*เครื่องรางของขลัง/วัตถุมงคล...รายการละ 100 บ./พร้อมส่ง บูชา 3 รายการ แถม 1 รายการ...

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pitiphat, 4 มิถุนายน 2018.

  1. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่535 พระผงรูปเหมือนปั้มซีก หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู รุ่น ปั้มทรัพย์เพิ่มพูน รุ่นแรก มี 2 องค์ บูชาองค์ละ 150 บาท
    " หลวงปู่ญาท่านคำบุ คุตฺตจิตฺโต" เป็นพระสงฆ์ที่เล่าขานกันว่าทรงคุณพุทธาคมเข้มขลัง แห่งวัดกุดชมภู ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านเป็นศิษย์สายตรงของพระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) แห่งวัดทุ่งศรีเมือง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี พระเกจิอาจารย์ผู้มีความเข้มขลังมีพลังจิตสูง

    ชาติภูมิ หลวงปู่ญาท่านคำบุ คุตฺตจิตฺโต ถือกำเนิดเกิด ณ บ้านกุดชมภู เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๕ ตรงกับวันจันทร์ขึ้น ๑๕ค่ำ เดือน ๓ ปีจอ เกิดในตระกูล คำงาม โยมบิดา-มารดา ชื่อนายสาและนางหอม คำงาม ครอบครัวทำนาทำสวน หลวงปู่ญาท่านคำบุ คุตฺตจิตฺโต ปัจจุบันท่านอายุ ๘๙ ปี
    มีชื่อ-นามสกุลเดิมว่า คำบุ คำงาม ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ๖ คน

    กาลต่อมาท่านเจริญวัยขึ้น มีอายุอันสมควร บิดามารดาได้ให้บรรพชาในปี พ.ศ.๒๔๘๒ ณ วัดกุดชมภู โดยมี พระครูญาณวิสุทธิคุณ (กอง) วัดตากโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
    ภายหลังบวช ท่านได้มีโอกาสเดินทางไปกราบไหว้ พระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) วัดทุ่งศรีเมือง เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี และได้รับความเมตตาโอบอ้อมอารีจากหลวงปู่รอดเป็นอย่างยิ่ง
    อุปนิสัยของสามเณรคำบุ เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้จึงมีโอกาสได้พบกับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ผู้เป็นศิษย์อุปัฏฐากหลวงปู่รอด นันตโร แห่งวัดทุ่งศรีเมือง ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์รอดจึงได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่รอดจวบจนท่านได้ มรณภาพลง พระอาจารย์รอดก็กลับมาพำนักพักที่วัดบ้านม่วงตามเดิม

    กล่าวสำหรับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ท่านเป็นพระที่มีวิทยาคมแก่กล้า พระอาจารย์รอดเป็นคนบ้านเดียวกันกับสามเณรคำบุ (สมัยบวชเณร) จึงมีความคุ้นเคยกันมาก่อน

    ด้วยความที่สามเณรคำบุเป็นผู้มีนิสัยสงบเรียบร้อย ใจเย็น มีเหตุมีผล เหตุนี้เองพระอาจารย์รอด จึงได้ถ่ายทอดวิทยาคมต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมาแก่สามเณรคำบุตั้งแต่นั้นเรื่อยมา

    จวบจนถึงวัยอุปสมบทเป็นพระภิกษุ จึงอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๖ ได้รับฉายาว่า " คุตฺตจิตฺโต "
    มี พระครูสาธุธรรมจารี (สา) วัดดอนจิก เป็นพระอุปัชฌาย์

    ครั้นบวชเป็นพระแล้ว หลวงปู่คำบุท่านยังคงแวะเวียนไปร่ำเรียนสรรพวิชาเวทมนตร์คาถาอาคมต่างๆ กับพระอาจารย์รอด ที่วัดบ้านม่วงอยู่เป็นประจำ ได้ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำรา จนมีความชำนาญแตกฉานจึงออกเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ หลวงปู่คำบุได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมจากพระอาจารย์ที่มีความ ชำนาญด้านพระคาถาอาคมหลายรูปจนวิชาแกร่งกล้า จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดกุดชมภูจนถึงปัจจุบัน

    มีเรื่องน่าสนใจอยู่ตอนหนึ่ง เนื่องจากพระอาจารย์รอดท่านเป็นพระที่ร้อนวิชาชอบลองวิชาอยู่เสมอ เมื่อร่ำเรียนวิชาอาคมแขนงใดได้ก็จะนำมาทดสอบหรือทดลองวิชานั้นอยู่เป็นประจำ

    มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านได้สำเร็จวิชาหุงสีผึ้งมหาเสน่ห์ แล้วทำการทดลองปรากฏว่าบรรดาญาติโยมทั้งหญิงและชายแห่เข้ามาที่วัดเพื่อมาขอ สีผึ้งมหาเสน่ห์จากท่านอย่างมากมาย จนไม่มีเวลาประกอบกิจสงฆ์อันใดได้ ท่านจึงย้ายมาอยู่กับพระภิกษุคำบุ ที่วัดกุดชมภูและได้เขียนตำราเพื่อมอบให้กับพระภิกษุคำบุไว้ศึกษาเล่าเรียน สืบต่อไป

    พระภิกษุคำบุได้ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำรา จนมีความชำนาญแตกฉาน จึงออกเดินจารึกธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ ได้มีโอกาสร่ำเรียนสายวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมต่างๆ ในสายของท่านสำเร็จลุน แห่งวัดเวิ่นไชย เมืองปาเซ นครจำปาสัก พระผู้ทรงอภิญญา

    นอกจากการศึกษาวิชาทางด้านวิปัสสนากรรมฐานแล้ว สรรพวิชาอาคมทุกแขนง หลวงปู่ญาท่านคำบุ คุตฺตจิตฺโต ท่านก็มีความชำนาญและได้หมั่นศึกษาฝึกฝนอยู่เป็นประจำ ตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์

    การจารอักขระธรรมลงแผ่นหลังของหลวงปู่ญท่านคำบุ คุตฺตจิตฺโต ถือเป็นกุศโลบายทางธรรมเพื่อบ่งบอกถึง " ความประมาทเป็นบ่อ เกิดแห่งความตาย หรือความหายนะ " ดังนั้นควรตั้งมั่นไม่ให้อยู่ในความประมาท ที่สำคัญถ้าท่านได้จารอักขระธรรมได้ครบถึง ๗ ครั้ง ว่ากันว่าอักขระธรรมจะฝังลึกถึงกระดูกและถ้าประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งของครู บาอาจารย์อย่างเคร่งครัดแล้ว จะอยู่ยงคงทน ต่อศาสตราวุธทั้งปวง

