พระนิพพานธรรมไม่ใช่ผู้รู้ เหนือผู้รู้ไปจนไม่มีที่หมาย....

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย wisarn, 8 สิงหาคม 2016.

  1. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ทีหลัง ต้องเตะ สองเด้ง ถึงเข้าประตู!!...
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไหน ตอบหน่อยจิ


    คุง มีอะไรเป็น " วิหารธรรม "

    โซดา วิหาร หรอ

    ถ้าไม่ใช่ แล้วถามทำไมเรื่อง แบกโซดา

    ทีนี้ มีอะไรเป็นวิหาร หากเป็นพวก ด้น เด้า เดาธรรม
    มันจะ กระเดิดไปเลยนะ คิดว่า เป็น สิ่งในวิหาร

    สันติ !!!
     
  3. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815

    ตอนนี้ยังคิดจะหาเมียสักคน
    ยังไม่มีเมีย มัน ข้ามขั้นตอน

    ยังไม่ไม่คิด วิหารธรรม
     
  4. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ลูกคุณแจ อยู่ที่นางแก้ว....
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ธรรมภายนอกที่น้อมเข้ามาหาตัวเรียกว่า “อัชฌัตตาธัมมา” ส่วนธรรมภายในน้อมออกไปข้างนอกเรียกว่า “พหิทธาธัมมา” และมีความหมายอันเดียวกัน


    ขอกราบ หลวงปู่ ด้วยเศียรเกล้าครับ สาธุ

    ทั้ง ธรรมส่วนในก็ดี ส่วนนอกก็ดี ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน จบลงที่ ความไม่เที่ยง ทั้งสิ้น

    สำหรับผม ธรรม ในสติปัฏฐานสี่ คือธรรมารมณ์ ขออธิบายต่อจากหลวงปู่ ลงลึกไปอีกว่า

    คำว่าธรรมารณ์นี้ หมายลึกลงไปเพียงส่วนเดียวที่นักวิปัสสนาต้องทำให้ได้คือ การปล่อยวางความนึกคิดทั้งปวง ในสภาวะนี้เราอาศัย อัชฌัตตาธรรมา เท่านั้น เพราะเราอาศัยสติตามรู้ตามดู เฉพาะสิ่งที่เกิดดับที่กระทบจิตเราเท่านั้น การประคองสติ สมาธิ สักแต่ว่ารู้ การกระทบ การเกิดดับของการปรุงแต่งที่วิ่งมากระทบจิต แล้วรวมลงเกิดปัญญาในธรรมารมณ์เหล่านี้ได้ว่า ไม่เที่ยงเป็นทุกข์หนอ จะไม่มีสิ่งใดให้ยึดมั่น เกิดสภาพว่างปล่อยวาง ทุกขณะจิต ทุกขณะการปรุงแต่งเกิดแล้วดับไปไม่ปรุงแต่งนึกคิดใดๆอีก สักแต่ว่ารู้กระทบเกิดดับ ปล่อยวางเพราะมันไม่เที่ยงเป็นทุกข์

    กระทำสติปัฏฐานสี่ ฝ่าย รูป เวทนา จิต และธรรม ให้วิปัสสนาเช่นนี้เนื่องๆ เสมอ ๆ สติปัญญา วิมุตติย่อมปรากฏแก่กายใจของท่านครับ สาธุ
     
  6. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    มันเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ...คนถามจะรู้เมื่อเข้าใจหรือเรียยรูสภาวะที่เรียกว่ารู้...อีกนัยโดยความหมายท่านเรียกพบผู้รู้แล้วจะรู้ว่าทำไม...ฝึกสิคับ
     
  7. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    คือผมไม่ได้เห็นและสนใจในสมมุติบัญัติทั้งหลายจึงไม่รู้สภาวะธรรมที่ว่าของหลายเอาบัญญัติตั้งไว้ก่อนหรือไม่....สภาวะธรรมของผมในความหมายที่ผมเห็นและทราบได้สืบเนื่องจากเห็นความแปรปรวนไม่เป็นไปดังที่เคยรู้เกิดเป็นสิ่งต่างๆ...สำคัญคือความแปรปรวนมันทำให้เราเห็นสิ่งเราเห็นตัวเราหรือเห็นคนอื่นแต่น้อยที่สุดเมื่อเห็นความแปรปรวนก็มีโอกาสเห็นธรรมนั่นเรียกสภาวะธรรมสำหรับผม
     
