พระนิพพานธรรมไม่ใช่ผู้รู้ เหนือผู้รู้ไปจนไม่มีที่หมาย....

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย wisarn, 8 สิงหาคม 2016.

  1. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    727
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    [​IMG]

    หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
    ตอบปัญหาธรรมและการปฏิบัติธรรม (เรื่องที่ ๒๓)​

    คำถาม :

    ดิฉันขอกราบรบกวนถามหลวงปู่ว่าการปฏิบัติภาวนา จะต้องพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรมทั้ง ๔ อย่างใช่ไหมเจ้าค่ะ สำหรับกาย เวทนา จิตดิฉันพอเข้าใจ ส่วนธรรมนั้นดิฉันคิดเอาเองว่า จะต้องพิจารณาจากธรรมชาติที่เห็นอยู่เป็นประจำ เช่นเห็นใบไม้ที่ล่วงลงมาจากต้น ดิฉันก็พิจารณาว่าก่อนที่มันจะล่วงลงมา มันเคยเป็นใบอ่อนๆ เมื่อใบมันโตขึ้นสีก็ค่อยๆ เข้มขึ้นจนเป็นสีเขียวแก่ เมื่อเซลของมันตายแล้วมันก็เปลี่ยนเป็นสีเหลือง เมื่อธาตุน้ำในใบของมันแห้งหมดก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้งกรอบล่วงลงสู่พื้นดิน ในไม่ช้าก็แตกละเอียดเป็นผุยผง ที่สุดก็กลายเป็นดิน

    ย้อนมาดูตัวของเราเมื่อแรกเกิด ผิวเนื้อก็แดงระเรื่อพอโตขึ้นผิวก็เปลี่ยนเป็นสีขาวเหลือง ถ้าถูกแดดถูกลมมากๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีคล้ำ พอเข้าสู่วัยชราผิวหนังก็จะตกกระเป็นไฝฝ้าจุดด่างดำทั้งตัว ทั้งยังเหี่ยวย่นผมก็หงอกขาวตามัวหูตึงฟันหลุดหลังโก่งเรียวแรงไม่มีเดินเซไปมาในไม่ช้าก็ตาย เมื่อตายแล้วธาตุลมก็หมดไป ธาตุไฟก็ดับไปขึ้นอืดพองเน่าเหม็นเป็นอาหารของหมู่สัตว์และหนอน ส่วนที่เป็นของแข็งก็กลายเป็นธาตุดิน ส่วนที่เป็นของเหลวก็กลายเป็นธาตุน้ำซึมลงไปในดิน นี่คือธรรมชาติไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา ทุกสิ่งเกิดขึ้นแปรปรวนไปดับสลายไปในที่สุด ดิฉันพิจารณาจากสิ่งที่เห็นอยู่เป็นประจำถูกต้องไหมเจ้าค่ะ ถ้าไม่ถูกหลวงปู่โปรดชี้แนะด้วยและจะพิจารณาอย่างไรเพื่อให้เกิดปัญญาเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป หลวงปู่โปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ

    หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ตอบ :

    การพิจารณาอย่างที่เล่ามานี้มันเป็นการถูกต้องแล้ว ขอให้พิจารณาเนืองๆ บ่อยๆ น้อมเข้ามาหาตัวบ้างน้อมออกนอกบ้างก็มีความหมายอันเดียวกัน ธรรมภายนอกที่น้อมเข้ามาหาตัวเรียกว่า “อัชฌัตตาธัมมา” ส่วนธรรมภายในน้อมออกไปข้างนอกเรียกว่า “พหิทธาธัมมา” และมีความหมายอันเดียวกัน