    องค์ที่1 IMG_20181104_223537.jpg IMG_20181104_223527.jpg
    องค์ที่2 IMG_20181104_223519.jpg IMG_20181104_223510.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2018
  2. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่536 พระผงรูปไข่ หลวงปู่ขาว วัดหลักสี่ จ.กรุงเทพฯ
    ***หลวงปู่ขาว เป็นพระคณาจารย์ยุคเก่าที่มีเวทย์วิทยาคมแก่กล้าองค์หนึ่ง พร้อมทั้งมีวาจาสิทธิ์
    วัดหลักสี่ แขวงตลาดบางเขน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง ที่มีความสำคัญสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2421 สร้างขึ้นในสมัยชาวรามัญอพยพมาจากเมืองหงษาวดี (พ๊ะโค๊ะ)ต้นกรุงรัตนโกสินทร์โดยอาจารย์ดำ
    ต่อมาชาวรามัญ ได้อาราธนาอาจารย์ดำ ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดหน้าโบสถ์ จังหวัดนนทบุรี พระอาจารย์เริ่มรับหน้าที่แทนและได้ดำเนินการก่อสร้างพระธรรมเจดีย์ และอุโบสถต่อจนเรียบร้อยและได้ตั้งชื่อวัดใหม่ว่า วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม ต่อมาชาวรามัญผู้เลื่อมใสศรัทธาพระอาจารย์เริ่มได้อาราธนาพระอาจารย์เริ่มไปเป็นเจ้าอาวาสวัดหน้าโบสถ์ ส่วนทางวัดราษฎร์ศรัทธาธรรมนั้นมอบหมายให้หลวงปู่ขาว เขมาราโมรับหน้าที่แทน ในสมัยหลวงปู่ขาวเป็นเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม วัดได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก ท่านได้สร้าง ศาลาการเปรียญหลังใหม่สร้างมณฑปสถูปเจดีย์ประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทจำลอง ต่อมาเจ้ากรมคลองได้ขุดคลองเปรมประชากร ตัดผ่านเนื้อที่ของวัด หลวงปู่ขาว เขมาราโม ได้ยกที่ดินส่วนหนึ่งให้เป็นที่ขุดคลอง และคณะกรรมการเมืองได้สร้างศาลาท่าน้ำให้ 3 หลังทำถนนทางเท้ารอบสนามวัดปูด้วนกระเบื้อง ไปจนถึงศาลาท่าน้ำ หนองบัวขาว ทางด้านทิศตะวันออกของวัด และ ได้สร้างเสาหงส์รอบบริเวณสนามวัด เพื่อห้อยโคมไฟเจ้าพายุแสงจันทร์ ทำให้วัดสว่างไสว ไปทั่วพระพุทธเจ้าหลวง (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5)ได้เสด็จไปเป็นเจ้าพิธีประธานเปิดคลองเปรม-ประชากร ทางชลมารค ทรงประทับที่พลับพลาโคนต้นมะขวิด เพื่อนมัสการหลวงปู่ขาว เขมาราโมเถระที่ใกล้พลับพลาประทับนั้น (พลับพลาประทันนั้น ปัจจุบันเป็นที่ตั้ง โรงเรียนวัดหลักสี่) ต่อมาทางราชการได้สร้างทางรถไฟ ตัดผ่าวัดด้านหนองบัว-ขาว ทางทิศตะวันออก วัดยกที่ดินให้เป็นทางรถไฟ ตัดผ่านอีกส่วนหนึ่ง คงเหลือที่เท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ ชื่อของวัดจึงได้เปลี่ยนและขนานนามใหม่ว่า วัดหลักสี่เพราะประชาชนเรียกกันติดปากตามสถานีรถไฟหลักสี่

    เป็นพระอารามหลวงที่สำคัญมีเพียงแห่งเดียวในพื้นที่เขตหลักสี่ สร้างขึ้นในสมัยชาวรามัญอพยพมาจากเมืองหงสาวดี ตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประมาณ พ.ศ.2421 เนื่องจากมีพระธุดงค์ชื่อ อาจารย์เริ่มเป็นพระมอญมาปักกลด บริเวณที่ตั้งของวัด บรรดาชาวบ้านทั้งพุทธเชื้อสายรามัญและอื่น คิดสร้างวัดและนิมนต์พระอาจารย์เริ่ม ให้อยู่เป็นเจ้าอาวาส เดิมชื่อ "วัดหลวงพ่อเริ่ม" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดหลักสี่" เป็นวัดที่ได้รับคัดเลือกจากกรมการศาสนาให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่นในเขตกรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ.2534 มีถาวรวัตถุและสิ่งสำคัญประกอบด้วย องค์พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วิหารหลวงปู่ขาว

    IMG_20181104_223403.jpg IMG_20181104_223354.jpg
     
  3. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่537 พระผงพระซุ้มกอ พระครูสิริภัทราภรณ์ หลวงพ่อนิยม สุภัทโท วัดป่าหลักร้อย ต.โนนไทย อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา
    ***พระครูสิริภัทรภรณ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าหลวงพ่อนิยม วาจาสิทธิ์
    วัดป่าหลักร้อยที่ว่านี้เป็นจุดขายที่น่าสนใจมาก จนได้รับการยกระดับเป็นที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโคราช มีอะไรแปลกหูแปลกตาจากวัดทั่วๆ ไปให้ชม โดยเฉพาะเปรต! เพราะวัดนี้มีเปรตอยู่เต็มวัด เริ่มแรกนั้นพระครูสิริภัทรภรณ์ แต่เดิมเป็นเพียงพระธรรมดา แต่ความคิดไม่ธรรมดา เห็นว่าวัดนอกจากจะเป็นที่พำนักของพระภิกษุสามเณรแล้ว ยังเป็นที่ศึกษาและทัศนาจร ของญาติโยมอีกด้วย ด้วยเหตุนั้นท่านจึงคิดเอาอะไรแปลกๆ มาให้คนชม แต่จะให้คนดูคนมันก็ยังไม่ตื่นใจ จึงใช้ไอเดียใหม่ "โชว์เปรต" ปรากฏว่าวัดป่าหลักร้อยซึ่งมีเปรตเป็นร้อยๆ นั้นดังเป็นพลุ มีคนไปเที่ยวมากมาย และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งประจำจังหวัดโคราชบ้านเอ็ง
    จากเปรตในจินตนาการ เมื่อสร้างมาแล้วนักท่องเที่ยวที่ไปถึงวัดป่าหลักร้อยก็ทยอยกันบริจาคเงินมากบ้างน้อยบ้าง ตามฐานะ วัดป่าหลักร้อยก็เลื่อนฐานะจากวัดจนๆ มาเป็น วัดมหาเศรษฐี มีคณะกรรมการจัดการผลประโยชน์อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ไม่ต่างจากวัดดังๆ อื่นๆ ในเมืองไทย เช่น วัดโสธร วัดพระปฐมเจดีย์ วัดไร่ขิง วัดพระพุทธชินราช วัดไตรมิตรวิทยาราม วัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดช้างไห้ วัดเขาตะเครา วัดพระพุทธบาทสระบุรี เป็นต้น
    แต่คนเราน่ะมีกิเลสตัณหา ที่พระท่านว่าตายไปเป็นเปรตนั้นก็เพราะกิเลสจำพวกโลภมากลาภหายนี่แหละ คนที่ยุ่งกับเงินทองของวัด เช่น คณะกรรมการการเงินของวัดก็เช่นเดียวกัน เห็นเงินก็ตาโต ดังภาษิตเมืองเหนือว่า "เห็นเงินหน้าดำ เห็นคำหน้าเส้า" คือหน้ามืดนั่นแหละ วัดป่าหลักร้อยก็เจอปัญหา "หน้ามืด" เช่นเดียวกัน นอกจากจะมีการฉ้อฉลเงินวัดแล้ว ยังมีการใช้อิทธิพลส่วนตัวในการทำธุรกิจในวัดประเภทต่างๆ ที่สำคัญก็คือมุ่งแต่หาเงินเข้าวัดเพียงอย่างเดียว โดยไม่เหลียวแลกิจกรรมอันเป็นสาระอื่นใด จึงเป็นข่าวใหญ่ให้ติดตามว่าวัดดังแห่งนี้จะสามารถจัดระเบียบเปรตได้จริงหรือไม่ เพราะเปรตพวกนี้มีจิตวิญญาณ เป็นเปรตในร่างคน มีอิทธิพลภายในวัด เผลอๆ จะมีพระเปรตกับเขาด้วย
    วัดป่าหลักร้อยตั้งอยู่ห่างจากจังหวัดนครราชสีมา ประมาณ 20 กม. เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางการศึกษา มีทั้งแดนนรก สวรรค์ และมนุษย์ มีเนื้อที่ 48 ไร่ และมีการออกร้านขายของที่เป็นฝีมือ ของชาวบ้าน
    วัดป่าหลักร้อยได้ก่อสร้างเป็นสำนักสงฆ์ขึ้น เมื่อปี 2520 ซึ่งถือเป็นวัดแห่งแรกของบ้านหลักร้อย และได้รับการอนุญาตให้เป็นวัดในปี 2527 ทำให้เจ้าอาวาสเห็นพ้องกับชาวบ้านว่าเมื่อเป็นวัดก็ควรจะช่วยให้มีการสั่งสอนและอบรมชาวบ้าน เจ้าอาวาสจึงวานให้ชาวบ้านในหมู่บ้านมาช่วยกันก่อสร้างรูปปั้นเปรต
    เมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกันวัดป่าหลักร้อยจึงได้สร้างรูปปั้นจำพวกเปรตขึ้นมาเพื่อสอนเกี่ยวกับผลจากการทำบาป โดยมีจุดประสงค์เพื่อสะท้อนภาพให้เห็นว่าการทำบาปได้รับผลตอบแทนอย่างไร หลังสร้างเปรตขึ้นมาทำให้มีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ เดินทางมาเที่ยวที่วัดมากเป็นเรือนแสน ดังนั้นวัดจึงได้ก่อสร้างรูปปั้นเปรตขึ้นมาเพื่อเป็นการศึกษาเรียนรู้เรื่องบาปบุญคุณโทษว่าเป็นเช่นไร
    สมัยนี้เราน่าจะส่งเสริมให้เด็กๆ และผู้ใหญ่อย่างเรามาเที่ยวบ้าง อย่างน้อยจะได้กลัวการทำบาป กันไปบ้าง เห็นแล้วชวนสะเทือนใจ แต่อย่างว่าดูแล้วต้องกลับมาดูตัวเองเพราะเปรตไม่ต้องไปหาดูที่ไหนหรอก "เปรตอยู่ในตัวเรา" นั่นเอง
    IMG_20181104_223342.jpg IMG_20181104_223333.jpg
     
