พระอาจารย์อุบาลี อตุโลออกจากนิโรธสมาบัติ

​

เชิญโมทนาบุญในวันที่พระอาจารย์อุบาลี วัดจันทร์ตะวันตก ออกจากนิโรธสมาบัติ
อยากจะแนะนำพระสุปฏิปันโน ท่านเข้านิโรธสมาบัติเป็นระยะเวลา 9 วัน

ทางคณะกรรมการสร้างสมเด็จองค์ปฐมและมหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม ขอเชิญชวนญาติธรรมและคณะศิษยานุศิษย์ของพระอาจารย์อุบาลี อตุโล ร่วมเป็นเจ้าภาพกองละ ๑,๐๐๐ บาท รับพระรอดนิรามิส ๑ องค์ โดยในปีนี้ทางคณะกรรมการจะนำรายชื่อเจ้าภาพทุกท่านให้พระอาจารย์อุบาลี อธิษฐานจิตในระหว่างที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติในปี ๒๕๕๑ และรับรายชื่อกลับเพื่อเป็นศิริมงคลในชีวิต อานิสงส์ที่ท่านจะได้รับนั้น จะบรรลุธรรมเร็ว มีความคล่องตัวในทุกด้าน เกิดทุกชาติจะสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง บริบูรณ์ด้วยบริวารสมบัติมนุษย์สมบัติ เกิดทุกชาติจะไม่มีคำว่าจน

กำหนดการ
วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ( ตรงกับวันมาฆบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓)
เวลา ๑๒:๐๐ น. พิธีทอดผ้าป่าสามัคคี

สามารถร่วมทำบุญได้โดยวิธีส่งเงินทางธนาณัติ มาที่
พระอาจารย์อุบาลี อตุโล วัดจันทร์ตะวันตก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ๖๕๐๐๐
หรือโดยการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์
พระอาจารย์อุบาลี อตุโล ธนาคารกรุงไทย สาขาพิษณุโลก เลขที่บัญชี ๖๐๑-๐-๓๑๖๗๓-๑

หมายเหตุ ท่านที่เป็นเจ้าภาพ กองละ ๑,๐๐๐ บาท เมื่อบริจาคเงินเพื่อรับพระรอดนิรามิสแล้ว โปรดเขียนชื่อและเบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้พระอาจารย์อธิษฐานจิต ก่อนวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
แจ้งชื่อ,นามสกุล หรือ ต้องการร่วมเดินทางไปทำบุญกับพระอาจารย์อุบาลี อตุโล ในวันที่ออกจากนิโรธสมาบัติ สอบถามรายละเอียด ได้ที่ ๐-๘๖๐๐๘๖๐๐๙

มหากุศลครั้งยิ่งใหญ่

สร้างสมเด็จองค์ปฐม และ มหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม


สมเด็จองค์ปฐม หน้าตักกว้าง ๔ ศอกขึ้นไป

เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในมหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม

