำลังที่ส่งเข้าหาตัวเราโดยตรงจากองค์ปฐม,องค์ธรรมบิดา,องค์วิสุทธิเทพ เป็นพลังของนิพพานธาตุที่องค์พระท่านเมตตาประทานลงมา ท่านว่าเพื่อประโยชน์ใหญ่ทั่วมหาอนันตจักรวาล ทั้งนรกโลก เทวโลก พรหมโลก เพื่อที่จะได้ยกระดับจิตคนที่ดีมีบุญวาสนาให้ดำรงค์ตนอยู่ ให้ได้อริยมรรคอริยผลทั่วทั้งหมดในอนาคตกาลไม่มีการยกเว้น ด้วยมีคุณผลักดันธรรมวิเศษอันทรงคุณที่พันไว้รอบนอกให้เกิดผลทันทีเพื่อจะได้สงเคราะห์ชีวิตตนแล้ว

    ตัวอณูธาตุทิพย์เองเมื่อเราอาราธนาพกติดกายประจำเขายังเข้าไปบรรเทากิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทานในจิตใจด้วยการชำระล้างตลอด พ่ออาจารย์ท่านว่านั่นแหละชำระให้เบาลง ของแบบนี้ต้องค่อยๆชำระเพราะมันตกตะกอนหนาจับเป็นชั้นๆมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติไม่ใช่พกปุ๊ปจะหายไปหมด ยิ่งคนไหนหนามากก็ต้องใช้เวลานานหน่อย คนไหนเบาบางก็จะไวหน่อย แต่ดีกว่าปล่อยไว้ไม่ทำอะไรจนเปิดรับทุกขเวทนาและเภทภัยทั้งผอง อย่างน้อยก็ชำระกันบ้างจะได้ปิดกั้นอบายภูมทั้งสี่อันมีนรก,เปรต,อสุรกาย,เดรัจฉานเป็นที่ไป พ่ออาจารย์ท่านว่าให้หมั่นจับธาตุที่บรรจุในขวดและระลึกถึงองค์พระไว้จิตจะเป็นกุศลเหมือนเราได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น หากเมื่อใดถึงกาลกิริยาตายกันจริงๆก็นั่นแหละนึกถึงองค์พระไว้ไปสวรรค์เป็นอย่างต่ำ ถ้ากำลังใจมากทำความดีมาพอประมาณก็ไปถึงชั้นพรหม แต่ถ้าชำระกันหมดชาตินี้จิตสะอาดเบิกบานดีแล้วนั่นก็ย่อมหมายเอานิพพานเป็นที่ไปได้...แต่จะถึงนิพพานเลยเช่นนี้ท่านบอกเลยว่าใช่ว่าจะเกิดได้กับทุกคน
    ด้วยอณูทิพย์นี้
    ปิดกั้นอบายภูมิและปิดกั้นเคราะห์กรรมทั้งหลายไม่ให้เกิดได้ระยะหนึ่ง(หากผู้ครอบครองไม่หลงมัวเมาจนยากกลับใจ)จึงทำให้ได้รับประโยชน์ใหญ่ในการดำเนินชีวิตตามวิถีแต่ละคน

    ### พ่ออาจารย์ท่านเน้นย้ำอย่างน่าตระหนกว่า อณูทิพย์นี้องค์พุทธบิดาท่านจะประทานให้ในช่วงเวลาที่เกิดกลียุค ต่อไปเบื้องหน้าจะมีวาตะภัย ทั้งไฟบรรลัยกันต์อันเกิดจากความรู้และวิทยาการของมนุษย์ ทั้งจากอาวุธนิวเคลียร์ จากการทดลองดัดแปลงพันธุกรรมอันเกินธรรมชาติจะรับไหว ใท่านว่าต่อไปโลกจะถดถอยทั้งเกิดภัยธรรมชาติแปรปรวนทำให้ผู้คนล้มตายกันมากมาย นั่นแหละอณูทิพย์นี้จะช่วยปกปักรักษาให้ปลอดภัยจากอันตรายทุกชนิด ท่านว่าผู้ที่จะได้ไปต้องนับเนื่องในวาสนา ถือได้ว่าโชคดีเคยทำบุญมามหาศาลพอตัว

    ในยุคที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวไกลแต่ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งภัยพิบัติคร่าชีวิตจากความเกรี้ยวกราดของธรรมชาติได้ทุกรูปแบบ ทั้งยังไม่มีเทคโนโลยีใดใช้ให้ไปถึงสวรรค์หรือนิพพานกันได้เลย ด้วยตัวความสบายและเทคโนโลยีนี่แหละที่จะพอกพูนกิเลสตัณหา ทำให้ทั้งคนทั้งพระติดสบาย ทำให้คนกลัวตายยื้อยุดให้ห่างไกลจากธรรมมากขึ้น เช่นนั้นอณูทิพย์ซึ่งเป็นธาตุนิพพานคือธาตุที่มาจากจิตเดิมขององค์ธรรม,องค์ปฐม..เหล่านี้จึงจัดเป็นธาตุประภัสสรที่จะแสวงหาจิตเดิม ทั้งยังนำความสุขกายสุขใจและวาสนาต่างๆไม่รู้สิ้นมาสงเคราะห์คน พ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าเป็นแม่ธาตุอันประเสริฐที่เหนือกว่าธาตุใดทั้งหมดเพราะท่านย้ำว่าเขาช่วยให้ถึงความสุขในชาตินี้ได้เช่นนั้น

    ด้วยกฏของวัฏจักรการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปย่อมเป็นของธรรมดาโลก เพราะทุกสิ่งแม้ร่างกายเราย่อมเปฺ็นของสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น คือดำรงค์อยู่อย่างแปรปรวนรวนเรดั่งสายน้ำวกวนรอวันสูญสลายเพียงเท่านี้ หากแต่เรื่องการเอาดีไม่ให้เสียชาติเกิดนั่นกลับเป็นของจริง เป็นหน้าที่ของสรรพชีวิตที่น้อยนักยากจะทำได้ เพราะจิตนั่นแหละคือตัวตนจริงของเรา การขัดเกลาดวงจิตพัฒนาดวงจิตต่างๆเหล่านี้จึงเป็นการทำให้จิตนเองนั้นสะอาดและศักดิ์สิทธิ์....พ่ออาจารย์ท่านว่านี่คือหน้าที่ขัดเกลาของอณูทิพย์

    เป็นปฏิบัติการณ์ชำระจิตใจให้ค่อยๆใสสะอาด ไม่เกาะเกี่ยวในสมมติ มองพ้นโลกพ้นสงสาร เพราะเขาอยู่เหนือกว่าสิ่งสมมติทั้งหลายไม่ว่าจะดิน,น้ำ,ลม,ไฟมหาธาตุทั้งหมด พ่ออาจารย์ท่านเปรียบให้เข้าใจง่ายๆว่าโลกและสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะสอดตามองไปทางไหนเราย่อมจะเห็นและรู้แต่บางคนก็ไม่รู้และไม่เข้าใจ ซึ่งก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความจริงไปได้ว่าทุกสิ่งนั้นผูกขึ้นมาด้วยธาตุทั้งสี่ เพราะมีธาตุทั้งสี่นี่แหละตัวเราหรือตัวเขาและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่ว่าจะโลกหรือจักรวาลจึงมีรูปกายมีรูปร่าง เมื่ออณูทิพย์อยู่เหนือธาตุทั้งสี่นั่นคือเขาเหนือโลกไปแล้ว เหนือไปกว่าทุกอย่างด้วยเป็นของสูงมากเพราะลงมาจากแดนทิพย์แดนนิพพานไม่เกาะเกี่ยวด้วยสิ่งสมมติทั้งหลาย เมื่ออยู่เหนือโลกเช่นนี้จึงมีพลังงานบันดาลได้ทุกสิ่งตามปรารถนาด้วยแสงทิพย์โอภาส พ่ออาจารย์ท่านว่าพ่อพระพุทธท่านเฉียบขาด เพราะท่านรู้ว่าคนเรามันจะเอาดีไม่ได้หากชีวิตยังทุกข์ยกต้องดินรนกันอยู่ เช่นนั้นนอกจากอณูทิพย์แล้วท่านยังประทานธรรม ประทานวิชาทั้งหลายมาให้โดยการลงเป็นตกรุดพันไว้รอบขวดธาตุทิพย์เพื่อให้ธาตุทิพย์ทำงานผลักเอาธรรมเอาคุณวิเศษเข้าตัวคน ไม่ว่าจะเรื่อง
    - ล้างหนี้
    - อาญาสิทธิ์สวรรค์
    - เบิกบุญ
    - เปิดทาง,เปิดโลก,เปิดชีวิต
    - ขอพรเร็วสมดั่งใจ
    - ชำระวิบาก
    - ฟ้าอุปถัมภ์...
    สิ่งต่างๆเหล่านี้ท่านเน้นย้ำว่า
    ตราบใดที่ยังเป็นคนยังต้องผจญอยู่กับความเกรี้ยวโกรธของธรรมชาติที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆย่อมต้องจำเป็นได้ใช้กันบ้างซักเรื่องสองเรื่อง แต่บางคนที่ชีวิตหนักมาและทรุดไป เสื่อมโทรมมากจริงๆอาจจำเป็นต้องใช้คุณทั้งหมด เช่นนี้จึงบอกได้ว่าธาตุทิพย์นี้ท่านตั้งใจจะให้ช่วยอย่างตรงกาล คือช่วยทั้งทางโลกทางธรรมไปพร้อมกันอย่างแท้จริง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าคุณวิชาที่รวมกันแต่ละอย่างของเครื่องมงคลชุดนี้จัดว่าเป็นที่สุดอย่างแท้จริง แม้ตัวธาตุนิพพานกว่าจะได้มาก็ยากนักเพราะต้องขึ้นเขาลงห้วยเข้าถ้ำครบ ไม่มีอะไรที่ไม่ลำบากเลยเพราะผู้เฝ้าผู้ดูแลเขาหวงหนัก ถ้าพ่อพระพุทธไม่เปิดทางไม่อนุญาติก็เหมือนนำชีวิตไปทิ้ง และธาตุทิพย์นี้พ่อพระพุทธท่านเรียกว่าลูกจิตนิพพาน เขามีความเป็นทิพย์ทั้งสุขสบายสมปรารถนาในตัวเองทุกอย่างย่อมจะช่วยให้ผู้ครอบครองได้ดังนั้นเช่นกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าปัจจุบันคนที่ตั้งหน้าทำงานหาเงินทั้งหลายย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่ายังติดอยู่ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสต่างๆในโลก เมื่อเรามีขันธ์ห้าก็ย่อมแสวงหาสาเหตุของการผุดเกิดเวียนว่าย ทั้งกาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณหากแต่เราลืมหน้าที่และไม่ได้ค้นคว้าสนใจตรงนี้เพราะมัวแต่ทำงาน อีกทางหนึ่งก็พอกพูนกิเลสเมื่อเราทำงานเพื่อสิ่งเหล่านี้เราย่อมเกิดตัณหาอยากอยู่ในโลก ทั้งยังผูกพันก่อเกิดพันธะอันดักดานมาเนิ่นนานมั่นคง ที่จิตหยาบหนาหน่อยก็มีความโลภในสรรพสิ่ง มีความโกรธความหลงอยู่ในตนเอง พอกพูนทุกวินาทีนับวันเดือนปี นับชาติภพ นับกัปกัลป์ สิ่งเหล่านี้เสมือนยาขม ขมมาก ทรมานมาก หากจะรักษาก็ยิ่งยากเพราะสะสมกันมาเนิ่นนาน เช่นนี้ยาขมจึงต้องกลั้วไปพร้อมขนมหวาน เพื่อจะเอาดีทั้งทางโลกและทางธรรมให้ได้ก่อนในเริ่มแรกจึงจะพัฒนาตนเองเหนือกว่านี้ได้ ไม่เช่นนั้นกี่ชาติภพก็ไร้การพัฒนา เพราะเราตัดหน้าที่อันจำเป็นต้องพึงกระทำในชีวิตตนเองตอนนี้ไม่ได้จะเอาแก่ใจอะไรมาลดละเลิกอวิชาทั้งหลาย

