ขอปรึกษาท่านผู้มีอภิญญาสูง

เอิ่ม


ถ้ามาแนว พระพิฆเนศวร พระแม่กาลี ....


แล้ว มาหลอกให้ นักธรรมปฏิบัติชาวพุทธ กล่าว วาจาเข้าไป วิพากษ์ จิจารณ์

เสร็จแล้ว ทำลิงค์ไป เว็บไซทอื่น หรือ Facebook

เพื่อ ยัดข้อหา นายขจรสัก จาบจ้วง ศาสนา ศาสดาอื่น เพื่อ ให้ไล่จับไป ตักหัว



ระวังนะฮับ จะโดน กฏหมาย มาตรา 44 เล่นงานเสียเอง


ถ้าจะมาโพสท ถาม ศาสนาอื่น ศาสดาอื่น มีห้องอื่น ที่อื่น เยอะแยะ ฮับ


อย่าไปหลอก น้าขจรสัก เลย สงสารแก


เชิญ

 

ท่านมาอนุโทนากับคนไทยก็ไม่เห็นท่านจะมามัวแต่ศาสนานู้น ศาสนานี้นิค้ะ ทำไมคนต่างศาสนามองศาสนาพุทธไม่ดีเพราะแบบนี้รึป่าว เพิ่งไปโบสถ์มาค่ะเค้าก้อว่าพระเหมือนกันอย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาพูดเลยค่ะ คือเราอยากจะรุความต้องการที่แท้จริงที่ติดตามเท่านั้นเองค่ะ อยากจะได้คำแนะนำจากคนที่รุจริง

 

ถ้าการไปโบสถ์ มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้ จขกท.ได้ จขกท.ก็ต้องเปิดใจด้วยวิธีอื่นดูบ้างนะครับ ถ้าคุณอยากรู้ความจริง ความต้องการที่แท้จริงของเขาละก็ ศาสนาอื่นก็อาจทำให้คุณพบเจอความจริงได้

อัจฉริยะ นักวิทยาศาสตร์หลายๆคนของโลกก็ล้วนใช้วิธีคิดนอกกรอบกันทั้งนั้น ลองถูกลองผิด เขาจึงค้นพบหนทางสำเร็จ ศาสนาพุทธเองก็เช่นกันกว่าพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ได้ท่านต้องปฏิบัติหลายแบบ ลองผิดลองถูกหลายวิธีกว่าจะพบวิธีหรือหนทางที่ได้บรรลุถึงโมกขธรรม ถ้า จขกท.เป็นอีกคนหนึ่งที่อยากพบความจริง ก็อาจต้องลองหลายๆวิธีดูนะครับ ไม่ใช่มัวแต่ยึดติดกับวิธีการเดิมๆที่ยังแก้ปัญหาให้ไม่ได้

 

นับถือพุทธมาตลอด ลูกพระค่ะ แต่ก้อมีทางนี้ท่านมาร่วมสร้างบุญ เราก้อมีบูชาไว้ในห้องเพราะไม่ได้อคติอะไรกับศาสนาอื่น เหตุผลที่ไปก้อได้พูดไปแล้ว แต่ก้อเหมือนจะไม่เข้าใจกันเลย คุยเรื่องหลักมาเรื่องนี้ได้ไงค้ะ. กระทู้นี้คือขอคำปรึกษาเท่านั้นค่ะ

 

ไม่ว่าจะเคยเกิดเป็นชนชั้นระดับไหนมาก็ตาม
ตรงนี้เป็นสิ่งสมมุติทางโลกครับ เพราะฉนั้นประเด็นนี้
ไม่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเมื่อเวลาร่างกายพัง
ร่างกายไม่ถูกฝัง ก็รอเผาครับ ไม่ก็ทำเป็นมัมมี่
พูดถึงทั่วๆไปนะครับและก็จะมี
ที่ไปคล้ายๆกัน คือ ถ้าทำดีก็ไปเสวยผลดี
ถ้าทำไม่ดีก็ไปเสวยผลไม่ดีครับ ถ้าจิตบริสุทธิ์
ไม่มีกิเลสก็ไม่ได้กลับมาเกิดอีก ประมาณนี้ครับ
แต่ที่เหมือนๆกันก็คือ ไม่มีใครแบบร่างกายและทรัพย์สิน
ไปด้วยได้ครับ คงเหลือไว้แต่ความดีและความไม่ดี
หรือไม่เหลืออะไรไว้เลยเท่านั้นครับ

