การรับขันธ์ แบบใหน

ดิฉันเองก็เป็นคนนึง ทีได้ประสพกับองค์เทพ คิดว่าท่านมีจริงและรู้สึกได้ แต่ดิฉันก็ยังไม่ได้มีการรับขันธ์แต่อย่างใด ก็รู้สึกสองจิตสองใจอยู่เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดวงของเราถ้าท่านให้รับขันธ์สักวันก็จะได้รู้เอง ไม่ต้องไปรีบเร่งอะไร
ส่วนตัวของดิฉันเอง เคยมีองค์เข้าร่างอยู่ครั้งนึง ท่านจะมาแบบนั่งตัวตรงมือวาดไปมาอย่างนิ่มนวลและรู้สึกจิตสงบ พูดไม่ได้ ลืมตาไม่ได้ แต่รับรู้ต่อสภาพแวดล้อมรอบข้าง รับรู้ถึงความทุกข์ ของคนที่นั่งอยู่ข้างกาย ...ท่านมาเพียงทำท่าทาง แล้วก็จะมีคนถามว่ามาต้องการอะไร ท่านก็ตอบแบบใช้พยักหน้า ใช้มือวาดไปมา จับใจความได้ว่า ท่านต้องการให้ดิฉันหรือร่าง กินเจ ถือศีล แต่งชุดขาว และนับวันที่ต้องรับขันธ์ให้ด้วย และเลือกลักษณะขันธ์ให้ด้วยว่าเป็นแบบขันธ์สีขาวไม่มีลาย เป็นขันธ์ 9 ...ดิฉันเองเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ยังไม่กล้ารับขันธ์ อาจเป็นเพราะไม่เคยหรือกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี กลัวว่าท่านจะไม่อยู่กับเราอีก แต่นี่ก็เหลืออีก 6 เดือน จะถึงวันที่องค์ท่านให้รับขันธ์ คือวันที่ 6 ตุลาคม 2554 ดิฉันเองก็ยังตื่นเต้น และไตร่ตรองอยู่ คนที่คุยกับร่างตอนที่ดิฉันทรงอยู่เค้าเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้เป็นร่างทรงอะไร แต่เค้าบอกว่าถ้าดิฉันรับขันธ์แล้วจะสามารถเป็นร่างทรงได้และช่วยเหลือคนได้อีกมากมาย (ซึ่งดิฉันเองก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะยังงงกับสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่) แต่ระหว่างนี้ก็แล้วแต่ดวงพอถึงวันอาจจะมีอะไรดลใจให้เราต้องรับหรือไม่ก็ได้ รอใกล้ถึงวันนั้น ดิฉันก็จะปฎิบัติตนให้ดีกว่าที่เคยเป็น จะเริ่มถือศีลฝึกสมาธิไปเรื่อยๆ ค่ะ .....

 

ผู้น้อยว่าคนเราถ้าไม่มีครูอาจารย์แล้วไครจะเป็นผู้ชี้เเนวทางว่าไหนสิ่งดีไหนสิ่งที่ไม่ดีไครจะเป็นคนชี้แนะ และไครจะเป็นคนคอยคุ้มครอง คอยสอนคอยเตือนท่าน แต่ท่านก็ต้องดูด้วยว่าบุคคลไหนที่ควรจะเป็นครูอาจารย์ของท่าน จะนำพาท่านไปไนทางที่ดีหรือไนทางที่ทำไห้ท่านเดือดร้อนหรือทุกข์ใจ แต่สำหรับผู้น้อยเองนี้รู้สึกว่าโชคดีที่สุด ที่ได้เจอกับบุคคลที่ดีๆครูอาจารย์ที่ดีแนะนำผู้น้อย ให้สวดมนต์ นั้งสมาธิ กินมังสะวิรัชทุกวันพระ บางทีผู้น้อยก็ปฎิบัติบ้าง ไม่ปฎิบัติบ้าง ท่านปู่ก็ไม่เคยว่า แค่ บอกผู้น้อยว่าวันไหนสบายใจก็ทำแต่ถ้าวันไหนเหนื่อยก็ให้พักแต่ถ้าทำทุกวันจะเป็นการดีแก่ตัวผู้น้อยเอง