  4. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่538 พระผงพระร่วงโรจนฤทธิ์ รุ่นพระร่วงเจ้าทรัพย์ วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ปี44
    วัดพระปฐมเจดีย์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ ชนิดราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ใน ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม วัดแห่งนี้ เป็นที่ตั้งประดิษฐานองค์พระปฐมเจดีย์ ปูชนียสถานเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในไทย
    ทั้งนี้ วัดพระปฐมเจดีย์ ยังมี "พระร่วงโรจนฤทธิ์" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประจำจังหวัดนครปฐม เป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป มีชื่อเต็ม คือ "พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรโมภาส มหาวชิราวุธ ราชปูชนียบพิตร" ตามประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พุทธศักราช 2466 แต่ประชาชนทั่วไป เรียกขานว่า "หลวงพ่อพระร่วง" หรือ "พระร่วงโรจนฤทธิ์"

    เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ทำด้วยทองเหลืองหนัก 100 หาบ ศิลปะสุโขทัย สูง 12 ศอก 4 นิ้ว ประทับยืนบนฐานโลหะทองเหลืองลายบัวคว่ำบัวหงาย ทำวงพระพักตร์ตามยาว พระหนุเสี้ยมนิ้วพระหัตถ์ พระบาทไม่เสมอกัน ห้อยพระหัตถ์ซ้ายลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ขวายกตั้งขึ้น ยื่นไปข้างหน้า มีพระอุทรพลุ้ย บ่ายพระพักตร์สู่ทิศเหนือ

    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระยุพราช เสด็จประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือในปี พ.ศ.2451 ได้ทอดพระเนตรพระพุทธรูปโบราณเป็นอันมาก แต่มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่เมืองศรีสัชนาลัย (สุโขทัย) กอปรด้วยพระลักษณะงามเป็นที่ต้องพระราชหฤทัย แต่ชำรุดมาก เหลืออยู่แต่พระเศียร พระหัตถ์และพระบาท

    จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญลงมากรุงเทพฯ แล้วให้ช่างปั้นสถาปนาขึ้นมาบริบูรณ์เต็มพระองค์ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีเททองหล่อ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2456 ณ วัดพระเชตุ พนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ โดยมีผู้ออกแบบ คือ กรมหลวงนเรศร์วรฤทธิ์ (พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร)

    จากนั้นได้อัญเชิญมาสู่จังหวัดนครปฐม เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2457 ทางรถไฟ ประดิษฐาน ณ พระวิหารด้านทิศเหนือ องค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ราช วรมหาวิหาร จนถึงปัจจุบัน

    เมื่อครั้งอัญเชิญพระร่วงฯ มาประ ดิษฐานยังองค์พระปฐมเจดีย์ จำเป็นต้องแยกชิ้นมาประกอบเข้าด้วยกันที่จังหวัดนครปฐม เสร็จเป็นองค์สมบูรณ์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2458

    หลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต ตามความในพระราชพินัยกรรมของพระองค์ระบุว่า ให้บรรจุพระอังคารของพระองค์ไว้ใต้ฐานพระร่วงฯ ที่องค์พระปฐมเจดีย์ ในวันที่ 31 สิงหาคม 2469 จึงได้ทำพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรังคาร ณ ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตามพระราชประสงค์

    มีความเชื่อว่า พระร่วงโรจนฤทธิ์ โปรดหรือชอบลูกปืน โดยต้องแก้บนด้วยการยิงปืน แต่ต่อมาเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จึงใช้จุดประทัดแทน และอีกอย่างที่เป็นของโปรด (ตามความเชื่อของชาวบ้าน) คือ ไข่ต้ม และไม่ใช่ไข่ต้มธรรมดาต้มสุกแล้วต้องชุบสีแดงที่เปลือกไข่แล้ว ก่อนนำมาแก้บน

    ในการบนบานขอพรหรือขอความสำเร็จต่างๆ จากองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ชาวบ้านทั้งชาวไทยชาวจีนในนครปฐมเป็นที่ทราบกันทั่วไปที่ผ่านมาเคยเห็นมีผู้มาแก้บนด้วยไข่ต้มนับร้อยนับพันใบก็มี

