➡➡➡ ภารกิจเที่ยววัด ➡➡➡

บรรยากาศยามเช้าสดชื่น มีหมอกสวยงาม

 

ต่อไปพวกเราก็จะมุ่งหน้าไปยังตัวเมืองลำพูน ซึ่งก็ไม่พลาดที่จะแวะวัดพระพุทธบาทผาหนามก่อนเพราะเป็นทางผ่านอยู่แล้ว และเป็นวัดที่สำคัญอีกวัดหนึ่งของเมืองลี้ เป็นวัดของครูบาอภิชัยขาวปี เป็นมือขวาของครูบาศรีวิชัย ท่านเป็นกำลังสำคัญคอยแบ่งเบาภาระต่างๆของครูบาศรีวิชัย และเป็นศิษย์พี่ของครูบาวงศ์



"หากร่างทิพย์ครูบาเจ้าขาวยังอยู่ จะสามารถห้ามข้าเสิก ห้ามภัยอันจักบังเกิดแก่แผ่นดิน หากเผาร่างทิพย์บ้านจะฮ้อนเมืองจะฮ้าย สงครามจะบังเกิดขึ้น ร่างทิพย์ยังคงอยู่จะสามารถห้ามภัยเหล่านั้นได้แล"

อมตะวาจาหลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศา



"วิหารเวียงแก้วพระสัจจะ ที่เก็บร่างทิพย์หลวงปู่ครูบาอภิชัยขาวปี"

 

"อนุสาวรีย์ครูบาอภิชัยขาวปี" ยืนตระหง่านหน้าวัด โดดเด่นเป็นที่เคารพกราบไหว้ของพุทธศาสนิกชนและคนทั่วไป

 

พวกเราใช้เวลาอยู่ในแต่ละวัดนานพอสมควร ทำให้ครั้งนี้ต้องตัดใจไม่ขึ้นไปจุดชมวิวทะเลหมอก ซึ่งตั้งอยู่บนวัดพระพุทธบาทผาหนาม เนื่องจากกลัวว่าจะถึงที่พักในจ.เชียงใหม่ดึกเกินไป ครั้งหน้ารับรองไม่พลาดแน่นอน (ขออนุญาตุยืมภาพจากเว๊ปก่อน)

 

อีกหนึ่งวัดที่สำคัญมากในอำเภอลี้คือ วัดบ้านปาง ของครูบาศรีวิชัย บนเนินเขาบ้านปาง ห่างจากตัวอำเภอลี้ 38 กิโลเมตร เป็นวัดซึ่งครูบาศรีวิชัยบวชเรียนเป็นวัดแรก ภายในบริเวณวัดร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มีโบสถ์วิหารสวยงาม พิพิธภัณฑ์อัฐบริขาร ครูบาศรีวิชัย ซึ่งเก็บของใช้ส่วนตัวของท่านไว้อย่างครบถ้วน ได้แก่ สบง จีวร หมอน กระโถน แจกัน เป็นต้น









รูปปั้นเสือเป็นสัญลักษณ์ปีเกิดของครูบาเจ้าศรีวิชัย และจะมีทุกแห่งที่ท่านไปบูรณะ

 

ครูบาศรีวิชัย "ตนบุญ" แห่งล้านนา เดิมชื่อ "เฟือน" หรือ "อินท์เฟือน" ในขณะที่ท่านเกิด มีปรากฏฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก

อินท์เฟือน หมายถึง เกิดกัมปนาทหวั่นไหวถึงสวรรค์ หรือเมืองของพระอินทร์ ท่านเกิดที่บ้านปาง ตำบลแม่ตืน (ปัจจุบันคือตำบลศรีวิชัย) อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน



ปราสาท ๕ ยอด และหีบศพรดน้ำลายทอง ที่ใช้ประดิษฐานสรีระสังขารของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย


พิพิธภัณฑ์ถ่ายรูปจากด้านข้าง สวยงามไปอีกแบบ

 

พระบรมธาตุเจดีย์ วัดบ้านปาง



รูปปั้นกุมภัณฑ์ ประดับบนกำแพง ทางเข้าด้านข้าง วิหาร-พระบรมธาตุเจดีย์

 

สถูปอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง สถานที่มรณภาพและบรรจุอัฐิธาตุของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย

 

รูปหล่อครูบาศรีวิชัย องค์ใหญ่

 

ครูบาศรีวิชัย มีลูกศิษย์ที่เก่งมากๆ2องค์คือครูบาชัยยะวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม และครูบาอภิชัยขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม

 

ทางเดินขึ้นไปที่วัดบ้านปาง

 

เสร็จสิ้นภารกิจที่เมืองลี้ พวกเราก็มาเยือนเมืองลำพูนหรือนครหริภุญไชย เพื่อมาสักการะขอพร อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์ของนครหริภุญไชยแห่งนี้ ซึ่งเป็นเวลาช่วงเที่ยงวันพอดี แดดเปรี้ยงมากเหมือนอยู่ในช่วงหน้าร้อนยังไงยังงั้น