 

ผู้น้อยคิดว่าขัน5 จะดีกว่า ถ้าเกิดคุณรับสูงเกินไปจะทำให้ร่างกายสังขารของคุนนั้นแย่ถ้าคุณปฏิบัติไม่ถึงเหมือนคุณแบกของที่หนักๆเกินตัวจะทำให้คุนลำบากได้
ผู้น้อยไม่ได้ต้องการจะแนะนำหรืออะรัย อยากจะเล่าประสบการข้องผู้น้อยเองว่า
ผู้น้อยอายุแค่18เองค่ะแต่ก็ยังมีความสงสัยกับบางสิ่งบางอย่างที่เราสัมพัสไม่ได้จนกระทั้งผู้น้อยได้เจอกับตัวเองในเรื่องขององค์เทพ ผู้น้อยไม่สามารถบอกจากปากหรือคำพูดของผู้น้อยได้เลยว่ามี จริงหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ต้องผ่านมาจากตัวของบุคคลนั้นๆ
ก่อนที่ผู้น้อยได้เข้ามาถึงจุดนี้มีร่างทรงท่านหนึ่งทักว่าผู้น้อยโดน พลอย ตอนที่ผู้น้อยรถคว่ำ และได้รอดตายมา ผู้น้อยก็ยังไม่ได้คิดอะรัยจนผู้น้อยได้อาบน้ำมนต์ ผู้น้อยได้ร้องไห้ออกมา ไม่รู้สาเหตุอะรัยรู้แต่เพียงว่ามันต้องร้องและร้องดังมากทั้งๆที่ไม่มีความเสียใจอะรัยเลยเป็นกระทั้ง3วันเพราะอาบน้ำมนต์3วันเขาแนะนำไห้ผู้น้อยรับ ขันธ์ ด้วยความที่ผู้น้อยสงสัยว่ารับขันธ์คืออะรัยก็ได้เข้ามาค้นหาในเว็บดู บางคนว่าไม่จำเป็นหรืออะรัยบางอย่างมันแล้วแต่ตัวบุคคล แต่ผู้น้อยจะเชื่อคนด้วยเหตุ-และผล-และประสบการณ์ของตัวผู้น้อยเองว่าอันไหนควรไม่ควร และผู้น้อยได้ฟังองค์ปู่ท่านหนึ่งที่ผู้น้อยไปอาบน้ำมนต์ท่านพูดว่า ที่ท่านให้เรารับขันธ์ไม่ไช่รับไปเพื่อเป็นร่างทรางองค์เทพอะรัยทั้งสิ้น แต่รับไปเพื่อการงานเราราบรื่น ครอบครัวดีขึ้น รับเพื่อให้องค์เทพมาคุ้มครองเรา ช่วยเสริมชีวิตรข้องเราให้ดีขึ้นไม่มีติดขัด จากนั้นมาตัวผู้น้อยก็ดีขึ้นครอบครัวดี มีมิตรที่ดี แต่ท้าท่านต้องการจะจับร่างเราเป็นร่างทรงก็ว่ากันไปแต่ละหน้าที่ขององค์เทพและร่างกายสังขารนั้นๆ
ทุกสิ่งๆทุกอย่างต้องขึ้นอยูกับตัวของและบุคคล และบุคคลนั้นต้องฟังด้วยเหตุและผล ไม่ไช่ว่าสักแต่งมงายเขาว่าดีก็ดี ตัวของบุคคลนั้นๆย่อมรู้ตัวเองดีว่าควรรับหรือไม่ เพาะองค์เทพเขาจะดลบันดาลมาเอง เจ้าค่ะ ^^"<!-- google_ad_section_end -->

