ติดตามสถานะการณ์

เรียกได้ว่าไม่มีใครเกินเขาจริงๆ สำหรับพี่จีน ที่ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็ร่วมมือร่วมใจแก้ปัญหาฝ่าฟันไปด้วยกันทั้งประเทศ และล่าสุดก็สร้างปรากฏการณ์เนรมิตสร้างโรงพยาบาล 1,000 เตียง ภายใน 2 วัน เตรียมรับผู้ป่วยไวรัสโคโรนาเป็นแห่งแรก
.
ซินหัวรายงานว่าที่เมืองหวงกัง ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายเมืองที่ทางการหูเป่ยสั่งปิดเมือง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ ได้เปิดทำการโรงพยาบาลแห่งใหม่ของเมืองขนาด 1,000 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยจากไวรัสดังกล่าวเป็นการเฉพาะแห่งแรกของจีนแล้ว ซึ่งรายงานระบุว่า ทางการเมืองหวงกังได้ระดมคนงานกว่า 500 คน พร้อมเครื่องจักรก่อสร้าง 10 คัน ติดตั้งระบบประปา และไฟฟ้า รวมถึงเครื่องมือแพทย์ กระทั่งช่วงค่ำของวันที่ 28 ม.ค. สามารถเปิดใช้งานได้ในที่สุด ซึ่งล่าสุดก็ทยอยย้ายผู้ป่วยเข้ามาโรงพยาบาลแห่งใหม่นี้แล้ว
.
ซึ่งเดิมทีโรงพยาบาลแห่งนี้มีกำหนดเปิดใช้งานในเดือนพฤษภาคม และสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 700 เตียง แต่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้เมืองหวงกังไม่มีทางเลือก ต้องรีบเนรมิตโรงพยาบาลดังกล่าวให้พร้อมใช้งานภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อรองรับผู้ป่วยจากเชื้อโคโรนาจำนวน 1,000 เตียง ซึ่งเมืองหวงกังก็มีแผนกำหนดให้มีพยาบาลศูนย์สำหรับรับมือกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่เป็นการเฉพาะทั่วเมือง 13 แห่ง และคลินิกอีก 29 แห่ง
.
ส่วนนครอู่ฮั่นทางการยังคงเร่งก่อสร้างโรงพยาบาลสนามทั้งสองแห่ง ให้เสร็จภายกำหนดวันที่ 3 ก.พ.นี้ โดยล่าสุดความคืบหน้าอยู่ในระหว่างเริ่มเทคอนกรีตฐานรากแล้ว
.
-------------------------------------
แหล่งข้อมูล

https://www.dailymail.co.uk/news/article-7939075/Chinas-coronavirus-hospital-OPENS-today.html

https://www.posttoday.com/world/613...n1er5YIwiuqHwIu6P07g76rnrwtEYJBhnwbrVzigtJJlA
-------------------------------------
กด Like และ ติดตามเพจ เพื่อรู้เท่าทันโลก
กับ Thailand Vision

 

สพฐ.แจ้ง5ขั้นตอน ‘ซ้ำชั้น’ ร.ร.ทั่วปท. เกรดต่ำ-อ่าน-เขียน-คิดเลขไม่ได้ ให้เรียนซ้ำ


นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย ของการเรียนซ้ำชั้น โดย สพฐ.ได้สรุปข้อมูลเสนอรัฐมนตรีว่าการ ศธ.พิจารณาแล้ว

ทั้งนี้ จากการเปิดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งผู้ปกครอง ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักวิชาการ นักจิตวิทยา และผู้เกี่ยวข้องจากหลายภาคส่วน แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ผู้ที่เห็นด้วยมองว่าการให้เรียนซ้ำชั้น ควรเริ่มตั้งแต่ชั้น ป. 1 เพื่อให้อ่านออก เขียนได้ มีความรู้ที่จะเรียนในระดับที่สูงขึ้น ช่วยให้ผู้เรียนกระตือรือร้น ให้ความสำคัญกับการเรียน และเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนมากขึ้น สำหรับข้อเสีย ส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักจิตวิทยากังวลว่าจะมีผลกระทบทางจิตใจ ส่งผลต่อความสัมพันธ์ พฤติกรรมทางสังคม ทำให้เด็กเครียด และถ้าเป็นนักเรียนระดับมัธยม อาจถึงขั้นไม่เรียน และตัดสินใจลาออก ขณะที่ผู้ปกครองบางคนมองว่าทำให้เด็กเสียเวลา ขาดโอกาส

