เรื่องเด่น ครั้งแรกที่พ่อรู้ว่า " ผีมีจริง "

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย วงกรตน้ำ, 3 มกราคม 2017.

  1. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    สวัสดีปีใหม่ Web ใหม่ ไฉไลๆ ^_^

    เที่ยวกันสนุกสนานมาพอหอมปากหอมคอกันแล้ว ทีนี้มาลองพื้นที่บ้านหลังที่สองนี้ดูค่ะ

    ค่ำคืนที่ผ่านมา สองพ่อลูกนั่งดูรายการเพลงที่ผู้เข้าแข่งขันร้องเพลงชิงชัยกันได้อย่างน่าไพเราะ วันนี้ดิฉันเคลิ้มอกเคลิ้มใจที่ได้แสดงฝีมือบูรณะศาลพระภูมิหลังเก่าให้กลายเป็นศาลหลังใหม่ งามตานักเอย...อิอิ

    f8MbI_1p5eco4BuC32JLMrzVoqI.jpg

    " พ่อ เคยเจอผีปะ ?? "
    นั่นไง !!! สบโอกาสเลยลองถามพ่อบ้าง

    พ่อเล่าว่า เคยเจอจังๆ ครั้งเดียวในชีวิต แต่ไม่ใช่เจอตัวผีเป็นๆนะคะ เจอผีในร่างเพื่อน พูดง่ายๆคือ " เพื่อนพ่อถูกผีเข้า "

    ย้อนไปเมื่อพ่อยังหนุ่มอยู่ พ่อว่า สมัยก่อนบ้านเรือนยังน้อยกว่านี้มาก ถนนเชื่อมหมู่บ้านจะเป็นทางดินที่สองข้างทางยังเป็นป่า
    ในวันนั้นพ่อและกลุ่มเพื่อนในหมู่บ้าน ได้พากันไปเที่ยวหมู่บ้านข้างเคียง ขอเรียกว่า "บ้านกรอกล่าง"
    ตอนนั้นประมาณ 5 โมงกว่า พอทุกคนไปถึงงาน ต่างคนต่างแยกย้าย เป็นกลุ่มย่อยๆ เที่ยวชมงาน ฟ้ายังไม่มืด พ่อและเพื่อนพ่อที่ชื่อ" แอ้ว" ก็เดินไปยืนชมวิวที่ท่าน้ำ พ่อว่า ก็พูดนั่นพูดนี่กันไปเรื้อยเปื่อย แล้วกลับเข้ามาเดินเที่ยวในงาน รวมกลุ่มกันกินนั่นนี่โน่น จนประมาณ 2 ทุ่ม ก็พากันเดินกับบ้าน
    เพื่อนพ่อคนอื่นๆเดินนำทิ้งระยะพ่อกับเพื่อนพอสมควร พ่อว่า เดินคุยกับไอ้แอ้วมา พอถึงทุ่งกว้างที่มีสวนมะม่วง เพื่อนพ่อก็ปรี่เข้าไปกัดรั้วลวดหนาม ( เมื่อก่อนบ้านแต่ละหลังนิยมเอาลวดหนามมากั้นทำแนวเขตบ้าน)
    พ่อก็ตกใจ เดินเข้าไปถามว่า "ทำอะไร"
    " ไอ้แอ้ว มึงทำอะไร" พ่อว่าแรกๆ ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนพ่อเป็นอะไร เห็นเอาแต่กัดรั้วลวดหนามจนเลือดเต็มปาก ถามอะไรก็ตอบไม่ตรงคำถาม ได้แต่พร่ำเพ้อพูดอะไรที่พ่อไม่เข้าใจ พ่อว่าจับใจความได้ว่า
    " กูหนังเหนียว...×××... ยิงไม่เข้า....×××... มันเลยจับกูถ่วงน้ำ ..มาตามน้ำ...กูยังไม่ได้บวช...มึงคนดี กูไม่ทำมึงหรอก...×××..."
    พ่อคนลุกซู่ แต่ก็งง ??? " มึงเพ้ออะไรของมึง !!!"
    พ่อพยายามจับมือดึงเพื่อนให้ลุกขึ้น แต่เพื่อนพ่อก็สบัดมือหลุดทุกครั้ง
    แล้วจู่ๆ เพื่อนพ่อก็เงยหน้ามองไปทางสวนมะม่วง เหมือนเห็นใครใต้ต้นมะม่วง แล้วก็ตวาดเรียกชื่อ×××..ซึ่งพ่อว่า ชื่อนี้ เจ้าตัวมันตายไปหลายเดือนก่อนแล้ว (คนบ้านแหลมสน) จากนั้นก็เหมือนจะโต้คารมกัน ท้าตีท้าต่อยกัน พ่อมอง เห็นแต่อากาศว่างเปล่า ชักไม่ได้การณ์ แต่ก็ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เพื่อนพ่อก็ทำท่าจะปรี่เข้าไปในสวนมะม่วง พ่อเห็นท่าไม่ดี ตะครุบตัวปากก็ตะโกนเรียกเพื่อนคนอื่นๆให้มาช่วย
    พ่อว่า มันคนเดียว คนจับสิบกว่าคน เอาไม่อยู่ หมัด ตีนของมันชุลมุนไปหมด โดนหน้าใครต่อใครเป็นว่าเล่น คนสิบกว่าคนทำอะไรคนๆเดียวไม่ได้ แต่พ่อไม่โดนคนเดียว จนเพื่อนพ่อวิ่งลงไปถึงแอ่งน้ำในทุ่งเลน ทุกคนจึงรวบตัวจับได้ในที่สุด
    กลุ่มเพื่อนพ่อ พาลุงแอ้วเดินจนมาถึงโค้งบ้านหลังหนึ่ง ( บ้าน1ในกลุ่มเพื่อนที่ใกล้สุด ) ภรรยาเพื่อนพ่อคนนั้นก็เอาธูปมาจุดบอกกล่าวดวงวิญญาณที่สิงร่าง ขอให้ออกไป จากนั้นลุงแอ้วก็หมดสติ และหายจากอาการต่างๆ พ่อว่าขนาดปากที่ฉีกขาดมีเลือดออก เลือดหยุดไหลแผลหายไป ไร้ร่องรอย
    นี่ละที่ทำให้พ่อเชื้อว่า ผีมีจริง!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มกราคม 2017
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    นั่นหละ เจอกับตัวถึงจะเข้าใจได้เอง
    มากกว่าคำอธิบายใดๆ..
    คุณพ่อน่าจะเชื่อว่า ผีเข้าสิงคนได้..
    เลยตามมาด้วยที่เชื่อว่าผีมีจริงๆ..
    จริงๆมันมีอยู่แล้วเป็นธรรมชาตินั่นหละ...
    เพียงแต่เราจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
    เหล่านี้อย่างไรให้ได้อย่างแยบยล...
    คำว่า แยบยล ต้องตีความดีๆ..
    ประมาณนี้หละ...
     