    เพื่อประโยชน์ให้พ้นโลกียสมบัติ,สวรรค์สมบัติให้ถึงซึ่งนิพพานสมบัติไม่ต้องกลับมาเรียนรู้ในโลกมายาสมมุติทั้งสิ้นนี้อีกพ่ออาจารย์ท่านจึงให้อาราธนาอณูทิพย์ แม้ท่านเองก็ยังใช้ติดตัวเช่นกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าคนบางคนนั้นต่ำต้อยบุญน้อยวาสนาไม่มีหากแต่ดวงตากระจ่างยังมองเห็นภัยอันตรายในวัฏสงสาร หรือบางคนไม่ปรารถนาจะเกิดมาเป็นคนเป็นเทวดา..เหล่านี้อีก นี่คือคนที่มีความปรารถนาความตั้งใจแต่เบื้องต้น คนแบบนี้จะมองโลกไม่เหมือนคนประเภทอื่นเพราะเค้าเบื่อโลก เมื่อเขารับอณูทิพย์นี้ไปก็จะได้ชำระล้างจิต ชำระสิ่งสกปรกตกตะกอนทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายๆคนนั้นยังมีบาปกรรมมีความโกรธความอยากได้ใคร่ดีทั้งยังหลงงมงายไม่สิ้นสุดนั่นแหละสิ่งเหล่านี้คือความสกปรกในจิตเรา เพราะเราไม่รู้ความเป็นไปใดๆที่จะเปลี่ยนแปลงหรือเกิดขึ้นเบื้องหน้าเลย อณูทิพย์นี้จึงส่องสว่างทำหน้าที่ปัดเป่าชำระเคราะห์กรรมทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านว่าพอชำระๆไปมันก็หมดพวกที่ชีวิตหนักๆเขาก็จะเบาขึ้นๆไปเองทีละขั้นทีละลำดับ ถ้าเรื่องมันน้อยเคราะห์มันไม่มากชำระพักเดียวก็ไม่ปรากฏแล้ว เป็นเช่นนี้เอง เพื่อจะให้พวกเธอถึงซึ่งความเจริญรุ่งเรือง

    รายการนี้ท่านว่าฟ้าปิดแต่สวรรค์เปิดคือข้างบนเค้าไม่ให้รู้อะไรไม่ให้พูดถึงมากนัก เพราะใครจะได้สัมผัสหรือพบเจอนั้นย่อมต้องอาศัยวาสนาที่เคยทำมาเป็นเอนกชาติ ถ้าคนสติปัญญาไม่ถึงไม่เห็นความสำคัญก็จะมองไปอีกทางหนึ่งว่านี่ขวดอะไร พกทำไม ใช้อะไรไร้สาระเขาจะคิดอย่างนั้นกันไปเลย พราะเขาไม่ใช่ผู้ถูกกำหนด และภัยพิบัติในอนาคตนั้นก็ยากจะหลบเลี่ยง ท่านว่ารายการนี้เพราะพูดไม่ได้มาก พ่อพระพุทธท่านห้ามมาเอง ที่เราพูดเท่านี้ท่านก็เขม่นแล้ว คือของบางอย่างนั้นไม่ควรไปพูดถึงเลยต้องใช้กำลังใจรับรู้เท่านั้นจึงบอกได้แค่นี้

    คาถาบูชา
    เปิดธาตุนิพพานด้วยนะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ... ใช้อาราธนาธาตุนิพพานเปิดจิตขัดเกลาตัวเอง
    อิติปิโสภควา นิพพานะธาตุโย นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ... ใช้อาราธนาให้ธาตุนิพพานคลุมจิตเราตลอดเวลา

    *** รายการนี้เนื่องจากท่านห้ามท่านปรามไว้เพราะเป็นของสูงมากและจะมีคนบูชาเพียงเฉพาะผู้ที่ร่วมวาสนาหรือเคยทำบุญสะสมมามากพอสมควรจริงๆจึงอธิบายได้คร่าวๆ รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ผู้บูชาให้แจ้งชื่อนามสกุลวันเดือนปีเกิด ทั้งความปรารถว่าจะใช้ธาตุนิพพานสงเคราะห์เรื่องอะไรเป็นหลักใหญ่ๆของตนเอาไว้ด้วย รายได้ร่วมสมทบทุนวิหารทานสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาธาตุอณูไตรรัตนญาณปกาศิต(ธาตุนิพพานเนรมิต) บูชา 2,500 บาท

    87572894-807154479785197-7204007319129030656-n.jpg 88011802-529409757686044-4472949628349710336-n.jpg
    87744440-1871160186351214-5769928588082020352-n.jpg
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่นฐมน EI 6559 7301 6 TH

    พี่พรหมพล EI 6559 7302 0 TH

    พี่ภาคภูมิ EI 6559 7303 3 TH
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่งEMS

    พี่วีระพัฒน์ EI 6559 5580 3 TH

    พี่ธวัช EI 6559 5581 7 TH

    พี่ภิญโญ EI 6559 5582 5 TH
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    กายและจิต

    คำถาม : กายกับจิตสัมพันธ์กันอย่างไร การปฏิบัติธรรมจะช่วยบำบัดโรคทางกายหรือไม่
    ตอบ : ชีวิตคนเราประกอบด้วยกายกับจิตเป็นสำคัญ กายเป็นรูป จิตเป็นนาม ตามที่ได้กล่าวไปแล้วในเรื่องรูปอิงอาศัยนาม นามอิงอาศัยรูป รูปประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ คือรูปร่างที่เคลื่อนไหวได้ เดินได้ ขยับได้ นั่นคือกาย ส่วนนามคือจิตที่ไปรู้สภาวะที่เกิดขึ้น กายและจิตจะทำงานสัมพันธ์กัน เช่น ตาเห็นรูปจิตไปรู้เป็นนาม ถ้าทั้งสองส่วนทำงานสัมพันธ์กันจะเป็น เอกัคคตาคือ ความมีอารมณ์เป็นอันเดียวเป็นสมาธิ คือจิตไม่ฟุ้งซ่าน ยกตัวอย่างเช่น ขาขวาย่าง เรารู้ว่าขาขวาย่าง ในขณะที่กายเคลื่อนไหว ใจไปรู้ในทิศทางเดียวกัน มีทั้งสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา
    อย่างไรก็ตาม เมื่อจิตป่วยกายก็ป่วยตาม เปรียบเหมือนกับวัวลากเกวียน วัวในที่นี้คือกาย เกวียนคือจิต ถ้าวัวแข็งแรง มันสามารถลากเกวียนหรือจิตเดินทางไปได้ไกล แต่ถ้าจิตป่วยหรือเพลาเกวียนหัก วัวก็ไม่สามารถลากเกวียนไปได้เช่นกัน ซึ่งทั้งสองส่วนต้องทำงานสมดุลกัน จึงจะนำเราไปสู่เป้าหมายได้เร็วขึ้น การที่เรามาปฏิบัติธรรมกันในที่นี้ก็เช่นเดียวกัน จิตกับกายไม่ป่วย คือ จิตกับกายสัมพันธ์กัน เราก็จะปฏิบัติบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
    ฉะนั้นกายกับจิตย่อมสัมพันธ์กัน จิตเป็นภูมิคุ้มกันทางกายได้ในทางกลับกันหากกายเจ็บป่วย ย่อมส่งผลให้จิตใจอ่อนแอได้เช่นกัน
    วิสัชนาธรรมโดย พระครูปทุมภาวนาจารย์
    (หลวงพ่อวีระนนท์ วีรนนฺโท)


    ในการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขของมนุษย์ โลกนี้นั้น ชีวิตของมนุษย์ทุกคนย่อมประกอบไปด้วย 2 ระบบสำคัญๆ คือ ระบบกายและระบบจิตที่เป็นแกนหลัก โดยที่ระบบทั้งสองมีการทำงานที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว มีความสัมพันธ์สอดคล้องเชื่อมโยงกันและกัน เพื่อให้เกิดดุลยภาพต่อพฤติกรรมเป็นความสมบูรณ์แห่งชีวิต เราจะไม่สามารถทำความสำเร็จสมบูรณ์ในกิจการงานใดๆ ได้เลยหากกายและจิตทำงานไม่สมดุลกันหรือระบบใดระบบหนึ่งแยกออกจากกัน หรือหากระบบใดระบบหนึ่งไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดังคำกล่าวที่ว่า “ความสมบูรณ์มีไม่ได้ ถ้าไร้ดุลยภาพ” ดังนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญกับระบบทั้งสองอย่างเท่าเทียมกัน เพราะต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประดุจกายกับเงา

    ระบบจิต คือ ลักษณะทางนามธรรม เป็นสิ่งละเอียดอ่อนไม่มีตัวตนไม่มีน้ำหนักสังเกตไม่ได้ เป็นอัตนัย รับผิดชอบการรับรู้ความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ บางครั้งรับรู้ได้โดยไม่ต้องอาศัยกาย แต่มีอำนาจต่อกาย ระบบจิตนั้นมักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามกาลเวลาและสิ่งเร้าที่มากระตุ้น ระบบจิตเป็นต้นคิดให้เกิดพฤติกรรม หรือการกระทำต่างๆ จิตใจที่เศร้าหมองอาจมีสาเหตุมาจากสาเหตุทางกายที่อ่อนแอ จึงมีคำกล่าวที่ว่า “ยามที่ชีวิตแย่ที่สุดอะไรก็ขาดได้แต่กำลังใจห้ามขาดโดยเด็ดขาด” หรือ “ถึงจะเสียดุลยภาพกายก็ต้องรักษาดุลยภาพใจไว้ให้ได้” จิตจึงสำคัญที่สุดที่ทำให้อินทรีย์ตั้งมั่นอยู่ได้ ดังนั้นจิตใจที่สงบสุขอารมณ์ดีเบิกบานแจ่มใสก็ส่งผลให้ร่างกายมีความกระชุ่มกระชวยมีความสุขกระปรี้กระเปร่ามีสุขภาพจิตดี เพราะสุขภาพจิตเปรียบเหมือนเข็มทิศชีวิตที่จะทำให้ชีวิตเราพัฒนาไปได้อย่างมีทิศทางมีหลักเกณฑ์ หากจิตไม่ดีไม่เข้มแข็งก็จะส่งผลให้จิตตก จิตที่ไม่ได้รับการฝึกฝนจึงมักจะหวั่นไหว ปั่นป่วน ซวดเซ กวัดแกว่ง จิตที่ฝึกดีแล้วจึงย่อมนำสุขมาให้ผู้เป็นเจ้าของจิตนั้น อย่างไรก็ตามเป้าหมายของจิตก็คือความสงบเย็น
    ระบบกาย คือ รูปธรรมที่จับต้องได้เป็นสรีรภาพ มีการทำงานอย่างเป็นระบบ ต้องการที่อยู่ มีตัวตน มีน้ำหนัก สังเกตได้เป็นปรนัย รับผิดชอบการสัมผัสเป็นปรนัย ระบบกายมีการแสดงออกมาทางคำพูดท่าทางมีการกระทำที่เป็นสื่อกลางบ่งบอกความรู้สึกภายในจิตใจ เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกและความต้องการต่างๆ กายเปรียบเสมือนบ้านเรือนที่อยู่อาศัยที่จะต้องประกอบไปด้วยส่วน ประกอบต่างๆภายในบ้าน โครงสร้างบ้านจะต้องมั่นคงแข็งแรง บ้านจะต้องมีการดูแลหมั่นทำความสะอาดปัดกวาดเป็นประจำมีการเอาใจใส่อย่างดีให้น่าอยู่น่าอาศัย สิ่งใดๆหรือเหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นกับกายย่อมส่งผลกระทบสู่จิตใจเสมอ เช่นอาจทำให้เกิดการสั่งการผิดพลาดก่อให้เกิดความเสี่ยงสูง เป้าหมายของกายคือความสบาย

    ทั้งกายและจิตมีเกิดและมีดับตามอายุขัย กายมีการปรับเปลี่ยนรักษาได้ซึ่งอาจจะทำได้ด้วย กระบวนการทางการแพทย์ มีการบำรุง การพักผ่อน การดูแลด้วยการรับประทานอาหาร ยา สารต่างๆ ที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ มีการออกกำลังกาย การบริหารบำรุงรักษากายอย่างถูกต้องจะช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ปลอดโรคภัยเบียดเบียน ช่วยชะลอความชราของเซลล์ร่างกายได้
    ในขณะที่จิตนั้นต้องพึ่งตนเอง หมั่นเฝ้าตรวจสอบดูแลตนเอง สนใจตนเอง ในที่นี้คือการเพ่งมองเข้าไปในตนเอง รู้เท่าทันความคิดของตนเอง ไม่วิตกกังวล มีสติมีพลังหนักแน่นมั่นคงเอิบอิ่มเบิกบานไม่มีความทุกข์ พร้อมต่อการเผชิญและแก้ปัญหา ผู้มีปัญญาจึงมักรักษาและกำกับติดตาม จิตของตนเอง

