ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    IMG_9192.PNG 4FD101FB-EAF8-423D-9A46-18742E89A996.jpeg
    พายุครั้งประวัติศาสตร์กระทบฮาวายด้วยความเร็วลม 191 ไมล์ต่อชั่วโมงคลื่น 60 ฟุต ทำให้เกิดการทำลายล้าง น้ำท่วม ไฟดับ และหิมะตก ซึ่งหายากบนเมาอิ (Maui)


    https://www.usatoday.com/story/news...rings-60-foot-waves-power-outages/2832866002/


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่ได้ซ้อมภัยพิบัติ... เรื่องจริงๆเมื่อช่วงเย็น 17:40น.
    #พายุฤดูร้อนถล่ม.. โกดังท่าข้าวศิริโรจน์ ใกล้ๆวัดเกรินกฐิน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ถล่ม

    IMG_9195.JPG IMG_9196.JPG IMG_9197.JPG IMG_9198.JPG

    ราชสีห์ รส.

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    upload_2019-2-12_8-52-24.png

    (Feb 11) วิกฤติเวเนซุเอลากับตลาดน้ำมันโลก : สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา Petróleos de Venezuela (PdVSA) เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2019 เพื่อตัดรายได้จากการขายน้ำมันไม่ให้เข้าคลังรัฐบาล และบีบคั้นให้ นาย นิโคลัส มาดูโร ลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยสนับสนุน นาย ฮวน ไกวโด ผู้นำฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา เป็นประธานาธิบดีชั่วคราว

    นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กังวลว่า ราคาน้ำมันดิบโลกอาจจะเพิ่มสูงขึ้นได้จากการที่อุปทานของเวเนซุเอลาหายไปจากตลาดโลก ในช่วงเดียวกับที่กลุ่มประเทศโอเปกกำลังปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ ถึงแม้ว่าไทยไม่ได้นำเข้าน้ำมันจากเวเนซุเอลา แต่อาจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีโอกาสสูงขึ้น และจากส่วนต่างราคาน้ำมันดิบชนิดเบาและชนิดหนัก (light-heavy crude spread) ที่ลดลง

    ทําไมสหรัฐฯ ประกาศควํ่าบาตรบริษัทนํ้ามันของเวเนซุเอลา?

    สหรัฐฯ มีมาตรการควํ่าบาตรต่อเวเนซุเอลาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2006 ด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น การไม่ให้ความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้าย การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะต่อผู้ที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล รวมไปถึงการคอรัปชันของผู้นําในรัฐบาล มาตรการควํ่าบาตรบริษัทนํ้ามันแห่งชาติของเวเนซุเอลา PdVSA ครั้งล่าสุดนี้ห้ามให้บริษัทและบุคคลสัญชาติอเมริกันทําธุรกรรมกับ PdVSA โดยหวังว่าการตัดรายได้จากการขายนํ้ามันนั้น จะสามารถล้มรัฐบาลของมาดูโรได้ นอกจากสหรัฐฯ แล้ว หลายประเทศทั่วโลก เช่น สหราชอาณาจักร สเปน เยอรมนี ฝรั่งเศส และ 12 ประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกา (Lima Group) ก็ไม่ยอมรับว่า มาดูโร เป็นประธานาธิบดีโดยชอบธรรม เพราะการเลือกตั้งเมื่อเดือน
    พฤษภาคม 2018 นั้นไม่ถูกกฎหมาย เนื่องจากกระบวนการเลือกตั้งไม่โปร่งใส และฝ่ายค้านไม่ได้เข้าร่วมในการเลือกตั้ง

    อย่างไรก็ตาม การควํ่าบาตรครั้งก่อนๆ นั้น เป็นการเจาะจงที่สมาชิกในรัฐบาลของมาดูโรหรือบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดหรือกลุ่มก่อการร้าย แต่การควํ่าบาตรครั้งนี้ถือเป็นการควํ่าบาตรที่รุนแรงที่สุด เนื่องจากอุตสาหกรรมนํ้ามันเป็นรายได้หลักของประเทศ และสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในคู่ค้านํ้ามันรายใหญ่ที่สุดของเวเนซุเอลาทั้งในด้านส่งออกนํ้ามันดิบชนิดหนักไปสหรัฐฯ และการนําเข้านํ้ามันดิบชนิดเบา และ naphtha จากสหรัฐฯ มาผสมกับนํ้ามันที่ผลิตได้ในประเทศเพื่อนําไปใช้ในโรงกลั่นและส่งออก

    อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศว่าบริษัทสัญชาติอเมริกันยังสามารถซื้อนํ้ามันจากเวเนซุเอลาได้จนถึงวันที่ 28 เมษายน 2019 หากบริษัทชําระเงินค่านํ้ามันดิบให้แก่บัญชีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้จัดตั้งไว้ เพื่อกันไม่ให้รายได้จากการค้านํ้ามันดิบเข้าคลังของรัฐบาลมาดูโร

    เวเนซุเอลาผลิตนํ้ามันได้มากเท่าไหร่

    จากข้อมูลของ International Energy Agency (IEA) ณ สิ้นปี 2018 เวเนซุเอลาผลิตนํ้ามันดิบได้ราว 1.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือราว 1% ของการผลิตทั่วโลก ลดลงกว่า 50% เทียบกับปริมาณการผลิตที่ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2013 สาเหตุของการผลิตที่ลดลงนั้น เกิดจากปจจัยทางการบริหารของรัฐบาลตั้งแต่อดีตประธานาธิบดี อูโก ชาเวซ ที่นํารายได้มาใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนนโยบายสังคมนิยม สร้างหนี้สาธารณะ ละเลยการลงทุนในอุตสาหกรรมนํ้ามัน รวมถึงไล่พนักงานของ PdVSA ที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลออก และจ้างทหารและบุคคลที่สนับสนุนรัฐบาลแต่ไม่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาบริหารบริษัท การจัดการที่ผิดพลาดมานานหลายปีทําให้อุตสาหกรรมนํ้ามันในประเทศถดถอยลงพร้อมๆ กับการผลิตที่อยู่ที่จุดตํ่าสุดในรอบ 50 ปี

    การควํ่าบาตรครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันโลกอย่างไรบ้าง?

    ในปี 2018 ปริมาณการผลิตนํ้ามันดิบของเวเนซุเอลาลดลงราว 3.6 แสนบาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเนื่องจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดและวิกฤติเศรษฐกิจ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า การผลิตในเวเนซุเอลาจะลดลงอีก จากการควํ่าบาตรและความไม่สงบในประเทศที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หากเทียบกับการควํ่าบาตรของสหรัฐฯ ต่ออิหร่านเมื่อครึ่งหลังของปี 2018 ที่ส่งผลให้การผลิตนํ้ามันของอิหร่านลดลงราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

    การควํ่าบาตรเวเนซุเอลาครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดนํ้ามันโลกมากนัก เนื่องจากปริมาณการผลิตของเวเนซุเอลาน้อยกว่าอิหร่านกว่าครึ่ง (การผลิตของอิหร่านอยู่ที่ 2.8 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเดือนธันวาคม 2018) และราคานํ้ามันโลกก็ไม่ได้ดีดตัวสูงขึ้นเหมือนช่วงหลังที่สหรัฐฯ ประกาศควํ่าบาตรอิหร่านถึงแม้ว่าอุปทานนํ้ามันดิบจากเวเนซุเอลาคิดเป็นส่วนน้อยของโลก ตลาดยังมีความกังวลว่าอุปทานนํ้ามันในตลาดจะมีภาวะตึงตัวมากขึ้น เนื่องจากกลุ่ม OPEC และพันธมิตรตกลงร่วมมือกันลดปริมาณการผลิตนํ้ามันราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะเดียวกัน ตลาดนํ้ามันดิบโลกยังมีความไม่แน่นอนอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบในประเทศลิเบียและไนจีเรียที่อาจส่งผลให้ปริมาณการผลิตลดลง