  3. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    มีจ้ามี แต่ไม่ต้องทักทายกันก็ได้น่ะเกรงใจจริงๆ:confused:
     
  4. Belmondo

    Belmondo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +480
    อยากให้คุณพ่อของดิฉันได้เจอผีจัง ๆ ซักครั้ง ท่านจะได้เชื่อสักทีว่าผีมีจริง ท่านไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ดิฉันพยายามอธิบายยังไง ท่านก็ทำเฉย ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วค่ะเพื่อให้ท่านเชื่อ
     
  5. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    โอย คนโดนทักนี่อยากเลี่ยงเจ้าค่า มองไม่เห็นแต่ถึงเนื้อถึงตัวนี่ขยาดค่า บางทีมันระแวงน่ะคู้น ไอเรามีแต่พยายามหลบ เชื่อจ้าว่าเธอมีอยู่เจงๆ ไปหาคนอื่นก็ได้น่ะ แบบที่อยากเจอจะๆน่ะ
     
  6. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    สงสารคนที่ยิงฟันไม่เข้าเลยเอาไปถ่วงน้ำซะเลย ไอ้คนทำก็ตายแล้วเหมือนกัน วิญาณมาเจอกันยังด่าอาฆาตกันอีก สรุปต่างติดบ่วงไปไหนไม่ได้ คุณพ่อและเพื่อนพ่อน่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เค้านะค่ะ โดยเฉพาะใครบวชก็น่าจะบอกกล่าวกับดวงวิญญาณนี้ด้วย เค้าอยากได้บุญตรงนี้ เพราะเค้าบอกว่ายังไม่ได้บวชเลย
     
  7. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    ท่านอาจเชื่อ แต่ไม่อยากให้เรางมงายเลยทำเฉยๆค่ะ ดิฉันคิดว่า คนสมัยรุ้นพ่อแม่เรา มีโอกาสรับฟังเรื่องราว หรือ มีประสบการณ์มากกว่าเรา
     
  8. Belmondo

    Belmondo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +480
    คุณพ่อดิฉันถ้าไม่บังคับ (โดยทางอ้อม) หรือใช้กุศโลบายให้ไปทำบุญ ท่านจะไม่ไปเด็ดขาดค่ะ ท่านไม่เชื่อในสิ่งที่ท่านมองไม่เห็นค่ะ เวลาคุณพ่ออธิษฐานขออะไรกับใคร (สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น) ถ้าไม่เป็นไปตามคำขอ ท่านจะหยุดเชื่อทันทีค่ะ แค่อธิษฐานขอครั้งเดียวแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นท่านก็จะไม่ยอมเชื่ออีกเลย. ดิฉันเป็นห่วงท่านมากที่ท่านเป็นแบบนี้ แต่ไม่รู้จะทำอะไรได้มากไปกว่าพยายามบอกบุญท่าน ชักชวนท่านให้ร่วมใส่ซองบุญต่าง ๆ ท่านก็ทำไปอย่างเสียไม่ได้ ไม่อธิษฐาน ไม่ใส่ใจในการทำบุญ ดีที่ว่าท่านไม่ติดอบายมุข ไม่ดื่มเหล้า ขยันขันแข็งในการทำงาน ประหยัดอดออมจนไม่อยากให้เงินใครง่าย ๆ (เช่นการทำบุญ) เพราะท่านเกิดมายากจนมาก่อน ประสบการณ์ล้วน ๆ ที่ท่านได้รับคือความยากลำบาก ท่านมัวแต่ทำงานจนไม่สนใจในพระพุทธศาสนา
     
  9. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    คุณBelmodo
    ลองใช้แนวแบบส่งเสริมสุขภาพไหมค่ะ
    เช่น การสวดมนต์ทำให้ปอดแข็งแรง คลื่นสมองได้รับความถี่ที่สม่ำเสมอช่วยให้ผ่อนคลาย
    เป็นการฝึกสมาธิจดจ่อฯลฯ
    แบบหาเรื่องผลงานวิจัยแบบฝรั่งมารองรับการสวดมนต์นั่งสมาธิ หรือการปฎิบัติที่มีหลักฐานเอกสารรับรอง การปฎิบัติของคนต่างชาติ
    สถานปฏิบัติธรรมบางที่เป็นแบบนานาชาติไม่จำกัดศาสนาอยู่ไกลเมืองถือว่าไปพักผ่อน
    อย่าเพิ่งชวนเรื่องที่คิดว่าจะต้องเสียเงินแล้วไม่ได้รับอะไรกลับมาเป็นรูปธรรม บางทีเป็นคอสชีวจิตล้างพิษ ร่างกายสดใสเปล่งปลั่งแบบเห็นชัดทันทีที่กลับมา น่าจะเป็นอะไรที่จับต้องได้มากกว่าน่ะคะ