    ชีวิตที่ระบบกายและระบบจิตทำงานได้ไม่สมดุล เปรียบเสมือนครอบครัวที่สามีและภรรยา ทะเลาะกันหรือฟันกระทบกับเหงือก ทำให้เกิดปัญหาไม่มีความสุขในการดำเนินชีวิต เราจึงต้อง ดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้เจริญงอกงามควบคู่กันไป โดยการดำรงพฤติกรรมที่ไม่บั่นทอนกาย ยึดหลัก 4 อ กล่าวคือ อาหาร อากาศ อารมณ์และการออกกำลังกาย เพื่อส่งเสริมกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ส่วนการส่งเสริมจิตให้มองที่อนาคต คิดได้คิดเป็นและคิดในทางบวก เห็นคุณค่าในตนเอง มองวิกฤติเป็นโอกาส เยือกเย็นปราศจากความคับข้องใจ รู้จักพอเพียง หมั่นศึกษาหาความรู้อยู่เนืองๆ บุคคลใดก็ตามหากสามารถผสานทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกายให้สมดุลได้ย่อมก่อให้เกิดบุคลิกภาพที่ดีเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ ทำให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพทั้งในชีวิตส่วนตัวส่วนรวมและหน้าที่การงาน


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ไล่อ่านมีเล่าประสบการณ์กันมาเยอะมากๆ แต่ที่น่าแปลกคือองค์หยวนสือเทียนจุนที่จองเต็มแล้วมีแต่คนขอให้ทำงานแกะไม้ขึ้นมาเป็นมงคลประจำกายกันอีกสี่ห้าคน บางคนใช้แล้วอยากได้เพิ่ม บางคนมาไม่ทัน ก็คงจะเป็นองค์ท่านดลจิตดลใจให้สั่งมาพร้อมๆกันทีเดียว โดยเฉพาะเครื่องมงคลชุดหลังๆนี่รู้สึกได้เลยว่าท่านเลือกเจ้าของจริงๆ
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ก็มาพูดคุยกันรอบเย็นนะครับ

    จะสังเกตุว่าหลังๆที่ผ่านมาพ่ออาจารย์ท่านออกเครื่องมงคลแต่ละที จับสังเกตุให้ดีท่านจะเน้นสื่อชัดๆว่าใช้สำหรับภัยพิบัติ กลียุค เศรษฐกิจ... คือท่านพูดเกริ่นมาเนิ่นนานแล้วตั้งแต่ที่คนยังไม่รู้สึกและยังคิดไม่ได้ จนหลายๆคนทักว่าเริ่มรู้ตัวเพราะสิ่งต่างๆเกิดขึ้นจริง เรียกว่าท่านส่งสัญญาณเตือนเรามาเนิ่นนานแล้ว ก็อย่าประมาทนะครับหลังๆหลายๆอย่างรุนแรงจริงๆ
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    พ่ออาจารย์ท่านมีดำริว่าระยะนี้ให้นำเครื่องมงคลที่เกี่ยวกับเรื่องกันโรคระบาด กันตัว กันภัย รวมไปถึงช่วยคนให้ฝ่าด่านเคราะห์กรรมได้สำเร็จออกมาก่อน... ซึ่งระยะนี้ก็จะออกเครื่องมงคลสำคัญมากๆอีกองค์หนึ่งอันนี้แจ้งไว้ก่อนล่วงหน้าเลย เดี๋ยวติดตามกันดีๆ
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    เครื่องมงคลรายการนี้นอกจากจะใช้ฝ่าด่านเคราะห์กรรมแล้วยังดีด้านหนุนดวงมากที่สุดด้วย ถึงขนาดที่ว่าพ่ออาจารย์ท่านกล่าวแบบหยอกๆเอาไว้ ว่าถ้าใครที่ดวงตกแล้วต้องห้อยองค์นี้ ผิดจากองค์นี้ไป ห้อยอะไรก็ไม่เจริญแล้ว
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่พิสุทธิ์ EI 6559 7633 5 TH

    พี่ศิระ EI 6559 7634 9 TH

    พี่บุญชนะ EI 6559 7635 2 TH

    พี่ธีรนนท์ EI 6559 7636 6 TH

    พี่ทวีพงษ์ EI 6559 7637 0 TH

    พี่ธนากร EI 6559 7638 3 TH
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    พรุ่งนี้รอบเย็นจะลงรายการที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะพ่ออาจารย์ท่านปกติก็ไม่ค่อยได้น้ำมันวิเศษใดๆมาฝังเครื่องมงคลออกให้บูชากันนานแล้ว ทั้งท่านยังย้ำไว้ด้วยว่ารายการนี้เป็นเครื่องมงคลสำหรับคนที่รู้ตัว...ไม่ได้หลอกตัวเอง จะใช้ด้านไหนติดตามดีๆ แจ้งล่วงหน้าจะได้จองกันทันไม่พลาดแบบรุ่นเก่าๆ
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยเหาะเหยียบเมฆ(ผันล้างด่านเคาะห์หมื่นพันชะตามนุษย์)

    " เราจะทำไว้ให้กับคนที่คู่ควร สำหรับคนผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่เห็นความสำคัญของกาลเวลา ห้ามใช้ "

    หากกล่าวถึงองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยแล้ว ย่อมต้องกล่าวได้ว่าเป็นองค์เทพที่พ่ออาจารย์ท่านพึ่งบารมีมากที่สุดยามรู้ว่าดวงตนเองตก(ท่านไว้ใจขนาดนี้) หรือแม้แต่มีคนดวงตกจริงๆแบบเลวร้ายเกินแก้ไขนั่นแหละท่านจึงจะนำเครื่องมงคลที่ทำไว้คือองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยรุ่นนี้มาขอบารมี
    พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยที่ท่านสร้างไว้นั้น
    นอกจากจะช่วยแหกด่านให้ผ่านพ้นเคราะห์กรรมทั้งหลายแม้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดหรือจวนตัวที่สุดแล้วยังจะประคับประคองทุกหนทางได้อย่างวิเศษ ทั้งท่านยังปกปักรักษา อภิบาล...จนเป็นใหญ่เป็นโตนั่นแหละ *** เรื่องนี้ที่พ่ออาจารย์ท่านว่าเปลี่ยนชีวิตง่ายเพราะองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยท่านมีบารมีของท่านเฉพาะทางด้านพิชิตมาร ปราบปรามศัตรูและสิ่งเลวร้ายทั้งหลายได้รอบทิศ กล่าวให้ชัดแจ้งเมื่อไม่มีศัตรูย่อมไม่มีอุปสรรคเช่นนั้นเอง แม้องค์ท่านหรือกระแสกำลังญาณของท่านปรากฏที่ใดก็เป็นที่วางใจได้เกินพันเกินหมื่นยิ่งกว่ากำลังใดๆว่าท่านอยู่กับใครแล้วย่อมจะนำพาความโชคดีมีชัยมาให้เสมอทุกเวลา

    คนไทยหลายคนเข้าใจผิดว่าท่านชื่อเจ้าพ่อเสือ เพราะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือองค์เทพประธานก็คือองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านไม่ใช่เจ้าพ่อเสือหากแต่มีเสือเป็นบริวารต่างหาก เช่นนี้จึงเรียกกลายๆได้ว่าเจ้าพ่อเสือก็คือบริวารของท่าน องค์ตั่วเหล่าเอี๊ยนั้นท่านสำเร็จเป็นเซียนคืออุบัติขึ้นเองบนสวรรค์จนลงมาเอากำเนิดในโลกมนุษย์ภายหลังเรียกว่ามีกำเนิดใหญ่ผิดแปลกกว่าเทพทั้งหลายดุจจุติมาจากสภาวะธรรม จนมีบางคนเชื่อว่าท่านคือปางโปรดสัตว์หรือปางที่องค์เง็กเซียนแบ่งภาคลงมาบนโลกเช่นนี้ก็มี ท่านบำเพ็ญปลีกวิเวกจนสำเร็จธรรมโดยองค์เง็กเซียนฮ่องเต้โปรดประทานยศให้เป็นเทพประจำทิศเหนือทั้งยังพ่วงตำแหน่ง "ผู้ตรวจการสามโลก" มีนามว่า “เฮียงเทียนเสียงตี่” มีธงดำเป็นอาญาสิทธิ์ สยบปีศาจร้าย เหยียบเต่าและงู มีเสือเป็นยานพาหนะ
    พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยนั้นได้ชื่อว่า
    มีกำลังอันลึกลับอัศจรรย์เหรือเทพเซียนทั้งปวง มีอำนาจอิทธิฤทธิ์เลื่องลือในทางมหาปราบหรือจัดการกับภูติผีปีศาจทั้งหลายเรียกว่าท่านไล่ผีเก่งก็ได้ เพราะท่านได้รับหน้าที่สำคัญแทนองค์เง็กเซียนโดยตรงคือเป็น "ผู้ตรวจการสามภพ" และยังเป็นทั้ง "องค์พระผู้พิชิตมาร" จึงเป็นที่เกรงขามของทวยเทพทั้งหลายทั้งปวงอย่างยิ่ง เพราะแม้เทพ,เซียน,พรหม,มาร,ปีศาจ ล้วนตกอยู่ใต้อำนาจผู้ตรวจการของท่านทั้งสิ้น ใครจะได้รับผลบุญผลกรรม ใครจะผิดกฏฝ่าฝืนอย่างไรท่านลงโทษกระทำแทนสวรรค์แทนสัจธรรมได้ทั้งหมด นอกจากนี้ท่านยังมีอาญาสิทธิ์ถือธงเทพโองการดำเป็นสัญลักษณ์ของท่าน พ่ออาจารย์ท่านว่าธงนี้สำคัญนักเพราะมีอำนาจบัญชาการของเจ้าสวรรค์คือบังคับบัญชาได้แม้กระทั่งเทพหรือเหนือเทพไปอีกก็คือพรหมทั้งหลายผู้มากอานุภาพยังไม่มีละเว้น
    ท่านมีอาญาสิทธิ์เฉียบขาดในทุกเรื่องคือกระทำทุกอย่างได้เลย เป็นการกระทำแทนฟ้าไม่ต้องผ่านใครเพราะเป็นอำนาจเฉพาะของท่านเช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเวลาท่านช่วนท่านให้พรหรือใครที่มีด่านเคราะห์กรรมในชีวิตมากๆได้บูชาท่านจึงจะดี พ่ออาจารย์ท่านว่ากว่าจะทำได้ก็ไม่ง่ายเพราะต้องขอท่านก่อนให้ช่วยกันเต็มที่ เฉพาะคนของท่านที่มีบารมีวาสนาสัมพันธ์กันแค่นี้นั่นแหละ พ่ออาจารย์ท่านทำเป็นรูปหล่อองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยกระทำโดยธาตุกายสิทธิ์มือซ้ายยกชี้ระดับหน้าอกไปยังท้องฟ้าอันแสดงความหมายถึงการบรรลุธรรมสำเร็จเต๋า ท่านย้ำเตือนว่าขาต้องเหยียบเต่าและงูไว้ อันเต่างูนี้เป็นคู่มิตรกันซึ่งทั้งสองก็คือมารปีศาจอันมีกำเนิดมาจากอวัยวะภายในร่างกายท่านเมื่อครั้งลงไปเกิดเป็นมนุษย์ เรียกว่าแม้อวัยวะเพียงเท่านี้ก็หามีเทพเซียนใดปราบปรามได้แล้ว องค์เง็กเซียนจึงให้ท่านไปจัดการสยบจนหมดฤทธิ์ ภายหลังจึงเป็นบริวารของท่านทั้งยังเป็นเครื่องหมายของการเหยียบข่มปราบปรามศัตรูอันจะมีเข้ามาในชีวิต รวมไปถึงโรคร้ายภัยพิบัติทั้งปวงอันจะเกิดขึ้นต่อไป...พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าเชิญพระญาณท่านลงมาแล้วเราได้สักการะจะพ้นภัยพิบัตินานา

