อยากปรึกษาเรื่องการโดนวิญญาณแทรกร่างและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

จุดเริ่มต้นของการโดนแทรก
เราเริ่มสนใจการสวดมนต์ตั้งแต่สมัยม.3 จนปัจจุบันก็ 10 กว่าปีได้แล้ว
มีเรื่องราวมากมาย เหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นกับเราเสมอ
จนมาถึงเรื่องราวที่เรากำลังจะเล่านี้ค่ะ

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2017 เราได้มีการไปทำบุญกับกลุ่มที่เราไปทำบุญด้วยบ่อยๆ ตลอดทั้งปี เป็นปกติ (สายบุญนั่นเอง)
แต่ครั้งนี้พิเศษตรงเป็นการจัดงานวันไหว้ครู ก็เหมือนกับเวลาดารามีการบวงสรวงก่อนการเปิดกล้อง กองละคร
งานนี้ก็เป็นงานไหว้ครูปกติ ต้องถือศีล 8 กินมังสวิรัติก่อนไป 1-2 วันถ้าจำไม่ผิด
อาจารย์บอกว่าหลวงพ่อกับเทวดาจะลงมา มนุษย์มีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนศากศพ เลยให้งดก่อนวันไหว้ครู
เป็นงานสายขาว มีการไหว้ครูบาอาจารย์ หลวงพ่อฤาษีลิงดําและเทวดา มีการอัญเชิญครูบาอาจารย์แขนงต่างๆ มา
ตรงที่จัดงานเป็นบ้านของคุณแม่ในกลุ่ม แต่มาทราบทีหลังว่าข้างล่างนั้นมีวังพญานาคอยู่ แน่นอนว่าเหล่าพญานาคมีขึ้นมาร่วมพิธี
มีดวงจิตต่างๆ น่าจะเนืองแน่นพอสมควร เมื่อพิธีเริ่มต้นขึ้นและดำเนินการไปจนบวงสรวงเสร็จ
เราจะไปร่วมบุญกับคุณแม่ท่านนึง ท่านชอบไปออกโรงทานที่วัดเสมอ คนอื่นๆ ก็มีไปขอกอดกับร่วมบุญกับท่าน
กลุ่มทำบุญที่เราไปทำบุญด้วยกัน การกอดกันจะเป็นเรื่องปกติมากในกลุ่มเรา เหมือนกอดให้พลัง
แรกๆ เราไม่ชินเท่าไหร่ แต่หลังๆ มันรู้สึกดีนะ เราสามารถกอดกับพี่ๆ ในกลุ่มทุกคนได้อย่างสบายใจ เพราะเป็นการกอดที่ให้กำลังใจกันแค่นั้น
เจอกันสิ่งแรกคือไหว้ ทักทายและขอกอด จะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ไปงานบุญกัน
หลังจากเจอคุณแม่ท่านนั้น เราถือเงินยกมือไหว้อธิฐานเพื่อจะทำบุญและขอกอดปกติ เพราะท่านชอบทำโรงทานค่ะ
คุณแม่ท่านนี้มีองค์ และตอนนั้นองค์ลงอยู่เราไม่ทราบ ไม่เคยเจอบุคคลที่องค์ลงประทับมาก่อน
เพราะคนอื่นก็ขอกอดกันปกติ ไม่มีใครเป็นอะไร
แต่เมื่อเราไปกอด เราก็กรี๊สสส แบบสุดเสียง แล้วก็กรี๊สสๆ ร้องไห้สลับกันไปอยู่นาน
คุณแม่ท่านนั้นก็พูดภาษาเทพและเขียนอักขละลงบนหลังของเราและบอกว่าร่างจะรับไม่ไหว
เรามีสติดี 100% เราทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นแต่เราหยุดแหกปากไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมต้องร้องไห้และกรี๊สแบบนั้น
หลังจากยื้อกันไปอยู่สักพัก เราก็หยุดกรี๊สกับร้องไห้และสงบลง เราคิดว่าน่าจะไม่มีอะไรแล้ว ครั้งนี้ดวงจิดที่ผ่านร่างของเราเป็นพญานาคที่มาร่วมงานในพิธี
เราสอบถามคุณแม่หลังจากที่เราสงบว่าเราเป็นอะไร เราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนะ
ท่านบอกว่าพญานาคมาร่วมพิธี เลยมาผ่านร่างของเรา
คำถามคือทำไมเราถึงมีอาการอยู่คนเดียว เราหาคำตอบเรื่องนี้มาจนปัจจุบัน
มีพี่ในกลุ่มท่านรับตอบแก้ไขปัญหาชีวิต ผ่านคำแนะนำของครูบาอาจารย์ เรายังไม่กลับหลังจากเสร็จพิธี
เพราะพี่ที่ไปด้วยกันเค้าอยากสอบถามก่อน เราเองก็รอเลยสอบถามด้วยเลย
คล้ายๆ กับการดูดวง แต่เป็นการถามที่คำตอบได้จากครูบาอาจารย์ องค์เทพที่คุ้มครองดูแลพี่คนนั้นอยู่
คำตอบที่ได้รับส่วนใหญ่จึงแม่นยำมาก แต่ท่านไม่สามารถบอกได้ทั้งหมด บอกได้แค่สิ่งที่บอกได้ ไม่เกินกรรมของบุคคลนั้น
ท่านเทวดาวประจำตัวหรือเจ้ากรรมนายเวรของบุคคลนั้นอนุญาตให้บอกได้
คนอื่นสอบถามได้ปกติไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีค่าครู พอถึงคิวของเรา รอบนี้เราไม่กรี๊ส แต่ร้องไห้ ร้องแบบที่น้ำตาไหลเป็นทางไม่หยุด เราก็ไม่ทราบว่าร้องทำไม ไม่มีเรื่องเศร้าอะไรในตอนนั้น
แต่เราร้องเมื่อเราสัมผัสพลังของพี่คนนี้ แน่นอนว่าพี่เค้าเป็นคนมีครูบาอาจารย์ดูแลธาตุขันธ์อยู่
เค้าพูดกับเราว่าร้องทำไม ไม่ได้ไล่สักหน่อย เค้าบอกว่าคู่รักจากอดีตชาติที่ตามเราอยู่มาผ่านร่างของเรา
ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่เราไม่มีแฟน เพราะถ้าไม่เจอคนที่ดีจริงๆ เค้าจะคอยกันทุกคนออกไปหมด
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่โดนผ่านร่างของวันนี้ แน่นอนว่าเราเหนื่อยมากๆ แล้ว จากการกรี๊สและร้องไห้
การปรึกษาจะเป็นการขอคำแนะนำของครูบาจารย์จากเบื้องบน หากเรามีคำถามก็ถามไป
ปกติพี่เค้าไม่ได้รับช่วยตอบปัญหาให้แบบนี้ นานๆ จะสอบถามได้ นี่คงเป็นครั้งที่ 2-3 ที่เราได้เจอกัน