    แล้วพอทำบ่อยๆทีหลังเราค่อยๆตะล่อมเพิ่มดีกรีไปเรื่อยๆ ฮิๆๆ
     
  10. Belmondo

    Belmondo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +480
    ขอบคุณค่ะที่แนะนำ แต่คุณพ่อดิฉันไม่ยอมออกไปไหนค่ะถ้าไม่จำเป็น จะไปดูแลหอพักถ้ามีอะไรที่ต้องซ่อมแซมกับจะอยู่แต่ที่บ้านเท่านั้น พวกญาติๆ พยายามเชิญแกไปทานข้าวนอกบ้าน หรือเชิญไปงานมงคลต่าง ๆ จากหลาน ๆ แกยังไม่ยอมไปเลยค่ะ จนญาติ ๆ ไม่ไปเชิญแกแล้วค่ะ เพราะรู้ว่ายังไงแกก็ไม่ไป ที่บ้านดิฉันสร้างห้องพระให้โดยเฉพาะเพื่อให้แกจะได้เห็นองค์พระทุกวัน (บอกให้พ่อท่านถวายน้ำพระพุทธรูปทุกวัน) ท่านก็ทำอยู่ค่ะ แต่คุณพ่อก็ไม่คิดจะนั่งไหว้พระภาวนาเลยสักนิด แค่เอาแก้วน้ำไปเปลี่ยนให้ทุกเช้าเท่านั้น ดิฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    เล่าให้ฟังเล่นๆแล้วกันเนาะ
    คนเราถ้าวาระยังมาไม่ถึง
    ให้แนะให้พยายามอย่างไร
    ก็จะยังไม่เกิดผล ซึ่งที่เราทำได้
    คืออุเบกขารับรู้ไป..
    เหมือนเราไปบอกให้วัยรุ่น
    เค้าสวมหมวกกันน๊อคนั่นหละ
    แต่ถ้าเค้ารู้คุณค่าชีวิตแล้ว
    เด่วเค้าก็หยิบมาใส่เองโดยที่ไม่ต้องมีใคร
    บอกเช่นกัน

    ในทำนองเดียวกัน
    บุคคลที่เรื่องทรัพสินเปรียบเสมือน
    เป็นชีวิตของตนเองเปรียบได้ดั่งลมหายใจ
    แม้ว่าใจจะรู้เมตตา แต่ก็ต้องเมตตา
    ที่เป็นไปดังที่เคยกล่าววาจาไว้และถ้าไม่เป็นไปตาม
    ก็จะกลับมาให้ความสนใจในเรื่องของ
    สิ่งที่เสมือนลมหายใจของตนเองต่อไป
    แต่ไม่ใช่ว่า บุคคลนั้นจะไม่เคยมีบารมีอะไรมาก่อน
    มันมีพร้อมโดยเฉพาะในเรื่องของปัญญาบารมี
    ซึ่งเป็นของเดิมที่ได้เคยสะสมมาแล้ว
    เพียงแต่มันวาระ ของความเป็นห่วงในเรื่อง
    ทรัพสินตรงนี้มันมาบังไว้อยู่
    เด่วพอหมดภาระการห่วงในเรื่องทรัพสินได้แล้ว
    (ก็คือ มีมากพอจนตัวเองคิดว่าไม่มีผลกระทบ
    อะไรแล้วกับการดำรงชีวิตของตนอีกแล้ว)
    ตัวจิตก็จะผลิกไปเข้าหาทางธรรมได้เอง
    โดยที่ไม่ต้องไปบอกอะไร. แถมยังจะเปลี่ยนแปลง
    วิธีการพูดเพื่อไปส่งเสริมทางด้านธรรมะ
    และจะออกแนวไปทางด้านปัญญาได้อย่างคาดไม่ถึง
    และคอยดูแล้วกันว่าจะทะลุทะลวงขนาดไหน
    การสะสมทางทางปัญญาบารมีไม่ใช่ว่า
    จะหาได้ง่ายๆนะครับ....
    ปล.เล่าให้ฟังแบบคอยติดตามในอนาคต
    ดูได้เลย. รอดูระยะเวลาซักครึ่งรอบ
    จักระราศรีจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง
    แล้วถึงค่อยมาว่ากันอีกที...(^_^)
     
  12. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    คงจริงอย่างที่พี่นพว่านะค่ะ พ่อเค้าก็เป็นน่ะ ไปถวายเพลพระนั่งรับพร พ่อเราหลับรอตั้งแต่รับศีลยังไม่จบ สวดมนต์ไรไม่เป็น

    แต่เขานับถือหลวงปู่สงฆ์มาก(พ่อเรียกพ่อหลวงสงฆ์) เพราะพ่อทันสมัยที่ท่านยังไม่มรณภาพ เจอสิ่งปาฏิหารย์เรื่องแปลกกับท่านเยอะ เช่น น้ำปลาขวดเดียวรักษาโรค(อาม่าของเราเคยปวดท้องมากๆแต่กินน้ำปลาเสกเข้าไปหายปวดเลย)
    ยังไม่รวมสิงสาราสัตว์แปลกๆของท่าน(มีพญาเต่ายักษ์ที่พ่อหลวงขี่หลัง ใหญ่ขนาดนั่งนอนได้สบายๆ วันที่ท่านมรณภาพเต่ายักษ์ขึ้นมาร้องไห้กับฝูงเต่าแล้วจมลงใต้แม่น้ำติดวัด หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นเต่ายักษ์ขึ้นมาอีกเลย)

    และพ่อเราก็เจอผีบ่อยๆ เจอสิ่งปาฎิหารย์เยอะแยะ มีพ่อบุญธรรมเป็นเสือชื่อดังเรืองอาคม แต่พ่อเราก็ไม่ได้เอาการข้างวัดน่ะคะ มีทำบุญตักบาตรก็ตามหน้าที่ตามคนชักจูง แต่ไม่ได้ซาบซึ้งหรือคิดจะไหว้พระสวดมนต์เองหรอกคะ เพิ่งมาทำเองนี่ไม่เกินปีเอง

    อย่าเพิ่งคิดมากค่ะ เพราะเรากับแม่ยังคิดว่าพ่อเรานี่หมดหวังอย่างแรงจนเลิกสนใจ(แม่ถึงกับพูดว่ามามืดไปมืด) เขาก็ได้แรงบันดาลใจทำด้วยตัวเขาเอง สู้ๆค่า;)
     
