เรื่องเด่น หลวงปู่หมุน - ทาน ศีล สมาธิ ให้พร

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 9 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471

    ทาน ศีล สมาธิ ให้พร



    16641120_169298636892833_2511609637978296347_n.jpg





     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    เปิดดูไฟล์ 3791959

    หลวงปู่หมุนเพชรน้ำหนึ่งแห่งวิถีพุทธะ อมตะมหาเถระ ๕ แผ่นดิน
    ในปัจจุบันครูบาอาจารย์ที่มีกฤติยาคมและวัตรปฏิบัติอันเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใส มีปรากฏอยู่ไม่ขาดสายในสยามประเทศของเรา ดินแดนอันได้ชื่อว่าอยู่ในร่มเงาแห่งพุทธศาสนา ครูบาอาจารย์หลายท่านในไทยเปรียบดังเพชรเม็ดงาม ซึ่งเป็นที่พึ่งอันร่มเย็นทั้งกายใจกับสาธุชนทั้งหลายเนิ่นนานมาหลายต่อหลายชั่วอายุคน
    หนึ่งในครูบาอาจารย์ผู้ทรงตบะบารมี และมีจริยวัตรอันงดงาม ซึ่งเป็น นั้น ได้แก่ พระปรมาจารย์ อมตะเถระ ๕ แผ่นดิน “หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล” ปัจจุบันพระเครื่องและเครื่องรางของขลังของท่านได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และแม้ว่าทท่านจะละสังขารไปหลายปีแล้วก็ตาม ปัจจุบันก็ยังมีลูกศิษย์ลูกหาที่หน้าใหม่ๆ ที่หันมาศรัทธา กราบไหว้ มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่ทันได้พานพบกับหลวงปู่เลยในชีวิต แต่ความศรัทธานั้น เป็นสิ่งเชื่อมต่อครูบาอาจารย์อย่างดียิ่ง เมื่อศรัทธาขอบารมีหลวงปู่แล้ว หลวงปู่ท่านก็มีเมตตาช่วยเหลือจนปรากฏปาฏิหาริย์ อัศจรรย์ต่างๆ มากมาย

    เปิดดูไฟล์ 3791960

    (วัตถุมงคลหลวงปู่หมุน)
    เพื่อให้ผู้บูชาวัตถุมงคลของท่านได้มั่นใจว่า แม้ท่านจะละสังขารไปแล้ว ก็ไม่อาจเป็นอุปสรรคในการจะคุ้มครอง ปกปักรักษาศิษย์ ท่านยังคงกลับมาช่วยเหลือเสมอ ดังวาจาศิษย์ของท่านเคยกล่าวไว้ว่า “จะไม่ทอดทิ้งศิษย์” นั่นเอง

    ปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์ ของเด็กชายหมุน


    ย้อนกลับมาเล่าเรื่องราวในสมัยตอนที่ท่านยังเป็นเด็กชายหมุนนั้น มีปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมีบุญญาธิการของท่าน อันเป็นเหตุการณ์พิเศษที่เรียกได้ว่าเกิดขึ้นเฉพาะกับมหาบุรุษโดยเฉพาะ
    ครอบครัวท่านมีอาชีพทำไร่ทำนา มีอยู่วันหนึ่งหลวงปู่ไปช่วยโยมมารดาทำนา ด้วยความที่เส้นผมตอนนั้นเริ่มยาวมากแล้ว จึงเกิดความรำคาญ ทำอะไรก็ไม่ถนัด พะรุง พะรัง จึงคิดจะไปตัดผมที่ร้านตัดผมในหมู่บ้าน
    เด็กชายหมุนจึงไปที่ร้านตัดผมให้ช่างช่วยตัดผมให้ ครั้นพอไปถึงร้านตัดผม ขึ้นนั่งเก้าอี้ ช่างก็ได้นำกรรไกรมาตัดผมเด็กชายหมุน แต่ปรากฏว่าตัดอย่างไรผมก็ไม่ขาด!!!

    เปิดดูไฟล์ 3791961

    (หลวงปู่หมุน)


    ช่างเห็นว่าเป็นเรื่องผิดวิสัยของมนุย์ธรรมดา เลยบอกเด็กชายหมุนว่า “หมดปัญญาตัดให้เธอแล้วเธอต้องเป็นผู้มีบุญมาเกิดแน่ และอนาคตจะต้องได้เป็นใหญ่”
    พอตัดผมไม่ได้เด็กชายหมุนเลยเดินกลับบ้านด้วยอาการที่ยังงงๆ กับตัวเองว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเรานี่ ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้”
    แล้วคืนนั้นเอง เด็กชายหมุนเกิดหลับฝันไป…

    มีเหล่าเทวดามาบอกว่า “ท่านจะตัดผมไม่ได้เด็ดขาดถ้าเบื้องบนยังไม่มีคำสั่งให้ ตัด จะตัดผมได้ต้องรอจนกว่าเบื้องบนสั่งให้ท่านตัดได้ ท่านถึงจะตัดได้ ให้รอไปก่อนแล้วเราจะมาบอกท่านเอง”… แล้วเทวดาท่านนั้นก็จากไป
    เด็กชายหมุนเก็บความฝันไปบอกโยมในครอบครัว โยมในครอบครัวจึงคิดให้เด็กชายหมุนได้บวชเรียน บรรพชาเป็นเณร ตอนนั้นหลวงปู่อายุได้ ๑๔ ปี เห็นจะได้ และก่อนเด็กชายหมุนจะบวชนั้น เทวดาผู้นั้นได้ลงมาบอกเด็กชายหมุนว่า
    “ถึงเวลาท่านจะได้ตัดผมเสียแล้วเบื้องบนสั่งลงมาแล้ว”
    เด็กชายหมุนจึงได้บรรพชาในบวรพระพุทธศาสนาโดยมี “หลวงพ่อสีดา” เป็นพระอุปัชฌาย์ “หลวงพ่อเพ็ง” เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐิตสีโล” แปลว่าผู้มีศีลตั้งมั่น

    เปิดดูไฟล์ 3791962

    (หลวงปู่หมุน)


    หลังจากนั้นมาหลวงปู่จะปลงเกศาก็ต้องรอเบื้องบนมีคำสั่งลงมาเท่านั้นจึงจะปลงได้ และเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด
    ถ้าใครอยู่ทันหลวงปู่แล้วเป็นคนช่างสังเกตสักนิด จะเห็นว่าเกศาของท่านจะยาวมาก ถ้าไม่ถึงเวลาเบื้องบนสั่งลงมาท่านจะไม่ปลงเกศาโดยเด็ดขาด
    ปรกติแล้วหลวงปู่จะไม่ให้ใครได้เข้าใกล้ศรีษะท่านเลย และจะไม่ให้ใครปลงให้ ด้วย ท่านจะปลงของท่านเอง หลวงปู่หมุนท่านจึงหวงเกศาท่านมาก
    ถ้าไม่มีงานบุญใหญ่ๆ สร้างศาสนสถานต่างๆให้บวรพุทธศาสนาแล้วไซร้ เราๆ ท่านๆ อย่าได้หวังเลยว่าจะมีใครได้ครอบครองของวิเศษเยี่ยงนี้ได้

    เรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงบุญญาธิการของหลวงงปู่หมุน ว่าท่านเป็นบุคคลพิเศษที่ได้เคยบำเพ็ญเพียรจนมีเทวดารักษาปกป้อง
    ไม่ว่าเอ่ยคำใดก็กลายเป็นวาจาสิทธิ์ หยิบจับ หรือไปที่ใดก็เจริญรุ่งเรือง สมดังวาจาสิทธิ์ของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร
    ซึ่งลูกศิษย์และชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู คือ

    " ของๆฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะ หมุนโชคหมุนลาภ ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมาอาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ
    จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง
    แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายๆเท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไป ด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน
    ย่อมเป็น หนึ่งบ่เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระ ที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเรื่องถึงเมืองแมน "

    ข้อมูลจาก : เหล็กจาร

    เรียบเรียง : ทิพย์วารี



    -----------------------------
    ที่มา
    http://panyayan.tnews.co.th/contents/200612/[/QUOTE]


