เรื่องเด่น เรื่องเล่า ธรรมะลึกซึ้งเข้าใจง่าย หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ เรื่องตายแล้วไม่เน่า

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย อกาลิโก!, 4 พฤศจิกายน 2017.

  1. อกาลิโก!

    อกาลิโก! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    609
    กระทู้เรื่องเด่น:
    531
    ค่าพลัง:
    +3,732
    เรื่องเล่า ธรรมะลึกซึ้งเข้าใจง่าย หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ เรื่องตายแล้วไม่เน่า

    -ธรรมะลึกซึ้ง.jpg


    ผู้เขียนเคยไปที่วัดป่าเลไลย จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อไปนมัสการศพของหลวงพ่อถิร ปรากฏว่าร่างกายไม่เน่าเปื่อย มีเล็บและเกศางอกออกมา เป็นที่อัศจรรย์ใจและเกิดความสงสัย เมื่อมีโอกาสได้กราบเรียนหลวงปู่ดู่ ท่านอธิบายว่า

    “ผู้ที่ตายแล้วไม่เน่ามี ๓ ประเภท”

    ๑.ผู้ที่กินว่าน

    ๒.ผู้ที่มีคาถาอาคมเสกข้าวกินประจำ

    ๓.พระอรหันต์อธิษฐานทิ้งร่างไว้ให้คนสักการะกราบไหว้ ตัวอย่างเช่น หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน จังหวัดสุพรรณบุรี

    ผู้เขียนเกิดความไม่แน่ใจ เพราะเราไม่สามารถตัดสินได้ว่าองค์ไหนเป็นพระอรหันต์ หลวงปู่บอกว่า “เราต้องดูปฏิปทาหรือราศี พวกที่กินว่านหรือมีคาถานั้นจะไม่มีราศี ผิวพรรณไม่สดใส” ผู้เขียนจึงได้ปรารภกับหลวงปู่ โดยกล่าวอ้างถึงในสมัยก่อนหลวงปู่มีผิวพรรณที่ค่อนข้างดำ แต่ในปัจจุบันหลวงปู่มีราศีสดใสสวยงาม แม้แต่หลวงปู่บุดดา เมื่อก่อนเขาว่าท่านผิวดำเหมือนกัน หลวงปู่ตอบว่า “ไม่ต้องสงสัย กระดูกท่านยังฟอกเป็นพระธาตุได้ ผิวพรรณทำไมจะฟอกไม่ได้”

    เคยมีผู้มีบุญท่านหนึ่งมากราบนมัสการหลวงปู่ เมื่อท่านผู้นั้นกลับไปแล้ว

    หลวงปู่ได้ถามว่า “แกว่าข้ากับเขาราศีใครดีกว่ากัน”

    ผู้เขียนรีบเรียนว่า “ว่ากันตามตรงหลวงปู่ราศีดีกว่าครับ”

    หลวงปู่ยิ้ม ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “นั่นคือราศีทางโลก สู้ราศีทางธรรมไม่ได้”

    หลังจากที่ผู้เขียนสอบสัมภาษณ์ปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว ได้กลับมานมัสการหลวงปู่พร้อมกับรายงานผลเนื่องจากก่อนจะไปสอบ ผู้เขียนได้ขอบารมีหลวงปู่ให้ช่วยเหลือ ท่านพยักหน้ารับ ซึ่งในวันนั้นหลวงปู่มีอารมณ์แจ่มใสมาก ท่านพูดว่า “ข้าอธิษฐานบารมีพระ แผ่บุญกุศลไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาของแกนั่นแหละ เอาบุญให้เขา เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา สามคนข้ารู้ชื่อ แต่อีกคนไม่รู้ เลยขอให้สามคนถาม อีกคนคอยนั่งฟัง” ซึ่งก็เป็นจริงดังที่หลวงปู่พูดไว้

    ผู้เขียนได้สนทนากับท่านจนถึงเรื่อง คาถามหาจักรพรรดิ

    ผู้เขียน “หลวงปู่เป็นผู้แต่งคาถาบูชาพระ (คาถามหาจักรพรรดิ) ใช่ไหมครับ”

    หลวงปู่ “สำเภาเขาสร้างพระพุทธรูป อยากได้คาถาบูชาพระก็เลยมานึกเอาเอง มันจะผิดอยู่หน่อยตรงคำบูชาที่มี นะโมพุทธายะ แล้วก็ ยะธาพุทโมนะ หรือแกว่าไง”

    ผู้เขียน “ปกติการตั้งองค์พระ (การอธิษฐานให้เป็นพระ) โบราณเขาใช้กันว่า นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ ดังนั้นการที่หลวงปู่กล่าวเช่นนี้ ต้องการให้บูชาคาถาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรรดิใช่ไหมครับ”

    หลวงปู่พยักหน้ารับพร้อมทั้งกล่าวว่า

    “คาถาบทนี้เป็นของดี หมั่นท่องไว้ทุกวัน ปกติเขาไม่ให้กันหรอก เพราะเขากลัวลูกศิษย์จะดีกว่าอาจารย์ แต่ข้าไม่เคยกลัวและไม่ปิดบัง ท่องให้ดีนะอีกหน่อยจะรวย เพราะมีการกล่าวถึงพระสีวลี ผู้เลิศทางลาภไว้ด้วย อาบน้ำอาบท่า อาบไปเสกไปก็ได้ กินข้าวก็ได้ ดีทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามาบอกพวกแก ข้าทดลองมาแล้วทั้งนั้น เมื่อดีแล้วจึงมาบอก ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาและการหมั่นฝึกฝนปฏิบัติ คนเราอยู่ดีๆ จะให้รวยได้อย่างไร ต้องปฏิบัติให้ดีเสียก่อน ดูอย่างข้าเมื่อก่อนต้องไปยืมเงินเขามาซื้อธูปเทียนใบชามาเลี้ยงแขก เดี๋ยวนี้ของกินของใช้มีให้เกลื่อนกลาดไป เรามาพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น แกว่าจริงไหม ของดีของอร่อยกินก็ไม่ได้ ฟันไม่มี”

    หลวงปู่หัวเราะแล้วเสริมอีกว่า

    “คนเราต้องทำให้ดี เมื่อดีแล้วจึงรวย แล้วจะได้ไม่ซวย พระจะดีต้องหมดอยาก ถ้ายังอยากอยู่ก็ไม่ใช่พระดี”

    1504551552_176_เรื่องเล่า-ธรรมะลึกซึ้ง.jpg

    1504730166_30_เรื่องเล่า-ธรรมะลึกซึ้ง.jpg

    (ภาพสังขารหลวงปู่คำมี วัดคูหาสวรรค์)

    ๔ กันยายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่าน



    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,469
    ผู้เขียน ในบทความนี้ คือ อ.ศุภรัตน์ แสงจันทร์ ซึ่งเป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้ศึกษาหลายสิ่งหลายประการจากหลวงปู่
    ปัจจุบันท่านยังทรงสังขารอยุ่ หากสนใจในศาสตร์สร้างบารมีแบบโพธิสัตว์หรือ ศาสตร์อื่นๆเพื่อการพ้นทุุกข์ เรื่องราวต่างๆที่หลวงปู่ดู่ท่านได้เล่าได้แสดงไว้ ไม่มีในตำราใดๆ ก็สามารถเข้าไปศึกษาจากท่านได้ครับ ที่บ้านพุทธฉัตร จ.อยุธยา
     

แชร์หน้านี้

Loading...