    คำกล่าวบูชาพระร่วงโรจนฤทธิ์ที่แปลแล้วมีว่า "ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าวันทาพระร่วงโรจนฤทธิ์พระองค์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ผู้นมัสการอยู่ แม้พระปฐมเจดีย์ใหญ่ใด ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่ประดิษฐานองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ซึ่งมีปาฏิหาริย์ไม่น้อย งดงามดุจพระจันทร์ในยามราตรี ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าวันทาพระปฐมเจดีย์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้แก่ผู้ทัศนาอยู่เสมอ ข้าพระพุทธเจ้าขอนมัสการพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระบรมสารีริกธาตุ และองค์พระปฐมเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งควรนมัสการอยู่โดยส่วนเดียว ด้วยเครื่องสักการะคือดอกไม้ไฟอันตั้งอยู่ ณ ทิศ ทั้งสี่ ในบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ ได้แล้วซึ่งบุญอันใด ด้วยอานุภาพแห่งบุญนั้น ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข เป็นผู้ ไม่มีเวร ปราศจากอันตราย เจริญงอก งามไพบูลย์ในธรรมเป็นนิตย์ เทอญ"

    IMG_20181104_223502.jpg IMG_20181104_223451.jpg
     
  5. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่539 พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ รุ่นมงคลทิพย์ วัดอญัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย กล่องเดิม
    “หลวงปู่เหรียญ วรภาโร” หรือ “พระสุธรรมคณาจารย์” แห่งวัดอรัญญบรรพต ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย พระเกจิวิปัสสนาชื่อดัง เป็นหนึ่งในศิษย์เอกผู้ใกล้ชิดหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เคยอยู่รับใช้ปฏิบัติและมีศึกษาธรรมะ

    เกิดในสกุลใจขาน เมื่อวันพุธที่ 8 มกราคม 2455 สถานที่เกิด ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เป็นบุตรคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้อง 7 คนของนายผาและนางพิมพา ประกอบอาชีพกสิกรรม ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์

    ชีวิตครอบครัว พี่น้องทุกคนเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ส่วนมารดาถึงแก่กรรม เมื่อท่านมีอายุ 10 ขวบ

    ภายหลังบิดามีภรรยาใหม่ จึงไปอาศัยอยู่กับยาย ก่อนกลับมาอยู่กับบิดาอีกครั้ง เมื่ออายุ 13 ปี

    ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ มีศรัทธาแห่งการออกบวชแรงกล้า จึงขอบิดาเข้าวัด บรรพชาอยู่ 15 วัน แล้วเข้าอุปสมบทที่วัดบ้านหงษ์ทอง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เมื่อเดือนมกราคม 2475 สังกัดมหานิกาย มีพระครูวาปีดิฐวัตร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์พรหม เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    จากนั้นกลับมาจำพรรษาอยู่วัดโพธิ์ชัย บ้านหม้อ ระยะหนึ่งไปจำพรรษาที่วัดศรีสุมัง อ.เมือง จ.หนองคาย เข้าศึกษาด้านพระปริยัติธรรม จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี

    ระยะแรกหลวงปู่เหรียญเริ่มศึกษาพระกรรมฐาน ได้รับเมตตาจากพระอาจารย์บุญจันทร์ เป็นผู้สอนภาวนาพุทโธ และพระอาจารย์กู่ ธัมมทินโน เป็นครูฝึกสอนการปฏิบัติธรรม

    ต่อมา พระอาจารย์กู่ได้พาท่านออกธุดงค์ไป จ.อุดรธานี และแปรญัตติเป็นธรรมยุต เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2476 ที่วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี

    โดยมีเจ้าคุณธรรมเจดีย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    จากนั้นออกธุดงค์ไปสถานที่ต่างๆ หลายจังหวัดภาคอีสาน ก่อนขึ้นไปทางเหนือและเข้าฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น มุ่งบำเพ็ญเพียรและเข้าจำพรรษาในหลายที่

    พรรษา 1-5 อยู่ใน จ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย ช่วงพรรษาที่ 6-14 ขึ้นไปจำพรรษาอยู่ใน จ.เชียงใหม่ วัดสันต้นเปาและสำนักสงฆ์ใน อ.สันกำแพง พรรษาที่ 15-18 อยู่ที่ อ.เถิน จ.ลำปาง พรรษาที่ 19-22 ล่องลงใต้เข้าจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ จ.พังงา ก่อนย้ายไปอยู่วัดอรัญญบรรพต ตั้งแต่ปี พ.ศ.2502 จนถึงปัจจุบัน



    ต่อมา หลวงปู่เหรียญ เป็นเจ้าอาวาสวัดอรัญญบรรพต ซึ่งในอดีตวัดแห่งนี้ยังขาดความพร้อมในหลายด้าน แต่บรรยากาศทั้งภายในและภายนอกวัดสงบ เหมาะสำหรับการวิปัสสนากรรมฐาน โดยสมัยที่หลวงปู่มาอยู่ใหม่ๆ มีเพียงกุฏิเล็กๆ มุงหญ้าคาพอหลบฝนได้เท่านั้น

    แต่กว่า 40 ปีที่หลวงปู่เหรียญได้ปกครองดูแลวัดอรัญญบรรพต พยายามคงสภาพของความเป็นวัดป่าไว้มากที่สุด โดยสร้างเสริมสิ่งก่อสร้างเท่าที่จำเป็นแก่การประกอบศาสนกิจ

    หลวงปู่เหรียญเป็นพระกัมมัฏฐาน ถือธุดงค์ ฉันสำรวมในบาตรมื้อเดียว ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งในพระธรรมวินัย รับกิจนิมนต์ เด่นสอนปฏิบัติธรรมสมาธิและเทศนาธรรมทั่วประเทศ

    แม้จะมีฐานะทางการปกครองสงฆ์ระดับเจ้าคณะอำเภอศรีเชียงใหม่-สังคม ฝ่ายธรรมยุต และเป็นพระเถระอาวุโสแห่งหนองคาย แต่ยังคงยึดแนวทางการครองตนตามแบบฉบับพระป่าในสายอีสานไว้อย่างเคร่งครัด

    ด้วยการฝึกฝนอบรมจากหลวงปู่มั่น ปฏิปทาการปฏิบัติธรรมของหลวงปู่เหรียญจึงงดงามหมดจด อุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา

    กล่าวกันในหมู่ศิษย์ว่า หลวงปู่มักปรารภถึงความปรารถนาสูงสุด คือ อยากให้ประชาชนมีความสามัคคี คณะสงฆ์ไม่ว่าจะสังกัดใด ลัทธิมหายาน-เถรวาท หรือมหานิกาย-ธรรมยุต ขอให้มีความสามัคคีเข้าไว้ ร่วมมือร่วมใจกันเผยแผ่งานพระพุทธศาสนา สร้างสันติสุขให้บังเกิดแก่โลก

    5 มิถุนายน 2548 ถือเป็นวาระแห่งความสูญเสียของชาวพุทธศาสนิกหนองคายและชาวไทยทั่วประเทศ

