ติดตามสถานะการณ์

WHO: ทั้งโลกต้องเตรียมรับมือ ไวรัสโคโรนา ให้พร้อม
30 ม.ค. 2020 - 11:23 น.

องค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้ทั่วโลกตื่นตัว เฝ้าระวังและเตรียมพร้อม รับมือการระบาดของ ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ขณะที่ยอดติดเชื้อทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เรียกร้องให้ทั่วโลกตื่นตัวกับการรับมือการแพร่ระบาด ไวรัสโคโรนา และเตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อพบผู้ติดเชื้อจะได้พร้อมบำบัดทันท่วงที อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ WHO จะประชุมอีกครั้งวันนี้ เพื่อพิจารณาว่าจะประกาศให้การแพร่ระบาดเป็น เหตุสาธารณสุขฉุกเฉินที่นานาชาติต้องกังวล หรือไม่ หลังมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 7,800 รายแล้ว และผู้เสียชีวิต 170 ราย

แม้ว่านอกจีนแผ่นดินใหญ่ จะยังพบผู้ติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ที่กว่า 90 ราย แต่กรณีที่พบใน เยอรมนี เวียดนาม และญี่ปุ่น เป็นกรณีที่ติดจากคนสู่คน ทำให้เพิ่มความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดที่ง่ายขึ้น



อย่างไรก็ตาม WHO ยังชมรัฐบาลจีนกับมาตรการต่อสู้การแพร่ระบาดในจุดศูนย์กลางที่เมืองอู่ฮั่น ระบุว่าที่จำนวนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนยังไม่พุ่งสูงมาก เป็นเพราะจีนมีการควบคุมอย่างเข้มงวด ซึ่งมาตรการเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของจีน

ด้าน องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ UNICEF ได้ส่งหน้ากากอนามัยและชุดสูทป้องกันการติดเชื้อรวมน้ำหนัก 6 ตัน ไปยังนครเซี่ยงไฮ้ ระบุว่าตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดเรื่องผลกระทบจาก ไวรัสโคโรนา ต่อเด็ก และมีเด็กมากขนาดไหนแล้วที่ได้รับเชื้อ แต่รู้ว่ากุญแจสำคัญคือการการมีมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

https://www.springnews.co.th/global/609037

 

องค์การอนามัยโลกประชุมทบทวนการออกประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข วันนี้, 07:15น.



นายแพทย์ทีโดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Dr.Tedros Adhanom Ghebreyesus) ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า ในวันนี้ (30 ม.ค.) จะมีการประชุมหารือเพื่อพิจารณาการออกประกาศให้การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไวรัสเป็นความฉุกเฉินด้านสาธารณสุขทั่วโลก ซึ่งเป็นการยกระดับจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ออกประกาศเตือนให้การระบาดในประเทศจีนอยู่ในระดับมีความเสี่ยงสูง แต่สถานการณ์ในปัจจุบันพบผู้ป่วยรายใหม่และยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ทั้งหลายประเทศทยอยส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำไปยังเมืองอู่ฮั่นเพื่อนำพลเมืองของตนออกมาจากเมืองที่ถูกปิดแห่งนี้

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกได้ยกย่องทางการจีน สำหรับความพยายามในการรับมือกับโรคระบาดปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่มีความกังวลเป็นอย่างมากที่พบการติดต่อระหว่างบุคคลต่อบุคคลใน 3 ประเทศ คือเยอรมนี ญี่ปุ่น และเวียดนาม โดยในขณะนี้ (07.00 น.) มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก 6,165 คนโดยเป็นผู้ติดเชื้อที่อยู่ในจีน 6,070 คน และมีผู้เสียชีวิต 133 คนซึ่งทั้งหมดอยู่ในจีน และมีผู้ที่ได้รับการรักษาจนหายขาด 126 คน

https://www.js100.com/en/site/news/...LBngy7mHKq181oZ83LvLVogqwEfIbhP3_xpQ_zVY64liQ

 

กระแสต่อต้านชาวเอเชียพุ่งสูงทั่วโลก หลังไวรัสโคโรนาระบาด
30 ม.ค. 63 (08:08 น.) Add @Sanook.com


ไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและพลเมืองชาวจีน ต้องรับมือกับการระบาดของโคโรนาไวรัสในประเทศ แต่ล่าสุดมีรายงานว่าชาวเอเชียในหลายประเทศทั่วโลก กำลังเผชิญกับกระแสต่อต้านชาวจีนอย่างหนักหน่วงเช่นกัน

รายงานจาก เดอะการ์เดียนของอังกฤษ ระบุว่า มีนักศึกษาชาวอังกฤษเชื้อสายเวียดนาม ร้องเรียนเรื่องการถูกเลือกปฏิบัติระหว่างเดินทางด้วยรถบัสสาธารณะ จากที่มีผู้คนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้เธออย่างเห็นได้ชัด ขณะที่มีชาวเกาหลีเชื้อสายจีนที่ถูกเลือกปฏิบัติระหว่างพาลูกชายเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล อีกทั้งยังพบพฤติกรรมเข้าข่ายหวาดกลัวชาวต่างชาติ หรือ xenophobia โดยเฉพาะกับนักเรียนชาวจีนในโรงเรียนประจำที่อังกฤษด้วย

