เข้าใจตัวเองบรรลุธรรมแล้วจะแก้อย่างไร

คำพูดพิมพ์นิยมมึง

ใครๆ ก้อสู้มึงไม่ได้
ทำให้ได้ อย่าพึ่งตายก่อยย มึงนิพพานไปแปดร้อยรอบ(อุปมา) แต่ใส่เกียร์ถอยหลังมาสอนทำแก่สัตว์โลก สงสารสัตว์โลกน้ำตาจิไหล สภาวะที่มึงได้มีไรมั่งนะ

-ฝัน ตื่นมาก้อเอามาหลอนว่านั่นเป็นลางอริยะ
ฝันว่ามีคนมาสอนการปฎิบัติ และให้มาเจอเว็บนี้ แล้วลืม

-แต่พอมาเขียนออกสื่อบอกเทวดาเสิ่นเจิ้นมาบอก และใส่ปลอกคอจูงมาเว็บนี้

- นิมิตรที่เป็นภาพ เสียง ในสมาธิโยงมาเป็นยานหมด ยานขึ้น และอีกมากมาย ขี้เกียจเขียน

สุดท้ายโพธิสัสเสิ่นเจิ้นโดนเท หมาหัวเน่า

ถ้าอริยะแล้วมีอาการแบบมึงข้างต้น กุว่าขอบคุนตัวเองที่ไม่วิปลาสแบบมึงดีกว่า

 

แนะนำมึงเรียนสายรูปนามเนอะ ไม่ใช่หาเสพ แล้วทำความเข้าใจเอง

อีกอย่างกุไม่ได้พิจารณาด้วยดิ กุก้อเขียนเล่าอยู่ แล้วกุก้อไม่ได้ฝึกด้วย เพราะนั่นเป็นสิ่งที่กุเห็นตั้งกะเด็กๆ ตอนเรียน อิอิ เรื่องมโนนี่เก่งนัก

 

ของจริงก็คือของจริง...มนุษย์ขี้เหม็นไหนเลยจะตัดสินได้

ภพภูมิเขารู้ใครปฏิบัติถูกหรือผิด

 

ปฏิบัติถูกทางความมักน้อยย่อมเกิด...ความชอบสันโดษจะตามมา

แต่ถ้าปฏิบัติแล้วชอบคลุกคลีหมู่คณะระวังจะวิปลาสเพราะความทะยานอยากยังมาก

 

วันนี้ทำไมเข้ามาแต่เช้าหนอ...เมื่อคืนนอนไม่หลับน่ะสิ

 

ภพภูมิมึงนี่ใครวะ บางทีภพภูมิอาจคิดในใจ กุไม่รู้เรือง มันเอากุไปหากิน ...จะหลอกคนอื่นได้ มันต้องหลอกตัวเองให้ได้ก่อน ..ออกมาก้อจะแบบมึง คือเพี้ยน ..บ้าบอคอห่านสิ้นดี

 

โงบะ ฮับ

อายตนะ ใน ปฏิจสมุปบาท.....

สฬายตนะ มี ก่อนรูป

หรือ รูป เปน ปัจจัยให้เกิด..
สฬายตนะ ฮับ


พูดในแง่ บักโงบะ

รูปคือ หู ชะมะ แล้วจึง ได้ยินเสียง

หู บักโงบะ สั่น กระเส่า สร้างเสียง
สูง ต่ำ ต่างๆ ในโลก หรอ


ฉาว หน้าดูเลย หู บักโงบะ เนี่ยะ

 

ใคร..กุหรือมึง นี่ขนาดชอบสันโดด ไม่คลุกคลี เป็นผีเฝ้าเว็บตั้งกะเข้ายันเย็น ไม่เข้าไม่ได้ ต่อมคลั่งแตก

ความทะยานอยาก ก้อมึงอีกนั่นแหล่ะ เดวเป็นโน่นนี่นั่น ตำแหน่งขึ้นไม่พัก คุยโม้โอ้อวดไปทั่ว ...โยนขี้ให้คนอื่นอีก โอ้ยน้อ หน้าด้านแท้

 

อาบน้ำล้างหน้ารึยังท่านปวีร์..