    ละสังขารลงด้วยอาการสงบ สิริรวมอายุ 93 ปี พรรษา 73

    IMG_20181106_223515.jpg IMG_20181106_223505.jpg IMG_20181106_223544.jpg
     
  6. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่540 พระผงเจ้าแม่กวนอิม เนื้อผงฤาษี ( สีขาวอมเหลือง ) ผสมผงเหล็กไหลตาแรด * ขนาดกว้าง 2.4 ซ.ม / สูง 3.3 ซ.ม หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแฝด ปี 2538 จ.กาญจนบุรี * มวลสารพิเศษผสมผงนพเกล้า ผงเหล็กไหลตาแรด โคตรเหล็กไหล
    คุณกันทิมา@บุญ ปิดครับ
    IMG_20181106_223437.jpg IMG_20181106_223428.jpg IMG_20181106_223620.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2018
  7. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่541 เหรียญหล่อล้อแม็กเล็ก หลวงพ่อเงินบางคลาน รุ่น ๑ ปี ๒๕๓๕ อ.โพทะเล จ.พิจิตร ( รุ่น ๑ พิเศษ) ปลุกเสกโดยหลวงพ่อเปรื่อง (ศิษย์เอกหลวงพ่อเงิน)
    IMG_20181106_223349.jpg IMG_20181106_223340.jpg IMG_20181106_223357.jpg IMG_20181106_223603.jpg
     
  8. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่542 พระผงพุทธชินสีห์นอโม วัดบ้านสวน ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง (สายเขาอ้อ)
    ๕ พระอาจารย์อุปัชฌาย์ สายสำนักวัดเขาอ้อ ผู้ประสาทวิชชาพุทธาคมเขาอ้อ
    พระอาจารย์อุปัชฌาย์ สายเขาอ้อ ผู้ประสาทวิชชาพุทธาคมเขาอ้อ แก่ศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ พระอาจารย์อุปัชฌาย์ทั้ง ๕ ท่านนี้เป็นพระอุปัชฌาจารย์ในท้องถิ่นตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง จากอดีตจนถึงปัจจุบัน


    ๑. พระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต (พระปรมาจารย์อุปัชฌาย์ ทองเฒ่า) วัดเขาอ้อ
    ๒. พระครูสิทธยาภิรัต (พระอาจารย์อุปัชฌาย์ เอียด) วัดดอนศาลา
    ๓. พระครูพิพัฒน์สิริธร (พระอาจารย์อุปัชฌาย์ คง) วัดบ้านสวน
    ๔. พระครูพิพิธวรกิจ (พระอาจารย์อุปัชฌาย์ คล้อย) วัดภูเขาทอง
    ๕. พระครูขันตยาภรณ์ (พระอาจารย์อุปัชฌาย์ พรหม) วัดบ้านสวน

    “สำนักวัดเขาอ้อ เมืองพัทลุง : มหาวิชชาไลยพุทธาคม แบบพราหมณ์-ฮินดู พุทธมหายานศรีวิไชยในอดีตกับปัจจุบันที่คงอยู่ในความไหวเปลี่ยน”

    IMG_20181106_223330.jpg IMG_20181106_223322.jpg IMG_20181106_223554.jpg
     
  9. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่543 ตะกรุดมหาอุตม์มหาโชคลาภ พระครูสุวรรณธีรวัฒน์(หลวงพ่อดุ๋ย)วัดหนองผักนาก สุพรรณบุรี ขนาด 6 ซม.
    คุณกันทิมา@บุญ ปิดครับ
    IMG_20181106_223718.jpg IMG_20181106_223708.jpg IMG_20181106_223658.jpg IMG_20181106_223648.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2018
  10. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่544 พระพิฆเณศวร์ รุ่น บุญสูง เนื้อผงพุทธคุณ ดร.ไมตรี บุญสูง คหบดีผู้เลื่อมใสพระพุทธศาสนาจัดสร้าง ๗ มี.ค.๒๕๔๙
    คุณกันทิมา@บุญ ปิดครับ
    พระพิฆเณศวร์ รุ่น บุญสูง เนื้อผงพุทธคุณ
    ดร.ไมตรี บุญสูง คหบดีแดนใต้ผู้เลื่อมใสพระพุทธศาสนา
    นับวันพระเครื่อง ในรุ่นบุญสูง ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น
    เพราะการจัดสร้างโดย ดร.ไมตรี ปราถนาให้ผู้ครอบครองได้รับวัตถุมงคลที่ดี ปกปักคุ้มภัย ส่งเสริมให้ก้าวหน้า
    จัดสร้าง ๗ มี.ค.๒๕๔๙
    จ.ภูเก็ต


    ในประเทศไทยจะ เห็นได้ว่ามีการบูชาเทพองค์ต่างๆในศาสนาพราหมณ์อยู่มากมาย รวมทั้งองค์พระพิฆเณศ ซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ดูได้จากการพบรูปสลักพระพิฆเณศในเทวสถานตามเมืองต่างๆ ทั่วทั้งประเทศไทย โดยมีหลักฐานการค้นพบองค์เทวรูปบูชาพระพิฆเณศที่เก่าแก่ในสมัยที่ขอมเรือง อำนาจในดินแดนสุวรรณภูมิ เป็นต้นว่าองค์เทวรูปบูชานั้นสลักจากหิน ค้นพบทางแถบจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพฯ

    คนไทยถือว่าองค์พระพิฆเนศวรเป็นที่เคารพสักการะในฐานะองค์บรมครูแห่ง ศิลปวิทยาการ 18 ประการ โดยคนไทยยอมรับในองค์พระพิฆเนศวรให้เป็นเทพแห่งศิลปะทั้งมวล และเป็นเทพองค์สำคัญในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งทางศาสนาพราหมณ์ได้ สถาปนาพระพิฆเนศวร เป็นเทพพระองค์แรกที่ต้องบูชาก่อนเริ่มพิธีใดๆ เป็นการคารวะในฐานะบรมครูผู้ประสาทปัญญาและความสำเร็จ สามารถขจัดอุปสรรคทั้งปวงให้หมดสิ้นไป กิจการทุกอย่างจึงสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี หน่วยงานราชการกรมศิลปากรและมหาวิทยาลัยศิลปากรจึงได้ถือเอาพระพิฆเนศวรเป็นสัญลักษณ์

    พระพิฆเนศวรเป็นโอรสของพระอิศวรและพระอุมาเทวี มีรูปกายเป็นมนุษย์ มีเศียรเป็นช้าง ทุกคนเคารพนับถือท่านในฐานะที่ท่านเป็น "วิฆเนศ" นั่นคือ เจ้า (อิศ) แห่งอุปสรรค (วิฆณ) เพราะเจ้าแห่งอุปสรรค ที่สามารถปลดปล่อยอุปสรรคได้ และอีกความหมายถึง ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จในทุกศาสตร์สรรพสิ่งหรือเทพเจ้าแห่งการเริ่ม ต้นใหม่ทั้งปวง เมื่อพิจารณาความหมายในทางสัญญะ รูปกายที่อ้วนพีนั้นมีความหมายว่า ความอุดมสมบูรณ์ เศียรที่เป็นช้างมีความหมาย หมายถึงผู้มีปัญญามาก ตาที่เล็กคือ สามารถมอง แยกแยะสิ่งถูกผิด หูและจมูกที่ใหญ่หมายถึง มีสัมผัสพิจารณา ที่ดีเลิศ พระพิฆเนศวรมีพาหนะคือ หนู ซึ่งอาจเปรียบได้กับความคิด ที่พุ่งพล่าน รวดเร็ว ดังนั้น มนุษย์จึงต้องมีปัญญากำกับเป็นดั่งเจ้านายในใจตน
    IMG_20181106_223418.jpg IMG_20181106_223408.jpg IMG_20181106_223612.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2018
  11. กันทิมา@บุญ

    กันทิมา@บุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2018
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +401
    จองค่ะ
     
  12. กันทิมา@บุญ

    กันทิมา@บุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2018
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +401
    จองค่ะ
     