ทั้งนี้ที่ผ่านมา สพฐ.ไม่เคยมีนโยบายห้ามไม่ให้เด็กที่สอบตกเรียนซ้ำชั้น และเรื่องนี้กำหนดไว้ในปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรอยู่แล้ว เพียงแต่โรงเรียนอาจไม่เข้าใจ

ดังนั้น จึงได้เสนอให้ออกหนังสือซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติดังกล่าวไปยังผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)ทั่วประเทศ เพื่อแจ้งไปยังโรงเรียนต่างๆ นายการุณกล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ลงนามในประกาศที่ ศธ 04010/ ว 1578 สพฐ.เรื่องซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติการเรียนซ้ำชั้น ถึงผู้อำนวยการ สพท.ทั่วประเทศ ว่าตามที่ ศธ.ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 และได้กำหนดแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรดังกล่าว เพื่อให้สถานศึกษานำไปปฏิบัตินั้น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ชัดเจน และตรงกัน ในประเด็นของการเรียนซ้ำชั้น มีประเด็นที่ สพฐ.ขอซักซ้อมความเข้าใจ ดังนี้

1. การวัดและประเมินผลการเรียน ให้สถานศึกษาวัดและประเมินผลการเรียนของผู้เรียนเป็นระยะระหว่างเรียน โดยใช้เทคนิคการวัดและประเมินผลอย่างหลากหลาย เพื่อตรวจสอบพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน ถ้าพบปัญหา หรือข้อบกพร่องในตัวผู้เรียน ให้ช่วยเหลือ และซ่อมเสริมทันที โดยเฉพาะชั้น ป. 1 ต้องพัฒนาให้ผู้เรียนอ่านออก เขียนได้
2. การสอนซ่อมเสริม เพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง และพัฒนาผู้เรียน ให้มีความรู้ ทักษะกรณีที่ผู้เรียนมีผลการประเมินไม่ผ่าน หรือได้ “0” สถานศึกษาต้องจัดสอนซ่อมเสริมให้ผู้เรียนก่อนสอบแก้ตัวนอกเหนือจากการสอนปกติ

1. ให้ผู้เรียนสอบแก้ตัว 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ให้ผู้เรียนยื่นคำร้องสอบแก้ตัว โดยให้ครูประจำวิชา หรือครูประจำชั้นสอนซ่อมเสริม และสอบแก้ตัว ให้เสร็จก่อนเปิดภาคเรียน หรือภาคเรียนแรกของปีการศึกษาถัดไป สอบแก้ตัวครั้งที่ 2 กรณีครั้งที่ 1 ไม่ผ่าน หรือไม่มาสอบแก้ตัว ให้โอกาสสอบแก้ตัวอีก 1 ครั้ง โดยสถานศึกษาแต่งตั้งกรรมการสอนซ่อมเสริม และสอบแก้ตัวให้เสร็จก่อนเปิดภาคเรียน หรือในภาคเรียนแรกของปีการศึกษาถัดไป
2. เรียนซ้ำชั้นรายวิชา ผู้เรียนที่สอนซ่อมเสริม และสอบแก้ตัว 2 ครั้งแล้ว ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินรายวิชา หรือยังได้ “0” ถ้าเป็นรายวิชาพื้นฐานให้เรียนซ้ำชั้นในวิชานั้น ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติม ให้เรียนซ้ำชั้นในวิชานั้น หรือเปลี่ยนวิชาใหม่ ทั้งนี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา กรณีเปลี่ยนวิชาใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียบแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทนวิชาใด ในการเรียนซ้ำรายวิชาให้อยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่งที่สถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวัน วันหยุด ชั่วโมงว่างหลังเลิกเรียน ภาคฤดูร้อน เป็นต้น
3. การเรียนซ้ำชั้น หากพบปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนกรณีใดกรณีหนึ่ง ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น ดังนี้ – ระดับประถม ผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชาเกินครึ่งหนึ่งตามโครงสร้างเวลาเรียน ผู้เรียนชั้น ป. 1-2 ได้รับการประเมินแล้วยังอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ คิดเลขไม่เป็น – ระดับมัธยม การเรียนซ้ำชั้นของผู้เรียนในระดับมัธยม เมื่อผู้เรียนไม่ผ่านเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้ มีผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นต่ำกว่า 1.00 และมีแนวโน้มจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับที่สูงขึ้น ผู้เรียนที่มีผลการเรียน “0”, “ ร ” หรือ “ มส ” เกินครึ่งหนึ่งของรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนในปีการศึกษานั้น ทั้งนี้ การพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นหรือซ้ำชั้นรายวิชา ให้สถานศึกษาดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ ให้แจ้งผู้ปกครองและผู้เรียนทราบเหตุผลของการเรียนซ้ำชั้นหรือซ้ำรายวิชา

https://www.eduzones.com/2020/01/28/833299332/

 

รวมหน้ากาก DIY ป้องกัน "ฝุ่นละออง" PM2.5 ทำเองได้ใช้แก้ขัด!

ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ มีข้อมูลจากนักวิชาการ ที่ออกมาแชร์วิธีทำ หน้ากาก DIY ที่สามารถป้องกัน ฝุ่นละออง PM2.5 ได้ผลดี ใกล้เคียงกับหน้ากากแบบ N95 เลยทีเดียว จะต้องทำยังไงบ้าง? มาดูกัน...

1. หน้ากาก DIY (หน้ากากอนามัย+กระดาษทิชชู)
มีข้อมูลผลงานวิจัยของ ศ.ดร.อุษณีย์ วินิจเขตคำนวณ และ ดร.ขนิษฐา พันธุรี Thaneyhill นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ทำไว้เมื่อปี 2551 ระบุว่า หากไม่มีหน้ากาก N95 สามารถประยุกต์ทำหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 ได้เอง

มีอุปกรณ์ คือ 1.หน้ากากอนามัยแบบธรรมดา (หาซื้อได้ทั่วไป) และ 2.ทิชชูสองแผ่น


วิธีทำ คือ นำทิชชู 2 แผ่น เอามาซ้อนกัน แล้วซ้อนไว้ในหน้ากากอีกที จากนั้นนำมาใช้คาดปิดปากปิดจมูกได้ตามปกติ


วิธีนี้เป็นการทำหน้ากาก DIY ใช้เองได้ง่ายๆ โดยสามารถป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 ได้ใกล้เคียงกับหน้ากาก N95 โดยมีข้อมูลอ้างอิงว่า หน้ากากชนิด N95 ช่วยลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่จะเข้าสู่ร่างกายได้ 90.82% ขณะเดียวกันเมื่อใช้หน้ากากอนามัยซ้อนกระดาษทิชชู 2 ชั้น ก็ป้องกันฝุ่นละอองได้สูงถึง 90.80% คือ มีประสิทธิภาพเหมือนกัน

2. หน้ากาก 3D EASY MASK
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินหายใจและปอด ระบุว่า คนทั่วไปยังไม่จำเป็นต้องใช้หน้ากากแบบ N95 (ยกเว้นผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจที่ควรสวมใส่ หน้ากาก N95) แต่สามารถสวมหน้ากากอนามัยทั่วไปได้ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองได้ในระดับหนึ่ง

จากสถานการณ์ที่หน้ากากอนามัย N95 ขาดตลาด ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ป่วย ยังสามารถหาซื้อหน้ากากอนามัย 3D EASY MASK มาใช้ได้ อาจจะไม่ป้องกันเท่า N95 แต่ก็ถือว่าดีกว่าไม่ใส่เลย ซึ่งหน้ากากแบบนี้ราคาไม่แพง มีทั้งชนิดกระดาษและผ้า



ตัวอย่างหน้ากาก N95 ที่กำลังขาดตลาดตอนนี้!
3. ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ
มีข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่า หากประชาชนหาซื้อหน้ากาก N95 ไม่ได้ เมื่อจำเป็นต้องออกนอกบ้าน หรืออยู่ในที่โล่ง ก็อาจจะใช้วิธีนี้มาช่วยไปก่อน นั่นคือ นำผ้าชุบน้ำ บิดหมาดๆ มาปิดจมูกและปาก เพื่อช่วยกรองฝุ่นละอองได้ในระดับหนึ่ง ส่วนเด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นละออง หากไม่จำเป็นอย่าออกจากบ้าน

ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายเมื่ออยู่นอกบ้าน ดื่มน้ำมากๆ งดสูบบุหรี่ ลดการใช้รถยนต์ ไม่เผาขยะ เพื่อช่วยไม่ให้คุณภาพอากาศแย่ลงไปอีก


4. ผ้าหนาๆ + กระดาษทิชชู
อีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ คือ หาผ้าหนาแล้วเอาทิชชู 2 แผ่น ซ้อนไว้ข้างใน แล้วใช้ปิดปากปิดจมูกเมื่อต้องออกนอกบ้าน หรืออยู่ในที่โล่ง สามารถป้องกันฝุ่นละอองได้ในระดับหนึ่ง แต่ป้องกันได้ไม่ดีเท่าการสวมใส่หน้ากาก N95


5. ผ้าขาวม้า ผ้าขนหนู
เคยมีบางคนไปหาผ้าขาวม้าหรือผ้าเช็ดหน้าขนหนูผืนเล็ก เอามาปิดปากปิดจมูก อันนี้สามารถป้องกันกลิ่นและฝุ่นควันขนาดใหญ่ได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถป้องกัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้นะจ๊ะ ยังไงก็ลองทำตามข้ออื่นๆ ข้างต้น น่าจะได้ผลดีมากกว่า