ส่วนนี้ฟังหูไว้หูนะครับถือว่าเป็นนิทานแล้วกันเนาะ..
คือนางนะไม่ใช่คนไม่ดีอะไร
ตอนเป็นคนนางเป็นคนมีเมตตาครับ แต่เป็นเมตตา
ที่ยังเลือกข้าง แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย คือพูดง่ายๆว่า
เลือกที่รัก มักที่ชังอยู่นั่นหละครับ และสาเหตุที่ดวงจิต
นางยังคงอยู่เพราะนางเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง
และยึดติดกับร่างกาย(คือห่วงสวยห่วงงาม)
สังเกตุดีๆท่าสวยของนางคือจะเอียงข้างหน่อยหนึ่ง...
อายุไม่ใช่น้อยๆนะนั่น คาดว่าคงไม่ต่ำกว่า ห้าหกพันปีแล้วครับ...
ถ้าใส่คล้ายมงกุฏ จะเป็นแบบมงกุฏที่มีอะไรยื่นขึ้นคล้ายหัวนกหัวงู
นี่หละครับ และก็ทำทานมามากแต่ว่า
เป็นการทำทานในลักษณะยังมีการหวังผลอยู่...
ที่เล่ามาเป็นนิทาน ไม่ต้องไปสนใจอะไรนะครับ...
เล่าให้ฟังเล่นๆ พอขำๆ


ประเด็นสำคัญคือการทำบุญอุทิศส่วนกุศลและ
การสร้างสติของเราครับ
เอาประเด็นเรื่องการทำบุญก่อน
เอาว่าเวลาทำบุญ อย่าใช้กำลังใจตัวเอง
ตอนแรกให้พูดออกเสียงก่อนว่า
ถ้าคิดในใจตอนนี้แล้วอุทิศนางอาจจะยังรับไม่ได้ครับ
ให้พูดออกเสียงว่า
''ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนไตร บารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
บารมีพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย บารมีครูบาร์อาจารย์ ตลอดจนผู้มีคุณ
ทุกๆท่าน ลูกขอบารมีธรรมทั้งหลายของท่านเหล่านั้น ขอจงมาสถิตย์
อยู่ ณ เบื้องหน้าลูกด้วยเถิด(นึกให้เป็นวงกลมๆมองขึ้นไปในอากาศ
และมองผ่านระหว่างคิ้วของเรา)และด้วยบุญใดก็ตามที่ข้าพเจ้า
ได้เคยทำมาแล้วตั้งแต่ชาติต้นยันชาติปัจจุบัน ลูกขอบารมีทั้งหลาย
เหล่านั้นขอจงได้โปรดมารวมกับบารมีธรรมของท่านทั้งหลาย
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันและลูกขอน้อมบารมีทั้งหลายเหล่านี้อุทิศให้
นาง(อะไรก็ว่าไป)และให้เป็นของนางตามแต่ที่นางต้องการเถิด''
ให้ทำทุกครั้งที่นึกถึงได้ และพอรู้สึกว่า ไม่ค่อยนึกถึงแล้ว
ค่อยเปลี่ยนจากการพูด มาเป็นการคิดแทนโดยที่ลิ้นกับฟันไม่ต้องขยับ
แต่ว่าพูดเหมือนๆกัน..ประมาณนี้ครับ

และพอชำนาญขึ้น หมายถึงรู้สึกไม่เหนื่อย จำได้หมดแล้ว คิดได้คล่องแล้ว
ค่อยเปลี่ยนมากำหนดให้ออกจากกลางลิ้นปี่ของเราแทนครับ..
วิธีการนี้ ยังนำไปประยุกต์ใช้กับระดับภพภูมิอื่นๆได้หมดด้วยครับ
เพียงแต่ตอนที่รวมบารมีนั้น ให้นึกให้ขยายวงให้ได้กว้างมาก
ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ครับ(สูตรนี้ จาก ลป. มีชื่อเสียงในอดีตชื่อย่อ ป.
มาสอนเพิ่มเติมให้อีกท่านที่เป็นลูกศิษย์สายตรงทางวิชาพิเศษ
ในขณะที่กำลังสนทนาเกี่ยวกับเรื่องวิธีการอุทิศส่วนกุศล
กับผู้เขียนในวิธีการที่ผู้เขียนได้เขียนไปตัวสีเขียว
ในเครื่องหมายคำพูดข้างบนครับ คือท่านบอกว่าถูกแล้ว
แต่ให้เพิ่มทริคเรื่องการขยายวงอีกหน่อยประมาณนี้
แบบคร่าวๆนะครับ..)