    นายด่านผู้ผันผ่านด่านชีวิตชะตากรรม
    คติการบูชานั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยโบราณแม้แต่เจ้าหรือฮ่องเต้ทุกสมัยก็เคารพท่านนัก โดยถือว่าองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยท่านเป็นผู้ดูแลโชคชะตาของมนุษย์เพราะท่านเป็นผู้ตรวจการณ์สามภพ สามารถเห็นกงล้อกรรมและการเปลี่ยนผ่านช่วงชีวิตได้ จึงแก้ไขเติมเต็มเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้ทั้งหมด แม้แต่คนชะตาขาดอายุสั้นหากบารมีท่านโปรดแล้วจะอยู่ต่อไปให้อายุยืนยาวนับร้อยปีก็ได้เช่นนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่านั่นคือเคราะห์กรรมใหญ่สุดเพราะเกี่ยวกับชีวิตและความตาย หากจะนับเพียงเคราะห์ย่อยในด่านชีวิตจึงนับได้ว่าไม่นับเป็นอะไรเลย(ท่านว่าท่านพูดมากไปกว่านี้ก็ไม่ได้ เพราะถ้าพวกเขาจะ"ทึ่ม"กันจนไม่เข้าใจก็ต้องปล่อยไปตามมีตามเกิดแล้ว)
    คติการนับถือองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยนั้นมีมายาวนานมากกว่าสองพันปี เทพองค์นี้เดิมมีนามว่าซวนอู่ และเปลี่ยนเป็นเจินอู่ในเวลาต่อมา แล้วการยอมรับนับถือท่านก็มาถึงขีดสุดของความรุ่งเรืองสมัยราชวงศ์หมิง พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยนั้นมีหน้าที่เป็นเทพพิทักษ์นะ หากเหรียญหล่อนี้ตกอยู่กับใครท่านก็มีหน้าที่เข้าพิทักษ์ *** เมื่อจะถามเอาว่าพิทักษ์อะไร ก็พิทักษ์ความมั่นคงในชีวิตพวกเธอนั่นแหละ ไอ้ตัวความมั่นคงนี้เป็นอย่างไรบางทีทั้งชาติก็ไม่เห็นจะได้เห็นกันก็คราวนี้ นอกจากนี้ท่านยังมีอิทธิฤทธิ์ทางคุ้มครองรักษาโรคภัยอาราธนาทำน้ำมนต์อาบดื่มแก้โรคร้าย(โรคเวรโรคกรรมที่ติดมาแต่จิตเดิม)ทั้งหลายก็ได้
    ท่านเป็นผู้ถือดาบปราบมารสามภพหรือกระบี่เจ็ดดาวอันมีอำนาจปราบได้ทั้งเทพ,ผี,ปีศาจทั้งสามภพทำให้ท่านเป็นเทพพิชิตมารซึ่งภูติผีปีศาจจะเกรงกลัวท่านมากเพราะท่านเป็นเทพปราบมารที่ปราบกำลังด้านมืดโดยเฉพาเพราะองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยนี้ถือได้ว่าเป็นเทพที่มีฤทธิ์สูงสุดแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าหากเทียบในเหล่าเทพด้วยกันก็ไม่มีองค์ไหนเก่งทางฤทธิ์แบบนี้เพราะท่านมีอิทธิฤทธิ์เป็นอันดับหนึ่งของสวรรค์ โดยนามของท่านก็เป็นเทพเหนือเทพ เป็นเทพระดับมหาเทพผู้ใหญ่คือมีบารมีเหนือเทพเซียนทั้งปวง
    พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยรุ่นนี้ทำขึ้นมาด้วยปรารถนาจะให้กราบไหว้เพื่อเสริมบารมีทางด้านมั่งมีโชคลาภด้วยเพราะเหตุว่าจะอยู่ในยุคนี้อย่างสบายใจได้เงินและทรัพย์สินย่อมสำคัญที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่านับตั้งแต่ฮ่องเต้ถึงสามัญชนล้วนเชื่อว่าไหว้ท่านแล้วจะโชคดี จะช่วยเรื่องร่ำรวยโชคลาภ แต่ความเป็นจริงแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าที่ท่านช่วยคือผันล้างหลีกเลี่ยงด่านเคราะห์กรรมมนุษย์เมื่อหลบพ้นแล้วจะเปลี่ยนคนธรรมดาให้เฟื่องฟูร่ำรวยมากที่สุดจึงเป็นแค่สิ่งสามัญเท่านั้น ท่านว่าองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยนี้บารมีท่านใหญ่มาก จะขอเรื่อง สุขภาพ ครอบครัว การงานหรือแม้กระทั้งการเรียน..จะขออะไรก็ขอได้ตามที่เราเดือดร้อนในแต่ละจังหวะนั่นแหละ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมันเยอะ ปัญหาชีวิตมันมาก หากจะถามว่าองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยท่านช่วยเรื่องไหนได้บ้าง พ่ออาจารย์ท่านว่าบารมีท่านย่อมโปรดครบหมด หากจะว่าชีวิตดีนั้นเป็นอย่างไรท่านว่าถ้าไม่บอกก็คงไม่เห็นภาพ แต่ท่านว่าตอนเชิญองค์ท่านฉันขอและทำสัญญากันไปแล้วว่าให้ท่านช่วยลูกๆทุกๆเรื่องตั้งแต่ขจัดปัดเป่าเคราะห์ภัย,ความล้มละลาย,เรื่องแคล้วคลาดปลอดภัย,เกิดสิริมงคลโชคลาภ,เสริมดวงชะตาให้ชีวิตราบรื่นดี,ดึงสิริมงคลเข้าหาชะตาชีวิต,ให้การงานไร้อุปสรรค,ให้อุปสรรคผ่านไปด้วยดี,ทำการค้าเจริญรุ่งเรือง,ให้สุขภาพแข็งแรงไร้โรคภัย,ดึงวาสนาบารมีให้สูง,มียศฐามีตำแหน่ง,ดลให้สิ่งแวดล้อมคู่มิตรและบริวารเกื้อหนุน,ให้เจริญก้าวหน้าในอาชีพ,ให้เงินทองไหลมาเทมาช่วยเรียกทรัพย์,เงินไหลเข้าไม่ขาดสภาพคล่อง,บังเกิดความมั่งมีศรีสุข,แก้ไขเคราะห์ร้าย,ลดเคราะห์บรรเทาให้เบาบางลง,ปิดความสูญเสียให้หมดสิ้นไป,ให้อันตรายผ่านพ้นตัว,สลายเหตุที่มาแห่งเภทภัย,ประทานสติปัญญาในทางแก้ปัญหา,นำมาซึ่งชัยชนะ,นำมาซึ่งชีวิตอันร่มเย็นเป็นสุข,นำมาซึ่งสุขสงบ,ประทานอำนาจบารมี,คิดหวังสิ่งใดให้สมปรารถนา,ชีวิตสำเร็จตามความมุ่งหวัง,มีโชคดีเข้ามาในชีวิต...นั่นแหละแม้สิ่งเหล่านี้หรือจะมากกว่านี้ท่านก็ช่วย

    พ่ออาจารย์ท่านเน้นเรื่องมวลสารผงวิเศษที่อุดฝังให้เข้มข้นที่สุด ท่านว่าทำทั้งทีต้องมีดีให้เค้าใช้ได้หลายด้าน ท่านจึงใช้ผงที่ลบเก็บสะสมไว้หลายสูตรมาเข้ากันเพื่ออุดองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยนี้ ได้แก่