ณ วัดจันทร์ฝั่งตะวันตก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก


~~~~~~~~~~~~~


พระรอดนิรามิส รุ่นสร้างมหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม
เป็นพระเครื่องเนื้อว่าน ๑๐๘ ว่านดังกล่าวพระอาจาร์ยอุบาลี อตุโล
ได้สะสมมาเป็นเวลานานหลายปี
พระอาจาร์ยอุบาลี ได้ทำการอธิฐานจิต

(จัดสร้างจำนวนจำกัด)

พระรอดนิรามิส มีอยู่ ๓ แบบ

​

ในโอกาศนี้จึงขอเรียนเชิญ ผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ร่วมทำบุญสร้างสมเด็จ
องค์ปฐมและมหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม ท่านที่ทำบุญ ๓,๐๐๐ บาท จะได้
รับพระรอดนิรามิ จำนวน ๑ ชุด ๓ องค์

ท่านที่ทำบุญ ๑,๐๐๐ บาท จะได้รับพระรอดนิรามิส ๑ องค์ เลือกสีได้ตามต้องการ


ร่วมทำบุญได้ที่ กุฏิพระอาจาร์ยอุบาลี อตุโล

และที่ ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ code 9166



ที่มา : พิมพ์จากแผ่นพับประชาสัมพันธ์
<!-- / message --><!-- attachments --><!-- / message --><!-- / message --><!-- edit note -->

 

วันนี้วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๑ พระอาจารย์ท่านออกจากนิโรธสมาบัติแล้วนี่เจ้าคะ

หรือว่ายังเปิดให้ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมและมหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม ได้อีกจนกว่าจะสร้างเสร็จคะ

 

กำทำไมเพิ่งมาบอกกานอ่า..เสียดาย
อยากรวยๆๆๆเหอๆ

 

เรียนคุณ 100ลีลา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1023126", true); </SCRIPT> ครับ ขอเปลี่ยนข้อความตรงนี้ใหม่ได้ไหมครับอ่านแล้วมันยังไงๆอยู่

" อยากจะแนะนำท่านเข้านิโรธสมาบัติเป็นระยะเวลา9วัน "
เราเป็นใครไปแนะนำท่านครับ ผมเข้าใจในความตั้งใจดีของคุณ100ลีลา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1023126", true); </SCRIPT> นะครับ
ด้วยกุศลจิตอันดี มิได้เป็นอย่างอื่น โมทนาด้วยครับ

 

00จริงๆผมก็เพิ่งจะทราบคอมผมไม่ค่อยจะดีครับพิมพ์ไม่ได้oo

 

ท่านยังสามารถร่วมทำบุญได้ตลอดครับ
งานวันออกนิโรธสมาบัติ ผมก็ได้ไปโดยบังเอิญครับ
อาจจะมีอีกครั้ง ไว้ทราบข่าวจะรายงานให้ทราบนะครับ
ปล. วิหารใหญ่มาก สวยมากตามแปลน
เค้าเรียกกันเล่นๆว่า มหาวิหาร 100 ล้านครับ

 

ผมได้ยินมาว่า นิโรธสมาบัติไม่มีประตู จึงไม่มีการเข้าการออก
ไม่ทราบว่าท่านใช้ศัพท์คำไหน

 

นิโรธสมาบัติไม่มีประตูเข้าออก แต่เป็นการญัติเหมือนกับการเข้าปริวาสกรรม หรือการอยู่ปริวาสกรรม มีการสวดยัด อุโบสถเราก็มีการสมมติเอาไว้เช่นกันในเมื่อตรงไหนไม่มี เราก็สามารถที่จะสมมติให้มันมี สวดยัดเเละสวดถอน ที่ครูบาอาจารย์ท่านได้เข้านิโรธสมาบัติ และก็มีการสิ้นสุดลงด้วยสัจจะวาจา ก็อนุโมทนากับคุณงามความดีของหลวงพ่อครูบาอาจารย์ขอให้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพระพุทธศาสนาตลอดไป

 