  13. Snooty

    Snooty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +670
    จะเข้ามาบอกว่า แม่ข้าเจ้าก็เช่นกันค่ะ ก่อนหน้านี้ พยายามชวนคุยเรื่องธรรม เปิดธรรมให้ฟัง เวลาท่านโดนกระทบก็พยายามชี้แนะให้ฉุกให้คิดไปทางธรรม ไหนจะหนังสือสวดมนต์อีก แต่ท่านก็ไม่สนใจ พยายามยัดเยียดจนเจ้าตัวรำคาญอยู่หลายปี จนสุดท้ายอุเบกขารับรู้ไปตามที่พี่นบว่าไว้

    จนช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา อยู่ดีๆเจ้าตัวก็อยากไปวัดนั่งสมาธิขึ้นมาสะงั้น พอถามก็เริ่มคุยออกไปแนวปลงๆกะโลก นี่ล่ะสิเนาะที่เรียกว่าถึงวาระของเจ้าตัว ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2017
  14. Belmondo

    Belmondo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +480
    ดิฉันมืดแปดด้าน ไม่เห็นหนทางที่คุณพ่อจะเข้าถึงธรรมะได้เลยค่ะ สถานะการเงินของคุณพ่อในตอนนี้ถือว่าไม่เป็นที่น่าห่วงเลยทีเดียวค่ะ ท่านมีเงินเก็บเพียงพอที่จะทำบุญได้อย่างสบายค่ะ อายุท่านก็แปดสิบเจ็ด มีเวลาไม่มากแล้ว ต้องรอนานอีกสักแค่ไหนท่านถึงจะมีดวงตาเห็นธรรม ดิฉันยอมแพ้ท่านจริง ๆ ค่ะ ท่านหาว่าดิฉันงมงาย (แต่ตัวท่านเองกลับอยากได้พระพิคเณศ์ที่โฆษณาในทีวี เพราะท่านคิดว่าจะช่วยให้ท่านหายจากโรคเจ็บเข่าที่เป็นอยู่ ตามโฆษณา)
     
  15. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    งมงายกับศรัทธามีเพียงเส้นบางๆกั้น บางทีมุมบางคนที่คิดว่างมงายแต่อาจเป็นหลักชัยให้อีกคนน่ะคะ
    บางทีอย่ารีบไปตัดสินแทนเขา ดีสำหรับเราอาจไม่ดีสำหรับเขามันธรรมดาค่ะ

    อย่างน้อยท่านเริ่มมองเทวดา จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ก็ถือว่าไปทางคติที่ดีไม่ใข่หรือคะ? ในศาสนาพุทธมีกล่าวถึงเทวดาตั้งแต่เจ้าชาชสิทธัถะประสูติ จนพระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพาน

    ในความคิดเราน่ะก็ถือว่าไปในทางที่ดี เราตั้งพระรัตนไตรเป็นสรณะ แต่เราก็ต้องเคารพนบไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่เป็นเรื่องธรรมดา คิดง่ายๆ คุณรักเคารพพ่อแม่คุณทั่สุด แต่ก็ต้องไหว้สาปู่ย่าตายายญาติๆ จะถือว่ามีแต่พ่อแม่ไม่นับญาติก็คงแปลกจริงไหมค่ะ? เหมือนกันเทวดาก็ต้องมีดีมากพอให้เป็นเทวดาจะนับถือท่านด้วยว่าท่านต้องดีพอจึงได้เป็นเทวดาแล้วเราจะน้อมไปในทางกุศลตามท่านจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ในมุมของเราน่ะ คิดว่าเราคือผู้น้อยที่บางทีผู้ใหญ่ท่านจะเมตตาเจือจานช่วยเหลือก็ไม่ผิด

    บางทีอาจจะไม่ใช่ว่างมงาย แต่กุศโลบายที่ชักนำอาจไม้ได้มาในรูปแบบที่คุณคาดหวังหรือคุ้นเคย อย่าเพิ่งรีบตัดสินค่ะ ทำบุญมาทั้งชีวิตอาจไม่ใช่ทางปิดกั้นอบายภูมิน่ะคะ เวลาอาจเป็นและไม่เป็นคำตอบในทุกๆอย่าง อย่างที่พี่นบบอกนั่นแหละค่ะ คนที่อยู่กับสิ่งอัศจรรย์มาทั้งชีวิตอย่างพ่อเรายังเพิ่งตื่น (มีวีรกรรมเยอะน่ะ ถ้าคุณรู้อาจช็อค)ถ้าให้ดีคุณก็ไม่ต้องไปหวัง ถ้าใข่ก็ใช่ถ้าไม่ใช่บังคับให้ตายก็ไมใช่
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    คุณ Belmondo ไม่ต้องไปคิดอะไรหรอกครับ
    อุเบกขารับรู้ก็พอ ท่านด่าคุณว่า งงงาย
    ท่านพูดถูกแล้วหละครับ เพราะคุณงมงายจริงๆนั้นหละครับ
    คุณไปพูดกับ ลักษณะของบุคคลที่เค้าสะสมมาทางด้าน
    ปัญญาบารมี(ความจริงพูดบอกใบ้ไปแล้วนะครับ
    ที่บอกว่าเล่าให้ฟังเล่นๆ เพราะเพื่อจะได้ฮาๆบ้าง
    อ่านแล้วเกทจะได้ปล่อยวางบ้าง
    พูดบอกตรงๆ คนเค้าจะหมั่นไส้ หาว่ามาโว์กล้ามตรูดได้)
    จะไปพูดในเรื่องนามธรรมอะไร
    ที่พิสูจน์เป็นรูปธรรมไม่ได้ มันทำ บ่ ได้ดอก
    และ ถ้าคุณไม่มี คำพูดอะไรก็ตาม
    ที่เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น เพื่อไม่ยึดไม่ติดแล้ว
    พูดแล้ว เราเค้าฟัง เอ้ย! มันใช่นะ ปิ๊งแว๊บเลย ทำแล้วเป็นอย่างนั้นจริงๆ
    ได้ผลทางใจจริงๆ ใจเป็นอย่างนั้นจริงๆ
    คนที่มาทางด้านนี้เค้าก็ด่าเราว่างมงายทั้งนั้นหละครับ
    เรื่องปกติ เพราะฉนั้นประเด็นนี้เคลียเนาะ
    เรียกว่า เราฉลาดน้อยเองในการหาอุบายครับ
    แต่ลองอ่านต่อไปก่อนนะ อาจจะดูแรงหน่อยแต่ไม่มีอะไรหรอก..