    - ยาปัดอุบาทว์ ยานี้ท่านว่าทำยากเพราะนอกจากว่านยาที่จะกู้มาแล้วต้องนำมาลงอักขระตามสูตรเสกว่านยาแล้วจึงบดเป็นผงนำมาเข้ากับผงวิเศษต่างๆที่มีฤทธิ์รุนแรงและเป็นความลับอีกห้าชนิดจึงจะสำเร็จ ยานี้ใช้ปัดได้ทั้งเหตุที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติวิสัยหรือผิดธรรมชาติ ทั้งอัปมงคลเป็นลางไม่ดี ทั้งอาเพศ อุบาทว์ เหตุร้ายที่จะเกิดแบบปัจจุบันทันด่วน รวมไปถึงภัยอันตราย ความทุกข์ร้อนที่จะเป็นต้นตอลุกลามมอดไหม้ต่อไปทั้งกับตนเองและวงศ์ตระกูล พ่ออาจารย์ท่านว่าสรุปสั้นๆคือใช้ล้างอาถรรพ์ร้ายทั้งหลายทั้งปวงอันจะปรากฏมีขึ้นในโลกในชีวิตตนได้ดียิ่งนัก
    - ผงงอกเงยเศรษฐีจับช้าง ผงวิเศษนี้เป็นผงตระกูลเศรษฐีที่พ่ออาจารย์ท่านลบถมเอง โดยเมื่อจะทำต้องใช้ชิ้นส่วนสำคัญของครูช้างครูปะกำนำมาประกอบพิธี ทั้งหนังช้าง งาช้าง งวงช้าง หูช้าง... หางช้าง โดยแต่ละส่วนนั้นล้วนมีคุณอยู่ในตัวของมันเอง ท่านนำมาทำวิชาก่อนที่จะเผาตำเอาผงลงวิชาเศรษฐีจับช้าง ท่านว่าวิชานี้ดีอย่างไรทำไมถึงชื่อแปลกๆ ผงวิชาเศรษฐีจับช้างนี้พ่ออาจารย์ท่านว่า ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ มากกำลัง มากบารมี ผงเศรษฐีจับช้างนี้ก็อาศัยกำลังของช้างสำคัญให้เป็นเศรษฐีแบบไม่นึกฝัน ท่านว่าคนที่ถูกเมินเฉย ชีวิตจับแต่งานเล็ก คิดการณ์ใหญ่ ทำสิ่งที่ต้องเติบโตและพัฒนาขึ้นไม่เคยประสบความสำเร็จ ตัวนี้ต้องใช้ผงนี้แก้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเราเคยทำให้พวกทำธุรกิจลองใช้กันหลายคน ที่บอกว่ามีแต่งานเล็กๆโครงการที่ไม่ค่อยจะได้กำไรกัน รายไหนรายนั้นกลายเป็นได้จับงานใหญ่โตทั้งสิ้น ท่านว่าผงนี้เหมาะสำหรับคนอยากมีพัฒนาการ ต้องการความสำคัญ อยากรับผิดชอบงานใหญ่จะได้รวยและมั่งมีแบบใหญ่โต ซ้ำวิชาเศรษฐีจับช้างนี้ยังสยบการแข่งขัน ปราบปรามคู่แข่ง กำราบปัจจามิตรคิดร้ายให้มีอันเป็นไปได้อีกด้วย
    - ผงสุริยะมณฑลทรงรถ ผงสำคัญนี้ท่านพบในถ้ำที่พม่าเป็นผงสำคัญคู่กับผงจันทร์ทรงกลด พ่ออาจารย์ท่านว่าผงนี้ทำไว้โดยฤาษียุคโบราณ เราสอบถามดูได้ความว่าเป็นองค์เดียวกันกับที่คิดประดิษฐ์ยันต์สุริยประภา จันทรประภาให้ใช้กันสืบมานั่นทีเดียว อันผงสุริยะมณฑลทรงรถนั้นท่านว่าเป็นของประเสริฐเลิศเสียกว่าทรัพย์สินจินดามณีใดๆในโลก หาค่ามิได้ หาสิ่งใดเทียบเทียมได้ยาก ถึงขนาดว่าแม้แก้วมณีโชติ สมบัติบรมจักรพรรดิ หรือสมบัติพระอินทร์สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ไม่อาจเสมอเหมือนได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าผงนี้จะดีด้านหนุนดวง ซ้ำยังทำให้บุคคลทั่วไปผ่อนคลายอารมณ์ไม่มักโกรธถือโทษเรา ทั้งคนเคารพยำเกรง มีอายุยืนโสตสัมผัสแจ่มใสมิหลงลืมเลือน ทั้งระงับโรคาอาการเจ็บไข้โทษภัยร้ายแรงทุกประการ แม้นได้พบอาราธนากล่าวสืบมาว่าย่อมไม่รู้จักที่จะตกทุกข์ได้ยากนั่นทีเดียว มีค่าดุจได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กระทำสักการะให้ดี
    - ผงจันทร์ทรงกลด เป็นผงสำคัญคู่กับสุริยะมณฑล แต่ผงนี้จะเน้นหนักทางโชคลาภถึงขนาดที่ว่าแม้ไม่มีจะกินเทวดายังเอาอาหารมาให้ และผิว่าถิ่นที่อาศัยของเรารอบบริเวณมีสินทรัพย์สมบัติใดย่อมได้ตกเป็นกรรมสิทธิแก่เราทั้งสิ้น หรือแม้นจะปรารถนาแก้วแหวนเงินทองหรือวัตถุอะไรก็ตาม ให้จัดเครื่องบูชาแก่ผงนี้ดุจบูชาพระสัมมาสมพุทธเจ้า ท่านว่าบำเพ็ญไปเถิดปรารถนาอันใดต้องได้ดั่งใจทุกประการท่านว่าผงนี้สำคัญมากแม้นคนหนียังได้กลับคืน คนรักเอาใจออกห่างยังกลับมาสนใจ เป็นเสน่ห์เมตตาติดกันไม่แยกจาก ดั่งชะตาเปิดรับวาสนาดุจน้ำขึ้นทรัพย์เต็มท้องน้ำ ให้รีบตักรีบโกย ท่านว่าอุปมาไว้แก่ผู้ที่ได้ผงนี้ไปบูชาดุจชีวิตน้ำขึ้นอยู่เช่นนี้เรื่อยไปไม่ลดลงเสื่อมถอยเลย ท่านว่าผงทั้งสองนี้เป็นผงสำเร็จของฤาษีแต่โบราณ หากจะทำพระให้แรงและมีฤทธิ์เสมอหรือเกินกว่านั้นสิ่งอื่นย่อมมิอาจแทนกันได้ ผงนี้จึงเหมาะแก่การสร้างพระพุทธพักตร์ที่สุด พ่ออาจารย์ท่านได้ใช้ผงสองชนิดนี้เป็นปัจจัยหลักในการสร้างพระผสมมวลสารนั่นเอง
    - ผงฤาษีสัมฤทธิ์ ผงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าหลวงพ่อฤาษีท่านยื่นใส่มือมาให้ บอกแค่ว่าชื่อผงฤาษีสัมฤทธิ์ ให้เก็บไว้รอคนมีบุญเอาไปใช้ ท่านว่าท่านไม่ได้ถามอะไรมากเพราะถือคำพระอริยะเจ้านั้นเป็นวาจาศักดิ์สิทธิ์ ที่ว่าสัมฤทธิ์แปลว่ามันดีไปหมด เกิดผลทุกอย่าง สัมฤทธิ์ผลไปหมดทุกอย่าง และผงนี้เป็นผงแต่โบราณที่สร้างโดยฤาษีเช่นกันท่านจึงเรียกว่าฤาษีสัมฤทธิ์ พ่ออาจารย์ท่านว่าเก็บมานานจนทำพระหนนี้ ก็เพื่อจะให้คนมีบุญแต่กรรมบังทั้งหลายได้เอาไปอาราธนาใช้ดู ให้ชีวิตเขาสัมฤทธิ์ เป็นประสิทธิ์เกิดมรรคเกิดผลตามแนวทางของอาชีพและวิถีชีวิตที่คาดหวัง ท่านจึงนำมาผสมพร้อมผงทั้งหลาย
    - ผงมหาสะกดไมยราพสะกดทัพ ใช้สะกดวิญญาณ,ล้างอาถรรพณ์ ดีเด่นทางด้านป้องกันภูตผีปีศาจ วิญญาณร้าย,ผีภูต,ผีพรายมิกล้ากล่ำกลาย ทั้งผงนี้ยังใช้ล้างอาถรรพณ์อันไม่เป็นมงคลต่างๆในชีวิตเราได้ทั้งสิ้น(ท่านว่าเดี๋ยวนี้คนต้องอาถรรพ์กันเยอะทั้งคนเล่นของก้มากขึ้นทุกวันจนคุมไม่อยู่จะทำของวิเศษไปกลับชีวิตใครเขาได้ก็ต้องเอาเรื่องล้างตัวอาถรรพ์ออกให้ได้ก่อนจึงจะกลับได้) ทั้งเป็นมหาสะกด ใช้สะกดจิตสะกดใจถึงมีฤทธิ์เก่งกล้าดั่งหนุมานชาญสมรก็ยังสะกดให้หลับได้(ไมยราพสะกดทัพ) ตามตำรากล่าวไว้ว่าวิชากล้องยาเป่ามนต์สะกดทัพของพญาไมยราพนั้นมีฤทธิ์มากแม้จะสะกดองค์นารายณ์อวตารก็ยังทำได้ ดังนั้นวิชาผงนั้นก็เช่นกันพ่ออาจารย์ท่านว่าต้องใช้สะกดได้แม้เทพยดานั่นแหละจึงจะกดตัวอาถรรพ์ลงไปได้
    - ผงตัดพลัง(สยบดวง) วิชานี้จริงๆแล้วท่านว่าต้องเรียกสยบดวงแต่ท่านเอาที่วิธีใช้พอจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็เหมือนเราตัดพลังคนอื่นเค้า เวลาเราจะทำกิจอันใดที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้อื่นคุณวิชานี้จะสยบดวงของเขาไว้ ใช้สะกดดวงทั้งลูกค้า คู่แข่งและคนรอบข้างเพื่อเบิกทางสู่ความมั่งคั่งของตนเอง ท่านว่าอะไรก็ตามที่เป็นการแข่งขันทั้งการค้า,ธุรกิจ,การเสี่ยงโชค หรือคนที่รู้ตัวว่าชีวิตมีความเสี่ยง เราทำแล้วมันไม่แน่ไม่นอนนะแบบไม่แน่ว่าจะได้ ผงนี้จะหนุนเราให้กิจที่ทำเป็นไปได้ด้วยดีดั่งเราตัดพลังคนอื่นเขา พ่ออาจารย์ท่านว่าใช้เพิ่มโอกาสในหน้าที่การงานจะได้มีทรัพย์สินดั่งที่ต้องการ ให้ชีวิตรับเอาแต่สิ่งที่ดีมากกว่าคนอื่น จะทำอะไรก็มีลาภลอยไม่ขัดสน
    - ผงพระเจ้าดับทุกข์ ท่านว่าผงนี้ดีเพราะมีตัวรู้ ให้เราอธิษฐานดับทุกข์ได้ตามสั่ง จะใช้ปัดเคราะห์กันความก็ทำได้ตามต้องการ ทั้งยังเป็นกำบังแม้แต่อริศัตรูหมู่มารร้ายมาพบเจอย่อมไม่เห็นเราทำร้ายเราไม่ได้ไม่ต้องเนื้อตัว ท่านว่าผงนี้สำคัญเพราะผสมลงไปให้องค์พระมีคุณทางดับทุกข์,ปัดเคราะห์,เตือนภัย ถ้าเมื่อไหร่ที่ชีวิตเรามีภัยจะมีเหตุดลใจให้ฉุกคิดก็เป็นอันที่รู้กันว่าจะเกิดภัยอันตรายมาสู่ตัวให้ระวังภัย ทั้งคุณวิชานี้ยังมีผลงอกงามใครที่ขยันหมั่นสวดหมั่นอธิษฐานสิ่งใดไว้อะไรๆก็จะดีขึ้น แม้ฉุกเฉินต้องเผชิญอันตรายก็จะบังเกิดเป็นเกราะคุ้มภัยไม่ให้มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นเลย
    - ผงไก่กุกเรียกทรัพย์ ผงไม้นี้ท่านว่าเป็นทั้งเสน่ห์ก็ได้ใช้ทางเรียกทรัพย์ก็ได้ พ่ออาจารย์ท่านปลุกเสกเสริมใส่ไว้ด้วยวิชาเมตตาอันเหลือล้นด้วยคนไหนพกไม้ไก่กุกไม่ว่าชายหรือหญิงย่อมเป็นที่ต้องจิตตรึงตาสะกดใจชนทั้งผองเมื่อได้พบหน้า จะเจรจาความอะไรก็เป็นไปตามปากสำเร็จสมหวังทุกประการ ผงนี้ท่านว่าดีทางเมตตาหากิน จะหาคู่หาทรัพย์ก็ใช้ได้ทั้งนั้นสุดแท้แต่จะต้องการเถิด
    - ผงเหยียบเซียน ท่านว่าวิชานี้ก็เป็นการหนุนดวงอย่างหนึ่ง แต่ต้องเรียกว่าหนุนเน้นไปในทางโชคลาภและการแข่งขันทุกรูปแบบโดยเฉพาะ ชนิดที่ว่าหากไปเจอใครมีอาถรรพ์มีวิชาอะไรในตัวเราข่มเขาหมด ของที่ผู้อื่นใช้จะอ่อนแรงดั่งเสือที่ว่าดุยังนอนหมอบสยบลง จะใช้ทางไหนก็ได้ท่านว่าใช้เพื่อให้ทุกสิ่งที่มันได้ชื่อว่าดีกับตัวเราเข้ามาในชีวิต หนุนให้ตัวเราสูงยิ่งขึ้นเหยียบเอาชัยเหนือผู้อื่นจนเขาหมอบกราบยอมแพ้กันแบบนั้น คนที่ชีวิตไม่ค่อยจะดีท่านว่าผงนี้จะพลิกกลับให้ชีวิตพลิกผัน จะกลับร้ายกลายเป้นดี พลิกชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองทั้งการเงินการงานความรักการเสี่ยงดวง...ครบเครื่อง
    - ผงภาคพระราหู วิชาสายราหูนั้นใช้ได้หลายเรื่องจะเน้นให้บังเกิดโชคลาภ ถามหาโชคใหญ่ เปลี่ยนคนโชคร้ายให้โชคดีมีทรัพย์ คนที่ดวงตกดวงไม่ดีดวงด้านการเงินเจ๊งเปลี่ยนให้ทำมาค้าขึ้นค้าขายคล่อง คนที่ดวงด้านความรักไม่ดีก็จะมีแต่คนรักคนเมตตา คนไม่มีคู่ก็จะพบคู่เรียกว่าใช้ได้หลายทาง แต่วิชานี้ส่วนใหญ่ต้องทำในคืนราหูอมจันทร์บางอย่างพ่ออาจารย์ท่านต้องทำอาถรรพ์นำผงออกมาอาบแสงจันทร์เป็นปี บางอย่างก็ผ่านพิธีรับส่งราหูมาหลายพิธี ที่เรียกว่าผงภาคพระราหูนั้นเพราะท่านท่านทำผงวิชาราหูหลายตำรับนำมาลบรวมกันเพื่อเน้นกำลังให้แรงที่สุดด้วยวิชาสายราหูนั้นจะเรียกเรียกเงินเรียกทองเรียกโชคลาภทรัพย์สินความร่ำรวยยิ่งยิ่งขึ้นไปให้เกิดกับผู้ที่นำมาสักการะบูชา ท่านว่ามีครบหมดทั้งราหูหาทรัพย์,ราหูค้นทรัพย์,ราหูรับทรัพย์,ราหูสะกดภูมิ(ท่านว่าตัวนี้แรงเพราะสะกดได้หมดแม้แต่เจ้าที่พระธรณีหรือเทวดาทั้งหลายรวมไปถึงสะกดอาถรรพ์สถานที่ต่างๆที่เราอาศัย) ท่านอธิษฐานจิตฝากพระราหูให้ช่วยเรื่องทรัพย์และการเสี่ยงดวงเป็นทางเฉพาะ ให้ผู้สักการะมีคนอุปถัมภ์คอยช่วยเหลือเวลาไร้ที่พึ่งพิง
    - ผงสมบัติพระอินทร์ ใช้สร้างคนให้เป็นมหาเศรษฐีเน้นทางมหาลาภใหญ่ ให้ผู้อาราธนาประสบความสำเร็จสมหวังในสิงที่ปรารถนาทั้งค้ำคูณหนุนดวงให้เจริญรุ่งเรืองดุจมีสมบัติเทวดาสมบัติพระอินทร์มีวาสนาจอมเทพนำทางชีวิต ผงนี้ท่านว่าใส่ไว้เดินไปทางไหนติดต่อใครไม่มีคนกล้าเกลียดเป็นที่รักของทั้งคนและเทวดาทั้งหลาย ไม่มีคำว่าอดอยากยากจนเพราะเป็นของทิพย์ ต่อให้ยามขัดสนหมดหนทางจริงๆก็จะเห็นทางไป เห็นทางออกที่ใช้แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
    - ผงมนต์ดูดจิต ใช้ดูดจิตดูดใจให้มีคนมารักใคร่จะดูดจิตให้รักหรือดูดทรัพย์เข้ามาหา ดูดอะไรมาใส่ปากให้เรากลืนให้เรากินก็ได้ทั้งนั้นขึ้นอยู่ที่เจตนาเอาไปใช้ เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมและมหาลาภอยู่ในตัวเอง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือดูดจิตเรียกใจคนได้
    - ผงเต่าเลือนสูญความ ท่านว่าปกติวิชาเต่าก็ดีทางทำมาค้าขึ้นหนุนดวง เป็นสุดยอดทางมหาลาภเน้นโชคลาภดีอยู่แล้ว แต่เต่าเลือนนี้ยังช่วยให้ทุกข์ให้ถ้อยความสูญไปผ่านพ้นไปด้วยดีให้มีชัยชนะเหนือศัตรูคู่แข่ง ชนะคดีทำให้ศัตรูเลอะเลือนงุนงง ถ้าเราใช้เพื่อการแข่งขันผงนี้จะช่วยให้เรามีชัยเหนือศัครูคู่แข่งเสมอ ที่ทุกข์ที่ร้อนนั้นสูญสิ้น มีเรื่องมีความติดตัวก็เบาลงคลายลงผ่อนลง พ่ออาจารย์ท่านว่ามีชีวิตอยู่ย่างปกติสุขตามที่ควรจะเป็นนั้นแหละดีที่สุด
    - ผงสุริยกาล ผงนี้เกิดจากสุริยะเทวราชเมื่อครั้งที่ได้เข้ากรรมบำเพ็ญตบะเพื่อจะดับรัศมีความร้อนในร่างกายพระองค์ให้บรรเทาลงเสีย ด้วยตบะกรรมแห่งพระอาทิตย์เทพ จึงได้เกิดไคลตกลงมาเป็นตะกอนก้อนผง ท่านว่าผงนี้มีคุณอย่างวิเศษ แม้ใครเดือดร้อนทุก์ใจ เจอเรื่องร้ายอย่างใดก็ตามที ทุกสิ่งที่ว่าร้ายจะต้องกลายเป็นดี ทุกสิ่งที่เป็นกาลร้อนจะต้องสงบระงับไป เหลือแต่เพียงความสุขสมหวัง ความเจริญรุ่งเรืองเท่านั้น
    - ผงจันทรกาล เมื่อครั้งจันทรเทพได้ก่อเทวาสุรสงครามขึ้น พระองค์ได้เสด็จยังโลกมนุษย์เพื่อจะรวมกองทัพฝ่ายมนุษย์และเหล่าเทพอสูรต่อกรกับบรรดาเทพเจ้าทั้งหลาย ซึ่งกาลนั้นเองที่เป็นปฐมเหตุของตระกูลกษัตริย์จันทรวงศ์ที่จะสืบเชื้อสายต่อไปในชมพูทวีปได้อุบัติขึ้น ผงจันทรกาลจึงเกิดขึ้นเมื่อครานั้น เมื่อจันทรเทพได้บำเพ็ญตบะกรรมจนสำเร็จพิธีราชสูรยะ รัศมีของจันทรเทพก็สาดส่องไปกระทบกับมวลอากาศเกิดเป็นละอองขึ้นมา ซึ่งผงนี้เรียกว่าผงจันทรกาล เหล่านางฟ้า เทพธิดา อัปสรสวรรค์หรือแม้แต่นางพรายก็จะคอยเฝ้าไว้ด้วยความหวงแหน ซ้ำตนเองยังหลงใหลในผงนี้เสมอด้วยได้เห็นหน้าจันทรเทพอีกด้วย ท่านว่าเป็นที่สุดของผงทางเมตตามหานิยมเอาว่าขนาดนางฟ้ายังหลงเช่นนั้น ด้วยว่าผงทั้งสองชนิดนี้ต้องอยู่คู่กันจะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้ ท่านว่าเพราะธาตุพลังงานนั้นเกื้อหนุนกัน แม้จะใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะไม่เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ด้วยว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากเทพยดา มีการพิทักษ์รักษาไว้อย่างดี เป็นของที่มีต้นกำเนิดมาจากองค์กำลังแห่งธาตุแสง ใช้เบิกชีวิตคนได้ ใช้เปิดโลกเปิดภพภูมิได้ เป็นแสงสว่างที่จะทำลายความมืด ขจัดกลียุค ทำลายเสียซึ่งอุปาทวจัญไรทั้งปวง ท่านจึงนำผงทั้งสองนี้ผสมด้วยกันและเพิ่มมวลสารมงคลอื่นๆได้แก่
    - ผงคตไข่แก้วงูจงอาง พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นที่สุดของอำนาจ ตบะบารมี บริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติที่จะประทานให้กับผู้ถือครอง สำหรับผงนี้ท่านว่าสำคัญนักเมื่อจะทำแล้วจะขาดไปไม่ได้ เหล่าพญางูหรือผู้พิทักษ์ทรัพย์แผ่นดินทั้งหลายจะได้ช่วยกันเต็มที่ ดังนั้นจะให้ใครรวย จะเกื้อหนุนใคร จะเปิดดวงใคร จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของท่าน
    - ผงสำเร็จหลวงพ่อปาน เป็นผงเก่าตกทอดมาแต่สมัยหลวงพ่อปานท่านสร้างพระพิมพ์ทรงสัตว์ โดยผงนี้ท่านจะบรรจุอยู่ภายในพระพิมพ์แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นเหมือนหัวใจ เหมือนพลังงานขององค์พระเลยก็ว่าได้ ถ้าหาพระพิมพ์ทรงสัตว์ของเก่าไม่ได้ท่านว่าให้เอาใช้แทนกัน
    - ผงลบวิชาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ วิชาเอกที่อำนวยลาภผล โชคลาภให้สำเร็จมาแล้วมากมาย หากใช้โดยจิตเมตตา และผู้ถือครองให้ท่านเป็นนิจ จะยิ่งมีแต่ทรัพย์สินงอกเงยเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ด้วยอำนาจแรงครูบันดาลให้เป็นไป
    - ผงลบคาถารัตนมาลา ที่สุดแห่งคุณแก้วสามประการ พ่ออาจารย์ท่านว่ามีอานุภาพเป็นเอนกอนันต์ด้วยอำนาจพระรัตนตรัยไม่สามารถบรรยายได้หมด ท่านว่าปรารถนาสิ่งใดก็มีครบ แม้ไม่ต้องปรารถนาก็ยังมี สุดแท้แต่จะขอจะอธิษฐานเอาตามเหมาะตามควร
    - สีผึ้งและนำมันครูเก่า เป็นของบูรพาจารย์ที่สืบทอดมามากมายหลายสิบชนิด ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้เคยไปขอเมตตาและท่านประสิทธิ์ประสาทให้มา ที่สำคัญมีสีผึ้งที่หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล และหลวงปู่ฝั้นท่านเคยใช้สีปากด้วย พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าลมหายใจ น้ำลาย ไอปากของพระอริยเจ้า นี่แหละของวิเศษที่สุด
    - ว่านยาทางโชคลาภ หนุนดวง เมตตา มหานิยม ซึ่งเป็นว่านยาพิเศษที่มีฤทธิ์ในตัว มีอำนาจ มีตัวตนต้องปลูกต้องพลีด้วยวิธีเฉพาะทั้งสิ้น ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้รวบรวมมาผสมไว้
    - ผงมหาสะเดาะพ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเเต่เดิมวิชานี้เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งในภาควิชาของเทพนิมิตร ท่านได้เฝ้าครูมหาพรหมคือองค์สหัมบดีบรมพรหมสูงสุดแห่งปัญจสุทธาวาสท่านจึงได้วิชานี้มา โดยใช้วิชานี้ตั้งตัวเเละทำไว้ให้ลูกศิษย์บ้างเฉพาะบางคนที่มีความประพฤติดี วิชานี้องค์บรมพรหมท่านให้มาโดยเฉพาะ พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าแก่นเเท้ของวิชานี้ต้องสวนกับกระเเสของกรรมในระดับหนึ่ง พระองค์ท่านได้มอบอักขระให้พร้อมคาถาเสกเรียกว่ามหาสะเดาะ ครูท่านบอกว่าเพราะสัตว์นั้นมีกรรมเฉพาะเเต่ละบุคคล ถึงมีโชคบางทีก็รับไม่ได้ บางครั้งกรรมส่งผลหนักเเม้โชคก็ยังไม่มีเลยผงมหาสะเดาะ ในจุดนี้เพื่อให้ผู้ใช้ได้เสวยศุภมงคลอันเกิดเเต่โชคลาภวาสนา พระองค์ท่านจึงให้วิชามหาสะเดาะเเก่พ่ออาจารย์ ท่านว่าเมื่อพกไว้บูชาไว้กับตัว จะสะเดาะโซ่ตรวนบ่วงพันธนาการที่กุมรัดให้หลุดออก ให้ไขว่คว้าโชคลาภได้ จะทำอะไรก็มีเเต่โชคร่ำรวยง่ายๆโชคดีเเบบนั้น ในส่วนของเวรกรรมนั้นก็ไม่ได้หายหรือสลายไปไหน เพียงเเต่คลายพันธะทั้งหมดออกชั่วคราวให้สัตว์เหล่านั้นที่ได้บูชาสามารถรับโชคได้เเต่กรรมเก่าก็ยังรับเหมือนเดิม พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าวิชานี้มันดีตรงที่เวลามีโชคพูดง่ายๆคือมีเงิน ให้เอาเงินไปทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร บ่วงกรรมมันก็จะบรรเทาเบาบางลง ทีนี้อะไรก็ง่ายไปหมด ทำไปเรื่อยๆได้เงินเเบ่งส่วนหนึ่งไปทำบุญ ได้เงินเเบ่งส่วนหนึ่งไปทำการกุศลอุทิศให้เขา เช่นนี้ก็ขึ้นชื่อว่าต่อไปบ่วงพันธนาการต่างๆก็จะลดจะคลายลง เงินเเละความโชคดีมันจะยิ่งไหลมาไม่รู้จบ เมื่อท่านลงวิชาทำผงมหาสะเดาะลงด้วยว่านยาแล้ว พ่ออาจารย์ท่านจะล้อมมหาสะเดาะด้วยวิชาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ของหลวงพ่อปาน วัดบางโคนม พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้ดีมากอยู่เเต่เดิมเเล้วในส่วนของพระคาถาไม่ต้องกล่าวอะไรมาก เเต่พอนำมาลงวิชาทำผงกลับต้องทำให้มากขึ้นไปอีก คืออัญเชิญบารมีพระปัจเจกพุทธเจ้าอันอภิเษกพระสัมโพธิญาณทั้งหลาย ซึ่งพระปัจเจกโพธิเจ้านั้นมีจำนวนมากกว่าเม็ดกรวดเม็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้งสี่ เอ่ยอ้างมหาบารมีในระดับโพธิญาณซึ่งสูงกว่าระดับวิปัสนาญาณของพระอรหันต์ทั่วไป มาช่วยเป็นตัวเบิกทางลดกระเเสเวรกรรมให้ผู้บูชาประสบโชคดี เมื่อเหล่าพระปัจเจกโพธิเจ้าทั้งหลายช่วยกันสงเคราะห์ ผสานกับพระเวทย์ในสายบรมพรหมสหัมบดีวิชานี้จึงรับเเละหนุนกันเป็นทอดๆ หลังจากนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้ลงพระเวทย์เฉพาะอันท้าวสหัมบดีบรมพรหมท่านสอนไว้ พระเวทย์นี้ไม่ได้รับอนุญาติให้เปิดเผยเเก่ผู้ใด ท่านลงผงวิเศษล้อมวิชาพระปัจเจกโพธิเจ้าโปรดสัตว์อีกทีหนึ่ง พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าพระเวทย์นี้ต่อให้อยู่เฉยๆโชคลาภก็วิ่งเข้ามาหาเอง เเม้ปรารถนาเงินทองของมีค่าความสุขสบายใดก็ไม่ไกลเกินความปรารถนา จะเสี่ยงโชคจะพนันขันต่ออะไก็เอาเเต่พองามตามใจเถิดก่อนที่ท่านจะลบเอาผง ท่านว่าพระหรือเครื่องมงคลใดๆก็ดีที่สร้างด้วยผงนี้ ผู้ใช้ให้พึงรู้แก่ใจไว้ว่าอยากได้อะไรเท่าไหร่ให้ตั้งสัจจะกับผงนี้ไว้ ว่าวันนี้อยากได้เท่าไหร่ได้เเล้วให้พอให้หยุด เเล้ววันอื่นค่อยขอเมตตาในส่วนมหากรุณาของเสด็จปู่ท้าวสหัมบดีต่อไป ผงนี้มีอำนาจอาญาสิทธิ์ด้วยผู้ที่บูชานั้นเทพเจ้าท่านจะต้องสงเคราะห์ถ้วนทุกคน ไม่มีเลือกที่รักมักที่ชังโปรดเสมอหน้ากันหมดรักเราเต็มใจโปรดเรา อีกประการหนึ่งท่านว่าจะทิ้งวิชาทางเมตตานั้นไม่ได้ ยิ่งโชคลาภการพนันเสี่ยงดวงด้วยเเล้วมันต้องเดินไปควบคู่กับเมตตา ใครเห็นเราเค้าก็เต็มใจให้เรายิ้มให้กับเรา เราเอาเงินเขามาง่ายๆไม่ขัดขืนเรา เช่นนั้นผงมหาสะเดาะนี้ท่านจึงลงไว้ครอบคลุมทั้งหมด
    ทั้งยังเข้าด้วยมวลสารวิเศษที่ครูพรหมท่านให้หาไว้ได้แก่
    ดินกากยายักษ์,ผงเขี้ยวหนุมาน,ผงถ้ำเทวาพิทักษ์,ผงพระธาตุสีวลี,ผงเพชรหน้าทั่ง,นิลตัดเหล็ก,ผงบัวผุด,ขี้เหล็กเปียกภูสิงห์,เหล็กไหลพญานาคภูเขาควาย,แร่ทรหดประเทศลาว,ทรายดำหลวงปู่ทวด,ด้วงหิน,ข้าวสารหิน,ข้าวสารดำ,เหล็กไหลย้อย,เพชรประสาน,เหล็กน้ำพี้,ทรายคำ,ผงจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่,แร่บางไผ่,แป้งเสกหลวงปู่บุดดา,น้ำมันชาตรีหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ด้านหลังฝังด้วยน้ำมันชำระตัดแรงบรรเทาวิบาก
    *** น้ำมันนี้พ่อาอจารย์ท่านว่าหุงยากมากเพราะเป็นสูตรของครูพรหมท่านว่ามีฤทธิ์แรงกว่าสมัยทำตะกรุดนับหมื่นๆเท่า ท่านว่าจะเล่าจะบอกอะไรก็ไม่ได้เลย บอกได้แค่ว่าแบ่งให้ใช้ได้คนละแค่นี้ก็นับว่าเหลือกินในชีวิตแล้ว
    เพราะวิบากเป็นผลที่เกิดขึ้นจากเหตุแห่งการกระทำกรรมนั้น ตามกฏสังสารวัฏชัดเจนว่าเมื่อมีเหตุก็ต้องมีผลตามมาเช่นกันเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นกรรมจะดีหรือชั่วก็มีผลอยู่ในตัวเองทั้งสิ้นทั้งยังจะอยู่ติดตัวเราตลอดไป เพราะทั้งกรรมดีและกรรมชั่วจะคอยอยู่เคียงข้างเราไปตลอดโดยไม่แยกไปไหน ทดแทนกันไม่ได้ไม่ใช่ว่าฉันมีกุศลมากกว่าฉันจะล้างบาปได้เช่นนี้ดั่งที่พระตถาคตเจ้าท่านสอนไว้ว่า “ดูก่อนปุณณะ กรรมสี่ประการนี้..กรรมดำ มีวิบากดำมีอยู่,กรรมขาว มีวิบากขาว มีอยู่, กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวมีอยู่,กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาวเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรมมีอยู่” นั่นหมายถึงทั้งกรรมดำ,กรรมขาวก็มีวิบากกรรมของตนเอง เป็นคนละเหตุ คนละปัจจัยและส่งผลคนละอย่างกัน ดังนี้