    นอกจากนี้ การยกเว้นให้ 8 ประเทศ สามารถนําเข้านํ้ามันจากอิหร่านได้ จะหมดอายุช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ หากสหรัฐฯ ไม่ต่ออายุ จะทําให้อุปทานหายไปจากตลาด 5 แสน ถึง 1 ล้าน บาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ตลาดนํ้ามันดิบโลกมีภาวะตึงตัวมากขึ้น ในส่วนของเวเนซุเอลาเอง หากมาดูโรยอมลงจากตําแหน่งอาจจะทําให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้เร็ว ในทางกลับกันหากความขัดแย้งใน
    เวเนซุเอลายืดเยื้อ สหรัฐฯ อาจเปลี่ยนแปลงมาตรการควํ่าบาตรให้เข้มขึ้นได้ เช่น การขยายการควํ่าบาตรให้ครอบคลุมผู้ที่ทําธุรกรรมกับ PdVSA ให้ไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินของสหรัฐฯ ได้อย่างในกรณีของอิหร่าน

    อีไอซีมองว่า ในระยะสั้นการลดปริมาณการผลิตนํ้ามันของผู้ผลิตในตะวันออกกลาง และการลดลงของอุปทานจากเวเนซุเอลาซึ่งเป็นนํ้ามันดิบประเภท heavy crude จะส่งผลให้ส่วนต่างราคานํ้ามันดิบชนิดเบาและชนิดหนัก (light-heavy crude spread) ลดลง โดยราคานํ้ามันดิบดูไบซึ่งเป็น benchmark ของนํ้ามันดิบชนิดหนักเพิ่มสูงขึ้น ราว 3.6% ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2019 ในขณะที่ราคานํ้ามันดิบ Brent ซึ่งเป็น benchmark ของนํ้ามันดิบเบา เพิ่มขึ้นราว 2.7% หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศควํ่าบาตรเวเนซุเอลา ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนของโรงกลั่นสูงขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นในไทยนําเข้านํ้ามันดิบจากประเทศแถบตะวันออกกลางกว่า 51% (ข้อมูลปี 2017) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนํ้ามันดิบชนิดหนัก ในส่วนของราคานํ้ามันสําเร็จรูป การกําหนดราคาขายนํ้ามันสําเร็จรูปในประเทศนั้น กําหนดจาก import parity ของราคาสิงคโปร์ที่ถูกอ้างอิงจากนํ้ามันดิบดูไบ ดังนั้นหากมองจากด้านอุปทานแล้ว การควํ่าบาตรของสหรัฐฯ ต่อเวเนซุเอลาก็อาจส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคานํ้ามันสําเร็จรูปในประเทศได้

    โดย พิมใจ ฮุนตระกูล

    https://www.scbeic.com/th/detail/fi...pDSGFjGUvEazFKGfZGlJmozFEXK1D5Cmer6wc0hcIn7UQ

    Source: Economic Intelligence Center (EIC)
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Feb 11) การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนในเอเชีย: สองอาทิตย์ก่อน ผมได้รับเชิญจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ให้เป็นวิทยากรพิเศษ พูดเรื่อง “ความท้าทายและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน

    ของภูมิภาคเอเชีย” ในงานประชุมธนาคารกลางภูมิภาค เรื่อง “การประเมินฐานะต่างประเทศ ความยั่งยืน และนโยบาย” ที่สำนักงานฝึกอบรมภูมิภาคเอเชียของไอเอ็มเอฟ ที่สิงคโปร์ วันนี้ก็เลยอยากจะแชร์ความเห็นผมที่ได้ให้ไปในเรื่องนี้ ให้แฟนคอลัมน์ “เศรษฐศาสตร์บัณฑิต” ทราบ

    การดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและนโยบายการเงินเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก ซึ่งสำหรับภูมิภาคเอเชีย เมื่อ 20 ปีก่อน หลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเอเชีย ปี 1997 ประเทศในเอเชียได้ปฏิรูปการดำเนินนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่ เพื่อให้การดำเนินนโยบายการเงินมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่จะดูแลความเสี่ยงที่อาจมีต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากความเป็นโลกาภิวัฒน์ของการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ หลายประเทศรวมถึงไทยได้ปฏิรูปการดำเนินนโยบายการเงินและระบบอัตราแลกเปลี่ยน โดยนำการกำหนดนโยบายการเงินที่มีอัตราเงินเฟ้อเป็นเป้าหมาย(inflation targeting)มาใช้ และเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนจากระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่เดิม มาเป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว(floating regime) ที่อัตราแลกเปลี่ยนจะเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้การดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนในเอเชียมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเป็นกลไกสำคัญที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของภูมิภาค ส่งเสริมให้เศรษฐกิจของเอเชียสามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ

    มองย้อนกลับไป ตอนนี้ก็มากกว่า 20 ปีแล้ว ที่เราได้เห็นประสบการณ์การบริหารนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนในเอเชียหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ปี 1997 ซึ่งการบริหารนโยบายทั้งสองได้ผ่านความท้าทายต่างๆ มามากมาย ที่ผมได้ให้ความเห็นไปก็คือ พูดถึงความท้าทายเหล่านี้ และสิ่งที่ผมคิดว่า จะเป็นประเด็นสำคัญหรือความท้าทายต่อการดำเนินนโยบายในปัจจุบัน ประสบการณ์ที่ว่านี้ แบ่งได้เป็นสามช่วง

    ช่วงแรก คือ ช่วงหลังวิกฤติ ปี 1997 ที่การดำเนินนโยบายการเงินแบบมีอัตราเงินเฟ้อเป็นเป้าหมาย และระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวได้ถูกนำมาใช้ ความท้าทายในช่วงนั้นคือ การทำให้ระบบใหม่ทั้งสองระบบ สามารถทำงานได้จริงจังและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับการดำเนินนโนบายการเงินและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศ ซึ่งงานหลักคือการรักษาวินัยของการดำเนินนโยบายการเงินภายใต้ระบบใหม่ การสร้างความเข้าใจกับสาธารณะชนเกี่ยวกับรูปแบบใหม่ของนโยบายการเงิน และดูแลให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวตามภาวะตลาด ในระดับของความผันผวนที่จะไม่เป็นอุปสรรคหรือสร้างข้อจำกัดให้กับเศรษฐกิจ เพื่อให้ระบบใหม่เป็นที่ยอมรับและมีความน่าเชื่อถือ

    ในระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ความผันผวนเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อเศรษฐกิจ ทั้งในแง่ผลต่ออัตราเงินเฟ้อในประเทศ ผลต่อฐานะของดุลบัญขีเดินสะพัด ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ทำให้การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ต้องบริหารจัดการ ที่ต้องพยายามดูแลความผันผวนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่เป็นภาระจนเกินไปต่อภาคธุรกิจ ทำให้บางครั้งต้องมีการแทรกแซง เพื่อให้การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจ นี่เป็นความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะในประเทศที่ภาคเอกชนเคยชินกับอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่เป็นเวลานาน เช่น กรณีของประเทศไทย

    ช่วงที่สอง คือ ช่วงหลังเกิดวิกติเศรษฐกิจการเงินโลกครั้งใหญ่ ปี 2008 ที่นำไปสู่การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากของประเทศอุตสาหกรรม ทั้งสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ที่การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเหล่านี้ได้ออกนอกรูปแบบปรกติ (unconventional) เช่น การอัดฉีดสภาพคล่องผ่านมาตรการคิวอี และนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ สิ่งเหล่านี้สร้างผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนในเอเชียอย่างไม่เคยมีมาก่อน อย่างน้อยในสองด้าน หนึ่งความผันผวนในตลาดการเงินโลกเพิ่มสูงขึ้นมาก ทั้งในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดเงิน และตลาดหุ้น สอง เกิดการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่องและในปริมาณที่มากสู่ประเทศในเอเชียเพื่อหากำไร สร้างความท้าทายต่อการดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศในเอเชียเพื่อรักษาการเติบโตและเสถียรภาพของเศรษฐกิจ