    แม้ปัจจุบันที่กำลังเห็นอยู่จะเห็นพร้อมกับลมออกเข้าก็ยิ่งดี จะได้ไม่ติดอยู่ทั้งอดีตอนาคตทั้งปัจจุบันด้วย เรียกว่ารู้ตามเป็นจริงพ้นจากความสงสัยตามเป็นจริง ข้ามความหลงที่เคยหลงมาตามเป็นจริง ความหลงตัวมี ๔ ประเภท คือสำคัญว่าหนังหุ้มอยู่โดยรอบเป็นของสวยงามหนึ่ง เห็นสำคัญต่อไปว่าเป็นของเที่ยงหนึ่ง เห็นสำคัญว่าเป็นสุขหนึ่ง เห็นว่าเป็นตัวตนหนึ่ง

    อนึ่งที่สงสัยว่าพิจารณา “ธรรม” นั้นเป็นอย่างไร ยกอุทาหรณ์เช่น ลมหายใจเข้าออก เห็นลมไม่เที่ยงแห่งหายใจเข้าออกก็เป็นการเห็นอนิจจัง แล้วก็เป็นทุกข์อยู่ในตัวแล้วก็ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา นี่เรียกว่าพิจารณาธรรมเรียกว่า “เห็นธรรมในธรรม” เห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ก็เรียกว่าเห็นธรรมในธรรมเหมือนกัน คำว่าธรรมแปลว่าทรงอยู่


    ธรรมมี ๒ ประเภทโดยย่อ ประเภทที่เราเห็นอยู่เดี๋ยวนี้เป็นประเภทของธรรมฝ่ายสังขาร เกิดขึ้นหาระหว่างมิได้แปรปรวนหาระหว่างมิได้ ความแก่ก็หาระหว่างมิได้ เราจะรู้ตามเป็นจริงหรือไม่ก็ไม่เป็นปัญหา ความเจ็บก็หาระหว่างมิได้ ความตายจากเช้า สาย บ่าย เที่ยง ก็หาระหว่างมิได้นี่ก็เป็นธรรมานุปัสนาเหมือนกัน เพราะรู้ตามเป็นจริงอยู่ในตัว ก็ตัดสินเผงว่า “ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” นี่เรียกว่าธรรมฝ่ายสังขาร

    ประเภทที่ ๒ ธรรมฝ่ายพระนิพพานนั้น เมื่อสิ้นความสงสัยในนี้แล้วจิตก็ไม่เพลินในสังขารทั้งปวง ไม่หลงในสังขารทั้งปวงนั้นคือประตูเข้าสู่พระนิพพาน เพราะหมดปัญหาที่จะผูกขึ้นในตัว

    พระนิพพานธรรมไม่ใช่ผู้รู้ เหนือผู้รู้ไปจนไม่มีที่หมาย พระนิพพานไม่ใช่เห็นด้วยตานอกแต่เห็นด้วยตาในจนไม่มีที่หมาย ไม่มีท่านผู้ใดเข้าไปยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ไม่สำคัญตนเป็นผู้รู้และใจเป็นตน ก็จบปัญหากันเพียงนั้น ในพระพุทธศาสนาจบกันเพียงนั้น

    ยกอุทาหรณ์ เพื่อให้เข้าใจชัด เมื่อดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่สำคัญตนว่าเป็นดิน เป็น น้ำ เป็นไฟ เป็นลม เมื่อมีผู้ใดไปทำอันตรายดิน น้ำ ไฟ ลมนั้นแล้ว ดิน น้ำ ไฟ ลมจะไปผูกเวรภัยกับใครเล่า แม้เขาจะไปขี้รดดิน น้ำ ไฟ ลม ก็คงจะไม่ยืนยันในโลภ โกรธ หลงอะไร เมื่อใจของพวกเราไม่เหมือนดิน น้ำ ไฟ ลมแล้วคอยรับคอยปัดอยู่ พวกเราก็ไม่พ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง จิตใจของพวกเราถ้าเป็นเหมือนดิน น้ำ ไฟ ลมแล้ว ไม่มีใครให้คะแนนก็ตาม พวกเราก็ไม่มีวิญญาณปฏิสนธิในที่ใดๆ ทั้งสิ้น ก็ข้ามความหลงโดยสิ้นเชิงไป ณ ที่นี้เอง.