  13. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบการจอง รายการที่ 540,544 ครับ
     
  14. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่545 รูปหล่อหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์ กล่องเดิม
    IMG_20181108_222316.jpg IMG_20181108_222308.jpg IMG_20181108_222410.jpg
     
  15. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่546 รูปหล่อหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พร้อมกล่องเดิม
    คุณกันทิมา@บุญ ปิดครับ
    IMG_20181108_222300.jpg IMG_20181108_222252.jpg IMG_20181108_222401.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2018
  16. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่547 พระผงพระท่ากระดาน ลพ.ลำไย วัดทุ่งลาดหญ้า รุ่น หอสมุดเฉลิมพระเกียรติ ปี2539 สุดยอดประสบการณ์ จากทหาร ชายแดนใต้
    ***หลวงพ่อลำใย ท่านเป็นศิษย์ สืบทอด สาย ลป.ยิ้ม วัดหนองบัว โดยท่านเป็นศิาย์ของ ลพ.สอน ซึ่งเป็น ศิษย์สายตรง ลป.ยิ้ม อีกท่านหนึ่ง วัตถุมงคลของท่าน มีประสบการณ์โดยตรงจากทหารในค่าย กองพล.9
    ****พระท่ากระดาน เป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมานานแล้วครับ โดยเฉพาะเรื่องมหาอุด คงกระพันชาตรี ท่านอาจารย์ตรียัมปวายได้เขียนยกย่องไว้อย่างน่าชมว่า

    ท่ากระดานกระเดื่องด้าว แดนกาญจน์
    อุไรฉาบมันปูฉาน ฉ่องเนื้อ
    กล่ำเนตรเกศบิดสาร ศอเบี่ยง
    เรืองเดชมหาอุตม์เกื้อ เก่งยั้งยังกระสุน


    พระท่ากระดาน นั้นในสมัยก่อนชาวบ้านมักเรียกกันว่า "พระเกศบิดตาแดง" คงเนื่องด้วยพระท่ากระดานนั้นส่วนมากพระเกศมักจะบิดคดงอไม่ตั้งตรง เนื่องจากเป็นพระเนื้อชินตะกั่วและถูกบรรจุทับถมไว้ในกรุเป็นเวลานาน ส่วนที่เป็นพระเกศจึงคดงอตามที่ถูกกดทับ ส่วนคำว่าตา แดงนั้นก็เนื่องจากองค์พระเป็นเนื้อตะกั่วและมีสนิมแดงจัดเกือบทุกองค์ และที่พระเนตรก็เป็นแบบพระ เนตรเนื้อคือ มีดวงพระ เนตรนูนเด่นเห็นได้ชัด ชาวบ้านในสมัยก่อนจึงตั้งชื่อตามลักษณะเด่นที่เห็น ต่อมาเมื่อคนต่างถิ่นเห็นพระท่ากระดานและรู้ที่มาว่า พบที่ตำบลท่ากระดาน กาญจนบุรี จึงเรียกกันใหม่ว่า "พระท่ากระดาน" ตามชื่อตำบลที่พบพระนั้น

    พระท่ากระดาน นี้พบกันที่วัดร้างเมืองท่ากระดานเก่ามานานมากแล้ว ประมาณตั้งแต่ปีพ.ศ. 2440 พบที่วัดเหนือ วัดกลาง วัดล่าง และที่บริเวณถ้ำลั่นทม พระเครื่องที่พบทั้งหมดนี้เรียกว่าพระกรุเก่าศรีสวัสดิ์ และได้มีการขุดค้นกันเรื่อยมา แต่ก็พบพระไม่มากนัก จนถึงปีพ.ศ. 2495-2496 ก็เป็นการค้นหากันอย่างจริงจังและพระก็หมดไปจากตำบลท่ากระดาน ตำแหน่งที่เป็นกรุพระในปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำในเขื่อนศรีนครินทร์ ต่อมาได้มีการพบพระท่ากระดานที่วัดในตัวจังหวัดอีก 3 วัดคือ ที่วัดหนองบัว ในปีพ.ศ. 2497 หลวงปู่เหรียญท่านได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม ขณะที่ช่างกำลังซ่อมแซมพระอุโบสถหลังเก่าอยู่นั้นก็ได้พบ พระท่ากระดาน รวมทั้งสิ้น 93 องค์ และพระสกุลท่ากระดานอีก 21 องค์ รวมทั้งพระปิดตาเนื้อผงที่หลวงปู่ยิ้มสร้างไว้ พระเครื่องทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ในโถโบราณ ที่อยู่บนเพดานพระอุโบสถด้านหลังพระประธาน ซึ่งหลวงปู่ยิ้มบรรจุไว้ และพระท่ากระดานทั้งหมดนั้นได้มีผู้นำมาถวายหลวงปู่ยิ้มไว้ เป็นพระท่ากระดานกรุเก่าศรีสวัสดิ์ทั้งหมด ในปีพ.ศ. 2506 พบพระท่ากระดานที่วัดเหนือ (วัดเทวสังฆาราม) สมัยหลวงพ่อดี เป็นเจ้าอาวาส ทางวัดได้มีการเจาะพระเจดีย์องค์ปราน ซึ่งประ ดิษฐานอยู่หน้าพระวิหารเพื่อบรรจุพระ 25 พุทธศตวรรษ ซึ่งทางการได้มอบมาให้บรรจุ ขณะที่คนงานกำลังเจาะลึกไปได้ประมาณ 1 เมตร ได้มีทรายที่บรรจุอยู่ทะลักออกมาเป็นอันมาก เมื่อโกยทรายออกมาจนหมดจึงพบไหโบราณเคลือบสีดำภายในบรรจุพระท่ากระดานและพระเครื่องต่างๆ และภายในที่พื้นกรุใต้ไหก็พบพระบูชาและพระเครื่องต่างๆ มากมาย พระท่ากระดานที่บรรจุอยู่ในไหพบจำนวนทั้งสิ้น 29 องค์ ในปีพ.ศ.2507 ได้มีการขุดพบพระท่ากระดานอีกที่วัดท่าเสา ในพระเจดีย์โบราณองค์หนึ่งได้พระท่ากระดานและพระท่ากระดานน้อยอีกจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มีการบันทึกจำนวนพระเอาไว้

    พระท่ากระดาน ที่พบภายหลังที่ตัวจังหวัดนี้เรียกกันว่า "พระกรุใหม่" สันนิษฐานว่าในสมัยก่อนมีคนนำพระท่ากระดานที่ขุดพบจากศรีสวัสดิ์ นำมาถวายไว้ตามวัดต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว และนำบรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์ จึงได้มาพบพระท่ากระดานอีกภายหลังตามวัดทั้งสามนี้ พระท่ากระดานที่พบในตัวจังหวัดเป็นพระท่ากระดานพิมพ์เดียวกันกับพบที่ศรีสวัสดิ์ทุกประการ เนื้อหาก็เป็นพระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดงเช่นเดียวกัน