    - แนวทาง,ผลและการกระทำที่แสดงออกมาออกมาในด้านลบ คืออกุศล หรือบาป
    - บุญกุศลที่ส่งผลกระทำให้ชีวิตมีความสุขและสังคมก็มีความสงบ หลุดพ้นจากทุกข์ได้
    - เป็นผลแห่งการกระทำที่มีทั้งบวกและลบปนกันทำให้ผลกรรมออกผลมาเกิดทั้งสุขและทุกข์ปนกันไป
    - ส่วนกรรมอันแสดงอยู่เป็นกลางๆนั้นคืออพยากตากรรม เช่นการทำกิจวัตรประจำวันปกติ

    วิบากกรรมนั้นไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว,ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล ล้วนแต่ส่งผลของตนเองทั้งสิ้นโดยมีองค์ประกอบมาจากการกระทำเกิดจากตัวเราเองเป็นเหตุและผลของมัน,เป็นสิ่งที่เราสร้าง,เป็นสิ่งที่เราสะสมมา เมื่อมีปัจจัยย่อมเกิดผลลัพธ์ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ในส่วนที่ดีนั้นก็แล้วกันไปแต่ในส่วนที่ร้ายอันหลายๆคนได้ประสบพบเจอก็จะเป็นเหตุทำให้ชีวิตจ่อมจมและร่วงหล่น เจอแต่สิ่งแย่ๆอุบัติขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านให้พิจารณากันเองว่าชีวิตของเรานั้นมีเรื่องเหล่านี้หรือไม่
    - เป็นคนทำบุญคนไม่ค่อยขึ้น ลำบากมาตั้งแต่เด็กพอมีเพื่อนเข้าสังคมก็มีแต่ปัญหา เป็นชนวนให้เราเข้าไปพัวพันเรื่องผลประโยชน์ได้เสีย,เรื่องเงินทองทรัพย์สิน ไม่ว่าจะช่วยเหลือใครไปก็ตามคนเหล่านั้นจะหาเรื่องปวดหัวตามมาให้ไม่เว้น ในส่วนคุณงามความดีนั้นแม้เราสงเคราะห์เพียงใดก็ไม่มีใครมองเห็น ทำดีกับใครก็ไม่เกิดผลใดๆ
    - เป็นคนชอบเชื่อคนง่ายและไว้ใจคน ทั้งยังเป็นคนกตัญญูกับผู้ที่ให้การช่วยเหลือแต่มักจะต้องเจอปัญหากับเรื่องของคนอื่นดึงเราไปเกี่ยวข้องอยู่เสมอ
    - มีกรรมจากความรัก มากรักแต่งงานบ่อย ได้คู่ยาก ได้คู่ต้องหลบซ่อน ได้คู่ที่ต่างวัยกัน ยิ่งรักยิ่งเจ็บยิ่งแค้น บางคนก็เกิดมาไร้คู่ ในส่วนคนที่มีคู่ก็กลายเป็นคู่ครองนำมาซึ่งปัญหา มีคู่ที่วาสนาบารมีไม่เสมอกัน เหล่านี้ล้วนเป็นวิบากทั้งสิ้น
    - ชอบโดนกลั่นแกล้ง,โดนรังแก,โดนเอาเปรียบ ยิ่งเราดูสบายๆง่ายๆก็ยิ่งมีปัญหาแบบนั่งอยู่ดีๆก็มีคนใส่ร้ายไม่รอให้เราแก้ไขหรือแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น ยิ่งหากตนมีอารมณ์ร้อนเป็นคนตรงก็จะยิ่งโดนรังแกมากขึ้นไปอีก ทั้งโดนเพ่งเล็ง โดนเอาเปรียบสารพัด
    - คนรอบตัวไม่ให้ความสำคัญมักจะนึกถึงเราในอันดับท้ายๆ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครเท่าที่ควร
    - งานที่ทำไม่สำเร็จ ไปได้ครึ่งๆกลางๆต้องออกกระทันหัน ต้องเลิกแบบไม่เต็มใจ เป็นคนท้อแท้เบื่อง่าย ชีวิตต้องเหนื่อย ต้องดิ้นรน แบกรับภาระที่เหนื่อยเกินตัวจะรับไหว
    - ปากพาจน มีคนเชื่อถือแต่ก็เอาทุกข์มาให้โดยไม่รู้ตัว มีบุคลิกเจ้าชู้ทั้งๆที่ไม่ใช่คนแบบนั้น นับว่ามีเสน่ห์อยู่ในตัวเองแต่ก็ต้องเหนื่อยเพราะปัญหาที่ไม่ได้ก่อตลอดเวลา
    - เป็นคนไม่รอบคอบ สติหลุดลอยจิตไม่นิ่ง แม้มีปัญญาสูงไหวพริบดีก็จะมีบุคลิกที่ดูไม่จริงใจไม่น่าคบหาเชื่อถือ
    - มักจะปวดหัวอยู่ข้างเดียวเป็นๆหายๆหรืออวัยวะร่างกายมีปัญหา ให้ความจริงใจกับใครก็กลายเป็นว่าอยู่ต่อหน้าเค้าทำกับเราอย่างนึง ลับหลังเค้าทำกับเราอย่างนึง
    - ชีวิตยังไร้จุดหมาย,ยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง,ยังหาความสุขแท้จริงของชีวิตตัวเองไม่เจอ มีแต่ปั้นหน้ายิ้มแต่ภายในไม่มีความสุข ชอบสงสารชอบเห็นใจคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองใช่ว่าจะดี มีปัญหาทั้งความคิดและอารมณ์ยึดติด อาภัพคนอุปถัมภ์ คิดมากเรื่องเล็กๆน้อยๆ..เรื่องเก่าๆ..หาเงินเก่งแต่ก็ใช้เงินหมด
    - มีชีวิตที่สูญเสีย จ่อมจมอยู่กับเรื่องวิตกกังวล โดนคนเอาเปรียบต้องทุกข์ใจเสมอ พลัดพรากจากคนรักจากของรัก โดนทำร้ายจิตใจ
    ...ท่านว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้มีมากมายจนยากจะกำหนดเป็นคำพูดหรือตรรกะใดๆได้ ให้พิจารณาดูว่าตัวเองเป็นคนที่เจอกับเรื่องเหล่านี้หรือไม่ ถ้าใช่นั่นก็แปลว่าชีวิตเรานั้นวนเวียนอยู่ในวิบากกรรมที่กำลังส่งผลร้ายมากกว่าดี
    พ่ออาจารย์ท่านว่าน้ำมันชุดที่หุงพิเศษนี้จะป้องกันกระแสกรรมร้ายหรือไปยุ่ง,ขัดขืน,ต่อต้านกับชะตาฟ้าและอำนาจที่มองไม่เห็น เป็นดั่งกุศลจิตที่ต้องใช้ความตั้งมั่นอย่างสูงด้วยวิชาเหล่านี้พบเห็นได้น้อยมากทั้งยังไม่แพร่หลาย ไม่ใช่ของตลาด กล่าวได้ว่าไม่ใช่นึกอยากจะทำก็ทำได้ ต้องทำตามฤกษ์ ตามปัจจัยมงคลด้วยใจบริสุทธิ์ดั่งเจตนาครูท่านที่ให้ทำวิชาไว้สงเคราะห์ดุขครูท่านเล็งญาณกำหนดมาแต่เริ่มทำไว้ให้เป็นของส่วนตัว..ของที่มีชะตาต้องกันคู่กับเจ้าของดั่งฟ้ากำหนด พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาเช่นนี้ถ้าพกไว้ซักระยะนึงจะเห็นผลมากเกินกว่าคุณวิชาเพราะว่าจิตเรานั้นจะซึมซับกระแสบรมครูเข้าร่าง,เข้าใจซึมอยู่กับเราไปทุกภพทุกชาติ นานไปจะรู้เองว่าสามารถสัมผัสองค์ท่านได้ติดต่อองค์ท่านได้ค่อยๆสว่างมากขึ้น และถ้าสัมผัสกันมากขึ้นเรื่อยๆนานกว่านั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าจะสื่อสารกับเทพทั่วโลกก็ยังทำได้..อันนี้เป็นเรื่องของครูท่านจะเปิดให้เราหรือไม่เมื่อไหร่ วิชาเช่นนี้เมื่อหมื่นปีก่อนก็ยังมีและปัจจุบันนี้ก็มีแต่จะหาที่แท้จริงนั้นคงยาก