    ---------------------------------------------------

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2017
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    16684106_1849978141939558_4971586145700081207_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    24-03-16-13-58-40top.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    sm25-03-16-08-38-58.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    10-06-16-13-49-38top-3924.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    15589789_1360052100744580_6749042485797827459_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2017
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    17103831_1833589163532678_4364365872076442554_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    17191506_1289179084495830_4412034731700802209_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    น้อมกราบลำลึกครบรอบ11มีนาคม2560วันละสังขารหลวงปู่


    17264553_279699362463583_4968698441759065270_n.jpg

    17191321_279699322463587_1295432304683734427_n.jpg

    17202779_10208811729190193_4391503662446836418_n.jpg

    ?temp_hash=2acf9a58fed7516e224b5010b84155f6.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    17342533_506769463044436_3147841939538977901_n.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ประวัติปฎิปทา "หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล"
    อมตะเถระ 5 แผ่นดิน แห่งวัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ
    "หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล" เกิดในสกุล “ศรีสงคราม” หรือ “แก้วปักปิ่น” ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 5 ปีชวด พ.ศ. 2437 ณ บ้านจาน อ.กันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ บิดาชื่อ "ดี" มารดาชื่อ "อั๊ว" มีอาชีพทำไร่ทำนา เป็นเด็กยากจน แต่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ต่อมาบิดามารดาเห็นแววทางด้านพระพุทธศาสนา จึงให้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 14 ปี และนำไปฝากกับพระอาจารย์สีดาเจ้าอาวาสวัดบ้านจาน ซึ่งเป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านกรรมฐานและมีวิชาอาคมที่เก่งมาก ในปี 2460 ขณะอายุได้ 23 ปีได้เข้าอุปสมบทหมู่จำนวน 9 รูป หลวงปู่เป็นรูปที่ 9 มีโยมลุงของท่านเป็นเจ้าภาพ มีหลวงพ่อสีดาเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเพ็งเป็นพระอนุสาวนาจารย์และหลวงพ่อผุยเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับรับฉายาว่า "ฐิตสีโล" แปลว่า "ผู้มีศีลตั้งมั่น" จากนั้นได้ศึกษาวิชาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ ในแถบนั้นเป็นเวลา 4 ปี ก่อนออกแสวงหาครูบาอาจารย์อื่นๆ เพื่อศึกษาคันธธุระและวิปัสสนาธุระในชั้นที่สูงๆ ขึ้นไป

    ปี พ.ศ.2464 หลวงปู่หมุน เริ่มออกศึกษาแสวงหาประสบการณ์โดยได้ร่ำเรียนทั้งเวทย์วิทยา และสมถกรรมฐานจากครูบาอาจารย์หลายสำนัก การเดินทางในสมัยนั้นเป็นที่ลำบากยากเย็น ต้องเดินเท้าเปล่าผจญภัยจากผีป่า หรือสัตว์ร้ายนานัปการ แต่หลวงปู่มิได้ย่อท้อ ได้เดินทางไปศึกษาวิชาอาคมที่สำนักตักศิลาแห่งบ้านจิกใหญ่ อ.พิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี กระทั่งศึกษาคัมภีร์มหาพุทธาคม อันเป็นแม่บทของคัมภีร์ปถมัง คัมภีร์อิทธิเจ คัมภีร์มหาราช คัมภีร์ตรีนิสิงเห ซึ่งเป็นพื้นฐานแห่งอำนาจจิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำราพิชัยสงคราม เช่น คัมภีร์นิติประกาศิต คัมภีร์ธนูรเวทว่าด้วยการแต่งเครื่องครอบมนตร์ในสงคราม เป็นต้น

    ในช่วงปี 2475-2482 เมื่อหลวงปู่สำเร็จการศึกษาวิชาการต่าง ๆ ก็เก็บบริขารออกธุดงค์ผ่านป่าถิ่นทุรกันดารในชนบทโดยเท้าเปล่ามายังกรุงเทพฯ ในระยะแรกหลวงปู่เข้าพักที่วัดเทพธิดาราม เป็นการชั่วคราว โดยมีครูทองอินทร์ เป็นครูสอนของวัดเทพธิดาราม เป็นผู้เอื้อเฟื้อจัดหาที่พำนักให้ ท่านได้ให้หลวงปู่อยู่ที่วัดวัดอรุณราชวราราม พำนักอยู่กับพระพิมลธรรม (นาค) ศิษย์สายสมเด็จพระสังฆราชแพ โอกาสนี้หลวงปู่ได้ร่ำเรียนวิชาคัมภีร์มูลกัจจายน์สูตร ซึ่งเป็นหลักสูตรโบราณอันเก่าแก่ของคณะสงฆ์ไทยที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เป็นตำราที่ละเอียดลึกซึ้ง แตกฉานพระบาลีว่าด้วยคัมภีร์อรรถกถายากยิ่งที่จะมีผู้เรียนได้สำเร็จ ปัจจุบันวิชานี้ได้ยกเลิกไปแล้ว

    หลวงปู่หมุนได้เข้าสอบวิชามูลกัจจายน์นั้น ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งการสอบในสมัยนั้นมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประธาน และสมเด็จพระสังฆราช (แพ) เป็นประธานกรรมการฝ่ายสงฆ์ และพระเถราจารย์เป็นผู้ทดสอบด้วย โดยมีการถามตอบแบบมุขปาฐะ (ปากเปล่า) ถ้าถามตอบบาลีผิดเกิน 3 คำ ให้ปรับเป็นตกทันที ด้วยความรู้ความสามารถที่แตกฉานในคัมภีร์หลวงปู่สามารถสอบได้เปรียญธรรมถึง 5 ประโยคในคราวเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ใช้วิชาความรู้อย่างคุ้มค่า โดยได้เป็นครูสอนมูลกัจจายน์อยู่ที่วัดหงส์รัตนาราม (ฝั่งธนบุรี) เป็นเวลานานหลายปี มีลูกศิษย์มากมาย นอกจากนี้ในช่วงหนึ่งหลวงปู่มาพักกับสมเด็จพระสังฆราชแพ ที่วัดสุทัศน์ฯ และได้ศึกษาวิชาบางอย่างกับสมเด็จพระสังฆราชแพอีกด้วย

    จากนั้นก็เก็บบริขารเดินธุดงค์ติดตามพระอาจารย์ทองดี ที่มาจาก อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ธุดงค์ไปทางภาคเหนือเข้าเขตพม่าเป็นเวลา 1 ปี จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าลงภาคใต้ไปพำนักกับพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ เพื่อปฎิบัติกรรมฐานและแลกเปลี่ยนวิชาอาถรรพ์เวทมนต์กับพระอาจารย์ทิมอยู่ ประมาณปีกว่าๆ ก่อนธุดงค์เข้าเขตประเทศมาเลเซีย เพื่อจะเรียนวิชากับพ่อท่านครน วัดบางแซะ ใช้เวลาธุดงค์อยู่ถึง 7 วัน แต่ไม่พบจึงตัดสินใจกลับวัดช้างให้ ต่อจากนั้นก็ได้เรียนวิชาจากพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช โดยได้ของที่ระลึกจากพ่อท่านคล้ายคือ ชานหมากเม็ดใหญ่เป็นที่ระลึก จากนั้นก็เดินธุดงค์เรื่อยมาจนกลับสู่เขตอีสานอีกครั้งและได้พบกับหลวงปู่สี ฉันทสิริ ในป่าแถบ จังหวัดหนองคาย และได้วิชาลบผงสีจากหลวงปู่สี ซึ่งได้รับสืบทอดมาจากสมเด็จพุฒาจารย์โต วัดระฆังโฆษิตาราม

