ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามเหตุการณ์แผ่นดินไหว จ.ภูเก็ต (ภาคประชาชน)
    52072607_2396493167028467_5407767312071655424_n.jpg?_nc_cat=108&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
    17/02/2019 เกิดแผ่นดินไหว 2 ครั้ง
    1). 22.08 ขนาด 4.3 ที่ความลึก 10 กิโลเมตร ทางตอนใต้ของเกาะสุมาตรา ห่างจากเกาะภูเก็ตไปทางทิศใต้ ประมาณ 690 กิโลเมตร #ไม่มีสึนามิ
    2). 22:14 ขนาด 4.5 ที่ความลึก 10 กิโลเมตร ในทะเลทางตะวันตกของเกาะลังกาวี ห่างจากเกาะภูเก็ตไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 273 กิโลเมตร #ไม่มีสึนามิJittasak Putjorn

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    タイ古式マッサージ サローシャー ได้แชร์โพสต์ — ใน โอะกินะวะ (เมือง)

    ทำไมปลิงจึงมุดเข้าไปอยู่ในรูจมูกได้ ? แปลกมากๆ. หรือมาจากเด็กลงไปเล่นน้ำ จากอาหารก็อาจเป็นไปได้ .ฝากดูแลลูกหลานของท่าน
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    52283821_2399171550102323_4029672268547227648_n.jpg?_nc_cat=103&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
    (Feb 18) เตือนศก.ไทยติดกับดักหนี้ จี้รัฐบาลเข้ม'วินัยการคลัง': ดร.เศรษฐพุฒิ หนึ่งใน กนง.และบอร์ดแบงก์ชาติ ชำแหละปัญหา ศก.ไทยขยายตัวแต่รายได้ประชาชนไม่เพิ่ม ชี้ลงทุน "ภาครัฐและเอกชน" ยังไม่กลับมาอยู่ที่ระดับก่อนวิกฤตปี 2540 ศก.ไทยขับเคลื่อนด้วยการก่อหนี้ ขาขึ้นทั้ง "หนี้ครัวเรือน-หนี้สาธารณะ" เผย Q3/61 หนี้ครัวเรือนทะลุ 12.5 ล้านล้าน หรือ 77.8% ของจีดีพี จี้รัฐบาลใหม่ดูแล "วินัยการคลัง"

    ศก.เติบโต-รายได้ไม่เพิ่ม

    ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ หนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยว่า สภาพที่เกิดขึ้นปัจจุบันคือเศรษฐกิจมีการเติบโต แต่รายได้ของประชาชนไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อไปดูข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 6 ปี (ปี 2556-2561) พบว่าเป็นเช่นนั้น คือในแง่ของดัชนีเศรษฐกิจยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่รายได้ประชากรมีการเติบโตที่ต่ำกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจมาก และเมื่อหักเงินเฟ้อออกก็เรียกว่ารายได้แทบไม่มีการเติบโต โดยเฉพาะรายได้ประชากรในภาคเกษตร ซึ่งจะเห็นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจหลัก ๆ ก็มาจากการส่งออกสินค้าและบริการ (ท่องเที่ยว) แต่ส่งออกที่โตส่วนใหญ่มาจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการจ้างงานน้อยมาก ดังนั้นคนที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตก็ไม่ได้มาก จึงทำให้เกิดเป็นภาพรายได้ประชาชนที่ไม่ค่อยโต แต่การบริโภคยังเกิดขึ้นเพราะประชาชนมีการก่อหนี้มากขึ้น

    การลงทุนรัฐ-เอกชนไม่ฟี้นปัญหาประเทศไทยคีย์หลักอันหนึ่งที่รายได้ไม่โตคือการลงทุนไม่ฟี้น ทั้งนี้จะเห็นว่าไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ระดับการลงทุนแท้จริง ทั้งภาครัฐและเอกชนยังต่ำกว่าเมื่อปี 2540 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ขณะที่ทุกประเทศไต่กลับมาสูงกว่าได้ นี่เป็นเหตุผลสำคัญอันหนึ่งว่าทำไมประสิทธิภาพแรงงานไม่เพิ่ม ดังนั้นค่าจ้างจึงไม่ค่อยโต

    "แม้ว่ายุคหนึ่งจะมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ แต่ตอนนั้นก็ปรับเร็วเกินไปจนค่าแรงแซงประสิทธิภาพ จนทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีปัญหา ขณะเดียวกันลูกจ้างส่วนใหญ่ก็เป็นแรงงานต่างด้าว เงินจึงถูกส่งไปนอกประเทศ" ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว

    ธุรกิจใหญ่ "เงินสด" ล้น

    ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวว่า การที่เอกชนไม่ลงทุน ไม่ใช่เพราะปัญหาเรื่องดอกเบี้ยสูง เพราะบริษัทใหญ่ ๆ มีเงินสดล้น โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งมีกำไรมากขึ้นแต่ก็ไม่ค่อยมีการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพ ขณะที่กำลังการผลิตก็ยังเหลือ ทำให้เอกชนไทยมีการนำเงินไปลงทุนโดยตรงต่างประเทศ (TDI) ทั้งการซื้อกิจการหรืออื่น ๆ ซึ่งการลงทุนต่างประเทศก็สร้างประสิทธิภาพ แต่เป็นประสิทธิภาพในต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นว่าปีที่แล้วคนไทยไปลงทุนต่างประเทศสูงกว่าที่นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย (FDI) ซึ่งสะท้อนถึงการลงทุนในประเทศไม่โต นำมาซึ่งรายได้ของประชาชนที่ไม่โตด้วย

    "เมื่อรายได้ไม่เพิ่ม คนอยากบริโภคก็กู้ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ทำให้เรื่องเสถียรภาพทางการเงินมีประเด็น เพราะหนี้ครัวเรือนของไทยสูง และเทรนด์ไม่ได้ดูน้อยลง เพราะประชาชนก่อหนี้มากขึ้น จะเห็นว่าสัดส่วนของหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้านเติบโตอย่างต่อเนื่อง"

    ทั้งนี้ ข้อมูล ธปท.ล่าสุด หนี้ครัวเรือนไตรมาส 3/2561 มีมูลค่า 12.56 ล้านล้านบาท โดยสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ 77.8% จากไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 12.34 ล้านล้านบาท หรือ 77.5% ของจีดีพี

    ขนเงินลงทุนต่างประเทศ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้พบว่าตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมาภาคเอกชนไทยมีการนำเงินไปลงทุนโดยตรงต่างประเทศ (TDI) มากกว่าเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาประเทศไทย (FDI) โดยปี 2559 FDI อยู่ที่ 102,699.97 ล้านบาท แต่เม็ดเงิน TDI อยู่ที่ 472,399.13 ล้านบาทและปี 2560 FDI อยู่ที่ 273,254.82 ล้านบาท และ TDI อยู่ที่ 624,576.75 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขปี 2561 (11 เดือน) FDI อยู่ที่ 377,516.64 ล้านบาท และ TDI ออกไป 557,543.43 ล้านบาท

    สำหรับภาพเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวว่า ภาคธุรกิจตอนนี้ก็เป็นลักษณะ wait and see เพราะรอความชัดเจนหลังเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ใช่แค่ที่เมืองไทย เพราะทั่วโลกก็อยู่ในสถานการณ์ wait and see เพราะความไม่แน่นอนจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน

    เตือนขาด "วินัยการคลัง"

    นอกจากนี้ ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวว่า สิ่งที่อยากฝากสำหรับรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาคือเรื่อง "วินัยการคลัง" เพราะจากปัจจุบันที่พรรคต่าง ๆ หาเสียง จะเห็นว่าทุกพรรคมีแต่นโยบายใช้เงิน บลัฟกันด้วยนโยบายประชานิยมที่ให้มากกว่ารัฐบาลปัจจุบัน และยังไม่ได้ยินใครพูดเรื่องเสถียรภาพการคลังและวินัยการคลังเลย ก็อยากฝากให้ใส่ใจกับเรื่องนี้ เพราะแม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะบอกว่า หนี้สาธารณะต่อจีดีพีไม่ได้สูง เพราะยังต่ำกว่าเพดาน 60% ของจีดีพี แต่การดูแค่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพียังถือว่าสื่อภาพไม่ครบ และอาจทำให้ชะล่าใจได้เรื่องเสถียรภาพการคลัง เพราะตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศไม่ได้รวมภาระหนี้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและภาระการคลังต่าง ๆ ที่จะตามมา

    สิ่งที่กังวลคือเรื่องปัญหารัฐวิสาหกิจ ที่บางเคสก็ยังขาดทุนต่อเนื่อง และที่เป็นห่วงมากว่าจะส่งผลต่อฐานะการคลังของประเทศ คือกองทุนประกันสังคม ที่มีภาระการจ่ายเงินให้กับผู้เกษียณอายุ ด้วยระบบคือคนที่เข้าระบบทำงานก็เอาเงินใส่เข้ากองทุน และคนที่เกษียณก็เอาเงินออก ด้วยโครงสร้างของประชากรที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ตอนนี้คนใส่เงินเข้ากองทุนจะค่อย ๆ ลดลง ขณะที่คนเอาเงินออกก็จะเพิ่มมากขึ้น ๆ ด้วยระบบแบบนี้ในอนาคตกองทุนก็จะเกิดปัญหาไม่มีเงินพอที่จะจ่าย หรือเจ๊งแน่นอน ซึ่งก็จะเป็นภาระหนี้ของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และความเสี่ยงต่อการคลัง

    ประเด็นสำคัญคืออยากให้รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา มองในภาพรวมทั้งหมดเพื่อให้เห็นภาพรวมว่าฐานะการคลังไม่ได้ดีและมีความเสี่ยงต่อภาระในอนาคต เพราะรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศส่วนใหญ่ก็มีแต่แผนใช้เงินงบประมาณเพิ่มมากขึ้น ทำให้ประเทศไทยขาดดุลงบประมาณมาตลอด

    "ความหมายวินัยการคลังสำหรับผมไม่ใช่แค่ว่า หนี้สาธารณะต่อจีดีพีไม่เกิน 60% แต่เป็นเรื่องของการใช้งบประมาณให้คุ้มค่า หรือมีวินัยในการใช้ เช่น ถ้าก่อหนี้เพิ่มแต่คุ้มค่ามีประโยชน์ ผมไม่ว่าในฐานะผู้เสียภาษี แต่ถ้าใช้โดยไม่รู้ว่าได้อะไร หรือไม่มีประสิทธิภาพ แบบนี้ถือว่าไม่มีวินัยการคลัง จุดอ่อนอย่างหนึ่งของประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณก็คือจะเน้นในแง่ของการพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ ก่อนการลงทุน แต่พอลงทุนหรือทำโครงการต่าง ๆ ไปแล้ว ไม่มีการวัดผลว่ามีความคุ้มค่าในการดำเนินการ"

    ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ณ เดือน พ.ย. 2561 ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะ 6.81 ล้านล้านบาท คิดเป็น 41.82% ต่อจีดีพี และประเมินว่าในช่วงปี 2562 จะปรับเพิ่มเป็น 43.3% ต่อจีดีพี

    เอกชนห่วง "ลงทุนรัฐ" สะดุด

    นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ภาพรวมค้าปลีกครึ่งแรกของปีนี้คาดว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงเติบโตต่ำกว่าที่ควรเป็น แม้ช่วงปีที่ผ่านมาจะมีสัญญาณการฟี้นตัวทุกหมวดสินค้า โดยตัวแปรเศรษฐกิจในปี 2562 คือความไม่ชัดเจนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ราคาสินค้าเกษตรที่ทรงตัว และความไม่แน่นอนของการเมืองหลังการเลือกตั้ง โดยเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในแบบชะลอจากปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับภาคส่งออกและการท่องเที่ยวจะชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ซึ่งต้องยอมรับที่ผ่านมาภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

    สมาคมผู้ค้าปลีกไทยมีความกังวลว่าภาคค้าปลีกอาจจะไม่สามารถรักษาระดับการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง หากการเติบโตด้านยอดขายค้าปลีกยังมีทิศทางทรงตัว เช่นดียวกับการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะการพัฒนา 5 โครงสร้างพื้นฐานหลักในเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ถ้าหากเป็นไปตามแผนที่รัฐบาลประกาศไว้ อาจทำให้การลงทุนภาคเอกชนมีความมั่นใจเกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากโครงการต่าง ๆ จะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะเงินหมุนเวียนผ่านการจ้างงานและการจัดซื้อจัดจ้างที่จะกระจายลงสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    อั้งเปาช่วยชาติ "หงอย"

    นอกจากนี้ธุรกิจค้าปลีกคงต้องเฝ้าติดตามเสถียรภาพทางการเมืองหลังเลือกตั้ง บรรยากาศโดยภาพรวม ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับการตัดสินใจเดินหน้าการค้าและการลงทุนในปีต่อ ๆ ไป

    "มาตรการอั้งเปาช่วยชาติที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคซึ่งมองว่าจะมีการจับจ่ายกว่าแสนล้านโดยมีผู้บริโภคเข้าร่วมโครงการกว่า 6 ล้านคนนั้น แต่ข้อมูลล่าสุดกลับพบว่ามีผู้เข้าร่วมลงทะเบียนเพียงหลักหมื่นคน ทำให้การจับจ่ายเหลือเพียงประมาณหมื่นล้านบาท" นายวรวุฒิกล่าว

    สอดคล้องกับแหล่งข่าวระดับสูงจากธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคให้มุมมองว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้คาดการณ์สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นยาก และขณะนี้ก็ยังเร็วไปที่ให้คำตอบ ซึ่งตอนนี้นักธุรกิจส่วนใหญ่ก็อยู่ระหว่างรอดูสถานการณ์มากกว่า ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ถึงกับหยุดลงทุน เนื่องจากเป็นแผนที่วางไว้แล้ว

