➡➡➡ ภารกิจเที่ยววัด ➡➡➡

วัดพระธาตุดอยคำสร้างในรัชสมัยพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งหริภุญชัย โดยพระโอรสทั้ง ๒ เป็นผู้สร้างในปี พ.ศ. ๑๒๓๐ ประกอบด้วยเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ศาลาการเปรียญกุฏิสงฆ์ และพระพุทธรูปปูนปั้น เดิมชื่อวัดสุวรรณบรรพต แต่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดดอยคำ"

 

ขอบคุณครับรูปสวยงามมาก ไม่เคยไปแต่เหมือนได้ไปด้วยขอบคุณครับ

 

ขอบคุณที่ติดตามครับผม

 

เช้าวันที่ ๓๑ ธันวาคม อันเป็นวันส่งท้ายปีเก่า ขับรถออกมาจากที่พักไม่ไกลก็เข้าสู่วัดอรัญญวิเวกของท่านพระอาจารย์เปลี่ยน





เช้านี้มีผู้คนมาทำบุญถวายภัตตาหารเยอะเต็มหอฉัน สอบถามก็ได้ทราบว่ามีมาจากกรุงเทพกันพอสมควร

 

สำหรับท่านพระอาจารย์เปลี่ยนปัจจุบันก็ถือว่าเป็นศิษย์สายพระอาจารย์มั่นที่มีอาวุโสมากรูปหนึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป ปัจจุบันท่านก็ไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก ได้ติดตามข่าวก็ทราบว่าท่านเข้าโรงพยาบาลค่อนข้างบ่อย ครั้งนี้ได้มีโอกาสมาทำบุญที่วัดของท่านก็ถือว่าโชคดีมากทีเดียว





"รูปถ่ายของพระอาจารย์ที่ทางวัดมอบให้ไว้บูชา"

 

ที่อำเภอแม่แตงอีกหนึ่งวัดที่ไม่ควรพลาดคือ วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน หรือวัดบ้านเด่น ของครูบาเทือง ปัจจุบันจะมีผู้คนหลั่งไหลมาเที่ยวกันมากมายทุกวันทั้งคนไทยและผู้คนจากประเทศจีน







สภาพแวดล้อมประกอบด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปะไทย และศิลปะล้านนา ทำให้วัดแห่งนี้มีความสวยงามวิจิตรตระการตาเป็นอย่างมาก แต่เดิมชื่อว่า วัดบ้านเด่นเฉย ๆ ตั้งแต่ท่านครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล มาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ จากที่ไม่เคยมีต้นโพธื์เลยสักต้นเดียว ก็มีต้นโพธิ์ขึ้นมากมาย โดยชาวเหนือเรียกต้นโพธิ์ว่า “ต้นสะหลี” ซึ่งมีความหมายว่าเป็นมงคลดี ก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อวัดเพื่อเป็นสิริมงคลแก่วัด อีกทั้งวัดยังตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าในสมัยโบราณที่ชื่อว่าเมืองแกน ชาวบ้านก็เลยเรียกชื่อวัดนี้เต็ม ๆ ว่า “วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน”

 

วัดบ้านเด่นสะหลีศรีเมืองแกน ยังเป็นสถานที่นมัสการพระธาตุประจำปีเกิด 12 ราศี ภายในวัดอุโบสถ หอไตร หอกลอง วิหารเสาอินทขิล กุฏิไม้สักทองทรงล้านนา พระวิหาร พระสถูปเจดีย์ สิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่มีความงดงามห้อมล้อมด้วยธรรมชาติเนินเขาที่สวยงาม และ "เป็นวัดที่สวยที่สุดในเชียงใหม่ ณ ตอนนี้เลยก็ว่าได้"





"วิหารหลวงพ่อทันใจ"

 

เสร็จภารกิจที่อ.แม่แตงพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ อ.เชียงดาว ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง(วัดหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ) แม้จะเคยมาถึง ๒ ครั้งแล้วก็ยังคงประทับใจกับบรรยากาศที่ เงียบสงบร่มรื่น(จอดรถไว้ด้านล่างเดินไปตามทางและบันไดประมาณ 510 ขั้น) สมกับที่เคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระอริยสงฆ์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังและมีเมตตาธรรมเป็นเลิศ หากแม้วันนี้หลวงปู่สิมจะจากเราไปนานแล้ว แต่เราคงยังรับรู้ได้ถึงกระแสแห่งความเมตตา ทุกย่างก้าวที่เราเดินขึ้นไป คำสอนของหลวงปู่ยังอยู่ หากน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติตาม หลวงปู่ก็ยังคงอยู่กับเราเสมอ