    ช่วงที่ท่านธุดงค์แถบอุบลราชธานีได้พบกับหลวงปู่มั่น และขอเรียนข้อวัตรปฏิบัติในพระกรรมฐาน แต่ไม่ได้ร่วมคณะธุดงค์ เพราะท่านอยู่นิกายมหายาน หลวงปู่เคยเล่าประวัติในช่วงธุดงค์ให้กับพระภิกษุที่เป็นหลานของท่านว่า เคยได้เป็นศิษย์หลวงปู่มั่นอยู่พักหนึ่ง ในช่วงที่หลวงปู่ต้องการเจริญสมณธรรม เป็นธรรมอันล้ำลึกยากยิ่งที่ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงจะล่วงรู้ถึงอารมณ์ของวิปัสสนานี้ได้ หลวงปู่หมุนได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้พระอาจารย์มั่นอยู่ระยะหนึ่งแล้วก็แสวงหาความวิเวกเพื่อประพฤติปฏิบัติต่อไป จนกระทั่งหลวงปู่แตกฉานเชี่ยวชาญ ครั้งนั้นหลวงปู่หมุนได้ศึกษาธรรมจนที่สหธรรมมิกที่เป็นศิษย์ของหลวงปู่มั่น รู้จักสนิทสนมกับหลวงปู่ทุกองค์ เช่น หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เป็นต้น ..ในตอนที่หลวงปู่หมุนไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่น ท่ามกลางศิษย์สายกองทัพธรรม ในขณะสนทนาธรรมหลวงปู่มั่นได้ปรารภกับหลวงปู่หมุนว่า "ท่านหมุน ท่านเก่งพอตัวอยู่แล้ว หากไม่เจอกันหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปริยัติ ปฏิบัติ และปฎิเวธ ให้สอบถามท่านแหวนได้ เพราะเขาเก่งมาก" หลวงปู่มั่นได้มอบของที่ระลึกให้หลวงปู่หมุน 2 อย่าง คือ แผ่นจารอักขระใบลาน ม้วนเป็นลูกอมกลมๆ เขียนเป็นภาษาขอมว่า เย ธมมา เหตุปภวา ฯลฯ เป็นต้น และธนบัตรรัชกาลที่ 8 พร้อมลายเซ็นหลวงปู่มั่น ภายหลังหลวงปู่ได้มอบให้โยมแม่ท่านไป ต่อมาหลวงปู่มีความกังขาสงสัยในกัมมัฏฐานในเรื่องของจตุธาตุวัฏฐาน ซึ่งเป็นเรื่องของการปฏิบัติในธาตุทั้ง 4 เป็นมูลฐานของอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ จึงได้เดินทางไปกราบของความรู้เพิ่มเติมจากหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ก็ได้รับความกระจ่าง จากนั้นก็ธุดงค์ต่อไป ท่านยังได้ร่ำเรียนวิชาจากพระอาจารย์สิงห์ วัดป่าสาลวัน, หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบาต่อมาไม่นานก็ได้ร่ำเรียนวิชามีดหมอมหาปราบจากหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว และหลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์หลวง ซึ่งวิชานี้หลวงพ่อเดิม พุทธสโร วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ก็เรียนจากหลวงพ่อขำและหลวงพ่อเงิน เช่นกัน นอกจากนี้ในช่วงที่หลวงปู่ธุดงค์มาสู่ภาคตะวันออกแถบจันทบุรี ท่านได้พำนักอยู่กับ หลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง กระทั่งหลวงพ่อสอนไว้ใจให้วิชาอาคมและครอบครูให้กับหลวงปู่

    หลวงปู่หมุน นับเป็นหนึ่งในทายาทผู้สืบสายเวทวิทยาพุทธาคมในสายสมเด็จลุนแห่งนครจำปาศักดิ์ ราชอาณาจักรลา โดยสมเด็จลุนเป็นที่เลื่องลือในคุณธรรมและอภิญญาอภินิหาร อาทิเช่น สามารถเดินบนน้ำได้ ย่นระยะทางได้ แปลงร่างได้ เดินทะลุภูเขา ได้กล่าวกันว่าภิกษุสงฆ์ยุคก่อนโน้นต่างดั้นด้นสืบเสาะหาสมเด็จลุน เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษามหาวิทยาคม ตลอดจนวิปัสสนากรรมฐาน หลวงปู่หมุนเองก็ดั้นด้นธุดงค์ผ่านอุบลราชธานีเข้าประเทศลาวเพื่อสืบเสาะหาสมเด็จลุน แต่ไม่พบ แล้วมาพักอยู่กับหลวงพ่อมหาเพ็ง วัดลำดวน ในช่วงนั้นหลวงปู่ได้ใช้เวลาค้นคว้าศึกษาพระไตรปิฏก ในเรื่องพระวินัยปิฏก และพระอภิธรรม ซึ่งเป็นพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงการเจริญกัมฏฐานล้วนๆ ประมาณ 2 เดือนกว่า แล้วก็ออกธุดงค์กลับสู่ประเทศไทยเข้ากรุงเทพฯ มาพำนักที่วัดหงส์รัตนาราม ต่อมาธุดงค์ไปทางอีสานเข้าสู่ประเทศลาวอีกหลายครั้ง จนกระทั่งท่านมีอายุ 30 ปีกว่าแล้ว คราวนั้นหลวงปู่ได้พบกับฆราวาสชื่ออาจารย์ฉันท์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นเหลนของสมเด็จลุน ที่จังหวัดนครพนม โดยเรียนวิชาจากอาจารย์ฉันท์จนหมดภูมิแล้ว อาจารย์ท่านจึงได้แนะนำฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ดำเหลนของสมเด็จลุนปรมาจารย์ใหญ่ที่สืบสายเวทวิทยาพุทธาคมในสายสมเด็จลุน

    ในการฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดำนั้น มีกฎเกณฑ์รายละเอียดมากทั้งยังต้องทดสอบภูมิปัญญา และอำนาจของกระแสจิตที่ต้องเข้มแข็งพอที่จะเรียนวิชาของท่านได้ ในรุ่นที่หลวงปู่ฝากตัวเป็นศิษย์นั้นมีมากกว่า 50 รูป แต่หลวงปู่ดำท่านทดสอบวิชาแล้วคัดออกจนเหลือแค่ 3 รูป มีหลวงปู่หมุน หลวงพ่อสงฆ์ (วัดม่วง ลพบุรี) และอีกรูปหลวงปู่ลืมชื่อไปแล้ว สำหรับพิธีครอบครูของหลวงปู่ดำนั้นมีของยกครูที่หลวงปู่จำได้อย่างแม่นยำคือ 1.ผ้าไตรจีวร 2.บาตร 3.ทองคำหนัก 10 บาท (สำหรับทองคำจะคืนให้เมื่อเรียนจบ) และมีข้อห้ามประการสำคัญอีกคือ "ห้ามสึกตลอดชีวิต ถ้าสึกไปชีวิตก็จะหาไม่"

    ในการครอบวิชานี้ถือว่าเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาวิทยาคมในสายของสมเด็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ ซึ่งกว่าจะเรียนจบต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะบำเพ็ญเพียรอย่างมาก ได้จำวัดพักผ่อนวันละ 4 ชั่วโมงเท่านั้น อาหารต้องฉันมื้อเดียว และขั้นตอนสุดท้ายที่จะสำเร็จวิชานี้จะมีการทดสอบอย่างพิสดาร

    อย่างไรก็ตาม เป็นที่เชื่อกันว่าหลวงปู่หมุนท่านสำเร็จวิชาธาตุ 4 มาจากสายสมเด็จลุน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าวิชาสายนี้ลึกลับเกินปุถุชนคนธรรมดาจะเรียนได้สำเร็จ ผู้ที่จะเข้าถึงได้ต้องเป็นผู้ที่มีบารมีมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน เพราะการควบคุมธาตุ 4 ได้นั้นผู้ที่จะสามารถทำการนี้ได้ต้องสำเร็จจตุตฌานเป็นบาทฐานในการทำ และยังต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของกสิณจตุธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม และไฟอีกด้วย