    ### น้ำมันนี้ดีอย่างไรพ่ออาจารย์ท่านว่าห้เราก็ใช้เองของเราด้วย ถามว่าดีอย่างไรครูพรหมท่านบอกไว้แค่ชำระไอวิบากตัดแรงบรรเทา จากที่ตัวท่านใช้ท่านว่ามันไม่ใช่ชำระปกตินะแต่คนที่มีวิบากกรรมเหมือนครูท่านจะรู้ได้ หากเป็นกรรมร้ายวิบากที่ก่อทุกข์ยิ่งคนจำพวกนี้ใช้จะยิ่งมีฤทธิ์แรงกล้ามากกว่าปกติ เราดูได้จากช่วงไหนๆถ้าดวงเราตกพระเคราะห์เสวยอายุ น้ำมันนี้จะเดือดขึ้นมาเลยเขาจะชำระไอวิบากกรรมในตัวเรา ..ชำระอย่างไรก็ชำระเข้าตัวเขา การชำระนี่ก็เหมือนเธอใช้เงินชำระค่าใช้จ่ายนั่นแหละจ่ายไปก็จบหนี้กันสิ่งนั้นช่วงเวลานั้นก็ไม่ใช้ภาระของเราแล้ว หมดภาระกันไป จึงเรียกได้ว่าชำระตัดแรงและบรรเทา พ่ออาจารย์ท่านว่าจริงๆแล้วฉันไม่ควรพูดเลยเพราะเป็นวิชาของครูบรมพรหม เป็นกิจของท่านที่ท่านเลือกคนของท่าน จะชำระอย่างไรก็เป็นลีลาของท่านเรียกว่าเป็นรหัสลับที่เปิดเผยไม่ได้พอแต่จะบอกได้ว่าให้เอาติดตัวไว้ตลอดก็พอย่าเอาไปติดบ้าน ถ้าติดกับตัวพอมีวาสนาชะตาร้ายเมื่อไหร่นั่นแหละเขาชำระทิ้งทันที ชำระให้ไม่ได้เกิดขึ้นเลย ชำระ ตัดแรง ..บรรเทาให้ชีวิตเราที่ว่าหนักก็เบา ที่เบาอยู่ก็สบาย ด้วยขึ้นชื่อว่าวิบากนั้นย่อมส่งผลได้สารพัดเรื่องตามเหตุและปัจจัยกรรมที่ทำมาต่างคนก็ต่างเรื่องร้อยสาเหตุหมื่นเหตุผล ขึ้นชื่อว่าวิบากแล้วจึงเกินอำนาจผู้ได้ล่วงเกินได้ ยกไว้แต่บรมพรหมอันมีหน้าที่ตรวจสอบและปัดเป่าเคราะห์กรรมของผู้ภักดีเท่านั้น เมื่อจิตถูกรบกวนดวงก็ตก ชีวิตก็เครียดใจก็ฟุ้งซ่านอารมณ์จึงหงุดหงิดง่าย เช่นนี้จะคิดจะไตร่ตรองทำสิ่งใดย่อมไม่ออกมาเป็นผลดีแต่เพียงน้อย ด้วยไม่ได้มีสติ ห่วงหน้าพะวงหลังภาระรัดรึงเต็มไปหมด หนักบ่าหนักชีวิตจะวางลงสักอย่างก็ไม่ได้ ด้วยอำนาจร้ายหรือวิบากดำนั้นกำลังต่อต้านความพยายาม,ความสำเร็จของเราอยู่ ใจของเราที่ขุ่นมัว ชีวิตที่มีปัญหา หนทางที่ไม่ได้แก้ไขทุกสิ่งนั้นย่อมมีสาเหตุ ดั่งควันจะไม่เกิดขึ้นได้ถ้าไม่มีไฟ เพราะสรรพชีวิตมีวิถีให้ตั้งอยู่และดับไป พ่ออาจารย์ท่านจึงได้ขอครูเอาน้ำมันนี้ออกมาฝังเพื่อจะได้ปลดเปลื้องปัญหาทุกข์ของผู้ที่เป็นเจ้าของและมีวาสนาสัมพันธ์กัน
    *** ท่านย้ำว่าชุดน้ำมันนี้อย่างแรงกว่าสมัยท่านออกตะกรุดมาก เพียงพกก็พอ เพราะอาถรรพ์กระแสและรัศมีของน้ำมันนั้นโดยปกติเขาก็ซึ้มเข้าเนื้อเข้าตัวเข้าชีวิตไวที่สุดอยู่แล้ว

    ด้านซ้ายขวาขวดน้ำมันนั้นท่านเชิญแร่สองชนิดอันมีเทพศักดิ์สิทธิ์รักษาเรียกว่าแร่ดูดกรรม...แร่สลายกรรม ท่านว่าฝั่งหนึ่งดูด อีกฝั่งสลาย เป็นการขับพลังชีวิตในตัวเราให้ผ่อนคลายสิ่งที่หนักหนาเกินจะรับทั้งกระตุ้นพลังให้สร้างขึ้นใหม่เปิดรับวาสนาทั้งหลายที่องค์ตั่วเหล่าเอี๊ยท่านจะประทานให้ นอกจากนี้ท่านยังฝังตะกรุดเงินสำคัญอันเป็นโองการขององค์ตั่วเหล่าเอี๊ยที่ให้ท่านทำลงไว้ด้วย ท่านว่าวิชานี้อยู่ที่ไหนองค์ท่านก็อยู่ตรงนั้น(มีอาถรรพ์มาก พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้เมื่อลงเมื่อเชิญท่านมาแฝงบารมีแล้ว แม้เพียงวางไว้เฉยๆคนเดินผ่านไปผ่านมายังเห็นเทพจีนองค์ดำ***องค์ตั๊วเหล่าเอี๊ยแท้จริงท่านกายดำ พ่ออาจารย์ท่านจึงถือว่าฝังลงไปในรูปท่านนั้นเป็นการเปิดบารมีก่อนจะเสกอีกคำรบหนึ่งอย่างแท้จริง)
    จะเห็นว่าพ่ออาจารย์ท่านพิถีพิถันเรื่องมวลสารมากเป็นพิเศษที่สุดนับตั้งแต่ท่านสร้างเครื่องมงคลมา เหมือนจะประกาศว่านี่คือของดีที่สุดของท่านเพราะท่านพูดแค่องค์ตั่วเหล่าเอี๊ยให้ทำรูปท่านแล้วเราต้องทำให้สมศักดิ์ศรี จะให้คนเค้าใช้หักด่านเคราะห์กรรมชะตาชีวิตแล้วต้องใช้ได้จริง นอกจากนี้พ่ออาจารย์ท่านยังเน้นย้ำว่าองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยไม่เพียงแต่มนุษย์จะนับถือแม้เทพด้วยกันยังนับถือท่าน ท่านจึงเป็นเทพที่มีคณะมีบริวารมาก บริวารท่านล้วนแต่เซียนศักดิ์สูงที่ออกนามแล้วย่อมสั่นสะเทือนทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเทพเทพต่างๆทั้งหลาย(พ่ออาจารย์ท่านว่าเบื้องบนไม่ให้พูด)เรียกว่าครบครันพอที่จะอำนวยความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตคนได้
    ในยุคที่กิจการต่างๆพากันปิดตัว โรคภัยระบาดรุนแรง ...ชีวิตคนเริ่มหาที่ยึดเกาะไม่ได้ พ่ออจารย์ท่านว่าคนที่มีภาระมีอุปสรรคมากให้เชื่อเรา เอาองค์ท่านไปติดตัวอาราธนาเสียชีวิตไม่ต้องหาอะไรมาหนุนดวงอีกเลย จะกลับชีวิตให้ก้าวหน้ามากมายในเวลาในขณะที่คนอื่นต้องตกต่ำพบเจอชะตากรรมในห้วงเวลาเลวร้ายที่สุด คนที่ชะตาไม่ดี ชีวิตวุ่นวาย ขาดการเอาใจใส่จากเทพพรหมเหล่านี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าสังเกตุกันเอาเอง เดี๋ยวจะเห็นว่าไวพอที่ต้องการหรือไม่ จะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ปานใด อุปสรรคปัญหาจะคลี่คลายลดลงอย่างไร ท่านว่ารอดูกันฉันบอกได้เลยว่าแม้แต่ตัวเธอก็ยังไม่เชื่อตัวเอง

    คาถาบูชา
    (พ่ออจารย์ท่านว่าเทพเซียนท่านสำเร็จแล้วไม่ต้องไปท่องให้ยุ่งยาก ท่านสถิตย์อยู่เหนือหัวเราเพียงเท่านี้ ให้ทำใจให้ใสสะอาด ทำใจให้สงบ อยากขอ อยากบอก อยากอธิษฐานสิ่งใดก็ทำได้เต็มที่เลย)

    *** ท่านว่าเหรียญเหาะเหยียบเมฆนี้ฉันบอกเธอตรงๆชัดๆจนไม่รู้จะชัดไปกว่านี้ได้อย่างไร คำว่าเหาะไม่ใช่ใส่แล้วบินได้ แต่หมายถึงตัวเธอจะเบาลงๆ ภาระจะน้อยลงๆ นั่นคือเบาบางดุจปลดปล่อยสิ่งถ่วงสิ่งเหนี่ยวรั้งออกไป เหมือนเบาจนเหาะได้ไปเหยียบเอาก้อนเมฆอันเป็นที่สูง เป็นภูมิสวรรค์คือไปดีขึ้นสูงขึ้นสบายขึ้น ท่านว่าบอกกันได้เท่านี้ เหรียญนี้ท่านทำไว้เจ็ดเหรียญ ปัจจุบันมีให้บูชาเพียง 4 เหรียญเท่านั้น เพราะท่านใช้เองเหรียญหนึ่งด้วย รายการนี้รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ผู้จองให้แจ้งชื่อวันเดือนปีเกิด รวมไปถึงความหวังอันจะมีในอนาคตแก่องค์ตั่วเหล่าเอี๊ยไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านจะทำการเจิมและบอกกล่าวอีกวาระหนึ่งายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาสสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยเหาะเหยียบเมฆ(ผันล้างด่านเคาะห์หมื่นพันชะตามนุษย์) บูชา 4,000 บาท

    88369618-553357588860847-1920174286270627840-n.jpg 87948116-1269648779893069-2433910125002489856-n.jpg
    88100435-195466555009196-2712893385026306048-n.jpg
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    รายการนี้ท่านว่าเฉพาะตะกรุดที่ฝังก็ตีค่าไม่ได้แล้วถ้าพูดตามจริงและท่านจัดเต็มมวลสารให้มากที่สุด ท่านว่าให้บูชาเมื่อยามยาก เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่านสู่เรื่องเลวร้าย(ธรรมชาติวิกฤติสังคมลุกเป็นเพลิงไฟ) นั่นคือเวลาที่คู่ควรที่สุด
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,119
    ค่าพลัง:
    +16,629
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    องค์ตั่วเหล่าเอี๊ยนี้มีคนถามว่าดีด้านไหนแบบเด่นๆ ก็เลยถือโอกาสเล่าตอนเช้าซะเลยว่ารุ่นนี้เคยมีคนบูชาหรือคนเคยใช้ ถามว่าดียังไงต้องบอกว่าก็มีคนเคยเห็นองค์เทพประทับร่างแบบตาเนื้อ คือองค์ตั่วเหล่าเอี๊ยประทับร่างผู้ใช้(ไม่ใช่เข้าทรง)แต่เป็นยืนคุ้มเกรงเปลี่ยนชะตาชีวิตกันเลย นั่นคือสิ่งที่คนบูชาเจอมาแล้วมาเล่าว่าคนรอบตัวเจอว่าตัวเองมีเงามีร่างทับซ้อนแบบนี้ๆๆๆจึงรู้ว่าเป็นองค์เทพท่านแฝงมาเลย ส่วนตัวเขานอกจากชีวิตดีวันดีคืนก็ไม่เคยเห็นอะไร

    กอปรกับเมื่อคืนมีพี่คนหนึ่งที่เรายอมรับว่าตาเขาดีและก็จองรุ่นนี้ด้วย พี่เค้ามาเล่าให้ฟังว่าโชคดีที่ท่านยังเมตตาให้จองทัน เหรียญนี้ใครได้ไปท่านเมตตาเหยียบศรีษะย่ำบ่าไปไหนไปกันครับ...
    .ซึ่งผมอ่านที่พี่เขาไลน์มาบอกแล้วก็เริ่มแปลกใจ ทำไมความรู้สึกเราบอกว่าประสบการณ์คนที่เคยเจอมานั้นก็เป็นแบบนี้ ไปไหนไปกันแบบนี้ ซ้อนเงาซ้อนรูปคุ้มเกรงแบบนี้หรืออาจจะเรียกว่าเหยียบศรีษะย่ำบ่าทำลายอาถรรพ์ทั้งหลายให้ขับออกไปโดยตรงก็ได้ ...สุดท้ายใครทันก็ลองอาราธนาห้อยคอดูครับเพราะรุ่นนี้บอกได้แค่ว่าอาถรรพ์แรงเท่านี้ และส่วนตัวผมก็ห้อยรุ่นนี้เหมือนกันแต่ผมฝันผมเจอองค์ท่านแบบหนักมากกว่าประสบการณ์ที่เล่ากันมาอีกซึ่งขอไม่เล่าออกไปนะครับ

    *** อันนี้แอบบอกไว้ว่าองค์เทพองค์นี้พ่ออาจารย์ท่านว่าปกติจะเชิญยากและจะทำได้แต่รูปหรือเชิญบริวารของท่านหรือที่หนักไปเลยก็คือมีแต่รูปข้างในกลวงโบ๋ก็มี ที่จะเชิญพระญาณเต็มภาคอันนี้ไม่ขอพูดถึงเลยก็แล้วกัน...สถานการณ์สังคมโลกมีปัญหาทุกด้านแบบนี้ใครจองทันก็รีบเลี่ยมแขวนคอเถอะครับ ของดีจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...