    "การลงทุนด้านการผลิตเป็นเรื่องระยะยาว ดังนั้นนโยบายการใช้จ่ายและหาเสียงของแต่ละพรรคที่เสนอตัวไม่น่าส่งผลกระทบ ซึ่งการลงทุนด้านการผลิตเป็นเรื่องระยะยาว ที่จะดูภาพรวมของกำลังซื้อ การเติบโตของตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศเป็นหลักในการตัดสินใจลงทุน"

    กันกุลลุ้นเลือกตั้งก่อนปรับแผน

    นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL กล่าวว่า แม้ว่าช่วง 3 ปีนี้บริษัทตั้งเป้ากำลังผลิตรวมไว้ที่ 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ 580 เมกะวัตต์ แต่ต้องยอมรับว่าคงต้องขอดูความชัดเจนจากภาครัฐ เพราะอาจจะทำให้มีการชะลอการลงทุน ต้องรอผลความชัดเจนจากการเลือกตั้ง รวมถึงการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่จึงจะสามารถตอบได้ว่าจะปรับแผนการลงทุนหรือไม่ อย่างไร

    Source: ประชาชาติธุรกิจ
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    51996464_2399174523435359_8964192548910268416_n.jpg?_nc_cat=1&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    (Feb 18) เทกระจาดคอนโดฯ : บิ๊กดีเวลอปเปอร์หนีตาย LTV ดิ้นระบายสต๊อกบ้าน-คอนโดฯ 3 หมื่นหน่วย จับมือแบงก์อัดโปรฯแรง แข่งดอกเบี้ย 0% ดัมพ์ราคา 20-30% แถมจัดแคมเปญพิเศษเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เร่งปิดดีล การขายภายในสิ้นมีนาคมนี้

    การโหมแคมเปญร้อนๆกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ระหว่างผู้ประกอบการในตลาด หลักทรัพย์ฯกับสถาบันการเงิน เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมา เนื่องจากเดิมทีธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เตรียมเข้ามาคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน แต่ในที่สุด ธปท.ได้เลื่อนการบังคับใช้เป็นวันที่ 1 เมษายน 2562 นับตั้งแต่นั้นมา การเทกระจาด อัดแคมเปญแรง เกิดเป็นระลอกและต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันหวังระบายสต๊อกให้ได้มากที่สุด เพื่อชดเชยจากการชะลอเปิดตัวโครงการใหม่ออกไปครึ่งปีหลัง รวมถึงตั้งรับหลังมาตรการคุมสินเชื่อ LTV บังคับใช้ ทั้งนี้ ได้ประเมินสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ จะเกิดการ ชะลอตัวนับตั้งแต่ ไตรมาส 2 และอาจพลิกฟื้นช่วงไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ดังนั้น ผลดีจะตกอยู่กับผู้บริโภคทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และเพื่อลงทุนจะได้ของถูก

    อย่างไรก็ตามไม้แข็งที่แบงก์ชาตินำออกใช้ เกิดจากมีสัญญาณชัดว่า อาจจะเกิดฟองสบู่ เนื่องจากปี2561 ผู้ประกอบการสร้างปรากฏ การณ์เปิดตัวคอนโดมิเนียมมากถึงกว่า 60,000 หน่วย

    ล้างสต๊อก3หมื่นหน่วย

    นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า นอกจากบรรยากาศทางการเมือง กระทบความเชื่อมั่นต่อการตัดสินใจของลูกค้าแล้ว มาตรการแอลทีวีของแบงก์ชาติ ที่จะบังคับใช้ ยังมีผลต่อการซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ อย่างมาก ขณะผู้ประกอบการต่างชะลอการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาสแรกของปีนี้ออกไป และมุ่งระบายสต๊อกที่สร้างเสร็จพร้อมขายเฉพาะคอนโดมิเนียมรวม 2-3 หมื่นหน่วย

    "โดยภาพรวมทุกค่ายได้ออกแคมเปญประชันกันทุกทำเล และล่าสุดในเดือนมีนาคมช่วง สัปดาห์เดียวกันกับวันเลือกตั้ง 3 สมาคมบ้านฯจัดงานมหกรรมบ้าน แม้จะมีบางค่ายไม่เข้าร่วม แต่เชื่อว่าจะช่วยผู้ประกอบการ ได้อย่างมาก ในโค้งสุดท้ายก่อนมาตรการแบงก์ชาติบังคับใช้"

    อัดโปรแรง 0%

    นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ระบุว่า ทุกค่ายจัดแคมเปญระบายสต๊อก โครงการ สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ซึ่งบริษัท มีคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ในมือ เพียง 400-500 หน่วย มูลค่า 1,000-1,500 ล้านบาท จำนวน 30 โครงการตามแนวรถไฟฟ้า ถือว่าไม่มากหากเทียบกับค่ายใหญ่รายอื่นที่มีสต๊อกมากถึงกว่า10,000 ล้านบาท จึงมั่นใจทุกโครงการของออริจิ้นน่าจะขายหมด ทันก่อนแอลทีวีบังคับใช้โดยร่วมกับ 4 แบงก์หลักกู้ 100% ดอกเบี้ย 0% นาน 3ปี

    เช่นเดียวกับบมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ได้ออกแคมเปญ สินเชื่อร่วมกับแบงก์เพื่อระบาย คอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟฟ้า พร้อมอยู่ ออกให้มากที่สุด โดยผ่อนกับธนาคารเพียง 5,200 บาทต่อเดือนในอัตรา ดอกเบี้ย 1% นาน 3 ปี ขณะที่เพื่อแนะนำเพื่อนซื้อโครงการผู้แนะนำจะได้รับเงินทันที 1 แสนบาท

    ขณะนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ระบุว่าแอลพีเอ็นฯมีสต๊อกคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ประมาณ 10 โครงการ 1,000 หน่วย จึงจัดโปรฯพิเศษดอกเบี้ย 3% นาน 3 ปี หากกู้ 1 ล้านบาท ลูกค้าผ่อนต่อเดือนเพียง 4-5,000 บาท เทียบแล้วถูกกว่าเช่า

    "ไตรมาสแรกนี้ทุกค่าย นำสินค้าในสต๊อกออกขายให้ได้มากที่สุด เพื่อทดแทนโครงการใหม่ที่ต้องชะลอการเปิดตัวออกไป ทำให้บรรยากาศช่วงนี้ไม่ว่าจะเดิน ไปทางไหนจะเห็นป้ายโปรโมชัน เกิดขึ้นอย่างมีสีสัน"