ปล.ซึ่งวิธีการนี้ในระดับเบื้องต้นยังมีความจำเป็นอยู่ครับ...
เพื่อฝึกกำลังสมาธิของเราในเบื้องต้นก่อนไปในตัว
และฝึกความคุ้นเคยให้จิตเราก่อนครับ
ในอนาคตมีวิธีที่เร็วกว่านี้อยู่คือการใช้บารมีครับ
แต่เราต้องสร้างพื้นฐานตรงนี้เตรียมเอาไว้ก่อน
เรื่องการใช้บารมีค่อยว่ากันครับ...
ปล.ประมาณนี้ ลองดูนะครับ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้พิจารณา
อ่อๆและที่สำคัญอย่าลืมสร้างสติทางธรรมนะครับ
ตัวสติทางธรรมจะทำให้เรารู้เรื่องเกี่ยวกับนามธรรม
ได้เองในอนาคตเหมือนนิทานที่ได้เล่าให้ฟังก่อนหน้านั้น
โดยไม่ต้องไปถามใครด้วยตัวเราเองนั่นหละครับ (^_^)
ท้ายนี้หวังว่าคงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ..

ปล.ผู้เขียนคือคนธรรมดานะครับ

 

ถูกต้องค่ะ คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เป็นคนเชื่อมั่นในตัวเอง ถือตัวซึ่งตัวเราเองก้อมีค่ะ เป็นคนลักษณะแบบนี้เหมือนกัน แต่เป็นบางอารม ตอนนี้ได้ยินแต่เสียงกร่นด่า สวดมนต์อยู่ก้อได้ยิน มีสิ่งรบกวนเยอะ ไม่ทราบว่าเธอโกรธเคืองอะไรหรือป่าว สวยค่ะ ถึงไม่เห็นชัดใช้จิตสัมผัสได้แต่เห็นน่าไม่ค่อยชัด ชอบเอียงข้างค่ะ น่าตาอ่อนกว่าวัย เหมือนเดกสาวฝรั่ง ภาพที่ให้เห็นคือด้านข้างค่ะ หน้าตรงไม่ค่อยได้เห็นนึกไม่ออก แต่สวมมงกุฎไม่เคยได้เห็นเลยค่ะ เพราะไม่ได้ปฏิบัติ ของเก่าก้อไม่มีมาบางทีเธอเหมือนอารมดีแต่บางทีเหมือนอารมร้าย ส่วนเรื่องอุทิศส่วนกุศลจะลองเอาไปปรับใช้ดูค่ะ แต่อารมเทอตอนนี้นิ่งเฉยและแลดูขุ่นเคืองไม่รุว่าจะรับได้หรือป่าวขอบคุนมากค่ะ

 

แต่เทอเกิดก่อนแค่ห้าร้อยปีนะคะไม่ถึงพันปีค่ะ แต่รายละเอียดอื่นๆ ทุกคนที่เห็นตรงกันค่ะ

 

เราจะรู้สึกอย่างไรถ้าเรารู้ว่าอดีตเป็นใครจริวๆ...มันมีค่ามากไหมละกับการที่เรารู้สึกอย่างนั้น...เมื่อก่อนเราอาจเป็นอะไรก็ได้เท่าที่เรานึกออกแต่...เมื่อมันไม่ได้มีค่าในปัจจุบันเรายังจะนึกถึงไปเพื่ออะไร...กับอดีตที่ล่วงเลยมานานแสนนาน...ถ้าเรายึดถือสิ่งนั้นก็รั้งจะทำให้เราเทุกข์....ไหนจะไม่กลมกลืนไหนจะถูกมองไหนจะมองว่ามันแตกต่างกันแต่การมองมันเป็นอดีตไม่ใช่ปัจจุบันเลย

 

คุณนพก็พอรู้ใช่ไหมว่าอะไรเป็นอะไรแล้วแต่แล้วกัน

 

มันไม่มีค่าเพราะเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ แต่ยิ่งเป็นเรื่องคนพูดถึงเยอะ มักเป็นที่สนใจจริงๆเราเองก้ออยากรุใครเป็นคนทำ หรือว่าเป็นตัวเราเองถึงตามมาได้ ถ้าใช่ก้อปลงว่าเราทำชั่วก้อต้องรับกรรมนั้นไป แต่เรื่องภพชาติธรรมดาคนไม่เห็นก้ออยากรุ. คนอื่นอรกมากมายถ้าได้รุเข้าก้อคงอยากจะรุความจริง เราเอาเรื่องลับมาไขที่แจ้งไม่ได้ ก้อต้องรอให้ความจริงเปืดเผยเองค่ะ พอเข้าใจอยู่

 