    via ��ǧ������� ����ѵ�� �ͺ�ѭ�Ҹ�����С�û�ԺѵԸ���


    [​IMG]
     
  2. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ....ขออนุญาติ แสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ

    ....คำว่า "พระนิพพานธรรมไม่ใช่ผู้รู้ เหนือผู้รู้ไปจนไม่มีที่หมาย พระนิพพานไม่ใช่เห็นด้วยตานอกแต่เห็นด้วยตาในจนไม่มีที่หมาย ไม่มีท่านผู้ใดเข้าไปยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ไม่สำคัญตนเป็นผู้รู้และใจเป็นตน ก็จบปัญหากันเพียงนั้น ในพระพุทธศาสนาจบกันเพียงนั้น"

    ....คำว่า พระนิพพานธรรมไม่ใช่ผู้รู้ เหนือผู้รู้ ผมงงคำนี้ อย่างเช่นเราว่า คุณไม่ใช่เป็นคน หนือคน แล้วคุณเป็นคนหรือเปล่า มันกำกวมนะ ว่าท่านปฏิเสธตรงๆ ตีความยาก

    ....ผมไม่ได้แย้งใคร เพียงผมมีคำถามว่า ถ้า เราแยกตัวคนคนหนึ่ง ก็จะได้ จิต เจตสิค รูป นิพพาน ตามที่พระอภิธรรมสอนใว้

    ...แล้วตัวผู้รู้คือ อะไรใน จิต เจตสิค รูป นิพพานเล่า แน่นอน จิตคือหนึ่งในตัวผู้รู้ไม่มีใครโต้แย้ง
    ...พระอรหันต์เมื่อสิ้นชีวิต ท่านดับแต่ จิต เจตสิค รูป เหลือแต่นิพพาน ผมถามว่า ถ้านิพพานธาตุไม่ใช่ตัวผู้รู้แล้ว พระอรหันต์ เมื่อดับขันธ์ ท่านก็ไม่ต่างจากอะไรกับขอนไม้สิครับ

    ....สติ คือจิต สัมปชัญญะคือ การรู้สึกตัว สัมปชัญญะไม่ใช่จิต เป็นการรับรู้ด้วยนิพพานธาตุ แน่นอน นิพพานธาตุต้องเป็นตัวรับรู้อีกตัวหนึ่ง ซึ่งต่างไปจาก ตัวจิต คือรู้แบบไม่มีอารมณ์

    ....นิพพานธาตุเป็นอสังขตะธาตุ เป็นธาตุที่ไม่มีการปรุงแต่ง เป็นนามธรรม ความหมายของนามธรรม หมายถึง อะไร จิต เจตสิค เป็นนามธรรม มีหน้าที่ เคลื่อนไหวอยู่ จิตมีการรับรู้ เจตสิค คือการเกิดประกอบกับจิต ล้วนทำงาน ส่วนนิพพานละ นิ่งสงบหรือไงไม่รับรู้ไดๆเลยหรือไง

    .....ท่านอย่าสับสน ระหว่างนามธรรม ที่คนชอบพูดว่า ความดีก็คือนามธรรม อะไรประมาณนั้น นามธรรมในร่างกายเรา มันต้องทำงานอะไรสักอย่างไม่ใช่ เหมือน ความดี ความชั่ว ที่เรานิยามว่าคือนามธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2016
  3. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ....ผมยอมรับอย่างหนึ่ง ว่าเข้าใจคำที่คุณเขียน ยากนะครับ มันอาจจะมาจาก ความรู้ผมยังไม่ถึงระดับพวกท่าน