    เรื่องเวลารู้สึกว่าจะเขียนแล้วนะ..
    ไม่รู้ว่าอ่านหรือยัง หรืออ่านไม่เข้าใจ
    คำว่า
    อย่างน้อยครึ่งจักระราศรี
    ๑ รอบของจักระราศรีคือ ๑๒ ปี ชวด ฉลูฯลฯ
    ครึ่งหนึ่งคือ ๖ ปี
    มีเวลาตั้ง ๖ ปี ในเมื่อท่านก็สบายแล้ว
    แล้วเราจะไปทุกข์แทนท่านด้วยเหตุอันใดหละครับ...
    (ถ้าเป็นผู้ชายมาถามแบบนี้ ก็จะบอกว่า มะรึงจะไปทุกข์
    แทนพระบิดามะรึง ทำมะขาวหวานอะไรฟะ
    พูดว่าเรื่องทรัพย์สินก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ...
    ตามด้วยไอ้ฟ....
    และถ้าอยู่ใกล้ๆ ก็จะ ตบกระโหลกซีกขวามันไปอีกรอบหนึ่ง
    แต่ถ้ามันยังถามอีกว่า พี่มาตบผมทำไม ก็จะกระทืบซ้ำอีก
    รอบเผื่อว่ามันจะฉลาดขึ้นครับ
    แต่นี้เป็น ญ ก็ต้องพูดอีกแบบครับ)

    อธิบาย ตรรกะที่สุดแสนธรรมดาบนดาวนพเคราะห์ชื่อว่าโลกใบนี้
    โลกนี้ไม่มีใครจะไปเปลี่ยนใจใครได้หรอกครับ
    แค่ไปคิดว่าคนอื่นๆจะเหมือนเรา ก็ยึดมั่นถือมันตัวเอง
    ตั้งแต่คิดแล้วครับ พี่น้องเกิดมาเหมือนกันนิสัยยังต่างกัน
    สมัยพุทธกาล มีคนพบพระพุทธเจ้าเป็นแสนเป็นล้าน
    ทำไมถึงมีพระอรหันต์แค่ ๒ พันกว่ารูปหละครับ
    และแม้ว่า เราจะได้คำสอนจากพระพุทธฯโดยตรง
    มันก็ไม่ได้ประกันว่า เราจะทำได้อย่างที่ท่านแนะ
    จึงมีปรากฏการณ์ขึ้นมาอีกคำหนึ่ง
    '' ตถาคต เป็นเพียงแต่ผู้บอกทาง''
    ก็เพราะเหตุนี้
    โลกใบนี้ เราถึงได้รู้จักคำว่า ''วาระ''
    พูดง่าย คือ คนเราถ้าไม่หิวมันจะกินไหม
    คนเราถ้าไม่ปวดคะระรี่ มันจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อ คะระรี่ไหม
    ไม่ใช่ว่าเค้ายังไม่หิว เราจะไปบอก ไปพยายาม
    บังคับ ให้เค้ากินแม้พูดว่า อาหารอร่อยอย่างโน้นนี่นั้น
    อาการอร่อยที่สุดในโลก เค้าจะกินไหมหละครับ
    ถ้าเค้ายังไม่หิว จริงไหม
    เรื่อง คะระรี่ไม่ต้องเปรียบหรอกเนาะ
    เอาเรื่องเดียวน่าจะเข้าใจได้แล้ว...

    ก็ขนาดได้อยู่ใกล้ชิด กับพระพุทธเจ้า
    ก็ใช่ว่า บุคคลนั้นจะบรรลุธรรม
    เข้านิพพานได้ซะหน่อย

    และเรามั่นใจหรือแน่ใจหรือว่าที่เราอยากให้เค้าเป็น
    มันดีจริงๆ มันหลุดพ้นได้จริงๆ
    มันจะไปหลุดพ้น หรือดีจริงๆได้อย่างไรหละครับ
    ก็เมื่อตัวเรา ยังยึดมั่นถือมันซะขนาดนี้
    คุณพ่อ ท่านคงไม่ได้ ได้มืดแปดด้าน ปวดเศียร
    เวียนเกล้าอะไรกับเราหรอกครับ
    เอ่อ ถ้ามีพระบิดา บ้ากาม มากภรรยา
    หลายกิ๊ก เปลี่ยนสาวไปเรื่อย
    ขี้เหล้าเมายา ไม่สนใจลูกเต้า
    ว่าไปอย่าง


    ความเป็นกลางของใจเรามันอยู่ตรงๆไหนหละ
    ใจที่เป็นกลาง คือ ไม่ชี้ชัดว่า
    ต้องแบบเราคิด(ถ้าไม่เป็นแบบเราคิด
    เราจะมีการวิเคราะห์ มีอารมย์ร่วม ทำไมไม่นั่งแบบชั้น
    แต่งตัวแบบฉัน กินแบบฉัน ทำแบบฉัน ยึดทั้งนั้นหละครับ)

    ต้องไม่เลือกข้าง (ไม่ว่าดี
    หรือไม่ดี ถ้าเราบอกนี้ดีแสดงว่าอีกข้างไม่ดี ถ้าเราบอกว่านี่ไม่ดี
    ก็แสดงว่าอีกข้างดี นี่ก็ยึดไม่ว่าดีหรือไม่ดี ยึดทั้งนั้นครับ)
    ต้องไม่แยกแยะ(ว่าไม่ใช่พวกฉัน บอกว่านี่พวกฉันแสดงว่าอีกฝ่าย
    ไม่ใช่พวกฉัน ไม่ว่าจะพวกฉันหรือไม่ใช่พวกฉันก็ยึด พวกทั้งนั้นหละครับ)
    พอใจเรามันเป็นกลางได้แล้ว
    มันถึงจะเริ่มเดินปัญญา เราถึงจะเริ่มเข้าใจอะไรๆได้
    พุทธศาสนา สอนให้เราอยู่กับธรรมชาติ
    ไม่ใช่สอนให้เรา ไปดึงธรรมชาติที่มันมีอยู่
    เข้ามารวมจนกลายเป็นตัวเราเอง
    แล้วเอามาปรุงจนเกิดเป็นความทุกข์
    พุทธฯท่านสอนให้เห็นตรงนี้
    ไม่ให้ยึด ไม่ให้ติดครับ
    ปฏิบัติเพื่อให้ปัญญามันไปเข้าใจตรงนี้ครับ
    ....