ไปล่วงเกินใครไว้ล่ะ ถึงได้โดนแบบนั้น
แค่คิดก็เป็นกรรมอันน่าติเตียนแล้วนะ
น่าจะจำได้นะครับ
การล่วงเกิน กรรมอันน่าติเตียน
ถึงผู้ถูกล่วงเกินไม่ถือโทษ
แต่ผู้อยู่ภพภูมิอื่นๆเขาถือนะครับ

 

ผมไม่มีหน้าที่ต้องแก้ไขอะไรถ้าถามก็จะบอกมันอยู่ที่เขาไม่ใช่ผมหรือใครๆ...เช่นเดียวกันถ้ายังคิดว่าเป็นอะไรมาจากไหนอยู่มันจะเป็รแบบนี้จนกว่าจะปลงได้เองหรือพบเจอผู้มีสัมพันธ์อันดีที่เป็นคนที่ช่วยเหลือดูแลจริงๆมาช่วย...แก้เป็นจุดๆไปคับแต่อย่ากังวลเลย...อยู่กับปัจจุบันนะคับ

 

ไม่เป็นไรค่ะ กรรมใครก็กรรมมัน คุณน่าจะจำได้เช่นกันว่าขอคำปรึกษา ถ้าเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวร ก็ทำอะไรไม่ได้ อย่าพูดคำว่าล่วงเกิน ไม่ใช่ค่ะ ถ้าเจตนาคือเขามาขอบุญคอมเม้นคุณนพถือว่าประโยชน์มากแล้ว คุณไม่มีหน้าที่ยุ่งกับกรรมคนอื่นอยู่แล้วค่ะ เพียงแค่คิดว่าถ้าปล่อยไปไม่ทำอะไรสักอย่างก็จะผิดคำพูด อาจจะไปเผลอสัญญาอะไรเข้า แต่ต้องหาคำตอบคิดให้ได้ก่อน

 

ยังไงก็ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะครับ...
แนะให้ระลึกว่า คำสอนที่เหมือนๆกัน
ของผู้เป็นเลิศท่านต่างๆกล่าวเอาไว้ว่าอย่างไรร่วมด้วย..
และก็อย่าลืมฝึกเจริญสติ ร่วมกับเดินปัญญาด้วยนะครับ..

การรู้จักอโหสิกรรม การรู้จักยอม การรู้จักอ้อนน่อม
ช่วยหนุนให้จิตใจปล่อยวางเรื่องราวต่างๆได้ดีขึ้น...

และท้ายสุด มายาจิตเป็นเพียงกลจิตชนิดหนึ่ง
ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง ก็ไม่ควรไปยึดครับ
เรื่องนามธรรมต่างๆ แม้ว่าจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าๆ
ทั้งสองข้าง ก็ยึดไม่ได้ เพราะว่าเราไม่สามารถรักษา
ให้คงอยู่ได้ตลอดเวลา และมีการเปลี่ยนแปลงได้
อยู่ตลอดเวลาครับ...
สำคัญสุดก็คือ การปล่อยวางครับ
ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ (^_^)
ปล.ทุกความเห็นล้วนแต่เจตนาดี
ต่างที่มุมที่ตนได้เห็น เป็นที่มาของ
การแนะนำที่แตกต่างกันบ้าง
ก็เท่านั้นเองครับ

 

ขอบมากค่ะคุณนพ จริงๆ พื้นฐานจิตใจเราก็ไม่ค่อยดีนัก ถามว่าจิตลึกๆของเธอและเราผูกพันกันค่ะ ยังมีแวบๆอยู่บ้าง หรือยังวนเวียนอยู่อันนี้ก็ไม่ทราบ แต่สัมผัสไม่ชัดเจนเหมือนเมื่อก่อนเป็นได้ว่าเธอน่าจะใจอ่อนลงบ้างแล้ว อีกนัยนึงความรุสึกที่สัมผัสมันเป็นความผูกพันเหมือนเป็นคนรัก อันนี้ไม่ทราบเท็จจริงยังไง แต่ก็ถ้าเธอเปิดใจให้อภัยเชื่อว่าเธอคงพบทางสว่างในไม่ช้า ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ

 