    ...อย่างที่คุณวรณ์นิ กล่าวว่า "อีกอย่าง สัมปะชัญญะหรือ เครื่องรับรู้หรือใจ อายตนะรู้นิพพาน อย่าแปลว่า นิพพานถูกรู้โดยใจ แปลแบบนี้ ไม่ถูก ต้องแปลว่า ที่ใจรู้นิพพานได้ เพราะ มันคือสิ่งเดียวกันกับนิพพาน จึงรู้กันและกันได้ และ ใจหรืออายตนะใจ มันคือส่วนหนึ่ง ที่ถูกสร้างมาจาก รู้ของนิพพาน..ตามที่คุณเข้าใจนั่นแหล่ะ คือรู้แบบต้นไม้ รู้งอก รู้โต แต่ไม่รู้ทุกข์ ไม่เป็นทุกข์ ธรรมชาติล้วนเป็นส่วนหนึ่งของนิพพานธาตุ...การรู้..ผมเคยอธิบายว่า มันคือการทำปฏิกิริยาของธาตุ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทำปฏิกิริยากัน กิริยาเรียกเคลื่อน เปลี่ยน หรือ รู้ นั่นเอง ครับ"

    ....ถ้าให้ผมเข้าใจ คงเป็นว่า ทุกอย่างที่รู้ ก็จะมารู้ด้วยใจเสมอใช่หรือไม่

    ....ในหนังสือมิลินทะปัญหา พระอรหันต์นาคเกษม อธิบายถึงการที่เกิด ความรับรู้ของวิญญาณทั้งห้า เช่น รู้ด้วยจักขุวิญญาณ ก็จะรู้ด้วยมโณวิญญาณ , รู้ด้วยกายวิญญาณ ก็จะรู้ด้วย มโณวิญญาณ เสมอ เป็นต้น พระอรหันต์นาคเกษมอธิบายว่า อุปมาเหมือน น้ำย่อมไหลไปที่ลุ่มเสมอ

    ....ถ้าเมื่อ สัมปชัญญะ คือความรู้สึกตัว เป็นความรู้ของตัวผู้รู้ที่เรียกว่า นิพพานธาตุ แล้ว ตัวมโณวิญญาณ(จิต) ก็ย่อมรับรู้เสมอ แล้วบางท่านก็จะกล่าวว่า จิตไปรู้สิ่งที่เป็นสภาพนิพพาน ประมาณนี้ใช่หรือเปล่า
    ....ผมเข้าใจอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้แหละที่เป็น "สภาวะรู้" ไม่ใช่ "ผู้รู้ที่ยังเป็นตัว ๆ อยู่"
    +++ "ผู้รู้" ที่ยังเป็น "ตัว ๆ" ก็คือ "ตัวตนของ จิตตะสังขารขันธ์" นั่นเอง

    +++ ม้ามี 4 ขา ส่วน หมาก็มี 4 ขาเหมือนกัน ใครบอกว่า "ม้าไม่ใช่หมา" คนนั้นผิด ตรงนี้เป็น "ความฝั้นเฟือนของตรรกะ" จะเอามาระบุ สภาวะธรรม ไม่ได้ ผู้ที่ยัง "ติดข้อง" อยู่ในวงจรของ ตรรกะ แล้วเอามาใช้กับสภาวะธรรม ไม่นานย่อมวิปลาศ เป็นธรรมดา ตรงนี้เป็นข้อ "พึงระวัง" ของผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่าน ด้วยความหวังดี นะครับ
     
  5. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ถ้าถามในแง่ของ ทฎษฎี ก็คือรู้โดยที่ไม่ได้ปรุงแต่ง เป็นภพ เป็นชาติ ไม่ได้เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่รู้นั้น มันจึงเรียกว่า รู้เหนือรู้ สภาวะ นั้น จึงเรียกได้ ว่า นิพพาน. ที่นี้คนที่ยังเข้าไม่ถึงสภาวะนั้น ก็ต้องเดาสุ่มกันต่อไป เหมือนปลาที่ว่ายอยู่แต่ในน้ำ ไม่รู่ว่าบกหรือฝั่งเป็นยังไง ไม่เหมือนเต่าที่อยู่บนบกและในน้ำ ถึงเต่าจะบอกปลาว่าฝั่งหรือบก เป็นอย่างไร ปลาก็ทำได้เพียงจินตนาการเอาตามที่เต่าบอก.
     