    ใจเป็นกลางแล้วมาเดินปัญญาเพื่อให้เกิดปัญญาทางธรรมได้
    กว่าจะเกิดปัญญาทางธรรมในระดับที่
    ไม่ทำให้จิตยึดมั่นถือมั่นอะไรเลย
    มันยังอีกยาวไกล...


    การที่เราจะไปหวังให้คนโน้นนั่นนี่ต้องเป็นแบบเรา
    มันบอกได้ว่า ตัวเราเองนั่นหละครับ ที่ยึดติด
    คือยึดมั่นถือมันในกายตัวเอง ยึดมั่นถือมันในตัวเอง
    ทำให้ใจเราไม่เป็นกลาง พอโน้นนี่นั้นไม่เป็นอย่างเรา
    เราก็เก็บมาปรุงแต่ง ทั้งๆโน้นนี่นั้น มันก็มีของมันอยู่แล้วเป็นปกติ
    กิริยาอย่างนี้เค้าเรียกว่า ติดในโลก
    โลกนี้จึงอุบัติอีกคำพูดหนึ่งขึ้นมา
    เพื่อให้เราผ่านสภาวะนี้ก็คือคำว่า'' อุเบกขารับรู้อยู่ภายใน ''

    ไปหวังเรื่องรักษาโรคให้หาย จากระดับพรหมมีชื่อท่านที่ส่งเสริม

    มีบารมีด้านความสำเร็จและ
    ทางด้านโชคลาภ มันคงจะหายดังที่เค้าโม้ได้อยู่หรอกครับลุ่ง(บ่นพระบิดา
    ไม่ต้องไปเล่าให้ท่านฟังเด้อ)
    ถ้ามันหายได้ พวกที่มาโม้ขาย มันไม่ต้องพึ่งท่านหรอกครับ..

    ถ้าพระบิดาอยากหัวเข่าหาย น่าจะเป็น ๒ ข้างแต่ด้านซ้ายน่าจะหนักกว่า
    (ถ้าผิดขออภัย)
    ไปหา อ.กิตติ ที่โรงพยาบาล พุทธชินราช พิษณุโลก โน้นครับ
    อยู่ฝั่งด้านหลังอาคาร จอดรถด้านหลังโน้นครับ
    ถามแถวนั้นเอา น่าจะรู้จักหมด
    จะได้ดูระบบเกี่ยวกับการขับถ่ายอะไรด้วยครับ
    ไปดัดเส้นที่หลังเล็กๆน้อยด้วยครับ เพราะมันโยงกันอยู่
    เพราะเส้นกลางหลังซ้ายมันโค้งไปขวา(ปกติมันจะวิ่งซ้ายขาวเป็นคู่)
    และเส้นตรงก้นกบขวาก็เบี้ยวอยู่ ไปให้ อ.ท่านนี้ท่านรักษาให้
    ถึงจะหายได้ครับ ไม่ต้องห่วงไม่เจ็บครับ
    เพราะท่านไม่ได้โดนตัวเราครับ..ไม่มีเรียกรับเงินทองใดๆทั้งสิ้น
    ปล.หาอุบายพาท่านไปให้ได้แล้วนะครับ...เด้อครับเด้อ
     
  17. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะพี่นพ เราไม่ฉลาดพอจะเถียงได้
    น้าสาวเหมือนกัน แกบวชชีมานานปฏิบัติกรรมฐานเรื่อย
    แกบอกไม่คือไม่ใจแข็งมาก
    ทรงเจ้าเข้าผีอะไรไม่เอาเด็ดขาด จะภพภูมิไหนก็รู้ว่ามีแต่มันไม่ใช่ทาง แกว่างั้น
    ภิกษุทำนี้ถูกทำนี้ผิดนี่ใช่นี่ไม่ใช่(เราพลอยได้ฟังที่แกอธิบายไปด้วย)
    ช่วงนั้นมีครั้งนึงน้าสอนให้เรานั่งสมาธิ(ไม่เคยกล้านั่งกลัว)
    พอนั่งเสร็จน้าแกก็ว่าทำไมต้องเป็นสะพานให้เขา ต่างคนต่างอยู่สิไม่ควรให้ยุ่งกัน (ใจความประมาณนี้) มันไม่ใช่ทางที่ถูก
    เราไม่รู้จะตอบยังไงT_T ยิ่งตอนนั้นทานมังสาวิรัติอยู่ด้วย(มันไม่อยากกินเนื้อนี่กินแล้วไม่อร่อยเลย บางทีจะอ้วกด้วย) โดนว่าหนักมาก หนสองแกชี้หน้าว่าการไม่กินเนื้อสัตว์มันผิด พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน(ลูกบอกว่าไม่กินก็ไม่ได้)
    วันนั้นแกนั่งสมาธิ แล้วมาตอนเช้าถามว่าจุดธูปแขกรึเปล่า
    ไม่ได้จุดน่ะ ก็น้าไม่ชอบให้จุดูธปในบ้าน เราก็ไม่ได้จุด อีกอย่างไรไม่มีธูปแขก
    แกว่าได้กลิ่นหอมธูปแขกชัดมากเมื่อคืนนี้
    จากวันนั้นแกก็ไม่เซ้าซี้เรื่องกินอีก(ต่อหน้าเรา แต่เจอแม่ก็ว่าที่เราทำมันผิด)
    ทั้งชีวิตคุณนายแกไม่กลัวอะไรเลยจริงๆ
     
