➡➡➡ ภารกิจเที่ยววัด ➡➡➡

ช่วงปีใหม่นี้ และที่ผ่านๆมาได้ท่องเที่ยวทำบุญตามวัดและสถานที่ต่างๆมากมาย เลยอยากแชร์แบ่งปัน ช่วงว่างจะโพสให้ชมกันเรื่อยๆ #ติดตามกันได้ครับ

 

#เปิดโพสแรก
หลวงพ่อทันใจ วัดพระบรมธาตุบ้านตาก จ.ตาก

“วัดพระบรมธาตุบ้านตาก” อยู่ที่ ต.เกาะตะเภา อ.บ้านตาก จ.ตาก ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง เดิมวัดแห่งนี้เป็นเมืองตากเก่า ก่อนที่จะมีการย้ายตัวเมืองไปอยู่ที่ ต.ระแหง ตัวเมืองตากในปัจจุบัน ห่างไปทางทิศใต้ประมาณ ๓๐ กิโลเมตร อันมีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัย พระนางจามเทวี ล่องเรือเสด็จไปเมืองลำพูน หยุดพักบริเวณแห่งนี้ พบว่าเป็นเมืองร้าง จึงได้สั่งให้มีการฟื้นฟูบูรณะเมืองแห่งนี้ จนกลายเป็นชุมชนเมืองตาก

วัดพระบรมธาตุบ้านตาก ยังปรากฏในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง ที่ทรงกระทำยุทธหัตถี ชนะศึกเจ้าเมืองฉอด บนเนินเขาใกล้กับพระบรมธาตุ ประมาณ ๕๐๐ เมตร


"พระพุทธรูปหลวงพ่อทันใจเนื้อทองเหลืองหน้าตัก ๑๘ เมตร อยู่ในขั้นตอนการขัดแต่งองค์พระหลังจากการประกอบแล้วเสร็จ"

 

คาถาหลวงพ่อทันใจ วัดพระบรมธาตุบ้านตาก จ.ตาก
(ท่องนะโม 3 จบ) แล้วภาวนาพระคาถาดังนี้
ตะกุตะกะ จายาริโย เอวัง วันตา อะหัง วันทามิ สัพพะทา
(สวดภาวนา ตั้งจิตอธิษฐานขอหลวงพ่อทันใจ ขอพรสิ่งใดล้วนสมดังใจปรารถนาทุกประการ)


"ครูบาทองอยู่ หรือ พระครูพิทักษ์บรมธาตุ เจ้าอาวาส รูปที่ 8 ผู้บูรณะองค์เจดีย์พระบรมธาตุ และพัฒนาวัดพระบรมธาตุบ้านตาก ให้เจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน"

 

"หลวงพ่อทันใจองค์สีขาว" ภายในวิหารพิพิธภัณฑ์วัดพระบรมธาตุบ้านตาก

 

ขอบคุณมากครับไหนๆก็ไปเที่ยววัดแล้วแนะนำครูบาอาจารย์และวัตถุมงคลไปด้วยจะได้ครบเครื่องยิ่งขึ้นครับ

 

ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำครับผม เดี๋ยวจะลงข้อมูลให้เท่าที่พอจะรู้ครับ

 

ไปตากอีกหนึ่งสถานที่ที่พวกเรามุ่งหน้าไปคือ "ศาลเจ้าพ่อน้ำดิบ" เทพารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ครั้งหนึ่งในหลวงรัชกาลที่๙ เคยเสด็จผ่านมา

 

เหตุการณ์เมื่อครั้งเสด็จฯ จ.ตาก ปี 2501 ถนนกันดารจนรถพระที่นั่งเสียกลางทางแล่นต่อไม่ได้..

ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมประชาชนที่จังหวัดในเขตภาคเหนือ เมื่อปี 2501 หลังขบวนรถพระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ออกจากจังหวัดสุโขทัย ไปจังหวัดตาก เนื่องจากถนนขรุขระมาก ทำให้ รถพระที่นั่งกระเทือนจนท่อไอเสียหลุด จนแล่นต่อไปไม่ได้ ต้องทรงลงออกมาจากรถพระที่นั่ง เหตุการณ์นี้มีบันทึกไว้ในภาพยนต์ส่วนพระองค์เสด็จพระราชดำเนินหัวเมืองภาคเหนือ ซึ่งมีการบรรยายไว้ว่า

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากบริเวณเมืองสุโขทัยเก่าไปจังหวัดตาก ..ระหว่างทางนั้น ถนนขรุขระมาก รถยนต์พระที่นั่งกระเทือนถึงท่อไอเสียหลุด แล่นต่อไปไม่ได้ ทรงใช้กล้องถ่ายภาพยนตร์บันทึกสภาพถนนไว้เป็นหลักฐาน บังเอิญรถพระที่นั่งไปเสียลงตรงศาลเทพารักษ์ เรียกกันว่าศาลเจ้าพ่อน้ำดิบ จึงเสด็จฯไปถวายสักการะ ณ ศาลนั้น รถพระที่นั่งชำรุดมาก จึงต้องเอารถพระที่นั่งรองมาเปลี่ยน เสด็จต่อไปจังหวัดตาก ระยะทาง 90 กิโลเมตร จากจังหวัดสุโขทัย..”

ที่มา: ข่าวสด

 

วันที่เดินทางไปตากเป็น #วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งพวกเราก็ไม่พลาดโอกาสที่จะไปกราบไหว้สักการะพระองค์ท่านกัน ที่แรกที่ไปคือ "ศาลบ้านทรัพย์สมบูรณ์ อ.เมือง" ซึ่งคนภายนอกส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้จัก แต่คนพื้นที่ยืนยันว่าศาลแห่งนี่ศักดิ์สิทธิ์มากเช่นกัน (ศาลอยู่ไม่ไกลจาก"ศาลเจ้าพ่อน้ำดิบ")

 

อีกหนึ่งสถานที่ที่พวกเราต้องไปคือ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อยู่ในเมืองตาก ซึ่งศาลแห่งนี้มีความสำคัญมากมายต่อจังหวัดตาก ทั้งยังเป็นศาลที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของเมืองไทย



โดยศาลเดิมนั้นอยู่ที่วัดดอยเขาแก้วฝั่งตรงข้ามตัวเมืองตาก ต่อมาในปี พ.ศ.2490 ได้มีการสร้างศาลขึ้นใหม่โดยมอบหมายให้กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบ และได้สร้างตัวศาลเป็นศาลาแบบจตุรมุขพร้อมกับหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชขนาดใหญ่ กว่าพระองค์จริงเล็กน้อยในพระอิริยาบถกำลังประทับอยู่บนราชอาสน์ มีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา และที่ฐานพระบรมรูปมีคำจารึกไว้ว่า “พระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.2277 สวรรคต พ.ศ. 2325 รวม 48 พรรษา” ขณะเดียวกัน บริเวณด้านหน้าและด้านข้าวของศาลได้มีรูปปั้นม้าศึกประดับไว้รวมทั้งมีบริเวณให้สักการะบูชาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นอกจากประชาชนทั่วไปจะได้สักการะพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแล้ว ใกล้เคียงกันยังมีสวนสิบสองนักษัตรที่มีความร่มรื่นสำหรับผ่อนคลาย






ช่วงปลายปีจะมีงานประจำปีพอดีควบกับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สถานที่จึงถูกจัดไว้อย่างสวยงาม และในช่วงนี้จะมีผู้คนมากราบไหว้ที่ศาลแห่งนี้จำนวนมากทีเดียว

 

เสร็จภารกิจที่จ.ตาก พวกเราก็มุ่งหน้าไปยังวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน โดยผ่านมาทาง อ.เถิน ตัดขึ้นทางภูเขาที่ค่อนข้างแคบและคดเคี้ยว จุดนี้ต้องใช้ความระมัดระวังมาก เพราะอาจเจอรถสวน โดยเฉพาะรถบรรทุกพ่วงขนาดใหญ่ เมื่อผ่านจุดนี้มาแล้วก็สบาย ขับไปไม่ไกลก็ถึงที่หมาย เข้าไปกราบขอพรจากสังขารร่างทิพย์หลวงปู่ครูบาวงศ์ที่วิหารพระเมืองแก้ว