    ผนึกแบงก์จัดโปรฯเฉพาะกลุ่ม

    ปรากฏการณ์ธนาคารพาณิชย์ในระบบและผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จับมือกันอัดโปรโมชัน เพื่อจูงใจลูกค้าเร่งจดจำนอง-โอนภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2562 โดยธนาคารกรุงเทพร่วมกับดีเวลอปเปอร์ชั้นนำจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯทุกราย อาทิ AP, SC, QH, LH , SPALI, SIRI, PS และ LPN เป็นต้น เสนอแคมเปญพิเศษเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ ผู้พิพากษาอัยการ และนักบิน ทั้งนี้พนักงานที่มีบัญชีเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงเทพซึ่งรายที่มีรายได้ 5หมื่นบาทขึ้นไปจะมีทางเลือกที่เหมาะสม สำหรับพนักงานที่มีเงินเดือนประจำจะมีทางเลือก 1.ตั้งแต่ดอกเบี้ย 1.99% เป็นเวลา 6เ ดือนแรก 2.อิงดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อยชั้นดีหรือ MRR (MRRปัจจุบันอยู่ที่ 7.125%) ปีแรกคิด MRR-5.375%ปีที่ 2 และปีที่ 3 MRR-2.5%และปีที่ 4 MRR-1.5% เฉลี่ย 3 ปี ดอกเบี้ยจะอยู่ที่อัตรา 3.67%

    ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยาชูจุดขาย "ลูกค้าไม่ตกขบวน ถ้าตัดสินใจซื้อบ้านในทุกโครงการที่ธนาคารกรุงศรีฯมีแคมเปญพิเศษอยู่แล้ว" ด้วยการเร่งพิจารณาและอนุมัติเพื่อให้ลูกค้าสามารถจดจำนองและโอนทันภายในสิ้นเดือนมีนาคม

    ดึงกำลังซื้ออนาคต

    "ขณะนี้เหลือเวลาเดือนกว่าที่มาตรการคุมแอลทีวีจะมีผลบังคับใช้ โดยที่ผ่านมาเราได้เตรียมกระบวนการทั้งก่อนเดือนเมษายนและหลังเดือนเมษายนเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะ 2 เดือน (มีนาคมและเมษายน) เชื่อว่าตลาดจะเติบโตมากโดยเฉพาะความต้องการจดจำนองและโอนกรรมสิทธิ์ให้ทันภายในเดือนมีนาคมจำนวนมาก สาเหตุ 2เดือนนี้คึกคักเพราะกำลังซื้อในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ที่เข้ามาก่อนแล้ว"

    ชี้สินเชื่อบ้านโต4-6%

    แหล่งข่าวจากสถาบันการเงินเปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้แนวโน้มเติบโต 4-6% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 10% จากปี2560 สำหรับปีนี้ไตรมาสแรกมีโอกาสขยายตัว ถึง 10%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากนั้นตั้งแต่ไตรมาส 2-4 อัตราการเติบโตจะติดลบ 1% ซึ่งช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะเห็นตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากลูกค้าและดีเวลอปเปอร์เร่งกระบวนการปิดการขายและโอน โดยจะมีกำลังซื้อทั้งคนไทยและจีน สำหรับลูกค้าจีนนั้นเชื่อว่ายังมีความต้องการซื้อคอนโด มิเนียมสัดส่วน 27%

    "ก่อนมีนาคมแบงก์กับโครงการร่วมกันปิดการขายให้เร็วและเตรียมวงเงินเพียงพอ เพราะโครงการต่างๆจะเร่งสร้างและเร่งโอนทำให้ไตรมาสแรกปีนี้เติบโตกว่าปีก่อน แต่ทั้งปีสินเชื่อใหม่อาจติดลบ ขณะที่ตลาดยังกระตุ้นกำลังซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3ไม่ให้หายไป ส่วนแคมเปญดอกเบี้ยต่ำต้องดูไส้ในเป็นเวลา 3ปี ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 3.5%ก็ได้ (คำนวณจากดอกเบี้ย 0% 6เดือน)ซึ่งจะเห็นแบงก์ใหญ่ไม่เน้นเติบโตสินเชื่อบ้าน ส่วนหนึ่งเพราะมาร์จินบางเนื่องจากที่ผ่านมาแข่งขันดอกเบี้ยกันและมีแบงก์รัฐเข้ามาทำตลาดด้วย"

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    52974025_2396948766991268_6826580535347773440_n.png?_nc_cat=1&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.png

    (Feb 18) มาตรการ LTV กระทบการตัดสินใจซื้อบ้าน : การซื้อที่อยู่อาศัยของคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่ามาตรการ LTV ที่เป็นปัจจัยเฉพาะในปี 2562 คาดว่าจะส่งผลต่อความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของคนกรุงในช่วง 1-2 ปีนี้ประมาณ 18-22 (ค่ากลางที่ 20%)

    ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย ปี 2562 ยังเผชิญกับปัจจัยท้าทาย หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความต่อเนื่องในการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศ กำลังซื้อภาคประชาชนที่ยังเปราะบางโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ น้อย จำนวนที่อยู่อาศัยรอขายสะสม ในตลาดที่อยู่ในระดับสูง และปัจจัย เฉพาะของปี 2562 เช่น มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LoanTo-Value: LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือน เม.ย. 2562

    ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของคนกรุงเทพฯ เพื่อสะท้อนแนวโน้มความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใน 1-2 ปีนี้ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรการ LTV อันเป็นปัจจัยท้าทายเฉพาะในปี 2562 ที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ

    ตามที่ ธปท.ได้ประกาศเงื่อนไขเกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย. 2562 อันส่งผลให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกที่ราคาสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นแห่งที่ 2 ในกรณีที่บ้านหลังแรกยังอยู่ในการผ่อนชำระ จะต้องเพิ่มสัดส่วนเงินดาวน์/เงินสดเป็นร้อยละ 10-20 ของมูลค่าที่อยู่อาศัยนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปัจจัยนี้ประกอบกับอีกหลายปัจจัยทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน คงจะส่งผลต่อกิจกรรมการซื้อขายที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงได้มีการสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงและได้ข้อสรุปดังต่อไปนี้

    คนกรุง 56% ยังไม่ทราบมาตรการ LTV ซึ่งในกลุ่มนี้มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่ค่อนข้างต่ำราว 3.16 หมื่นบาท และเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วง 1-2 ปีนี้ สูงถึงร้อยละ 91 ทั้งนี้การที่ไม่ทราบถึงมาตรการดังกล่าว อาจเป็นอุปสรรคหากมีการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถสำรองเงินได้เพียงพอในทันทีเพื่อรองรับกรณีที่จะได้รับวงเงินสินเชื่อเงินกู้ซื้อบ้านที่อาจน้อยลง

    คนกรุง 44% ทราบมาตรการ และ เกือบ 2 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้รับว่ามาตรการ LTV ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งส่วนใหญ่เลือกที่จะปรับตัวด้วยการลดระดับ ราคาที่อยู่อาศัยเพื่อลดภาระเงินดาวน์/เงินสดที่สูงขึ้น รองลงมาคือการชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยออกไป 1-3 ปี และมีเพียงส่วนน้อยที่ตัดสินใจยกเลิกการซื้อที่อยู่อาศัย

