หลวงปู่ดุลย์สอนว่า "คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงรู้ แต่ก็ต้องอาศัยความคิดจึงรู้"

เห็นไหมท่านฤษี เราอยู่ของเรา

เเล้วมนุษย์ก็เพ่งแต่เรา

 

ตอนนี้ไม่มีครับ

[ รอดตัวละคราวนี้ ]

 

อีกคนก็แสร้งโง่มาล่อให้เป็นเป้า เป็นกระจก ให้คนอื่นดูตัวเอง
อีกคนก็ฉลาดนักที่จะสอน แต่ไม่รู้ว่าคนฟังเขาจิตระดับไหน



มันพอแล้วทั้งสองฝ่าย จิตน่ะ ใช้ได้ทั้งคู่
ไปโปรดคนโง่ๆ คนอื่นเถอะ มาสอนกันเองทำไม


สัตว์โง่ดื้อด้านมีอีกมากรอให้ช่วย
พระพุทธองค์บอกให้เดินไปทางละคน
อย่าหนุงหนิงไปทางละสองคน



ไปไป๊

 

จะไปหาพวกมาช่วยยกหางทำไมล่ะ

แล้วมนุษย์ก็เพ่งแต่เรา..
ประโยคนี้ไม่ให้เพ่งได้อย่างไร ก็เล่นยกตัวซะขนาดนั้น

 

เรานะเฉยๆ..เพราะเรารู้ตนเอง

เราก็รู้ว่าเราอยู่ที่ไหนของชีวิต ณ ปัจจุบัน

ส่วนคนอื่นเราก็ไม่ได้สนใจ

อยากจะสอนปริยัติ สอนธรรม ก็สอนกันไป

พอเราเบื่อเราก็ไป พอเราอยากเล่นเราก็มา เเค่นั้น

ใครจะได้นิพพานหรือไม่ได้ ก็ไม่ใช่กิจของเรา

 

(||)

 

เย้...ไปหมดเเล้ว..เหลือกันเเค่นี้..ดีจังเลย

 

เเนนเห็นเเล้วใช่ไหมค่ะ

ว่าทุกอย่างนะ มันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาของจิต

มนุษย์ต่างพยายาม ขัดแย้ง

และพยายามจะเป็นที่หนึ่งให้ได้ในกระทู้นี้

นั้นก็คือ สภาวะของจิต ที่อยู่ในร่างกาย

แนนดูเฉยๆ และไม่ได้ทำอะไร

นั้น คือ สภาวะใจที่หยุดนิ่ง

ย่อมเห็น ว่าใครเป็นอย่างไร

เมื่อแนนไม่ได้ทำอะไร

เเนนก็ไม่ทุกข์ และไม่สุข

และนั้นก็คือ สภาวะแห่งนิพพาน

เนี๊ยเเละที่บอกว่าให้หยุดคิด

เมื่อหยุดคิดแล้วจะรู้ว่าความวุ่นวายสับสนภายในเป็นเช่นไร

 

อะนะ (ยังมีสติระลึกรู้ตัวหนอ รู้ตัวหนอ)
ถูกของอาจารย์สันโดษ เรื่องพรหมไม่แบ่งเพศหญิง เพศชาย
ก็พวกเรายังไม่ใช่เลยต้องอยู่กลุ่ม สาว สาว สาว เนอะ

 

ยังโง่อยู่ จึงหวังมา หาความรู้

ใจยังมีกิเลสอยู่ จึงหวังมาขัดเกลา

คงเหลือแต่เรา เท่านั้น ที่ยังโง่เขลา เบาปัญญา

 

ถามจารย์สันโดษมั่ง
กาย จิต เมื่อแยกจากกันเราจะรู้ได้อย่างไร (ขอถามแบบโง่อย่างมีสติ)

 

เพศนั้นไม่มีจริงคะ

ไปดูตามหลักคำสอนและวัฒนธรรมต่างๆ

จะกดผู้หญิง เพราะว่าผู้หญิง มีอัตตาน้อยกว่าผู้ชาย

จึงทำให้สามารถเข้าสู่สภาวะที่ติดต่อกับธรรมชาติได้มากกว่า

ดังนั้น ผู้ชายหรือผู้ตังกฏหมายจึงพยายามบีดเบือนและกดผู้หญิง

บ้างศาสนาหรือลัทธิ ได้ฆ่าผู้หญิงนับล้าน ก็เพราะเหตุนี้ละคะ

เพราะเมื่อไรที่ผู้หญิงสามารถ คืนสู่ธรรมชาติได้ จะเหนือกว่าผู้ชายมาก

 

อ้าว เห็นเป็นขัดแย้งกันจริงๆเหรอ

เห็นก็ได้ ไม่เห็นก็ได้

เราทำได้แค่ ชี้ ให้เห็นกันไว้

เคยคาดคั้น ระบุลงไปหรือก็เปล่า

ถ้าเรานั้นเห็นก็ยินดีไปตามยถา

แม้นไม่เห็นก็ให้เป็นไปตามยถา

แต่ผู้ที่เจริญกระจกได้แล้ว ก็สบายไปเนอะ

ว่างๆก็แบ่งกันส่องกลับไปบ้างนะ

 

เมื่อนั่งสมาธิ จนถึงระดับ ฌาน หรือ เมื่อปราศจากความคิด

ร่างกายจะเกิดภาวะ เเยกกายออกจากจิตเอง

บางคนน้ำตาไหล, บางคนสั่น, บางคนถึงขนาดพูดเลยก็มี

เพราะเมื่อปราศจากความคิด

คำพูดที่มาก่อนความคิด มาจากอีกมิติหนึ่งคะ

แต่ยังไม่อยากลึกมาก เพราะมันอันตรายถึงชีวิตคะ

เลยต้องให้ยึด พระพุทธเจ้าก่อนนะ

 

รวมพี่ด้วยเน้อ ยังโง่อยู่จริงๆนะ โง่แบบมีสติ ไม่ด้ายแกล้งโง่

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>เด็กชายพชร, สันโดษ, k.kwan </TD></TR></TBODY></TABLE>

แช๊ะ ห้องนี้ สาว สาว สาว

 

จะเอาบานไหนล่ะท่านเอกวีร์

รึว่าจะส่องหล่อ...55

 

อิอิ

ว่าแต่ว่า ใครจุดประเด็นแบ่งเพศกันหรือ

 

เอาไว้ถ้าดูจิต ดูกายได้ตลอด

เเล้วจะค่อยๆพาไปเที่ยวอีกมิติ

นิพพานเป็นเพียงแค่ประตู

พวกผู้ชายยัง หาประตูไม่เจอเลยยยยย



ถ้าเข้าใจเเล้ว นิพพานก็ คือ
ทางไปสู่ เวทมนต์ พลังจิต อภิญญา

สววรค์ นรก เยอะเเยะเลยท่าน

 

.....เจอถามแบบนี้ อ๊ะ ว่างต่อ