นิโรธกรรม หรือ นิโรธสมาบัติ ครับ

อันเจตนา ของผู้ออกข่าว ดี ที่สุด ขออนุโมทนาบุญ ด้วยครับ แต่ อันว่า
นิโรธกรรรม กับ นิโรธสมาบัติ ตามที่เข้ากันอยู่ นั้น มีข้อปลีกย่อย ที่กระผมอยาก จะนำเสนอ แต่ถ้า ความเห็น ของผมไม่ถูก ท่านผู้ก็ขอได้โปรด ชี้แนะ ทางถูก ให้เกล้ากระผม ด้วย
นิโรธสมาบัติ นั้น เป็นการอธิษฐานจิตให้อยู่ ในสภาวะธรรม ที่ดับ ซึ่ง เวทนาไปปรุงแต่งจิต นั้นได้ ซึ่งการอาการ นั้นเอง เรา ท่านทั้งหลายสมมติภาษาเป็นว่า เข้า ซึ่ง ให้เข้าใจได้ง่ายนั้นเอง และ อาการดับซึ่งเวทนา นั้น ก็หาได้ดับไปอย่าง ธรรมดาไม่ แต่หาก เป็นการดับโดยอาศัย ความสามารถกำลังซึ่ง จิต ในสมาธิเอง ซึ่งความสามารถกำลังจิต ในขนาดนี้ มีแต่ พระอนาคามีขึ้นไป เท่านั้น เพราะ ดับแล้วซึ่งเวทนา ทั้งหลายโดยกำลังสมาธิ ซึ่งสมาธิในระดับนี้ เป็น สมาธิชั้นสูง ในระดับ ฌาน ที่ ๔ และ ๕ โดยตามปกติ แล้วขั้น อนาคามี ท่านปริบูรณ์ ซึ่งสามธิขั้น นี้ อยู่ แล้ว
ส่วนนิโรธกรรม นั้น กระผมเองก็ไม่เคยได้ไป ดูพระท่านได้ทำอย่างไร ทราบแต่เพียง ว่าท่านมีประเพณีทำปี ละครั้ง โดย งดซึ่งข้าวปลาอาหารต่างๆ เป็นการต่อสู้กับเวทนาคือ ความหิวอันแรงกล้า นั้น
จะผิด จะถูก อันใด เกล้ากระผม ขอน้อม รับฟังทุกประการ
มุจจลินท์

 

จากที่เคยอ่านมานะครับ ผู้ที่จะเข้านิโรธสมาบัติได้ต้อง
เป็นพระอนาคามี ขึ้นไป ในแบบปฏิสัมภิทัปปัตโต ฉะนั้นต้องเป็นสมาธิในระดับสมาบัติ 8 เลยไปเป็นสมาบัติที่ 9 เป็นโลกุตรสมาบัติ

http://www.palungjit.org/smati/k40/smabat.htm#นิโรธสมาบัติ

การเข้านิโรธ คือ ดับสัญญาความจำได้หมายรู้ และเวทนา การเสวยอารมณ์ เรียกเต็มว่าเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ, พระอรหันต์และพระอนาคามีที่ได้สมาบัติ ๘ แล้ว จึงจะเข้านิโรธสมาบัติได้ (ข้อ ๙ ใน อนุปุพพวิหาร ๙) จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ฉบับประมวลศัพท์ พระธรรมปิฎก

 

ถ้ามีโอกาศได้ทำบุญกับท่าน

คงขอให้ผลบุญที่ได้รับตกกับประเทศไทยและเจ้ากรรมนายเวรของประเทศไทย

เผื่อเรื่องร้ายๆจะได้ดีขึ้นมาบ้าง

 

คัมภีร์ปฏิสัมภิทามัคค์ แบ่งนิโรธ ซึ่งเป็นไวพจน์สำคัญของนิพพานออกเป็น 5อย่่าง หรือ 5 ระดับ คือ