หวังว่าชาวกรุงจะได้วิธีประยุกต์หน้ากาก DIY เอาไว้ปิดปาก-ปิดจมูก เพื่อป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 หรือฝุ่นพิษที่เกินมาตรฐานในวันที่หน้ากาก N95 กำลังขาดตลาดแบบนี้

https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/health/1470169

 

หน้ากากอนามัย กันเชื้อโรคได้จริงหรือไม่

หน้ากากอนามัย คือ หน้ากากที่ใช้เพื่อช่วยป้องกันระบบทางเดินหายใจจากมลพิษ สารพิษ และเชื้อโรค ในหลายกรณี แพทย์มักแนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากเป็นวิธีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสจากคนสู่คนได้ หากรู้วิธีใช้ที่ถูกต้องก็จะช่วยให้การป้องกันนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น



หน้ากากอนามัย ผลิตขึ้นจากผ้าหรือพอลิโพรไพลีนซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ โดยหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพจะต้องมีชั้นกรองอย่างน้อย 3 ชั้น เพื่อช่วยในการป้องกันเชื้อโรค มลพิษหรือของเหลวจากภายนอก และช่วยดูดซับสารคัดหลั่งหรือความชื้นที่มาจากผู้ใช้ ป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจายสู่ผู้อื่น

ประเภทของหน้ากากอนามัย

หน้ากากอนามัยที่วางขายทั่วไป แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะของหน้ากาก และประสิทธิภาพของการกรองอากาศ ดังนี้

• หน้ากากอนามัยแบบทั่วไป หน้ากากอนามัยประเภทนี้จะค่อนข้างกระชับกับใบหน้า โดยแนบไปกับใบหน้า ซึ่งในวงการแพทย์เป็นส่วนใหญ่ และมักใช้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคผ่านทางการไอ หรือจามได้ ทว่าข้อเสียของหน้ากากอนามัยชนิดนี้คือ บริเวณด้านล่างของหน้ากากอนามัยจะไม่สามารถป้องกันการได้รับสารปนเปื้อนจาการสูดดมได้
• หน้ากากอนามัยแบบ N95 เป็นหน้ากากอนามัยชนิดที่ช่วยป้องกันการเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ได้ โดยประสิทธิภาพในการป้องกันจะสูงกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วไป เนื่องจากลักษณะของหน้ากากอนามัยชนิดนี้จะมีลักษณะครอบลงไปที่บริเวณหน้าปากและจมูกอย่างมิดชิดทำให้เชื้อไวรัสหรือสารปนเปื้อนไม่สามารถลอดผ่านได้ หน้ากากอนามัยชนิดนี้มักใช้ทั้งในวงการแพทย์ที่ต้องการความปลอดภัยจากการติดเชื้อสูง ได้แก่ การป้องกันเชื้อวัณโรค หรือเชื้อแอนแทร็กซ์ ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ อีกทั้งมักใช้ระหว่างการทำงาน เช่น การทำงานกับสารเคมีหรือการใช้สีที่อาจทำให้ได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ ทว่าในการใช้หน้ากากอนามัยแบบ N95 จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม เพราะขนาดและยี่ห้อที่แตกต่างกันอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการกรองอากาศได้

ประโยชน์ของหน้ากากอนามัย

ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดของหน้ากากอนามัยคือ หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันมลพิษและเชื้อโรคจากสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเชื้อโรคจากผู้อื่น และป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคไปยังผู้อื่นได้เป็นอย่างดี จึงทำให้วงการแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้คนทั่วไปใช้หน้ากากอนามัยเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรค เพราะลดความเสี่ยงการติดเชื้อระหว่างคนสู่คนได้ โดยมีการศึกษาพบว่าหน้ากากอนามัยนั้นช่วยกรองเชื้อโรคออกได้ถึง 80% ทว่าก็ยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

ข้อจำกัดของหน้ากากอนามัย

แม้หน้ากากอนามัยจะมีประโยชน์ในด้านการป้องกันสุขภาพ แต่ยังมีข้อจำกัดบางประการ ดังนี้