    ความผันผวนในตลาดการเงินโลกที่มากขึ้น และเงินทุนไหลเข้าในปริมาณที่มาก เป็นความท้าทายที่ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนในเกือบทุกประเทศในเอเชียต้องปรับตัว เพราะความเสี่ยงที่มากับเงินทุนไหลเข้าที่มีต่อการขยายตัวและต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การดำเนินนโยบายการเงินและการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศในภูมิภาคเอเชียเข้มข้นกว่าเดิมมาก(active) มีการใช้มาตราการแทรกแซงตลาดเงินตราต่างประเทศ ใช้มาตราการควบคุมการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างประเทศ และใช้มาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ (Macro - prudential) ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายการเงินและการบริหารอัตราแลกเปลี่ยน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแพร่หลายในภูมิภาค เกิดขึ้นในหลายประเทศช่วงสิบปีหลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก ปี 2008 จนทำให้การใช้มาตรการพิเศษเหล่านี้ ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน กลายเป็นเรื่องปรกติ มีให้เห็นได้ทั่วไปในหลายประเทศ

    ในเรื่องนี้ ผมได้ให้ความเห็นต่อที่ประชุมว่า การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมแบบออกนอกกรอบปรกติ(unconventional) ได้ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียออกนอกกรอบปรกติตามไปด้วย คือเป็นการทำนโยบายแบบผสมผสาน คือ ผสมนโยบายการเงินแบบมีอัตราเงินเฟ้อเป็นเป้าหมาย และระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ผสมกับการแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนและการใช้มาตรการควบคุมการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างประเทศและการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ เกิดขึ้นตามความจำเป็นที่ต้องดูแลความเสี่ยงที่อาจมีต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจจากผลกระทบที่มาจากภายนอก

    ช่วงที่สาม คือ สถานการณ์ปัจจุบันที่การดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ภายใต้ภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูงมาก โดยเฉพาะความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่มาจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ จากปัญหาความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์การเมืองในหลายพื้นที่ เช่น กรณีBrexit ของอังกฤษ ปัญหาการเมืองในยุโรป ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังอ่อนตัวเป็นขาลงโดยเฉพาะในประเทศใหญ่ เช่น จีนและสหรัฐ และภายใต้ภาวะแวดล้อมของนโยบายการเงินสหรัฐที่ต้องการลดการผ่อนคลายของนโยบายการเงินแม้เศรษฐกิจโลกจะเริ่มชะลอ

    สิ่งเหล่านี้ คือ ความขัดแย้ง และความไม่แน่นอนที่สร้างความเสี่ยงต่อการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศจากภูมิภาคเอเชีย ทำให้สภาพคล่องทางการเงินในภูมิภาคเอเชียอาจเป็นปัญหา อัตราแลกเปลี่ยนจะผันผวนมากขึ้นและความเสี่ยงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจจะสูงขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบที่จะมีต่อความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทเอกชน ทำให้ธนาคารกลางในภูมิภาคจะต้องพยายายามรักษาความสมดุลย์ระหว่างการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ ภายใต้เป้าหมายเงินเฟ้อ และการลดความเสี่ยงที่อาจมีต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ

    ความท้าทายนี้ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียอาจจำเป็นต้องพึ่งการดำเนินนโยบายแบบออกนอกกรอบปรกติต่อไป คือผสมผสานนโยบายการเงินและการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนกับการใช้มาตรการควบคุมต่างๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ที่จะสร้างความไม่แน่นอนมากขึ้นให้กับภาคธุรกิจและนักลงทุน นี่คือความท้าทายของการดำเนินนโยบายการเงินในภาวะปัจจุบัน

    โดย ดร.บัณฑิต นิจถาวร
    คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ "เศรษฐศาสตร์บัณฑิต"

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646551
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    esources%2Fimg%2Feditorial%2F2019%2F02%2F11%2F105730889-1549876797131paulkrugmanathens.1910x1000.jpg
    (Feb 11) “พอล ครุกแมน”คาดปีนี้โลกเผชิญเศรษฐกิจถดถอย : ระบุอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกขณะนี้เริ่มแผ่วลงแต่บรรดาผู้กำหนดนโยบายในประเทศต่างๆยังหวังว่าเศรษฐกิจจะไม่ถดถอยอย่างรุนแรง

    พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล คาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในช่วงปลายปีนี้ หรือปีหน้า พร้อมทั้งเตือนว่าไม่มีรัฐบาลใดที่มีมาตรการตั้งรับการถดถอยของเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

    พอล ครุกแมน กล่าวว่า เขามีเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอที่คาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในปีนี้ เมื่อดูจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของหลายภูมิภาคที่ปรับตัวลง พร้อมทั้งอ้างถึงช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ที่คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรโซนในปี 2562 และ 2563 พร้อมทั้งปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของยูโรโซนเป็นเติบโต 1.3%ในปีนี้ จาก 1.9% ในปี 2561 และคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับมาขยายตัว 1.6% ในปี 2563

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    - Krugman expects to see a global recession this year, warns 'we don't have an effective response'
    https://www.cnbc.com/2019/02/11/pau...vtteovCOuSOXijHY8pjyak9PkyIJBschvNjawzbSXTsOM
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    hp?d=AQB0vC11t676nkNu&w=540&h=282&url=http%3A%2F%2Fmedia.thansettakij.com%2F2019%2F02%2Fba001144.jpg
    (Feb 11) "หมอเสริฐ"ยอมจำนน กัดลิ้นจ่ายค่าปรับ ปั่นหุ้นBA 500 ล้าน : “หมอเสริฐ” พร้อมพรรคพวก ยอมจ่ายเงินค่าปรับทางแพ่ง 499.45 ล้านบาท พร้อมสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารบจ. 2 ปี หลังปั่นหุ้น BA

    รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ อดีตผู้บริหาร บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BA) ตกลงยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งตามที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) โดยชำระค่าปรับทางแพ่งจำนวน 257,284,350.00 บาท และมีคำสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564

    ด้านนางสาวปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ชำระค่าปรับทางแพ่ง 235,036,775.00 บาท รวมถึงมีคำสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 และนางนฤมล ใจหนักแน่น ชำระค่าปรับทางแพ่ง 7,126,800.00 บาท ห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564

    ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในช่วงระหว่างวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ถึงวันที่ 12 มกราคม 2559 นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ นางสาวปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ และนางนฤมล ใจหนักแน่น ร่วมกันซื้อขายหลักทรัพย์ BA อย่างต่อเนื่องและจับคู่ซื้อขายหลักทรัพย์ BA ระหว่างกันเองในลักษณะอำพรางการซื้อขาย ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ และส่งผลให้ราคาและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ BA ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด

    สำหรับก่อนหน้านี้ นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. ระบุว่า ก.ล.ต. ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยัง นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ, แพทย์หญิงปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ และนางนฤมล ใจหนักแน่น หลังจากพบว่า มีการสร้างราคาหลักทรัพย์ BAโดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 499.45 ล้านบาท ในขั้นตอนต่อไปทั้ง 3 ราย จะต้องมาชำระค่าปรับในจำนวนเงินดังกล่าวกับ ก.ล.ต. ภายใน 14 วัน นับตั้งแต่ที่ ก.ล.ต. ส่งหนังสือแจ้งไป ทั้งนี้ หากทั้ง 3 ราย ไม่ยินยอมเปรียบเทียบปรับจากคณะกรรมการพิจารณามาตราการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ทาง ก.ล.ต. จะส่งเรื่องให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อไป

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
    http://www.thansettakij.com/content/387492
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    c.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2015%2F08%2F20%2F102936728-GettyImages-509631795.1910x1000.jpg
    (Feb 11) ไทยครองแชมป์อันดับ 1 นักลงทุนจีนให้ความสนใจภาคอสังหาริมทรัพย์ : นักลงทุนจีนยังคงให้ความสนใจต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย แม้มีการก่อรัฐประหารในปี 2557 และไทยกำลังเผชิญความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

    ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ Juwai.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีน พบว่า ไทยเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ในปีที่แล้ว ในแง่ของการสอบถามข้อมูลจากผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยพุ่งขึ้นจากอันดับ 6 ในปี 2560

    Juwai.com ยังเปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมอันดับ 4 ในปีที่แล้ว ในแง่ของการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของนักลงทุนจีน โดยมีมูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐติดอันดับ 1 (3 หมื่นล้านดอลลาร์) ตามมาด้วยฮ่องกง (1.6 หมื่นล้านดอลลาร์) และออสเตรเลีย (1.4 หมื่นล้านดอลลาร์)

    นางแครี่ ลอว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Juwai.com กล่าวว่า ปัจจัยการเลือกตั้งของไทยไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของนักลงทุนจีน โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่ต่างก็ไม่มีความกังวลต่อผลการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    https://www.cnbc.com/2019/02/11/tha...2zojmTXpzzHcNmk2jvCYqcV6seia859PHUjYFG6OVcxN4
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    safe_image.php?d=AQBAckd1P22gt_YO&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fs2.reutersmedia.jpg
    (Feb 11) ดาวโจนส์เปิดแดนบวก รับคาดการณ์สหรัฐ-จีนบรรลุข้อตกลงการค้า: ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ จากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า

    ณ เวลา 22.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,114.12 จุด บวก 7.79 จุด หรือ 0.03%
    เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งกล่าวว่า อาจมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค.