นอกจากนี้ มีรายงานเมื่อวันอังคาร ระบุว่า ร้านอาหารทะเลในกรุงโซล ของเกาหลีใต้ ติดป้ายเตือนห้ามลูกค้าจีนเข้าร้าน และในวันเดียวกัน ทางสหภาพแรงงานผู้ให้บริการส่งอาหารในเกาหลีใต้ เรียกร้องให้ยุติการส่งอาหารในย่านที่มีคนจีนอยู่หนาแน่นในเกาหลีใต้

ที่แคนาดา มีผู้ปกครองจำนวนหนึ่งยื่นหนังสือร้องเรียนต่อเขตพื้นที่การศึกษาในออนทาริโอ เพื่อขอให้เด็กนักเรียนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศจีนในช่วงนี้หยุดการเรียน และให้ออกห่างจากผู้คนรอบข้างเป็นเวลาอย่างน้อย 17 วัน เพื่อสังเกตอาการ

ขณะที่นักธุรกิจชาวแคนาดาเชื้อสายจีน กังวลว่าการระบาดของโคโรนาไวรัสในครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจชาวชาวจีนและชาวเอเชียที่นี่อย่างมาก จากเมื่อปี 2003 ที่มีการระบาดของโรคซาร์ส ทำให้ธุรกิจของชาวจีนที่นั่นรายได้ลดฮวบราว 40-80% ตามรายงานของ BBC

ข้ามไปที่ฝรั่งเศส ชาวฝรั่งเศสเชื้อสายเอเชีย ต่างโพสต์เรื่องราวการถูกเลือกปฏิบัติและผู้คนมีท่าทีรังเกียจชาวเอเชียในฝรั่งเศส หลังการระบาดของโคโรนาไวรัส ทั้งถูกตะโกนใส่หน้าให้สวมหน้ากากอนามัยเวลาออกไปข้างนอก ถูกไล่ให้กลับไปอยู่แต่ภายในบ้าน และถูกมองว่าเป็นบุคคลที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัสไปแล้ว โดยไม่มีใครให้การช่วยเหลือพวกเขาแต่อย่างใด

และที่ออสเตรเลีย นายดันแคน เพกก์ นักการเมืองชาวออสเตรเลีย ประกาศเตือนผู้คนในรัฐควีนส์แลนด์ ในระวังข่าวปลอมบนโลกออนไลน์ ที่นำเสนอข่าวให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีชาวเอเชียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

ส่วนที่มาเลเซีย นายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมมัด แห่งมาเลเซีย ประกาศจะทำทุกวิถีทางในการจัดการกับข่าวปลอม ที่ทำให้เกิดความเกลียดชังผู้คนหลากหลายเชื้อชาติในมาเลเซีย และทางการเพิ่งจับกุมชาวมาเลเซียอย่างน้อย 5 คน ที่เผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับโคโรนาไวรัสผ่านทางช่องทางออนไลน์ ตามรายงานของ South China Morning Post


https://www.sanook.com/news/8022350...3M1AvxajY8cVt8Lapw4MV_6nUo#Echobox=1580347919

 

Thai PBS News
·
"ฟินแลนด์" พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 คนแรกในประเทศ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันด้านสาธารณสุขฟินแลนด์ระบุว่า ผู้ติดเชื้อเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนจากเมืองอู่ฮั่น ขณะนี้ถูกกักกันโรคอยู่ในแลปแลนด์
.
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามเฝ้าดูอาการของคนที่อาจจะสัมผัสกับโรคอีก 15 คน #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #ThaiPBS

 

กางแผน 2 ปี ป้อง 57 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำ
30 Jan 2020

สทนช.เปิดเกมรุกป้อง 57 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำในปี 2 1ปีข้างหน้า พร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงแล้ง ชาวนาปลูกข้าวเกิดแผน สั่งเกษตรฯ ช่วยบรรเทาลดเสียงหายน้อยที่สุด



วันนี้ (30 ม.ค.63) เวลา 09.30 น. ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานภายใต้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ว่าประชุมมีการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซักซ้อมความพร้อมวางแผนดำเนินโครงการในปีงบประมาณ 2563 และ 2564 เบื้องต้นพบว่ามีโครงการที่มีความพร้อมและเริ่มดำเนินการได้ทันทีในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำใน 57 จังหวัด ครอบคลุมทั้งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร เช่น โครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง ขนาดเล็ก ประตูระบายน้ำ เป็นต้น ในปี 2563 จำนวน 1,434 โครงการ ประชาชนได้รับประโยชน์ 72,187 ครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่ 166,316 ไร่ ปริมาณน้ำเก็บกักเพิ่มขึ้น 134 ล้านลูกบาศก์เมตร



ดำเนินการโดย 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล การประปาส่วนภูมิภาค กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ รวมถึงเพื่อให้สามารถการแกไขปัญหาน้ำแล้งเร่งด่วนได้อย่างตรงจุด สทนช. ยังได้ประสาน 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรน้ำ ให้หน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล



โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำรวจเสนอแผนงานโครงการที่มีความพร้อมเพิ่มเติมในระดับหมู่บ้านและตำบล ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและต้องการแก้ไขสร้างแหล่งเก็บกักน้ำ เช่น การปรับปรุงขุดลอกลำน้ำ ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำฝาย หรืออาคารควบคุม ที่สามารถเร่งรัดดำเนินการแล้วเสร็จภายใน มิ.ย. 2563 เพื่อเตรียมรองรับน้ำฝนนี้ และยังเป็นการสร้างงานในชุมชน ในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอีกมาตรการหนึ่งด้วยเช่นกัน.



นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการติดตามความความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะแล้งในปัจจุบัน และการเตรียมการสนับสนุนน้ำจากแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคให้ครอบคลุมจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เนื่องจากการคาดการณ์ฝนขณะนี้ในทุกภาคของประเทศยังไม่มีแนวโน้มฝนมีเพียงบางพื้นที่ทางภาคใต้ที่มีฝนตกในระยะนี้ ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้รับทราบผลการแก้ไขปัญหาน้ำเค็มลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งพบว่าแผนการผันน้ำจากแม่กลองมาเจือจางน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ค่าความเค็มไม่เกินเกณฑ์ควบคุมจึงไม่กระทบกับการผลิตน้ำประปา รวมถึงพื้นที่เกษตรด้วย



จึงจะมีการพิจารณาแนวทางที่จะเพิ่มการระบายน้ำจากฝั่งตะวันตกมาเพิ่มเติมโดยไม่กระทบกับลุ่มน้ำแม่กลอง ก่อนจะปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิต์ จากปัจจุบันระบายน้ำจาก 2 เขื่อนรวมประมาณ 16 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้ เพื่อสงวนน้ำต้นทุนของทั้งสองเขื่อนไว้ให้มากที่สุดจนสิ้นสุดฤดูแล้ง โดยในวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.63) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) มีกำหนดการลงพื้นที่ติดตามการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมตรวจเยี่ยมปฏิบัติการผลักดันน้ำ และขุดลอกในคลองพระยาบรรลือ จ.พระนครศรีอยุธยาด้วย



ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าจาก 5 หน่วยงาน ในการเสนอขอรับการจัดสรรงบกลางเพื่อปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2563 ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้านน้ำอุปโภคบริโภค โดยล่าสุดมี 3 หน่วยงานเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณแล้ว 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งแล้วเสร็จประมาณ 40%



ขณะที่กองทัพบกที่อยู่ระหว่างดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณ แต่ก็ได้ดำเนินการขับเคลื่อนการขุดเจาะบ่อบาดาลในหลายพื้นที่แล้วเช่นกันสำหรับพื้นที่การเกษตรที่มีการปลูกข้าวเกินแผนนั้น กระทรวงเกษตรฯ ได้เตรียมแผนสนับสนุนน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียง เนื่องจากไม่สามารถจัดสรรน้ำจาก 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยามาสนับสนุนได้ รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจกับเกษตรกรไม่ให้มีการปลูกเพิ่ม


https://www.thansettakij.com/conten...zItr163BWl8nFVHAI-HxLsKJqGjBFQATPON-23BMyL9Oc

 

https://today.line.me/TW/article/jM89zz?utm_source=copyshare
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสุดทน ไม่สนจีน ประกาศหนุนไต้หวันเข้าเป็นสมาชิก WHO หลังโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ระบาดหนักจากจีนสู่ทั่วโลก!!!!

 

ปอท.บุกค้น 15 จุด รวบ 2 มือปล่อยเฟกนิวส์ "โคโรนา"
13:38 | 30 มกราคม 2563 |



ตำรวจ ปอท. นำหมายศาลเข้าค้น 15 จุดเป้าหมาย ทั่วประเทศ หลังพบมีผู้เผยแพร่ข้อมูลข่าวปลอมเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 พร้อมควบคุมตัว 2 คน ที่ยอมรับว่า เป็นผู้เผยแพร่ข่าวปลอม มาดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ

วันนี้ (30 ม.ค.2563) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส สอบปากคำ ผู้เผยแพร่ข้อมูลข่าวปลอมเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนา หลังจากที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ประสานตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท.นำหมายศาล เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 15 จุด พบ 6 จุด มีผู้ปล่อยข่าวปลอม ส่วน 9 จุด อยู่ระหว่างปฎิบัติการและสรุปผล

หลังเข้าตรวจค้นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านมีนบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และควบคุมตัวผู้เผยแพร่ข่าวปลอม 1 คน มาสอบสวน เบื้องต้น ยอมรับว่าเป็นผู้เผยแพร่ข่าวผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาที่พัทยา 1 คน โดยได้รับการส่งต่อมาจากเพื่อน และเมื่อทราบว่าเป็นข่าวปลอม จึงได้ลบโพสต์ดังกล่าวไป

นอกจากนี้ ยังควบคุมตัวผู้ชายอีก 1 คน ในพื้นที่ย่านทวีวัฒนา ซึ่งยอมรับว่า เป็นผู้ที่เผยแพร่คลิปวีดิโอต่างประเทศที่มีคนล้มลง และอ้างว่า ได้รับเชื้อไวรัสโคโรนา เบื้องต้น ควบคุมตัวทั้ง 2 คน ส่งตำรวจ ปอท.ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 44 (2) ฐานนำข้อมูลอันเป็นเท็จบิดเบือนข้อเท็จจริงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ได้รับความเสียหายกับประชาชน

ส่วนอีก 4 คน ที่พบการส่งต่อข่าวปลอม เช่น ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และภูเก็ต ตำรวจยังอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐาน

ทั้งนี้ นายพุทธิพงษ์ ขอความร่วมมือประชาชนไม่ส่งต่อข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ และขอให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าวเสียก่อน เพื่อป้องกันความเสียหาย และอาจจะถูกดำเนินคดีได้

https://news.thaipbs.or.th/content/...lp4oF9rOaT_MiLqEpjKnAk4ih8WvEbJV2SimBIRlJz06M