  18. Belmondo

    Belmondo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +480
    ขอขอบพระคุณคุณนพด้วยค่ะที่อุตส่าห์อธิบายซะยาวเลย คือดิฉันต้องอ่านหลาย ๆ รอบ เพื่อจะเก็ทค่ะ บางประโยคก็ยังไม่ค่อยเก็ทด้วยซ้ำ แต่สรุปแล้วพอรู้เรื่องอยู่ค่ะ

    มันก็น่าจะเป็นอย่างที่คุณนพบอกนะคะว่าดิฉันงมงาย ดิฉันงมงายจริง ๆ ค่ะ ยึดติดด้วย คุณนพว่าจริงเลยค่ะ ดิฉันจะไปเปลี่ยนความคิดของคุณพ่อไม่ได้ แต่จะให้นิ่งเฉยดูคุณพ่อต่อไปบางครั้งก็อดพูดอะไรออกไปไม่ได้ค่ะ ครั้นจะคิดว่า "ตัวใคร ตัวมัน ก็แล้วกัน" ก็ทำไม่ได้เช่นกัน คือดิฉันมักจะเสือกไปหน่อยค่ะ คงมีนิสัยอวดดีมากเกินไป (คือยึดติดมากเลยจริง ๆ) เห็นคุณพ่อไม่เคยอ่านอะไร ไม่ออกไปไหน ไม่มีประสบการณ์ เลยคิดอยากจะสอนคุณพ่อซะเอง

    เวลาที่ดิฉันอยู่กับคุณพ่อ ดิฉันมักจะเล่าเรื่องที่ดิฉันได้อ่านมาจากในเว็ปพลังจิตเกี่ยวกับเรื่องปาฎิหาริย์ต่าง ๆ เรื่องผี เรื่องกรรม เวร ฯลฯ ท่านก็ฟังดีนะคะ แต่วันดีคืนดี ท่านก็จะถามดิฉันว่าเรื่องผี ไสยศาสตร์ หรือเรื่องปาฎิหาริย์ต่าง ๆ นั้นมีจริงๆ เหรอ ดิฉันก็จะบอกท่านว่าถ้าอยากรู้ให้พิสูจน์เอาเองด้วยการนั่งสมาธิ เดี๋ยวก็จะเห็นเอง แต่ท่านก็ไม่ทำหรอกค่ะ

    ไว้รอให้คุณพ่อได้เหรียญนั่นมาก่อน (น้องสาวสั่งให้แล้ว) แล้วดิฉันก็จะตะล่อมถามท่านว่าได้ผลไหม (ถ้าได้คนทั้งประเทศคงไม่มีโรคภัย ไข้เจ็บกันแล้ว หุหุ) ต้องรอให้ท่านได้พิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนค่ะ ไม่อย่างนั้นพูดอย่างไรท่านก็ไม่เชื่อเราลูกเดียว (แต่ดันไปเชื่อโฆษณาในทีวี)

    หลังจากที่ไม่ได้ผลจากเหรียญดิฉันก็หวังว่าจะมีโอกาสตะล่อมท่านให้ไปรักษากับ อ.กิตติ ที่พิษณุโลก (มีโอกาสน้อยมากเลย เพราะคุณพ่อไม่ชอบเดินทาง ส่วนดิฉันก็อยู่ไกลโพ้น นาน ๆ ถึงได้กลับบ้านที) ทุกสิ่งทุกอย่างคงต้องมีวาระของมัน ในฐานะลูก ดิฉันจะพยายามหาอุบายพาท่านไปให้ได้ค่ะ (เรื่องใหญ่เลยทีเดียว)

    ต้องขอขอบคุณคุณนพที่บอกอาการที่คุณพ่อมี ปีที่แล้วมีหมอโรคกระดูกท่านหนึ่งเคยบอกคุณพ่อว่าเส้นเอ็นที่ไหล่คุณพ่อขาดค่ะ เลยทำให้เจ็บ (เจ็บไหล่ เจ็บหลัง) และปีที่แล้วที่เข่าเคยมีเลือดคั่งอยู่หลายครั้งจนต้องเจาะเอาเลือดออก เปลี่ยนหมอหลายคน จนในที่สุดคุณพ่อก็มาคิดเอาเองว่าที่เข่าอักเสบนั้นเป็นเพราะคุณพ่อทานผักตำลึงที่ปลูกเองมากเกินไป ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ไม่ยอมทานผักตำลึงอีกเลยค่ะ แตงกวาก็ไม่ยอมทาน คือยอดผักทุกชนิดจะไม่แตะอีกเลย (คิดได้ไงไม่รู้) ได้ตรวจเลือดในโรงพยาบาล ผลออกมาไม่มีโรคเก๊าต์แต่อย่างใด แต่ก็น่าแปลกที่ว่าพอท่านไม่ทานตำลึง ที่เข่าก็ไม่มีอาการเลือดคั่งอีกเลยค่ะ คุณพ่อเลยไม่ยอมไปหาหมอเมื่อถึงเวลานัดตรวจอีกเลยค่ะ คุณพ่อจะทานแต่ยาแก้ปวด (พาราฯ) ทุกวัน เช้า เย็น เลยทีเดียว เพื่อให้ลุก เดินเหิร ได้สะดวก ดิฉันเตือนว่าอย่าทานทุกวันเพราะจะทำให้ดื้อยา แต่ท่านก็ไม่ฟังหรอกค่ะ เรื่องนี้เลยต้องปล่อย เพราะท่านอยู่คนเดียว ดิฉันไม่สามารถควบคุมท่านได้ เวลาเกิดอะไรขึ้นพวกเราลูก ๆ ก็ได้แต่พาแกไปโรงพยาบาลค่ะ
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    ระบบเกี่ยวกับเส้นมันโยงกันหมดครับ..
    ไม่รู้ว่าใช่ตรงไหล่ซ้ายหรือเปล่านะครับ
    ผิดถูกขออภัย
    ส่วนถ้าได้มีการรักษาตรงนี้มาแล้ว
    โดยมากก็ควรมีการติดตามดูอาการภายหลัง
    และก็ควรดูระบบเส้นทั้งระบบร่วมกันอีกด้วยครับ
    นึกภาพออกเนาะตรงนี้เคยขาดเคยหลุด
    มันก็เป็นไปได้ปกติว่า เส้นที่ต่อเนื่องกัน
    ในแนวอื่นๆมันก็ต้องมีการเคลื่อนบ้างเป็นเรื่องธรรมดาและ
    ปกติแล้วการรักษาท่านที่รักษาก็จะทำการจัดให้
    เราใหม่หมดเป็นพื้นฐานที่ทำเป็นปกติ
    และทำร่วมกับการจัดกระดูก
    ไปในตัวเองด้วย พูดแล้วตลกนะครับ เรื่องจัดกระดูกเนี่ย
    เชื่อไหมว่า(ต้องใช้พิจารณาญานอย่างสูงนะครับ)
    เคยมีสุภาพสตรีบางท่านไปจัดเรียงกระดูกสันหลัง
    ตรงช่วงบริเวณที่ตรงกับหน้าอกตามทฤษฏี
    ที่เค้าเรียกว่า T7 ที่ต่อกับ C1 หรือ
    เราเรียกว่า ข้อที่ 7 ในบุคคลที่ตรวจพบว่า
    กำลังเป็นโรคพลสุ่มโจมตีหรือโรคสไนเปอร์(มาเล็ง หรือ มะเร็ง มุขๆ)
    พอจัดเรียงกระดูกตรงนี้ใหม่กลับพบว่า
    พลสุ่มโจมตีมันหายไปได้เฉยๆก็มีมาแล้วนะครับ...
    เพราะเท่าที่สังเกตุดูใครเป็นด้านด้านไหนของหน้าอก
    เช่นกระดูด T7 คตไปซ้ายมันจะแสดงอาการด้านซ้ายก่อน
    และถ้ารักษาด้านซ้ายไป มันจะก็ไปด้านขวาอีก
    เรียกว่า แสดงอาการซ้ายและขวาเตรียมแสดงอาการนั่นหละครับ