• ไม่สามารถป้องกันได้ 100% หน้ากากอนามัยส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเพียงประมาณ 80% ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุ หากเป็นหน้ากากอนามัยชนิด N95 ป้องกันได้ 95% ดังนั้น ผู้ใช้จึงยังอาจมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้
• ไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ทุกชนิด แม้จะช่วยป้องกันเชื้อโรคได้ในระดับหนึ่งแต่ยังไม่มีการทดสอบว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่งได้อย่างเจาะจง ดังนั้น หน้ากากอนามัยจึงไม่สามารถใช้เพื่อป้องกันโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะได้
• ใช้ได้ครั้งเดียว หน้ากากอนามัยเกือบทุกชนิดจะเป็นชนิดใช้แล้วทิ้ง และไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือทำความสะอาดได้ เนื่องจากเมื่อใช้แล้วเชื้อโรคจะติดอยู่บนหน้ากากอนามัย หากใช้ซ้ำก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
• ไม่มีผลวิจัยชัดเจนว่าช่วยป้องกันได้ แม้วงการแพทย์จะแนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยป้องกันมลพิษหรือการติดเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจ แต่ยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนว่าหน้ากากอนามัยมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจหรือมลพิษมากเพียงใด จึงทำให้ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

ใครควรใส่หน้ากากอนามัย ?

หน้ากากอนามัยนั้นใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย กลุ่มคนที่ควรใช้หน้ากากอนามัยเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อจากตัวเองไปยังผู้อื่น หรือป้องกันไม่ให้ตัวเองติดเชื้อจากผู้ป่วยคนอื่น ๆ ได้แก่

• ผู้ที่ต้องอยู่ใกล้หรือมีการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ
• ผู้ที่มีอาการป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจซึ่งต้องใกล้ชิดกับคนปกติ หรือต้องออกไปนอกบ้าน
• ผู้ที่ต้องเข้าไปยังบริเวณเสี่ยงติดเชื้อ หรือสถานที่ที่มีผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรงพยาบาล หรือสถานที่ที่มีคนแออัด เป็นต้น

วิธีใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง

การใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผู้ใช้ป้องกันเชื้อโรคและมลพิษได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้

วิธีการใส่หน้ากากอนามัยแบบทั่วไป

• ล้างมือทำความสะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ติดอยู่บริเวณมือ
• เลือกขนาดของหน้ากากอนามัยให้เหมาะสม หากเป็นเด็กควรเลือกขนาดเฉพาะเพื่อไม่ให้หน้ากากอนามัยใหญ่เกินไป
• ใส่หน้ากากอนามัยให้พอดีกับใบหน้า โดยหันด้านที่มีสีออก และให้ด้านที่มีลวดอยู่ด้านบน หากเป็นหน้ากากอนามัยชนิดไม่มีสี ให้สังเกตรอยพับของหน้ากากอนามัย หากมุมของรอยพับชี้ลงด้านล่างด้านนั้นจะเป็นด้านนอกของหน้ากากอนามัย
• ขณะใส่หน้ากากอนามัย หากเป็นหน้ากากแบบที่ต้องผูกปลายเชือกเข้าด้วยกัน ให้ผูกเชือกเส้นล่างที่บริเวณต้นคอ ส่วนเส้นบนผูกบริเวณศีรษะ หากเป็นชนิดสายยางยืด ให้คล้องที่หูทั้งสองข้าง แล้วบีบบริเวณเส้นลวดให้พอดีกับจมูก จะทำให้หน้ากากอนามัยพอดีกับใบหน้า
• ดึงหน้ากากอนามัยให้ปิดบริเวณปาก จมูก และคาง เป็นอันเรียบร้อย

วิธีการใส่หน้ากากอนามัยแบบ N95

• ถือหน้ากากอนามัยไว้ในอุ้งมือ แล้วครอบหน้ากากบริเวณปากและจมูก
• ดึงสายรัดของหน้ากากอนามัยที่อยู่ด้านล่างคล้องศีรษะแล้วดึงลงไปบริเวณใต้ใบหู จากนั้นดึงสายรัดเส้นบนคล้องศีรษะให้อยู่บริเวณหลังศีรษะ แล้วบีบบริเวณเส้นลวดให้พอดีกับจมูก
• ตรวจสอบความเรียบร้อยว่าหน้ากากอนามัยแนบสนิทกับใบหน้าหรือไม่
• ทดสอบความพอดีของหน้ากากโดยใช้มือทั้งสองข้างทาบบริเวณหน้ากาก แล้วลองหายใจ หากหน้ากากพอดีกับใบหน้าเวลาหายใจเข้าหน้ากากจะยุบตัว หายใจออกหน้ากากจะพองตัวออก

นอกจากนี้ ผู้ใช้ควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยเมื่อรู้ว่าหน้ากากที่ใช้เปียก หรือโดนสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก และไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ หลีกเลี่ยงการล้างทำความสะอาดหรือฆ่าเชื้อ อีกทั้งยังไม่ควรใช้หน้ากากอนามัยร่วมกับผู้อื่น หลังจากเปลี่ยนหน้ากากอนามัยแล้วควรนำหน้ากากที่ใช้แล้วใส่ถุงปิดให้มิดชิดก่อนทิ้ง หรือทิ้งในถังขยะติดเชื้อ และล้างมือทำความสะอาดเพื่อป้องกันการตกค้างของเชื้อโรค

หน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรคได้จริงหรือไม่ ?