 

Forex Investor Trader Survivor


สมาชิกรัฐสภายุโรปมีกำหนดลงมติเพื่อเห็นชอบข้อตกลง Brexit Withdrawal Agreement ถือเป็นจุดสิ้นสุดของข้อถกเถียงเกี่ยวกับ Brexit ที่ใช้ระยะเวลามาอย่างยาวนาน รวมถึงเป็นการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร หลังจากเข้าร่วมกลุ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973:

สมาชิกรัฐสภายุโรปมีกำหนดลงมติเพื่อเห็นชอบ “Ratify” ต่อข้อตกลงขอถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit Withdrawal Agreement) ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่ Brexit จะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ และสหราชอาณาจักรจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปในวันศุกร์ที่ 31 ม.ค. ที่จะถึงนี้ ในเวลา 23.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. เวลา 17.30 น. โดยประมาณ (ตามเวลาท้องถิ่น) สมาชิกรัฐสภายุโรปได้มีมติ 621 ต่อ 49 เสียง (งดออกเสียง 13 เสียง) เห็นชอบ Withdrawal Agreement ของ นาย Boris Johnson นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดของข้อถกเถียงเกี่ยวกับ Brexit ที่ใช้ระยะเวลามาอย่างยาวนาน รวมถึงเป็นการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร หลังจากเข้าร่วมกลุ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973

ตัวแทนจากทั้งสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรประบุว่า ระยะเวลา 11 เดือน ต่อจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องเร่งเจรจาเพื่อหาข้อตกลงทางการค้าและรูปแบบความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเส้นตายของระยะเวลาช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) ที่จะสิ้นสุดลง ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2020 หากไม่มีการขยายช่วงระยะเวลาดังกล่าวออกไป

Soure: BOTSS
https://apnews.com/b22e257a1fb0c86f...CnZxA5d8hEVGZ5_rF1LU9Pt5ZXup_UIGlndFMO1LyFoJ4

 

"พุทธิพงษ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บุกจับสาวโพสต์ข้อมูลเท็จข่าวปลอม คาบ้านย่านคลองสามวา

จากกรณีการระบาดของเชื้อ “ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019” หรือ โรคทางเดินหายใจร้ายแรง ที่เกิดจากไวรัสโคโรน่า ข้ามสปีชีส์จากค้างคาวผ่านงูเห่ามาติดเชื้อในมนุษย์ ก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบ โดยโรคดังกล่าวเริ่มระบาดในเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 62 ที่ผ่านมา ทำให้ทุกประเทศเกิดความวิตกกังวน และมีการสื่อสารหรือแจ้งข่าวไปทั่วโลก ในจำนวนนี้มีทั้งข่าวจริง และข่าวปลอม

ล่าสุด Anti-Fake News Center Thailand หรือ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม โดยการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ได้ทำการตรวจสอบข้อมูล และรวบรวมข่าวปลอมที่เกิดขึ้น ซึ่งมีผู้แชร์ข่าวปลอมออกไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความตื่นกลัว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ม.ค.2563 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย พ.ต.อ. พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. นำกำลังเข้าตรวจค้นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เลขที่ 27/101 ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถนนสามวา แขวง/เขตมีนบุรี กทม. ซึ่งประกอบธุระกิจขายหมูกระทะเดลิเวอรี่ จากการตรวจสอบพบ น.ส.ฐิติมา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี เบื้องต้นยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ข่าวไวรัสโคโรน่าที่พัทยา โดยมีข้อความระบุว่า “พัทยามีคนป่วยโคโรน่า ตาย 1 คน ทำไมต้องปิดข่าวหรอ ประชาชนจะได้ระวังตัวกัน ห่วงเศรษฐกิจมากกว่าประชาชน”


นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาติดตามดูเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ปอท. ติดตามผู้โพสต์ข่าวปลอมเรื่องไวรัสโคโรน่า ซึ่งที่ผ่านมาหลังมีข่าวการแพร่ระบาด ทางกระทรวงดิจิทัลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมด เพื่อติดตามผู้โพสต์ข่าวปลอมต่างๆ เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ทางกระทรวงดิจิทัล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ตั้งชุดเฉพาะกิจแยกออกมา กระจายตามเป้าหมายต่าง ๆ จำนวน 10 จุด ในเคสนี้ผู้ต้องหายอมรับว่ามีการโพสต์ตอนต้นๆ แต่ได้ลบโพสต์ทิ้งแล้ว หลังมีคนแชร์ออกไปจำนวนมาก ซึ่งโพสต์ได้ไม่นานก็ลบออกไป

ทั้งนี้ อีกจุดที่มีการเข้าตรวจค้น ซึ่งเป็นการแชร์ภาพที่มีคนยืนแล้วล้มลง ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เบื้องต้นได้ดำเนินการเชิญตัวมาทำการสอบสวนที่กระทรวงดิจิทัล และ ปทอ. และอีกบางจุดพลาดเป้าไปบ้าง เนื่องจากใช้ข้อมูลปลอมด้วย จนถึงขณะนี้สามารถควบคุมตัวผู้โพสต์ข่าวปลอมได้ 2 ราย อีก 10 รายกำลังติดตาม อย่างไรก็ตาม การโพสต์ข้อความข่าวปลอมดังกล่าว มีความผิดนำเข้าข้อมูลที่บิดเบือนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข่าวปลอมที่เกิดขึ้นจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งที่ กระทรวงดิจิทัลฯ ศูนย์ราชการอาคารบี