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่ามาตรการ LTV อาจมีผลต่อการตัดสินใจ ซื้อที่อยู่อาศัยของคนกรุงในช่วง 1-2 ปีนี้ ราว 18-22% (ค่ากลาง 20%)

    อย่างไรก็ตาม หากตัดผู้ซื้อที่น่าจะพ้นภาระการผ่อนชำระจากที่อยู่อาศัยหลังแรกออกไป พบว่ากลุ่มผู้ซื้อ ที่อยู่อาศัยที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV จะอยู่ที่ราวร้อยละ 18-22 และเมื่อพิจารณาข้อมูลจำนวนบัญชีสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ที่เฉลี่ยอยู่ที่ราว 1 แสนบัญชีต่อปี (อ้างอิงข้อมูลจาก ธปท.) จึงกล่าวได้ว่ามาตรการ LTV อาจมีผลต่อการซื้อที่อยู่อาศัยราว 1.8-2.2 หมื่นบัญชี

    จากปัจจัยแวดล้อมที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดที่อยู่อาศัย ทั้งประเด็นกำลังซื้อ ความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้หลังมาตรการ LTV มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2562 ตลอดจนอุปทานสะสมของที่อยู่อาศัยค้าง ขายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ยังน่าจะมีสูงถึง 199,768 หน่วย ณ สิ้นปี 2561 รวมไปถึงการที่พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะเริ่มมีผลในปี 2563

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดการณ์ว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี 2562 อาจอยู่ที่จำนวน 69,300-1.77 แสนหน่วย หรือหดตัวประมาณ 8.5-12.5% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในปี 2561 ที่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก กอปรกับการทำตลาดของผู้ประกอบการเพื่อเร่งระบายที่อยู่อาศัยค้างขายที่อยู่ในระดับสูง ก่อนที่มาตรการ LTV มีผลบังคับ

    Source: Posttoday

    - มาตรการของ ธปท. https://www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Press/News2561/n7261t.pdf
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    0.wp.com%2Fsmartereum.com%2Fwp-content%2Fuploads%2Fimages%2Fcompanies%2Fjpmorgan-chase_686801140.jpg

    (Feb 17) คริปโตน้องใหม่ 'เจพีเอ็มคอยน์' : ในช่วงที่บล็อกเชนกำลังมาแรง กลายเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก สร้างความปั่นป่วนให้กับบริการทางการเงิน เจพีมอร์แกนเชส ถือเป็นธนาคารใหญ่รายแรกที่ลงเล่นกับกระแสนี้ ด้วยการเปิดตัว "เจพีเอ็ม คอยน์" ระบบเงินดิจิทัลต้นแบบใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

    "เจพีเอ็มคอยน์" ในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองใช้ชำระบัญชีระหว่างลูกค้าสถาบัน สามารถชำระเงินกับลูกค้าธนาคารอื่นได้อย่างทันทีทันใด

    คำประกาศของเจพีมอร์แกนยิ่งสร้างความน่าสนใจให้กับเทคโนโลยีบล็อกเชนมากขึ้นไปอีก เนื่องจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงิน รวมถึงกระบวนการ อื่นๆ ของธนาคาร แต่ยังต้องรออีกอย่างน้อย 3-5 ปี จึงจะใช้ได้ใน วงกว้าง ส่วนหนึ่ง เพราะตอนนี้ยังไม่มีกฎระเบียบมากำกับดูแล

    ลู เคอร์เนอร์ นักร่วม ลงทุน (วีซี) ในกิจการเงินเสมือนคาดว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนจะส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ต

    "ชัดเจนว่าระบบการเงินและการธนาคารเป็นหนึ่งในสาขาแรกๆ ที่รู้สึกได้ถึง ความปั่นป่วน ธนาคารใหญ่ของโลกทุกแห่ง กำลังประเมินสถานการณ์และพัฒนา กลยุทธ์คริปโต/บล็อกเชน ไม่ว่าธนาคารจะป่วนเพราะตนเองหรือเพราะคนอื่น แต่ยักษ์คริปโตก็จะออกจากขวด"

    ธนาคารใหญ่เจอการแข่งขันมากขึ้นทุกขณะ ทั้งจากบริษัทฟินเทครายเล็กและบริษัทบัตรเครดิต ไม่เว้นแม้แต่บริษัท ค้าปลีกอย่างอเมซอนและแอ๊ปเปิ้ล ที่มีระบบชำระเงินรุ่นใหม่

    รายงานจากเอสแอนด์พีโกลบอลเรตติ้งส์ ระบุว่า ธนาคารใหญ่อย่างเจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ออฟอเมริกา และซิตี้กรุ๊ป ใช้จ่ายกับเรื่องเทคโนโลยีไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด

    "เราเชื่อว่าสิ่งสำคัญสำหรับธนาคารคือต้องรักษาสถานะตลาดว่าด้วยการชำระเงินให้ได้ เพราะเรื่องนี้มักเป็นหัวใจสำคัญในความสัมพันธ์กับลูกค้า รายได้มหาศาลของธนาคารมาจากค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมบัญชีเงินฝาก ค่าธรรมเนียมธุรกรรมข้ามประเทศ และ รายได้ทางอินเทอร์เน็ตสุทธิ" รายงานเอสแอนด์พีระบุและว่า ปริมาณธุรกรรมระหว่างภาคธุรกิจด้วยกันเองสูงกว่า 100 ล้านล้านดอลลาร์

    ภายใต้ระบบคริปโตของเจพีมอร์แกน เชส ลูกค้าจะได้รับเจพีเอ็มคอยน์ที่โอนไปให้ลูกค้ารายอื่นได้ และนำมาแลกเป็น เงินดอลลาร์ได้ 1 เหรียญเท่ากับ 1 ดอลลาร์ ซึ่งต่อไปจะขยายไปถึงเงินสกุลอื่นด้วย เจพีมอร์แกนมีแผนจะขยายโครงการทดลองในปีนี้

    "ตอนนี้เจพีเอ็ม คอยน์ ยังเป็นต้นแบบ ต่อไปเราจะประสานกับคณะกรรมการกำกับดูแล เพื่ออธิบายการทำงานของ เจพีเอ็ม คอยน์ แล้วดูว่าคณะกรรมการจะว่ายังไง อนุมัติหรือไม่"

    เดือนก่อนนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ของเจพีมอร์แกน กล่าวว่า บล็อกเชนช่วยลดเวลาการชำระบัญชีเหลือเพียงไม่กี่นาที ลดต้นทุน และช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตรวจสอบวงรอบการชำระเงินได้ แต่ความก้าวหน้าหลายอย่างจำเป็นต้องมีกฎหมายมาคอยดูแล รวมถึงการปรับเปลี่ยนและร่วมมือ ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนั้นการใช้บล็อกเชนในวงกว้างด้วยโซลูชันขนาดใหญ่ อาจต้องรออีก 3-5 ปีเป็นอย่างน้อย