 

แต่ว่าคุณต้องดูด้วยว่าคุณรับองค์เทพมาเพื่อ อะรัย ท่านต้องการอะรัย หรือชีวิตคุณติดขัดอะรัยไม่ราบรื่น อะรัย หรือคุณเคยรอดชีวิตรอดตายจากเหตุการอะรัย หรือคุณมีสัมพัสพิเศษ หรือป่าวซึ่งทั้งหมดนี้ ครูอาจารย์ที่ท่านจะรับขันธ์ด้วยท่านจะบอกเหตุ-และผลกับท่านเอง และท่านก็พิจารณาด้วยตัว่ทานเองว่าเหตุผลไหนน่าเชื่อถือและเหตุผลไหนที่มองหรือชักจูงเราไปในทางงมงาย
หรือหรอกลวง เรื่องขององค์เทพนี้ท่านไม่สามารถเชื่อไครได้ว่าควรรับหรือไม่ หรือว่าองค์เทพมีจริงไม่มีจริง เพราะเป็นเรื่องที่บุคคลนั้นๆต้องเจอกับตัวเอง
แต่พวกมิฉาชีพมันเยอะ บางคนไปเจอพวกมิฉาชีพหรอกเอาจากนั้นก็เลยมองว่าพวกร่างทรงไปในทางลบ แต่ให้คิดดูว่าคนเรามีดีและไม่ดี ผีสางมีทั้งดีและไม่ดี ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมีทั้งดีและไม่ดี ก็เหมือนร่างทรง ที่ว่าไม่ดีเป็นการหรอกรวง ลองทำความเข้าใจว่าจะไม่มีบ้างหรอร่างทรงที่ดีๆถึงจตะหายาก แต่มันก็ต้องมีบ้างและ พระองค์ไม่ได้สอนคนให้งมงาย แต่พระองค์ก็ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่เรามองไม่เห็นนั้นไม่มีจิง ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุ-และผลเป็นหลัก เจ้าค่ะ

 

พระพุทธเจ้าท่านก็บอกแล้วว่าขันธ์ 5 เป็นของหนัก เป็นของร้อน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เอาแค่ขันธ์ของตัวจะไม่รอดอยู่แล้ว ไม่นับขันธ์ของเมีย ของลูก ของพ่อแม่อีก แล้วจะรับขันธ์คนอื่นที่ไม่รู้จักมาแบกอีกเหรอ มีแต่คนอยากออกจากขันธ์ 5 นะครับ

 

อนุโมทนา......
หลากหลายความคิดดีครับ
ทั้งหลายทั้งปวงพึงใช้ปัญญาพิจารณาเอาครับ
อะไรก็ตาม....หากมีขึ้น หากเกิดขึ้น ....แล้ว
ทำให้จิตใจของเรา เดินทางเข้าสู่การปฏิบัติ บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา ฝึกจิตใจ สร้างแต่ความดี ทำเถอะครับ ปลูกข้าว ย่อมต้องได้เมล็ดข้าวแน่นอน.....แต่...ถ้าเป็นอย่างอื่นไปนอกจากนี้ ก็อยู่แบบเดิมๆ ดีกว่าครับ

 

สิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการ
1. มา อนุสฺสวเนน …………………อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา
2. มา ปรมฺปราย ……………………อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
3. มา อิติกิราย ……………………..อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
4. มา ปิฏกสมฺปทาเนน ………….อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา
5. มา ตกฺกเหตุ ……………………..อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง
6. มา นยเหตุ ……………………….อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาดคะเนอนุมานเอา
7. มา อาการปริวิตกฺเกน ……….อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ
8. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา …อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตน
9. มา ภพฺพรูปตา ………………….อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้
10. มา สมโณ โน ครูติ …………อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา

สรุปแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าเพิ่งเชื่อ เพราะเหตุ 10 ประการนี้

 

อยากปรึกษาครับ