อย่างไรก็ตาม สำหรับข่าวปลอมที่มีการโพสต์กันในโลกออนไลน์ ประกอบไปด้วย

- ข่าวปลอม สีจิ้นผิงสั่งใช้กฏหมายสูงสุด วิสามัญโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับไวรัส
- ข่าวปลอม ผู้ป่วยติดเชื่อไวรัสโคโรน่า เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ป.แพทย์ 1 นครราชสีมา
- ข่าวปลอม พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า เสียชีวิตที่ภูเก็ต เพิ่มอีก 1 ราย
- ข่าวปลอม พบผู้ป่วยชาวจีนติดเชื้อไวรัสโคโรน่า รักษาตัวที่ รพ.ราชธานี จ.อยุธยา
- ข่าวปลอม พัทยาพบผู้ป่วยเสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่า 1 ราย
- ข่าวปลอม เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ สามารถติดต่อผ่านการมองตาได้
- ข่าวปลอม คลิปสุดช็อค ไวรัสโคโรน่า ทำคนล้มทั้งยืน
- ข่าวปลอม กรมควบคุมโรคยกเลิกการคัดกรองผู้โดยสารด้วยเทอร์โมสแกน
- ข่าวปลอม พนักงานการบินไทย ติดโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็นจำนวนมาก

https://www.komchadluek.net/news/cr...0M0vj2TK5H5ZT6cBA121Los48QOsoNAqGgqwebZ5TSh08

 

ข่าวปลอมน่ะ ผมก็เห็นด้วยว่าไม่ควรนำมาเสนอ แต่ 3 เรื่องนี้ ผมว่าไม่น่าใช่น่ะ

- ข่าวปลอม เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ สามารถติดต่อผ่านการมองตาได้
ผมว่าเรื่องนี้จริง เพราะหมอที่ติดเชื้อเขามาบอกเอง แต่ไม่ใช่ผ่านการมองตา แต่ผ่านทางดวงตา เพราะไม่มีการป้องกันได้เหมือนผิวหนัง ถ้าเข้าไปในพื้นที่ติดเชื้อ และเกิดการระคายเคืองกับลูกตา สังเกตเห็นไหมบางครั้งตาก็แดงๆ พอเชื้อไปสัมผัสถูก ก็สามารถติดเชื้อได้ ซึ่งก็ตรงกับที่จีนบอกเชื้อสามารถติดโดยการสัมผัสได้

- ข่าวปลอม คลิปสุดช็อค ไวรัสโคโรน่า ทำคนล้มทั้งยืน
ข่าวนี้ก็เรื่องจริง คนป่วยมาก ๆ จะไม่เป็นลม ไม่มีบ้างเลยหรือ หรือว่าคนป่วยต้องมีสภาพแบบคนปกติทุกคน คนที่บอกว่าเรื่องน้เป็นข่าวปลอมควรทบทวนตัวเองดีกว่า ว่าตัวเองเป็นคนยังไงกันแน่ แต่ข่าวที่ว่า คนเมาและล้มลงไปนอน และกลายเป็นติดเชื้อ คนถ่ายที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รู้ว่า กรณีนี้เป็นยังไง ยังทำให้สังคมตื่นกลัว ก็น่าโดนลงโทษ

- ข่าวปลอม กรมควบคุมโรคยกเลิกการคัดกรองผู้โดยสารด้วยเทอร์โมสแกน
อันนี้ เขาบอกว่าไปสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่เองไม่ใช่หรือ แต่หลังจากที่ พอข่าวเผยแพร่อีกวัน ซึ่งจะจริงหรือไม่จริงไม่ทราบ แต่เขาระบุชื่อเจ้าหน้าที่ที่บอกไว้ ทำไมไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่บอกออกมายืนยันว่าไม่จริง แต่หลังจากที่เริ่มมีข่าวว่ากรมฯ ออกมาประชาสัมพันธ์ว่ายัง คัดกรองผู้โดยสารด้วยเทอร์โมสแกน อยู่ก็ไม่สมควรนำข่าว เก่ามาลงอีก เพราะเป็นเรื่องต่าง กรรม ต่างวาระไปแล้ว

 

Setiawan

ไม่รู้ว่าอะไร เมื่อไหร่ และรูปนี้อยู่ที่ไหน

 

ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น

#เกาะติดสถานการณ์โคโรนาไวรัสในญี่ปุ่น ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3 รายจากเที่ยวบินอพยพจากหวู่ฮั่น
.
สรุปเหตุการณ์วันนี้ 30 มกราคม 2020
.
▪ ยืนยันแล้วว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย เป็นชายและหญิง 3 คนจากเที่ยวบินอพยพแรก รวมเป็นทั้งหมด 11 รายแล้ว
▪ วันนี้เครื่องบินรับส่งผู้อพยพลำที่ 2 กลับถึงญี่ปุ่นแล้ว มีผู้โดยสารทั้งหมด 210 คน ยังตกค้างอีกกว่า 200 คน ทางการจะรีบจัดส่งเครื่องบินไปรับเพิ่ม
▪ สถานการณ์หน้ากากอนามัยในญี่ปุ่นเริ่มไม่ค่อยจะสู้ดี หลายที่หมดเกลี้ยง ต้องซื้อตามชานเมือง
.
ช่วงนี้ใครมาเที่ยวญี่ปุ่น ขอย้ำเหมือนเดิม ช่วยปฎิบัติตามกันด้วยนะครับ
.
▪ เวลานั่งเครื่องบินควรใส่หน้ากากตลอดเวลา เพราะบนเครื่องบินอากาศถ่ายเทน้อย มีจำนวนผู้โดยสารเยอะ เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อหากมีผู้ติดเชื้อ
▪ หลีกเลี่ยงที่ที่มีคนแออัดหนาแน่น และ สถานที่ที่คิดว่าคนจีนจะไปเยอะ ๆ เช่น China town หรือ ร้านอาหารจีน ร้านบุฟเฟท์ที่ทัวร์จีนชอบลง และโรงหนัง
▪ เวลาออกไปข้างนอกควรใส่หน้ากากอนามัย เพื่อสุขลักษณะของตนเองและผู้อื่น
▪ ใส่หน้ากากที่สามารถป้องกันไวรัสได้ จะมีเขียนที่ฉลากบรรจุภัณฑ์ (ウイルス = ไวรัส)
▪ เมื่อจะถอดหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว ไม่ควรจับบริเวณหน้ากากด้านนอก ให้จับบริเวณที่คล้องหู เพราะตรงหน้ากากด้านนอกเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคต่างๆ
▪ หน้ากากอนามัยควรใช้เพียงครั้งเดียว แล้วทิ้ง อย่าใช้ซ้ำ
▪ ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ ด้วยสบู่ทุกครั้ง
▪ ตามสถานที่ต่าง ๆ มักจะมีขวดแอลกอฮอล์ตั้งเอาไว้ ควรกดเพื่อฆ่าเชื้อโรคบ่อยๆ
▪ หากต้องจับราวบันได ราวบนรถไฟ กดลิฟท์ จับประตู หลังจากจับ อย่านำมือมาสัมผัส หน้า จมูก ปาก ควรล้างมือก่อนทุกครั้งจะทานอาหาร
▪ พกเจลแอลกอฮอล์ หรือ กระดาษเปียกแบบมีแอลกอฮอล์ไว้เช็ดทำความสะอาดมือบ่อยๆ
▪ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ทานอาหารปรุงสุก ไม่ใช้ของร่วมกับคนอื่น
▪ กลุ่มคนผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว คนท้อง คนมีปัญหาของระบบภูมิคุ้มกันที่ร่างกายอ่อนแอ จะรับเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ขอให้งดการไปที่ชุมชนหนาแน่นครับ
.
#ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น #coronavirus #japan #virus #โคโรนาไวรัส #โคโรนา #corono #ข่าวร้อนในญี่ปุ่น
ขอบคุณแหล่งข่าว https://bit.ly/3aRsKVj https://bit.ly/2U73PqQ

 

ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น

#คลุกวงในญี่ปุ่น เมื่อคนญี่ปุ่นอ่านคอมเมนต์คนไทย เชิดชูการจัดการของญี่ปุ่น
.
คอมเมนต์ของคนไทยได้ถูกแชร์ออกไปเป็นภาษาญี่ปุ่น ทำให้มีการคอมเมนต์กลับมา แอดไปเจอ เห็นว่าน่าสนใจดี เลยนำมาให้อ่านกันครับ ว่าเค้าพูดถึงเราอย่างไรกันบ้าง (ขอยกมาบางส่วน)
.
軍のC-130で自国民の救援に行くなんて言ってるのはタイぐらいだよ。
ดูแล้วเหมือนจะมีแค่ประเทศไทยนะ ที่จะใช้เครื่องบินทหาร C-130 ไปช่วยพลเมืองเค้า
.
単にタイの航空会社には回せる機体の余裕が無いとか、そんなところじゃないのか？本当なら民間の旅客機の方が搭乗人数も多いし、乗り心地も良いから乗客から不満も出にくいだろうし。
ทำไมไม่ให้การบินไทยไปรับล่ะ ปรกติเครื่องบินสำหรับการพานิชย์นั่งได้เยอะ แถมสบายกว่าด้วย ผู้โดยสารก็จะไม่บ่นด้วยนะ
.
支援物資送るから、空港使わせてよ。ってな交渉はあっただろうな。
พวกเราส่งอุปกรณ์ช่วยเหลือทางการแพทย์ไปให้ แล้วช่วยเปิดสนามบินให้หน่อยนะ มันต้องมีการเจรจาต่อรองกันบ้างนะฮะ
.
今回は紛争地域で無いので。
ครั้งนี้ไม่มีแผ่นดินที่เป็นข้อพิพาทแล้วนะ (คงหมายถึงข้อพิพาทระหว่างจีนและญี่ปุ่นในเรื่องดินแดนทับซ้อน)
.
タイの人達ってやっぱり凄い 外交視点の分析と複数の情報(他国のニュース)を収集しつつパニックになって混乱しないよう平常心でいることを瞬時に行ってる 植民地時代に外交で独立を維持していた国の人達のバランス感覚は見習いたい
คนไทยนี่เก่งเนอะ หาข้อมูลจากต่างประเทศ เอามาปะติดปะต่อ วิเคราะห์ เพื่อจะได้ไม่ตื่นตะหนกจนเกินไป ฉันอยากจำลองตัวเองเป็นนักการทูตที่จะเจรจาให้ประเทศผ่านพ้นยุคล่าอาณานิคมได้โดยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นใครเลย
.
タイは列強に比べて国力は劣っていたが、頭脳で補って乱世を乗り切った。外交巧者だよ。国民性は100年や200年では変わらない。今も高い能力を持っているはず。
ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจ ต้องยอมรับว่า เก่งในเรื่องการเจรจาทางการทูตมากๆ ประเทศถึงผ่านพ้นมาได้ 100-200 ปีโดยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นใครเลย คุณน่าจะใช้ทักษะนั้นได้ดีนะ
.
だがタダではない
มันไม่ฟรีนะจ๊ะ (คงหมายถึงเครื่องบินเช่าเหมาลำ)
.
チャーター機代、おひとり様8万請求ってニュースでみわわ。がせかな。
เครื่องบินเช่าเหมาลำ ตกคนละ 8 หมื่นเยน ไม่แน่ใจว่า มันถูกหรือแพงเลย
.
ANAの正規料金としてなら妥当だよ。ツアーみたいに枠を抑えてる訳ではないから。エコノミーでも東南アジアなら片道20万近くかかる。欧州なら100万近くかかる。
นี่มันราคาปรกติของ ANA อยู่แล้ว ถ้าไปถึงอาเซียนต้องมี 2 แสนเยน ถ้าไปยุโรปต้องมีเกือบล้านเยนเลย
.
本当みたい。だから学生は帰国しない人もいるらしい。収まってまた中国に行くのも有料だから。
นักเรียนอาจะไม่อยากกลับก็ได้นะ เพราะต้องจ่ายตังค์ เดี๋ยวก็ต้องกลับไปใหม่
.
タイの人は優しいな 日本のコメントよりよっぽど和むよ
国内はあら探しの批判が多くて疲れる
คนไทยนี่สุภาพดีนะ ฉันอ่านคอมเมนต์แล้วก็รู้สึกปล่อยวางมากกว่าคอมเมนต์ของคนญี่ปุ่นกันเองเสียอีก ในประเทศเรามีคำวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ และฉันก็รู้สึกเหนื่อย
.
日本も最初、政府専用機を飛ばす予定だったけれど、航空自衛隊の管轄になっているため、軍用機と見なされ、中国側から着陸許可が下りなかったらしい。そこで民間機のチャーター便に切り替えたんだって。
ตอนแรกเราก็แพลนจะใช้เครื่องบินทหารนะ แต่เป็นเครื่องของกองกำลังป้องกันตัวเองทางอากาศ ดูเหมือนว่าจีนจะไม่อนุญาตให้ทำการลงจอด พวกเขาจึงเปลี่ยนมาเช่าเหมาลำเครื่องบินเชิงพานิชย์
.
#ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น #coronavirus #japan #virus #โคโรนาไวรัส #โคโรนา #corono #ข่าวร้อนในญี่ปุ่น

 

รูปนี้ห้ามนำมาลงเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาน่ะครับ

 

พื้นที่ กทม. ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 2 ก.พ. 63 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

 

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ขอความร่วมมือสมาชิกทั้งหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ นำเสนอข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยคำนึงถึงแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนในภาวะวิกฤต #ไวรัสโคโรนา #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

วันนี้ (30 ม.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการจริยธรรม สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ออกแถลงการณ์เรื่อง สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ขอความร่วมมือสมาชิกทั้งหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ นำเสนอข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อ "ไวรัสโคโรนา" โดยคำนึงถึงแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนในภาวะวิกฤต โดยระบุว่า ตามที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยแหล่งที่มาของโรคอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน และพบว่าผู้ติดเชื้อได้เดินทางไปยังหลายพื้นที่ของโลก จนส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้วหลายประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนอย่างมาก และสื่อมวลชนทุกสำนักต่างนำเสนอข้อมูลต่างๆ จนบางครั้งอาจส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง และสร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
ร้องสมาชิก "นสพ.-เว็บไซต์" ไม่สร้างความตื่นตระหนก
คณะกรรมการจริยธรรม สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ จึงขอความร่วมมือมายังสื่อมวลชนที่เป็นสมาชิกของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ทั้งหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ ให้เสนอข่าวตาม "แนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนในภาวะวิกฤต" ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพ
ซึ่งสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติได้ให้การรับรองแล้ว เพื่อให้การปฏิบัติงานของสมาชิกเป็นไปตามมาตรฐานจริยธรรม และสามารถทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล ข้อเท็จจริงตามหลักสิทธิเสรีภาพบนความรับผิดชอบ เพื่อเฝ้าระวัง เตือนภัย ไม่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชน อันจะนำไปสู่การบรรเทาความเสียหายและคลี่คลายวิกฤตการณ์
"สาระสำคัญ" ของแนวทางปฏิบัติงานในภาวะวิกฤต
โดยมีสาระสำคัญดังนี้ "ภาวะวิกฤต" หมายถึง สถานการณ์ที่เข้าสู่ภาวะที่จำเป็นต้องเข้าจัดการเพื่อหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อสุขภาพ ชีวิต ทรัพย์สิน สิทธิ หรือเสรีภาพของประชาชนในวงกว้าง โดยหมายรวมถึงภัยพิบัติ เหตุฉุกเฉิน สาธารณภัย หรือภัยคุกคามที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่มีความรุนแรง อันเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กฎอัยการศึก หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
"สถานการณ์โรคและภัยสุขภาพ" หมายถึง สถานการณ์ที่เกิดโรคติดต่อหรือโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคแน่ชัด ซึ่งอาจแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว หรือมีภาวะของการเกิดโรคมากผิดปกติกว่าที่เคยเป็นมา รวมถึงโรคติดต่ออุบัติใหม่-อุบัติซ้ำ ภัยสุขภาพ หรือภาวะที่มีมลพิษในอัตราสูงที่ส่งผลกระทบหรืออันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชน
การปฏิบัติงานท่ามกลางสถานการณ์โรค-ภัยสุขภาพ
ในการการปฏิบัติงานในสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพนั้น -ผู้ปฏิบัติงานข่าวต้องปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคหรือการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพที่กำหนดโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และไม่กระทำการใดที่จะทำให้ตนกลายเป็นผู้ประสบภาวะวิกฤต
-ผู้ปฏิบัติงานข่าวต้องเคารพสิทธิของผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยตามกฎหมาย ทั้งความเป็นอยู่อย่างสงบ สิทธิความเป็นส่วนตัว สิทธิมนุษยชน โดยไม่นำเสนอภาพ ข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วยอันเป็นความลับส่วนบุคคลที่อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับความเสียหาย เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง
-ผู้ปฏิบัติงานข่าวพึงระมัดระวังการสร้างความตื่นตระหนกจากการนำเสนอโดยการคาดเดา หรือไม่ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หรือหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับสาเหตุการแพร่ระบาดของโรคหรือสถานการณ์ภัยสุขภาพ รวมถึงวิธีการป้องกัน แก้ไข และรักษา