คำไหว้ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ว่า ๓ จบ)
"สาธุอะหังนะมามิ พระชัยยะวงศาภิกขุ อาริเยนะ อังคาระวิชัยโย บัณฑิตโต๋ ทะสะปารมีโย ทะสะอุปปารมีโย ทะสะปรมัตถปารมีโย กะต๋า ปุญญังโน เมถาโถ เมถาถัง สิระสา นะมามิ


"วิหารพระเมืองแก้ว"

 

บรรยากาศบริเวณวัดสวยงาม สงบร่มรื่นมาก

 

หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาหรือครูบาวงศ์ที่ทุกคนรู้จักกัน เป็นศิษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นมือซ้ายของครูบาศรีวิชัย ภาระหน้าที่ต่างๆหลังจากสิ้นครูบาศรีวิชัย และครูบาอภิชัยขาวปีแล้ว ล้วนแต่ตกมาอยู่ที่ท่านคอยดูแลนับว่าเป็นภาระอันยิ่งใหญ่มากแต่ด้วยบารมีที่ท่านสั่งสมมา ทุกอย่างก็สำเร็จได้อย่างอัศจรรย์ ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือมาก ที่อำเภอลี้จะมีอนุสาวรีย์สามครูบา(ครูบาศรีวิชัย ครูบาอภิชัยขาวปี ครูบาวงศ์)เป็นที่กราบไหว้สักการะของประชาชนทั่วไป

ครูบาวงศ์ท่านเป็นสหธรรมิกที่ใกล้ชิดกับหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ได้เคยเห็นพระเครื่องของศิษย์ทั้งสองวัดนี้มักจะห้อยพระของครูบาวงศ์คู่กับพระของหลวงพ่อฤาษีเสมอๆ



เทพอินแปลง 4 หู 5 ตา ของวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา (ครูบาวงค์)ท่านได้เป็นผู้เปิดเผยแพร่ตำนานเทพอินทร์เเปลกจากตำราล้านนา ที่สูญหายจากล้านนาไปช่วงหนึ่ง เพื่อสานต่อเเละสอดแทรกคติธรรม เชื่อมโยงสัตว์นี้เข้ากับหลักธรรมทางพุทธศาสนาด้วย โดยว่าจำนวนสี่หูและห้าตานั้นที่แสดงถึงหลักธรรมพรหมวิหาร 4 และ ศีล 5 ( 4 หู คือ พรหมวิหาร 4 / 5 ตา คือ ศีล 5 )

หลวงปู่ครูบาวงค์ อยากให้ทุกคนมั่นรักษาศีล ภาวนาให้มาก ๆ และมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ถ้าคนเรายึดถือสิ่งเหล่านี้ได้ ชีวิตเราจะพบแต่ความสุขตลอดกาล

ปฐมแห่งการสร้างเทพอินทร์แปลง 4 หู 5 ตา ของเมืองไทย

พระคาถา แมงสี่หูห้าตา
ตั้งนะโมฯ ๓ จบ
สาธุ อะหัง นะมามิ พระอินทร์ อากาเสจะ พุทธะทิปังกะโร นะโมพุทธายะอิอะระณัง อะระหัง กุสะลาธัมมา สัมมาสัมพุทโธ ทุสะนะโส นะโมพุทธายะ พระโสนามะ ยักโข เมตตามหาลาภา ปิยังมะมะ ทันตะ ปริวาสะโภ วาสุนี หะเต โหนตุ ชัยยะมังคะลานิ

โบราณ ท่านว่า...บุคคลหญิงชาย ผู้ใดได้สวดบูชาทุกค่ำเช้า จักห้ามเสียยังภัยทั้งหลาย กันฟ้าฝ่า กันไฟไหม้ อันตรายทั้งปวงจักมิบังเกิดมีมา อยู่เย็นเป็นสุข เป็นมหาโชคลาภ มีเงินทองไหลมาเทมา ใครดวงตก อาภัพโชคลาภ การงานไม่ดี ลองสวดบูชาดูนะครับ และถ้าจะดีเห็นผลเร็วควรสมาทานศีลห้าและเจริญพรหมวิหารสี่ มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ไปด้วยจักเป็นการดียิ่ง แล้วขอพร ขอโชคลาภตามที่ปราถนาจะสำเร็จเสร็จสมทุกประการแล