เคยเป็นนะติดต่อกัน 3 เดือน เป็นแบบชนิดเห็นภาพและได้ยินเสียงแทบจะตลอดทั้งวันทั้งคืน นอนก็ไม่ค่อยหลับ ชนิดแยกแยะไม่ออกว่าจริงหรือเป็นมโน ต้องใช้การวิเคราะห์ในเหตุในผลเข้ามาใช้ไม่งั้นแยกแยะไม่ได้ ก็คิดอยู่ในใจว่าตัวเองคงไม่แคล้วที่จะเป็นบ้าแน่นอน ก็ไม่ได้ปรึกษาใครก็ดูอาการอารมณ์ไปเครียดมาก รู้สึกว่าจะไม่ไหวและ เลยคิดว่าจะเป็นอะไรจะมีอะไรจะเห็นอะไรก็ช่างหัวมันปล่อยมันไม่ใส่ใจ ถ้าจะเป็นบ้ามันก็คงเป็นกรรมเรา ทำใจยอมรับมัน ทำบุญก็อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรตลอด หลังจากทำอารมณ์แบบนี้ 3 วันมันก็คลาย ประมาณอาทิตย์นึงก็กลับมาเป็นปกติ อาการต่างๆไม่ว่าจะเป็นภาพเป็นเสียงที่เป็นมาตลอด 3 เดือนก็หายไปกลับมาเป็นปกติ หวิดบ้าไปและ อาจจะไม่เหมือน จขทก นะ แต่มีอาการของภาพและเสียงเข้ามาเลยเอามาเล่าให้ฟังเผื่อมีประโยชน์บ้าง ลองทำตามที่คุณนพ แนะนำดูครับ ที่สำคัญนะผมว่ามันน่าจะอยู่ที่กำลังใจของเราเป็นหลัก อย่าไปยึดหรือให้ความสำคัญกับมันมากบางครั้งมันเป็นมายาของจิต

 

อาการจิตหลอนน่ะหรอค้ะ. ถ้ามาทั้งภาพและเสียงแบบนั้นคงมีเจตนาให้เรากลัวอันนี้ต่างตรงที่เธอจิตใจดีค่ะ ไม่เคยให้เห็น และไม่พยายามรบกวนเราแต่ธาตุเราไม่ค่อยปกติ เพราะปกติสุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้วก้อมีเครียดบ้าง แต่พยายามปลงค่ะยังไงขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆนะคะ คงต้องรอให้เทออโหสิให้ได้และไปสู่ภพภูมิที่ดี

 

ปฎิบัติธรรม สวดมนต์ เดินจงกลม นั่งสมาธิ ฯ ทำเพื่อสละถอดถอนความเป็นตัวเป็นตนออก หรือ สลาย ความยึดมั่นถือมั่นของจิต ที่ให้ค่าให้ความหมาย กับสรรพสิ่ง ว่าดี ไม่ดี ถูกใจ ไม่ถูกใจ ใช่ ไม่ใช่ ฯ ให้เป็นไปสู่ การปลงใจ การวางใจ ไม่ให้ เป็นนั่น เป็นนี่ เห็นนี่ เห็นนั่น เอาฤทธิ์ เอานั่น เอานี่ แบบนั้นเรียกว่า วิบาก (ลำบาก) หรือ หลงไปกับสรรพสิ่งแวดล้อม เพราะสรรพสิ่ง ไม่เที่ยง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แปลเปลี่ยนตลอด แล้วจะเอาอะไรยึด มั่นได้ ให้ปฎิบัติใด ๆ เพื่อให้วางใจ แทน สาธุ

 

เกิดมาไม่เคยเจอเรื่องแปลกๆเลยค่ะ
(ยกเว้นมีเพืื่อนแปลกๆ เช่นปฎิบัติจนเพี้ยนหลุดมิติไป
แบบนี้มีเยอะ)[Embarrass

 

เรียนเจ้าของกระทู้
ถ้าได้ทำตามที่สัญญาไว้แล้วก็ไม่ต้องวิตกวิจารณ์ไปดอก
ที่นางยังอยู่นั้นก็เพื่ออยู่ช่วยท่านเจ้าของกระทู้นั่นเอง
เป็นการสร้างบารมีอย่างหนึ่ง
ถ้าท่านเจ้าของกระทู้เดินทางตามแนวทางสัมมาปฏิบัติ
ย่อมจะได้นางมาเป็นบริวารผู้ช่วยเหลือให้หน้าที่การงานสะดวกขึ้น
ยามมีเหตุเภทภัยก็ย่อมจะได้นางมาเป็นผู้คุ้มครองป้องกัน
อย่าวิตกวิจารณ์ไปเลย
ที่เป็นเช่นนี้
นั่นเพราะมีกรรมที่สัมพันธ์กันนั่นเอง
คิดซะว่า ช่วยให้นางได้บำเพ็ญบารมี
เราก็ได้ทั้งบุญ แล บารมี
ขอให้สบายใจได้
ขออนุโมทนา
สาธุ