    หลังจากนั้นหลวงปู่ก็กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านจาน จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์ รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน ที่ "พระครูหมุน ฐิตสีโล"หลวงปู่ได้ปฎิบัติศาสนกิจตามที่ได้รับมอบหมายเป็นเวลาถึง 20 ปี จึงลาออกจากทุกตำแหน่ง ต้องการใช้ชีวิตที่เหลือบำเพ็ญสมณธรรมปฏิบัติพระวิปัสสนาธุระอย่างเดียว ประมาณปี 2487 ในช่วงที่หลวงปู่อายุ 50 ปี ท่านเก็บบริขารออกธุดงค์บำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าดงดิบโดยลำพังแต่ผู้เดียว และในช่วงนี้เองที่หลวงปู่ได้พบกับพระอาจารย์จ่อยและพระอาจารย์ขวัญ วัดป่าหนองหล่ม ในระหว่างที่หลวงปู่ธุดงค์โดยบังเอิญ อาจารย์ทั้ง 2 จึงได้นิมนต์หลวงปู่โปรดญาติโยมที่วัดป่าหนองหล่ม หลังจากที่หลวงปู่หมุนเดินธุดงค์แสวงหาธรรมอยู่หลายสิบปี ประมาณปี 2520 ท่านจึงกลับมายังวัดบ้านจาน ซึ่งวัดบ้านจานในยามนั้น มีอายุกว่า 200 ปี อยู่ในสภาพทรุดโทรม ท่านจึงได้พัฒนาวัด สร้างอุโบสถขึ้นมา ด้วยหยาดเหงื่อและแรงจิต ทำให้อุโบสถเสร็จสมบูรณ์ในเวลาอันสั้น

    นอกจากนี้ท่านยังได้ช่วยเหลือลูกศิษย์และสหธรรมิกอีกหลายวัด เช่น วัดป่าหนองหล่ม, วัดโนนผึ้ง, วัดซับลำใย และคณะศิษย์วัดสุทัศน์ฯ ในการสร้างถาวรวัตถุของวัดจนเป็นที่มาของวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมในหลายรุ่นต่อมา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังแทบทุกรุ่นที่ท่านจัดสร้างขึ้นจึงเป็นที่นิยมในหมู่ศิษยานุศิษย์ ด้วยเชื่อในพลังแห่งบุญฤทธิ์จิตตานุภาพของท่าน

    จนกระทั่งเมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 11 มีนาคม 2546 หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล พระอมตะเถระ 5 แผ่นดิน แห่งวัดบ้านจาน อ. กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ มรณภาพลงอย่างสงบบนกุฎิ สิริอายุ 109 ปี 86 พรรษา

    สำหรับพระศพหลวงปู่หมุนนั้นจะตั้งทำพิธีที่วัดบ้านจาน โดยจะจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพเรื่อยไปจนกระทั่งถึงวันงานเฉลิมฉลองสมโภชน์พระเจดีย์ โดยศพจะนำบรรจุไว้ในโลงแก้วที่คณะลูกศิษย์จัดสร้างถวายให้ในราคา 2 แสนบาท และนำขึ้นประดิษฐานไว้ในมหาเจดีย์ฐิตสีโล ซึ่งคณะศิษยานุศิษย์จากทั่วสารทิศได้ร่วมกันก่อสร้างไว้ให้ท่าน ซึ่งมหาเจดีย์นี้ตั้งอยู่ในวัด โดยรูปทรงมหาเจดีย์จะคล้ายๆ กับพระธาตุพนมทางภาคอีสาน ผสมผสานกับรูปแบบเจดีย์ทรงล้านนาทางภาคเหนือ ซึ่งสร้างโดยใช้วัสดุคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยใช้เงินก่อสร้างมหาเจดีย์หลังนี้ 2 ล้านบาทเศษ โดยท่านได้เคยปรารภกับลูกศิษย์อยู่เสมอว่า ให้นำร่างท่านบรรจุโลงแก้วและนำขึ้นประดิษฐานไว้ในเจดีย์หลังนี้ เพราะท่านย้ำอยู่เสมอว่าห้ามเผาสรีระของท่าน เพื่อจะให้ลูกศิษย์ได้กราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะท่านเป็นพระผู้มีวิชาอาคมขลัง และเป็นที่เคารพสักการะของผู้คนทั่วสารทิศ และเป็นพระเถระผู้มักน้อย สันโดษ และที่สำคัญเป็นผู้ทรงศีลบริสุทธิ์จริงๆ
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    -สาเหตุที่ท่านอนุญาติให้สร้างพระเครื่อง ในช่วงบั้นปลายชีวิตนั้น เพราะยุคแรกๆ นั้น ท่านใช้เวลาส่วนใหญ่ในการออกธุดงค์ไปในป่าดงดิบ และธุดงค์ไปแดนพุทธภูมิ ไปต่างประเทศ หลายสิบปี จึงไม่ได้ทำวัตถุมงคลออกมาเพื่อให้ชาวบ้านบูชาไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้เป็นคนดีมีศีล และรวมถึงหารายได้มาสร้างวัดซ่อมอุโบสถ บำรุงเสนาสนะให้ดำรงคงอยู่ สืบสานวัฒนธรรมประเพณี อันดีงามในแผ่นดินสยาม วัดวาอารามเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้คนรุ่นเก่าได้กระทำแต่ความดี ละความชั่ว และขัดเกาจิตใจคนรุ่นใหม่ ให้อ่อนโยน มีเมตตาธรรม สร้างสรรค์สังคม ไม่มีวัด ก็ไม่มีพระ หากไม่มีพระ คนรุ่นใหม่ก็ย้ายศาสนาไปเป็นคริสต์จักรกันหมด แล้วพุทธศาสนาก็จางหายไปตามกาลเวลา..
    -หลวงปู่หมุนตอนเด็กๆ ครอบครัวหลวงปู่มีอาชีพทำไร่ทำนา มีอยู่วันหนึ่งหลวงปู่ไปช่วยโยมมารดาทำนา ด้วยความที่ผมตอนนั้นเริ่มยาวมากแล้วเกิดความรำคาญทำอะไรก็ไม่ถนัดนักพะรุงพะรังจึงคิดจะไปตัดผมที่ร้านตัดผมในหมู่บ้าน เด็กชายหมุนจึงไปที่ร้านตัดผมให้ช่างช่วยตัดผมให้ที เด็กชายหมุนพอไปถึงร้านตัดผมจึงขึ้นไปนั่งเก้าอี้เตรียมรอตัดผม ตอนนั้นเองช่างได้นำกรรไกรมาตัดผมเด็กชายหมุน แต่ปรากฏว่าช่างตัดอย่างไงผมก็ไม่ขาด ช่างเห็นว่าเป็นเรื่องผิดวิสัยของมนุย์ธรรมดาเลยบอกเด็กชายหมุนว่าหมดปัญญาตัดให้เธอแล้วเธอต้องเป็นผู้มีบุญมาเกิดแน่ และอนาคตจะต้องได้เป็นใหญ่ พอตัดผมไม่ได้เด็กชายหมุนเลยเดินกลับบ้านด้วยอาการที่ยังงงๆ กับตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรานี่ ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ แล้วคืนนั้นเองเด็กชายหมุนเกิดหลับฝันไปว่า มีเหล่าเทวดามาบอกว่าท่านจะตัดผมไม่ได้เด็ดขาดถ้าเบื้องบนยังไม่มีคำสั่งให้ตัด จะตัดผมได้ต้องรอจนกว่าเบื้องบนสั่งให้ท่านตัดได้ ท่านถึงจะตัดได้ ให้รอไปก่อนแล้วเราจะมาบอกท่านเอง แล้วเทวดาท่านนั้นก็จากไป เด็กชายหมุนเก็บความฝันไปบอกโยมในครอบครัว โยมในครอบครัวจึงคิดให้เด็กชายหมุนได้บวชเรียน บรรพชาเป็นเณรตอนนั้นหลวงปู่อายุได้ 14 ปี เห็นจะได้ ก่อนเด็กชายหมุนจะบวชนั้นเทวดาผู้นั้นได้ลงมาบอกเด็กชายหมุนว่าถึงเวลาท่านจะได้ตัดผมเสียแล้ว เบื้องบนสั่งลงมาแล้ว เด็กชายหมุนจึงได้บรรพชาในบวรพระพุทธศาสนา โดยมีหลวงพ่อสีดา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเพ็ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ฐิตสีโล" แปลว่า "ผู้มีศีลตั้งมั่น"
    หลังจากนั้นมาหลวงปู่จะปลงเกศาก็ต้องรอเบื้องบนมีคำสั่งลงมาเท่านั้นจึงจะปลงผมได้ และเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด ถ้าสังเกตุดูจะเห็นว่าหลวงปู่หมุนเกศาท่านจะยาวมาก ถ้าไม่ถึงเวลาเบื้องบนสั่งลงมาท่านจะไม่ปลงเกศาโดยเด็ดขาด ปรกติแล้วหลวงปู่จะไม่ให้ใครได้เข้าใกล้ศีรษะท่านเลย และจะไม่ให้ใครปลงให้ด้วย ท่านจะปลงของท่านเอง หลวงปู่หมุนท่านจึงหวงเกศาท่านมาก
    หลวงปู่หมุนท่านไม่เคยอนุญาตให้คนอื่นสร้างวัตถุมงคลให้ท่าน เห็นจะมีแต่ตะกรุดของท่านที่ลงอักขระเลขยันต์ และม้วนเองแจกให้แก่คนที่ท่านเห็นว่าเหมาะสมเท่านั้น ส่วนลูกอมที่ท่านทำแจกนั้น ทำมาจากชาญหมากผสมเกศา และสีผึ้งที่ท่านหุงให้แก่ญาติโยมที่มาทำบุญกับท่าน ลูกอมชานหมากที่ชาวบ้านได้ไปนั้นส่วนมากเลี่ยมเดียวๆ ห้อยคอกัน