"รูปหล่อท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ เขตพุทธาวาสของวัด"

 

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเราอยู่ในวัดพระพุทธบาทห้วยต้มตั้งแต่ยามเช้าตรู่ เนื่องจากตั้งใจใส่บาตรที่วัดให้ได้สักครั้ง คืนนั้นก็เลยต้องนอนกันที่ลี้เพื่อจะได้ทันใส่บาตรยามเช้า แล้วก็ไม่ผิดหวัง ประทับใจมากๆกับบรรยากาศที่เงียบสงบยามเช้าแบบบ้านๆ อากาศที่สดชื่นและเย็นสบาย ได้เห็นวิถีชีวิตของพี่น้องชาวปกากะญอที่มาทำบุญใส่บาตรข้าวเหนียวด้วยความศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่ครูบาวงศ์






ทอดมันผักของพี่น้องชาวปกากะญอราคาถูกมากแค่ชิ้นละ1บาทเท่านั้น

 

เสร็จจากทำบุญตักบาตรพวกเราก็มุ่งไปยัง "พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย"ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม บรรยากาศยามเช้าสดชื่นเย็นสบาย มีหมอกสวยงามมากๆ


พระมหาธาตุเจดีย์สร้างด้วยศิลาแลงทั้งองค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีมะเมีย





"เส้นทางเข้าสู่พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย"

 

รูปปั้นหลวงปู่ครูบาวงศ์ที่บริเวณพระมหาธาตุเจดีย์


น้องๆชาวปกากะญอยืนคุยกันอย่างมีความสุข




ก่อนไปที่อื่นต่อก็ร่วมบุญซื้ออิฐ ซื้อปูนสร้างศาลารายรอบพระเจดีย์

 

การเดินทางไกลต้องมีพระคู่ชีวิต
เหรียญเมตตา หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง,เหรียญยันต์ดวง หลวงปู่ดู่ วัดสะแก,เหรียญท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
"มีพระชุดนี้ติดตัว เดินทางไปไหน สะดวกปลอดภัยไร้กังวล"

ถ่ายที่วัดถ้ำผาปล่อง

 

รูปสวยงามขอบคุณครับ

 

ขอบคุณที่ติดตามครับ

 

ออกจากพระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย พวกเราก็ไปต่อกันที่วัดพระธาตุห้าดวง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปากทางเข้าวัดพระพุทธบาทห้วยต้มมากนัก วัดพระธาตุห้าดวงก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่หลวงปู่ครูบาวงศ์ท่านดูแลอุปถัมภ์อยู่เช่นกัน





วัดนี้เป็นที่ตั้งของหมู่เจดีย์ 5 องค์ โดยตามตำนานกล่าวว่าพระนางเจ้าจามเทวี กษัตริย์ครองเมืองหริภุญชัย ได้ยินข่าวจากราษฎรเมืองลี้ว่ามีดวงแก้ว 5 ดวง ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จึงได้เสด็จมาดูด้วยพระองค์เอง เวลากลางคืนได้ทอดพระเนตรเห็นแสงสว่างจากดวงแก้วทั้ง 5 ดวง ลอยอยู่บนกองดิน 5 กอง จึงได้สอบถามความเป็นมาก็ทราบว่า คือพระเมโตธาตุ (น้ำไคลมือ) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เคยล้างพระหัตถ์ และน้ำก็ไหลผ่านปลายนิ้วทั้ง 5 ลงพื้นดิน พระนางจึงเกิดศรัทธาและได้สร้างพระธาตุเจดีย์ครอบกองดินทั้ง 5 กองไว้ โดยในวันที่ 20 เมษายนของทุกปีจะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุห้าดวง