แม้จะยังไม่มีผลการยืนยันที่ชัดเจนว่าหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันเชื้อโรค แต่มีการศึกษาว่าว่าหน้ากากอนามัยป้องกันการติดเชื้อได้เพียงแต่ต้องใช้ร่วมกับวิธีอื่น ๆ เช่น การล้างมืออย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วย หรือการได้รับวัคซีนป้องโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจบางชนิด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ อีกทั้งยังควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ เพราะแม้จะใส่หน้ากากอนามัยแล้วแต่หากได้รับเชื้อในปริมาณมาก หรือต้องใช้ของร่วมกับผู้ป่วยก็เสี่ยงติดเชื้อได้
https://www.pobpad.com/หน้ากากอนามัย-กันเชื้อโ

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

น้ำท่วมอย่างไม่น่าเชื่อในเบโล โฮริซอนตี ประเทศบราซิล

 

จีนปรับศูนย์การแพทย์ใช้รองรับผู้ติดเชื้อ "โคโรนา" รอ รพ.ใหม่เสร็จ
19:51 | 29 มกราคม 2563 |



กรณีภาพ รพ.ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็น รพ.แห่งใหม่ในเมืองอู่ฮั่นที่สร้างเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโคโรนา แท้ที่จริงแล้วเป็นศูนย์การแพทย์ในเมืองฮวงกังที่สร้างมานานหลายปีแต่ยังไม่ได้ใช้งาน ทางการจีนจึงนำมาปรับปรุงเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อระหว่างรอ รพ.ใหม่แล้วเสร็จ

วันนี้ (29 ม.ค.2563) สืบเนื่องจากมีรายงานข่าวว่า ทางการจีนสร้างโรงพยาบาลเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เสร็จแล้ว ซึ่งถูกแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และคนจำนวนมากเข้าใจว่าเป็นโรงพยาบาลที่จีนประกาศว่าจะสร้างให้เสร็จในวันที่ 3 ก.พ.นี้ ทีมข่าวไทยพีบีเอสได้ตรวจสอบเนื้อหาข่าวแล้ว พบว่า โรงพยาบาลดังกล่าวไม่ใช่โรงพยาบาลใหม่ที่กำลังสร้างในเมืองอู่ฮั่น



ภาพของโรงพยาบาลความสูงประมาณ 10 ชั้น และมีประมาณ 6-7 หลัง ไม่ใช่โรงพยาบาลที่เพิ่งสร้างใหม่แต่โรงพยาบาลดังกล่าวเป็นศูนย์การแพทย์ระดับภูมิภาคในเมืองฮวงกัง มณฑลหูเป่ย ซึ่งสร้างมานานหลายปีแล้ว แต่ยังไม่มีการตกแต่งในอาคาร ทางการจีนจึงใช้ที่นี่เป็นศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ โดยระดมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์และตกแต่งโดยใช้เวลา 48 ชั่วโมง ถือเป็นศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินแห่งแรกสำหรับรองรับผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จากการระบาดครั้งนี้

ขณะที่โรงพยาบาลใหม่ในเมืองอู่ฮั่นซึ่งมีขนาด 1,000 เตียง ที่ทางการจีนคาดว่าจะสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 10 วันนั้น ขณะนี้ยังสร้างไม่เสร็จ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในวันที่ 3 ก.พ.นี้

เสาวลักษณ์ จักรวิวัฒนากุล

https://news.thaipbs.or.th/content/288456

 