    อย่างไรก็ตาม เจพีมอร์แกนเป็น ธนาคารใหญ่รายแรก ที่มีแผนการ ชัดเจน เปิดให้ลูกค้าทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินเสมือน

    แม้ เจมี ดิมอน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ได้ชื่อว่าไม่สนใจบิทคอยน์เลย มองว่าเป็นแค่เรื่องหลอกลวง และปีที่แล้วราคาบิทคอยน์ก็ร่วงหนัก

    แต่ในเวลาเดียวกันเจพีมอร์แกนก็ทำงานกับเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เป็นรากฐานของบิทคอยน์มาตลอด

    "เราเชื่อมั่นในศักยภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชนเสมอมา และสนับสนุนสกุลเงินเสมือน ตราบเท่าที่มีการควบคุมและกำกับดูแลอย่างเหมาะสม ท้ายที่สุดแล้วเรา เชื่อว่าเจพีเอ็ม คอยน์ จะให้ประโยชน์มหาศาลต่อผู้ใช้บล็อกเชน เพราะช่วยลดจำนวนคน ลดความเสี่ยง ลดข้อกำหนดเงินทุน และโอนได้ทันที" เจพีมอร์แกนแถลงย้ำความเชื่อมั่น

    ปีก่อน "แดเนียล พินโต" ประธานร่วมของเจพีมอร์แกนยอมรับว่า คริปโต เคอร์เรนซีจะมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกในอนาคต

    "ผมคิดว่าแนวคิดนี้ใช้ได้ ธนาคารกลางหลายแห่งก็จับตาอยู่ สำหรับผมการออกโทเคนเป็นเรื่องจริง คริปโตเคอร์เรนซีเป็นของจริง แต่ไม่ใช่ในรูปแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้"

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    เพิ่มเติม
    - What You Didn’t Know About The JPM Coin By JPMorgan Chase: The Institutional Gang Up You Didn’t Expect :
    https://smartereum.com/47881/jpmorg...TKMlg30n5bSAo8n_Fehx87BnccQlhq_1F_3HvN2XbpQ7E
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    cnbc.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2019%2F02%2F12%2F105734746-1550002003754trump.1910x1000.jpg
    (Feb 17) ทรัมป์ ขอให้ชาติพันธมิตรยุโรปรับนักโทษ IS กลับไปดำเนินคดี หลังสหรัฐถอนทหารออกจากซีเรีย : ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ขอให้ชาติพันธมิตรยุโรปนำนักรบกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) จำนวนกว่า 800 คนที่ถูกจับกุมได้ในซีเรีย กลับไปดำเนินคดีในแต่ละประเทศ หลังจากที่สหรัฐถอนทหารออกจากซีเรียแล้ว

    "สหรัฐขอให้อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และชาติพันธมิตรยุโรปอื่นๆ รับนักรบ IS กว่า 800 คนที่เราจับได้ในซีเรีย และนำตัวพวกเขากลับไปดำเนินคดี" ทรัมป์ทวีตข้อความในช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา

    ทรัมป์กล่าวว่า ถึงเวลาที่ "ประเทศอื่นๆ จะต้องก้าวเข้ามาทำหน้าที่ที่พวกเขาสามารถทำได้" หลังจากที่สหรัฐได้ใช้ทรัพยากรไปเป็นจำนวนมากในซีเรีย

    ทั้งนี้ กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) ซึ่งมีสหรัฐหนุนหลัง ได้จับกุมนักรบชาวต่างชาติมากกว่า 900 คนในระหว่างการสู้รบกับกลุ่มติดอาวุธ IS ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย

    SDF เตือนว่า ทางกองกำลังอาจไม่สามารถเก็บตัวนักรบ IS เหล่านี้ไว้ หลังจากที่สหรัฐถอนทหารออกจากซีเรียตามคำสั่งของทรัมป์เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา

    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสเผยว่า นักรบ IS ชาวฝรั่งเศสจำนวนหนึ่งได้เดินทางกลับไปยังฝรั่งเศสแล้วและจะถูกส่งกลับเพิ่มเติมอีกหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม อังกฤษปฏิเสธที่จะรับตัวนักโทษ IS ชาวอังกฤษกลับไปดำเนินคดีในประเทศ ขณะที่ประเทศยุโรปอื่นๆ ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

    Source -อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท

    -
    https://www.cnbc.com/2019/02/17/tru...NEyDe31PYvycN9ZxYF2Rz8GG0ibXgO_cj3ry7baAyiAlU
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'แมร์เคิล-เพนซ์'ดวลฝีปากบนเวทีความมั่นคงนานาชาติ ย้ำรอยร้าวลึกยุโรป-สหรัฐฯในยุคทรัมป์ เผยแพร่: 17 ก.พ. 2562 23:56 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001736601.jpg

    นายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล (ขวา) กับ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ จับมือกันในช่วงเวลาถ่ายภาพระหว่างเข้าร่วมเวทีการประชุมความมั่นคงมิวนิก ในเมืองมิวนิก ทางภาคใต้ของเยอรมนี เมื่อวันเสาร์ (16 ก.พ.) โดยในตอนที่ทั้งสองขึ้นเวทีกล่าวคำปราศรัยนั้น ได้แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นจำนวนมาก และสะท้อนให้เห็นถึงความร้าวฉานระหว่างยุโรปกับอเมริกาในยุคของทรัมป์
    เอเจนซีส์ – สหรัฐฯที่มีรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เป็นตัวแทน กับชาติมหาอำนาจทางยุโรปนำโดยนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ดวลฝีปากบนเวทีความมั่นคงนานาชาติในวันเสาร์ (16 ก.พ.) สะท้อนความคิดเห็นที่แตกต่างสุดขั้วระหว่างยุโรปกับอเมริกาในยุคสมัยทรัมป์ ไล่ตั้งแต่เรื่องความมั่นคงในตะวันออกกลางยันประเด็นการค้า

    ทั้งนายกรัฐมนตรีเยอรมนี และผู้นำคนอื่นๆ ของยุโรป แสดงความผิดหวังอย่างไม่ปิดบังต่อการตัดสินใจหลายอย่างของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ระหว่างการประชุมด้านความมั่นคงระหว่างประเทศเป็นเวลา 3 วันที่เมืองมิวนิกของเยอรมนี

    ในชั่วขณะหนึ่งแห่งความอิหลักอิเหลื่อเมื่อวันศุกร์ (15) ทั้งทั้งห้องประชุมที่ประกอบด้วยผู้นำ รัฐมนตรี และทหารระดับนายพลจากประเทศต่างๆ อยู่ในความเงียบกริบ หลังจากรองประธานาธิบดีเพนซ์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนของทรัมป์มากล่าวคำกทายกับนานาชาติ