1. วิกขัมภนนิโรธ ได้แก่การที่ผู้เจริญปฐมฌาน ดับนิวรณ์ได้ด้วยการข่มไว้ (สมาบัติทั้ง8คือ รูปฌาน4 และอรูปฌาน4 เป็นวิกขัมภนนิโรธทั้งหมด เพราะนับแต่เข้าถึงปฐมฌานแล้วเป็นตันไป อกุศลธรรมทั้งหลายมีนิวรณ์เป็นต้น ย่อมถูกข่มให้ระงับดับไปเอง แต่ก็ดับชั่วเวลาที่อยู่ในฌานสมาบัติเท่านั้น;พูดอย่างง่ายว่า ข่มธรรมที่เป็นข้าศึกคือกิเลสต่างๆ เช่น นิวรณ์เป็นต้นได้ด้วยโลกิยสมาธิ เป็นการดับกิเลสแบบเอาหินทับหญ้า)
2. ตทังคนิโรธ ได้แก่การที่ผู้เจริญสมาธิถึงขั้นชำแรกทำลายกิเลส ดับความเห็นผิดต่างๆลงได้ด้วยธรรมที่เป็นคู่ปรับกัน(หมายถึงการดับกิเลสในขั้นวิปัสสนา
คือใช้ปัญญาพิจารณาสภาวะของสิ่งทั้งหลาย เช่น พิจารณาความไม่เที่ยงเป็นต้น พิจารณาเห็นแง่ใด ก็เกิดญาณขึ้นกำจัดความเห็นหรือความยึดถือในทางตรงข้ามที่ขัดต่อสัจธรรมในแง่นั้น ลงได้ เช่นกำหนดเห็นตัวตนเราเขาเป็นเพียงนามรูปก็ดับสักกายทิฏฐิได้ พิจารณาเป็นความไม่เที่ยง ก็ดับนิจจสัญญาได้ พิจารณาเห็นทุกข์ ก็ดับสุขสัญญาได้ พิจารณาเห็นอนัตตา ก็ดับอัตตสัญญาได้ เป็นต้น เป็นการดับกิเลส แบบจุดดวงไฟ ดับความมือ แต่ก็ยังเป็นการดับชั่วคราว เหมือนว่าพอไฟดับ ก็มืดอีก)
3. สมุจเฉทนิโรธ ได้แก่การที่ผู้เจริญโลกุตตรธรรม ซึ่งให้ถึงความสิ้นกิเลส ดับกิเลสลงได้ด้วยการตัดขาด (หมายถึง อริยมรรคทั้งสี่ คือ โสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตตมรรค ซึ่งดับกิเลสเช่นสังโยชน์ทั้งหลายได้อย่างเด็ดขาด ไม่กลับงอกงามขึ้นมาได้อีก เหมือนต้นไม้ถูกสายฟ้าฟาด หรือขุดรากถอนโคนทิ้ง)
4. ปฏิปปัสสัทธินิโรธ ได้แก่การดับกิเลสในขณะแห่งผลโดยเป็นภาวะที่กิเลสราบคาบไปแล้ว(หมายถึง อริผลทั้งสี่ คือ โสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตตผล ซึ่งเป็นภาวะสงบ เรียบซึ้งสนิท เพราะกิเลสได้ถูกมรรคตัดขาดระงับดับสิ้นไปแล้ว)
5. นิสสรณนิโรธ ได้แก่การดับกิเลสที่เป็นภาวะพ้นออกไปแล้วจากกิเลส ดำรงอยู่ต่างหาก ห่างไกลจากกิเลส ไม่เกี่ยวข้องกับกิเลสเลย นิโรธข้อนี้แหละคือนิพพาน หรือที่เรียกว่าอมตธาตุ ซึ่งเป็นภาวะที่ปลอดโปร่งเป็นอิสสระ
ในนิโรธ 5 ข้อนี้ สองข้อแรกคือ วิกขัมภนนิโรธ และตทังคนิโรธ เป็นขั้นโลกีย์ ส่วนสามข้อท้ายเป็นโลกุตตระ สี่ข้อแรกเรียกว่าเป็นนิพพานได้โดยปริยาย คือโดยอ้อมหรือในบางแง่บางด้าน ส่วนข้อสุดท้ายคือนิสสรณนิโรธ จึงจะเป็นนิพพานโดยนิปปริยาย คือเป็นนิพพานโดยตรงเต็มตามความหมาย

 

ตอนนี้ถ้าจะทำบุญกับท่านจะยังได้อยู่รึเปล่าครับกับพระอุบาลี วัดจันทร์ตะวันตก

 

นิโรธสมาบัติ ต้องเป็นพระอนาคามี จนถึงพระอรหันต์เท่านั้นนะคับ การเข้าไม่จำเป็นต้องบอกใครจะออกก็ไม่จำเป็นต้องบอกใครเมื่อกันคับ พิธีรีตองก็ไม่จำเป็นจิตระดับอนาคามีไม่ต้องพูดถึงคับโกรธไม่เป็น เงินทองไม่สน กุจะทำไรก็เรื่องของกุส่วนมากจะเป็นประเภทนั้นมากกว่า ต้องเข้าใจด้วยว่านิโรธหมายถึงการดับสนิท ผมเห็นในรูปก็ว่าตามรูปละคับ ถ้าได้คุยกันกับท่านพระอุบาลีก็จะได้รู้ว่า อยู่ธรรมระดับไหนคับเห็นแต่รูปก็บอกได้แค่นี้ละ

 