    -เจ้าของโรงเลื่อยย่านวัฒนาได้ประสบการณ์แปลกประหลาดเกี่ยวกับหลวงปู่คือ เมื่อช่วงกรกฎาคมปี 42 เขาได้ไปทำธุระยังประเทศลาว ขากลับได้อาศัยนั่งกลับในช่วงกลางคืนระหว่างทางมีฝนฟ้าคะนองรุนแรง เขาได้นั่งอยู่ท้ายรถกระบะโดยที่ไม่มีหลังคาคลุม ซึ่งนั่งร่วมกับคน 7-8 คน มีความกลัวมากจึงอธิษฐานถึงหลวงปู่ให้ช่วยคุ้มครองพอถึงที่หมายแถวกบินทร์บุรี ผลปรากฏว่า เจ้าของโรงเลื่อยไม่เปียกฝนเลย ส่วนคนอื่นๆ ที่นั่งท้ายรถด้วยกับเปียกฝนทุกคน

    -เมื่อประมานเดือนสิงหาคม 2542 มีชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งมาเที่ยวที่วัด เพราะเห็นมีธรรมชาติสมบูรณ์ ผ่านมาเห็นหลวงปู่หมุน จึงถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก หลวงปู่ยกมือห้ามไม่ให้ถ่ายแล้วพูดว่า “ถ่ายบ่ได้กล้องซิแตก” ฝรั่งเหล่านั้นฟังไม่เข้าใจ จึงกดชัตเตอร์ถ่ายภาพออกไป ผลปรากฏว่ากล้องราคาแพงนั้นเกิดเลนส์ร้าวขึ้นมาทันที ทำให้ฝรั่งกลุ่มนั้นแปลกประหลาดใจ และเกิดความเลื่อมใสจึงเข้ามากราบหลวงปู่ และถวายเงินสดประมานสามหมื่นกว่าบาท ท่านรับเงินนั้นแล้วก็โยนเงินปึกนั้นคืนให้แล้วบอกว่า “ข้าบ่ได้มาหากิน เอาเงินของเอ็งคืนไป”

    -ผีมาฉีดยากุฏิสั่นสะเทือน
    เมื่อกลางพรรษาหลวงปู่ได้ปลุกเสกลูกอมชานหมาก และมวลสารต่างๆ เพื่อจะนำมาสร้างพระรุ่นแรกของท่าน ในกลางดึกสงัดปรากฏว่ามีเสียงสุนัขเห่าหอนกันอย่างโหยหวนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พอรุ่งเช้าพระอธิการจ่อยได้เข้ากราบนมัสการถามถึงเรื่องนี้ หลวงปู่ตอบแบบเป็นปริศนาธรรมว่า “นายผีเขามา พาพวกผีป่าต่างๆ มาฉีดยา” นายผีที่ว่านี้อาจจะเป็นเจ้าแห่งภูติผีคือท่านท้าวเวสสุวรรณก็เป็นไปได้ ส่วนพวกผีป่าที่มาฉีดยานั้น ก็พากันมาขอส่วนบุญส่วนกุศล พอดึกสงัดคืนที่ 2 ปรากฏว่ามีเสียงกุฏิท่านสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว พอรุ่งเช้าท่านบอกว่า “ครูบาอาจารย์มาช่วยกันปลุกเสกให้จนกุฏิสั่น” หลวงปู่จึงยกมือไหว้ครูบาอาจารย์บอกว่า “ขลังพอแล้ว เดี่ยวกุฏิจะพัง”

    -หนึ่งไม่มีสอง
    คุณดารารัตน์ เจ้าของร้านขายผลิตภัณฑ์พลาสติก ย่านสำเพ็ง ซึ่งเป็นคนที่ปฏิบัติธรรมจนได้มโนมยิทธิ จากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่น้องชายได้เหรียญและลูกอมชานหมากมา ก็ได้อธิษฐานขอชมบารมี ปรากฏว่าวัตถุมงคลนั้นมีพลังมากเกินกว่าที่สัมผัสได้ เสมือนตัวเองยืนอยู่บนพื้นดินแล้วแหงนหน้าดูดวงอาทิตย์ฉันนั้น พอตกกลางคืนก็ฝันเห็นพระสูงอายุมายืนบนหัวนอนแล้วยืนชูนิ้วชี้ขึ้นมาพูดว่า “หนึ่งไม่มีสอง”

    -หลวงตามหาบัว บอกให้ไปหา
    ช่วงที่พระอาจารย์ตั้ว ศิษย์เอกหลวงพ่อกวยตระเวนหาพระอาจารย์ที่เก่งๆ ได้เข้าไปกราบหลวงตามหาบัว และขอของดีจากท่าน ปรากฏว่าท่านบอกว่าไม่มี ถ้าชอบในวัตถุมงคลอิทธิปาฏิหาริย์ให้ไปหาหลวงตาหมุนโน่น ซึ่งกว่าพระอาจารย์ตั้วจะค้นหาหลวงปู่หมุนได้เป็นเวลาถึง 15 ปี กว่าจะได้เจอ โดยคำบอกเล่าของพระอาจารย์มงคล วัดสุทัศน์ จึงได้เดินทางไปกราบนมัสการด้วยกัน

    -เทวดากายเขียวขี่ช้างสามหัว
    ช่วงมกราคม ปี 42 ที่ผ่านมาทางวัดป่าหนองหล่ม ได้จัดพิธีหล่อพระแก้วมรกตจำลองเพื่อเป็นพระประธาน ได้นิมนต์หลวงปู่หงษ์ และพระอาจารย์แถบนั้นมาหมด หลวงปู่หงษ์บอกว่าแค่พระองค์นั้นองค์เดียวก็เหลือกินแล้ว ทั้งยังบอกอีกว่า มีเทวดากายเขียวขี่ช้างสามหัวมาอนุโมทนาในพิธีนี้ด้วย เมื่อหลวงปู่หมุนลงจากอาสนะสู่ที่พักหลวงปู่หงส์ได้เข้าไปกราบหลวงปู่หมุน ด้วยอาการคารวะเป็นภาพที่ประทับใจของสาธุชนเป็นอย่างมาก เพราะพระปรมาจารย์ทั้งสองรูปไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

    -ยังไม่ไปเพราะงานยังค้างอยู่
    หลวงปู่เคยเมตตาเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนนี้ได้นั่งเจริญพระกัมมัฏฐานอยู่ปรากฏว่ามีครูบาอาจารย์ต่างๆ ของท่านได้มาฉุดมือท่านเพื่อเข้าสู่แดนนิพพาน หลวงปู่บอกว่า ยังไปมิได้เพราะแดนนิพานนั้นเป็นสถานที่ไปแล้วมาไม่ได้ คือ เข้าแล้วออกไม่ได้ ยังมีงานค้างอยู่ จากนั้นท่านก็ออกจากสมาธิเพื่ออยู่ช่วยสร้างวัดให้ที่นี่สืบต่อไป