  8. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    อย่างเช่นทุกคนเข้าใจว่าสมาธิคือความตั้งมั่น...มันก็จริงเพียงครึ่งหนึ่งจนกว่าเมื่อไหร่เรามองเห็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่ตั้งมั่นจึงตอบได้ว่า...ตั้งมั่น....ควรแก่งาน...ในที่อาจมีคนเห็นเช่นเดียวกันหรือเห็นต่างกันจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา
     
  9. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ....ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมพระพุทธองค์ ตรัสให้เราฟังแล้ว เข้าใจยาก แล้วมานั่งเถียงกันเรื่องนิพพาน

    ....เช่น "ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ
    วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า
    พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ
    อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้
    นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ

    จบสูตรที่ ๑"

    ....คำว่า อายตนะนั้น คือนิพพานธาตุใช่หรือไม่ แล้ว อยู่ในตัวบุคคลเราใช่หรือไม่

    ....จิต เจตสิค รูป นิพพาน แล้วคำว่า อายตนะนั้น คือนิพพานธาตุใช่หรือไม่

    ...ที่ว่า หาอารมณ์มิได้ แต่ก็มิได้บอกว่า สามารถรับรู้อะไรได้หรือไม่ ทำไมหน้อ
     
  10. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ที่เข้าใจยาก.. และถกเถียงกันเรื่องนิพพานก็เพราะ ยังไม่เข้าถึงนิพพาน คนที่ถึงแล้ว เขาก็คงไม่มาถกเถียงด้วย ยิ่งเจอพวกแบกตำรา ยิ่งแล้วใหญ่ :cool:
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อันนี้ ต้องเผื่อใจไว้ด้วย

    เพราะ พุทธบริษัทในธรรมสินัยนี้ ธรรมฐิติ เกิดก่อน ญานเกิดทีหลัง

    สัญญาเกิดก่อน ญานเกิดทีหลัง

    หากเปนพวก ศรัทธาวิมุตติ พวกนี้ก้จะหมือนเถียงหัวชนฝา
    เพราะท่านจะใช้ศรัทธานำ ปัญญาจะปิ๊งภายหลัง ส่วนใหญ่
    จะปิ๊งเอาตอน ตกกระไดพลอนโจน เช่นโดดหน้าผา จับ
    ศาสสตรา (เกิดจากปัจจัย ไปเถียงเขาไว้มาก)

    ดังนั้น

    บุคคลบางกลุ่ม ก้ วางจิตโน้มไปอายตนะนิพพาน ไปตรงๆ

    ธรรมฐิติแม้นจะกิดก่อน แต่ก็ละอาสวะด้วยปัญญา

    คือ พิจารนาอายตนะนั้นมีแน่ แล้ววิเคราะห์ไปตรงๆ
    แบบหัวชนฝา ถามอะไรไป ตอยมา เหมือน งมงง


    พุทธบริษัทที่ทำให้ศาสนายืนยาว จะต้องมีโต้เถียงกัน
    แต่ปัจจัยของการโต้เถียง ไม่ใช่เรื่งเอาปากเปนหอก

    แต่เปนการโต้ออกมา ตามกำลัง อินทรีย์ เถียงกันจบ
    ก้แยดย้าย ภาวนา ไม่ฟ้องศาล ไม่จดบันทึกประจำวัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2016
  12. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ตำราก็มีประโยชน์

    ใช้เป็นแผนที่ นำทาง

    ที่เป็นโทษ เอาแผนที่มาอวดกัน
    เพื่อยกตัวเองว่าเก่งแล้ว เข้าใจทุกเรื่องแล้ว
    มันก็รู้ในแผนที่ นั้นแหละ

    ของจริงไม่รู้

    ไม่ได้ว่าใครนะ เขียนตามกิเลสเจ้าของ...
    เพราะมันหลอกเจ้าของเก่งมาก

    ..
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถ้าเวลาไหน

    พุทธบริษัทขาดการโต้เถียงกัน

    ก้เข้าทาง จานบิน หมด
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ในสมัยพุทธกาล

    เวลาเกิดการโต้เถียงกัน พระท่านจะรื่นเริงมาก

    จะเรียกปรากฏการณ์นั้นว่า บรรลือสีหนารถ

    เช่น พระสารีบุตร ถูกถามเรื่อง มารยาท สบัดจีวรโดนผู้อื่น
    ไม่ขอโทษ นี้ก้เถียงกัน เอาธรรมมางัดกัน งัดกันไม่จบ

    นัดกันต่อ เวลานั้น สถานที่นั้น

    พระได้ยินข่าว ก้วางกาภาวนาก่อน ไปที่นัดกันถกกัน
     
  15. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    ตรงไป ตรงมา

    พุทธะอุทาน

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ
    วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า
    พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ
    อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้
    นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ

    ตรงไป ตรงมา
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระอุทาน
    เรียกว่า ทรงพระอุทาน ขอย้ำ!
    นั่นคือ พระพุทธเจ้า ท่านได้แสดงอาการ
    ที่พระองค์ท่านได้ สัมผัส ต่อ พระนิพพาน โดยตรง กับ อายตนะของพระองค์เอง
    แล้ว ตรัส พระสุระเสียง ด้วยพุทธะอุทานออกมา โดยทันที ว่า
    1.นิพพาน ไม่ใช่ ดิน
    2.นิพพาน ไม่ใช่ น้ำ
    3.นิพพาน ไม่ใช่ ไฟ
    4.นิพพาน ไม่ใช่ ลม
    5.นิพพาน ไม่ใช่ อากาสานัญจายตนะ
    6.นิพพาน ไม่ใช่ วิญญาณัญจายตนะ
    7.นิพพาน ไม่ใช่ อากิญจัญญายตนะ
    8.นิพพาน ไม่ใช่ เนวสัญญานาสัญญายตนะ
    9.นิพพาน ไม่ใช่ โลกนี้
    10.นิพพาน ไม่ใช่ โลกหน้า
    11.นิพพาน ไม่ใช่ ดวงจันทร์
    12.นิพพาน ไม่ใช่ ดวงอาทิตย์
    13.นิพพาน ไม่ใช่ การมา
    14.นิพพพาน ไม่ใช่ การไป
    15.นิพพาน ไม่ใช่ การตั้งอยู่
    16.นิพพาน ไม่ใช่ เป็นการจุติ
    17.นิพพาน ไม่ใช่ การอุบัติ
    18.นิพพาน ไม่มี ที่ตั้งอาศัย
    19.นิพพาน ไม่มี วัฏฏะ(การเป็นไป)
    20.นิพพาน ไม่มี อารมณ์
    อารมณ์ แปลว่า สิ่งที่จิตหน่วงเอา
    และด้วยความที่ นิพพาน ไม่มีอารมณ์
    นั่นจึงหมายความว่า นิพพาน เป็น สิ่งที่จิตหน่วงเอาไม่ได้ (คือต้องไม่มีคำว่า นิพพาน “ของกู”)
    ซึ่งในความหมายในช่วงท้ายๆนี้ ตรงกับ คำเทศน์ ของหลวงปู่หล้าที่ว่า

    "พระนิพพานธรรมไม่ใช่ผู้รู้ เหนือผู้รู้ไปจนไม่มีที่หมาย(ตรงตามความหมายข้อที่ 15หรือข้อที่ 18)
    พระนิพพานไม่ใช่เห็นด้วยตานอกแต่เห็นด้วยตาในจนไม่มีที่หมาย(ตรงตามความหมายข้อที่ 15 หรือข้อที่18 เช่นกัน)
    ไม่มีท่านผู้ใดเข้าไปยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ไม่สำคัญตนเป็นผู้รู้และ(ไม่สำคัญ)ใจเป็นตน(ตรงตามความหมายข้อที่ 20)
    ก็จบปัญหากันเพียงนั้น ในพระพุทธศาสนาจบกันเพียงนั้น"
    (และวรรคสุท้ายของหลวงปู่หล้าตรงนี้ ก็ตรงกับพระอุทานคำสุดท้าย ที่ว่า- "นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์")

    ผมคิดว่าหลวงปู่หล้า ท่านคงไม่ได้เรียนพระไตรปิฎกอย่างผม หรือ พวกท่านทั้งหลาย
    แต่หลวงปู่หล้า ท่านมั่นใจในธรรมวินัย ของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ท่านจึงรักษาศีลอย่างสุดชีวิต และ ปฏิบัติธรรมโดยเอาชีวิต ของท่านเป็นเดิมพัน
    เมื่อผลการปฏิบัติถึงที่สุด พระป่าอย่างหลวงปู่หล้าจะเล่าผลการปฏิบัติให้พวกเราฟัง
    เนื้อหาก็จะเป็น ภาษาชาวบ้าน เป็นภาษาคนบ้านนอก เป็นภาษาที่หลวงปู่ท่านคุ้นเคย
    เมื่อเอาคำพูดของท่านมาเทียบกับ ข้อความในพระไตรปิฎกในพระสูตรนี้
    แล้วคุณดูสิ! นี่มันหมายถึง พระนิพพาน ตาม ความหมายของ พุทธะอุทาน ชัดๆ

    ผมจึงประทับใจ พุทธะอุทาน และ คำหลวงปู่หล้า ที่ ตรงไป ตรงมา แล้วตรงกัน อย่างอัศจรรย์