อ้ายจง

"ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่รักษาจนหายและออกจากรพ.แล้ว จะมีสิทธิ์กลับมาติดเชื้อซ้ำสองหรือไม่?" ที่นี่มีคำตอบ
.
ก็เป็นคำถามที่ถามกันเยอะ ไม่ว่าจะคนไทยหรือคนจีน ว่า "ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่รักษาจนหายและออกจากรพ.แล้ว จะมีสิทธิ์กลับมาติดเชื้อซ้ำสองหรือไม่?"
ทางสื่อจีน 人民日报 (People's Daily) ได้อธิบายเรื่งนี้เอาไว้ โดยเป็นข้อมูลจาก เหลียง จงอัน (Liang ZongAn) Director of Departmentโรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลฮว๋าซีแห่งมหาวิทยาลัยซื่อชวน โดยระบุว่า
"ผู้ที่หายจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ปกติแล้วร่างกายจะมีการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งโดยปกติก็เป็นระยะเวลาหลายเดือน แต่ในระยะยาว อันนี้ไม่การันตีว่าหากถูกเชื้อตัวเดิม หรือไวรัสโคโรนาคนละชนิดหรือที่กลายพันธุ์ไป แล้วจะไม่ติด
แต่ที่สามารถการันตีได้คือ คนที่หายจากการติดเชื้อและออกจากรพ.ไปในตอนนี้ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและไม่มีการติดเชื้อระหว่างผู้อื่นแน่นอน แต่ก็ต้องปกป้องตนเองให้ดี สวมหน้ากากอนามัยและล้างมือบ่อยๆ"
และทั้งหมดนี่ก็คือคำตอบในประเด็นนี้ครับ ^^
(อ้างอิงข้อมูลจาก 人民日报 People's Daily https://m.weibo.cn/2803301701/4466151742755543)
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

 

ข่าวฮ่องกง
ฮ่องกงยืนยันมีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3 รายวันนี้ รวม 11 รายแล้ว
หลังจากช่วงเวลา 48 ชั่วโมงที่ผ่านมาไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่ทางฮ่องกงเพิ่งออกมายืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสเพิ่มอีก 3 รายวันนี้ รวมเป็น 11 รายแล้ว
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณะสุขพบว่า ผู้ป่วย 2 รายใหม่เป็นคู่สามีภรรยาอายุ 72 และ 73 ปี พวกเขามาจากอู่ฮั่น และได้ตรวจพบผลติดเชื้อที่โรงพยาบาล Queen Mary Hospital ในย่าน Pok Fu Lam
พวกเขาทั้งคู่เดินทางเข้ามาฮ่องกงวันที่ 22 มกราคม ด้วยเที่ยวบินของสายการบิน Cathay Dragon และได้เข้าโรงพยาบาลในคืนวันที่ 28 มกราคมหลังพบว่ามีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
รายที่ 3 ได้รับการรายงานมาจากโรงพยาบาล Alice Ho Miu Ling Nethersole Hospital ในย่าน Tai Po แต่ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้ป่วยมาจากไหน
ตัวเลขล่าสุดวันนี้ ทางตัวแทนสาธารณสุขเผยว่ามีผู้ป่วยต้องสงสัยที่ต้องแยกตัวรักษา 103 รายในโรงพยาบาลรัฐบาลทั่วฮ่องกง และทุกรายมีอาการคงที่
Source : https://www.scmp.com/news/hong-kong...ina-coronavirus-after-two-day-lull-hong-kong?
#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

เรื่องน่าเศร้า.....
วันที่ 29 ม.ค. สำนักข่าวบีบีซี ของอังกฤษรายงานเรื่องราวของ ครอบครัวหนึ่งที่มีพ่อเป็นชาวอังกฤษ แม่เป็นชาวจีน และมีลูกสาววัย 9 ขวบ กำลังประสบปัญหาครั้งใหญ่จากไวรัสโคโรนา 2019
.
เจฟฟ์ ซิดเดิล จากนอร์ธฮัมเบอร์แลนด์ ทางตอนเหนือของอังกฤษถูกบีบให้ตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต โดย เจฟฟ์และครอบครัวที่พักที่อยู่ที่อังกฤษ เดินทางไปบ้านภรรยาที่อู่ฮั่นในช่วงตรุษจีน ซึ่งต่อมามีการประกาศปิดเมืองเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส
.
วันพฤหัสบดีนี้ ทางการสหราชอาณาจักรจะส่งเครื่องบินไปที่อู่ฮั่นเพื่อรับพลเมืองของตนกลับ ซึ่งกรณีของเจฟฟ์ มีเพียงเขาและลูกสาวเท่านั้นที่จะได้ขึ้นสิทธิ์ขึ้นเครื่อง ซินดี้ ภรรยาของเขาจะไม่ได้สิทธิ์กลับอังกฤษด้วยเพราะเธอยังเป็นพลเมืองจีน แม้ว่าจะอาศัยที่อังกฤษก่อนหน้านี้ก็ตาม
.
เจฟฟ์ บอกกับวิทยุบีบีซีว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก ว่าเราทั้งสามคนจะยังอยู่ที่นี่หรือผมกับลูกจะไป และทิ้งภรรยาผมไว้ที่นี่คนเดียว ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็เศร้า แต่ก็ต้องเลือกสักทาง เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง และเพื่อลูกสาวตัวน้อยของผม ผมจึงต้องเลือกที่จะไปพร้อมกับลูกสาว เพื่อให้ลูกปลอดภัย
.
ส่วนภรรยาผม เธอเสียใจมาก ร้องไห้ไม่หยุด เหมือนคนเสียสติที่ไม่สามารถไปอยู่เคียงข้างลูกสาวได้ มันเป็นเรื่องน่าเศร้าและเจ็บปวดหัวใจมากจริงๆ
.
ขณะที่ลูกสาววัย 9 ขวบก็ร้องไห้อย่างหนัก เมื่อรู้ว่าจะต้องถูกแยกจากแม่
.
ทั้งนี้มีชาวอังกฤษอยู่ที่อู่ฮั่นประมาณ 200 คนที่เตรียมจะขึ้นเครื่องบินกลับและจะต้องถูกกักตัว 2 สัปดาห์เพื่อรอดูอาการ