    -ปลุกด้วยกระแสจิต
    พระอาจารย์ขวัญ วัดป่าหนองหล่ม ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า ทุกเช้ามืดพระทุกองค์ต้องตื่นมาทำวัตรสวดมนต์ มีอยู๋ครั้งหนึ่งไม่อยากตื่นแต่มีกลิ่นประหลาดหอมเย็นมาก เหม็นสาบบ้างโชยเข้ามาให้ห้อง พอคืนต่อมาสายประคำเม็ดใหญ่ที่วางอยู่บนห้องพระก็มาว่าอยู่บนบ่าในทำนองที่ว่าเคลื่อนไหวไปมาให้รู้สึก ครั้งรุ่งขึ้นหลวงปู่ได้บอกว่า หมู่นี้ขี้เกียจกันนักเลยมาปลุกหน่อย สร้างความประลาดใจให้พระอาจารย์ขวัญเป็นอย่างมาก

    -ปลอดภัยใบสั่ง
    ครั้งหนึ่งพระมหามาลัย ผู้มีความศรัทธาหลวงปู่มาก วัดป่าหนองหล่มมอบหมายให้พระมหามาลัยไปติดต่อพระอาจารย์มงคลที่วัดสุทัศน์เป็นการด่วน จึงจ้างรถกระบะจากสระแก้วมายังกรุงเทพฯ โดยใช้ความเร็วสูงมาก อีกทั้งทะเบียนรถป้ายวงกลมก็ไม่มี แต่สามารถผ่านด่านทหาร ด่านตำรวจ มาได้โดยไม่โดนใบสั่งเลย คนขับรถจึงถามว่ามีของดีอะไร ปรากฏว่าในกระเป๋าเสื้อมีรูปหลวงปู่หมุนอยู่รูปเดียว

    -โชคลาภสมควรแก่บารมี
    พระอาจารน์มงคลวัดสุทัศน์ เล่าให้ฟังว่า ในช่วงที่เปิดบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่หมุน มีคุณเสริมมาบูชาวัตถุมงคล จากนั้นได้อธิฐานขอโชคลาภ จากนั้นเขาสมารถประมูลงานก่อสร้างได้ ในมูลค่า ห้าล้านบาท ได้เปอร์เซ็นจากงานนั้ไม่ต่ำกว่า สองแสนบาท จึงได้นำปัจจัยไปถายหลวงปู่

    -ภูตพรายกระเจิง
    พระอาจาารย์มงคลเล่าให้ฟังว่า มีคนมาเช่าแหวนของหลวงปู่หมุน จากนั้นได้สวดคาถาแล้วพูดดังๆ ว่า "รวย" จากนั้นก็สวมแหวน ปรากฏว่าคนผู้นั้นอาเจียนออกมาทำให้เกิดการสงสัย พระอาจารย์มงคลจึงไปถามคนในกลุ่มนั้น ทราบว่าเขาเลี้ยงพรายไว้กับตัว เมื่อมาเจอแหวนหลวงปู่ทำให้เป็นเพลิงเผาผลาญทำให้พรายไปจุติสู่ภพภูมิใหม่


    วาจาสิทธิ์ของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร ซึ่งลูกศิษย์และชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู คือ
    "ของๆ ฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะหมุนโชคหมุนลาภ ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมาอาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายๆ เท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไป ด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็นหนึ่งบ่เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเรื่องถึงเมืองแมน"
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ผมขออนุญาตลงประสบการณ์ของวัตถุมงคลหลวงปู่หมุนต่ออีกนะครับ....ระหว่างที่รอท่านอื่นๆมาเล่า จริงๆแล้วผมมีเรื่องของหลวงปู่หลายเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และฟังมาจากศิษย์ของหลวงปู่ที่เชื่อถือได้เล่าให้ฟังครับ....แต่ทุกๆเรื่องที่ผมเล่า ขอให้ทุกท่านโปรดใช้วิจารณญานในการตัดสินด้วยนะครับ..

    เรื่องนี้มีอยู่ว่า..ผมเป็นคนที่ชอบศึกษาและแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ท่านมีคุณธรรมพิเศษ เพื่อที่จะได้ทำบุญกับพระที่ท่านเป็นพระจริงๆ แต่ปกติก็ทำบุญได้ทุกวัดอยู่แล้ว..แต่หากได้ทำกับพระที่ท่านเป็นพระระดับสูงด้วยแล้วยิ่งทำให้ได้อานิสงค์มากยิ่งๆขึ้นไปอีก...
    มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ผมกลับไปจ.จันทบุรี เพื่อไปทำบุญและพักที่วัดแห่งหนึ่ง อยู่ใน อ.เขาคิชฌกูฎ วัดนี้เป็นวัดป่ากรรมฐาน สายพระอาจารย์มั่นฯ ผมได้พบพระดีอีกองค์หนึ่งที่นั่น ท่านเป็นพระอริยะสงฆ์ครับ(ปัจจุบันผมก็ถวายการอุปฐากท่านอยู่..) พระเถระองค์นี้ว่ากันว่า ท่านมีเจโตฯ และทิพจักขุญานที่แจ่มชัดมาก สามารถล่วงรู้อารมณ์ของผู้คนที่ไปหาได้(แต่ไม่ค่อยโชว์..) ตอนที่ผมเข้าไปหาท่านตอนนั้นผมแขวนพระกริ่งหลวงปู่หมุน รุ่น เจริญลาภไป ก็ไปกราบทำบุญกับท่าน ในระหว่างที่ท่านกำลังสนทนากับลูกศิษย์อยู่ ท่านก็หันมามองผมแล้วก็ถามขึ้นว่า....โยมแขวนพระอะไรมา..? ผมตอบว่า พระกริ่งครับหลวงปู่ ท่านถามว่าไปได้พระนี้มายังไง..? ผมบอกท่านว่า ผมทำบุญแล้วได้มาครับ เออ...พระองค์นี้สำคัญมากนะ ให้เก็บรักษาไว้ให้ดี ดีมากๆเลย....ผมรู้สึก งง? กับสิ่งที่หลวงปู่ท่านนั้นท่านทัก ว่าท่านทราบได้อย่างไรว่า พมแขวนพระก็ในเมื่อผมเองก็ได้เอาสร้อยไว้ในเสื้อ แล้วก็แขวนพระกริ่งองค์เดียวด้วย...หรือว่าหลวงปู่ท่านนั้นจะทราบได้ด้วยข่ายญานของท่าน ทั้งที่หลวงปู่องค์นั้นท่านก็ไม่ใช่พระที่โอ้อวดคุณวิเศษด้วย ท่านจะเป็นพระที่สมถะ เรียบง่าย ถ่อมตน แต่ท่านยังต้องทักพระที่ผมใส่ แสดงว่าพระที่ใส่นี้ต้องดีจริงๆ เหตุการคราวนั้นผมก็ยิ่งมีความรู้สึกเชื่อมั่นศรัทธาในองค์หลวงปู่หมุนมากขึ้น....และก็มีความเคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่ท่านนั้นมากขึ้นไปด้วย(เนื่องด้วยประสบการณ์แปลกๆที่ผมพบเจอกับหลวงปู่องค์นั้นนับวัน ยิ่งมีมากขึ้นๆเรื่อยอีกด้วย)

    ไม่ใช่แค่นั้นนะครับที่ผมเจอประสบการณ์ ที่มีพระเถระระดับสูงท่านทักแบบนี้ ผมยังเจออีกหลายองค์ครับ เช่น หลวงปู่อั้น วัดธรรมโฆษก ท่านทักว่าพระกริ่งองค์นี้ มีพุทธานุภาพสูงจริงๆ หลวงปู่ทอง วัดเกาะ ท่านทักว่าแขวนพระอะไร ทำไมแรงนัก..? โอโห..แรงมากเลยวุ้ย ทำไมแรงอย่างนี้วะ..ของใคร ใครทำฯลฯ แต่ละองค์ท่านก็จะทักแบบคล้ายๆกันครับ แต่อาจจะมีลีลาในการสื่อสารกับเราเท่านั้นครับ....