    เอวัง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2016
  16. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228


    ....คนที่เขาเข้าถึงพระนิพพาน ท่านหมายถึง คนที่ได้ตั้งแต่ระดับ โสดาปฏิผล หรือเปล่า

    ....คนที่เข้าถึงพระนิพพาน ทำไมไม่มากล่าวให้กระจ่าง ทำไม ได้แต่บอกว่า ไม่ได้เป็นโน้น ไม่ได้เป็นนี้ เหมือนเล่นทายปัญหา ว่าอะไรเอ่ย ประมาณนั้น

    ....หรือมีการห้ามไม่ให้บอก ตรงๆ เหมือน คนเล่นกล จะไม่บอกเคล็ดลับกับคนดู จะบอกก็แต่คนที่มาเรียนเท่านั้น
     
  17. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    การเข้าถึงพระนิพพานมันก็กระจ่างแจ้ง ของคนที่เข้าถึงแล้ว ในพระสูตรก็มีกล่าวไว้ ถึงแม้จะกล่าวโดยตรง แล้ว ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงจะเข้าใจหรือป่าวหนอ
    ถ้ามันเป็นของที่เข้าใจได้โดยง่าย คงไม่ต้องมาถกเถียงกันให้เสียเวลา ธรรมนี้จึงเป็น "ปัจจังตัง" ไงละครับ เป็นของรู้ได้เฉพาะตน บอกให้ฟังนะได้ แต่ผู้ที่ฟังจะเข้าใจหรือป่าวล่ะ เพราะปัญญาของแต่ละคนก็แบ่งเป็นสี่เหล่า
    บางคนแสดงธรรม สั้นๆ เพียงประโยคเดียวก็เข้าใจ บรรลุโสดาบัน ยกตัวอย่างเช่น ท่านพระสารีบุตร หรือ อย่าง พระจูฬปันถก ศึกษาธรรมในสำนักมานานก็ไม่บรรลุธรรม คิดจะสึก พระพุทธเจ้าทราบถึงนิสัยการบรรลุธรรม จึงได้บอกให้ลูบผ้าขาวจนบรรลุอรหันต์ :cool:
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    [​IMG]


    :cool:
     
  19. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    เห็นด้วย ขอเชิญ ผู้บรรลุธรรมมาแจกแจงหน่อย?
     
  20. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    "พุทธะอุทาน

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ
    วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า
    พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ
    อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้
    นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ"


    ...อายตนะ หมายถึงอะไรเล่า เขาแปลว่า ที่เชื่อมต่อ, เครื่องติดต่อ

    ...เท่าที่เราเคยได้ยินมา อายตนะภายใน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อายตนะภายนอก ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์

    ...อายตนะภายนอก กระทบอายตนะภายใน เกิดการรับรู้

    ....อายตนะ ก็คือตัวผู้รู้นั้นเอง

    ....ธรรมารมณ์ กระทบใจ ใจก็เป็นอายตนะ ที่เรียกว่า ตัวผู้รู้

    ....ส่วน อายตนะนิพพาน ก็คือตัวผู้รู้อีกตัวหนึ่งนั้นเองแหละ


    .....นิพพาน มิใช่ สถานที่ นิพพาน เป็น อสังขตะธาตุ เป็นนามธรรมอันหนึ่ง เป็น อายตนะที่เป็นตัวรู้อีกตัวหนึ่ง มิใช่จิต


    .....ไอสไตน์ กล่าวว่า เวลาไม่มีจริง เวลาเป็นแค่เครื่องบอกการแตกสลายของวัตถุเท่านั้น ถ้าในจักรวาลนี้ ไม่มีวัตถุไดๆ เวลาก็เป็นศูนย์ (ผมก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างแหละ)

    ....นิพพาน เป็นสิ่งไม่ สลาย เป็นของเที่ยง ผู้ที่ตัดกิเลสใด้หมด เหลือแต่นิพพานธาตุ ก็หยุดเวลาได้ เป็นอมตะได้ การรับรู้จะอยู่ในสภาพ เห็นทั้ง อดีต และอนาคตนั้นเอง

    .....ถ้าเราบรรลุพระอรหันต์ เราก็จะเหลือแต่ อายตนะนิพพาน เราจะเข้าโมด รู้เห็นทุกๆสิ่ง ทั้งอดีต อนาคต เราจะท่องไปไม่สิ้นสุดในจักรวาล มันจะเป็นสภาพที่ สุดยอด

    ....ผมจินตนาการอย่างนี้ ไม่ต้องเชื่อก็ได้นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...