    วันถัดมา ระหว่างการขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวที เพนซ์แนะนำประเทศต่างๆ ในยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ ด้วยน้ำเสียงดุดัน เริ่มจากการย้ำว่า อิหร่านกำลังวางแผนสังหารหมู่ครั้งใหม่ และเรียกร้องให้มหาอำนาจยุโรปยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ที่ทรัมป์ฉีกทิ้งเมื่อปีที่แล้ว

    เขายังวิจารณ์แผนการริเริ่มเมื่อเร็วๆ นี้ของฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษที่ยอมให้บริษัทยุโรปทำธุรกิจในอิหร่านต่อ แม้อเมริกาประกาศแซงก์ชัน

    ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ เฟเดอริกา โมเกรินี ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศว่า บรัสเซลส์ตัดสินใจแน่วแน่ในการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านต่อ เนื่องจากมีความสำคัญต่อความมั่นคงของยุโรป

    ทางด้าน ไฮโค มาสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีขานรับว่า หากไม่มีข้อตกลงดังกล่าว ยุโรปอาจเข้าใกล้การเผชิญหน้าอย่างเปิดเผยมากขึ้น

    รองประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้น ได้ยกย่องพันธมิตรนาโตบางชาติที่เพิ่มงบประมาณการทหาร แต่เตือนอีกหลายชาติว่า ยังสมทบเงินไม่ถึงเป้าหมาย 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ พร้อมคัดค้านสายท่อส่งน้ำมัน “นอร์ดสตรีม 2” ระหว่างรัสเซียกับเยอรมนีที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง โดยย้ำคำวิจารณ์ของทรัมป์ว่า ท่อส่งดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจเมืองเบียร์ที่ถือว่า ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลายเป็นเชลยของรัสเซีย

    เพนซ์วิจารณ์ต่อเรื่องที่พันธมิตรนาโตบางชาติกำลังสั่งซื้ออาวุธ “จากศัตรู” ซึ่งสื่อรัสเซียตีความว่า พาดพิงถึงข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับตุรกี

    สำหรับประเด็นเวเนซุเอลานั้น เพนซ์เรียกร้องให้อียูรับรองผู้นำฝ่ายค้าน ฮวน กวยโด เป็นประธานาธิบดีที่ชอบธรรมเพียงคนเดียวของเวเนซุเอลา

    562000001736602.jpg

    นายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล กล่าวปราศรัยในเวทีการประชุมความมั่นคงมิวนิก เมื่อวันเสาร์ (16 ก.พ.)

    คำปราศรัยของเพนซ์ถูกตอกกลับอย่างฉะฉานจากแมร์เคิล ที่บางครั้งได้รับการขนานนามว่า เป็นผู้นำโลกเสรี โดยนายกรัฐมนตรีเยอรมนีตั้งคำถามว่า เป็นความคิดที่ดีแล้วหรือที่อเมริกาจะรีบร้อนถอนทหารออกจากซีเรียแบบปัจจุบันทันด่วนและปล่อยให้อิหร่านกับรัสเซียกลับมาสั่งสมอิทธิพลในภูมิภาคดังกล่าวอีกครั้ง

    เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฌอง-อีฟส์ เลอ แดรง รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสที่ส่งทหารร่วมปฏิบัติการในซีเรีย 1,200 นาย เห็นด้วยว่า อเมริกากำลังทำให้เกิดสุญญากาศอำนาจที่จะเป็นประโยชน์ต่ออิหร่าน

    ผู้นำหญิงเหล็กเมืองเบียร์ยังแสดงความไม่พอใจที่ทรัมป์เตรียมพร้อมขึ้นภาษีรถยุโรปโดยอ้างความมั่นคงแห่งชาติ โดยยืนยันว่า เยอรมนีภูมิใจรถยนต์ของตนเอง และแจงว่า โรงงานใหญ่ที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยูไม่ได้อยู่ในบาวาเรีย แต่อยู่ในรัฐเซาท์แคโรไลนาของสหรัฐฯ และใช้เป็นฐานผลิตเพื่อการส่งออกไปจีน

    ในส่วนนอร์ด สตรีม 2 นั้น แมร์เคิลตอบโต้ว่า ยุโรปพร้อมแล้วที่จะสั่งซื้อแก๊สรัสเซียผ่านท่อจัดส่งดังกล่าว และประกาศว่า ไม่ว่าจะส่งผ่านยูเครนหรือทะเลบอลติก ก๊าซดังกล่าวก็เป็นก๊าซรัสเซียอยู่ดี และย้ำว่า ตะวันตกต้องคงการเจรจากับรัสเซีย แม้มีความขัดแย้งในยูเครนและประเด็นอื่นๆ ก็ตาม

    อนึ่ง นอกจากประเด็นที่กล่าวมาข้างต้น เพนซ์ยังเรียกร้องพันธมิตรยุติการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมของบริษัทจีน อาทิ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ และว่า กฎหมายจีนบังคับให้บริษัทท้องถิ่นอำนวยความสะดวกให้ปักกิ่งเข้าถึงเครือข่ายและข้อมูลของบริษัท

    ทว่า หยาง เจียฉือ สมาชิกคณะกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้วางรากฐานนโยบายการต่างประเทศของจีนมายาวนาน ปฏิเสธว่า จีนไม่มีกฎหมายแบบที่เพนซ์กล่าวหา พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ของแมร์เคิลว่า โลกควรร่วมกันรับมือความท้าทายต่างๆ

    ขณะเดียวกัน อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้รับการปรบมือยาวนาน เมื่อเขากล่าววลีเด็ดขณะปราศรัยบนเวทีว่า หลังยุคทรัมป์ อเมริกาและอียูจะกลับมาเป็นมิตรสนิทกันเหมือนเดิม

    https://m.mgronline.com/around/deta...ll34wDMIehmx8TpZOJbEi5NgENN6Tu7I25NtEEgGGrZgM
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Inn สำนักข่าว

    ผู้บัญชาการทหารบก ไล่เพื่อไทยไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน หลังชูนโยบายตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหม ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร

    #INNNEWS #สำนักข่าวINN #SMSINN
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers
    52889840_2078329922243161_316193860243947520_n.jpg?_nc_cat=104&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    #Earthquake
    วันที่ 18 ก.พ. 2562
    เวลา 03:47 น.
    แผ่นดินไหว อ.สอง จ.แพร่
    พิกัด(18.76°N,100.20°E)
    ขนาด 3.4 ลึก 4 กม.
    [TMD] (link: http://bit.ly/2V7qd0H)

    วันที่ 18 ก.พ. 2562
    เวลา 00:27 น.
    แผ่นดินไหว อ.สอง จ.แพร่
    พิกัด(18.75°N,100.21°E)
    ขนาด 1.7 ลึก 3 กม.
    [TMD] (link: http://bit.ly/2Ef3jig)
    #Watchers
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Noticias 507 y el mundo