พระนางจามเทวีทรงเป็นปราชญ์ที่มีคุณธรรม เป็นนักรบที่มีความสามารถและกล้าหาญชาญชัย พระนางคือผู้นำพระพุทธศาสนาและศิลปวัฒนธรรมมาเผยแผ่ในดินแดนแถบนี้จนรุ่งเรื่องสืบมาจนถึงปัจจุบัน



อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ตั้งอยู่ในเขตตำบลในเมือง บริเวณสวนสาธารณหนองจอก ห่างจากศาลากลางจังหวัดลำพูนประมาณ 1 กิโลเมตร

 

กู่ช้างที่บริเวณอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี

พระยาช้าง “ผู้กล่ำงาเขียว” ซึ่งเป็นช้างทรง คู่พระบารมีของพระเจ้ามหันตยศและพระเจ้าอนันตยศ พระราชโอรสแฝด ของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์องค์แรกของนครหริภุญไชย

 

ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี จะมีสถานที่สำคัญคือ "โบราณสถานกู่ช้าง" เป็นปูชนียสถานที่ประชาชนชาวลำพูนให้ความเคารพสักการะและเชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์เป็นอันมาก ซึ่งวันที่พวกเราไปกำลังเตรียมงานปลุกเสกวัตถุมงคลกันอยู่พอดี





สถานที่แห่งนี้เป็นที่บรรจุซากของพระยาช้าง “ผู้กล่ำงาเขียว” ซึ่งเป็นช้างทรง คู่พระบารมีของพระเจ้ามหันตยศและพระเจ้าอนันตยศ พระราชโอรสแฝด ของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์องค์แรกของนครหริภุญไชย ตามประวัติกล่าวว่า เป็นช้างที่มีฤทธิเดชมาก เมื่อช้างเชือกนี้หันไปทางศัตรู จะทำให้ศัตรูอ่อนกำลังลงทันที เมื่อช้างเชือกนี้ล้มลงจึงมีการสร้างสถูปขึ้นเพื่อบรรจุซาก โดยให้ซากของช้างหันหน้าขึ้นไปบนอากาศ ส่วนงาทั้งคู่ของช้างเชือกนี้ ถูกนำไปบรรจุไว้ในสถูปที่เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระนางจามเทวีที่วัดจามเทวี คือ เจดีย์สุวรรณจังโกฎ

 

ออกจากโบราณสถานกู่ช้างมาไม่ไกลก็จะถึงวัดพระธาตุหริภุญชัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูน เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีระกา ช่วงวันหยุดสิ้นปีคนเยอะมาก พวกเราเดินไปหาดอกไม้ธูปเทียนมาเวียนรอบองค์พระธาตุเพื่อเป็นพุทธบูชาเสร็จแล้วก็รีบเดินทางต่อไปยังจ.เชียงใหม่ ทำให้ถ่ายรูปได้ไม่กี่รูปเท่านั้น



สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ว่าใครไปเที่ยวลำพูนจะต้องแวะไปไหว้ขอพรกันให้ได้สักครั้ง

 

ออกจากลำพูนพวกเราก็เดินทางต่อไปยังวัดบ้านฟ่อนที่อำเภอหางดง เชียงใหม่ เพื่อไปกราบและทำบุญถวายปัจจัยค่ารักษาพยาบาของครูบาดวงดี ยติโก เนื่องจากทราบว่าหลวงปู่ท่านอาพาธอยู่ ใช้เวลาเดินทางไม่นานประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงวัด

 

บรรยากาศของวัดบ้านฟ่อน

 

"หากไม่นับครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้มแล้ว ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน นับได้ว่ามีจิตที่เย็นที่สุดในเชียงใหม่ล้านนาเรายุคนี้"

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นคำพูดของครูบาเทือง นาถสีโล เจ้าอาวาสวัดเด่นสะหรีศรีเมืองแคน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ที่มีความศรัทธาต่อหลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก อันเป็นที่สุดของอริยสงฆ์ในแถบล้านนา ที่มีอายุพรรษามากที่สุด ถึงพร้อมด้วยจิตที่เป็นวิสุทธิจิต

 

พระเจ้าทันใจนั้นมีอยู่หลายองค์ทั่วภาคเหนือนี้แต่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและผู้คนนิยมมากราบไหว้มากที่สุดคือที่พระธาตุดอยคำ เชียงใหม่แห่งนี้ คำกล่าวนี้มิได้เกินจริงดูได้จากพวงมาลัยที่นำมาไหว้แก้บน และรถยนต์จำนวนมหาศาลที่จอดเต็มลานจนเลยไปถึงถนน โชคดีที่พวกเรามาถึงในช่วงเวลาเย็นแล้ว ผู้คนกำลังทยอยเดินทางลงจากดอย เลยหาที่จอดรถได้ไม่ยาก ได้มาไหว้พระขอพรพร้อมกับเก็บภาพในช่วงแสงเย็นๆลมพัดเย็นสบาย ใกล้จะหมดเวลาไปอีกวัน และใกล้จะสิ้นสุดปีลงไปทุกขณะ