    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะจัดการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงพาณิชย์จีนยืนยันว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะจัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ โดยการประชุมจะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ในวันที่ 14-15 ก.พ.นี้

    ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

    นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาไม่มีแผนที่จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก่อนวันที่ 1 มี.ค.
    อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่า ถึงแม้ปธน.ทรัมป์ไม่มีแผนที่จะพบกับปธน.สี จิ้นผิงก่อนวันที่ 1 มี.ค. แต่ผู้นำทั้งสองก็อาจสนทนาทางโทรศัพท์ในช่วงก่อนที่จะมีการพบปะกัน และถ้าหากการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีความคืบหน้าอย่างมากในสัปดาห์นี้ ก็อาจจะมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าจากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค.

    ขณะเดียวกัน สื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเลือกรีสอร์ท Mar-a-Lago ของปธน.ทรัมป์
    เป็นสถานที่จัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้าระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิงในกลางเดือนมี.ค.

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาระหว่างสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในสภาคองเกรสกรณีการจัดสรรงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนเม็กซิโก ก่อนที่จะถึงวันที่ 15 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่งบประมาณชั่วคราวสำหรับหน่วยงานรัฐบาลจะหมดลง

    หากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 15 ก.พ. ปธน.ทรัมป์ก็อาจจะปล่อยให้เกิดภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) อีกครั้งหนึ่ง หรือเขาอาจยอมลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณ พร้อมกับใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ และออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    -
    https://www.reuters.com/article/us-...NAjCFmLmjj7_RuL-tkCPLBglEQNmdWslOSQMZOUxPaVFw
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    om%2F__origami%2Fservice%2Fimage%2Fv2%2Fimages%2Fraw%2Fhttp%253A%252F%252Fprod-upp-image-read.ft.jpg

    (Feb 12) รองนายกฯอิตาลีหนุนขายทองคำสำรองหวังชดเชยขาดดุลงบประมาณ: นายมัตเตโอ ซัลวินี รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี และหัวหน้าพรรค League กล่าวว่า การขายทองคำสำรองของธนาคารกลางอิตาลีเพื่อนำเงินไปชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ถือเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ

    ก่อนหน้านี้ สื่อรายงานว่า รัฐบาลอิตาลีกำลังพิจารณาแนวคิดดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณในปีนี้ และหลีกเลี่ยงการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในปี 2563

    อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป (EU) ได้เคยคัดค้านรัฐบาลชุดก่อนของอิตาลีที่มีความคิดในการขายทองคำสำรอง เนื่องจากจะเป็นการบั่นทอนอิสรภาพของธนาคารกลางอิตาลี และละเมิดกฎการบริหารสถานะทางการคลัง

    ข่าวการขายทองคำสำรองของธนาคารกลางได้แพร่สะพัดออกไป หลังจากที่ผู้นำพรรครัฐบาลได้เห็นพ้องกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวผู้บริหารธนาคารกลางอิตาลี เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในการป้องกันการล้มละลายของภาคธนาคาร

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    - Matteo Salvini talks up seizing control of Italy’s gold reserves:
    https://www.ft.com/content/f16d0aec...GkZE85BBD9GNDUoBi0G0VEWOKG1Brfi9DCfSkQhDNiveE
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    om%2F__origami%2Fservice%2Fimage%2Fv2%2Fimages%2Fraw%2Fhttp%253A%252F%252Fprod-upp-image-read.ft.jpg
    (Feb 12) สหราชอาณาจักรลงนามในข้อตกลงทางด้านการค้ากับสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นข้อตกลงทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2016: นาย Liam Fox – Trade Secretary ของสหราชอาณาจักร ได้ลงนามในข้อตกลง “trade continuity agreement” กับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อความต่อเนื่องทางการค้าและป้องกันไม่ให้เกิดกำแพงภาษีขึ้นภายหลัง Brexit โดยข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่ภายหลังการลงประชามติ Brexit เมื่อปี 2016 โดยมูลค่าทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศอยู่ที่ประมาณ 32 พันล้านปอนด์ ในปี 2017

    สหราชอาณาจักรมีข้อตกลงทางการค้าจำนวน 40 ฉบับ กับ 71 ประเทศในนามของสหภาพยุโรปซึ่งจำเป็นต้องมีการเจรจาตกลงกันใหม่ภายหลัง Brexit แต่จนถึงปัจจุบันนอกจากสวิตเซอร์แลนด์แล้ว สหราชอาณาจักรสามารถบรรลุข้อตกลงทางด้านการค้าร่วมกับประเทศอื่นๆ ได้เพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้น อาทิ ชิลี หมู่เกาะฟาโร อิสราเอล และ กลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันออกและใต้ (Eastern and Southern Africa, ESA) รวมถึงมีข้อตกลงทางการค้าที่อยู่ในขั้นตอน consultations กับ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และ สหรัฐฯ อีกทั้งข้อตกลงทางการค้า Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership ซึ่ง นาย Fox ระบุว่า เหตุผลที่การเจรจามีความล่าช้าว่าเกิดจากบางประเทศไม่มีความต้องการที่จะเตรียมการรองรับสำหรับกรณี no-deal Brexit

    Source: BOTSS

    -
    https://www.ft.com/content/2341f6e8...JHnpcdj5qlZZ6ThBdKBr0rnINx4qYf-heX3Npy5rqtFk8
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    efault%2Ffiles%2Fstyles%2Fx_large%2Fpublic%2Farticles%2F2019%2F02%2F12%2Ffile73zn9narig5u6t7dgy9.jpg
    (Feb 12) สหรัฐเตือนประเทศพันธมิตรให้ระมัดระวังการใช้อุปกรณ์หัวเว่ย: สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า นาย Michael Pompeo, U.S. Secretary of State ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนกลุ่มประเทศในยุโรปกลาง ให้สัมภาษณ์ระบุถึงประเทศที่ซื้ออุปกรณ์จากบริษัท Huawei Technology Co. ว่าอาจจะเผชิญกับอุปสรรคในการเชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ที่สำคัญของสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ ยังได้กล่าวเตือนว่าการใช้อุปกรณ์ที่ผลิตโดยบริษัท Huawei จะก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความมั่นคงบนระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์ค

    ทั้งนี้ นาย Pompeo ได้เรียกร้องให้ provider ของอุปกรณ์มือถือในยุโรป เชื่อมั่นในอุปกรณ์ที่ผลิตโดยบริษัทของสหรัฐฯ เช่น Cisco Systems Inc.

    ขณะเดียวกัน ทางด้านนาย Peter Szijjarto, รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของฮังการี กล่าวว่า การค้าของประเทศฮังการีกับจีนคิดเป็นร้อยละ 1.2 ของการค้าทั้งหมดระหว่างสหภาพยุโรปกับจีน ซึ่งไม่ควรที่จะกระทบต่อความเป็น partnership กับสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี นาย Szijjarto ระบุว่า หากพิจารณาบริษัทโทรคมนาคมของจีนในปัจจุบันจะพบว่าคู่สัญญาที่สำคัญจะเป็นบริษัทของเยอรมันและอังกฤษ ซึ่งเมื่อพูดถึงประเทศจีน ตนคิดว่า “hypocrisy should finally be left behind.”