    ไหนๆก็เล่าเรื่องการตรวจพลังแล้วจะขอเล่าอีกสักเรื่องนะครับ เพราะคงไม่ได้เข้ามาสนทนากัน อีกหลายวัน เพราะจะไปร่วมงานที่วัดท่าซุงครับ....เรื่องนี้เกิดขึ้นที่วัดดังกล่าวข้างต้น แต่เป็นกับ"ศิษย์"ขององค์หลวงปู่ท่านนั้นครับ....ท่านเมตตาตรวจพลังพระให้ผมหลายอย่าง แต่ละอย่างก็มีผลการตรวจที่ต่างๆกัน แล้วที่สำคัญท่านตรวจได้ค่อนข้างแม่น(รู้จริง..)เสียด้วยครับ
    ท่านตรวจหลายอย่างจนมาถึงชิ้นสุดท้าย เป็นเครื่องราง(ตะกรุด..)ที่หลวงปู่หมุนท่านทำให้ครับ หลังจากตรวจแล้วท่านบอกว่า....องค์นี้แปลกมาก..พอตรวจแล้วไม่ค่อยรู้เลย รู้แต่ว่าแน่น ตรวจถึง 2 ครั้งแล้ว แต่ไม่รู้พลังว่าเป็นในรูปแบบไหน สงสัยท่านคงบังไม่ให้รู้แน่ๆเลย ผมก็ถามท่านว่าแล้วจะทำอย่างไรถึงจะรู้ได้ครับ.?...ท่านตอบว่าถ้าพระระดับสูงจริงๆบางองค์ท่านจะบังไม่ให้เราได้รู้เลย โดยเฉพาะ พระที่มีบารมีทางฤทธิ์ ถ้าจะให้รู้ก็พอมีวิธี แต่เสี่ยงหน่อยนะ อยู่ที่ว่าท่านจะเปิดให้เรารู้ได้หรือไม่ หรือได้แค่ไหน วิธีนี้ก็คือต้องเพ่งจิตเข้าไปทำลายพลังของท่าน ถ้าเกิดของที่ท่านแน่จริงๆพลังจะตีกลับ มาหาเราทำให้รู้ได้ว่าพลังท่านเป็นแบบไหนเพราะอาตมาเคยตรวจพระแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง....พระอาจารย์ท่านนั้นก็เลย ขออนุญาติตรวจพลัง(ก๊อกสอง..)และก็ขอขมาลาโทษ แต่ไม่ได้มีเจตนาในการลบหลู่แต่อย่างใด ขอหลวงปู่ครูบาอาจารย์ท่านนี้ได้โปรดเปิดทางให้ได้รับสัมผัสพลังได้ชัดเจนด้วย...ฯลฯ แล้วท่านก็ทำการตรวจพลังตามวิธีของท่าน ผลก็ปรากฏว่า.....โอ้โห..!!! พลังท่านแรงมากจริงๆ มหาศาลเลยมาแบบเป็นอิทธิฤทธิ์ สุดจะกล่าวได้เลย ท่านกล่าว แล้วยังกล่าวต่ออีกว่า หลวงปู่ท่านนี้เป็นพระที่มีบารมีทางด้านฤทธิ์สูงมาก นัยว่า..จะเคยปราถนาพุทธภูมิมาแต่เดิมจน อาจจะล่าวได้ว่าเข้าสู่ขั้นปรมัตถะบารมีเลยละคล้ายๆหลวงปู่ทวด เพราะเห็นเป็นแสงแก้วสีทองประกายสว่างเจิดจ้า แต่ว่าในชาตินี้ท่านน่าจะลาพุทธภูมิซะแล้ว เพราะเห็น(จิต)เป็นแก้วประกายพฤกเลย แต่สงสัยว่าท่านยังคงทำกิจของพุทธภูมิอยู่ ยังไม่ได้เข้าแดนนิพพานแบบเต็มตัวเพราะกิจของท่านยังไม่เสร็จสิ้น จริงๆแล้วยังมีมากกว่านี้อีกนะแต่อาตมาไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ พลังท่านแรงสุดๆเลย ร่างกายเรารับตรงนี้ไม่ไหว ก็เลยพอแค่นี้ ผมฟังแล้วถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว พอพระอาจารย์ท่านนั้นตรวจพลังเสร็จ ท่านก็ขอตัวไปพักผ่อนเลยเพราะ ร่างกายท่านอาจรับผลข้างเคียงจากการตรวจพลัง....ผมก็เลยขอบพระคุณท่าน และก็ขอขมาท่านด้วย ผมสังเกตว่าที่พระอาจารย์ท่านนี้พูดมาก็น่าจะจริง เพราะบังเอิญไปตรงกับคำพูดของ หลวงปู่เกลี้ยง วัดศรีธาตุ(บ้านโนนแกด) จ.ศรีสะเกษ พระอริยะสงฆ์ระดับสูงมากอีกท่านหนึ่งว่า....หลวงปู่หมุนท่านสำเร็จแล้ว มรณภาพก็จริง แต่ก็ยังไม่ไปไหน ยังคอยดูแลช่วยเหลือลูกศิษย์อยู่ตลอดเวลา ฯลฯ
    (ได้โปรดใช้วิจารณญาน เป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลครับ)

    เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผมขอยืนยันว่าได้ประสพมากับตัวเองเลยครับ ไม่ได้คิดจะเขียนขึ้นเองเพื่อมีเจตนาใดๆครับ เพียงแต่อยากถ่ายทอดให้ท่านทั้งหลายที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่หมุน ได้ทราบ เพื่อเป็นการเผยแพร่และเป็นกำลังใจให้กับท่านที่ยังไม่ทราบในคุณธรรมขององค์หลวงปู่..ครับ


    เครดิต http://www.luangpumoon.com/forum/index.php?topic=45.0
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    หลวงปู่หมุน เคยกล่าวไว้กับศิษย์ท่านหนึ่งว่า
    ........" ไผใช้ของของข่อย
    ให้รักษาศีลห้า..

    บ่ด่าแม่เค้า..
    แมลงวันบ่ได้กินเลือด"......


    ท่านยังบอกอีกว่า พระและเครื่องรางของท่านไม่ต้องถืออะไรมาก ไม่มีข้อห้าม ข้อจำกัดการใช้ ท่านขอไว้หมดแล้ว ...จะลอดราวตากผ้า ใต้ถุนบ้าน สะพานหัวเดียว หรือลอดผ้าถุง เข้าห้องน้ำ ห้องส้วม ไม่ต้องถอด ของท่านขลังไม่มีเสื่อม
    ...แต่อย่าด่าแม่เค้า
    ให้ทำดีมีศีล
    ..ขออะไรได้หมด อยากได้อะไรให้นึกเอา
     
  18. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    สาธุสาธุ
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ?temp_hash=51d0983fa194c3e81d605e17e59c5a37.jpg





    ภาพหลวงปู่ชี้ไปบนฟ้า จริงแท้แล้วมีความหมายอย่างไร เป็นการวาดยันต์ในอากาศจริงหรือ????
    ข้อมูลนี้ คือคำตอบของคำถามครับ
    วันก่อนติดค้างเรื่องการปลุกเสกวัตถุมงคล
    ของหลวงปู่หมุน
    หลายท่านคงเคยภาพนี้..ในพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลโดยเฉพาะการหล่อ.หรือ เทพระ ทุกครั้งหลวงปู่จะมองไปบนท้องฟ้าแล้วทำอาการชี้มือไปในอากาศ...ในครั้งแรกได้พบเห็นเหตุการณ์นี้ในการเทกริ่งเจริญลาภ...

    ในเวลานั้นทุกคนต่าง งุนงง สงสัยว่าหลวงปู่ทำอะไรโดยเฉพาะภาพนี้ที่จะส่งลงตีพิมพ์ใน นโม...
    ทำให้ผู้เขียนถึงกับมึนว่าอะไร..ก็พยายามค้นคว้าแต่ไม่พบในตำราสำนักใดๆ..ทั้งตำราวัดสุทัศน์..ตำราวัดประดู่..ตำราวัดสาลิโข..

    เลยต้องเริ่มเดากันเอาครับจากอากับกริยา.
    ถึงเวลาต้องส่งต้นฉบับ..ก็เลยสรุปว่าหลวงปู่ชักยันต์ครอบพิธี.เลยตีพิมพ์ไปเช่นนั้น...