    กับทานยาอีกตัว คือให้เก็บใบมะม่วงวันอังคาร
    แล้วเอาไปต้มวันศุกร์ ให้พอออกมีสี
    แล้วนำน้ำไปแช่เย็น และรับประทานเช้าเย็น
    กลับพบว่าใช้รักษาอาการโรคนี้ได้สำหรับ
    ผู้ที่เป็นอยู่(ได้ยินมาจากอดีตผู้ป่วยคนหนึ่ง
    เค้าบอกว่า มีวิญญานมาบอกให้ทำอย่างนี้
    แล้วเค้าก็ทำตามปรากฏว่าไม่ปรากฏเชื้อ
    ให้เห็นอีกเลย)



    (แต่กรณีถ้าไปเสริมโลหะเข้าไปแล้ว
    หรือทำการผ่าตัดมาแล้วจะยากหน่อย
    นอกจากจะเสียบุคลิกแล้วยังรักษาได้ยาก
    สำหรับบางคนนะครับ)
    และในส่วนการรักษาเด่วทางโน้นจะซ่อมสร้าง
    เพิ่มเติมให้ด้วย
    โดยใช้วิชาที่เราเรียกว่า วิชาเดินธาตุ
    ซึ่งมีพื้นฐานของกรรมฐานที่ชื่อว่ากสิณมาก่อน
    โรคพวกนี้ส่งผลให้ปวดได้ตั้งแต่ศรีษะยังเท้าครับ
    และเส้นที่มันขาด โดยปกติแล้วร่างกายจะสามารถ
    ที่จะซ่อมแซมตัวเองได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งกระดูก
    (นึกภาพเอ็นขาด หมอก็ต่อให้ ส่วนที่มันเชื่อมกัน
    ก็คือร่างกายรักษาเองครับ กระดูกก็คล้ายๆกัน)

    สมมุติว่า ถ้าเป็นส่วนตัวนะครับ...
    ก็ออกอุบายว่าให้ไปนวดแผนโบราณ
    ที่เค้ามีการจัดกระดูกร่วมด้วย
    ยิ่งได้ร้านที่มีองค์ที่ท่านนับถือวางอยู่ด้วยยิ่งดี
    ส่วน แม้ว่าจะพอมีอายุ
    ก็พอทำได้อยู่ครับ ซึ่งการจัดกระดูกนี้
    ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เสร็จ เพียงแต่ภายหลังการจัดแล้ว
    ต้องมาระวังเรื่องบุคคลลิกที่จะส่งผลทำให้กระดูก
    กลับไปคตไปเอียงอีกครั้ง
    และให้พูดเชิงในลักษณะของการไปนวดแผนโบราณ
    เค้ามีการนวดจัดกระดูกได้ซึ่งเบากว่า
    แต่ถ้าจัดกระดูกเลยตรงๆจะดีกว่า
    และค่อยหาจังหวะเหมาะๆไปทางพิษณุโลกเอา
    จะไปไหว้พระใหญ่หรืออะไรก็แล้วแต่
    ส่วนเรื่องทางธรรม ไม่ต้องไม่ห่วงอะไรแล้ว
    อุเบกขารับรู้อยู่ในใจเราก็พอ
    เหมือนที่เข้าใจแล้วตอนนี้นั่นหละครับ

    หรือรอฟังอุบายในการตะล่อมจากท่านอื่นๆก็ได้
    อีกวิธีคืออาจขอร้องให้ท่านที่คุณพ่อเคารพ
    ท่านช่วยพูดให้ก็ได้ครับ..
    ประมาณนี้หละครับ (^_^)
     
  20. ภูผาปักษา

    ภูผาปักษา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    46
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +107
    ขอพระคุณขอรับ มีประโยชน์อย่างมาก คงจะได้มีโอกาสไปพบ อ.กิตติ แน่ๆ แต่ข้าน้อยขอถามสักนิดว่าต้องนัดล่วงหน้าท่าน อ.กิตติรึไม่ และท่านจะอยู่ประจำทุกวันรึไม่ หยุดวันไหน ขอรับ

    ปล. เข้าใจว่า การรักษาด้วยจิตนี้ สามารถรักษาร่วมกับการรักษาแพทย์ปัจจุบันได้ใช่ไหมขอรับ??
     

แชร์หน้านี้

Loading...