    Source: BOTSS

    - Pompeo warns allies Huawei presence complicates partnership with US: https://www.straitstimes.com/world/...NalA7SE4bBCRX4RLADDW24VNLcGRMg7TenQ3BovycQleA
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Feb 12) เงินดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินที่มีความสำคัญอันดับหนึ่งของโลก: Federal Reserve Bank of New York* เผยแพร่บทความเกี่ยวกับสถานะของสกุลเงินดอลลาร์ สรอ. ณ ปัจจุบัน ว่ายังคงเป็นสกุลเงินที่มีความสำคัญอันดับหนึ่งของโลก โดยหากพิจารณาฐานะเงินทุนสำรองของธนาคารกลางต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 11 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. พบว่าร้อยละ 63 อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์ สรอ. และกว่าร้อยละ 65 ของประเทศที่มีนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ และแบบลอยตัวแบบมีการจัดการ ล้วนใช้สกุลเงินดอลลาร์ สรอ. เป็น anchor currency โดยกลุ่มประเทศเหล่านี้มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 75 ของผลผลิตมวลรวมโลก

    นอกจากนี้ ร้อยละ 88 ของธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และอย่างน้อยร้อยละ 40 ของการค้าระหว่างประเทศล้วนมี settlement currency และ invoice currency เป็นสกุลเงินดอลลาร์ สรอ.

    อย่างไรก็ดี หากพิจารณาเทียบกับปี 1999 สัดส่วนของสกุลเงินดอลลาร์ สรอ. ในฐานะเงินทุนสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกปรับลดลงจากร้อยละ 70 สู่ร้อยละ 63 ในปี 2017 เนื่องจากถูกแทนที่ด้วยสกุลเงินยูโร และเงินหยวน (RMB) โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจากที่สกุลเงินหยวนผ่านการพิจารณาเป็นหนึ่งใน International Monetary Fund’s special drawing rights (SDRs)
    4 - Copy.JPG 4.JPG 5.JPG 6.JPG
    Source: BOTSS

    - The U.S. Dollar’s Global Roles: Where Do Things Stand?
    https://libertystreeteconomics.newy...u65KNdNpuGnquQ_x5wMMMYx1-bgNiHzkDCjjaHP0uQXOs
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ึฉวยโอกาส การกระทำแบบนี้จะนำพาบาปมหาศาลมาสู่ผู้กระทำ

    MOREMOVE
    8PFdcS9pwozRn9gudKkRsPPApOSSU-BtiWvGaau3tebDzdkU04_gzNJ_rNJjEY35PNuv8dMQ&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    #มอร์มูฟเป็นข่าว เริ่มปฏิบัติตามแผน!! แนวทางและมาตรการที่รัฐวางเอาไว้เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก #ฝุ่นPM25 ในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่างๆ โดยล่าสุด เตรียมพิจารณา #เพิ่มภาษีรถยนต์เก่า แล้ว #ลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า แทน

    จำนวนรถยนต์ที่เข้าข่ายรถยนต์เก่าในประเทศไทยมีประมาณ 5 ล้านคัน และคาดว่าในระยะ 20 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 16 ล้านคัน ขณะที่จำนวนรถยนต์ทั่วประเทศที่จดทะเบียนทั่วประเทศ ปี 2559 มีจำนวน 35,724,757 คัน เป็นรถยนต์ในกรุงเทพฯ 8,918,224 คัน

    Source : PPTV36 - https://bit.ly/2RWfwfj

    ทั้งนี้ จากข้อมูลโดยกลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก ระบุว่า สาเหตุหลักและดูเหมือนจะเป็นอันดับ 1 (60%) ที่ทำให้เกิดปัญหาค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) สูงเกินค่ามาตรฐานคือ #ปริมาณรถยนต์ที่มีจำนวนมากขึ้น ทำให้ปล่อยมลพิษจากควันไอเสียมากขึ้นด้วยทั้งดีเซลและแก๊สโซฮอล์ โดยสถิติจำนวนรถยนต์ที่ทำการจดทะเบียนไว้กับกรมขนส่งทางบกตั้งแต่ปี 2542-2561 พบว่า เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2-4 ล้านคัน จึงนำมาซึ่งการเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาปรับวิธีการและปรับลดอายุรถที่เข้ารับการตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี พิจารณาการเพิ่มภาษีรถยนต์เก่า การลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า และห้ามนำเข้าเครื่องยนต์เก่าจากต่างประเทศ รวมถึงการซื้อ-ทดแทนรถราชการด้วยรถยนต์ไฟฟ้าและการจัดโซนนิ่งจำกัดจำนวนรถเข้าเมือง.

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯส่งสัญญาณยื่นคำขาดหลายประเทศหยุดใช้หัวเว่ย
    โดย PPTV Onlineเผยแพร่ 12 ก.พ. 2562,07:42น.ปรับปรุงล่าสุด 12 ก.พ. 2562,07:46น.

    ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณยื่นคำขาดให้ชาติพันธมิตรหยุดใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย โดยให้เหตุผลว่าอาจกระทบกับความร่วมมือระหว่างกัน

    Y29udGVudHMlMkZmaWxlcyUyRkJlYXUlMkZCZWF1MiUyRkJlYVUwMTAxNjIlMkY1YzYyMTcyMGI0MjkyLnBuZw==.png

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงบูดาเปสต์เมืองหลวงของ ฮังการี นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวว่าประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ควรได้รับทราบถึงโอกาสและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการใช้อุปกรณ์ของ บริษัท หัวเว่ย ผู้ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยีโทรคมนาคม
    b4a58cdcf36e.png
    ปอมเปโอ เตือนว่าการติดตั้งอุปกรณ์หรือเครื่องมือของหัวเว่ยในจุดเดียวกับที่มีระบบการทำงานสำคัญๆของสหรัฐฯติดตั้งอยู่อาจส่งผลกระทบให้ความร่วมมือกับประเทศเหล่านี้มีความยากลำบากมากขึ้น
    b94fe6b855c1.png
    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังมีความวิตกเกี่ยวกับการขยายบทบาทของจีน ในฮังการีและโปแลนด์ โดยเฉพาะการเติบโตของหัวเว่ย โดยชาติพันธมิตรตะวันตกเชื่อว่าอุปกรณ์ของหัวเว่ยถูกรัฐบาลจีนใช้ในการจารกรรมข้อมูล และการขยายธุรกิจของบริษัทดังกล่าวเข้าสู่ยุโรปตอนกลางก็เป็นหนทางในการสร้างตลาดของตัวเองในสหภาพยุโรป

    ขณะที่ หัวเว่ย ยืนยันว่าบริษัทไม่มีส่วนในการทำงานด้านข่าวกรองให้กับรัฐบาลของประเทศใดๆ ส่วนเทคโนโลยีที่บริษัทผลิตออกมาก็เป็นประโยชน์กับชาวฮังการีส่วนใหญ่

    นอกจากนี้ หัวเว่ย ยังทำงานร่วมกับ ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมของฮังการีเป็นจำนวนมาก รวมถึงกิจการของรัฐบาลฮังการีด้วย


    https://www.pptvhd36.com/news/ประเด...NcRcdtiF-qYPRnJ1kKRF8sdbpKDGKHfRlHlhn-TAutKFs
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    G0DL5oPyrtt5HBAi4UmnXNe81ShaVo0PFQ0euprVoEnSLTJc3Y9PMW.png

    ไมโครซอฟต์ ออกโรงเตือนให้องค์กรธุรกิจเลิกใช้ INTERNET EXPLORER ได้แล้ว
    Internet Explorer ไม่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมใดๆ มาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ควรที่จะถูกนำไปใช้ในองค์กรธุรกิจอีกต่อไป เพราะทำให้ธุรกิจมีความเสี่ยงสูงมากกับการเลือกใช้บราวเซอร์ที่ล้าสมัย ทำธุรกรรมต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต

    คริส แจ็คสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จากบริษัทไมโครซอฟต์ เตือนให้องค์กรต่างๆ หลีกเลี่ยงการใช้ Internet Explorer เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เนื่องจากบริษัทได้ยุติการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2558
    ในบทความหัวข้อ "The perils of using Internet Explorer as your default browser" ซึ่งถูกเผยแพร่อยู่บนบล็อกในเว็บไซต์ของไมโครซอฟต์ว่า มักจะมีคนเข้ามาถามเขาเกี่ยวกับการใช้งาน Internet Explorer กับองค์กรธุรกิจ ซึ่งเขาได้อธิบายไปว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ในตอนนี้ได้หันไปใช้งาน Google Chrome, Firefox หรือ Microsoft Edge ขณะที่บริษัทบางแห่งยังคงเลือกใช้เว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานบน Internet Explorer แทนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีให้ทำงานได้บนเบราว์เซอร์ใหม่ๆ เหล่านั้น

    แจ็คสันเสริมว่า Internet Explorer ไม่ควรถูกเรียกว่าเป็นเว็บเบราว์เซอร์อีกต่อไป เพราะแม้ตอนนี้จะยังทำงานได้กับเว็บไซต์ต่างๆ แต่นักพัฒนาไม่ได้ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมานานแล้ว

    สำหรับใครที่ใช้ระบบปฎิบัตการวินโดวส์ 10 บราวเซอร์ที่มาพร้อมกับระบบจะถูกเปลี่ยนเป็น Microsoft Edge แล้ว SME ของไทยก็ไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้ ลองสังเกตดูกันให้ดีว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณยังใช้งาน Internet Explorer อยู่หรือไม่ ถ้าใช่ก็ควรจะต้องทำการเปลี่ยนแปลงกันแล้ว


    อ้างอิง:

    https://www.smartsme.co.th/content/...bs07ItnQqyhuuLq3czqoHvMnXMZFQSbE4ztbzUSWUKU1Q
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พบปลาพญานาคโผล่น่านน้ำบ่อยครั้ง ชาวญี่ปุ่นผวาเป็นลางบอกเหตุเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เผยแพร่: 12 ก.พ. 2562 02:29 ปรับปรุง: 12 ก.พ. 2562 05:46 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001534501.jpg

    เดอะซัน - ชาวบ้านพบเห็นปลาพญานาคขนาดใหญ่หลายสิบครั้งในน่านน้ำรอบๆญี่ปุ่นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ที่กระพือความหวาดผวาในหมู่ชาวบ้านว่าประเทศแห่งนี้อาจต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวใหญ่เร็วๆนี้

    พวกชาวบ้านต่างพากันวิตกกังวลหลังมีรายงานการพบเห็นปลาพญานาคหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และในนั้นรวมถึงกรณีชาวประมงจับปลาพญานาคได้ตัวหนึ่่ง ซึ่งวัดความยาวได้ 5.5 เมตร

    ตามความเชื่อเก่าแก่ พวกชาวบ้านเชื่อว่าการพบเห็นปลาพญานาค ซึ่งเป็นสายพันธุ์อาศัยอยู่ในท้องทะเลลึก คือสัญญาณว่าแผ่นดินไหวใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

    พวกนักวิจัยบางส่วนเคยคาดเดาว่าปลาพญานาคเคลื่อนย้ายขึ้นมาอยู่ในแถบน้ำตื้น อาจสืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางแม่เหล็กไฟฟฟ้า ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก

    อย่างไรก็ตามพวกผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องประชาชนอยู่ในความสงบ และรับประกันกับชาวบ้านว่าไม่มีความสัมพันธ์กันใดๆระหว่างปลาพญานาคกับแผ่นดินไหว

    ปลาพญานาคมีลำตัวยาวสีเงิน และเชื่อว่าใช้ชวิตอยู่ลึกลงไปใต้พื้นผิวทางเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ราวๆ 200 เมตร ขณะที่หนังสือพิมพ์เจแปน ไทม์ส ระบุว่าพวกมันอพยพมายังทะเลญี่ปุ่นบริเวณน่านน้ำของเกาะสึชิมะ

    ตามตำนวนเล่าขานญี่ปุ่น ปลาพญานาคหรือปลาออร์ฟิชมีชื่อดั้งเดิมว่า "เรียวกุ โนะ สึไค" (ผู้ส่งสารจากวังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล) ดังนั้นหากพบปลาชนิดนี้โผล่ขึ้นมาผิวน้ำหรือเกยหาดตายตามชายฝั่ง เชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แม้นักวิทยาศาสตร์ไม่เชื่อเช่นนั้น
    562000001534502.jpg

    ที่ผ่านมา ปลาพญานาคแทบไม่เคยติดอวนของชาวประมงเลย แต่เมื่อเร็วๆนี้กลับมีปลาพญานาคถึง 6 ตัวที่ถูกจับหรือถูกพบบนชายหาดในอ่าวโทยามะ ชายฝั่งทางตะวันตกแถบตอนกลางญี่ปุ่น นอกจากนี้แล้วยังพบปลาพญานาคอีก 2 ตัวที่ติดตาข่ายของชาวประมง นอกชายฝั่งหมู่บ้านโยมิตัน ในจังหวัดโอกินาวา ทางภาคใต้และอีก 3 ตัวอยู่จับตามจุดอื่นๆทั่วประเทศ

    สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานด้วยว่าเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พวกชาวบ้านก็พบปลาพญานาคอีก 2 ตวนอกชายฝั่งเกาะซาโดะและเมืองโจเอะสึ นอกจากนี้ยังพบปลาสายพันธุ์เดียวกันนี้บริเวณน่านน้ำนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาหลีใต้เช่นกัน

    การพบเห็นบ่อยครั้งข้างต้นกระพือการถกเถียงของพวกชาวบ้านบนสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ โดยหนึ่งในนั้นบอกว่า "ปลาพญานาคตัวหนึ่้งก็เคยถูกพบเห็นก่อนแผ่นดินไหวครั้งเลวร้ายเดือนมีนาคม 2011" อ้างถึงเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 9.1 ซึ่งกระพือคลื่นยักษ์สึนามิสูง 30 ฟุตข้าถล่มชายฝั่ง

    อย่างไรก็ตาม โยชิอากิ โอริฮารา ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยโตคาอิ ซึ่งศึกษาวิจัยความเป็นไปได้ที่อาจมีความเชื่อมโยงกันระหว่างการพบเห็นปลาพญานาคกับแผ่นดินไหว โดย โยชิอากิ ระบุว่าผลการศึกษาของเขาไม่พบความเกี่ยวข้องใดๆ

    "ปลาพญานาคมากมายถูกพบในทะเลญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาวปี 2009 แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ก็เช่นกัน ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล" เขากล่าว

    เจ้าหน้าที่รายหนึ่งจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอูโอซุ ให้ความเห็นว่า "การเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศและอุณหภูมิในทะเลญี่ปุ่น อาจอยู่เบื้องหลังการพบเห็นปลาพญานาคบ่อยครั้งเมื่อเร็วๆนี้ สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกับ 10 ปีก่อน แต่เหตุผลที่แท้จริงคงไม่สามารถรู้ได้จนกว่าจะมีการตรวจสอบปลาที่จับได้แต่ละตัวก่อน"

    https://mgronline.com/around/detail/9620000014833
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝูงหมีขั้วโลกบุก หมู่เกาะรัสเซียต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน! (ชมคลิป)
    เผยแพร่: 12 ก.พ. 2562 04:01 ปรับปรุง: 12 ก.พ. 2562 14:09 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


    การ์เดียน - หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมรัสเซี่ยต้องส่งทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ห่างไกลหนึ่งในแถบอาร์กติก เพื่อสยบหมีขั่วโลกผู้หิวโหยหลายสิบตัวและเคลื่อนย้ายพวกมันออกมา หลังฝูงหมีขั้วโลกบุกปิดล้อมประชาชนที่พักอาศัยอยู่แถวนั้น


    ปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากพวกเจ้าหน้าที่บนเกาะโนวายา เซมเลีย ซึ่งประชากรราว 3,000 คน ได้ร้องขอความช่วยเหลือ “เราไม่เคยเจอการบุกรุกครั้งใหญ่ของหมีขั่วโลกเช่นนี้มาก่อน” ซิกันชา มูซิน หัวหน้าองค์การบริหารท้องถิ่นกล่าว และว่า “พวกมันไล่กวดมนุษย์”