 

ไต้หวันยืนยันพบผู้ป่วยปอดอักเสบรายที่ 9 ‍⚕️‍⚕️
มีมาตรการตั้งจุดวัดไข้บริเวณทางเข้าพิพิธภัณฑ์ต่างๆ
#RtiFanpage

 

ไม่เข้าใจว่าคนที่ปล่อยข่าว และนำข่าวมาชี้แจงซ้ำๆ ต้องการอะไร เพราะนายกเทศมนตรีหวู่ฮั่น ก็ชี้แจงแล้ว ว่าคนที่ออกจากเมือง 5 ล้่าน น่าจะมีจำนวนหลักหมื่นหน่อยๆ ไปเที่ยวต่างประเทศ และอีก 4 ล้านกว่าๆ ออกไป แต่อยู่ในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งก็น่าจะเป็นผลทำให้เชื้อแพร่กระจายไปทั่วประเทศ ทั้ง2 ฝ่ายเลิกเอาข่าวแบบนี้ออกมาเถอะ มาเสนอข่าวที่เป็นจริงให้ทุกคนรับทราบสถานการณ์จริงๆ กันดีกว่า
---------------
คนจีนที่มาจากอู่ฮั่น ก่อนปิดเมือง มาไทยวันละ 5-7เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 1,200 คน มาเที่ยวนาน 5-7 วัน ดังนั้น แต่ละวันน่าจะมีอยู่ประมาณ 6,000 คนต่อวัน
แต่หลังจากสั่งปิดเมือง พบว่ามีคนจีนจากอู่ฮั่นตกค้าง โดยสนามบินสุวรรณภูมิระบุว่ามีประมาณ 2 หมื่นกว่าคน ตอนนี้ทยอยกลับแล้ว เหลือไม่ถึงหมื่นคน โดยไปลงเมืองใกล้ๆ แทน และคาดว่าจะกลับหมดภายใน 1-2 วัน ส่วนคนที่เหลืออยู่ตอนนี้อาการดี ไม่มีการเจ็บป่วย
สำหรับการช่วยเหลือ บินรับ นศ.ไทยในเมืองอู่ฮั่นกลับ
จะมีการประเมินอาการก่อนกลับ หากมีอาการจะแยกที่นั่งพิเศษ มีแพทย์คอยดูแล เมื่อกลับมาเข้าระบบเฝ้าระวัง
ส่วนคนไม่มีไข้ สามารถกลับบ้านได้ แล้วติดตามอาการจนครบ 14 วัน ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเฝ้าระวังในโรงพยาบาล เพราะมีการปิดเมือง อาศัยอยู่คนเดียวไม่ได้ออกไปเจอใคร หรือออกไปก็มีคำสั่งใส่หน้ากากอนามัยตลอด โอกาสติดเชื้อจึงน้อยมาก และมีการปิดเมืองมาแล้วเกือบ 7 วัน ซึ่งระยะฟักตัวของโรคส่วนใหญ่อยู่ที่ 7 วัน แต่หากรับกลับก็อาจเลยไปที่ 8-9 วันแล้ว การไม่ป่วยจึงถือว่าค่อนข้างปลอดภัย
แต่เมื่อกลับไปสังเกตอาการที่บ้าน ก็ไม่ควรออกไปข้างนอก
#Qol #MGROnline
https://mgronline.com/qol/detail/9630000010010

 

เคยพูดเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มต้น
อดีตผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากล่าวว่าเราประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไปอย่างมากในประเทศจีนด้วยเคสผู้ติดเชื้อหลายหมื่น (หลายสิบของหลายพันผมเลยแปลว่าหลายหมื่น)
FDA เป็นหน่วยงานรัฐบาลกลางของกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐอเมริกา
- ลอร่าเวลส์
Been saying this from the very start.
Former FDA Commissioner says we are dramatically underestimating cases In China by tens of thousands
The FDA is a federal agency of the United States Department of Health and Human Services.
- Laura Wells

 

Laura Wells