    พระท่ากระดาน เป็นพระศิลปะอู่ทอง อายุการสร้างก็ราวๆ 600-700 ปี เนื้อหาและสนิมเป็นสนิมแดงงดงามมาก บางองค์มีการปิดทองมาแต่เดิม ส่วนที่กรุวัดเหนือก่อนบรรจุพระบางองค์มีการปิดทองเพิ่มก่อนการบรรจุก็มี พุทธคุณของพระท่ากระดานมีประสบการณ์มากมายจนเป็นที่กล่าวขวัญกันถึง เรื่องอยู่ยงคงกระพันชาตรี ว่าเป็นเลิศ นอกจากนั้น ก็ยังเป็นเรื่องของโชคลาภอุดมสมบูรณ์ตามแบบฉบับของพระอู่ทอง

    มี3 องค์ บูชาองค์ละ 100 บาท
    องค์ที่1 IMG_20181108_221954.jpg IMG_20181108_221946.jpg
    องค์ที่2 IMG_20181108_221938.jpg IMG_20181108_221929.jpg
    องค์ที่3 IMG_20181108_221921.jpg IMG_20181108_221911.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2019
  17. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่548 พระผงพระสมเด็จ หลังรูปเหมือนหลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข จังหวัดสิงห์บุรี รุ่นรัตน 1
    ***เอ่ยถึงพระหลวงปู่บุดดา คนเล่นพระอาจมองข้ามไปอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยเหตุผล พระท่านไม่ดัง พระท่านไม่แพง หรือห้อยแล้วไม่เท่ โชว์ไม่ได้ หรือไม่มีข่าวคราวปาฏิหาริย์อะไร อย่างฟันไม่เข้าหรือยิงไม่เข้าตามหน้าหนังสือพิมพ์ อันนี้ ขอท่านได้พิจารณาให้รอบคอบ
    อันศักดิ์ศรีของหลวงปู่บุดดานั้น แม้จะดูธรรมดาในสายตาชาวโลก แต่สายของเหล่ากองทัพธรรมนั้นสูงสุดจะบรรยาย

    ครั้งหนึ่งท่านได้เดินทางไปสนทนาธรรมกับหลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่บุดดาได้เทแป้งเสกลงในมือหลวงปู่ดู่ และทันทีทันใดเหมือนกัน หลวงปู่ดู่รีบเทแป้งเหล่านั้นลงบนศรีษะท่านจนขาวโพลนไปหมด ท่ามกลางความ ตกตะลึง ของเหล่าลูกศิษย์ท่านมากๆ เพราะปกติหลวงปู่ดู่ท่านมีกิริยาที่เรียบร้อยเอามากๆ จนเมื่อหลวงปู่บุดดากลับไป ลูกศิษย์ท่านหนึ่ง ถามหลวงปู่ทันที

    " หลวงปู่ทำไมเทแป้งอย่างนั้นล่ะครับ" ท่านตอบทันที

    "ก็ผง พระอรหันต์ ท่านให้ จะให้เอาไว้ตรงไหนนอกจากบนศรีษะของเรา ไม่งั้นจะเป็นการไม่เคารพ"

    และที่สำคัญในพิธีเปิดโลกที่แสนสะโด่งดังนั้น หลวงปู่ดู่ท่านยังเชิญบารมีขององค์หลวงปุ่บุดดามาร่วมเสกด้วย (ทางญาณนะครับ)

    แม้แต่องค์หลวงปุ่ชา วัดหนองป่าพง พระเถระที่ปกติไม่สรรเสริฐพระองค์ไหนง่ายๆ ในวันหนึ่ง เมื่อท่านทราบว่าหลวงปุ่บุดดา นั่งอยุ่บนรถบัส ท่านถึงพูดกับลูกศิษย์ว่า

    " ไม่ให้ท่านลงมานะ เราจะขึ้นไปกราบหลวงปุ่บุดดาบนรถเอง"

    แล้วท่านก็ขึ้นไปทั้ง กราบ ทั้ง ไหว้ อย่างเคารพและเรียบร้อยที่สุด

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงท่านเคยบอกให้ลูกศิษย์ไปกราบ หลวงปู่บุดดา ตั้งแต่ที่ท่านยังอยุ่ที่วัดอาวุธ ฝั่งธน กทม. โดยให้เหตุผลว่า " รีบไปกราบท่านนะ หลวงปู่องค์นี้ ท่านเป็นพระทองคำ ท่านจะไม่มาเกิดอีกแล้วนะ " และยกย่องหลวงปุ่บุดดาอีกหลายครั้ง และหากท่านสงสัยในกัปกริยาที่ค่อนข้างจะแหวกแนว และ ล่อแหลมขององค์หลวงปู่ ที่มักทำอะไรที่คนทั่วไปมองว่าผิดปกติ ขอให้คิดเอาเสียใหม่ นี่คือเนื้อนาบุญของแท้

    ซึ่งแม้แต่หลวงปู่สิม แห่งสำนักสงฆ์วัดถ้ำผาปล่อง ยังขอถวายสังฆทานและจีวร เป็นการเฉพาะ และบอกว่า " หลวงปู่บุดดา ยอดเยี่ยมที่หนึ่ง แก่ทั้งอายุ แก่ทั้งพรรษา และแก่ทั้งมรรคผลนิพพาน"

    หากท่านสงสัยในพุทธคุณที่หลวงปู่บรรจุไว้ในองค์พระแล้ว โปรดอ่าน

    ครั้งหนึ่งมีคนนำพระไปให้ท่านเสก ส่งไปแล้วท่านก้อส่งกลับ ทำอย่างนี้ถึง 3 ครั้ง โดยไม่แสดงอาการ เสก แต่อย่างใด ท่ามกลางความงุนงงของผุ้นั้นมาก จนหลวงพ่อองค์หนึ่งที่นั่งอยุ่ที่นั้นบอก " พระองค์นี้ออกรบได้แล้วล่ะโยม " เต็ม ตั้งแต่ที่ส่งมาให้แล้ว ........ตกใจไหม...... และเมื่อมีคนนำพระไปให้ครูบาสร้อย วัดมงคงคีรีเขต จ.ตาก พระอาคมขลัง ที่ผู้อ่านศักดิ์สิทธิ์คงรุ้จักกันดี ช่วยเสกซ้ำอีกที ท่านได้ปฏิเสธและให้เหตุผลว่า

    "เต็มแล้ว เสกไม่ได้แล้ว" แม้แต่องค์หลวงพ่อพุธ ยังปฏิเสธเหมือนกัน และบอก " จะให้เสกทับไปได้อย่างไร หลวงปู่บุดดาก็เป็นครูบาอาจารย์องค์หนึ่งของเราเหมือนกัน" สุดยอดจิงๆ

    ทุกวันนี้เราหาพระที่จะมาห้อยคอนั้น ง่ายเหลือเกิน แต่จะหาพระแท้ มาห้อยนั้น ยากครับ หากท่านเล่นพระ บูชาพระที่พุทธคุณ ไม่ใช่เล่นที่ค่านิยม อันเป็นเรื่องของทางโลกแล้ว พระหลวงปู่บุดดาเป็นอีกองค์หนึ่งซึ่งผม ขอฝากไว้ในใจท่านทั้งหลายครับ

    มี 2 องค์ บูชาองค์ละ 100 บาท
    องค์ที่1 IMG_20181108_221903.jpg IMG_20181108_221854.jpg
    องค์ที่2 IMG_20181108_221845.jpg IMG_20181108_221836.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2019
  18. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่549 พ่อปู่ฤาษี-หลังพระพิฆเนศ วัดถ้ำแฝด กาญจนบุรี รุ่นไหว้ครู เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2545 ขนาด 3 cm
    IMG_20181110_220626.jpg IMG_20181110_220614.jpg
     