เคยได้ยินว่าเข้านิโรธสมาบัติอยู่ได้7วัน แต่ที่ได้อ่านข้อความนี้คือ9วันใช่ไหมครับ??? พอจะมีหลักฐานทางทฤษฎีบ้างไหมครับ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
ผมเคยได้สนทนากับพระปฏิบัติท่านหนึ่ง ท่านว่ามากกว่านี้ใส้จะเน่า เพราะของเสียที่อยู่ในลำใส้สามารถอยู่ได้แค่ไม่เกิน7วัน คือมีความสงสัยจริงๆครับว่าข้อมูลของท่านได้มา ถูกต้องหรือไม่??? หรือในพระไตรปิฏกมีคำอธิบายเรื่องการเข้าอยู่นิโรธสมาบัติว่ามีจำกัดกาลไว้เท่าใดครับ??? เพื่อความกระจ่างให้กับทุกๆท่านที่ไม่มีเวลาค้นพระธรรมครับ จะได้ไม่หลงไปด้วยครับ??

 

เท่าที่ทราบมาจากพระไตรปิฏกสูงสุดของการเข้านิโรธคือ15วันครับ เป็นการยากที่ปุถุชนจะเข้าใจ พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้เพราะเป็นวิสัยของพระอริยะเจ้าจึงเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาได้ครับถ้าให้เดาคงเป็นเพราะอำนาจของสมาบัติจึงไม่เป็นอันตรายครับ

 

ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ์และมหาวิหารคต

ตอนนี้สามารถร่วมทำบุญกับพระอาจารย์ได้ครับ ในวันที่ 19 พฤษภาคม ศกนี้
ผมได้ขออนุญาติท่านแล้ว เพื่อนำบุญใหญ่มาบอกทุกๆ ท่านครับ
รายละเอียดตามใบแนบข้างท้ายนี้ครับ
ทำบุญกับท่านได้โดยตรงเลยครับ


ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วย
(ปล.แล้วผมจะตั้งกระทู้เป็นทางการอีกทีครับ)

 

ผลของสมาบัติมีอย่างนี้ ครับ
๑. นิโรธสมาบัติ สมาบัตินี้เข้ายาก ต้องหาเวลาว่างจริงๆ เพราะเข้าคราวหนึ่งใช้
เวลาอย่างน้อย ๗ วัน อย่างสูงไม่เกิน ๑๕ วัน ใครได้ทำบุญแก่ท่านที่ออกจากนิโรธสมาบัติ
นี้ จะได้ผลในวันนั้น หมายความว่าคนจนก็จะได้เป็นมหาเศรษฐีในวันนั้น
๒. ผลสมาบัติ เข้าอย่างมากไม่เกิน 7 วัน เป็นสมาบัติเฉพาะพระอริยเจ้าท่านออกจากผลสมาบัติแล้ว สมาบัติ
นี้เข้าออกได้ทุกวันและทุกเวลา ท่านที่ทำบุญแด่ท่านที่ออกจากผลสมาบัติ ท่านผู้นั้นจะมีผล
ไพบูลย์ในความเป็นอยู่ คือมีฐานะไม่ฝืดเคือง
๓. ฌานสมาบัติ ท่านที่บำเพ็ญกุศลแก่ท่านที่ออกจากฌานสมาบัติ จะทรงฐานะไว้
ด้วยดีไม่ยากจนกว่าเดิม มีวันแต่จะเจริญงอกงามขึ้นเป็นลำดับ

เข้า link นี้ก็ได้ครับ
http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=234

 

หลวงพ่อเข้านิโรธสมาบัติ
แบบนั่งอิริยาบถเดียว
ตลอด 9 วัน
ไม่เข้าห้องน้ำ ไม่ฉัน ไม่หลับ
1 ปี เข้าครั้งเดียว

พระอาจารย์ฝากมาบอกว่า

คนเรามีเงิน กับไม่มีเงินนั้นต่างกัน
คนมีเงินเค้าจะซื้อรถแพงๆ
แต่คนไม่มีเงิน ซื้อไม่ได้ก็ว่าไปทั่ว...