ครั้งที่ 3 ที่โดนผ่านร่างเป็นวิญญาณเด็ก พี่ในกลุ่มก็ถามว่าเคยทำแท้งไหม แน่นอนว่าไม่เคย
เรากินข้าวอยู่สักพักก็มา เหมือนถ้าไม่คุมจิต เราจะโดนแทรกทันที
เราทราบว่าเป็นวิญญาณเด็ก เพราะมีพี่ที่มองเห็นดวงวิญญาณบอกมาอีกที
เพราะเรามองไม่เห็น แต่ก่อนก็มีขนลุกบ้างเวลาสวดมนต์ แต่หลังๆ มามีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นกับเราเยอะมากๆ จนมาถึงการโดนผ่านร่างในครั้งนี้
หลังจากกลับบ้านเรานอนซมหมดสภาพอยู่เป็นอาทิตย์ หลังจากนั้นเราก็มีสัมผัสที่ 6 ที่แรงมากขึ้น
เราสามารถสัมผัสได้ว่ามีดวงจิตวิญญาณ สัมผัสถึงศาลพระภูมิ พลังงานของเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
พลังงานบุญ พลังงานไม่ดี ชีวิตเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปและกลับไปเป็นคนปกติไม่ได้แล้ว
เวลาไปผ่านสถานที่ที่มีดวงจิตอยู่เราจะโดนเกาะ โดนตามแทรก แต่ตรงไหนที่มีพลังงานบุญอยู่อันนี้เบาโล่งดีมากเลย
เราทำได้แค่อุทิศบุญให้ เราไปหาพระให้ช่วยกันให้แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะค่อนข้างอันตรายกับเรา
ถ้าออกไปข้างนอกมีโดนรบกวนอยู่บ่อยครั้ง อาการที่โดนดวงจิตทั่วไปสัมผัส เราจะปวดที่หน้าผาก ขนลุกและร้องไห้
แต่ถ้าพลังงานบุญก็ร้องไห้อีกนั่นแหละ แต่รู้สึกดีเวลาสัมผัสค่ะ จะรู้สึกโล่งหัว

สุดท้ายแล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ใช้ชีวิตที่มันเปลี่ยนไปแบบนี้
เราไม่กล้าไปงานศพเพราะกลัวโดนแทรก ถ้าไปกรี๊สที่วัดคนคงจะตกใจ ญาติหรือคนรู้จักเราบางคนไม่ทราบเรื่องนี้
มันค่อนข้างเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก จะมีพี่ๆ ในกลุ่มที่ไปทำบุญด้วยกันทราบกับเพื่อนที่สนิทของเรา
นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของเราค่ะ เรายังคงโดนผ่านอีกหลายๆ ครั้ง ในปีนั้นจนปัจจุบัน