 

จริงปะ
แบบนี้คนโบราณว่า " ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก "
ไวรัสโคโรน่ายังอาละวาดอยู่ หวัดนก H5N6 เข้ามาซ้ำ
ติด ๆ กันแบบนี้ คงบั่นทอนกำลังจีนไปไม่มากก็น้อย
ทั้งสังคม เศรษฐกิจ สาธารณสุข อุตสาหกรรม
.. การเมืองระหว่างประเทศ

 

พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 รายแรก ทิเบต ประกาศปิดสถานที่ท่องเที่ยว สั่งนักท่องเที่ยวลงทะเบียนกักโรคเป็นเวลา 14 วัน

 

ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 132 คน และมีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อทั่วประเทศแล้วเกือบ 6,000 คน
จนถึงบัดนี้เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้แพร่ระบาดไปในอย่างน้อย 16 ประเทศ โดยมีการยืนยันพบการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในเยอรมนี, เวียดนาม, ไต้หวัน และญี่ปุ่น
ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นประเทศแรกในตะวันออกกลางที่พบผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ โดยเป็นครอบครัวที่เพิ่งจะเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น
ส่วนในออสเตรเลียนั้น ทางการเตรียมนำตัวพลเมืองราว 600 คนที่อพยพออกจากประเทศจีนไปกักโรคที่เกาะคริสต์มาส ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลียราว 2,000 กม. เป็นเวลา 2 สัปดาห์
ด้านสตรีชาวจีนคนหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากทางการจีนให้เดินทางออกจากเมืองอู่ฮั่นเพื่อกลับไปยังสหราชอาณาจักรพร้อมสามีชาวอังกฤษและบุตรสาว ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในเมืองนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ และได้เดินทางกลับไปยังเมืองอู่ฮั่นในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

จีน กำลังซ่อนจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกิดจากเชื้อไวรัส สื่อจีนที่น่าเชื่อถือสัมภาษณ์คนที่ทำงานในศูนย์เผาศพท้องถิ่นยืนยันว่าศพจำนวนมากถูกส่งโดยตรงจากโรงพยาบาลไปยังศูนย์เผาศพ ...

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ภูเขาไฟนิชิโนชิมะในญี่ปุ่นได้แสดงการปล่อยไอน้ำอย่างต่อเนื่องจากเกาะตั้งแต่วันที่ 15-21 มกราคม 2563 หน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นรายงาน นอกจากนี้ยังมีลาวาไหลสู่ทะเล ในขณะที่การแผ่รังสีความร้อนของภูเขาไฟ

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

การระเบิดแก๊สท่อระบายน้ำในประเทศจีน # 28 ม.ค.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ปารากวัย ก็ประสบความเสียหายหลายอย่างหลังจากพายุ # 29 ม.ค.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

พายุทอร์นาโดและการทำลายล้างใน Posadas ใกล้กับอาร์เจนตินา

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

รัฐบาลปักกิ่งกล่าวว่าจำนวนผู้ป่วย corona virus ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ในเมืองหลวงกำลังเปลี่ยนจาก "ขั้นตอนการนำเข้ามาสู่ขั้นตอนการเผยแพร่

 

ข่าวที่บอกว่าอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสจีนลดลงมาก ไม่น่าเชื่อถือน่ะครับ เพราะจำนวนผู้เสียชีวิตจริงๆ ไม่มีใครรู้ ข้อมูลถูกจีนปิดอยู่ และแหล่งข้อมูล ก็ไม่ได้อยู่ในศูนย์กลางแพร่ของโรค และไม่ได้เกี่ยวจ้องกับข้อมูลผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ในประเทศจีนเลย

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

พายุใหญ่เข้าโจมตี Banjar, อินโดนีเซีย # 29 มกราคม