 

เราก็บอกแล้วการปฏิบัติอย่าไปเรียงตามวิธีการ...อ่านตำรามากแล้วเอาตำรามาสอนอย่างท่านเราไม่ทำหรอก

เราแนะนำมาจะครบปีละ...แนะนำใครเราก็บอกอยู่ว่าภาวนามากๆ ภาวนาพุทโธเร็วๆถี่ๆ...ปล่อยลมหายใจให้เป็นปกติแล้วมาอยู่กับคำภาวนาอย่างเดียว

 

สัจจ ความจริง มี สอง หรอ

ศาสดา ตรัส ความจริง ปฏิจสมุปบาท

แล้ว บักโงบะ อ้างว่า

ความจริง มี สอง มากกว่าที่
ศาสดา ตรัส หรอ

 

จะเอาตามปฎิจสมุปบาทก็มุ่งไปที่ตัณหาเลยสิ...ดับตัณหาได้ก็ดับเชื้อที่ใจได้

เห็นตัวตัณหาก็เห็นอวิชชา...จะอะไรมากมาย

ทุกอย่างล้วนมีอยู่ที่ใจตนนั่นแหละ...เล่าปังเอ๋ย

 

.รูป.คือ..รูปร่าง.หน้าตา.
.รูปร่างหน้าตาคน
.รูปร่างหน้าตาสัตว์.
.รูปวัตถุสิ่งของ.นั่นคือ.รูป..

.นาม.คือ.เชื่อ.ใช้เรียกเชื่อคน.
.นาม.ใช้เรียกเชื่อสัตว์.
.นาม..ใช้เรียกวัตถุสิ่งของ..
...คือ..นาม..

.พิฬา.เป็น.นาม.
.กล่องไม้ขีดไฟ.เป็น.นาม.
.ปวีรัศมิ์ชา.ก็เป็น.นาม
.ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ.ก็เป็น.นาม.
.นาม.ก็คือเชื่อ.เชื่อก็คือ.นาม..

.รูป.คือ.รูปร่างหนัาตา.
.ของคนที่มีนามว่า..พิฬา.
.รูป.คือ.รูปร่างหน้าตา.
.ของคนที่มีนามว่า.กล่องไม้ขีดไฟ.
.รูป.คือ.รูปร่างหน้าตา.
.ของคนที่มีนามว่า.ปวีรัศมิ์ชา..
.รูป.คือ.รูปร่างหน้าตา.
.ของคนที่มีนามว่า.
.ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ..

.ที่กล่าวมานี้.เป็นเพียงโดยย่อ.
....เท่านั้น...

 

.ให้ระลึกเสมอว่า.
.ปฏิบัติธรรมทุกวัน.
.คือ.การปฏิบัติบูชา.
.คือ.บูชาพระพุทธเจ้า.ด้วยการ.
.ปฏิบัติธรรม.ปฏิบัติแล้ว.
.ให้อุดมด้วยศีล...อุดมด้วยสติ.
.อุดมด้วยสมาธิ.
.อุดมด้วยปัญญา.
.อย่าปฏิบัติแล้ว.ศีลแห้ง.
.อย่าปฏิบัติแล้ว.สมาธิแล้ง.
.อย่าปฏิบัติแล้ว.สติพัง.
.อย่าปฏิบัติแล้วความรู้ท่วมหัว.
.แต่เอาตัวไม่รอด.
.ธรรมะของพระพุทธเจ้า.
.ปัญญายังเข้าไม่ถึง.
.ไม่ควรอธิบาย.แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า.
.ไม่ให้นำมากล่าวถึง.

 

แล้วคนตายใหม่ๆ เป็นรูปหรือเป็นนาม??

 

.ร่างกายยังไม่สลาย.ก็ยังมีรูป.
.ส่วนจิตวิญญาณ.
.ตอนตายอยู่ในฐานะใด.
.ตั่งแต่พรหมลงมา.
.จนถึงสัตว์นรก..
.นามก็ยังมีอยู่.
.ตราบใดที่ยังมีผู้พูดถึง.เขียนถึง.
...นึกถึง..

 

แล้วนามของท่านที่เขียนไว้ มันหายไปไหน?

 

.เพื่อนผู้รอนาน.
.ก็ยังอยู่นี่.ยังไม่หาย
.ท่านไม่มีตาหรือ.
.ถึงมองไม่เห็น.

 

เขียนให้มันเข้ากับตำราบ้างสิ
โน้น เขาเถียงกันเรื่องนามรูป
ในปฎิจฯ

มันเกี่ยวอะไรกับชื่อ!!