————————————
ปัญหาคือเรารู้สึกว่าชีวิตย่ำแย่ลงจากเหตุการณ์นี้
เราไม่ค่อยอยากสวดมนต์หรือปฏิบัติเท่าแต่ก่อน
รู้สึกว่าไม่รู้จะทำไปทำไม เศร้ามากค่ะ ไม่ชอบความคิดนี้เลย
รู้สึกว่าไม่สามารถบังคับตัวเองให้ทำงานได้
ไม่อยากทำงานหรือทำอะไร รู้สึกเศร้า รู้สึกผิดตลอดเวลา เป็นความทุกข์ใจตลอดปีกว่านี้
ไม่รู้จะทำยังไง รู้สึกว่าเราไม่ใช่เรา
ธุรกิจที่เคยดีก็ย่ำแย่ เป็นหนี้ ไม่รู้จะพาใจกลับบ้านยังไง เศร้ามากๆ

*** อัพเดตค่ะ ได้คนที่มีภูมิรู้ภูมิธรรมช่วยแนะแนวทางแล้ว

 

เห็นยังไม่มีใครมาตอบ อาจมีท่านอื่นตอบได้ดีกว่า ครูบาอาจารย์ที่ท่านเก่งๆมีทั่วเมืองไทย จะว่าวาสนาอย่างเดียวคงไม่ได้ควรพยายามหาทางไปพบด้วย บวชพราหมณ์ ฝึกสติ หากบุญที่ท่านได้กระทำมาแล้วเป็นไปโดยเจตนาบริสุทธิ์ท่านคงจะได้พบครูบาอาจารย์ในเร็ววัน ขอให้เจอสายพุทธแท้ๆนะ

 

รับขันธ์ ตั้งขันธ์ เปิดบ้านช่วยคนอื่น
ห้ามมีครอบครัว ครอบครัวจะไม่เข้าใจ
อโหสิกรรมให้มากๆ โดยเฉพาะ
ลูกที่แท้งในอดีตชาติ และ คู่ในอดีตชาติ
ไปทำเค้าไว้เยอะ เป็นผู้ชายก็สั่งให้ผู้หญิงทำแท้ง
ชาตินี้กรรมเลยเยอะ เหมือน น้ำพุประทุออกมา
ถ้าบวชเป็น ภิกษุณี หรือ แม่ชีโกนผม จะดีที่สุด
หมดเวรหมดกรรม ได้เร็วที่สุด
มีคู่ได้ แต่คู่จะขี้เมา โดนเตะเช้าเตะเย็นแน่ๆ
มีคู่ดีๆ แต่จะอยู่กันไม่ได้นาน

แผ่เมตตา ขออโหสิกรรมบ่อยๆ
ก็จะบรรเทาเบาบางได้นิดหนึ่ง

 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
ได้รับคำแนะนำจากบุคคลที่เชื่อถือได้แล้วค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ

ได้รับคำแนะนำที่ดีจากคนที่มีภูมิรู้ภูมิธรรมในเว็บนี้แนะนำแนวทางแล้วค่ะ
คงไม่ได้ไปรับขันธ์หรือตั้งตำหนักใดๆ
แต่คงช่วยเหลือผู้คนด้วยวิธีการอื่น ที่เราจะสามารถทำได้
สิ่งที่แนะนำมาอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าของกระทู้ แต่ยังไงก็ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านและตอบกลับนะคะ

 

เราตอบตามประสพการณ์ที่แม่เราก็เป็นคล้ายๆกัน
แต่ขอแนะนำว่า อย่างอื่นจะไม่ทำก็ได้
แต่การอโหสิกรรม จะต้องทำบ่อยๆ
ทำทุกๆวัน แล้วก็อย่าลืม ถวายสังฆทานบ่อยๆ
แผ่เมตตาบ่อยๆ เป็นประจำได้จะยิ่งดีมาก

 

ได้รับคำแนะนำจากคุณ tsj แล้วดังนี้
ขออนุญาติ copy ข้อความมาลงไว้
เผื่อในวันข้างหน้ามีท่านอื่น ที่มีอาการคล้ายแบบนี้และพยายามหาตัวเองอยู่

"สภาวะที่เป็นกึ่งเทพและคน
ต้องทำความเข้าใจ ทุกอย่างมีด้านบวกและลบ
จิตเราเท่านั้นที่ชำแรกความปรุงแต่งที่มืดบอด
ให้ใช้ปัญญา สร้างสรรพสิ่งที่ดี ผสานรวมเป็นหนึ่ง ดึงเอาพลังงานที่ดี
ปล่อยวาง สิ่งไม่ดี มานะอัตตา ความอับอายทิฐฺิแห่งตนต้องทำลาย

สงบระงับ คุมกายจิตด้วยสมาธิ รับรู้ผสานไม่หลงไหลปรุงแต่งไปตามอำนาจที่ไม่ดี
เลือกเดินทางทำสิ่งดีด้วยจิตตน

สิ่งใดทำแล้วเกิดประโยชน์ดีงาม ชำระกิเลสมานะของตนได้ นั่นคือควรทำต้องทำครับ สาธุ
จะไปกังวลวิตกทำไม ขอให้สบายใจ เปิดใจให้กว้างเรียนรู้ยอมรับ เลือกทำในสิ่งที่เห็นว่าดีงามเหมาะสมครับ"

สาธุ