  6. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ..... การเอาตรรกะ มาระบุสภาวะธรรม คืออย่างไร

    ....เพราะสิ่งนี้มี จึงมีสิ่งนี้ ประมาณนั้นหรือเปล่า

    ....ถ้าไม่อ้างคำสอน ไม่อ้างตำรา แล้วจะให้อ้างอะไร

    ....ถ้าอ้างสภาวะธรรมที่พบ ถามว่า ใครเป็นคนพบ นักปฏิบัติที่พบสิ่งต่างๆแล้วมา อธิบาย แล้วบอกว่าเจ๋ง ประมาณนั้นหรือ

    ....ตำรา ไม่ว่า พระไตรปิฏก ต่างล้วนมาจากอะไร ก็มาจากสภาวะธรรม ที่ล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น นำมาเผยแผ่
     
  7. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    จิต สัมผัส พระนิพพาน แต่ พระนิพพาน ไม่ใช่จิต

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
    ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต

    อุทาน ปาฏลิคามิยวรรคที่ ๘

    ๑. นิพพานสูตรที่ ๑

    [๑๕๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
    ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาค
    ทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วย
    ธรรมมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้นกระทำให้มั่น มนสิการแล้ว
    น้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้-
    *มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ
    วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า
    พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ
    อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้
    นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ

    จบสูตรที่ ๑

    _______________________________________________


    ขอยกคำเทศน์ของ หลวงปู่หล้าที่ว่า

    "พระนิพพานธรรมไม่ใช่ผู้รู้ เหนือผู้รู้ไปจนไม่มีที่หมาย
    พระนิพพานไม่ใช่เห็นด้วยตานอกแต่เห็นด้วยตาในจนไม่มีที่หมาย
    ไม่มีท่านผู้ใดเข้าไปยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ไม่สำคัญตนเป็นผู้รู้และใจเป็นตน
    ก็จบปัญหากันเพียงนั้น ในพระพุทธศาสนาจบกันเพียงนั้น"

    _______________________________________________

    มังคละมุนี วิจารณ์
    จิต บรรลุ พระนิพพาน
    แต่ พระนิพพาน ไม่ใช่ จิต

    จิต สัมผัส พระนิพพาน
    เพราะ จิตรู้อยู่ว่า พระนิพพานมี เมื่อ ตัณหา ถูกทำลายลงด้วยปัญญา

    จิต จึงสัมผัส พระนิพพาน ในอาการเดียวกันกับ อายตนะภายใน-ภายนอก กระทบกัน
    ตา กระทบ รูป
    หู กระทบ เสียง
    จมูก กระทบ กลิ่น
    ลิ้น กระทบ รส
    ใจ กระทบ ธรรมารมณ์

    ผู้บรรลุพระนิพพาน ท่านรู้อยู่ว่า จิตของท่านรู้เห็นพระนิพพานอยู่อย่างนั้น

    สุดท้าย
    จะอธิบาย การรู้การเห็น พระนิพพานได้ อย่างมากที่สุด ก็ยกพระสูตร
    ที่จิต สัมผัส พระนิพพาน เหมือนกับ การกระทบกันของอายตนะ ตามพุทธอุทาน
    กล่าวคือ พระพุทธเจ้า ท่านสัมผัสพระนิพพาน แล้ว ทรงพระอุทาน ออกมา
    ตามข้อความที่ ปรากฎอยู่ในพระสูตร ที่ยกมาให้ข้างต้น(นิพพานสูตรที่ ๑)

    เอวัง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2016
  8. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    บางสำนักสอนทำลายผู้รู้


    ทำไม ไม่สอน ทำลายอาสวะกิเลส?

    ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2016
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    ต้นทาง
    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456


    ตื่นโสดาบัน
    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456


    พระป่าหรือพระโกหก
    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อัดตา คถา !!

    หลวงตามหาบัว แม้นจะเน้นคำว่า " จิตไม่เกิดไม่ดับ" แต่ท่านไม่ได้
    พูดเพื่อบอกว่า จิตคือนิพพาน หรือ จิตเที่ยง

    พระป่า ท่านจะทราบกันดี ว่า หลวงตาพูด อย่างคนที่ " ซื่อ "
    พูดในฐานตอนนั้น เป็นอนาคามี ภูมิจิตอนาคามี ย่อมเห็น จิตวิเศษ
    เห็นจิตเที่ยง เห็นจิตสว่างไสว

    พระป่า ท่านจะทราบกันดี ว่า หลวงตาไม่ได้พูดหยุดแค่นั้น ท่าน
    ได้พูดต่อถึง การแก้จิต หลังจาก หลวงปู่มั่นมรณภาพไปแล้ว หาก
    ยังเห็น จิตไม่เกิดไม่ดับ จิตเที่ยง ก็ไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ไม่บริสุทธิอย่างแท้จริง(หลวงปู่ดูลยฝากไว้ )

    ดังนั้น จิตไม่เกิดไม่ดับ(ภูมิอนาคามี) ทำลายจุดและต่อม(อรหัตถมรรค อรหัตผล)


    แต่.....


    พระป่าจะพูดบ่อย มรรค ที่หนึ่งเดียว

    ดังนั้น จิตเกิดดับ นี่เอาเข้าจริงๆ เห็นตั้งแต่เริ่มต้น ต้องฝึกตั้งแต่เริ่มต้น
    แหวกออกไปครั้งแรก จะได้โสดาบัน ทำลายจิตไม่ได้ ไม่ใช่ภูมิธรรม
    แต่เห็นการทำลายจิตไหม เห็นเป็น ญาณทัศนะ ...สกิทาคา เห็นจิตเกิดดับไหม
    อนาคามีเห็นจิตเกิดดับไหม ย่อมเห็น แต่ มันยังแหวกออกไปไม่ได้
    ก็ภาวนา ด้วย มรรคเดิม มรรมีหนึ่งเดียว แต่ต่าง ธรรมนิยาม ในการ
    ทำลายล้างสังสาวัฏ อย่างเป็นลำดับลำดา


    จะคั้นเอาน้ำมันงา มะอึงไป งมโข่ง จิตเที่ยง สันติ


    ปล. โคตรภูบุคคล ที่ไม่เข้าถึงศรัทธา เพราะเป็น จิตที่เห็นปรกติเหนือความ
    ติดข้อง(เหนือความเป็นสัตว์ โพธิสัตว์) จะต้องเห็น การวางจิต จิตเกิดดับ
    ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องจงใจเจตนาทำลายจิต ไม่ใช่ จมอยู่กับจิต แล้ว
    อ้างเป็น โพธิสัตวหนาสันติ !!!


    มรรค มีหนึ่งเดียว !!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2016
  13. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ผมรู้แต่ว่าไม่ดีมีผู้รู้แค่หนึ่งเดียว....มันมีมากกว่าหนึ่ง....อาจเป็นสิบเป็นร้อยเป็นล้านหรือเป็นโกฎิหรือหลายๆโกฎิก็ได้ขึ้นอยู่กับบุคคลซึ่งเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา...สุดท้ายเหลือหนึ่งเดียวแต่หนึ่งเดียวก็ไม่ใช่ที่สุดซึ่งผมยังไม่ถึงจุดนั้น...ผมเห็นหลายผู้รู้อยู่ คือรู้แม่งทุกเรื่องเรื่องเลย...จริง...พูดเล่นคับ
     
  14. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    เชื่อไหมรู้คือการปรุงแต่ง
     
  15. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ช่วยขยายความ ที่ว่า รู้ คือ การปรุงแต่ง ให้หน่อยนะครับ ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็น :cool:
     
  16. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815

    เห็นด้วย ช่วยขยายความคำว่า รู้ ?
    ในหัวข้อกระทู้หน่อย...
     