"ภาพบรรยากาศบริเวณหน้าวัดด้านล่าง วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีมีผู้คนมาเที่ยววัดกันเยอะพอสมควร"

 

วิหารหลวงปู่สิม สร้างทับบริเวณที่เคยพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงปู่ ตั้งอยู่ตรงหน้าวัดด้านล่าง

 

ทางขึ้นถ้ำผาปล่อง

 

ระหว่างทางเดินจะมีคำสอนของหลวงปู่ให้แวะอ่านหลายจุด และเพื่อจะได้พักเหนื่อยไปในตัวด้วย




ศาลานั่งพักเหนื่อยจุดแรก พวกเราเดินขึ้นถ้ำใกล้เวลาช่วงเที่ยงแต่ที่นี่อากาศกลับสดชื่นเย็นสบาย

 

จุดนั่งพักเหนื่อย#จุดที่สอง ตรงนี้เริ่มจะเห็นพระเจดีย์บนถ้ำอยู่ไกลๆ ส่วนใหญ่ผู้คนจะแวะพักถ่ายรูปและพักเหนื่อยกันตรงจุดนี้

 

ถึงปากทางเข้าถ้ำแล้ว

 

ภายในถ้ำอากาศจะเย็นสบาย นั่งทั้งวันก็ไม่รู้สึกเบื่อ

 

เดินลึกเข้าไปด้านในจะเจอกุฎิของหลวงปู่สิม

 

อัฐิธาตุหลวงปู่

 

เมื่อกราบหลวงปู่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินลงด้านล่างเพื่อจะไปบูชาล๊อกเกต ซึ่งเมื่อไปครั้งก่อนก็บูชาไว้บ้างแล้วแต่ก็ยังอยากเก็บเพิ่มอีก เนื่องจากจะชอบรุ่นนี้เป็นพิเศษตรงที่ด้านหลังฝังอัฐิธาตุของหลวงปู่ด้วย ซึ่งอัฐิธาตุของพระอรหันต์ไม่ใช่จะหาบูชากันได้ง่ายๆ แต่ปรากฏว่าหมดแล้วก็เสียดายอยู่เหมือนกัน

 

เสร็จภารกิจที่อ.เชียงดาวพวกเราก็มุ่งหน้ามาที่อ.แม่ริมเพื่อมากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญมากของจ.เชียงใหม่ นั่นคือ "พระพุทธบาทสี่รอย"
เส้นทางมาวัดพระพุทธบาทสี่รอย เป็นเส้นทางในป่าเขา มีขึ้นลงบางจุดแคบและคดเคี้ยวต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ในอดีตเส้นทางนี้เป็นเส้นทางนำทัพของสมเด็จพระเนศวรมหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และเป็นเส้นทางธุดงค์ของอริยสงฆ์ หลวงพ่ออุตตมะ หลวงปู่ตื้อ วัดป่าอรัญญวิเวก หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง เดินเท้าขึ้นเขา ทำให้วัดพระพุทธบาทสี่รอยนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก




สถานที่นี้คือความมหัศจรรย์ทางพระพุทธศาสนา ที่มีรอยพระพุทธบาทประทับซ้อนกันถึงสี่รอยบนแท่นหินขนาดใหญ่ โดยมีรอยพระบาทที่ใหญ่ที่สุดและเล็กตามลำดับ ซึ่งเป็นรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ที่ล่วงลับมาแล้วในภัทรกัลป์นี้ คือ
1.พระพุทธเจ้ากกุสันธะรอยใหญ่สุด
2.พระพุทธเจ้าโกนาคมนะรอยที่ใหญ่อันดับ2
3.พระพุทธเจ้ากัสสปะรอยใหญ่อันดับ3
4.รอยเล็กที่สุดของพระโคตมพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)

 

บันไดนาคทางขึ้นไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาท

 

วิหารครอบรอยพระพุทธบาทสี่รอย


รูปปั้นคูรบาศรีวิชัย


ครั้งนี้พวกเราไม่ได้เข้าไปด้านในอุโบสถเนื่องจากเป็นเวลาเย็นมากแล้ว และถ้ามืดค่ำจะขับรถลงลำบากเนื่องจากเส้นทางเป็นป่าเขา มีขึ้นลงบางจุดแคบ คดเคี้ยวพอสมควร และต้องไปให้ทันเวลาที่จะเข้าไปสักการะองค์พระธาตุดอยสุเทพด้วย