    เม็กซิโก

    ยูกาตัง(Yucatán), เม็กซิโก | โศกนาฏกรรมใน #ความคืบหน้า เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คนรวมถึงผู้เยาว์ หลังจากหลังคาพังทลาย ในบาร์ ของ puerto มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    51945481_2077592508983569_688643455533973504_n.jpg?_nc_cat=100&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    #Earthquake
    17/02/19
    แผ่นดินไหวอลาสก้าหลายที่ในเวลาพร้อมๆกัน เวลาไทย 21:46 น. (กลุ่มจุดแดงด้านบน) ติดต่อกันหลังจาก แผ่นดินไหว ขนาด6.4 เวลา 21:35 น.ที่ ปาปัวนิวกินี (P.N.G.) วันนี้
    อ้างอิง : USGS #Watchers
    52611664_2077592472316906_7998417157530583040_n.jpg?_nc_cat=104&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    52501587_2077592545650232_3432858804394393600_n.jpg?_nc_cat=109&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวรัสเซียผวาหิมะดำจากมลพิษในอากาศ
    07:12 | 18 กุมภาพันธ์ 2562 |

    cO5LQCNTWk1ly8KUHOa89LKlOi45sMOWiVGJym3G5cZK75LjBVPIsa6.jpg

    เกิดปรากฏการณ์หิมะสีดำในเขตไซบีเรียของรัสเซีย ซึ่งมีสาเหตุมาจากมลพิษในอากาศ สร้างความหวาดวิตกว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนในพื้นที่

    ปรากฏการณ์หิมะสีดำ เกิดขึ้นที่เมืองโปรคอปเยฟสค์ ในเขตไซบีเรียของรัสเซีย โดยมีสาเหตุมาจากมลพิษในอากาศที่ปล่อยมาจากโรงงานถ่านหินในพื้นที่ ทำให้หิมะที่ตกลงกลายเป็นสีดำปกคลุมไปทั่วเมือง สร้างความหวาดวิตกให้กับชาวเมืองว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับเด็ก เนื่องจากหิมะสีดำจากมลพิษปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ รวมทั้งโรงเรียนและสนามเด็กเล่น

    เมืองโปรคอปเยฟสค์ ตั้งอยู่ในภูมิภาคคุซบาสส์ ซึ่งมีประชากรประมาณ 2.6 ล้านคนและเป็นพื้นที่ที่มีทุ่งถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากเมืองโปรคอปเยฟสค์แล้ว ยังมีอีกหลายเมืองในภูมิภาคเดียวกันที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีดำ ขณะที่อัยการกำลังตรวจสอบว่าโรงงานถ่านหินในพื้นที่ละเมิดมาตรฐานมลพิษของอุตสาหกรรมถ่านหินหรือไม่

    TSNBg3wSBdng7ijM6GrExa3MUrNJFGPqKwbd44NvreC.jpg

    TSNBg3wSBdng7ijM6GrExa3MUrNJFGXEHzGRa3RVGal.jpg

    TSNBg3wSBdng7ijM6GrExa3MUrNJFGR5KwK90I9esrr.jpg

    TSNBg3wSBdng7ijM6GrExa3MUrNJFGbCdqVlDsmv90q.jpg

    TSNBg3wSBdng7ijM6GrExa3MUrNJFGZ1h3ePEHtbA7T.jpg

    http://news.thaipbs.or.th/content/2...9IQFYKyJZVXCuvOIU4d0tiNNJTc2VUjVLsm1C8yEWJOgY
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Colm Mcmahon ได้แชร์โพสต์ลงในกลุ่ม: Extreme Weather Events


    ออสเตรเลีย
    จำรถไฟที่ถูกน้ำท่วมได้หรือไม่? นี่คือสิ่งที่ดูเหมือนตอนนี้
    Australia
    Remember the train that was knocked over by floodwaters? This is what it looks like now
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wealth Station

    51188986_2151734644864999_3501289049442746368_n.png?_nc_cat=105&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.png

    IQ> กสิกรฯ มองกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 31.15-31.55 จับตาตัวเลข GDP Q4/61-ส่งออก ม.ค.ของไทย

    สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.พ. 62)--ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์ถัดไป (18-22 ก.พ.) ไว้ที่ 31.15-31.55 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยมีปัจจัยในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 4/61 และตัวเลขการส่งออกเดือน ม.ค.ของไทย ขณะที่
    จุดสนใจเพิ่มเติมในต่างประเทศน่าจะอยู่ที่ความคืบหน้าของการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน, ประเด็นทางการเมืองภายในของสหรัฐฯ, สถานการณ์ BREXIT และดัชนี PMI (เบื้องต้น) สำหรับเดือน ก.พ.ของสหรัฐฯ และประเทศชั้นนำอื่นๆ
    ขณะที่มีข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย, ดัชนีแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือน ก.พ., ยอดขายบ้านมือสองเดือน ม.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ธ.ค. รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 29-30 ม.ค.62



    --อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม โทร.02-2535000 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘วัฒนา’บอก ไม่ใช่แค่ตัดงบทหาร10% แต่จะลดขนาดกองทัพ-นายพลที่เกินภารกิจด้วย
    วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 - 11:01 น.
    16-13-728x455.jpg
    วันนี้ (18 ก.พ.) นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ และแกนนำเพื่อไทย ปัจจุบันเป็นผู้สมัคร สส.เขตบางแค โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ กรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ไล่ให้ผู้ที่เสนอปฎิรูปเกณฑ์ทหาร ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน โดยระบุว่า

    “ไม่ใช่แค่ตัดงบ 10% เท่านั้น แต่ยังต้องลดขนาดกองทัพ ลดจำนวนนายพลที่มากเกินภารกิจ เอากองทัพออกไปจากการเมือง เพิ่มประสิทธิภาพกองทัพและทำงานตรงตามภารกิจ ที่สำคัญต้องเคารพสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ผู้นำกองทัพจะต้องฉลาด และไม่เป็นภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตยเสียเอง”

    https://www.matichon.co.th/politics...9ZvjpfE573UdHy7SbcJioCuNcAJj-uQTbZTIfEFQ0yGDk
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Ch7HD News

    52309292_2388962227810226_7126282940945793024_n.jpg?_nc_cat=1&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    หมดความอดทน!! "บิ๊กแดง" ผบ.ทบ. ไล่ "สุดารัตน์" ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน หลังชูนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร-ตัดงบกลาโหม 10 %
    คลิกอ่านข่าว : http://s.ch7.com/327282
    #เกาะติดเลือกตั้ง2562 #หนักแผ่นดิน #บิ๊กแดง#อภิรัชต์ #สุดารัตน์ #เพื่อไทย
    #Ch7HDNews #ข่าว7HD
    คลิกอ่านข่าวอื่น news.ch7.com

     

แชร์หน้านี้

Loading...