  17. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    พระพุทธองค์ กล่าวถึงผู้ที่สิ้นอาสวะกิเลส

    เธอ ย่อม รู้ ชัดว่า สิ้นอาสวะแล้ว จบกิจแล้ว ไม่มีกิจใดให้ทำอีกต่อไป

    แสดงว่า พระพุทธองค์ทรง รู้ จิตบุคคลนั้น

    เจ้าของเองก็ รู้ ว่าหมดอาสวะกิเลสแล้ว...


    ..
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เจ้าของรู้เอง แต่ เจ้าของรูปนามนั้น หากมี ปัจจัยการ อันเป็นเจตสิก ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็น สาวะกะ


    เจ้าของรู้เอง จะเก่งขนาดไหน จะละอาสวะได้แค่ไหน ก็ยังมี เจตสิกธรรม ชื่อ สาวะกะ
    เป็น ธาตุ เป็นปัจจัยการ ที่ ละไม่ได้ ไม่มีทางละได้ อาสวะจึงไม่มีคำว่าหมด ใน
    ฐานะของ จิต ที่แปรผันไปตาม ธาตุ ไม่ใช่เจตนา ด้นเด้า จิตที่เป็นอนัตตา เมื่อ
    ถูก เจตสิกสาวะกะธาตุ กุ้มรุมแล้ว ย่อมเกิด มานะ !!!

    เจ้าตัวรู้เอง แต่ อย่ามาอ้างว่า ละหมด ..... [ คำสอนเรื่อง วิญญาณธาตุ พระพุทธองค์เท่านั้น เป็นผู้รู้
    ผู้ยกอุบายพาไปถึงเป้าหมาย สาวก หมดสิทธิ ได้แต่ กล่าวตาม พระศาสดาเท่านั้น ไม่สามารถสอนเรื่อง
    นี้ด้วย ภูมิธรรมตนเด็ดขาด อฐานะ สาวกทุกรูปนามเมื่อกล่าวถึงจิต จะ กระเดียดไปทาง จิตเที่ยง เสมอ
    เว้นไว้แต่ จิตที่มีอธิษฐานแรงกล้าในการรักษา ธรรมวินัย จึงจะกล่าว ตรงธรรมได้ แต่แม้จะกล่าวผิด ก็
    จัดว่า ตรงตามฐานะสาวก จึง เป็น ปาปมุติ บกพร่องตามธรรมนิยาม ]


    หมดสิทธิพยากรณ์

    แล้ว พุทธภูมิขี้ทูตกุดถัง ก็ได้แต่ นั่งเทียน พยายาม ยกจิตเที่ยง สันติ !!!

    ทั้งๆที่ ภูมิธรรมโสดาบัน จิตเกิดทางตาดับทางตา.....
    ... จิตเกิดจากจิต ดับที่จิต.....เพราะละ อภิชญา และโทมนัสใน
    กาลก่อนๆเสียได้..จึงพยากรณ์(โดยอนุโลม .....แต่ สุดท้าย อย่า
    ทะลึ่งสะเออะ พยากรณ์ สำคัญตน ยกจิตเที่ยง สันติ !!!)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2016
  19. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ลูกพี่เตะบอล ยัดใส่หน้าตัวเองอีกแหละ

    พูดสิ่งเกิน ตัว แบกโสดา มันหนักนะ..

    ..
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    กั๊กๆๆๆๆ

    มรรค มีหนึ่งเดียว

    พุทธภูมิ จะสำเร็จผล มะอึงไปนั่ง ไต่บันได โซดาหรอ

    แล้ว พุทธภูมิ หนาสันติ ที่ไหน ไปแบกโซดา เฮีย !!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...