    รายงานข่าวระบุว่า ประชาชนในเมืองต่างหวาดกลัวจนไม่กล้าออกนอกบ้าน พ่อแม่หลายคนก็ไม่กล้าให้ลูกไปโรงเรียน เพราะกลัวจะได้รับอันตราย หลังจากหมีขั้วโลกหลายสิบตัวบุกเข้ามาเพ่นพ่านในเมือง เข้าไปในอาคาร บ้านประชาชน และสถานที่สาธารณะ เพื่อหาอาหาร สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน จนทางการต้องออกเตือนประชาชนให้ระวังตัว พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน

    อเล็กซานเดอร์ มินาเยฟ รองหัวหน้าองค์การบริหารท้องถิ่น กล่าวว่า “ผู้คนต่างหวาดผวา กลัวไม่กล้าออกจากบ้าน ผู้ปกครองไม่อยากให้ลูกไปโรงเรียนหรือสถานเลี้ยงเด็ก”

    562000001534901.jpg


    ภาพจากกล้องวงจรปิดพบเห็นหมีขาวตัวใหญ่เดินเข้ามาในบ้านหลังหนึ่งในเมืองโนวายา เซมเลีย ชุมชนห่างไกลของประเทศรัสเซีย เมื่อเดินสำรวจแล้วไม่เจออาหารมันก็ค่อยๆ เดินออกไป ส่วนอีกภาพเป็นฝูงหมีกำลังคุ้ยเขี่ยขยะตามถังขยะ ขณะที่ชาวบ้านพยายามบีบแตรรถขับไล่ รวมถึงใช้สุนัข แต่ก็ไม่เป็นผล

    ทางการรัสเซียประกาศห้ามล่าหมีขาวซึ่งเป็นสัตว์สงวนในพื้นที่ พร้อมระบุว่า ภาวะโลกร้อนทำให้แหล่งอาหารและถิ่นที่อยู่ของหมีขาวได้รับผลกระทบ จนพวกมันต้องอพยพย้ายถิ่นเข้ามาหากินเข้ามาในเขตชุมชนดังกล่าว

    อย่างไรก็ตาม พวกเขาบอกว่าการกำจัดพวกมันอาจเป็นจำเป็นเพื่อรับประกันความปลอดภัยของพวกชาวบ้าน หากว่าความพยายามเคลื่อนย้ายพวกมันประสบความล้มเหลว

    เมื่อปี 2016 กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในพื้นที่อนุรักษ์หมีขาวอีกแห่งของรัสเซีย 5 คน เคยถูกฝูงหมีขาวปิดล้อมติดค้างอยู่บริเวณสถานีตรวจสภาพอากาศแห่งหนึ่งบนเกาะทรอยนอย ทางตะวันออกของเกาะโนวายา เซมเลีย อยู่นานหลายสัปดาห์ด้วย

    https://mgronline.com/around/detail/9620000014836
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทีมเจรจาคองเกรสบรรลุ ‘ข้อตกลงเบื้องต้น’ ป้องกันสหรัฐฯ ‘ชัตดาวน์’ รอบสอง เผยแพร่: 12 ก.พ. 2562 11:59 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001540001.jpg

    รอยเตอร์ - คณะผู้เจรจาของสภาคองเกรสบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นว่าด้วยงบประมาณอุดหนุนการป้องกันชายแดนสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตชัตดาวน์รอบสองที่จะเริ่มในวันเสาร์ (15 ก.พ.) ขณะที่แหล่งข่าวในสภาคองเกรสยืนยันว่าข้อตกลงฉบับนี้ยังไม่ครอบคลุมงบหลายพันล้านดอลลาร์ที่ผู้นำสหรัฐฯ ต้องการนำไปสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก

    ส.ว. ริชาร์ด เชลบี จากพรรครีพับลิกันให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนวานนี้ (11) ว่า คณะผู้เจรจา “เห็นพ้องในหลักการเบื้องต้น” ว่าด้วยการจ่ายงบอุดหนุนมาตรการป้องกันชายแดนไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.

    “เจ้าหน้าที่ของเราจะทำงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน” เชลบี กล่าว โดยไม่ได้ระบุว่า ทรัมป์ จะได้เงินค่าสร้างกำแพงบ้างหรือไม่

    ทรัมป์ เรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติงบ 5,700 ล้านดอลลาร์เพื่อนำไปสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก แต่ถูกพรรคเดโมแครตคัดค้าน ซึ่งการงัดข้อนี้เป็นเหตุให้หน่วยงานรัฐบางส่วนต้องปิดทำการนานถึง 35 วัน ก่อนที่ภาวะชัตดาวน์จะสิ้นสุดลงเมื่อเดือนที่แล้ว โดยที่ ทรัมป์ ก็ยังไม่ได้เงินค่าสร้างกำแพงอยู่ดี

    เจ้าหน้าที่คองเกรสผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ระบุว่า ข้อตกลงคร่าวๆ ฉบับนี้ไม่ได้ให้งบสร้าง “กำแพง” แต่กำหนดวงเงินราวๆ 1,370 ล้านดอลลาร์สำหรับการก่อสร้างรั้วเพิ่มเติมตลอดแนวชายแดนตอนใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวงเงินเท่าๆ กับที่สภาคองเกรสเคยอนุมัติในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และยังต่ำกว่าที่ ทรัมป์ เรียกร้องหลายเท่าตัว

    แหล่งข่าวในสภาคองเกรสอีก 2 คนยืนยันว่า การขยายแนวรั้วกั้นพรมแดนอีก 90 กิโลเมตรจะเป็นไปตามรูปแบบเดิม ซึ่งรวมถึงการทำรั้วแบบเสาเหล็ก (steel bollard) ที่มีมาตั้งแต่ก่อน ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี

    การสร้างกำแพงถือเป็นคำมั่นสัญญาที่ ทรัมป์ ได้ให้ไว้กับฐานเสียงของตนเมื่อปี 2016 ขณะที่ฝ่ายเดโมแครตมองว่าโครงการนี้สิ้นเปลืองงบประมาณมากเกินไป และไม่สามารถแก้ไขปัญหาคนหลบหนีเข้าเมืองได้จริง

    ทรัมป์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่เมืองเอลปาโซ รัฐเทกซัส เมื่อค่ำวันจันทร์ (11) โดยยกเหตุผลต่างๆ นานาขึ้นมาสนับสนุนการสร้างกำแพงที่เขาอ้างว่าจะช่วยปกป้องชาวอเมริกันจากพวกแก๊งอาชญากร ยาเสพติด และ “การรุกรานครั้งใหญ่” ของคาราวานผู้อพยพ

    ทรัมป์ ยอมรับว่าได้ทราบความคืบหน้าเรื่องข้อตกลงงบประมาณก่อนจะขึ้นเวทีปราศรัยไม่นานนัก แต่ก็ไม่กล่าวลงรายละเอียด

    “พวกคุณก็ทราบดี ยังไงเราก็จะสร้างกำแพง บางทีอาจจะมีความคืบหน้า หรืออาจไม่มีก็ได้” เขากล่าว

    ภายใต้ดีลเบื้องต้นฉบับนี้ พรรคเดโมแครตยอมที่จะถอนข้อเรียกร้องให้ลดจำนวนเตียงในสถานกักกันผู้อพยพผิดกฎหมายในสหรัฐฯ ลงมาอีก หลังจากที่เคยร้องเรียนว่า ทรัมป์ พยายามเพิ่มความจุของสถานกักกันเพื่อเร่งกระบวนการเนรเทศผู้อพยพ

    กฎหมายสหรัฐฯ กำหนดให้สถานกักกันทั้งบริเวณแนวพรมแดนและพื้นที่ตอนในของประเทศสามารถจุคนได้ไม่เกิน 40,520 เตียง ทว่าในความเป็นจริงเคยมีการเพิ่มจำนวนขึ้นไปมากถึง 49,057 เตียง ซึ่งข้อตกลงเบื้องต้นนี้กำหนดให้รัฐบาลจะต้องลดจำนวนเตียงให้เหลือไม่เกินที่กฎหมายกำหนดไว้

    อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บางคนเผยว่าข้อตกลงดังกล่าวยังยืดหยุ่นให้ ทรัมป์ สามารถเพิ่มเตียงรองรับผู้อพยพได้ถึง 52,000 เตียง ในกรณีที่จำเป็น

    https://mgronline.com/around/detail/9620000014923
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ทรัมป์’ ออกคำสั่งบริหารให้หน่วยงานรัฐส่งเสริมการใช้ ‘ปัญญาประดิษฐ์’
    เผยแพร่: 12 ก.พ. 2562 10:05 ปรับปรุง: 12 ก.พ. 2562 10:10 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001537201.jpg

    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
    เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งบริหารวานนี้ (11 ก.พ.) ให้ทุกหน่วยงานของภาครัฐทุ่มเททรัพยากรและลงทุนกับงานวิจัย ส่งเสริม และฝึกฝนการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (artificial intelligence) ให้มากยิ่งขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านนี้แข่งกับจีน

    ยุทธศาสตร์ “ความริเริ่มเอไออเมริกัน” (American AI Initiative) กำหนดให้รัฐบาลสหรัฐฯ “ต้องทุ่มเททรัพยากรของส่วนกลางอย่างเต็มที่” เพื่อกระตุ้นนวัตกรรมด้านเอไอ

    “ชาวอเมริกันได้รับประโยชน์มหาศาลจากการเป็นผู้พัฒนารายแรกๆ และผู้นำนานาชาติในด้านเอไอ” ทำเนียบขาวระบุในถ้อยแถลง

    “อย่างไรก็ดี นวัตกรรมเอไอทั่วโลกก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เราจึงไม่อาจอยู่เฉยและนิ่งนอนใจในความเป็นผู้นำของเรา”

    คำสั่งบริหารของ ทรัมป์ ไม่ได้ระบุว่าจะมีการจัดสรรงบประมาณพิเศษ หรือให้รายละเอียดเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ในการนำเอไอมาใช้ประโยชน์

    ท่าทีของวอชิงตันมีขึ้นท่ามกลางความกังวลว่าจีนกำลังจะก้าวแซงหน้าสหรัฐฯ ในด้านปัญญาประดิษฐ์ เนื่องจากมียุทธศาสตร์ชาติที่กว้างขวางครอบคลุม และส่งเสริมการลงทุนในด้านนี้อย่างจริงจัง

    ดาร์เรล เวสต์ หัวหน้าศูนย์เพื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีของสถาบันบรุกกิงส์ เอ่ยชมทำเนียบขาวที่มีการตอบสนองอย่าง “ทันท่วงที”แต่ไม่แน่ใจว่าจะปฏิบัติจริงได้มากน้อยแค่ไหน เพราะยังไม่มีการอนุมัติงบอดหนุนที่ชัดเจน

    “บางครั้งประธานาธิบดีก็เสนอความคิดริเริ่มที่ฟังดูดี แต่ไม่ให้ผลที่เป็นรูปธรรมสักเท่าไหร่” เวสต์ กล่าว “จีนประกาศทุ่มเงิน 150,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 เพื่อมุ่งสู่การเป็นประเทศเอไออันดับ 1 ของโลก สหรัฐฯ จึงต้องไล่ตามให้ทัน เพราะปัญญาประดิษฐ์คือนวัตกรรมที่จะช่วยพลิกโฉมภาคส่วนต่างๆ ให้มีความก้าวหน้า”

    แดเนียล คาสโตร จากศูนย์เพื่อนวัตกรรมข้อมูล (Center for Data Innovation) ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างระมัดระวังเช่นกัน

    “ถ้ารัฐบาลหวังจะให้ความริเริ่มเอไอนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง พวกเขาจะต้องทำมากกว่าการผันงบประมาณที่มีอยู่เดิมมาอุดหนุนการวิจัยเอไอ พัฒนาทักษะ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน”

    คาสโตร ยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ จัดทำยุทธศาสตร์เอไอที่ครอบคลุมถึงการค้าเสรีดิจิทัล (digital free trade) นโยบายการรวบรวมข้อมูล และอื่นๆ

    ส.ว. มาร์โก รูบิโอ จากพรรครีพับลิกันกล่าวชื่นชมความริเริ่มเอไอว่าเป็น “จุดเริ่มต้นที่ดี” พร้อมเตือนว่า จีนคือประเทศคู่แข่งที่เป็นความท้าทายอย่างครอบคลุมที่สุดสำหรับสหรัฐฯ และการเผชิญหน้ากับปักกิ่งก็จำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้ที่ครอบคลุมเช่นกัน

    ทำเนียบขาวระบุว่า แผนของ ทรัมป์ นั้นมุ่ง “ปลดปล่อยเอไอ” ด้วยการเพิ่มทรัพยากรให้แก่นักวิจัย กำหนดแนวทางปฏิบัติในด้านกฎหมาย ส่งเสริมการศึกษาด้านเอไอ และยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของสหรัฐฯ

    แม้จะไม่เอ่ยถึงจีนโดยตรง แต่ถ้อยแถลงของทำเนียบขาวก็เรียกร้องให้มีการจัดทำ “แผนปฏิบัติเพื่อปกป้องความได้เปรียบของสหรัฐฯ ในด้านเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวดต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศที่อาจถูกคุกคามโดยคู่แข่งทางยุทธศาสตร์และศัตรูต่างชาติ”

    https://mgronline.com/around/detail/9620000014876
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไฟไหม้โรงแรมใน ‘นิวเดลี’ แขกสำลักควันตาย 17 ศพ
    เผยแพร่: 12 ก.พ. 2562 14:07 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000001548001.jpg

    รอยเตอร์ - เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงนิวเดลีเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (12 ก.พ.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน และจุดประเด็นคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของที่พักราคาถูกซึ่งมีอยู่กลาดเกลื่อนในเมืองหลวงอินเดีย

    แม้ทางการอินเดียจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายอาคารอยู่เนืองๆ แต่ก็ยังมีเจ้าของอาคารหลายรายที่ฝ่าฝืนมาตรฐานความปลอดภัยและไม่มีการเตรียมแผนอพยพในยามฉุกเฉิน

    “เราได้รับรายงานผู้เสียชีวิต 17 คน พวกเขาตายเพราะสำลักควัน ไม่ได้ถูกไฟคลอก” วิเรนดรา ซิงห์ รองผู้บัญชาการสำนักงานดับเพลิงให้สัมภาษณ์ พร้อมระบุว่ามีผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาได้ทั้งหมด 35 คน

    ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่นอนหลับสนิทขณะที่เพลิงเริ่มลุกไหม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

    ในบรรดาผู้เสียชีวิตยังรวมถึงหญิงคนหนึ่งที่พาลูกกระโดดหนีไฟลงมาจากชั้น 5 ของโรงแรมอาร์พิตพาเลซ (Arpit Palace) ซึ่งตั้งอยู่ในย่านการค้า คารอล บัก (Karol Bagh)

    โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักทั้งหมด 65 ห้อง และบางส่วนถูกจองโดยแขกที่มาร่วมพิธีแต่งงาน

    สื่อท้องถิ่นเผยภาพเหตุการณ์ขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้ชั้นดาดฟ้าของโรงแรม ขณะที่สถานีโทรทัศน์ NDTV รายงานว่า แขกที่เข้าพักมีนักท่องเที่ยวจากพม่ารวมอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าชาวต่างชาติกลุ่มนี้ปลอดภัยหรือไม่

    สัตเยนดาร์ เชน รัฐมนตรีฝ่ายพัฒนาเมืองของกรุงนิวเดลี ออกมาตำหนิหน่วยงานท้องถิ่นว่าละเลยการบังคับใช้กฎหมายอาคารในพื้นที่แถบนี้

    “นี่คือกรณีที่สะท้อนให้เห็นถึงการละเลยอย่างชัดเจน” เขากล่าว

    ขณะที่กฎหมายอนุญาตให้สร้างอาคารสูงได้ไม่เกิน 4 ชั้น โรงแรมอาร์พิตพาเลซกลับมีถึง 5 ชั้น เช่นเดียวกับอาคารใกล้เคียงอีกหลายแห่ง และชั้นดาดฟ้าซึ่งมีโรงครัวและโซนนั่งรับประทานอาหารก็เป็นการต่อเติมอาคารอย่างผิดกฎหมายด้วย

    562000001548004.jpg

    562000001548005.jpg

    562000001548002.jpg

    562000001548003.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9620000014988
     

แชร์หน้านี้

Loading...