  19. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่550 พระผงรูปเหมือนหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ (พระสุนทรธรรมากร) วัดธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม
    หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ (พระสุนทรธรรมากร) วัดธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม นับเป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่มีวิชาอาคมอันเข้มขลัง มีปฏิปทาอันน่าเคารพศรัทธาเลื่อมใส มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นพระนักพัฒนา ผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองมาสู่วัดธาตุมหาชัย รวมทั้งคณะสงฆ์ในจังหวัด และใกล้เคียงอีกจำนวนมาก นับเป็นพระเถราจารย์ที่น่ากราบไหว้อย่างที่สุด

    ประวัติหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม
    ตามประวัติ หลวงปู่คำพันธ์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๔๕๘ ณ บ้านหนองหอยใหญ่ ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม ในตระกูล "ศรีสุวงศ์" เมื่ออายุ ๑๗ ปีได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดศรีบุญเรือง อ.นาแก ต่อมาได้พบกับ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายกรรมฐานผู้มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น จึงฝากตัวเป็นศิษย์ รับแนวทางการสอนของพระอาจารย์เสาร์มาปฏิบัติตาม โดยเฉพาะการกำหนดรู้ของลมหายใจเข้าออก ทำให้มีความรู้ในด้านนี้เพิ่มขึ้น หลังจากนั้น ท่านได้เดินธุดงค์ไปทาง อ.ภูเรือ จ.เลย จนพบกับ ปะขาวครุฑ ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติผู้ใหญ่ และเป็นผู้มีวิชาอาคม ไสยเวทและวิชาแพทย์แผนโบราณอย่างแตกฉาน จึงได้ขอเรียนวิชาทั้งหมดนี้จากปะขาวครุฑ จนมีความรู้ความเข้าใจเป็นอันดีอีกทางหนึ่ง สำหรับปะขาวครุฑท่านนี้ เป็นผู้ถือศีลปฏิบัติธรรมแบบพระ แต่ไม่ได้บวชเป็นพระ ครองผ้าขาวห่มกายเป็นประจำ ท่านเป็นศิษย์ของ สำเร็จลุน ผู้สืบสานวิชาอาคมสายลุ่มน้ำโขงสมัยโบราณ จาก ท่านญาครูขี้หอม แห่งล้านช้าง ต้นตำรับวิชาอาคมสายนี้ ซึ่งโด่งดังในสมัยก่อนมาก

    สรุปว่า หลวงปู่คำพันธ์ได้เรียนรู้วิชาอาคมสายนี้มาอย่างครบถ้วน และเมื่ออายุครบบวช ท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดโพธิ์ชัย อ.นาแก จ.นครพนม ต่อมาโยมมารดาถึงแก่กรรม ท่านจึงลาสิกขา ออกมาช่วยเลี้ยงดูน้องๆ ที่ยังเล็กอยู่ ท่านได้อุปสมบทอีกครั้งเมื่ออายุ ๓๐ ปี ณ วัดโพธิ์ชัย อ.นาแก กาลเวลาได้ผ่านไปพร้อมกับบารมีอันแก่กล้าของท่านก็มีมากเพิ่มขึ้นด้วย จึงได้นำญาติโยมสร้าง วัดธาตุมหาชัย ขึ้นมาจากวัดเล็กๆ จนเติบโตในเวลาต่อมา ขณะเดียวกัน ก็มีศรัทธาญาติโยมต่างพากันมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์อย่างกว้างขวาง ทำให้ชื่อเสียงของท่านโด่งดังขึ้นมาทันที

    ปฐวีธาตุ วัตถุมงคลหลวงปู่คำพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัตถุมงคลรุ่นแรกๆ ของท่านที่นำหินจากแม่น้ำโขงขึ้นมาแผ่เมตตาอธิษฐานจิตเป็นองค์พระ ด้วยการเจริญธาตุ ๔ ตั้งธาตุ หนุนธาตุ ให้มีพลังด้วยอภิญญาธรรม มีค่าเหนือกว่าหินธรรมดาทั่วไป ซึ่งท่านเรียกว่า ปฐวีธาตุ หรือ พระเพชร หมายถึงหินที่มีคุณค่าทางธรรมะเท่าเทียมเพชร หลวงปู่บอกว่า พระเพชรนี้จะคุ้มครองคุ้มกันภัย กันสายฟ้าฟาด กันไฟ กันรังสีของความร้อนที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และฉับพลันได้ ซึ่งนับเป็นสุดยอดวัตถุมงคลของหลวงปู่คำพันธ์ ที่ลูกศิษย์ผู้ได้รับต่างหวงแหนกันมาก นอกจากนี้ ท่านยังอธิษฐานจิต ตะกรุด และพระเครื่องรุ่นต่างๆ ที่มีหลากหลายรูปแบบ ล้วนมีประสบการณ์ในการใช้ติดตัวตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมัย ผกค.มีอิทธิพลในภาคอีสาน ทหารตำรวจ อาสาสมัครทหารพราน ที่ออกสู้รบ และรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ต่างก็มีวัตถุมงคลของหลวงปู่คำพันธ์ทั้งสิ้น จนเป็นที่แสวงหาของศรัทธาญาติโยมอย่างกว้างขวาง

    หลวงปู่คำพันธ์ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระสุนทรธรรมากร เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๕ และมรณภาพเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ สิริรวมอายุ ๘๘ ปี ขณะนี้สรีระของท่านยังอยู่ที่วัดธาตุมหาชัยในสภาพที่สมบูรณ์ มิได้เน่าเปื่อยแต่ประการใด
    IMG_20181110_220538.jpg IMG_20181110_220528.jpg kampan1.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2018
  20. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่551 พระผงหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน รุ่นปลดหนี้ เนื้อผงมวลสารเกสรดอกไม้ 108 จาก 9 วัดศักดิ์สิทธิ์
    หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน รุ่นปลดหนี้" เนื้อผงมวลสารเกสรดอกไม้ 108 จาก 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ได้แก่ วัดหลวงพ่อโสธร วัดบ้านแหลม วัดช้างให้ วัดพระปฐมเจดีย์ วัดป่าเลไลยก์ วัดปากคลอง มะขามเฒ่า วัดหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดพระธาตุพนม วัดระฆังโฆสิตาราม และชนวนโลหะทองฝาบาตรตั้งแต่ปี 2514, 2515, 2523, 2525, 2528
    ปีพ.ศ.2534 หลวงพ่อเปรื่อง วัดบางคลาน ได้จัดสร้างพระรูปหล่อลอยองค์จอบใหญ่ มีชื่อด้านหลังพิมพ์ต่างๆ ว่า "ปลดหนี้" และพระผงลอยองค์ จอบเล็ก จอบใหญ่ หลวงพ่อเปรื่องได้กำหนดฤกษ์ วันกดพิมพ์พระทั้งชุด ถือเอาวันธงชัยมหัทโณฤกษ์ คือฤกษ์เศรษฐีเป็นปฐมฤกษ์ และได้เข้าพิธีปลุกเสกพระพุทธคุณเปี่ยมล้นความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง จึงเป็นพระดังประจำปี พ.ศ.2534
    IMG_20181110_220605.jpg IMG_20181110_220555.jpg


     

แชร์หน้านี้

Loading...