    แต่ผู้เจนจบวิทยาคมอย่างอ.ตั้ว..ผู้คงแก่เรียนท่านไม่จบ..ท่านค้นคว้าไต่ถามครูบาอาจารย์ของท่าน เช่น.พรามณ์จั๊ว.ผู้แก่กล้าศิษย์เอกหลวงพ่อกี๋.หลวงพ่อแทน.หลวงพ่อเทียม..
    ท่ารก็ไม่ทราบ.สอบไปยังหลวงปู่ตี๋ วัดหลวงราชาวาสท่านก็ไม่สามาหาคำตอบได้..เพียงแค่นั้นก็ยังไม่ทำให้ท่านคลายสงสัยได้.ท่านจึงเก็บความสงสัยไว้นับปี

    จนถึงวันที่เหมาะสมคือวันเท.กริ่งสมปราถนา.
    หลวงปู่ท่านก็ทำแบบเดิม..คราวนี้แหละท่านทนไม่ได้ต้องรู้ให้ได้.ด้ใยนิสัยท่านที่ต้องการรู้แบบรู้.จริง...ไม่ใช่การเดา..
    ในเวลาตกค่ำวันนั้นท่าน.ก็ไปกราบหลวงปู่ในที่พักและบีบนวดจนหลวงปู่อารมณย์ดีเริ่มหัวเราะได้...
    อ.ตั้วเห็นสบโอกาส..ดี.

    อ......หลวงปู่ครับเวลาเสกพระหลวงปู่ชี้มือไปในอากาศหลวงปู่เสกบทไหนครับ
    ลป...หัวเราะไม่ได้เสกคาถาอะไนหรอก.
    อ....แล้วหลวงปู่ทำอะไรครับ...
    ลป....คืออย่างนี้นะ..เมื่อก่อนมีอยู่คราวหนึ่งไอ้ตัวเขียวหัวหน้าพวกบนฟ้าโน้น..มันเคยรับปากไว้ว่าจะสร้างพระเมื่อใดมันจะมาช่วยเสก..กับลูกน้องมัน.เวลามันโผ่ลหน้ามาบนฟ้า.ให้บอกไปว่าจะเอาลูกน้องมันมาช่วยเสกกี่คน...
    อ.....พระอินทร์เหรอหลวงปู่
    ลป....หัวเราะตอบไปว่าเขียนตัวเลขไปร้อยมันมาพัน...เขียนไปพันมันมาหมื่น..
    อ......อย่างนี้เอาเทวดามาช่วยเสกด้วยเหรอ
    ลป..ก็เวลาฉันไม่อยู่.ไม่ว่างไอ้พวกนี้มันจะดูแลแทนฉันได้..ฉันคนเดียวจะดูหมดไหวเหรอ.....

    หลังจากอ.ตั้วมาออกมาพวกลิงๆก็อดถามไม่ได้
    อาจารย์หลวงปู่เก่งธนวโรร่วงน้อยพูดว่าด้วยเหตุใด...

    อ.ตั้วตอบเสียงดังฟังชัด...พวกมึงมันโง่.
    รู้ไหมกิจบ้างอย่างสงฆ์นี้เข้าไปยุ่งไม่ได้..
    เล่นไพ่.เล่นหวย.ไฮโล.กินเหล้า.เข้าซ่อง..
    พระจะเขาจะเข้าซ่องไปช่วยมึงเหรอ.
    เทวดานี้ช่วยได้...พระแต่ละองค์ที่บังเกิดเป็นองค์พระ.ในพิธีเททองนี้..จะมีเทวดารักษาองค์พระอยู่ทุกองค์...ใช้พระหัดทำบุญ.ให้เ ทวดารักษาองค์พระด้วย.อย่าลืม.นี้แหละวิเศษนัก..
    ....ไม่เคยมีเกจิคนไหนทำได้เลย..ไปๆๆๆมึงไปเก็บของไอ้ห่ามืดแล้วยังไม่เสร็จอีกไป..

    จบข่าวครับ...เช้าถามแล้วที่เขียนลงนโมไปหละทำไง..นานแล้วทำไงได้ว่ะใครจะรู้อย่าพูดมากไปพวกมึงนี้
    บทความลิ้งค์ต้นฉบับที่คัดลอกมา จากfbพี่ Pondthep Amianan

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    รวบแล้ว 1 แก๊งอูซี่รัวถล่มตำรวจเปิดทางหนี ตร.เผยนาทีเฉียดตาย เชื่อบารมีหลวงปู่หมุนคุ้มครอง
    วันที่ 8 ตุลาคม 2560 - 19:01 น.

    %E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2-696x392.jpg
    จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปางสีดา และ ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำกำลังเข้าจับกุม นายเจนรงค์ สนโฉม ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว ข้อหาพยายามฆ่า ที่บ้านเลขที่ 221 หมู่ 11 ต.โคกปี่ฆ้อง อ.เมือง จ.สระแก้ว แต่ถูกนายเจนรงค์ กับพวกอีก 2 คน ใช้อาวุธปืนกลอูซี่ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ จึงเกิดการยิงปะทะกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนฝ่าวงล้อมหลบหนีไปได้ ขณะเดียวกันทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกนะสุนถากหัวไปแบบเฉียดฉิว เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าวกระสุนปลิวว่อน!! มือปืนหนีคดียิงกราดหน้าผับสาหัส 4 โดนล้อมจับรัวอูซี่ถล่มตร.เปิดทางหนี(คลิป)


    ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 8 ต.ค. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ลงพื้นที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หลังเข้าตรวจสอบพบว่าคนร้ายตั้งใจยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เสียชีวิต เนื่องจากวิถีกระสุนที่ยิงไปถูกกิ่งมะม่วง ระยะอยู่บริเวณศีรษะของเจ้าหน้าที่ตำรวจพอดี

    ส.ต.ต.ปิยวุฒิ สิงห์วงศ์ ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมชุดยิงปะทะ เปิดเผยนาทีเฉียดตายพร้อมกับโชว์เหรียญหลวงปู่หมุนที่ห้อยคอ เชื่อว่าช่วยให้รอดชีวิตในครั้ง ว่าช่วงที่กำลังยิงปะทะ คนร้ายได้หันปากกระบอกปืนมาที่ตนแล้วรัวใส่ไม่ยั้ง แต่จู่ๆ ก็เหมือนมีใครผลักตนให้ล้มลง ทำให้กระสุนเฉี่ยวศีรษะไปโดนกิ่งมะม่วงแบบเส้นยาแดงผ่าแปด


    ด้านนางวราพร ศรีตระกูล อายุ 40 ปี พาผู้สื่อข่าวไปดูกะละมัง 3 ใบ และสายยาง ที่ถูกรอยกระสุนปืนทะลุใช้การไม่ได้ โดยนางวราพร บอกว่าไม่รู้ว่าจะไปคิดค่าเสียหายจากใคร เนื่องจากจากยิงกันสนั่นหวั่นไหว ไม่รู้ลูกปืนใครเป็นใครปลิวว่อนไปหมด ตนรอดตายมาได้ก็บุญแล้ว

    ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายคาดว่าน่าจะหนีเข้าไปกบดานก่อนเผ่นหนีออกนอกพื้นที่ โดยสืบทราบว่า 1 ในคนร้าย ได้เช่าห้องอยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรมฮ็อบอินทร์ หลังห้างบิ๊กซี เมืองสระแก้ว จึงได้นำกำลังไปซุ่มสังเกตุการณ์ จนกระทั่งกลางดึกที่ผ่านมา คนร้าย 1 คน ได้ย้อนกลับเข้ามายังห้องเช่าดังกล่าว ตำรวจจึงได้เข้าควบคุมตัวทันที ทราบชื่อต่อมาคือ นายวุฒิชัย สามินทร์ อายุ 27 ปี จากการตวรจค้นในตัวพบอาวุธปืนและยาบ้า ซึ่งนายวุฒิชัย ยอมรับว่าเป็นแก๊งเดียวกันกับนายเจนรงค์ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสอบสวนอขยายผล

    จากการสืบสวนพบว่า นายเจนรงค์ ได้เปิดอู่ซ่อมรถอยู่ที่บ้านท่าเกษม และให้ภรรยาขายเสื้อผ้าบังหน้า โดยเบื้องหลังได้เป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่ ทั้งใน อ.อรัญประเทศ และ อ.เมืองสระแก้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร กำลังไล่ล่าติดตามจับกุมคนร้ายอยู่ แต่เนื่องจากนายเจนรงค์ มีเครือข่ายกว้างขวาง จึงสามารถซ่อนตัวอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง ทางตำรวจฝากเตือนหากผู้ใดให้ที่พักผิงกับคนร้ายรายนี้ก็จะมีความผิดไปด้วย








    https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_557441
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...